เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    DSC06706.jpg
    DSC06707.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2020
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ขอต่ออายุ

    ผู้ถาม : ผมพบท่านหนึ่งอายุมากแล้ว ลูกสาวเป็นด๊อกเตอร์ ผมก็พาไปกราบพระองค์หนึ่งที่ จ. สิงห์บุรี ลูกสาวเขาบอกว่าดิฉันมีแม่กับลูก 2 คนเท่านั้น ถ้าแม่เสียแล้ว ไม่รู้จะอยู่กับใคร ท่านบอกว่ามึงจะต่ออายุกันหรือไง เขาก็บอกว่า เจ้าค่ะ ขอต่ออายุให้แม่ ท่านก็บอกว่า ให้ผมสอนเอาอรูปฌาณให้ก่อน แล้วจึงจะขอต่อไป ความจริงที่พูดมานี่ เลยมาปีแล้ว เขายังไม่ตาย แต่ต่อทุกครั้ง ต้องมีสังฆทานนำทุกครั้ง

    ผมเคยกราบเรียนท่านลุงพุฒิครั้งหนึ่งว่า "ท่านลุงครับ ท่านผู้นี้ขอต่ออายุ ถ้าไม่มีสังฆทานจะได้ไหมครับ" ท่านเหลือบดูแว๊บ ท่านเฉย พอบอกว่า "ท่านลุงครับ มีสังฆทานนำหน้านะครับ" แหม ท่านยิ้มหวานเลย

    หลวงพ่อ : ยิ้มหวานไม่ต้องใช้น้ำตาลนะ คือว่าเทวดาหรือพรหมไม่มีสิทธิ์ต่ออายุให้ใคร มันต้องเป็นเรื่องของบุญ ไปขอท่านท่านไม่มีสิทธิ์ต่อให้ บุญน่ะเป็นผู้ต่อให้ต่างหาก ท่านเป็นแต่เพียงผู้รู้ อย่างลุงเล็ก ลุงใหญ่ ท่านเป็นนายบัญชี และพระยายม ท่านก็รู้โทษของคนและบุญของคน และอย่างพระอินทร์ก็ดี สหัมบดีพรหมก็ดี เมื่อวานนี้ไปคุยกับท่าน ท่านบอกว่าคุณรู้ไหม ตำแหน่งฉันมีอีกตำแหน่ง คุณยังไม่รู้จัก ถามว่าอะไร ท่านบอก ฉันนี่คือพระกาลเหมือนกัน ถามพระกาลอะไร พระกาลรู้กาลเวลาไปเกิดที่ไหน ใครจะตายเมื่อไร ใครอยู่ชั้นไหน ท่านรู้หมด รู้กาลเวลาที่เทวดาจะอุบัติขึ้นและคนจะตาย

    ทีนี้การอยู่การไป ท่านไม่มีสิทธิ์ ต้องทำบุญ ถ้าบุญนั้นช่วยได้ มันต้องสืบเนื่องมาจากบุญชาติก่อน ชาติก่อนเคยให้อภัยทานไว้ อายุขัยเราหมด อภัยทานจึงให้ผล ถ้าทำบุญนิดเดียว อภัยทานเข้ารวมอย่างนี้มีอายุต่อไปได้


    ผู้ถาม : อ๋อ ต้องมีของเก่า

    หลวงพ่อ : ใช่ ต้องมี ต้องสืบเนื่องกัน ต้องจับมาชนกัน เหมือนกับผ้าคนละชิ้นใช่ไหม มันก็ผ้าเหมือนกัน ต้องเอาเข็มเอาด้ายมาเย็บติดกัน ความจริงอย่างนี้ฉันก็ไม่เคยเทศน์นะ นี่ฉันพูดตามเสียงบอกเรื่องการต่ออายุฉันไม่มีความรู้เหมือนกัน

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กรกฏาคม 2538)


    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-34
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2019
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    เรื่องราวของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ท่านต้องบำเพ็ญบารมีนานไหมครับ จึงจะตรัสรู้ได้ ?

    หลวงพ่อ : พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านบำเพ็ญบารมีเท่ากับพระอัครสาวก คือ 2 อสงไขยกับแสนกัป

    ผู้ถาม : ท่านตรัสรู้เองใช่ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่ ลงคำว่า " พุทธเจ้า " ต้องตรัสรู้เอง คือไม่ต้องรับคำสอนจากคนอื่น

    ผู้ถาม : มีเฉพาะตอนที่มีพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : เจ๊ง ! พระปัจเจกพระพุทธเจ้า จะมีขึ้นก็ต่อเมื่อว่างจากพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มีพระพุทธเจ้า อย่างศาสนานี้สิ้นไป ในช่วงว่างก่อนจะถึงพระศรีอาริย์ ในช่วงนี้มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้า สมัยพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเวลานั้นไม่มีสาวก ก็มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทั้งหมด เพราะพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุเพียงองค์เดียวอย่างพระพุทธเจ้า ก็มีได้เป็นหมื่นเป็นแสน

    แต่ว่า " พระพุทธเจ้า " จะต้องมีองค์เดียว มีซ้อนไม่ได้

    ผู้ถาม : แล้วทำไมพระปัจเจกพระพุทธเจ้า เมื่อท่านตรัสรู้แล้ว จึงไม่สอนเหมือนกับพระพุทธเจ้าครับ ?

    หลวงพ่อ : เกิดทันรึ ? รู้เหรอว่าท่านไม่สอน เคยพบหรือเปล่า ?

    ผู้ถาม : ?...?...?

    หลวงพ่อ : ท่านสอน จะว่าไม่สอนเลยนั้น ไม่ใช่ แต่ว่าไม่สอนถึงอริยสัจ ถ้าไปศึกษากับท่าน ท่านก็สอนแค่อภิญญาโลกีย์ ส่วนที่ตัดเข้าถึงมรรคผลนั้นเป็นเรื่องของบุคคลนั้นเอง

    ปัจเจก เขาแปลว่า รู้เฉพาะตน ความจริง คำว่า " เฉพาะ " ก็มีเฉพาะส่วนที่เป็น อริยสัจ เท่านั้นเองนะ

    ผู้ถาม : ถ้าอย่างนั้น พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ก็รู้หมดทุกอย่างใช่ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : รู้หมด ! พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซิ รู้ไม่หมด !

    ผู้ถาม : อ้าว ! ทำไมยังงั้นล่ะครับ ?

    หลวงพ่อ : ถ้าถามปัญหาพระพุทธเจ้า ท่านรู้ทุกอย่าง รู้ไม่หมดสักที

    พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ถามไปถามมา...หมด ! นี่เขาเรียกว่า " รู้หมด "

    ผู้ถาม : อ๋อ ! แหม..ศัพท์ภาษาไทยนี่ไม่รู้เรื่อง อยู่ห่างวัดเป็นอย่างนี้

    หลวงพ่อ : เป็นอันว่า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องสวรรค์ เรื่องพรหม แต่เรื่องนิพพานท่านไม่สอนใคร เพราะไม่ใช่หน้าที่ของท่าน

    ฉะนั้น พระถ้าเข้าถึงจุดหมายปลายทางท่านจะรู้หน้าที่ของท่าน อย่างพระที่ยังไม่เป็นอรหันต์ เป็นหมอดู เป็นหมอรักษาโรค เราใช้ได้ทุกอย่าง ท่านจะทำให้ทุกอย่าง พอถึงอรหันต์ ปั๊บ ! ท่านรู้เลยเลยว่าท่านเกิดมานี่เพื่อทำกิจอะไร อย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ท่านจะไม่ทำจะงดหมด ท่านทำเฉพาะกิจ

    พระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ท่านสอนเรื่องสวรรค์ เรื่องพรหม แต่เรื่องนิพพานท่านไม่สอน


    พระปัจเจกพระพุทธเจ้า

    ผู้ถาม : เรื่องพระปัจเจกพระพุทธเจ้า เมื่อ 2 วันนี้มีคนไปถามผมอย่าง

    " พุทธัง สรณัง คัจฉามิ " ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    พระพุทธเจ้า เป็นรัตนะหนึ่ง
    พระธรรม เป็นรัตนะหนึ่ง
    พระสงฆ์ เป็นรัตนะหนึ่ง

    แล้วพระปัจเจกพระพุทธเจ้าจะเข้ารัตนะไหนครับ ?

    หลวงพ่อ : เข้าเกณฑ์พระพุทธเจ้า บรรลุเองเหมือนกัน จึงเรียกว่า "พระปัจเจกพระพุทธเจ้า" บรรลุอย่างเดียวกับพระพุทธเจ้านะ แต่ว่าไม่ตามสอนใคร ใครไปหาก็สอน แต่ไม่เดินไปสอนใคร

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า มี "พระสัพพัญญุตญาณ" ไหมครับ ?

    หลวงพ่อ : สัพพัญญุตญาณ นั่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ถ้าญาณท่านมีนะ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ทรงอภิญญา ก็ทรงปฏิสัมภิทาญาณ แต่กำลังของอภิญญาเกินกว่าพระอัครสาวก เขาก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งเหมือนกัน ใครไปหาก็สอน ถ้าเดินตามสอนอย่างพระพุทธเจ้าท่านไม่ทำ

    ปัจเจก แปลว่า เฉพาะตัว ใช่ไหม จะว่าไม่สอนใครเลยก็ไม่ได้ มีคนส่วนมากฟังเทศน์จากพระปัจเจกพระพุทธเจ้า แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์มีเยอะแยะ ถ้าจะถามว่ากำลังของฌาณและญาณ ต้องรองจากพระพุทธเจ้า แต่เหนือกว่าพระอัครสาวกมาก



    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2551)

    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-34
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2019
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
    [​IMG]


    พระปัจเจกพระพุทธเจ้าหน้าตัก 5 นิ้ว รุ่น 2

    ตอนสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ จำหน่ายองค์ละ 500 บาท

    เดิมมาเป็นเนื้่อกะไหล่ทอง ผมนำไปปิดทองคำเปลวภายหลังครับ
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ให้หลวงพ่อช่วย

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อมาก เดี๊ยวนี้มีความเดือดร้อน ลูกได้ข่าวว่ามีหลายท่านเวลานึกอธิษฐานให้หลวงพ่อช่วยแล้วหลวงพ่อมักจะช่วยเหลือในเวลากลางคืน ลูกอยากจะเรียนถามว่า วิธีที่จะให้หลวงพ่อไปช่วยนั้น ลูกควรอธิษฐานและปฏิบัติอย่างไร หลวงพ่อจึงไปช่วยตอนกลางคืนเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : ตายแล้ว...โดนปืนแน่ เอาอย่างนี้ซิ ถ้าตั้งใจนึกอย่างนั้น มันเป็นนิวรณ์จิตฟุ้งซ่านไม่มีผล ต้องภาวนาแบบสบายๆนึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นพระสงฆ์ช่วยได้ เกาะพระพุทธเจ้าไว้

    ภาวนาว่า " พุทโธ " อะไรๆก็ได้ แต่ว่าให้นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ อย่าไปนึกอย่างอื่น อย่าไปนึกว่าขอพระองค์นั้นจงไปช่วย ขอพระองค์นี้จงไปช่วย ไม่มีผล สังเกตุพวกที่เห็นไปช่วย เขาไม่ได้นึกหรอกเขาบูชาพระธรรมดาเขาไม่ได้เกณฑ์ให้ไปช่วย

    ผู้ถาม : อ๋อ...ที่นึกไม่ได้ช่วย ที่ช่วยไม่ได้นึก

    หลวงพ่อ : คืออย่างนี้ ที่นึกมันเป็นนิวรณ์ตัวที่ 4 จิตฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ เห็นไม่ได้


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ตุลาคม 2538)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2020
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    เรื่อง หลวงพ่อท่านรับสังฆทานเอง


    เมื่อต้นเดือนเมษายน 2536 ท่านพระครูปลัดอนันต์นั่งรับสังฆทาน ข้าพเจ้าอยู่ข้างในได้ยินพระครูพูดว่า นี่ก็เป็นลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อท่านเหมือนโยมชอโยมเชิญ ข้าพเจ้าโผล่หน้าไปดูเห็นเป็นคุณเยาวภา ภรรยาคุณวุฒิ กำลังถวายสังฆทานกับลูกสาว 2 คนจึงออกไปหา

    คุณเยาวภาบอกว่าฝันว่าได้มาทำสังฆทานที่บ้านสายลม เห็นเป็นหลวงพ่อท่านนั่งรับสังฆทานเองเหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ จึงได้มาทำก็เห็นหลวงพ่อท่านอยู่ข้างหลังท่านพระครู เห็นด้วยใจทิพย์ คุณเยาวภาเป็นผู้ที่มีทิพยจักขุญาณเก่งคนหนึ่ง ข้าพเจ้าพูดว่าใช่แล้ว บางท่านไม่รู้เรื่องเห็นท่านพระครูเป็นองค์หลวงพ่อ

    คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ นั้นได้ยินเราพูดกัน ได้บอกว่าเขาก็เห็นเป็นองค์หลวงพ่อท่านเหมือนกัน จึงเรียนให้ท่านพระครูทราบขณะที่เข้าไปฉันเพลข้างในพร้อมพระทั้งหมด ท่านรับว่าแปลก ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงแก่หน่อยมาถวายสังฆทานกับท่าน แล้วพูดว่าหลวงพ่อรับเอง ท่านพระครูบอกว่ารูปหลวงพ่ออยู่ข้างหลังนั่นไง ผู้หญิงคนนั้นบอกไม่ใช่ เป็นหลวงพ่อเอง ไม่ใช่รูป หลายท่านรู้เรื่องแบบว่าหลวงพ่อท่านรับสังฆทานเอง ที่คิดว่าหลวงพ่อท่านสิ้นแล้วจะทำบุญน้อยลง ก็เปลี่ยนใจเพิ่มทำมากขึ้นอีกเหมือนเดิม สาธุ !


    ชาโดว์


    15 กรกฏาคม 2538

    (จากหนังสือบันทึกของชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 100)





    พี่ๆน้องๆท่านใดที่่ไม่ทันหลวงพ่อเสียดายว่าไม่มีโอกาศได้ทำบุญทำสังฆทานกับองค์หลวงพ่อเอง ได้อ่านแล้วคงปลื้มใจได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2015
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    เรื่องพระศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านช่วยต่ออายุได้


    เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2536 ข้าพเจ้าไปรดน้ำศพคุณสนิทเจ้าของร้าน " สนิทพานิช " ในตลาดปากเกร็ด ที่วัดปากเกร็ด รดน้ำศพแล้วนั่งคุยกับเจ้าภาพบ้าง ผีที่วัดบ้าง คอยเวลาอันสมควรที่จะลากลับบ้าน นั่งคุยกับผีในใจเรื่อยๆ กำหนดถามหลวงพ่อท่านบ้างและองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านด้วย คือทำใจสบายๆ ขึ้นมโนมยิทธินั่นแหละ ดูใจคนที่เขาไปรดน้ำศพกราบศพ ดูว่าใจเขาเป็นอย่างไร ถ้าตายตอนนี้จะเป็นอะไรอยู่ที่ไหน ตัวเราเองต้องตาย ตายเมื่อไรเราสบายเมื่อนั้น ขึ้นพระนิพพานเลย ขณะที่กราบศพหรือไปงานศพข้าพเจ้าจะนึกถึงที่หลวงพ่อท่านคุยให้ฟังว่า ท่านถามหลวงปู่ปานว่าศพผู้หญิงคนนั้นที่พระไปกราบศพพร้อมหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานจะกราบทุกศพ ท่านกราบด้วยหรือคล้ายๆ ไม่น่าจะกราบอะไรงี๊ (ในหนังสือหลวงปู่ปานมี) หลวงปู่ปานบอกว่า ฉันไม่ได้กราบศพ ฉันกราบสัจจธรรมองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าคนทุกคนเกิดมาต้องตายเหมือนกันหมด

    กำลังนั่งเพลินๆ สำรวมกิริยาด้วย เพราะนั่งเก้าอี้ข้างหน้าที่เขาสำหรับให้แขกผู้ใหญ่นั่ง เรานั่งต้องทำเป็นผู้ใหญ่ที่ดีด้วย เสียงพระท่านบอกว่าต่อจากศพคุณสนิทนี้ ก็จะเป็นคนนั้น ชี้มือไปที่คุณเหม มณีจักร เจ้าของร้านขายของทุกชนิด " กุลปราณี " ในตลาดปากเกร็ดใกล้ๆร้านคุณสนิท

    ข้าพเจ้าถามว่าถ้าตายจะไปไหน ท่านบอกว่าเป็นสัมพเวสี (หมายถึงคนตายที่ยังไม่หมดอายุ ส่วนมากจะเป็นตายโหง)

    เรียนถามท่านว่ามีวิธีแก้ไหม ?

    ท่านว่ามี โดยให้เจ้าตัวเขาเองไปกราบศพหลวงพ่อท่านที่มหาวิหาร 100 เมตร
    ให้ทำสังฆทาน
    ให้บูชาธูปแพเทียนแพ ขอขมาพระรัตรตรัยด้วย

    คนอื่นทำแทนไม่ได้ ที่วิหาร 100 เมตรวัดท่าซุง มีธูปเทียนแพจัดไว้จำหน่ายให้บูชาขอขมาพระรัตนตรัย ขอขมาพระศพหลวงพ่อด้วย แล้วแต่ใครจะให้เท่าไรก็ได้ เอาเงินใส่ตู้ที่ตั้งไว้ มีทั้งที่หน้าพระประธานและที่หน้าพระศพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน รู้แบบนี้แล้วทำไงดี ถ้าไม่บอกเกิดเขาตายจริงๆ จะเสียใจ จะบอกเขาว่าเราเห็นผีพระพุทธเจ้าได้ คุยได้มันอายปาก

    พอดีเห็นคุณประไพ พงศ์เจริญ เจ้าของร้านทำผมติดกับวัดบ่อ กำลังช่วยจัดน้ำเลี้ยงพระเลี้ยงคน เคยรู้และคุยกับข้าพเจ้าเรื่องผีเรื่องคนตายมาแล้ว ก่อนหน้าที่คุณสนิทจะตายประมาณ 4-5 วันข้าพเจ้าไปตัดผม อาไพ(เรียกตามลูก)ถามข้าพเจ้าว่าคุณสนิทจะตายเมื่อไร ป่วยเป็นปีๆแล้ว เข้าโรงพยาบาลบ่อยด้วย ตายก็ไม่ตาย หายก็ไม่หาย ข้าพเจ้าว่าวันตายท่านห้ามถาม ห้ามบอกไม่ได้ แต่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาลครั้งนี้ตายแน่ไม่ได้กลับบ้าน ถ้าหมอเขาเอาสายยางออกเมื่อไรตายเมื่อนั้น จึงบอกว่าขอท่านพญายมราชช่วยสงเคราะห์เอาไป(ตาย)เร็วๆ อยู่แบบนั้นทรมาณทั้งคนป่วยและคนดี พี่จะช่วยกราบเรียนท่านพญายมให้ ไม่รู้ว่าท่านจะช่วยหรือไม่ ไม่รู้นะ

    อีก 3-4 วันข้าพเจ้านั่งสมาธิที่ห้องพระที่บ้านตอนหัวค่ำ เห็นคุณสนิทมาแล้ว ถามออกมาได้แล้วหรือ ดีนะที่ไม่ตกนรก จงโมทนาบุญที่ข้าพเจ้าทำแล้วทั้งหมดไปด้วยก็แล้วกัน รุ่งขึ้นหมอโกศลกลับจากบ้านริมน้ำ ปากเกร็ดซึ่งอยู่ไม่ไกลร้านคุณสนิท บอกว่าคุณสนิทตายแล้ว ให้เตรียมไปรดน้ำศพด้วยกัน เมื่อไปแล้วดันรู้ชะตาชีวิตคุณเหมขึ้นมาอีก อาประไพรับจะไปบอกให้เอง เมื่อบอกมีคนรับเรื่องไปแล้วก็วางเฉยได้

    วันที่ 13 มีนาคม 2536 คุณเหมไปทำบุญตามที่ข้าพเจ้าสั่ง พอเหมาะพอดีวันนั้นที่มหาวิหาร 100 เมตร มีการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม เสด็จมาประทานให้หลวงพ่อท่านเมื่อยังไม่สิ้น เพื่อบรรจุในพระเศียของพระพุทธรูปองค์ปฐมในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 14 มีนาคม 2536 ซึ่งเป็นวันทำบุญประจำปีของวัดท่าซุง และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นองค์ประธานบรรจุ

    ถ้าใครพูดว่าพระพุทธรูปที่ไหนสวย ขอให้ไปดูพระพุทธรูปองค์ปฐมที่วัดท่าซุงก่อน รับรองไม่ผิดหวัง สวยที่สุด ข้าพเจ้าไปกราบทีไรเป็นปลื้ม นึกถึงว่าเราเคยช่วยช่างติดเพชรติดกระจกที่ฐานนั้นด้วย ติดไปได้พอสมควร คุณเนียนหัวหน้าช่างมาบอกว่าคุณป้าติดไม่ค่อยตรง ให้เด็กช่างจริงๆ เขาติดดีกว่า งั้นหรือ ตอนนั้นไปกราบตอนกลางคืนเด็กช่างเขากำลังเร่งงานจะให้เสร็จทันงานวัด เราตั้งใจจะช่วยเด็กด้วยเอาบุญด้วย เด็กๆ ช่างรู้จักข้าพเพราะไปเป็นประจำ บางครั้งให้เงินเขาไปซื้อขนมเลี้ยงกัน ถ้างานยุ่งงานเร่ง วัดท่าซุงสร้างเสร็จเร็วไง อันไหนทำได้เราก็ช่วยเขาจะได้บุญด้วย ฝากฝืมือไว้บ้าง

    เมื่อคุณเหม มณีจักร ได้ไปทำบุญตามที่ข้าพเจ้าแนะนำแล้ว คือขอพระศพองค์หลวงพ่อท่านต่ออายุให้ อีกวันเดียวเกิดอุบัติเหตุ โดยนั่งอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซด์จอดแล้ว มีรถเก๋งเบรคแตกพุ่งเข้าชนรถมอเตอร์ไซด์ คุณเหมกระเด็นตกจากรถ มีถลอกนิดหน่อยที่ไหล่ นอกนั้นไม่เป็นอะไรเลย รู้ข่าวโล่งอกไปที ช่วยชี้แนะให้เขารอดชีวิตมาได้ ถ้าไม่ไปกราบขอต่ออายุกับพระศพหลวงพ่อท่าน ป่านนี้ตายโหงเป็นสัมพเวสี พเนจรแถวตลาดปากเกร็ด ดีไม่ดีมาหลอกข้าพเข้าถึงบ้านด้วย ว่ารู้แล้วไม่บอกกัน เราก็จะกลัวผี ขึ้นชื่อว่าผีหลอกใครจะไม่กลัว เก่งจริงซะเมื่อไร

    คุณเหมบอกว่าเห็นวัดท่าซุงใหญ่โตสวยงามมาก เห็นวัดอื่นเล็กๆ แล้วนึกสงสาร ข้าพเจ้าเป็นปลื้ม เพราะได้ร่วมสร้างร่วมทำบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมาเรื่อย ตั้งแต่ท่านอยู่กุฏิริมน้ำหลังเล็กๆ จนบัดนี้ท่านสิ้นก็ยังทำกับท่านพระครูปลัดอนันต์ เจ้าอาวาสต่ออีกจนกว่าจะตาย เพราะเห็นว่าทีวัดท่าซุงเป็นเนื้อนาบุญที่ดินดี ปุ๋ยดี น้ำดี หว่านเมล็ดข้าวเปลือกลงไปขึ้นได้งอกงามเร็วทันใจ รับรองไม่ใช่นาดอน นาหิน

    ขอทุกๆท่านจงโมทนาบุญกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้บุญอย่างไรขอท่านจงได้เช่นกัน


    (จากหนังสือบันทึกชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 97 )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2015
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

    ผู้ถาม : พวกที่รักษาทรัพย์ใต้ดิน คนโบราณเขาบอกว่าเป็น ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เรื่องนี้จริงไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ไม่จริงหรอก เขาสมมุติขึ้นมา นั่นเป็นการสมมุติของคนโบราณ ท่านอาจจะไปเจอะใครแล้วบอกว่าชื่อโสมก็ได้ แต่ความจริงหน้าที่เฝ้าทรัพย์แผ่นดินเป็นหน้าที่ของจาตุมหาราช แต่ไม่ใช่องค์เดียวนะ ถ้าเราทรัพย์มากก็หลายองค์

    ผู้ถาม : มีคราวหนึ่งดิฉันอายุประมาณ 18 ดิฉันยืนอยู่หลังบ้าน ที่ที่ปลูกบ้านมีบริเวณท้องร่องสวน มองเห็นไฟลุกขึ้นมาประมาณ 2 เมตร เป็นไฟสวยมาก ก็นึกถึงคนโบราณเขาว่า ถ้าหากว่าเจอไฟลุกขึ้นจากดิน ให้วิ่งไปถอดผ้าที่นุ่งแล้วครอบจะได้สมบัติ แต่ดิฉันไม่กล้าค่ะ ไฟก็โทรมลง ตอนเช้าไปดูก็ปรากฏว่าไม่มีรอยไฟไหม้ แต่ดิฉันสงสัยว่าทำไมคนโบราณเขาบอกว่าให้เอาผ้าคลุมคะ ?

    หลวงพ่อ : ไอ้นี่มันเป็นเรื่องของคนทำ ไม่ใช่เรื่องของเทวดาบอก น่ากลัวอีตาคนแรกไม่มีผ้าเลยโยนผ้าไปห่อทองนะ นี่เป็นคำพังเพยเขาว่ากัน ไม่แน่นอน

    ถ้าเป็นไฟ ยังใช้ไม่ได้ ต้องเป็นไฟพะเนียงขึ้นมาเป็นสีทอง ถ้าเป็นสีทองใช้ได้ แต่ต้องลาภของเรามีด้วยนะ ถ้าลาภของเราไม่มี มันก็ได้แต่เห็น ฉันเห็นบ่อย เห็นหลายครั้ง แต่จิตไม่คิดอยากได้

    มีคราวหนึ่งไปธุดงค์ ไปนอนอยู่ที่ป่าห้วยกร้อต่อเขตจังหวัดสุพรรณบุรีกับชัยนาท เป็นป่าใหญ่ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นถึง 4 ชั่วโมง เป็นแสงขึ้นมาก่อนแล้วก็เป็นเหมือนไฟพะเนียงขึ้น ก็มองดูตัวเราและกลดของเราเป็นสีทองไปหมด ยังนึกว่า เอ...เรากลายเป็นสังข์ทองไปแล้วหรือนี่ ก็วิตกไปว่าถ้าเดินไป ถ้าใครเห็นตัวเป็นทองมันจะฆ่าตาย

    หลังจากนั้นมาประมาณสักตี 2 หลับไปตื่นมาทองหายไปหมดแล้ว แต่เวลานั้นดูตัวเราเป็นทองหมดนะ ทั้งกลด ทั้งต้นไม้ทั่วบริเวณเป็นทองหมด

    แต่ว่าทรัพย์ถ้าเขาจะให้เรา อย่าอยากได้ ถ้าเขาไม่ให้ แสดงออกเฉยๆ

    มีอยู่พรรษาหนึ่ง อัศจรรย์มาก ฉันจำพรรษาที่วัดเสากระโดงทอง ไอ้ทางระหว่างสะพานถึงกุฏิมันเป็นสะพาน แล้วตรงเชิงสะพานข้างโบสถ์มีตุ่มขนาดใหญ่มาก ใครๆก็เห็นเงินมีอยู่ เงินแท่งนะเห็นกันทุกคน แต่ไม่มีใครอยากได้ และก็ไม่มีใครกล้าไปหยิบ

    พอออกพรรษาตอนกลางคืน เสียงดังครืด เสียงดังมากไปเป็นช่อง เลื่อนไป อันนี้เขาไม่ให้แต่ก็ไม่มีใครเอาไปบ้าน เพราะเขาไม่ให้ แต่เขาแสดงเฉยๆ

    ผู้ถาม : แล้วมีคนฟลุคๆ ที่ท่านให้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ไม่ต้องฟลุคละ ถ้าสมบัติของเราเขาให้ แต่เป็นสมบัติต้องเป็นสมบัติตามจำนวนนะ เกินไม่ได้ เกินแล้วถูกลงโทษ

    ในสมัยที่ฉันบวช ก็มีพระองค์หนึ่ง ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าอยู่ทางเหนือ ไปเกิดเรื่องที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เมืองสามชุก ก่อนที่ท่านจะเดินทางมา มีคนไปเข้าฝันที่เขาเรียกว่า "ลายแทง" น่ะ ฉันก็เรียกไม่ถูก มันแทงหรือไม่แทงก็ไม่รู้ ไปเข้าฝันบอกว่าที่ตรงนั้นตรงนี้ บอกตำบลที่อยู่ บอกต้นไม้ บอกสัญลักษณ์เสร็จ บอกว่าทรัพย์ของท่านมีอยู่ 1 บาท แต่ว่าทรัพย์ทั้งหมดมันมีเต็มเรือชล่า มีทั้งทองและเงิน

    แต่ทรัพย์ของท่านมีอยู่ 1 บาท บอกให้ท่านไปเอา ท่านก็เดินทางมา

    ไปถึงตรงนั้นก็จุดธูปทำพิธีบอก เรือชล่าลำนั้นทั้งลำมันมีทองครึ่งหนึ่ง เงินครึ่งหนึ่ง ท่านก็เอาบาตรไปโกยเอาของท่านบาทเดียว ท่านล่อเอาบาตรบิณฑบาตเข้าให้

    อีตานั่นแกอยู่ที่ไหนไม่รู้ คนเฝ้านะ พอท่านใส่เต็มบาตร ท่านเดินพ้นเขตเรือ มาเลย คนไม่เห็น แต่ตัวท่านเห็น คนอื่นไม่เห็นหรอก

    พอมาถึงก็บอก "ไอ้โล้น ! ของมึงมีบาทเดียว ไม่ใช่เต็มบาตรแบบนี้ ทุจริตไม่สมควรแก่ผ้ากาสาวพัสตร์"

    พูดจบ จับลากเอาลงแม่น้ำสาธุ แม่น้ำสาธุตอนนั้น 2-3 คนยังไม่ถึงเลย น้ำลึกมาก พระองค์นั้นไปลอยคออยู่ในแม่น้ำ กดหัวจมแล้วก็โผล่ๆ เหมือนกับดำแล้วโผล่ขึ้นมาอยู่กลางน้ำ จนกระทั่งชาวบ้านเขาเห็นเข้าก็เอาเรือไปช่วย พอไปช่วยขึ้นมาก็ถามท่านว่า "เป็นอะไรครับ" ท่านบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เลยเล่าประวัติให้ฟัง

    นี่พระไร้ศีล ใช่ไหม เขาบอกบาทเดียว ล่อเสียบาตรบิณฑบาตเลย เงินบาทนั้นก็ไม่ได้ แล้วก็ดำน้ำผลุบๆโผล่ๆเสียแทบแย่ นี่ของจริงมี ไม่ใช่นิทาน



    (จาก "หลวงพ่อตอบปัญหา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 261 เดือนธันวาคม 2545 หน้า 55-57)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2020
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]

    เชือกแดงสมัยหลวงพ่อครับ
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    สติกเกอร์พระคาถาเงินล้านปลุกเสกสมัยหลวงพ่อ
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]

    [​IMG]

    ขวดน้ำมนต์ชาตรี สมัยหลวงพ่อยังดำรงชีิวิตอยู่
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    2a.jpg
    คนตายโกหกคนเป็น



    เมื่อวันที่ 2 ธันวา 2537 ได้รับโทรศัพท์จากชลบุรี ขอรบกวนท่านผู้หญิงหน่อยหรือคุณหญิงอะไรเนี่ย ว๊าย ! อย่าเรียกอย่างนั้น ให้เรียกพี่ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นรุ่นพี่ลูกหลวงพ่อเหมือนกัน ครับๆ เมียตายอยากรู้ว่าไปดีหรือมีความทุกข์อยู่ที่ไหน จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง จึงบอกไม่ต้องบอกจะดูเองเดี๊ยวนี้เลย เธอขอให้นั่งสมาธิตรวจดู ไม่ต้องขี้เกียจ ดูง่ายๆ ไม่ยาก ขณะที่พูดใจขอเห็นคนตาย ทำใจสบายๆ เบาๆ เหมือนมโนมยิทธิครึ่งกำลัง เห็นโผล่มาแล้ว จึงบอกว่าเมียใบหน้าแป้นๆ ผมยาวแค่คอผิวสองสีรูปร่างสันทัด นิสัยกินอาหารง่ายๆ อะไรๆก็กินได้คือไม่เลือกมาก ถ้าไม่สังเกตุจะไม่รู้ว่าเธอชอบกินอะไรมากกว่ากัน ถามตอนนั้นว่าจริงๆแล้วชอบกินพวกปลาๆนึ่ง ปลาปิ้ง สามีบอกใช่

    ขอถามว่าเมียตอนจะตายมีอาการอย่างไร จึงบอกไปว่าก็คุณรู้อยู่แล้วจะมาถามทำไม ผมจะได้แน่ใจ จึงบอกว่าคุณกำลังพูดหน้าผากกว้างๆ ไม่ใช่หัวล้านนะ คางแหลมๆ ครับๆเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ

    จึงดูและบอกไปว่าเมียคุณอยู่ชั้นยามาเห็นแต่งชุดขาว นับถือหลวงพ่อมาก(พระราชพรหมยาน) แต่ไม่ได้ทำตามคำสอนอย่างจริงๆจังๆ ทำบ้างไม่ทำบ้าง อยากไปพระนิพพาน ตายแล้วจึงอยู่ยามา จะทำบารมีต่อบนนั้นไม่กลับมาเกิดอีก ถ้าทำจริงๆมากๆก็จะถึงนิพพานชาตินี้ ผมก็ได้ถวายสังฆทานให้แล้วที่วัดท่าซุงหรือบ้านสายลม ญาติพี่น้องฝันเห็นเมียไปหาแล้วร้องไห้ บอกว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่แบบอดอยากอะไรงี๊

    ถามผีว่าทำไมทำอย่างนั้น ผีบอกว่าอยากจะให้ญาติพี่น้องเข้าวัดทำบุญบ้าง เป็นบุญของผู้ทำเอง ม่ายงั้นเขาไม่ทำบุญกัน จึงโกหกเขา นี่เป็นอีกหลายๆรายที่เคยพบ

    อีกรายหนึ่งรู้จักดีมาก เป็นคนดีทำราชการเป็นนายตำรวจใหญ่ ไม่กินไม่โกง ป่วยนาน ข้าพเจ้าไปเยี่ยมท่าน ท่านก็รู้จักหลวงพ่อดี เพราะอยู่บ้านใกล้ๆสายลม แต่ไม่ได้ไปทำบุญปฏิบัติด้วยที่บ้านสายลม ทำเองที่บ้าน ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าเป็นครูสอนมโนมยิทธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อข้าพเจ้าไปเยี่ยมเมื่อไรก็พูดถึงธรรมะง่ายๆ ขอให้ตัดร่างกายอย่างเดียวว่าเราเบื่อแน่นอนไม่อยากกลับมาเกิดอีก โลกมนุษย์ทุกข์ทั้งนั้น บอกท่านเป็นคนดีใจดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อันนี้เป็นบุญมากแล้ว ฉะนั้นอธิษฐานขอผลบุญได้เลย ภาวนาไปเรื่อยๆ ฯลฯ เมื่อตายแล้วไปเป็นพรหมชั้นที่ 7 แล้วก็ไปเข้าฝันลูกบ้าง ญาติบ้าง แบบว่าตายแล้วไม่สบาย ให้ลูกหลานทำบุญอุทิศส่วนบุญให้ เขาก็ทำกัน ข้าพเจ้าถามผี ท่านก็บอกว่าอยากให้เขาทำบุญได้บุญเข้าวัดบ้าง บุญจะได้สนองผู้กระทำเอง เรียกว่าคนตายโกหกคนเป็น เพื่อผลดีแด่ผู้ทำเอง

    สวัสดี

    ชาโดว์

    25 ธันวาคม 2537

    (จากหนังสือบันทึกของชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 143-144)



    ประสบการณ์อันน่าพิศวงของเหรียญพระชัยหลังช้าง






    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-160
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2018
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ตั้งหิ้งพระในห้องนอนกลัวบาป

    ผู้ถาม : อยากเรียนถามหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าลูกมีความจำเป็นจึงต้องทำหิ้งพระไว้ในห้องนอน แต่มีคนบอกว่าการที่ทำหิ้งพระไว้ในห้องนอนจะมีบาปมีกรรม เพราะเวลาผัดหน้าแต่งหน้าหรือนอนทำให้พระพุทธรูปกำลังใจเสีย ทีนี้จะย้ายไปก็ไม่สะดวก จะทำจิตทำใจอย่างไรเมื่อมีความจำเป็นอย่างนี้เจ้าคะ

    หลวงพ่อ : ปัดโถ่เอ๋ย ท่านมีเนื้อมีท่านยังไม่เสียเลย ดี เป็นมงคลใหญ่ไม่เป็นไร ทำตามปกติ พระพุทธเจ้าท่านว่าใครล่ะ ดิ้นเป็นเรอะ ถ้าพระพุทธเจ้าดิ้นเป็นสงฆ์ไม่เหลือแล้ว

    ดี พระอยู่ในห้องนอนน่ะดี เห็นทุกวัน ตื่นขึ้นมาก็มองเห็น ไปทำงานก็มองเห็น จิตเป็นพุทธานุสสติ อันนี้มันลงนรกไม่ได้อยู่แล้ว จะแก้ผ้าแก้ผ่อนอย่างไรก็ตามเถอะ นิมนต์พระดูด้วยก็ได้ นานๆ ที (หัวเราะ)


    ( จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2538)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2013
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    ชอบดูละคร, โขน, หนัง

    ผู้ถาม : ลูกชอบดูละครโขนหนัง เรียกว่าติดเอามากๆเลย มีความลุ่มหลงเป็นอย่างมาก ลูกอยากจะเรียนถามว่าการดูมหรสพเพื่อเป็นแนวทางพระกรรมฐานนั้น เราควรจะดูแบบไหนและใช้ปัญญาแบบไหนเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : ใช้ปัญญาแบบพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์

    เอางี๊ซิ ถ้าดูแบบวิปัสสนาญาณ ก็เห็นว่าผู้แสดงนี้เป็นทุกข์ ไม่ทุกข์เขาไม่มาแสดง เขาต้องการสตางค์เพราะเขาไม่มีเงิน ต่อมาแสดงเมื่อมันเหนื่อยก็ทุกข์ คนแสดงก็ดี คนดูก็ดี ไม่ช้าก็ตายเหมือนกันหมด ทุกคนต่างคนต่างตาย

    พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์คิดแบบนี้ ท่านบอกว่าคนที่แสดงมหรสพก็ตาม คนดูก็ตามทั้งหมดนี่ มีอายุไม่ถึง 100 ปี ก็ตายหมด ไอ้เราก็ต้องตายเหมือนกัน ทีนี้โลกนี้มีของคู่กัน มีผู้หญิงก็ต้องมีผู้ชาย มีมืดก็ต้องมีสว่าง ฉะนั้นธรรมที่ทำให้คนตายมีอยู่ ธรรมที่ทำให้คนไม่ตายต้องมี


    (จากคอลัมภ์ "หลวงพ่อตอบปัญหา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 173 เดือนสิงหาคม 2538 หน้า 85)



    เบื่อวัฏจักร



    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา หนูไม่เคยปฏิบัติกรรมฐานเลย ไม่เคยฟังเทศน์เลย แต่มีความรู้สึกอย่างนี้เจ้าค่ะ คือเบื่อในวัฏจักรเจ้าค่ะ มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก่อน (เบื่อแบบนี้ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้)

    ตอนนี้ลูกก็มีอายุแค่ 34 ปี อยากจะอยู่สัก 50-60 ปี แล้วก็ตั้งใจจะไปไม่กลับเลย อารมณ์อย่างนี้ ลูกควรจะเพิ่มเติมอย่างไรอีกเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : อารมณ์นี้ดี เป็นนิพพิทาญาณ ไม่เคยเจริญกรรมฐานเลยน่ะ ไม่แน่หรอก เพราะชาตินี้ไม่ได้เจริญแต่ชาติก่อนเจริญ ผลของบุญนี่นะถ้าสนองขึ้นมาเมื่อใด สังเกตุในสมัยพระพุทธเจ้า คนไม่เคยเรียนอะไรเลย ฟังเทศน์จบเดียวเป็นอรหันต์พร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ นั่นแสดงว่าบุญเก่าเขาเต็ม

    รายนี้ก็เหมือนกันจะถือว่าไม่เคยเจริญกรรมฐานไม่ได้ ชาตินี้ไม่ได้ทำแต่ชาติก่อนทำ บุญอันนั้นมาสนอง แต่ระวังให้ดีนะ มันเป็นญาณโลกีย์มันเสื่อมได้ ต้องระมัดระวังให้มาก


    (จากคอลัมภ์ "หลวงพ่อตอบปัญหา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 173 เดือนสิงหาคม 2538 หน้า 83)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2020
  17. ก้องแดน

    ก้องแดน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +15
    โมทนาด้วยครับ โดนใจที่สุดครับ
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    1238854_682897061720993_703395256_n.jpg
    ความสามารถของหลวงพ่อตอนเด็กๆ



    "คืนวันที่ 16 ธันวาคม 2526 ก่อนเวลานั่งกรรมฐาน หลวงพ่อท่านไม่ได้ลงสอน และท่านคุยกับเราถึงเรื่อง เมื่อเด็กๆ อยู่โรงเรียน


    1. ท่านชอบ เล่นกีฬาฟุตบอล และสามารถเตะจากประตูที่ยืนโด่งไปเข้าประตูตรงกันข้ามได้และหัดอยู่ไม่นาน ก่อนที่จะสามารถเตะได้เช่นนี้ ท่านเตะกับเพื่อนอีก 1 คน ผลัดกันเตะ โดยอยู่คนละด้านตรงหน้าประตู และเพื่อนก็สามารถเตะเข้าประตูที่ท่านยืนอยู่ได้

    2. ท่านเคยลงแข่งขันเป็น นายประตู และเตะแบบข้อ ๑ เตะเข้าประตูฝ่ายตรงข้าม คือเพื่อนที่ซ้อมเตะมาด้วยกันนั้น ก็สามารถเตะเข้าประตูที่ท่านรักษาอยู่ได้เหมือนกัน เมื่อลงเล่นเตะได้ประตูเช่นนี้คนละครั้ง กรรมการเลยให้ท่านและเพื่อนออกไปนอกสนาม เพราะไม่อยากให้เล่นต่อไป

    3. ท่านชอบ มวยไทย เคยหัดเตะต้นกล้วยที่ตัดยอดและโคนออกแล้ว เอามาปักตั้งไว้ แล้วเตะด้วยขาทั้งซ้ายและขวา...ต้นกล้วยไม่ล้ม ท่านบอกว่าครั้งแรกต้นกล้วยไม่ล้ม...แต่ตัวเราล้ม

    4. ท่านชอบ เล่นปามีด สามารถปามีดปาดโคนเครือกล้วยได้ทั้ง เครือ ให้ขาดตกลงมารับได้สบาย ท่านเล่าว่าหัดปาเพียงวันเดียวเท่านั้น เข้าใจว่าคงเป็นของเดิม (ในชาติก่อนๆ ท่านคงปามีดเก่ง)" ท่านพกมีดปา 5 เล่ม ตามขอบกางเกงที่พุง

    เคยมีนักเลง 5 คนจะรุมทำร้ายท่านเป็นนักเลงต่างถิ่น ท่านแสดงปามีดปักผลกล้วยให้ดู และบอกว่าแค่นี้ปานัยน์ตาไม่พลาด พวกนักเลงต่างถิ่นรีบหนีไปเลย (ผู้เขียนเคยได้ยินท่านเล่าเหมือนกัน ท่านสามารถใช้มีดปามะม่วงให้ตกลงมาได้ โดยให้ชี้ว่าต้องการลูกไหน)

    5. ท่านหัด ว่ายน้ำ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าราชวรดิฐ หัดว่ายอยู่จนสามารถว่ายไปกลับข้ามแม่น้ำเจ้าพระยารวมได้ 20 เที่ยวได้อย่างสบายๆ......"


    (จากหนังสือ " ตายรอยพระพุทธบาท " ฉบับรวมเล่ม 4 โดยหลวงพ่อชัยวัฒน์ อชิโต หน้า 424)



    IMG_20171124_115807.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2018
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    สมาธิเสื่อม


    ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกเชื่อคำแนะนำของหลวงพ่อทุกอย่าง แต่ว่าเรื่องสมาธินี่ ไม่ทราบว่าระยะนี้เป็นอย่างไรชอบตกอยู่เรื่อยๆ พยายามยกเอาจิตขึ้นสู่องค์ภวังค์ ขึ้นมาแป๊บเดียวมันก็หล่นลงไปอีก นึกขึ้นได้ว่าหลวงพ่อแก้ปัญหาเก่ง สามารถจะยกจิตขึ้นมาได้ ขอให้หลวงพ่อช่วยแนะอีกเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : ขอยืมบุ้งกี๊เหล็กเขามา เอาตักจิตยกขึ้นมา (หัวเราะ) เอางี๊ซิ เรื่องนี้เป็นของธรรมดานะ ทำไปๆ ต่อไปเมื่อกำลังจะดีบ้าง กิเลสมารก็เข้ามากวนใจ ทุกคนเป็นเหมือนกัน ก็เกิดมีอารมณ์เบื่อบ้าง มีอารมณ์มืดบ้าง พอดีร่างกายไม่ค่อยสบายก็มีอารมณ์มืด

    ทีนี้การภาวนามันมี 2 อย่าง อารมณ์ทรงตัวกับอารมณ์คิด ถ้าทรงตัวไม่ไหวก็ใช้อารมณ์คิด

    คิดว่ายังไง มันจะแก่ก็ช่างมัน มันจะตายก็ช่างมัน มันจะป่วยก็ช่างมัน หวยจะกินก็ช่างมัน ฝึกไว้มันจะชิน คิดว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามกฏแห่งกรรม ขึ้นชื่อว่ากฏของกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ พระพุทธเจ้าเองยังโดน เราก็เหมือนกัน ขอทำชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ตายแล้วเลิกกัน ไปนิพพาน


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ เดือนสิงหาคม 2538)
     

แชร์หน้านี้

Loading...