ริชชี่ มนุษย์พลังจิตคนเชียงใหม่ที่โด่งดังในตอนนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nnn, 15 สิงหาคม 2007.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะสอนให้ฟังกับคนที่งมงาย
    พวกคุณต้องแยกให้ออกระหว่าง ธรรมะ และ ความเป็นเช่นนั้นเอง
    เรื่องของริชชี่ นี้ ผมไม่อยากให้พวกคุณ ไปคิดว่า เขาจะช่วยเหลืออะไรเราได้ ถ้าจะบอกว่า 10 ปีมานี้ ริชชี่ช่วยเหลือคนมามาก ผมก็บอกได้ว่า 20 ปีมานี้ผมช่วยเหลือคนไปไม่รู้เท่าไร
    การช่วยเหลือ คุณต้องแยกให้ออกว่า ช่วยเหลืออะไรกัน ยั่งยืนหรือชั่วครู่ การช่วยแล้วสำเร็จผลนั้น ต้องดูว่ายั่งยืนต่อไปหรือเปล่า
    ถ้าจะบอกว่า มีคนมารักษากับริชชี่ แล้วริชชี่ บอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อ้างว่าคุยกับเทพบ้างอะไรบ้าง พวกคุณกำลังเชื่ออะไรในสิ่งที่ตนเองพิสูจน์ไม่ได้ พระพุทธองค์ไม่เคยสอนธรรมแบบนี้นะ
    ผมจะบอกให้ฟังว่า เวลาผมช่วยคน คือ ต้องแจงให้คนเหล่านั้นมีปัญญามากขึ้น หากเขาไม่มีปัญญาก็ต้องให้กำลังใจโดยไม่ให้ ปัญญาเดิมที่มีอยู่นั้น หลงไปอีก หัดเข้าใจกันบ้างตรงนี้
    สภาวะที่มนุษย์เราเจอ ทุกข์ สาเหตุต่างๆ นาๆ นั้น มีเหตุซ้อนๆ กันอยู่ พออธิบายไม่ได้ ก็เหมาเอาว่าโดนของบ้าง โดนเจ้ากรรมนายเวรบ้าง สาเหตุหลักสำคัญของทุกข์นั้นคือ จิตใจไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ตามปกติ แล้วเวลาคนเขาว่าตรงนั้นตรงนี้ดี วิเศษ ใจมันมีหลักยึดไปกว่าครึ่ง โรคหรือ ความทุกข์ใจ มันก็หายไปชั่วครู่ ตรงนี้ให้เราพิจารณาความซับซ้อนของจิตกันหน่อย มันอาจจะยาก แต่สรุปคือ จิตติดพัน หมกมุ่น
    ในเวทนา ไม่เป็นอันถอน ในพุทธศาสนาเขาเรียกว่า มันไม่จางคลาย คือ ขมวดปม
    แต่ถ้าเราพิจารณากันดีๆ ชีวิตทุกคนมีขึ้นมีลง มีสุขมีทุกข์เคล้ากันไป แทบทุกวินาที แต่คนไม่ปล่อยวางมันก็หมายอยากให้ สุขตลอดเวลา
    การที่จิตติดพันกับทุกข์นี้ มันเหมือนกับ คนใช้ชีวิตประจำวัน เราเคยทำอย่างไร มันก็ทำอย่างนั้น ชอบอย่างไรมันก็ชอบอย่างนั้น เพราะจิตนี้มันชอบติด พอติดมันก็เป็นภพเป็นชาติขึ้นมา ก็เกี่ยวเนื่องกับว่า ทำไมคนมีทุกข์ไปหาริชชี่ ถึงหายได้ เพราะว่า จิตมันเปลี่ยนภพ คือ สลัดออกหันไปหาที่ใหม่ ตามแนวที่ริชชี่บอกมา
    แต่แทนที่จะสลัดคืน ค่อยๆ มีสติ กำหนดรู้กำหนดทราบว่า เราเป็นอะไร ก็เช่นนั้นเอง กลับหันไปหาอีกที่หนึ่ง คราวงนี้แหละ ติดหนักกว่าเดิมอีก ไปตามดูเถอะว่า คนที่ริชชี่ช่วยไปแล้วเขามีวิถีเป็นอย่างไร
    ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจกันมากกว่านี้ แต่ขอให้พิจารณากัน ก่อนที่จะรับอะไรเข้ามาดูว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้มันเป็นธรรมะหรือไม่ ทุกข์จริงๆ อยู่ที่ไหน ปัญหาจริงๆอยู่ที่ไหน ไม่ใช่พอทุกข์ขึ้นมาไม่หายสักทีก็เหมาเอาว่าเป็นเพราะ โดนคุณไสย โดนผีกระทำ โดนเจ้ากรรมนายเวรกระทำ

    แต่ตัวเองกระทำตัวเองนั่นแหละไม่รู้ตัว มองไม่เห็น วิถีชีวิต วิถีความคิด วิถีการกิน วิถีการกระทำ นั่นแหละ เป็นตัวกำหนด ก็ธรรมะของพระพุทธองค์บอกว่า ทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นแต่เหตุ ดับที่เหตุเสีย เหตุทั้งหลายนี้เราเห็นได้ถ้ามีสติตามสังเกตุ ถ้าเหตุเหล่านั้น มาจากผีสางเทวดา พระพุทธองค์ต้องบอก วิธีการแก้ไข แต่ท่านทรงบอกให้แก้ ที่กิเลส โดยการ มีศีล สมาธิ และ ปัญญา ทำจิตให้ว่าง ทำกุศลให้ถึงพร้อม ละบาบทั้งปวง หากเราทำไม่ได้แล้วเหมาเอาว่า ทุกข์นั้นมาแต่ที่อื่น มันก็ต้องบ้าตามริชชี่ไป
     
  2. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ผมคิดว่าสิ่งที่ "ริชชี่" ทำอยู่ เป็น "สัมมา" นะ
    การที่เราไม่รู้ ไม่เข้าใจในตัวริชชี่นัก เราก็ออกความเห็น
    ความเห็นนั้น ก็คือ "ทิฐิ" นั่นเอง ดังนี้ มีสองทางครับ

    ๑. ออกความเห็นโดยมองที่แนวทางเขาทำดี
    ๒. ออกความเห็นโดยมุ่งจับผิดจุดเล็กจุดน้อย


    ก็คิดเอาเองนะครับว่า คิดเห็นแบบไหน เป็น "สัมมาทิฐิ"
    และความคิดเห็นแบบไหนที่จัดเข้าเป็น "มิจฉาทิฐิ" อิๆๆ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การมองว่าเขา ทำดี น่าสรรเสริญ แบบนี้เป็นสัมมาทิฎฐิ ได้หรือ
    การมองว่าเขาทำไม่ดี จับผิด จุดเล็กน้อย แบบนี้เป็นมิจฉาทิฎฐิได้หรือ

    ถ้าจะบอกแบบนี้มองแคบเกินไป เพราะว่า การทำดี บางครั้งทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้กระทั่ง พระปิณโฑล เหาะไปเอาบาตรในสมัยพุทธกาล ก็ด้วยเจตนาดีที่ ต้องการให้คนอื่นรู้ว่า พระอรหันต์สาวกแห่ง พระพุทธองค์นั้นมีจริง ครั้งนั้น พระศาสดา กล่าวเปรียบว่า เป็นเหมือน โสเภณีเปลื้องผ้าเพื่อแลกกับเงิน ทำดีแบบนี้เรียกว่า สัมมาทิฎฐิหรือเปล่า และคนที่เอาความเรื่องนี้มาบอกพระพุทธองค์เป็น มิจฉาทิฎฐิ คือ จับผิดหรือเปล่า
     
  4. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    ขอตอบคุณ ขันธ์ ในหลาย ๆ ประเด็นนะครับ และผมจะไม่ตอบกระทู้คุณอีกครับ เพราะถือว่า สิ่งที่ได้ Post ไปน่าจะชัดเจนในระดับหนึ่งครับ

    ใจเย็นๆ นะท่านทั้งหลาย การที่เราพบอะไรมา อย่าเพิ่งเชื่อไป อิงหลักกาลมสูตรกันหน่อย
    ริชชี่ เด็กน้อยที่ยังมีตัณหาร้อยแปด จะมาช่วยอะไรใครได้

    ช่วยชี้แนะ แนวทาง และได้ช่วยให้หลาย ๆ คนพ้นจากทุกข์ที่เขากำลังเผชิญ และได้รับอยู่ ครับ โดยแนวทางนั้น แต่ละคนต้องปฏิบัติเอง ไม่ใช่ว่า เจอริชชี่แล้วจะหายทั้งหมด

    พระพุทธเจ้า ท่านก็ป่วย และมีหมอชีวกโกมารภัทรคอยรักษา
    หลวงปู่มั่นท่านก็ป่วย ก็ต้องทนแบกสังขาร
    มีใครบ้างไม่ป่วย มีใครบ้างไม่มีกรรม แล้วริชชี่เป็นใคร จะมาแก้กรรมให้กับคนอื่น

    ริชชี่ ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละครับ เพียงแต่เค้าได้รับความสามารถทางด้านจิตมา (ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไร) ไม่ได้แก้กรรมให้คนอื่นครับ เพราะริชชี่ก็บอกชัดเจนอยู่แล้ว และมีในหนังสืออยู่แล้วว่า กรรมเป็นของตัวบุคคล คนจะแก้ได้ ก็ต้องไปปฏิบัติเองอยู่แล้ว แต่แนวทางนั้น ริชชี่ช่วยบอกได้

    เราควรมองในแง่ร้ายกันบ้างนะ คนที่มาโพสกระทู้นี้อาจจะเป็น ขบวนการของริชชี่เอง ที่ต้องการหาเงิน
    อาศัยช่องทางที่คนชอบทางด้านนี้ สนใจ ก็คือ เวปพลังจิต เป็นช่องทาง

    ขอโทษเถอะครับ ผมรับไม่ได้กับข้อความตรงนี้จริง ๆ ครับ เริ่มข้อความนี้มาก็แย่แล้วครับ ถ้าบอกกว่ามองคนละด้านยังพอว่านะครับ แต่นี่ให้มองในแง่ร้าย (คิดไม่ดี) แล้วขบวนการของริชชี่อะไรนั่น โห... คิดได้... ถ้าต้องการหาเงิน ไม่ต้องใช้ Web พลังจิต เป็นช่องทางหรอกครับ ช่องทางการทำตลาดมีมากกว่านั้นเป็นหลายร้อยช่องทาง

    คนเราถ้ามีเมตตาบารมี ก็ไม่ต้องมาเปิดตัว ขายหนังสือ ทำยังกับการตลาด คอยชั่วเหลือคนอื่นไปสิ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา กรรมนั้นคือ ขายหนังสือ หาเงิน อย่าบอกว่า ขายหนังสือไม่ต้องการเงิน ต้องการช่วยคน

    คุณรู้ได้อย่างไรว่าวัตถุประสงค์ของผู้เขียน และเรียบเรียงคือต้องการเงิน ไม่ใช่ต้องการช่วยคน ใช่ครับ กรรมเป็นเรื่องของเจตนา ข้อความที่คุณ Post มาก็แสดงถึงเจตนาในจิตใจของคุณเช่นกัน ว่า Post ด้วยวัตถุประสงค์ ด้วยใจที่บริสุทธิ์ที่อยากจะให้คนอื่นมองอีกด้าน(ในเชิงสร้างสรรค์หรือไม่)

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้สัมผัสรู้จักริชชี่ดีพอ หรือแม้กระทั่งได้อ่านหนังสือจบอย่างมีสติ และใช้ปัญญาพินิจ พิเคราะห์ คงไม่ต้องพูดถึงประเด็นนี้แล้วล่ะครับ

    ก่อนหน้านี้มี น้องพริกถ่ายคลิป แต่สุดท้ายแล้วคือ การสร้างกระแส ตอนนี้ก็เช่นกัน เราชาวพุทธ ควรที่จะอิงหลักกาลมสูตรให้มาก อย่าไปโง่ให้เขาหลอกเอา

    เปรียบเทียบกับ Clip น้องพริกเหรอครับ มันคนละเรื่องกันเลยครับ ผมคิดว่า เจตนาของเจ้าของกระทู้คงไม่ใช่เป็นการสร้างกระแส แต่เป็นการแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ที่เค้าคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ใน Webboard แห่งนี้มากกว่าจะมาหวังผลแบบที่คุณคิด
    และที่คุณยกเอากาลามสูตรมา ก็ดีแล้วครับ ผมคิดว่า ทุกคนมีความคิด
    ประโยคสุดท้าย อย่าไปโง่ให้เขาหลอกเอา คุณคิดว่า ทุกคนโดนใครหลอกอยู่เหรอครับ ผมไม่คิดว่า หนังสือ Super Richy ต้องการจะหลอกใคร เพราะทุกคนมีวิจารณญาณในตัวเอง หากได้อ่านจบแล้ว ก็อยู่ที่ว่า จะคิดอย่างไร
    ที่คุณ Post มานั้น เป็นเพราะตัวคุณเอง ก็คงยังไม่ได้อ่านหนังสือให้จบนะครับ

    (ขยายความเรื่องนี้ ผม Post ไปในหัวข้อ บัว 4 เหล่าไปแล้วครับ)

    จะสอนให้ฟังกับคนที่งมงาย
    พวกคุณต้องแยกให้ออกระหว่าง ธรรมะ และ ความเป็นเช่นนั้นเอง
    เรื่องของริชชี่ นี้ ผมไม่อยากให้พวกคุณ ไปคิดว่า เขาจะช่วยเหลืออะไรเราได้ ถ้าจะบอกว่า 10 ปีมานี้ ริชชี่ช่วยเหลือคนมามาก ผมก็บอกได้ว่า 20 ปีมานี้ผมช่วยเหลือคนไปไม่รู้เท่าไร

    งมงาย คือ เชื่อ โดยไม่มีเหตุผล ต่างกับ ศรัทธานะครับ
    ถูกแล้วล่ะครับ เพราะริชชี่ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ได้ออกหนังสือมาเพื่อให้คนมาเชื่อ หรือขอความช่วยเหลือ แต่ให้ทุกคนที่อ่าน จะได้เข้าใจในผลกรรมที่ตัวเองได้รับมากขึ้น และสามารถปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง
    ส่วนที่ 20 ปีมานี้ คุณช่วยคนไปไม่รู้เท่าไร ก็ดีแล้วครับ ช่วยต่อไปเถอะครับ เป็นผลดีต่อตัวคุณเองครับ อย่ามาเดือดร้อนเลยครับว่าริชชี่ช่วยคนไปมากหรือน้อยขนาดไหน

    การช่วยเหลือ คุณต้องแยกให้ออกว่า ช่วยเหลืออะไรกัน ยั่งยืนหรือชั่วครู่ การช่วยแล้วสำเร็จผลนั้น ต้องดูว่ายั่งยืนต่อไปหรือเปล่า
    ถ้าจะบอกว่า มีคนมารักษากับริชชี่ แล้วริชชี่ บอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อ้างว่าคุยกับเทพบ้างอะไรบ้าง พวกคุณกำลังเชื่ออะไรในสิ่งที่ตนเองพิสูจน์ไม่ได้ พระพุทธองค์ไม่เคยสอนธรรมแบบนี้นะ

    คำตอบก็คงเหมือนเดิมครับ คุณรู้หรือ ว่าริชชี่ช่วยคนแบบไหน ยั่งยืนหรือชั่วคราว คุณเองยังไม่เคยได้สัมผัส หรือพูดคุยกับคนที่มาหาริชชี่เลยครับ ว่าเค้าสอนคนพวกนั้นอย่างไร สอนนอกศาสนาพุทธหรือ ผมว่าไม่นะครับ เพราะผมได้สัมผัสมา
    แล้ว คุณบอกว่า ริชชี่อ้างว่า คุยกับเทพ คำว่าอ้างว่า แสดงว่า มันอาจจะไม่จริง ผมไม่เถียงครับ หากคุณไม่เชื่อเรื่องนี้ เพราะคุณอาจไม่เคยสัมผัสได้ถึงระดับนั้นจริง ๆ ส่วนที่บอกว่าพิสูจน์ไม่ได้ อาจจะไม่ใช่แล้วล่ะครับ เพราะหลาย ๆ คนก็ได้พิสูจน์มาแล้ว

    หากเราทำไม่ได้แล้วเหมาเอาว่า ทุกข์นั้นมาแต่ที่อื่น มันก็ต้องบ้าตามริชชี่ไป

    เอาตอนท้ายเลยละกันนะครับ สุดท้าย คุณก็ยังแสดงความเห็นอย่างอคติต่อตัวริชชี่อยู่ดี ว่าต้องบ้าตาม
    สิ่งที่เค้าได้ถ่ายทอดมาในหนังสือนั้น คุณมีสิทธิจะไม่เชื่อ และแสดงความเห็น แต่ถ้าจะให้ดี แสดงความเห็นกัน เชิงสร้างสรรค์ ดีกว่ามั้ยครับ เพราะสุดท้าย ทุกคนที่ได้อ่านสิ่งที่คุณ Post ไป ผมว่า เค้าสัมผัสได้ว่า แท้จริงแล้ว คุณ Post ด้วยจิตที่เป็นกุศลหรือไม่ครับ

    สุดท้ายผมขอ Copy สิ่งที่ริชชี่ได้ Post ไว้ใน web www.superrichy.com มาให้ได้อ่านกัน เพื่อจะได้เข้าใจว่า จริง ๆ แล้ว น้องเค้าคิดอย่างไรกับการที่มีคนมาคิด และพยายามให้คนอื่นคิดตามว่า เค้าออกหนังสือเพราะอยากดัง อยากได้เงิน มีอย่างอื่นแอบแฝง หรือหลอกลวงบ้างล่ะ

    ขอให้ทุกท่านที่คิดดี ทำดี ได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตนะครับ

    --------------------------------------------------------------

    ผมไม่ได้อยากออกหนังสือมาเพื่ออยากดัง ถ้าผมอยากจะดังผมมีวิธีทางอื่นครับ ด้วยความสามารถอย่างอื่นที่ผมมี

    และไม่ได้ออกมาเพื่ออยากได้เงินทอง หรือของนอกกายทั้งหลายหรอก
    การที่ผมช่วยคนตั้งแต่อายุ 13 ปี จนมาถึงตอนนี้มันกินเวลาชีวิตผมไปร่วม 10 ปีแล้ว โดยที่ผมเองไม่ได้ต้องการอะไรจากการช่วยเหลือคนเหล่านั้นครับ

    ในสถานะปัจจุบันผมเป็นคนเหมือนพวกคุณ ผมไม่คิดที่จะต้องไปพึ่งใครเลยกับการแก้กรรม และไม่ต้องการให้คุณมาพึ่งผม เพราะผมเองก็ไม่สามารถไปยุ่งกับกรรมของใครได้นอกจากตัวคุณเองต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น ทุกคนที่ปรารถนาให้กรรมของตัวเองหลุด หรือคลี่คลายไปได้ จะต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นครับ เป็นสิ่งที่คุณต้องทำเองทั้งสิ้น ผมเพียงแค่แนะวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุด

    เหตุผลที่ผมออกหนังสือมาเพราะผมเหนื่อยมากกับการที่ต้องเล่าเรื่องราวแก้กรรมวันละหลายหนกับคนหลายๆ กลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เดือดร้อนหนักๆ จริงๆ และกลุ่มคนที่หวังแต่ให้ตัวเองสบายหลุดพ้นจากกรรมโดยง่าย ทุกคนที่มาหาผมจะได้รู้เหมือนๆ กัน คือวิธีทำสมาธิเพื่อแก้กรรม(หรือนั่งสมาธิเพื่อขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร)โดยตนเอง

    ลองนึกดูนะครับที่ผมทำมา 10 ปี ผมต้องจัดการกับสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปควรกระทำทั้งเรียน ทำงาน กิจกรรมในมหาวิทยาลัย แล้วผมก็ยังต้องมาช่วยคนอีก บอกจากใจจริงครับ ตอนนี้ผมเหมือนคนที่ทำงานหนักมานาน ผมออกหนังสือเพราะอยากที่จะเกษียณแล้ว ให้พวกคนโดยมากรู้วิธีที่ง่าย ๆ และถูกต้อง และไม่ได้หวังให้คนมาหาผม

    ดูตามหลักทางโลกมนุษย์ง่าย ๆ ผมเสียทุกอย่าง ค่าไฟ ค่าน้ำ เวลาของชีวิตผม เพื่อช่วยคน ถ้าผมรับเงินตั้งแต่เริ่มช่วย ตอนนี้ผมคงรวยแล้วแหละครับ
    การช่วยคนแล้วเอาเงินคือการเอากรรมของคนนั้นมาที่เรา ผมไม่มีทางเอาตัวผมไปเกี่ยวกับกรรมของแต่ละคนที่มาหาผมหรอกครับ

    ถ้าคุณลองอ่านในหนังสือดูดี ๆ ใช้สติที่มีอยู่ทั้งหมดของคุณ คุณจะรู้ว่าผมมันสวนกระแสกับสิ่งที่พวกคุณเคยเห็นมาจนชินตา แล้วจะได้รู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะเป็นผม

    เงินทองมันจิ๊บ ๆ สำหรับผมครับ และพวกที่เข้าใจว่าผมเป็นเหมือนพวกคุณ คุณทำดีแล้วแต่ยังดีไม่พอที่จะเป็นอย่างผม เชิญครับอนาคตคุณอยู่ที่การกระทำในปัจจุบันของคุณ กรรมคุณจะหมดได้นั้นคุณจะทำยังไง มันเป็นสิ่งที่คุณควรใช้สติและการกระทำตัดสินเองครับ ใช้สติของคุณอ่านแล้วปัญญาคุณจะเกิดเองครับ
    ------------------------------------------------
     
  5. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    เด็กที่ตั้งใจจะทำความดี
    แล้วเราไม่สนับสนุน
    แหม อีกหน่อยสังคมเรา
    "คนดีตายเรียบ" ครับ
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เป็น คนดี ต้อง พลีชีพ
     
  7. ป่ารักษ์น้ำ

    ป่ารักษ์น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +238
    เข้าใจด้วยตนเองมาตลอดว่าโลกเรานี้..ไม่ใช่ว่ามีแค่โลกเรายังต้องมีอีกที่ที่เราไม่เข้าใจ...
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่ การสนับสนุนเด็ก แต่ปัญหาคือ ผู้ใหญ่ไม่รู้อะไร เด็กไม่รู้อะไร เลยพากันลงหลุมทั้งคู่ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่
    คุณคิดว่า การมาบอกว่าตนเองเป็นภาคหนึ่งของ นารายณ์ รู้กันไหมว่าคำว่า นารายณ์นี้มันเกิดจากมนุษย์ คิดกัน เช่นว่า พระเจ้า นี้ก็เกิดจากมนุษย์คิดกัน พอเด็กริชชี่รับรูสิ่งนี้เข้ามา เขาไม่เข้าใจ ตัวเขาเกิดเหตุการณ์ประหลาดเข้ามา เขาไม่เข้าใจว่า มันคือ จิตที่ไหวไป จากประสบการณ์การรับรู้ ก็บอกตนเองว่า นารายณ์ ก็อยากจะบอกว่า นารายณ์นี้มันมีตัวตนที่ไหนหละ

    มันจะเพ้อกันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว
     
  9. มโนกรรม

    มโนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +877
    ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ต้องเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย ผมว่าการที่เราจะมาบอกว่าใครดีใครไม่ดี ใครถูกใครผิดนั้น มันไม่น่าจะเป็นวิสัยของบุคคลที่มีธรรมะอยู่ในใจเลย ทุกคนต่างก็มุ่งที่จะทำดีมันก็ดีอยู่แล้ว ควรมองที่ตัวเองก่อนว่าเราทำดีกันพอหรือยังจะดีกว่า สิ่งใดที่เราไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ก็อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่ามีจริงหรือมีไม่จริง การทำดีก็ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครต่อใครรู้ การทำดีต้องดีให้พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ ถึงจะเรียกว่าทำดี

    ขอรบกวนแค่นี้ครับ
     
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    ทำไมริชชี่จะเป็นนารายไม่ได้ละฮะมีเหตุผลอะไรที่เป็นไม่ได้
    จักรวาลนี้มี "กฏแห่งกรรม" มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์เลือกก่อกรรม
    หากริชชี่จะเลือก "ก่อกุศลกรรม" เพื่อบำเพ็ญเป็นพระนาราย
    แล้วเหตุไฉน จักรวาลจะห้ามไม่ให้ "กรรมแต่ง" เขาได้ตำแหน่งนารายละฮะ?

    ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน "นาราย" เป็นของทุกคน
    ทุกคนเป็นนารายได้ หากคนนั้น "ทำความดี" ถึงขั้น
    เมื่อตายลงจากโลกนี้ จะจุติไปรับตำแหน่ง "องค์นาราย"
    แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ละฮะ?

    เห็นพวกคุณประกาศตัวกันปาวๆๆ เป็น "โพธิสัตว์"
    ยังประกาศเป็นกันได้เลย ทำไมริชชี่จะตั้งปณิธาน
    เพื่อบำเพ็ญเพียรแบบมหาเทพนารายไม่ได้ละฮะ?

    กรรมนี้ มนุษย์เลือกเอง ก่อเอง ทำเอง และรับเอง
    ไม่มีใครมาห้ามเราทำดี เมื่อทำดีต้องได้รับผลดีแน่นอนฮะ
     
  11. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ขั้นตอนการฝึกจิตพื้นฐาน


    ประโยชน์และความหมายของการฝึกจิต
    ++ ทุกคนควรมีการฝึกฝนจิตใจเป็นกิจวัตรซึ่งเป็นยาแก้ความเครียดที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นวิธีการผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย
    ++ การฝึกจิตทำให้ท่านสร้างทัศนคติและตอบสนองชีวิตแบบใหม่ ท่านสามารถเข้าใจจิตใจของตนเองได้อย่างกระจ่าง
    ++ การฝึกจิตคือขบวนการฟื้นฟูชีวิต สร้างความพอใจ และใช้พรสวรรค์หรือความชำนาญพิเศษของตนเอง ในทางที่ดี
    ++ การฝึกจิต ต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อได้รับสิ่งที่ดีงาม และมีผลลัพธ์ที่พอใจ


    โดยการฝึกจิตวันละนิดทุก ๆ วัน ไม่นานจะกลายเป็นธรรมชาติ และนิสัยได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างความเพียรพยายามที่เข้มข้น


    ขั้นตอนการฝึกจิตพื้นฐาน:
    1. หาเวลาว่างสำหรับตนเองทุก ๆ เช้าและเย็น 10 หรือ 20 นาที
    2. หาสถานที่ ที่สงบเพื่อให้มีการผ่อนคลาย ใช้แสงไฟหรี ๆ และใช้เสียงเพลงเบา ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสม

    3. นั่งตัวตรงในท่าที่สบายๆบนพื้นหรือบนเก้าอี้
    4. ไม่หลับตา และไม่เปิดตาเกินไป มองไปยังจุดใดจุดหนึ่งข้างหน้า
    5. หันความสนใจของท่านจากการเห็นและการได้ยินเพื่อเข้าไปสู่ภายในตนเองอย่างช้า ๆ
    6. เฝ้าสังเกตการณ์ความคิดของท่านเอง
    7. ไม่ควรพยายามที่จะหยุดคิด เพียงแต่เป็นผู้สังเกตการณ์ ไม่วิจารณ์หรือขจัดความคิดออกไป เพียงแต่เฝ้าดู
    8. ค่อย ๆ ทำให้ความคิดช้าลง และแล้วท่านจะเริ่มรู้สึกสงบมากขึ้น
    9. สร้างความคิดเกี่ยวกับตนเอง ให้มีเพียงความคิดเดียว เช่น ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ
    10. นำความคิดนั้นไปสู่ฉากของจิตใจ จินตนาการว่าตนเองเต็มไปด้วยความสงบ เงียบ และนิ่ง
    11. อยู่ในความคิดนั้นให้นานเท่าที่ทำได้ อย่าได้ต่อสู้กับความคิดอื่น หรือความทรงจำที่อาจเข้ามารบกวน เพียงแต่เฝ้าดูมันผ่านไป และกลับมาสร้างความคิดของท่านอีกครั้ง ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ
    12. ยอมรับและพอใจในความคิดและความรู้สึกที่เป็นบวก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากเพียงหนึ่งความคิด
    13. มั่นคงอยู่ในความรู้สึกเหล่านี้ซักครู่ จงระวังความคิดที่ไม่เกี่ยวข้อง
    14. สิ้นสุดการฝึกจิตของท่านโดยปิดตาของท่านซักครู่หนึ่ง และสร้างความสงบในจิตใจของท่านอย่างสมบูรณ์


    โดยริชชี่
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  12. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    คุณแหกตาดู อ่านดู ใช้สมองมั่ง อย่าใช้แต่ความเคยชิน
    คุณลองอ่านที่ริชชี่เขียนให้เข้าใจ คุณจะรู้ว่า "ริชชี่" เขา
    มีความสามารถระดัยบไหน ด้านกรรมฐานเขาไม่ธรรมดา
    คุณอ่านธรรมะที่เขาเสนอก่อน อย่ามัวไปยึดว่าจะแย้งๆๆ


    เข้าจัยมั้ยยยยย...
     
  13. PAGE.14A

    PAGE.14A เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +305
    อืมมมม..... คอยตามอ่านอยู่ห่างๆๆอย่างตั้งใจ
     
  14. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    หากมีสัมมา เป็น ปรมัตต์ แล้ว
    มี พรหมวิหาร เป็นฐานแล้ว
    การจะหว่านปุ๋ย ลงที่นาใด
    ก็ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์
    ง่ายๆได้ด้วย

    สังคหวัตถุสี่ ภาษาดีๆนี่เอง
    (sing) (sing) (sing) (b-2love)
    โยนหินลงทะเล คลื่นย่อมแผ่ไป ในโมเลกุลน้ำ ได้ไพศาลนัก
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอาหละ ผมพูดเนื้อหาไปทั้งหมดแล้ว คิดว่า สมบูรณ์แล้ว ก็แล้วแต่ว่าจะพินิจพิเคราะห์กันต่อเอาเอง
    แต่ฝากเอาไว้อย่างหนึ่งว่า
    มาร ไม่ได้โง่อย่างที่ใครคิด มันฉลาดพอที่จะฉุดรั้งคนเอาไว้
    คำพูดใดที่ไม่หวานหู เป็นคำพูดที่มาจากความหวังดี

    หากครั้งนี้ เป็นการทำดีของ เด็กทั่วไป เช่น กตัญญูพ่อแม่ ทำดีเพื่อประเทศ ทำหน้าที่ของตนเองดีที่สุด ผมก็คงไม่ออกมาพูดอะไร
    แต่หากว่า การกระทำของริชชี่นั้น เป็น การออกมาเพื่อ โจมตีพระศาสนาโดยไม่รู้ตัว นั่นคือ การที่เชิญชวญให้บุคคลอื่น เชื่อใน องค์เทพ องค์นารายณ์ ว่าจะช่วยเหลือได้ แต่พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนเช่นนั้นเลย


    การกระทำของ ริชชี่ในครั้งนี้นั้น ผมบอกตามตรงว่า แทนที่จะทำให้ พระพุทธศาสนาดำรงค์อยู่นาน ก็บั่นทอนลงไป

    การจะสอนพระพุทธศาสนาก็ต้อง แยกให้ถูก ว่าอะไรคือ พุทธศาสนา ก็ตอบว่า ใจความของพระพุทธศาสนา คือ การใช้ปัญญา พิจารณาอย่างไม่ประมาทในทุกๆเรื่อง
    แต่ทีนี้ การที่ริชชี่มาบอกให้นั่งสมาธิ แผ่เมตตา นั้น มันเรื่องธรรมดาไปแล้ว ใครๆ ก็รู้ได้ แต่ว่า หนอนที่แฝงมาเป็นหอกข้างแคร่ในพระพุทธศาสนา คือ การหยิบยกเรื่อง นารายณ์ เรื่อง เทพ มาปนเป
    เอาหละ ผมคงพูดเท่านี้ ใครจะเกลียดก็เชิญ

    ในสมัยก่อน พระพุทธองค์ กล่าวว่า หญิงงามคนหนึ่งให้เจ็บช้ำน้ำใจ โดยการกล่าวว่า มีแต่มูตรแต่คูตร ไม่มีอะไรน่าสนใจ การกล่าวครั้งนั้น แม้ทำให้ฝ่ายหญิงไม่พอใจก็จริง แต่กลับทำให้ บิดามารดาของหญิงนั้น บรรลุธรรมพระโสดาบัน
     
  16. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    คุณ ขำขันธ์ ฟังให้ดีนะ

    การนั่งสมาธิแบบริชชี่ถูกต้องไม่หลงทาง
    คำแนะนำของริชชี่ไม่ผิดออกจากแนวทางพุทธ
    และริชชี่ไม่เก็บเงินใดๆ จากผู้ที่เขาช่วยเหลือ



    ผมเห็นพวกคุณไปไหว้ๆ คนทรงเจ้าดีๆ จ่ายตังค์เป็นพัน
    บ้างไปหาคนมีฤทธิ์จ่ายเงินครั้งละ ๑๐๐ ถึง ๒๐๐ ยังจ่ายได้


    ทำไม เวลาคนเราทำดี ทำอะไรให้ฟรีๆ แล้วมาว่าเขาละเนี่ย?

    หรือคุณเกรงว่าเขาจะแย่งลูกค้าคุณไปหมด เลยมาดิสเครดิตเขา?
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนขายธูป ถ้าอยากจะสนทนากันละก้อ ผมจะแก้ต่างและชี้แจงเหตุผลให้ฟังอีก
    เผื่อว่า คนขายธูปจะได้ ไม่ต้องไปขายธูป แต่มีธูปในใจ พอที่จะเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้อีกด้วย นะ แล้วผมจะได้ไม่ต้องมานั่งขำขัน กับการแสดงความเห็นของคุณอีก

    การไปไหว้เจ้าหรืออะไร อย่าเอามาปนกันกับผม หรือ ใครที่ยอมเสียเงินไปหาคนมีพลังจิตก็ไม่เกี่ยวกับผม
    อย่าแตกประเด็น ประเด็นคือ ริชชี่ คนควรเชื่อหรือไม่เชื่อ และ เกิดอะไรกับริชชี่นี

    ประเด็นแรก การจั่วหัวบอกว่า ริชชี่มนุษย์พลังจิตที่โด่งดังในขณะนี้ ให้ไปอ่านเนื้อหาดูซิว่า พลังจิตอะไรของริชชี่ที่เป็นรูปธรรมบ้าง เรื่องอะไรก็ตามที่พูดออกมาล้วนแล้วแต่ ไม่มีอะไรเลย ถ้าหากว่า ริชชี่ เหาะได้ ริชชี่เอาจิตบังคับนั่นนี่ได้ ก็พอเรียกได้ว่า มนุษย์พลังจิต ซึ่งผมก็ยังถือว่า หากทำเช่นนั้นได้ ก็ยังไม่น่าแปลก

    เรื่องของริชชี่เป็นไปได้ 4 กรณี
    1 ริชชี่ ไม่เข้าใจตนเอง แต่มีพรวิเศษจริง
    2 ริขขี่ ไม่เข้าใจตนเอง และไม่มีพรวิเศษ
    3 ริชชี่ มีพรวิเศษ และมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง
    4 ริชชี่ ไม่มีพรวิเศษ และมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง

    ถามว่า ทำไมผมถึงไม่รวมว่า ริชชี่เป็นผู้รู้ และมีพรวิเศษ เพราะว่า ริชชี่ไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับ ปรมัตธรรม คือ ธรรมอันยิ่งกว่าสภาวะที่เราเป็นอยู่
    มันเข้าข่ายที่ว่า รู้ธรรม แต่ไม่เข้าใจธรรม นกไม่เห็นฟ้า ปลาไม่เห็นน้ำ นั่นแหละ เมื่อเราเข้าใจธรรมอันยิ่งกว่าสิ่งที่เขาพูดเราย่อมรู้เองว่า ที่เชาพูดมานั้น ไม่ใช่ธรรม

    การทำสมาธิอะไรก็ตาม คนศึกษามาก็พูดได้ คนทำไม่ได้จริงแบบที่รู้ก็พูดได้ อย่าไปมองแค่นั้น

    เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเชื่อ เราก็มีชีวิตสงบได้ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
    แต่หากไม่พิจารณา ไปเชื่อแล้ว เราจะสับสน
    เอาความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ เอาธรรมที่เห็นได้จริงมายึดไว้ เช่น ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็สอบได้ หรือ ถ้าไม่ฟุ้งซ่านก็มีสมาธิเอง อย่าไปปรุง อย่าไปทำให้มันยาก

    ถ้าสนใจธรรมแท้ จะสอนให้ ฟรี ไม่ขาย และปฏิบัติได้จริง ดับทุกข์ได้จริง จะได้ไม่ต้องวิ่งหาทางนั้นทางนี้ มั่วตั้วไป
     
  18. ณ ปลาย

    ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +638
    อยากรู้ต้องเข้าไปสัมผัสเอง


    เขาจะเป็นอณูหนึ่งของเทพจริงหรือไม่ นิสัยจริตของเขาแสดงออกอย่างเทพหรือไม่ ต้องลองไปสัมผัสดู ไม่สามารถคิดเอาเอง ว่าเขาเป็นเช่นใด แม้แต่การอ่านแค่หนังสือของเขาแล้วสรุปเอา ก็ไม่ควร


    คนเราเวลาทุกข์ร้อน เจ็บป่วย
    บางคนเลือกจะไปหา หมอ บ้างไปหา ผี คนทรง บ้างไปหาเทพ บ้างไปหาพระ บ้างพยายามศึกษาเรื่องร่างกายและจิต ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการกิน การทำสมาธิ บ้างศึกษาธรรมะ ดูเหตุแห่งความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ..

    ใครจะเลือกทางไหน ก็แล้วแต่จริต


    ..


    เหอๆ ไม่มีไร มาทดสอบชื่อเก่า

    (sing)
     
  19. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">เพราะหน้าที่เป็นเหตุ ทำให้เทพเป็นเทพ ทำให้พรหมเป็นพรหม ทำให้พระโพธิสัตว์ตรัสรู้ ยังมีสิ่งลี้ลับอีกมากมายที่จิตของปุถุชนไม่อาจรับรู้ได้ โลกวิญญานเขาก็บำเพ็ญเพียร สวรรค์ไม่แบ่งแยก มนุษย์ที่ยังพัฒนาจิตวิญญานไม่ถึงจึ่งแบ่งแยกเขาแยกเราไปต่างๆ โลกวิญญานละเอียดซับซ้อนสิ่งใดไม่แน่ใจอย่าด่วนปรามาส ไม่เป็นผลดีกับตนเองเลย
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อย่าเอาเรื่องจริต มาอ้างว่า คนเราทำอย่างไรแล้วแต่จริต มันพูดกันเกร่อไปแล้วเรื่องจริตนี่ เป็นข้ออ้าง
    สมัยพุทธกาล จริตนี้เอาไว้แยกว่า ถ้าราคะจริตนี้ ควรเอา อสุภะมาถอน โทสะจริตนี้เอาเมตตามาถอน โมหะจริตนี้เอาสติมาถอน ไม่เกี่ยวกับเรื่องทรงเจ้าเข้าผี คนไปหาทรงเจ้าเข้าผีไม่ใช่วิถีการแก้จริต

    สำหรับ การที่บอกว่า อ่านหนังสือ บอกอะไรไม่ได้ ต้องไปเจอตัว ผมก็จะขอแก้ต่างว่า คุณต้องไปเจอตัวอะไร ถ้าอย่างนั้น แล้วคุณต้องไปเจอ พระพุทธเจ้าสิ จึงจะสรุปได้ สิ่งที่เป็นธรรมมันก็คือ ธรรม ไม่จำเป็นต้องไปเจอตัว
    สิ่งใดไม่เป็นธรรมมันก็ไม่ใช่ธรรม ไม่ต้องไปเจอตัว แม้อยู่ใกล้ พระพุทธองค์ก็ไม่เจอธรรม แต่ห่างไกล พระพุทธองค์ 2550 ปี ก็เหมือนอยู่ใกล้ถ้ามีธรรม ก็ไม่ต้องไปเจอตัว

    เรื่องของอณูเทพ นี้ ผมจะบอกว่า เทพก็มีโทสะ เทพก็มีราคะ คนก็มีโทสะ คนก็มีราคะ หมาก็มีโทสะ หมาก็มีราคะ
    ใครๆ ก็มี กิเลสเหมือนกัน อันนี้แหละคือ อณูเดียวกัน แต่ถ้าจะบอกว่า อณูเทพ อันนี้วิเศษ ช่วยเหลือคนอื่นได้ ขอโทษต้องบอกว่า ช่วยตัวเองให้รอดก่อน

    พิจารณากันก่อนว่าอะไรมีประโยชน์อะไรไม่มีประโยชน์ จะได้ไม่เป็น มงคลตื่นข่าว เจ็กตื่นไฟ ธรรมที่ดีมีให้หยิบไม่หยิบกัน ชีวิตจะได้ไม่สับสน เด็กๆ มีความสุขวิ่งเล่น ไม่สบาย มันก็ไม่สบาย ผมไม่เห็นมี เทพสักองค์ไป เข้าสิงเด็ก ไม่เห็นเด็กมันเดือดร้อนต้องมานั่ง เชื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...