รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด, 28 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    อ่านดูเเล้วก็เข้าใจจุดมุ่งหมายของท่านผู้เขียน อยู่ว่าจะสื่อเรื่องสังคมทุกวันนี้ เเต่กรรมใดใครก่อก็หนีไม่พ้นหรอกค่ะ เเต่จะช้าหรือเร็ว ผลก็ต้องตามมาเเน่นอน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    ขอค้านเรื่องที่คุณเอ่ยว่า การสะเดาะห์เคราะห์, เสริมดวง, ต่อบุญ,
    เสริมบารมี ฯลฯ ด้วยฤทธิ์ของมาร มิใช่ฤทธิ์ในตนที่แท้จริง เพราะตนนั้นถูกมาร
    ครอบงำและแทรกอาศัยอยู่ ส่งผลให้ระบบกฏแห่งกรรมรวน คนทำชั่วได้ดี คนทำ
    ดีกลับได้ชั่วมายาวนาน เมื่อวิบากกรรมฝืนธรรมชาติอยู่นาน จึงก่อให้เกิดแรงกรรม
    ตามธรรมชาติ กลายเป็น "ภัยพิบัติใหญ่หลวงมากมาย"

    ความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้านะ ที่ฟังจากหลวงพ่อมา ท่านบอกว่า วิชามีทั้งไสยดำเเละไสยขาว ไสยขาวจะเป็นฝ่ายดีฝ่ายเเก้ ส่วนไสยดำเป็นฝ่ายมารไม่ดี ยกตัวอย่างเช่นหลวงปู่ปานถอนคุณไสยให้ชาวบ้าน ก็ถือว่าเป็นฝ่ายดีเป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน เเละการที่ทำให้ภัยพิบัติยืดเวลาการเกิดออกไปส่วนหนึ่งมาจากชาวพุทธร่วมกันสร้างพระพุทธรูป ศาสนสถาน เเละเทวดาอธิษฐานช่วย
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ยากเกินกว่าปุถุชนจะแยกแยะไสยดำหรือไสยขาว


    การทำบุญบารมีเพื่อเอาเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงตัว เหมือนการ
    เติมน้ำบริสุทธิ์ลงในน้ำเกลือ ย่อมสอดคล้องกับคำสอนของ
    พระพุทธเจ้า เพราะไม่ได้ปฏิเสธเกลือ


    เพียงแต่มีหลายท่านยังคงปฏิเสธเกลืออยู่ แล้วปุถุชนจะแยก
    แยะได้อย่างไรว่าผู้มีฤทธิ์ท่านใดกระทำไสยดำหรือขาวแก่เรา?
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การช่วยเหลือปวงสัตว์ที่แท้จริง คือ ช่วยให้เกิดปัญญา มิใช่ช่วยแก้กรรมใคร


    กรรมเป็นธรรมะ ธรรมชาติ อันผู้เข้าถึงธรรมแล้ว ล้วนยอมรับ ปล่อยวาง และให้
    เป็นไปตามธรรมชาติ มิใช่เข้าไปกำหนด ควบคุมหรือกระทำการณ์ให้กรรมเป็น
    ไปดังใจตน เช่น ช่วยคนให้พ้นกรรม ด้วยเห็นว่าเราทำดี เราช่วยคนแล้ว นั่นยัง
    ไม่ใช่ความดีที่แท้จริง โพธิสัตว์นั้น ยังบารมีต้น อ่อนอยู่มาก


    คนเราช่วยกันได้ ให้การช่วยเหลือกันได้ไม่จำกัด แต่เมื่อใดที่ช่วยเรื่องกรรม
    แก้กรรม, เสริมดวง ฯลฯ ก็ต้องพิจารณาว่าช่วยด้วยอะไร ใช้ฤทธิ์หรือบารมี
    ของอะไร บางท่านใช้บารมีพระโพธิสัตว์ยอมรับกรรมแทนสัตว์ ยอมตกนรก
    เพื่อฉุดช่วยสัตว์ขึ้นจากนรก ก็มีอยู่จริง แต่บางท่านก็ไม่ได้เข้าข่ายนี้ ไม่มี
    บารมีโพธิสัตว์ แต่อยากเด่น อยากดัง อยากมีชื่อเสียง ใช้ฤทธิ์มารช่วยก็มี
     
  4. herriken

    herriken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2005
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +91
    วิชามารสับเปลี่ยนเวรกรรม ทำคนดีได้ชั่ว คนชั่วได้ดี มีอยู่จริง


    คุ้นๆ นะครับ เหมือนคำสอนของวัดใดวันหนึ่งในปท.ไทย..................กำลังทำแบบนี้
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    กรรมเป็นพลังงานทิพย์รูปแบบหนึ่ง


    ถ้าเข้าใจมัน ก็สามารถควบคุมพลังกรรมนี้ได้ ให้มากน้อย
    ให้เบี่ยงเบน, ให้พลิกแพลงไปได้ เมื่อเห็นพลังกระแสกรรม
    ได้ สามารถใช้พลังจิต กำหนดเบี่ยงทิศจากแหล่งหนึ่งไป
    ลงยังแหล่งหนึ่งได้ แต่ทำให้ "สูญเปล่าไป" ไม่ได้


    พระโพธิสัตว์จะยอมเอาตัวเองรับกรรมแทนสัตว์ แต่มาร
    จะปัดวิถีพลังกรรมนี้ จากสัตว์หนึ่ง ไปยังสัตว์อื่นแทน ใน
    สมัยโบราณ เรียกพิธีกรรมนี้ว่า "การบูชายัญ" คือ ให้สัตว์
    อื่นรับกรรมแทนเรา บูชายัญ บูชาซาตาน ด้วยวิธีแบบนี้
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การยอมรับวิบากกรรม จากชายกลายเป็นเกย์ของพระโพธิสัตว์


    พระโพธิสัตว์บางองค์ ต้องการฉุดช่วยปวงสัตว์จากนรกมืดของซาตานขึ้นมา
    ท่านเกิดมาเป็นชายปกติ รักผู้หญิงตามปกติ และอกหักตามปกติ สุดท้าย ท่าน
    ยอมสละเพศชาย ยอมรับวิบากกรรมแทนปวงสัตว์ ต้องกลายเป็นเกย์ ผิดประเวณี
    จิตวิญญาณจุติลง "นรกมืด" ไม่กลับคืนมา ทั้งๆ ที่จะกลับมาก็ได้ เพราะซาตาน
    ไม่อาจพันธนาการท่านได้


    นี่คือ ตัวอย่างหนึ่ง ของการสับเปลี่ยนเวรกรรม แต่เป็นแบบของพระโพธิสัตว์
     
  7. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    การให้ผลของกรรมมีหลายลักษณะ บางครั้งข้ามชาติจนไม่รู้ต้นเหตุ ทำให้ปุถุชนเกิดมิจฉาทิฏฐิขึ้นว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" พระพุทธเจ้าจึงทรงจัดเรื่องกรรมเป็นอจิณไตย การคิดผิดนั้นก็ไม่ตรงกับมรรคข้อแรกแล้ว เกิดวิจิกิจฉาลังเลสงสัยในธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ไปยึดถือสีลพตปรามาส เชื่อมั่นในพิธีกรรมอันเป็นกระพี้ จนปิดกั้นอริยผลต่อไป
     
  8. vangiras

    vangiras เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +3,218
    อยากโดนสับเปลี่ยนเวรกรรม อยากรวย อยากหล่อ อยากมีคนนับหน้าถือตา ฯลฯ
     
  9. Sinderking

    Sinderking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +673
    ไม่ได้มีวัดเดียว มีสองวัด วัดเก่า กับ วัดใหม่ สอนวิชาถึงต้นธาตุต้นธรรม เพื่อปราบมาร เพราะมารมาขโมยกองบุญ หลวงพ่อเลยต้องทำวิชชาปราบมาร เรื่องที่เจ้าของกระทู้ลงเป็นเรื่องจริงแล้วน่ากลัวมาก เพราะกี่ยุคๆมารมันปกครองคนได้หมด มีประชากร100% เข้าสวรรค์ได้ 2% แล้วมีไม่ถึงเศษเสี่ยวเปอร์เซนต์ได้เข้านิพพาน เพราะมารมันยื้อ หลอก ล่อ ขโมย จนวนเวียนในจักรวาลไม่รู้จบ กี่ยุคๆเจอมารปกครองตลอด

    แล้วก็มีสายฆราวาสอีกสามสาย แต่สายวัดที่รังสิตนี่ โดยต้นธาตุยำเละ ไปเรียบร้อย
     
  10. Scorpius

    Scorpius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +647
    คนดีได้ดี คนชั่วได้ชั่ว มีอยู่จริง
     
  11. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    แค่อวดตนว่าวิเศษกว่าผู้อื่น ก็เสร็จมารไปเรียบร้อยแล้ว
     
  12. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    กรรม เกิดจากการกระทำ การแก้กรรมแท้จริงแล้วก็คือการทำบุญปัจจุบันเสริมเข้าไป
    มิได้มีอะไรแปลกประหลาดใดๆเลย แต่ก็ต้องระวังพวกต้มตุ๋นหลอกลวงให้เสียเงินเสีย
    ทองไปมากมากกับพิธีกรรมต่างๆ ทางที่ดีที่สุดที่จะแก้กรรมในอดีตคือ ปัจจุบันต้องทำ
    กรรมใหม่ เช่นทำบุญใหม่ให้เกิด ทั้งทำ ทานรักษา ศิล เจริญ สมาธิ ภาวนา ทำวิปัสสนา
    กรรมฐาน หรือการช่วยชีวิตสัตว์ เช่นปลาที่จะถูกฆ่าในตลาด หรือวัวที่จะถูกเชือดแบบนี้
    ก็ถือว่าทำแล้วได้บุญ กุศลหนุนแก้กรรมวิบากจากอดีตได้ วิธีง่ายๆคือไปหาซื้อปลาในตลาด
    ที่กำลังจะเป็นอาหารไม่ใช่ปลาที่เค้าจับไว้รอปล่อยตามวัด แล้วเลือกสถานที่ปล่อยให้ปลา
    อยู่รอดได้อย่างดี แบบนี้แล้วจึงถือว่าเป็นการแก้กรรมแบบชาวพุทธ คือหมั่นทำบุญ กุศล
    ให้เกิดเนืองๆในปัจจุบัน ถ้าไม่ทำอะไรเลย รอกินบุญเก่าจนหมด คราวนี้วิบากกรรมก็คงตามเล่นงานไม่หยุดหย่อน จริงมั๊ย ^^ ส่วนเรืองการสับเปลี่ยนวิบากของ จขกท สุดแท้แต่
    จะคิดจินตนาการเถิดครับ ^^
     
  13. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    ตามมาอ่าน เอาใจช่วยจ๊า.. (good)
     
  14. tanapart

    tanapart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +113





    saa thu........................
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ทำดีไปนรก-ทำชั่วไปสวรรค์

    ปัญหา บุคคลกระทำบาปด้วยกาย วาจา ใจ แล้วจะได้ไปเกิดในสุคติเสมอไปหรือ ? และบุคคลกระทำบุญด้วย กาย วาจา ใจ ตายแล้วจะเข้าถึงทุคติสมอไปหรือ ? ถ้าไม่ เพราะเหตุไร ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนอานนท์ เราไม่เห็นด้วยกับวาทะของสมณะ หรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ ท่านผู้เจริญเป็นอันว่า กรรมดีไม่มีวิบากของสุจริตไม่มี แต่วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย มีความเห็นชอบในโลกนี้ และผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าพึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราเห็นด้วย
    “ส่วนวาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่าผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบ ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เรายังไม่เห็นด้วย
    “แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็ยังไม่เห็นด้วย
    “แม้วาทะของเขาที่พูดปักลงไป ถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง นั้นแหละ ในที่นั้น ๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่านี้เราก็ยังไม่เห็นด้วย......
    “.....ดูก่อนอานนท์ บุคคลที่เว้นขาดจากปาณาติบาต อทินนาทาน ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงอุบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เป็นเพราะว่า เขาทำกรรมชั่วที่ให้ผลเป็นทุกข์ไว้ในกาลก่อน ๆ หรือในกาลภายหลัง หรือว่าในเวลาจะตาย มีมิจฉาทิฐิพรั่งพร้อมสมาทานแล้ว เพราะฉะนั้น เขาตายไป จึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก......”
    มหากัมมวิภังคสูตร อุ. ม. (๖๑๑-๖๑๕)
    ตบ. ๑๔ : ๓๙๖-๓๙๘ ตท. ๑๔ : ๓๓๗-๓๓๙
    ตอ. MLS. III : ๒๖๐-๒๖๒
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ความเห็นผิดคืออย่างไร

    ปัญหา ข้อที่ว่าโลภและโกรธเป็นมูลเหตุให้เกิดอกุศลกรรมนั้น พอจะเข้าใจแล้ว แต่ข้อที่ว่าโมหะอันเป็นเหตุให้เกิดมิจฉาทิฐิความเห็นผิดนั้นคือเห็นอย่างไร ?

    พุทธดำรัสตอบ “..... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นมิจฉาทิฐิมีความเห็นวิปริตว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล การเช่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี สัตว์พวกที่เกิดผุดขึ้นไม่มี สมณะพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ให้รู้ตามไม่มีในโลก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าทิฐิวิบัติ.... เพราะทิฐิวิบัติเป็นเหตุ สัตว์ทั้งหลายเมื่อกายแตกตายไป ย่อมเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก.....ฯ”
    อยสูตร ติ. อํ. (๕๕๗)
    ตบ. ๒๐ : ๓๔๕ ตท. ๒๐ : ๓๐๒
    ตอ. G.S. I : ๒๗๐
     
  17. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เวทนาสังยุตต์ - ๓. อัฏฐสตปริยายวรรค - ๑. สิวกสูตร
    พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน
    อัฏฐสตปริยายวรรคที่ ๓
    สิวกสูตร
    [๔๒๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาป
    สถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล โมฬิยสิวกปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
    ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง
    ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ มีสมณ
    พราหมณ์พวกหนึ่งมีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุข
    อย่างใดอย่างหนึ่ง สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขทั้งมวลนั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ
    ก็ในข้อนี้ท่านพระโคดมตรัสอย่างไร พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรสิวกะ เวทนาบางอย่าง
    มีดีเป็นสมุฏฐานก็มี ย่อมเกิดขึ้นในโลกนี้ ข้อที่เวทนาบางอย่างซึ่งมีดีเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นใน
    โลกนี้ บุคคลพึงทราบได้เองอย่างนี้ก็มี โลกสมมติว่าเป็นของจริงก็มีในข้อนั้น สมณพราหมณ์
    เหล่าใดมีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใด
    อย่างหนึ่ง สุข ทุกข์หรืออทุกขมสุขทั้งมวลนั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ ย่อม
    แล่นไปสู่สิ่งที่รู้ด้วยตนเอง และแล่นไปสู่สิ่งที่สมมติกันว่าเป็นความจริงในโลก เพราะฉะนั้น
    เรากล่าวว่า เป็นความผิดของสมณพราหมณ์เหล่านั้น เวทนาบางอย่างมีเสมหะเป็นสมุฏฐาน
    ก็มี ฯลฯ มีลมเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ มีร่วมกันเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯเกิดแต่เปลี่ยนฤดูก็มี ฯลฯ
    เกิดแต่รักษาตัวไม่สม่ำเสมอก็มี ฯลฯ เกิดจากการถูกทำร้ายก็มี ฯลฯ เวทนาบางอย่างเกิดแต่ผล
    ของกรรมก็มี ย่อมเกิดขึ้นในโลกนี้ ข้อที่เวทนาบางอย่างซึ่งเกิดแต่ผลของกรรมเกิดขึ้นในโลกนี้
    บุคคลพึงทราบได้เองอย่างนี้ก็มี โลกสมมติว่าเป็นของจริงก็มี ในข้อนั้นสมณพราหมณ์เหล่าใดมี
    วาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง สุข
    ทุกข์ หรืออทุกขมสุขทั้งมวลนั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ ย่อมแล่นไปสู่สิ่งที่รู้ด้วย
    ตนเอง และแล่นไปสู่สิ่งที่สมมติกันว่าเป็นความจริงในโลกเพราะฉะนั้นเรากล่าวว่า เป็นความ
    ผิดของสมณพราหมณ์เหล่านั้น ฯ
    [๔๒๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว โมฬิยสิวกปริพาชกได้กราบทูลพระผู้มี
    พระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนักข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิต
    ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจน
    ตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
    [๔๒๙] เรื่องดี ๑ เสมหะ ๑ ลม ๑ ดี เสมหะ ลม รวมกัน ๑ฤดู ๑
    รักษาตัวไม่สม่ำเสมอ ๑ ถูกทำร้าย ๑ ผลของกรรม ๑เป็นที่ ๘ ฯ
    จบสูตรที่ ๑
     
  18. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ผลกรรมและผู้กระทำ

    ปัญหา คน ๒ คน ทำกรรมอย่างเดียวกัน แต่ได้รับผลต่างกันมีหรือไม่ ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดแลพึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษนี้ทำกรรมไว้อย่างไร ? เขาจะต้องเสวยกรรมนั้นอย่างนั้น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ ของผู้นั้นย่อมมีไม่ได้ โอกาสที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบย่อมไม่ปรากฏ ส่วนผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษนี้ทำกรรมที่จะต้องเสวยผลไว้ด้วยอาการใด ๆ เขาจะต้องเสวยวิบากของกรรมนั้นด้วยอาการนั้น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ของผู้นั้นย่อมมีได้ โอกาสที่จะทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบย่อมปรากฏ
    “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคลในโลกนี้ทำบาปกรรมแม้เล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็นำเขาเข้านรก ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อยเช่นนั้นแหละ บาปกรรมนั้นย่อมได้ผลทันตาเห็น แต่ส่วนน้อยไม่ปรากฏ ปรากฏเฉพาะส่วนที่มา บุคคลเช่นไร ทำบาปกรรมแม้เล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็นำเขาเข้านรก
    “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา มีคุณน้อย มีอัตตภาพเล็ก มีอัตตภาพอยู่เป็นทุกข์เพราะวิบากเล็กน้อย บุคคลเห็นปานนี้ทำบาปกรรมแม้เล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็นำเขาเข้านรก
    “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลเช่นไรเล่า ทำบาปกรรมเล็กน้อยเช่นนั้น เหมือนกัน บาปกรรมนั้นให้ผลทันตาเห็น แต่ส่วนน้อยไม่ปรากฏ ปรากฏเฉพาะส่วนมาก
    “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้อบรมกาย อบรมศีล อบรมจิต อบรมปัญญา มีคุณไม่น้อย มีอัตตภาพใหญ่ มีธรรมเป็นเครื่องอยู่หาประมาณมิได้ บุคคลเช่นนี้ ทำบาปกรรมเช่นนั้นเหมือนกัน บาปกรรมนั้นให้ผลทันตาเห็น แต่ส่วนน้อยไม่ปรากกฎ ปรากฏเฉพาะแต่ส่วนมาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษพึงใส่ก้อนเกลือลงในขันใบน้อย.... น้ำในขันเล็กน้อยนั้น พึงมีรสเค็ม ดื่มกินไม่ได้ (ส่วนบาปกรรมเล็กน้อยของบุคคลผู้อบรมกายเป็นต้นแล้วนั้น) เปรียบเหมือนบุรุษพึงใส่ก้อนเกลือลงในแม่น้ำคงคา (น้ำในแม่น้ำคงคาก็คงไม่เค็ม ดื่มกินได้ เพราะเป็นห้วงน้ำใหญ่....”

    โสณกสูตร ติ. อํ. (๕๔๐)
    ตบ. ๒๐ : ๓๒๐-๓๒๒ ตท. ๒๐ : ๒๘๐-๒๘๑
    ตอ. G.S. I : ๒๒๗-๒๒๘
     
  19. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ท่านเจ้าของกระทู้ไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหนหรอครับ เชื่อถือได้มาน้อยแค่ไหน

    รบกวนช่วยแถลงไข ให้หายข้องใจแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอรับ
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระศรีอาร์ฯ องค์เดียวเท่านั้นที่บำเพ็ญบารมีเกิดเป็นหญิงชาติเดียวหลังรับคำทำนาย

    พระศรีอาร์ฯ ทรงบำเพ็ญบารมีแก่กล้าด้วยการตัดเต้านม
    ถวายพระพุทธเจ้าในชาติที่เกิดเป็นนางยักษ์ ผลจากนั้น
    ทำให้ท่านไม่อาจเกิดเป็นหญิงได้ยกเว้นเพียงอีก ชาติ
    เดียว หลังได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ดังนั้น ท่านองค์เดียว
    เท่านั้น ที่เกิดเป็น "ชายแท้" สลับกับ "ชายไม่แท้"


    นอกจากนั้น พระนิตยโพธิสัตว์องค์อื่นๆ หลังรับคำทำนาย
    แล้ว ก็ยังเกิดเป็นชายบ้าง หญิงบ้างสลับกัน ความเชื่อที่ว่า
    หลังรับพุทธพยากรณ์แล้ว พระนิตยโพธิสัตว์จะเกิดเป็นชาย
    เท่านั้น จึงเป็น "ความเชื่อที่ผิดพลาดไปมาก"


    ดังนั้น อย่าดูถูกผู้หญิง เพราะท่านอาจเป็นนิตยโพธิสัตว์ก็ได้!
     

แชร์หน้านี้

Loading...