รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    แม่ผมจะนำข้าวที่ลามาจากถวายพระพุทธแล้วมาตากแห้งสะสมวันละนิดละหน่อย
    ทีนี้มาดูกันว่าจะใช้ประโยชน์จากข้าวสุกตากแห้งยังไง

    ข้าวสุกก็คือข้าวที่ผ่านการหุงต้มมาแล้วมีน้ำหนักเบาทำให้สะดวกต่อการพกพา
    หากเกิดเหตุการณ์คับขันไม่มีพลังงานความร้อนเพื่อใช้ในการหุงต้มเพียงแค่ใส่น้ำลงไปรอให้ข้าวบานก็นำมารับประทานได้เลย หลักการก็คล้ายๆกับข้าวสุกอัดกระป๋องส่งนอก ไม่ต้องไปทำข้าวตูหรือข้าวตังหรอกครับเพราะมีหลายขั้นตอนในการปรุง มีวันหมดอายุและเหม็นหืน ด้วย

    เป็นวิธีที่เก็บรักษาง่ายๆไม่ยุ่งยากเพียงแต่ว่าข้าวที่ตากต้องตากให้แห้ง สนิทไม่มีความชื้นเพราะจะทำให้ขึ้นรา บ้านเรามีแสงแดดที่สามารถตากอาหารให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็นการประหยัดไม่เสียของด้วยครับ แม่ผมเรียกว่าข้าวพุทธคุณ
     
  2. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    ผมนึกว่า คุณkananun จะบอกว่า

    " หมดแล้วครับ อร่อยมาก "
     
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    แนะนำ ข้าวตัง เดี๋ยวนี้มีทั้งข้าวแต๋นน้ำแตงโม ข้าวตังหมูหยอง ข้าวตังธัญญพืช ตรงนี้ได้ข้าวสำเร็จไม่ต้องหุง
    [​IMG]

    ต่อด้วยผลไม้แห้ง ได้กากด้วย แนะนำกล้วยอบแห้ง มีสินค้าโอท็อปและอื่นๆ มัดใส่ถุงแพ็คเล็กๆ

    เครื่องดื่มใช้นมถั่วเหลืองผงโครงการหลวง ผสมน้ำสุกได้แร่ธาตุและพลังงาน

    มื้อเย็นอยากทานอร่อยๆ ซื้ออาหารสำเร็จของญี่ปุ่น ลองเช็คดูที่สยามพารากอน หย่อนถุงลงในหม้อน้ำเดือดรับประทานได้เลย ระหว่างต้มน้ำก็ใส่มาม่าไปด้วยหลังยกห่อกับข้าวออก ได้แกงกะหรี่สำเร็จราดมาม่าอิ่มหนึ่ง ว่าแต่แพ็คขันสเตนเลสหรือเปล่า ตั้งไฟได้ เป็นชามได้ ตักน้ำล้างหน้าได้ด้วย บวกช้อนสังกะสีหนึ่งคัน

    ซื้อผงเครื่องดื่มรสส้ม ยี่ห้อ Tang แบ่งใส่ถุงซิปเล็ก ๑ ห่อหนึ่งแก้ว เป็นเครื่องดื่มสดชื่น ได้อีเล็คโตรไลท์เสริมที่เสียไปกับเหงื่อด้วย NASA ใช้ผงน้ำส้มนี้ในโครงการอวกาศสหรัฐ
    [​IMG]
    อย่าลืมแพ็คแก้วน้ำ แนะนำถ้วยสเตนเลส ตั้งไฟได้ถ้าจำเป็น

    อาจแอบแพ็ค M&M หรือถั่วตัด กับกาแฟทรีอินวัน ติดไว้ก้นถุง เป็นยาชูใจ
    [​IMG]
    จัดขนาดนี้แพ้คเผื่อสองสามวันสบายๆ แค่ต้มน้ำพอ

    ปัญหาอยู่ที่ ๗ คูณ ๗ คือ ๔๙ วัน
    จะไปไหน อยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร...กินอะไร ยากกว่าโจทย์แพ็คเป้ฉุกเฉินเป็นกอง
    ขันธ์ห้านี่ยุ่งจริงๆค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2008
  4. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    7*7=49 เอากันให้พอ ก็ต้องขนกันเป็นลังๆ ต่อคน แบกไปด้วยขาสองข้างไม่ไหวแน่ ยังไม่นับของอื่นนะครับ ภาระเยอะจริงสำหรับขันธ์5 เฮ้อ....
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE id=AutoNumber1 cellSpacing=1 width="95%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">
    ระบบประปาเคลื่อนที่ ในพื้นที่น้ำท่วม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    [​IMG]

    กรมทรัพยากรน้ำ ได้ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดนครสวรรค์ ที่ ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และ ตำบลเกรียงไกร อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสิงห์บุรี ที่ ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค ส่งระบบประปาเคลื่อนที่ พร้อมจ้าหน้าที่ เข้าไปยังพื้นที่มีน้ำท่วม และเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำสะอาด ระบบประปาเคลื่อนที่ เป็นระบบประปา ที่ใช้น้ำจากผิวดินทั่วไปผลิตเป็นน้ำประปาสะอาด ดื่มและใช้ได้ ​

    [​IMG]
    [​IMG]

    ระบบประปาเคลื่อนที่ แต่ละระบบ สามารถผลิตน้ำประปาสะอาดปลอดภัย ดื่มได้ ในอัตราการผลิตประมาณ 3 ลบ.เมตร/ชั่วโมง/ระบบ แต่ความต้องการผู้ใช้น้ำ ต้องการใช้มาก จึงต้องตั้งเต้นท์นอนเฝ้าเครื่องเพื่อทำงานผลิตน้ำประปาตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริการอย่างเพียงพอ ระบบประปาเคลื่อนที่นี้ เป็นระบบประปาที่ได้รับบริจาคจากองค์การยูนิเซฟ เพื่อให้การช่วยเหลือภาวะต่างๆ ที่ขาดน้ำ (คลิกดูข่าวการรับบริจาคระบบประปาเคลื่อนที่ของยูนิเซฟ)​

    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
    ภาพ : สภาพบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมในตังหวัดนครสวรรค์


    [​IMG]


    [​IMG]
    เครื่องผลิตน้ำสะอาดสำหรับดื่ม และใช้ สำหรับผู้ประสบภัย



    [​IMG]



    [​IMG]
    ภาพ : น้ำสะอาดที่ผลิตได้ ประชาชนสามารถนำภาชนะมาบรรจุไปใช้ได้อย่างปลอดภัย



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    ภาพ : บรรยากาศที่นายปิติพงษ์ พึงบุญ ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมพร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2549 ในพื้นที่ ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และ ตำบลเกรียงไกร อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสิงห์บุรี ที่ ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี

    น้ำท่วมในเขตพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2549 เป็นพื้นที่ 35 ตารางกิโลเมตร มีราษฎรประสบภัย จำนวนประมาณ 6,200 คน จำนวนกว่า 1,800 ครัวเรือน และระดับน้ำสูงสุดถึง 2.50 เมตร​

    สำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 2 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงให้ความช่วยเหลือผลิตน้ำสะอาด จากระบบประปาเคลื่อนที่จากแหล่งน้ำผิวดิน ให้ความช่วยเหลือด้านน้ำดื่มและน้ำใช้อย่างปลอดภัย จนกว่าภาวะน้ำท่วมจะคลื่คลายต่อไป​


    หมายเหตุ

    น้ำสะอาดที่สามารถใช้ดื่มได้เป็นสิ่งสำคัญมาก ในยามที่เกิดน้ำท่วม ถ้าเราจะได้ติดต่อกรมทรัพยากรน้ำเอาไว้ล่วงหน้า ว่ามีบริการจัดทำน้ำสะอาดให้กับประชาชนที่ประสบกับอุทกภัยในที่ใดบ้าง ก็สามารถบอกข่าวให้ประชาชนทราบได้ว่า มีบริการผลิตน้ำสะอาดให้กับพวกเขาได้ในที่แห่งใดบ้าง

    เมื่อ 2- 3 วันก่อนผมได้ดูข่าว ของกรมทรัพยากรน้ำ ได้นำเครื่องผลิตน้ำสะอาดไปให้บริการกับผู้ประสบกับน้ำท่วม เขาเอาน้ำที่ท่วมอยู่นั่นแหละ เอามาใสบ่อพักน้ำพลาสติกที่เขาจัดทำขึ้นมา แล้วนำน้ำนั้นมาผ่านเครื่องกรอง แล้วใส่คลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค เท่านั้นเองก็ได้น้ำสะอาดที่ได้มาตราฐาน สามารถนำมาใช้ดื่มได้ทันทีครับ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0002828_1.jpg
      0002828_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.8 KB
      เปิดดู:
      100
    • 0002828_2.jpg
      0002828_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.1 KB
      เปิดดู:
      107
    • 0002828_3.jpg
      0002828_3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.8 KB
      เปิดดู:
      117
    • news8.jpg
      news8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.8 KB
      เปิดดู:
      86
    • news10.jpg
      news10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      57.4 KB
      เปิดดู:
      82
    • news28.jpg
      news28.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.5 KB
      เปิดดู:
      106
    • pic01.jpg
      pic01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      93
    • pic4.jpg
      pic4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.9 KB
      เปิดดู:
      94
    • pic05.jpg
      pic05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.3 KB
      เปิดดู:
      105
    • pic08.jpg
      pic08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      105
    • pic10.jpg
      pic10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.3 KB
      เปิดดู:
      83
    • pic11.jpg
      pic11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      75
    • pic13.jpg
      pic13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.5 KB
      เปิดดู:
      99
    • pic14.jpg
      pic14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.4 KB
      เปิดดู:
      83
    • pic15.jpg
      pic15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.6 KB
      เปิดดู:
      3,293
    • pic16.jpg
      pic16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.5 KB
      เปิดดู:
      88
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2008
  6. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    รายการชุดเวชภัณฑ์/ยาประจำหมู่บ้าน

    <O:p

    เวชภัณฑ์ รายละเอียดดังนี้<O:p
    1. เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ
    2. ตาชั่ง <O:p</O:p
    3. สายวัด
    4. ปรอท

    <O:p</O:p

    ยา ( 13 รายการ ต่อ 1 จุด บริการ ) รายละเอียดดังนี้
    1. ยาเม็ด พาราเซ็ตตามอล (500 มิลลิกรัม) กล่องๆละ 1,000 เม็ด 2 กล่อง
    2. ยาน้ำพาราเซ็ตตามมอล 2 โหล
    <O:p3. ยาแก้แพ้ ซีพีเอ็ม ( CPM ) 1 กระป๋อง ( 1,000 เม็ด)
    4. วิตามินรวม ( MTV ) 1 กระป๋อง ( 1,000 เม็ด )
    5. เกลือแร่ โออาร์เอส 1 กล่อง ( 50 ซอง )
    6. ยานวดคลายกล้ามเนื้อ ( counterpain balm ) 1 โหล
    7. แอลกอฮอล์ 70 % ขวดใหญ่ 2 ขวด ( 450 มิลลิลิตร)
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:line id=_x0000_s1026 style="Z-INDEX: 1; POSITION: absolute" to="89pt,11.55pt" from="35pt,11.55pt"></v:line>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2008
  7. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    การจัดยาประจำหน่วยกองแพทย์เคลื่อนที่ (นพค.)

    ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ
    1 Norfloxacin 400 mg. Tablet ( Lexinor )
    2 Roxithromycin 150 mg. Tablet ( Rulid ) 1

    ยาแก้แพ้
    3 Chlorpheniramine 4 mg. Tablet ( CPM )
    4 Loratadine 10 mg. Tablet

    ยาที่ใช้ในระบบทางเดินหายใจ
    5 Bromhexine 8 mg. Tablet ( Bisolvon )
    6 Dextromethorphan 15 mg. Tablet

    ยาที่ใช้ในระบบทางเดินอาหาร
    7 Antacid Tablet
    8 Antacid Suspension
    9 Bisacodyl 5 mg. Tablet
    10 Domperidone 10 mg. Tablet ( Motilium )
    11 Hyoscine - N - Butylbromide 10 mg. Tablet ( Buscopan )
    12 Loperamide 2 mg. Capsule / Tablet ( Imodium )
    13 Omeprazole 20 mg. Capsule
    14 Simethicone 80 mg. Tablet ( Air - X )

    ยาแก้ปวด และ ยาที่ใช้ในระบบกระดูกหรือกล้ามเนื้อ
    15 Diclofenac 25 mg. Tablet ( Voltaren )
    16 Ibuprofen 400 mg. Tablet ( Brufen )
    17 Orphetamol ( ยาสูตร Norgesic )
    18 Paracetamol 500 mg. Tablet

    วิตามิน
    19 ยาสูตร FBC
    20 Multivitamin Tablet
    21 Vitamin B complex
    22 Vitamin C 100 mg.

    ยาฆ่าเชื้อรา
    23 Ketoconazole 200 mg. Tablet ( Nizoral )

    ยาถ่ายพยาธิ
    24 Mebendazole 100 mg. Tablet

    อื่นๆ
    25 Cinnarizine 25 mg. Tablet ( Stugeron )
    26 Dimenhydrinate 50 mg. Tablet ( Dramamine )
    27 Prednisolone 5 mg. Tablet

    ยาน้ำ
    28 Amoxycillin Dry Syrup ( 250 mg. / 5 ml. ) 60 ml.
    29 Erythromycin Dry Syrup ( 125 mg. / 5 ml. ) 60 ml.
    30 Chlorpheniramine Syrup ( 2 mg. / 5 ml. ) 60 ml.
    31 Bromhexine Elixer ( 4 mg. / 5 ml. ) 60 ml.
    32 Electrolyte powder
    33 Kaolin + Pectin Suspension 60 ml.
    34 M. Carminative 180 ml.
    35 Multivitamin ( Dry ) Syrup 60 ml.
    36 Paracetamol Syrup ( 250 mg. / 5 ml. )
    37 Mebendazole Suspension ( 100 mg. / 5 ml. ) 10 ml.
    ยาตา
    38 ยาสูตร Hista - Oph Eye Drops
    39 Tobramycin Eye Drops

    ยาทาภายนอก
    40 Analgesic Cream 30 gm.
    41 Benzyl Benzoate Emulsion
    42 Betamethasone Cream 15 gm.
    43 Calamine Lotion 60ml.
    44 Diclofenac Gel 25 gm. 15
    45 Insect Repellent ( Milky Lotion ) 50 ml.
    46 Ketoconazole Cream 15 gm.
    47 Triamcinolone in oral paste 1 gm. ( Kenalog )
    48 ผงโรยเท้า

    ยาและเวชภัณฑ์อื่นๆ
    49 Alcohol 70 % ( 60 ml.)
    50 Ammonia Spirit 60 ml.
    51 Band - Aid ( GPO Strips ) น
    52 Basic Dressing set
    53 Elastic Bandage 4"
    54 Micropore 1"
    55 NSS for Irrigation 100 ml.
    56 Povidone Iodine 30 ml.
    57 สำลี Sterile
    58 ยาชุดตำราหลวง
     
  8. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    วิธีการใช้ยาประจำ นพค.

    ยาชุดตามอาการ
    1.อาการเคืองตา, คันตา, ตาแดงแบบไม่มีขี้ตา ( โรคตาแดงแบบไม่ติดเชื้อ )
    Hista-oph : หยอดตาข้างที่เป็นวันละ 4-6 ครั้งต่อวันตามอาการที่เป็น

    2.อาการตาแดงแบบมีขี้ตา ( โรคตาแดงติดเชื้อ )
    Tobrex ed : หยอดตาข้างที่เป็นวันละ 4-6 ครั้งต่อวันจนกว่าจะหาย
    ( ถ้าหยอด 3-4 วัน ยังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ )

    3.อาการเจ็บคอ, มีน้ำมูก, มีเสมหะ, ไอ ( โรคคออักเสบ - จ่ายยาตามอาการ)
    Roxithromycin(150) 1 เม็ด เช้า และ เย็น ก่อนอาหาร ( ยาฆ่าเชื้อ ) อย่างน้อย 5 วัน
    Paracetamol(500) 1-2 เม็ด ทุก 6 ชม. เวลามีไข้
    Chlorpheniramine(CPM) 1 เม็ด เช้า กลางวัน และ เย็น เวลามีน้ำมูก
    Loratadine 1 เม็ด วันละครั้ง ก่อนนอน (ลดน้ำมูกแบบไม่ง่วง)
    Bromhexine 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ( ยาละลายเสมหะ )
    Dextromethrophan 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ( ยากดการไอ )

    4.อาการท้องอืด แน่นท้อง แสบท้อง ( โรคกระเพาะ )
    Omeprazole(20) 1 เม็ด เช้า และ เย็น หลังอาหาร ( ลดกรดในกระเพาะ , ลดอาการแสบท้อง )
    Antacil tab 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร ( เคลือบกระเพาะ ลดกรด , ลดอาการแสบท้อง )
    Antacil gel (alum milk) 1 ช้อนโต๊ะ เวลามีอาการแสบท้อง ( เคลือบกระเพาะแบบน้ำ , ลดอาการแสบท้อง )
    Simethicone (air-x) 1 เม็ด เคี้ยว เวลามีอาการแน่นท้อง ( ยาขับลม ลดแน่นท้อง )
    M.carminative 1 ช้อนโต๊ะ เวลามีอาการแน่นท้อง( ยาขับลม ลดแน่นท้อง )

    5.อาการท้องเสีย คลื่นไส้ ถ่ายมีมูกเลือด มวนท้อง ( โรคท้องเสีย )
    Electrolyte powder (ORS) ผสมดื่มแทนน้ำ ( ช่วยลดปริมาณการถ่าย และ ชดเชยสารน้ำ )
    Loperamide 1 เม็ด ทุก 8 ชม. เวลามีอาการถ่ายมากๆ ( ยาช่วยหยุดถ่ายท้อง ) ถ้าใช้มากกว่า 1วันไม่ดีขึ้นนึกถึงภาวะติดเชื้อ
    Norfloxacin(400) 1 เม็ด เช้า และ เย็น รับประทานต่อเนื่อง 3วัน ( ยาฆ่าเชื้อทางเดินอาหาร กรณีถ่ายมีมูกเลือด หรือมีไข้ )
    Motilium 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ก่อนอาหาร ( ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน )
    Bacotan(10) hyosine 1 เม็ด ทุก 8 ชม. เวลามีอาการมวน ปวดท้องมากๆ ( ยาแก้มวนท้อง ไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 2 เม็ดหากไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ ) ระวังให้นึกถึงไส้ติ่งติดเชื้อด้วย
    Kaopectal 1 ช้อนชา เช้า กลางวัน เย็น ( ช่วยลดปริมาณการถ่ายเหลว ในเด็ก )

    6.อาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก ( โรคท้องผูก )
    Bisacodyl 1-2 เม็ด ก่อนนอน ( ยาช่วยระบาย )

    7.ปวดกล้ามเนื้อ , ปวดหลัง หรือตามข้อ ( โรคกล้ามเนื้ออักเสบ หรือ โรคข้ออักเสบ )
    Diclofenac 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหารทันที ( ยาลดปวดกล้ามเนื้อ , อาจระเคืองกระเพาะได้ )
    Ibuprfen(400) 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหารทันที ( ยาลดปวดกล้ามเนื้อ , อาจระคายเคืองกระเพาะได้ )
    Orphetamol 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น หลังอาหาร ( ยาคลายเส้น ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ )
    Analgesic cream (Balm) ยานวดแบบร้อน ทาเวลามีอาการปวด
    Diclofenac cream (Gel) ยานวดแบบเย็น ทาเวลามีอาการปวด

    8.เวียนศีรษะ บ้านหมุน ( โรคเวียนศีรษะ )
    Cinnarizine 1 เม็ด เวลามีอาการเวียนศีรษะ ทุก 8 ชม. ( ยาแก้เวียนศีรษะ , ระวังทานแล้วง่วงนอนได้ )
    Dimenhydrinate 1 เม็ด เวลามีอาการเวียนศีรษะ ทุก 8 ชม. ( ยาแก้เวียนศีรษะ , ระวังทานแล้วง่วงนอนได้ )
    Vitamin B complex 1 เม็ด เช้า และ เย็น ( ยาบำรุงประสาท ช่วยเจริญอาหาร แก้เหน็บชา )
    MTV 1 เม็ด เช้า และ เย็น ( ยาบำรุงร่างกาย )
    FBC 1 เม็ด เช้า และ เย็น ( ยาบำรุงเลือด อาจถ่ายดำได้ )

    9.อาการผื่นคัน หรือ ตุ่มแมลงกัดตามตัว
    Chlorpheniramine(CPM) 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าจะหายคัน ( ยาแก้คัน ลดผื่นแพ้ ทานแล้วอาจง่วงนอนได้ )
    Loratadine 1 เม็ด วันละครั้งตอนเช้า (ยาแก้แพ้ แบบไม่ง่วง แต่ลดผื่นคันได้น้อยกว่าแบบง่วง)
    Calamine lotion ทาบริเวณที่มีผื่นคัน ( ลดอาการคัน )
    Betamethasone cream ทาบริเวณที่มีผื่นคัน ( ลดอาการคัน และ ผื่น )
    CPM ( syrup ) 1 ช้อนชา เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าจะหายคัน ( ยาแก้แพ้ แก้คันชนิดน้ำสำหรับเด็ก )

    10.เชื้อราตามผิวหนัง
    Ketoconazole cream ทาบริเวณที่เป็นเชื้อรา เช้า กลางวัน เย็น ( ยาทาฆ่าเชื้อรา )
    CPM 1 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น ( ยากินแก้อาการคัน , ทานแล้วอาจง่วงนอนได้ )
    ผงโรยเท้าชนิดรักษา ทาบริเวณง้ามเท้าที่มีอาการอับชื้น
    Ketoconazole(200) 1 เม็ด เช้า และ เย็น ทาน 5 วัน หากยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ ( ยาฆ่าเชื้อราชนิดเม็ด )

    11.แผลร้อนในในปาก
    0.1%Triamcinolone in oralbase ทาบริเวณที่มีอาการปวดแสบในปาก เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าอาการดีขึ้น

    12.เด็ก มีอาการน้ำมูกไหลม เจ็บคอ หรือ มีเสมหะ
    Amoxicillin syr. ยาน้ำฆ่าเชื้อ หากมีอาการเจ็บคอ ( รับประทานอย่างน้อย 5 วัน ) *** ระวังเรื่องการแพ้ยาควรสอบถามก่อนให้ยา ***
    Erythromycin syr. ยาน้ำฆ่าเชื้อ หากมีอาการเจ็บคอ ( รับประทานอย่างน้อย 5 วัน )
    Paracetamol syr. ยาน้ำลดไข้
    Bromhexine syr. ยาน้ำละลายเสมหะ แก้ไอ
    Chlorpheniramine syr. ยาน้ำลดน้ำมูก แก้แพ้ แก้คัน
    Vitamin C (100) อมครั้งละ 1เม็ด เช้า และ เย็น
    MTV syr. ยาน้ำบำรุงของเด็ก รับประทาน วันละ 1 ช้อนชา
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรือพลาสติก (ของจำเป็นเมื่อเกิดน้ำท่วม)

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 3 (106x300x50) [​IMG]

    รหัสสินค้า: 000003
    ราคาปกติ 6,000.00 บาท ราคาลด 5,100.00 บาท
    ประหยัด 900.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 3 ขนาด กว้าง 106 x ยาว 300 x สูง 50 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายตัด มีเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 2 เบาะ ขนาดบรรทุก 3 - 4 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 4 (87x286x54) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000004
    ราคาปกติ 4,700.00 บาท ราคาลด 4,000.00 บาท
    ประหยัด 700.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 4 กว้าง 87 x ยาว 286 x สูง 54 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายตัด มีเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 3 เบาะ ขนาดบรรทุก 4 - 5 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 5 (84x258x53) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000005
    ราคาปกติ 3,200.00 บาท ราคาลด 2,700.00 บาท
    ประหยัด 500.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 5 ขนาด กว้าง 84 x ยาว 258 x สูง 53 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายตัด มีเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 2 เบาะ ขนาดบรรทุก 2 - 3 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 6 (76x186x49) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000006
    ราคาปกติ 2,200.00 บาท ราคาลด 1,800.00 บาท
    ประหยัด 400.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 6 ขนาด กว้าง 76 x ยาว 186 x สูง 49 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายตัด มีเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 1 เบาะ ขนาดบรรทุก 1 - 2 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 8 (80x448x38ซม.) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000007
    ราคาปกติ 10,100.00 บาท ราคาลด 8,600.00 บาท
    ประหยัด 1,500.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติกรุ่น CB - 8 ขนาด กว้าง 80 x ยาว 448 x สูง 38 ซม.
    ทรงเรือแม่ค้า ลำใหญ่ ภายในฉีดโฟม ขนาดบรรทุก 5 - 6 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 9 (127x375x78) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000008
    ราคาปกติ 12,000.00 บาท ราคาลด 10,000.00 บาท
    ประหยัด 2,000.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 9 ขนาด กว้าง 127 x ยาว 375 x สูง 78 ซม.
    ทรงเรือหัวแหลม - ท้ายตัด - ภายในฉีดโฟม พร้อมเบาะในตัว 3 เบาะ ขนาดบรรทุก 6 - 7 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 10 (163x517x75) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000009
    ราคาปกติ 27,000.00 บาท ราคาลด 23,000.00 บาท
    ประหยัด 4,000.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 10 ขนาด กว้าง 163 x ยาว 517 x สูง75 ซม.
    ทรงเรือท้องแบน - ภายในฉีดโฟม พร้อมเบาะในตัว 3 เบาะ ขนาดบรรทุก 9 - 10 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 11 (89x266x49) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000010
    ราคาปกติ 2,700.00 บาท ราคาลด 2,300.00 บาท
    ประหยัด 400.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 11 ขนาด กว้าง 89 x ยาว x 266 x สูง49 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายแหลม พร้อมเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 2 เบาะ ขนาด บรรทุก 2 คน ติดต่อ 01-3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 12 (89x332x34) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000011
    ราคาปกติ 4,400.00 บาท ราคาลด 3,800.00 บาท
    ประหยัด 600.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 12 ขนาด กว้าง 89 x ยาว 332 สูง 34 ซม.
    ทรงหัวแหลม - ท้ายแหลม พร้อมเบาะเหล็กเคลือบพลาสติก 2 เบาะ ขนาบรรทุก 3 - 4 คน ติดต่อ 01- 3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http://www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]

    [​IMG]

    เรือพลาสติก รุ่น CB - 14 (89x337x36) [​IMG]
    รหัสสินค้า: 000012
    ราคาปกติ 5,000.00 บาท ราคาลด 4,200.00 บาท
    ประหยัด 800.00 บาท
    รายละเอียด: เรือพลาสติก รุ่น CB - 14 ขนาด กว้าง 89 x ยาว 337 x สูง 36 ซม.
    ทรงเรือแม่ค้า พื้นมีลายกันลื่น - ภายในฉีดโฟม ขนาดบรรทุก 2 - 3 คน ติดต่อ 01 -3748666
    เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง: http:/www.tarad.com/kohlmorse_group
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2008
  10. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ถ้าเรือพลาสติก(pe)
    ผมเคยเจอร้านที่ราคาไม่แพงมาก สำหรับสาม ถึง สี่ ท่านจะราคาประมาณ
    สี่พันห้า มีเรือไฟเบอร์ด้วย
    มาจากทางพระรามห้าถึงแยกแคลาย ตรงไปเรือยๆผ่านกรมชลประธาล ลอดอุโมงแยกปากเกร็ดไป
    ตรงไปอีกหน่อย มองทางขวาจะเห็นร้านนะครับ
    แต่ผมซื้อสังกะสีที่ลาดหลุมแก้ว สอง-สามคนราคา 3000บาทเห็นว่าแข็งแรงกว่า ซ่อมง่ายกว่าเรือพลาสติก ต้องนำไปให้เขาซ่อมที่ร้านถ้ารั่วเขาจะใช้พลาสติกของเขามาออกซ์รูรั่ว ร้านเรือสังกะสีนี้พอถึงลาดหลุดแก้วดูทางขวาจะเห็นร้านขายท่อ
    สังกะสี มีเรือด้วย
    ปล.ผมไม่ได้มีส่วนได้เสียกับร้านนะครับ แต่เคยคิดจะซื้อเลยลองหาร้านถูกๆดู
    แถวๆบ้าน(กรุงธน)ราคาจะแพงกว่ามากเลยลองหาหลายๆที่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2008
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เครื่องเตือนภัยน้ำป่า" แบบไร้สาย ส่งข้อมูลทันใจแม้อยู่ไกลเกินเข้าถึง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 ตุลาคม 2551 12:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>จากซ้าย นายวัชระ วานิชชา, นายณัฐการณ์ ศีรต่ายขำ และนายธัชษพล ขำวงษ์ นักศึกษา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เครื่องเตือนภัยน้ำป่าไร้สายอัจฉริยะ สามารถนำไปติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลากที่อยู่บนภูเขาสูงได้ เพราะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และส่งสัญญาณเตือนด้วยคลื่นวิทยุ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ชุดอุปกรณ์รับสัญญาณเตือนภัยสำหรับศูนย์ควบคุม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักเรียนอาชีวะสิงห์บุรีไอเดียดี สร้างเครื่องเตือนภัยน้ำป่าอัจฉริยะแบบไร้สาย ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุ แม้อยู่ห่างไกลแค่ไหน ก็ไม่เป็นอุปสรรค สามารถอพยพผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที ด้วยเทคโนโลยีไทย

    นายณรงค์ศักดิ์ แสงเงิน อาจารย์แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี นำทีมนักศึกษประดิษฐ์คิดค้น "เครื่องเตือนภัยน้ำป่าไร้สายอัจฉริยะ" ป้องกันหายนะได้ทันท่วงที ใช้โซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้า ให้กับชุดอุปกรณ์ตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ ส่งสัญญาณได้รวดเร็วทันใจ ด้วยคลื่นวิทยุ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ห่างไกลบนยอดเขาสูง เจ้าหน้าที่ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปตรวจด้วยตัวเอง

    นายวัชระ วานิชชา, นายณัฐการณ์ ศีรต่ายขำ และนายธัชษพล ขำวงษ์ 3 นักศึกษา ปวส ปี 2 แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ อธิบายกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า จากกรณีน้ำป่าไหลหลาก ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก

    สาเหตุส่วนหนึ่ง มาจากการขาดอุปกรณ์แจ้งเตือนภัย สำหรับติดตั้งในป่าหรือภูเขาสูงที่อยู่ห่างไกล เนื่องจากขาดแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์เตือนภัย ระบบการส่งสัญญาณเตือนภัยมายังศูนย์ควบคุมยังทำได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเป็นผู้ไปตรวจด้วยตัวเอง ซึ่งการเดินทางเข้าถึงบริเวณดังกล่าวอาจไม่สะดวกนัก จึงคิดประดิษฐ์เครื่องเตือนภัยน้ำป่าไร้สายอัจฉริยะนี้ขึ้น

    เครื่องเตือนภัยดังกล่าว ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 5 วัตต์ แบตเตอรีขนาด 12 โวลต์ เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ ชุดไมโครคอนโทรลเลอร์ และเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำ ที่ทำจากแท่งอิเล็กโทรดหลายแท่ง สำหรับนำไฟฟ้าโดยอาศัยหลักการใช้น้ำเป็นสื่อกลาง

    อิเล็กโทรดแต่ละแท่ง มีความยาวไม่เท่ากัน แท่งที่ยาวมากที่สุดเป็นแท่งกราวน์ เซ็นเซอร์สามารถวัดการเปลี่ยนแปลงของน้ำได้ 7 ระดับ โดยต้นทุนของเครื่องเตือนภัยน้ำป่าไร้สายนี้ประมาณ 8,000 บาท และได้นำไปติดตั้ง และทดลองใช้ในสถานที่จริงที่น้ำตกสวนมะเดื่อ จ.ลพบุรี

    เมื่อนำเครื่องเตือนภัยนี้ ไปติดตั้งบริเวณตาน้ำ หรือแหล่งน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลาก โดยจุ่มส่วนปลายของเซ็นเซอร์ลงในน้ำ หากระดับน้ำเกิดเปลี่ยนแปลง จนน้ำสัมผัสกับอิเล็กโทรด แท่งที่มีความยาวลำดับถัดไป จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลครบวงจรอีกครั้ง เครื่องควบคุมก็จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลง ไปยังสถานีควบคุมภายใน ที่มีเครื่องรับสัญญาณวิทยุติดตั้งไว้

    เครื่องรับสัญญาณ จะแสดงผลการเตือนด้วยสัญญาณไฟ หรือสัญญาณเสียง และสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ได้ รวมระยะเวลาตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เซ็นเซอร์จนส่งสัญญาณมาถึงควบคุม กินเวลาไม่เกิน 5 วินาที และอุปกรณ์รับสัญญาณ 1 ชุด สามารถรับสัญญาณจากเครื่องเตือนภัยได้มากกว่า 2 จุด

    นายวัชระให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครื่องส่งสัญญาณวิทยุตัวอย่างที่ใช้ มีกำลังส่งขนาด 5 วัตต์ สามารถส่งสัญญาณได้ไกลในระยะ 3 กิโลเมตร แต่หากนำไปใช้ในพื้นที่จริง ควรใช้วิทยุที่มีกำลังส่งมากๆ และควรติดตั้งเสาสัญญาณส่งให้สูงพอเหมาะ ส่วนอิเล็กโทรดที่ใช้เป็นเซ็นเซอร์นั้น ควรใช้โลหะที่นำไฟฟ้าได้ดี และกันสนิมได้ด้วย เพราะต้องแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน

    ส่วนเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำ ก็สามารถปรับเปลี่ยนความยาวของอิเล็กโทรด และระดับการเตือน การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำได้ตามความเหมาะสมของระดับน้ำที่กำหนดให้เป็นจุดวิกฤติ ซึ่งเครื่องเตือนภัยนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำเท่านั้น

    ดังนั้นจึงไม่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า และหากไม่มีแสงอาทิตย์พอสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า แบตเตอรีขนาด 12 โวลต์ สามารถใช้งานได้นานหลายเดือน หากแบตเตอรีอ่อนก็จะส่งสัญญาณเตือนไปยังศูนย์ควบคุมด้วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบและนำกลับมาชาร์จไฟที่ศูนย์ควบคุมได้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 ตุลาคม 2551 09:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle>[​IMG]</TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กังหันลมฝีมือคนไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 70 จังหวัดสมุทรสงคราม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โรงเรียนเทศบาล 8 สวนสนชะอำ จังหวัดเพชรบุรี </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โรงเรียนบ้านหนองพลับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ดุ๊ก-ภาณุเดช และ มร.วาตารุ นิชิโอกะ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หากจะพูดถึง “ฟาร์มลม” หรือ “โรงไฟฟ้าพลังงานลม” ในประเทศที่มีแดดร้อนอำมหิตอย่างเมืองไทยคงจะฟังดูตลก และอาจถูกมองหน้าด้วยความกังขาได้ แต่ก็ใช่ว่าโอกาสที่จะสร้างพลังงานไฟฟ้าจากกระแสลมในไทยจะเท่ากับศูนย์ซะเมื่อไหร่...

    เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยได้ให้ความสำคัญและสนใจในการพัฒนาด้านพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องซื้อหาจากต่างประเทศ ที่นับวันมีราคาแพงขึ้น กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดกลยุทธ์การส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทดแทนอื่นๆ และพลังงานลมเป็นพลังงานทางเลือกหนึ่งในการสนับสนุนพัฒนาให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เทคโนโลยี ”กังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า” จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญ เพื่อการเลือกหาผลิตขึ้นมาใช้งานให้มีความเหมาะสมกับความเร็วลมที่มีอยู่ในพื้นที่

    ชีวิตร้อนต้องพึ่งลม
    แม้ว่าประเทศไทยจะตั้งอยู่ในเขตศูนย์สูตร ซึ่งหากเทียบกับประเทศที่อยู่ในยุโรปและสหรัฐ ประเทศเหล่านั้นมีอัตราความเร็วลมสูงกว่าที่ตั้งของไทย แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตกังหันลมในปัจจุบันมีการพัฒนาสูงขึ้น ทำให้สามารถใช้ความเร็วลมในระดับที่ไม่สูงมากมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้เช่นกัน

    กังหันลมผลิตไฟฟ้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเวลานนี้มีราคาสูงและยังมีประสิทธิภาพต่ำเมื่อนำมาใช้ในประเทศไทย เพราะลมในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่ในแถบประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะมีความเร็วลมเฉลี่ยสูงกว่าประเทศไทยมาก ดร. วิรชัย โรยนรินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มพลังงานทดแทน กังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี นำเสนอเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ซึ่งอาศัยกังหันลมเป็นตัวผลิตกระแสไฟฟ้า โดยกังหันลมนี้ถูกออกแบบโดยวิศวกรรมคนไทยเพื่อใช้สำหรับหรับลมในประเทศไทย ทำงานที่ความเร็วลมต่ำและผลิตไฟฟ้าทุกความเร็วรอบการทำงานด้วยการพัฒนาออกแบบใบพัด (Blade) ตัวผลิตไฟฟ้า (Generator) ชุดควบคุม (Controller) ให้มีความสัมพันธ์กันเพื่อผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

    “ชนิดของกังหันลมแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ตามลักษณะการวางตัวของแกนหมุน ซึ่งคือ แบบแกนนอน ที่มีแกนหมุนขนานกับทิศทางของกระแสลม และแบบแกนตั้ง ที่มีแกนหมุนตั้งฉากกับทิศทางของกระแสลม และตั้งฉากกับพื้นผิวโลก

    “ระบบควบคุมในชุดกังหันลมส่วนใหญ่จะมี 2 ชนิด โดยเฉพาะแบบแกนนอน คือ ควบคุมให้ตัวกันหันหันหน้าเข้าหาทิศทางลมตลอดเวลา และควบคุมเพื่อป้องกันการเสียหายเนื่องจากความเร็วลมแรงจัดๆ
    ระบบควบคุมให้กังหันหันหน้าเข้าหาทิศทางลม ส่วนมากระบบนี้จะใช้ระบบหางเสือ โดยเฉพาะกังหันลมชนิดเล็กเพราะระบบนี้เป็นแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก ส่วนระบบควบคุมเพื่อป้องกันการเสียหายเนื่องจากความเร็วลมแรง ปกติเมื่อลมพัดแรงจัดๆ จะมีแรงกระทำกับใบกังหันอย่างมาก ดังนั้นการออกแบบจะออกแบบระบบควบคุมให้ทำงานที่ความเร็วสูงสุดที่กังหันจะรับได้ค่าหนึ่ง

    “การควบคุมจะมีลักษณะการทำงานอยู่ 2 แบบคือ แบบแรกเป็นแบบที่ทำให้กังหันลมหันหน้าเหจากระแสลมโดยการหันไปข้างๆ หรือหันเงยหน้าขึ้น หรือทำให้ใบกังหันหุบตัวเพื่อให้มีพื้นที่ของกังหันที่รับกระแสลมน้อยลง ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นจะเป็นแบบที่ทำให้เกิดการหน่วงต่อการหมุนของกันหันลม ซึ่งอาจทำได้โดยการบิดมุมของใบกังหันให้เกิดการหน่วงมากกว่าการขับ หรือเพิ่มชิ้นส่วนที่ทำให้เกิดแรงหน่วงขี้นอย่างสูงเมื่อความเร็วถึงจุดที่กำหนดไว้”

    เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอของความเร็วลมที่แปรผันตามธรรมชาติ และความต้องการพลังงานที่สม่ำเสมอให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว จะต้องมีตัวกักเก็บพลังงานและใช้แหล่งพลังงานอื่นที่เชื่อถือได้เป็นแหล่งสำรอง (Backup) หรือใช้ร่วมกับแหล่งพลังงานอื่น

    “การใช้แหล่งพลังงานอื่นที่เป็นตัวหมุน ระบบนี้ปกติกังหันลมจะทำหน้าที่จ่ายพลังงานให้ตลอดเวลาที่มีความเร็วลมเพียงพอ หากความเร็วลมต่ำ หรือลมสงบแหล่งพลังงานชนิดอื่นจะทำหน้าที่จ่ายพลังงานแทน การใช้ร่วมกับแหล่งพลังงานอื่น ระบบนี้ปกติมีแหล่งพลังงานชนิดอื่นจ่ายพลังงานอยู่แล้ว กังหันลมจะจ่ายพลังงานเมื่อมีความเร็วลมเพียงพอซึ่งในขณะเดียวกัน ก็ลดการจ่ายพลังงานจากแหล่งอื่น (เช่น ลดการใช้น้ำมันดีเซลของเครื่องยนต์ดีเซล) ระบบนี้แหล่งพลังงานอื่นจ่ายพลังงานเป็นหลัก ส่วนกังหันลมทำหน้าที่เสริมพลังงานของพลังงานหลักพลังงานอย่างอื่น”

    พลังงานสีขาว เพื่อโลกสีเขียว
    พลังงานลม เป็นพลังงานธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์ ใช้แล้วไม่มีวันหมดสิ้นไปจากโลก จึงทำให้พลังงานลมได้รับความสนใจในการศึกษาและพัฒนาให้เกิดประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง ในขณะเดียวกัน กังหันลมก็เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่สามารถนำพลังงานลมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้โดยเฉพาะในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการสูบน้ำ ซึ่งมีการใช้งานกันมาแล้วอย่างแพร่หลายในอดีตที่ผ่านมา

    “วิกฤติโลกร้อนส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ส่วนใหญ่ของปัญหาโลกร้อนเกิดจากการใช้พลังงานฟอสซิล เช่น ถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งเป็นเหตุให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นทุกวัน เราเองก็ตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง”

    “ปัญหาพลังงานเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทยเช่นเดียวกับทั่วโลก ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน มีนโยบายนำพลังงานทดแทน เช่นพลังงานสะอาดจากกังหันลม และอื่นๆ มาใช้แทนพลังงานไฟฟ้าจากฟอสซิล เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดภาวะโลกร้อน แคนนอนเองก็ตระหนักว่าพลังงานสะอาดจากกังหันลม จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จึงได้คิดโครงการ “พลังงานสีขาว เพื่อโลกสีเขียว” โดยการนำกังหันลมผลิตไฟฟ้าซึ่งผลิตโดยคนไทยไปติดตั้งในโรงเรียนในจังหวัดต่างๆ 15 แห่ง เพื่อเป็นการฉลองโอกาสครบรอบ 15 ปีในประเทศไทย ในปีหน้านี้” มร.วาตารุ นิชิโอกะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารแคนนอน กล่าว

    ข้อดีของพลังงานที่ได้จากกังหันลมผลิตไฟฟ้าคือ เป็นพลังงานสะอาด ไม่ทิ้งกากและมลภาวะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อหา มีระยะเวลาการให้พลังงาน 15-20 ชั่วโมงในหนึ่งวัน พลังงานลมยังเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด ใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ค่าบำรุงรักษาไม่แพง นับเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่ประเทศไทยควรพัฒนาอย่างยั่งยืน

    กังหันลมผลิตไฟฟ้าเพื่อห้องสมุด
    สมเกียรติ พาผล ผู้อำนวยการส่วนวางแผนธุรกิจ กล่าวว่า จะติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของคนไทย เป็นกังหันลมแนวนอน ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยจากสภาพ แวดล้อมทางภูมิศาสตร์ให้เหมาะกับกระแสลมในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร

    “เรามุ่งสนับสนุนกิจกรรมสำหรับวงการศึกษามาตลอด เพราะเยาวชนคือบุคลากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นโครงการ “พลังงานสีขาว เพื่อโลกสีเขียว” จึงเป็นการนำกังหันลมผลิตไฟฟ้าไปติดตั้งให้โรงเรียนรวม 15 แห่ง ทั้งนี้ได้ทำการคัดเลือกจากโรงเรียนระดับประถมถึงมัธยมในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมีเกณฑ์คัดเลือกคือพิจารณาโรงเรียนที่กำลังพัฒนา และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เหมาะสมในการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า โดยจะต้องมีความเร็วลมที่เหมาะสม และโรงเรียนจะต้องมีบริเวณกว้างขวางไม่มีอาคารเรียนบดบังทิศทางลม รวมถึงกำลังไฟฟ้าที่ใช้ในห้องสมุดต้องสอดคล้องกับปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าจากกังหันลม 1 กิโลวัตต์”

    ในปี 2551 นี้จะเริ่มติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าให้แก่โรงเรียน 3 แห่งในภาคกลางคือ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 70 จังหวัดสมุทรสงคราม โรงเรียนเทศบาล 8 สวนสนชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และโรงเรียนบ้านหนองพลับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และในปี 2552 จะนำกังหันลมผลิตไฟฟ้าไปติดตั้งให้อีก 12 โรงเรียน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสำรวจข้อมูล

    สมเกียรติ บอกว่า วิธีการติดตั้งกังหันลมนั้น สามารถติดตั้งที่ชั้นบนตัวอาคาร หรือบนพื้นดิน และกระบวนการผลิตกระแสไฟจากกังหันลมโดยย่อคือ กังหันลมผลิตไฟฟ้าต้องการความเร็วลมที่ 2.5 เมตร / วินาที เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อที่จะผลิตกระแสไฟฟ้า 1,000 วัตต์ จากนั้นจะสะสมกระแสไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ และส่งต่อไปที่เครื่องแปรกระแสไฟฟ้า จากกระแสตรง เป็นกระแสสลับ จ่ายไฟฟ้ากับหลอดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว และเครื่องใช้อุปกรณ์สำนักงานในห้องสมุด เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเรื่องพลังงานทางเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

    จากการศึกษาทดลองโดยกลุ่มกังหันลมผลิตไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พบว่ากังหันลมผลิตไฟฟ้า 1 ตัว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 4,000 วัตต์หรือ 4 กิโลวัตต์ทำให้ประหยัดค่าไฟได้ วันละ 16 บาท หรือเดือนละ 480 บาท และในหนึ่งปีจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 120 กิโลวัตต์และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1.08 ตัน (1 ตัน เท่ากับ 1,000 กิโลกรัม) ดังนั้นเมื่อติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าให้โรงเรียนครบ 15 แห่ง คาดว่าผลลัพธ์ที่สำคัญคือจะสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 16.2 ตัน นอกเหนือจากการช่วยให้โรงเรียนเหล่านั้นประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าได้ปีละ 5,760 บาท

    “พลังงานจากกังหันลมเป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในปัจจุบันและอนาคตซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ข้อดีของพลังงานจากกังหันลมคือ เป็นพลังงานสะอาด ไม่ทิ้งกากและมลภาวะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อหา มีระยะเวลาการให้พลังงาน 15-20 ชั่วโมงในหนึ่งวัน พลังงานลมยังเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด ใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ค่าบำรุงรักษาไม่แพง นับเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่ประเทศไทยควรพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนั้นเรายังใช้เทคโนโลยีกังหันลมผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นเทคโนโลยีของคนไทย ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มกังหันลมผลิตไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นงานวิจัยของนักวิชาการไทยซึ่งควรได้รับการสนับสนุน”

    พลังงาน Happiness
    ดุ๊ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ
    ศิลปินและนักออกแบบ ที่ได้ร่วมออกแบบลวดลายสวยงามบนกังหันลม ภายใต้แนวคิด “Happiness” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่เราร่วมกันใช้พลังงานบริสุทธิ์ก่อให้เกิดการกลับมามีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งกลับคืนมาเป็นสีเขียว ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน โดยเน้นการใช้โทนสี Green Turquoise Green เป็นสีหลัก และ Lemonade วาดเป็นลวดลายของใบไม้ และสิ่งมีชีวิต

    “ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการดีแบบนี้ เพราะผมชื่อว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีในการที่จะสร้างความรู้สึก และจิตสำนึกดีๆ ในเรื่องการใช้พลังงานให้กับเยาวชนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อวิถีชีวิตในอนาคตของพวกเรา และโดยส่วนตัวแล้ว ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ค่อนข้างสูง ตั้งแต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาพูดกันอย่างแพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน เช่น ผมจะไม่อนุญาตให้ช่างผมในกองถ่ายละครใช้สเปรย์ฉีดจัดแต่งทรงผมมาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ , สนับสนุนการใช้ถุงผ้าเพื่อลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติก และการใช้หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ในฐานะนักออกแบบได้ออกแบบบ้านให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดการเปิดเครื่องปรับอากาศ สนับสนุนโครงการเพื่อโลกสีเขียวขององค์การต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานเอกชน ในการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้แพร่หลายโดยสม่ำเสมอ”

    ข้อดีของพลังงานที่ได้จากกังหันลมผลิตไฟฟ้าคือ เป็นพลังงานสะอาด ไม่ทิ้งกากและมลภาวะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อหา มีระยะเวลาการให้พลังงาน 15-20 ชั่วโมงในหนึ่งวัน พลังงานลมยังเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด ใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ค่าบำรุงรักษาไม่แพง นับเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่ประเทศไทยควรพัฒนาอย่างยั่งยืน

    **************

    กังหันลมผลิตไฟฟ้าลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไหร่
    - ข้อมูลขององค์กรพลังงานของสหรัฐอเมริกา กระทรวงพลังงานของแคนาดา หน่วยเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักร และหน่วยงานภาครัฐในออสเตรเลีย ซึ่งเผยแพร่ใน www.carbonify.com คำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหินที่ 1.5 ปอนด์
    - ใน 1 ปี กังหันลมผลิตไฟฟ้า 1 ตัวสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 120 กิโลวัตต์ (ยูนิต) / เดือน
    - ใน 1 ปี กังหันลมผลิตไฟฟ้า 15 ตัว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 21,600 กิโลวัตต์ หรือ
    21,600 ยูนิต / ปี จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 16.2 ตัน/ปี

    กังหันลมแต่ละตัวผลิตกระแสไฟฟ้าได้เท่าไหร่ และประหยัดค่ากระแสไฟได้เท่าไหร่
    - โดยปกติกระแสลมในประเทศไทยมีความเร็วลมเฉลี่ยที่ 4 เมตร/วินาที และจะมีกระแสลมโดยเฉลี่ย 20 ชั่วโมง/วัน ซึ่งกังหันลมสามารถผลิตกระแสลมได้ประมาณ 200 วัตต์/ชั่วโมง เวลา 20 ชั่วโมงผลิตได้ 4,000 วัตต์หรือ 4 กิโลวัตต์
    - หมายถึงผลิตได้วันละ 4 ยูนิต
    - ค่ากระแสไฟฟ้ายูนิตละ 4 บาท ทำให้ประหยัดค่าไฟได้ปีละ 5,760 บาท

    ประเทศที่มีกังหันลมมากที่สุดในปัจจุบันคือ ประเทศเยอรมนี โดยตัวเลขเมื่อปี 2001 เยอรมนีผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมถึง 8,754 เมกะวัตต์ รองลงมาคือ สหรัฐ ผลิตกระแสไฟฟ้าจากฟาร์มกังหันลมได้ 4,200 เมกะวัตต์ ตามมาด้วยสเปน 3,300 เมกะวัตต์ เดนมาร์ก 2,400 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อดูจากขนาดประเทศแล้ว สเปนถือว่าเป็นดาวรุ่งเบอร์รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา

    ศักยภาพยอดเยี่ยมในการใช้พลังงานลมของไทย อยู่ที่บริเวณ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. jojo_TKT

    jojo_TKT สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +8
    ถ้าให้เหมาะกับประเทศไทยจริงๆ น่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์มากกว่าลม

    แต่ปัญหาก็คือแผงโซล่าเซลล์ มีราคาแพงมาก กว่าจะคุ้มทุนก็10ปี แพงก็แพง

    และคนไทยส่วนใหญ่มองเห็นทางเลือกเพียงแค่แผงโซล่าเซลล์ กับ กังหันลม

    เพื่อผลิตไฟฟ้าเพระอิทธิพลจากสื่อและผู้ที่มีผลประโยชน์ทางพานิชมาเกี่ยวข้อง

    เนื่องจากระบบการผลิตไฟฟ้าทั้งสองแบบที่กล่าวมาสามารถนำไปพัฒนาเชิงพานิชได้ดี

    แต่ที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปนี้คือ ระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานความร้อน

    หรือจากพลังงานแสงอาทิตย์

    นี่คือเครื่องยนต์ระบบสเตอร์ลิ่ง[​IMG]















    http://www.stirlingengine.com/

    สนใจรายละเอียดก็อ่านตามลิ้งค์ได้เลยนะคับ

    ใช้พลังงานความร้อนในการดันลูกสูบ

    โดยใช้หลักการที่ว่าอากาศร้อนจะขยายตัวครับ

    สร้างเองก็ไม่น่ายากไปกว่าระบบกังหันลม
     
  14. jojo_TKT

    jojo_TKT สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +8
    ถ้าผมว่างๆก็ว่าจะสร้างเล่นซักตัวนึง
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ถ่านผลไม้ดูดกลิ่นอับ ภูมิปัญญาไทยลดใช้พลังงาน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โครงการแผนพลังงานชุมชน กระทรวงพลังงาน โดยนายอุทัย ภูริพงศธร พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงพลังงาน เปิดโครงการจัดทำแผน "พลังงาน 80 ชุมชน สนองพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง" มาตั้งแต่ปี 2550 ที่ ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช

    ที่ อบต.นาหมอบุญกับชาวบ้านนั้น มีการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่เป็นพลังงานสะอาดที่มีอยู่ในชุมชน และชุมชนจัดการเองได้

    โดยกระทรวงพลังงานถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ชาวชุมชนได้เลือกนำไปใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ทั้งเตาเผาถ่านถัง 200 ลิตร เตาซุปเปอร์อั้งโล่ เตาชีวมวล และอื่นๆ ซึ่งล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่ร่วมกันทำ

    นายอุทัยกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น คือ การต่อยอดความรู้การเผาถ่าน โดยทดลองและเรียนรู้จนสามารถนำผลไม้ที่เหลือทิ้ง ที่ถ้าปล่อยไว้ก็เน่าเสียหาย ให้กลายเป็นถ่านผลไม้ดูดกลิ่น ใส่บรรจุภัณฑ์สวยๆ ขายสร้างรายได้เพิ่ม

    โดยใช้หลักการดูควัน และการจัดวางกองท่อนไม้ที่เผาถ่านและผลไม้ที่ต้องการเผา ซึ่งเป็นการประยุกต์ภูมิปัญญาการเผาถ่านแบบดั้งเดิมกับการเผาด้วยเตาเผาถ่านถัง 200 ลิตร ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พลังงานนำมาถ่ายทอดให้ ซึ่งมีทั้งแบบตั้งและแบบนอนให้เลือกใช้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=right><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    "การเผาผลไม้เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านเอง จากเดิมที่ทางพลังงานมาแนะนำเรื่องการเผาถ่าน โดยเอาเศษไม้จากการตัดแต่งกิ่งไม้มาเผา แต่ชาวบ้านมีการต่อยอด โดยตั้งสมมติฐานว่า น่าจะลองเผาวัสดุอื่นๆ ที่เป็นพืชดู เช่น สับปะรด มังคุด เงาะ กะลามะพร้าว ใบไม้ ดอกไม้ และจากการทดสอบของชาวบ้านก็พบว่า สามารถเผาผลไม้ให้เป็นถ่านได้เช่นกัน"

    ข้อค้นพบของชาวบ้าน คือ การเผาผลไม้ซึ่งเดิมเตาเผาธรรมดาที่เคยใช้กัน ไม่สามารถเผาพวกเปลือกบางๆ อย่างผลไม้ ใบไม้พวกนี้ได้ แต่เตาเผาถ่านถัง 200 ลิตร ที่กระทรวงพลังงานนำมาเผยแพร่นี้เมื่อเรารู้หลักการดูควัน

    และการจัดวางตำแหน่งในเตาเผาว่าวางตรงจุดไหนอย่างไรไม่ให้เป็นมอดไหม้เป็นขี้เถ้าไปเสียก่อน ก็ทำให้สามารถเผาสิ่งที่เผาได้ยากอย่างผลไม้ให้กลายเป็นถ่านที่ยังคงลักษณะคงเดิม กระบวนการเผาที่เรียนรู้ คือ เวลาเผาก็เผาพร้อมกับท่อนไม้ที่เราต้องการเผาถ่าน

    โดยให้ท่อนไม้อยู่ด้านล่าง แล้ววางผลไม้ที่ต้องการเผาไว้ด้านบน ทำให้เมื่อเผาผลไม้ไม่มอดไหม้ไปก่อนถ่านไม้ที่เผา ถือเป็นภูมิปัญญา และชาวบ้านก็ยังคงทดลองและเรียนรู้กันต่อไป โดยการนำอะไรแปลกๆ มาเผา ซึ่งก็อาจค้นพบหรือสร้างความรู้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อีก

    วันนี้ชาวบ้านสามารถนำผลผลิตทางการเกษตร ที่ผลิตขึ้นแล้วขายไม่ทัน เกิดการเน่าเสีย หรือราคาตก ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด มังคุด เงาะ และพืชผักผลไม้อื่นๆ มาเผาให้เป็นถ่านนำออกขายเป็นผลิตภัณฑ์ดูดกลิ่นในตู้เย็น ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เมื่อนำมาใส่บรรจุภัณฑ์สวยๆ ก็สามารถขายได้ราคา 5-10 บาท นับว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี

    ชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการจัดทำแผนพลังงานชุมชน กับกระทรวงพลังงานในปี 2552 สามารถสมัครได้ที่ สำนักงานพลังงานจังหวัด หรือศูนย์ประสานงานกลางการวางแผนพลังงานชุมชน โทร.0-2223-3344 ต่อ 2262-3

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ไม่ทราบโครงการนี้ทดลองไปถึงไหนแล้วครับ หรือว่า อร่อยจริงๆ เลยเก็บไว้กินเองหมดไม่ขายดีก่า .....hello8 55555.....
     
  17. jojo_TKT

    jojo_TKT สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +8
    อิอิ....รสชาติก็ใช้ได้ครับเหมือนบิสกิต เนื้อแน่น อร่อย
    ส่วนสนนราคาของอาหารฉุกเฉิน72ชั่วโมง ตัวนี้ก็480บาทครับ/แพค/คน
    บ้านผมมี6คนพ่อแม่พี่น้อง ก็เลยเก็บไว้เอง12ชุด
    เพราะมันอยู่ได้ตั้ง5ปีแนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องการบูดเน่าเสียเหมือนอาหารกระป๋อง
    และไม่ต้องคอยตรวจเช็คบ่อยๆ
    ราคาก็ไม่หนีอาหารกระป๋อง
    ถ้าเอามาเฉลี่ยอาหารกระป๋องแพงดันกว่าซะอีกเพราะต้องซื้อทั้ง5ปีเลย
    เพราะอาหารกระป๋องเก็บไม่ได้นาน แล้วก็หนักเกินแบก
    แต่อาหารตัวนี้น้ำหนักเบามากผมเลยเลือกครับ


    สนใจก็ลองคุยกับคิทแค้มป์ครับ
    เขาไม่ได้เอาจำหน่ายหน้าร้าน เพราะคนทั่วไปมองว่าราคาสูง
    เขาเลยจัดส่งให้เฉพาะทีมกู้ภัยและหน่วยงานรัฐโดยตรงครับ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post1637147 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>doodee1<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1637147", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:18 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2007
    ข้อความ: 190
    ได้ให้อนุโมทนา: 5,054
    ได้รับอนุโมทนา 2,353 ครั้ง ใน 183 โพส
    พลังการให้คะแนน: 79 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1637147 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6551 ข่าวสดรายวัน


    รับมือภัยพิบัติ

    เก็บเรื่องมาเล่า

    ชนา ชลาศัย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ภัยพิบัติธรรมชาตินับวันยิ่งใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นทุกขณะ ตัวอย่างใกล้ตัวก็คือพม่า ที่โดนพายุ "นาร์กีส" ถล่มย่อยยับไปเมื่อเร็วๆ นี้

    หนทางที่ดีที่สุดเวลานี้คือศึกษาและเรียนรู้เพื่อรับมือภัยพิบัติ

    ในสหรัฐอเมริกา หลังเฮอริเคน "แคทรีน่า" ถล่มนิวออร์ลีน องค์การกาชาดสหรัฐออกคำแนะนำแก่พลเมืองในการเตรียมวัสดุและอุปกรณ์เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบ้านเราได้

    คอลัมน์ "360 องศาความรู้" นิตยสาร "ผาสุก" ฉบับก.ค.-ก.ย.รายงานไว้ดังนี้

    1.กล่อง ลัง หรืออุปกรณ์บรรจุสิ่งของจำนวนมากๆ เมื่อคุณและครอบครัวจะต้องเก็บข้าวของออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในศูนย์หลบภัย

    2.ภาชนะน้ำดื่มทำจากพลาสติกที่ไม่แตก สำหรับเก็บน้ำสะอาดเอาไว้ดื่มและการชำระล้างเพื่อสุขอนามัยในแต่ละวัน

    3.อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผักกาดดอง ตุนไว้สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เกิน 3 วัน

    4.อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เช่น พลาสเตอร์ยา ผ้าพันแผล ยาฆ่าเชื้อ เบตาดีน ยาแดง กรรไกรขนาดเล็ก มีดพับ ยาสามัญประจำบ้านทุกชนิด ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรดในกระเพาะ Activated Charcoal เวลาท้องเสีย ผ้าขนหนูต่างๆ

    5.วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จานและถ้วยกระดาษ ช้อนส้อมพลาสติกแบบที่ใช้แล้วทิ้งได้เลย ไฟฉาย โคมไฟ เข็มทิศ แผนที่ทางหลวง เทปกาว เชือก ไม้ขีดไฟ ปากกา กระดาษ

    6.ของใช้ส่วนตัว เช่น กระดาษชำระ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ของใช้สตรี ผ้าอนามัย ถุงดำใส่ขยะ กล่องพลาสติกมีฝาปิดเพื่อเก็บรักษาความสะอาด

    7.เครื่องแต่งกาย รองเท้าผ้าใบ เสื้อหนาว เสื้อกันฝน แว่นกันแดด หมวก ถุงมือ กางเกงในกระดาษ

    8.ของใช้พิเศษสำหรับเด็กและคนชรา ผ้าอ้อม ขวดนม นมผง ยาประจำตัวสำหรับคนชรา อินซูลิน ยาลดความดัน ยานอนหลับ คอนแท็กต์เลนส์

    9.เอกสารสำคัญทั้งหมดต้องนำไปถ่ายเอกสารเพื่อสำรองเอาไว้ แล้วนำเอกสารทั้งหมดเก็บไว้แยกกัน รวบรวมสิ่งของมีค่า เช่น เพชร ทองคำ พันธบัตร ไว้ในตู้เซฟ หรือสถานที่ลับซึ่งคุณเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

    นำข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าหรือกล่อง จัดเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย และบอกสมาชิกทุกคนในบ้านทราบ ที่สำคัญต้องเวียนนำข้าวของที่หมดอายุได้ออกมาใช้งาน แล้วซื้อของใหม่ทดแทนเข้าไปทุกๆ 6 เดือน

    ภัยพิบัติธรรมชาติเป็นสิ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเตรียมตัวรับมือกับมันอย่างมีสติและไม่ประมาท

    [FONT=Tahoma,]หน้า 23[/FONT]
    วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เวลา 16:34 น. ข่าวสดออนไลน์


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ถ้าจะสร้างบ้านที่รับภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว และพายุงวงช้างได้ ควรมีใต้ถุนสูงรึเปล่า มีหลังคาแบบไหนจะไม่โดนพายุหอบ เคยดูหนังฝรั่งเค้ามีห้องใต้ดินหนีพายุ แต่ของเราจะจมน้ำเสียก่อนซิ ที่ญี่ปุ่นเห็นว่าใช้วัสดูที่เรียกว่า วิว่าบอร์ดแทนผนังก่ออิฐฉาบปูน ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เผื่อโดนย้ายไป ตจว.ขายบ้านที่ กทม. จะเตรียมการณ์สร้างบ้านได้ถูก
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาส์นจากหลวงปู่ใหญ่

    สาส์นจากปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)ให้ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2539 ผ่านทางทิพย์นิมิต พระอาจารย์เพลิน นนทโก ให้แจ้งต่อผู้ศรัทธาในปู่ใหญ่ หลวงปุ่เทพโลกอุดร ว่าในอีก ประมาณ....ปีข้างหน้านี้ จักเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงต่อมวล มนุษยชาติทั่วโลก

    ขอให้ลูกหลานทุกคนจงพากันเตรียมตัว ร้บสถานการณ์ให้ดี โดยให้มีสติอันมั่นคงอย่าวิตกกังวล จงพา กันเร่งบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิฝึกฝนพลังจิตให้เข้มแข็ง และ ให้พากันหาสถานที่อันสงบในป่าเขาแหล่งที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกต้นไม้ให้มาก ๆ ล้อมรอบที่พักอาศัย แล้วบำเพ็ญภาวนา เก็บกักตุนเสบียงไว้ใช้ในยามขัดสนอันมีปัจจัยสี่ เช่น เครื่อง นุ่งห่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค

    หากผู้ใดมีเงินขอให้เปลี่ยน เป็นของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำเป็นต้น อย่าฝากธนาคาร อย่าซื้อหุ้น ให้ฝังดินไว้ทำแผนที่ลายแทงไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกล กรุงเทพฯ เชื้อเพลิงให้พากันกักตุนแบตเตอรี่แห้ง อย่าเป็นห่วงทรัพย์ในเมืองหลวง จงพากันไปหาที่ปลูกสร้างที่พักไว้ ตามวัดป่า วัดเขาในชนบท ตามถ้ำต่าง ๆ จึงจะพากันรอด จากภัยพิบัติ จงเร่งบำเพ็ญภาวนา

    ผ่านกระแส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2539 ณ ธรรมสถานวงษ์จิต บ้านนาคำน้อย หมู่ 7 ตำบลบ้านก้อง อาเภอนายูง จ้งหวัดอุดรธานี 41380
    <CENTER></CENTER>

     

แชร์หน้านี้

Loading...