ร่วมแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการประคองศีล 5 กันคะ่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ren, 22 กรกฎาคม 2009.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หวัดดีทุกท่าน

    นรกเขามีกฏของเขา ตัดสินมนุษย์ด้วยศีลห้านี้แหละ
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มองเห็นอะไร จึงเตือนแรง
    ฮับ
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    แค่เขียนให้เข้ากับกระทู้ครับ
    ว่าทำไมคนต้องรักษาศีลห้า

    ทั้งที่พระศาสดาไม่บัญญัติ
    แต่เป็นกฎของภพภูมิ
     
  4. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมครับ ไม่มีใครเป็นเจ้าของธรรมชาติ
    ไม่มีใครเป็นคนสร้างกฏอะไรทั้งนั้น ธรรมชาติมันเป็นไปอย่างนั้นของมันเอง
    เเละก็ไม่มีใครมาตัดสินเราได้ครับ เราจะเป็นอย่างไร จะเกิดเเบบไหน
    มันอยู่ที่ว่าเราทำอย่างไร เท่านั้นเอง
     
  5. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    เเละอีกอย่างนึง การมีศีล 5 ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะทำให้พ้นอบายได้ 100% ครับ
    เพียงเเต่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดสุขคติภูมิ หรือลดโอกาสไปเกิดทุขคติภูมิได้

    ทางเดียวที่ปิดอบายได้ หรือการได้มรรคผลครับ
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    แล้วเคยไปถามท่านยมราชหรือเปล่าละท่านโสดา..!!
     
  7. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ลองไปนับดูจิ ภูมิ31 มีอะไรมั่ง จะได้ ตาสว่าง
     
  8. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +372
    เขาอาจจะมองเห็นอะไร ได้เกินกว่าแมวเน่าก็ได้ เพราะแมวเน่า ตา รวมเป็นถึงอายตนะที่จำเป็นต่อการพ้นทุกข์ หมดสภาพเสียแล้ว
     
  9. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    ห้องนี้อาจเป็นห้องเดียวที่พอมีคนเล่นมั้ง นอกนั้นร้าง ...กับหนักไปทางขายของ

    ส่วนตัวว่าคุยในกรอบปฎิบัติก้อหนุกดี

    เรื่องลำเอียง คงมีเป็นปกติ อย่าไปนอยด์เร้ยย เห็นจนเบรื่อ....ดูตัวอย่างทู้ฝันอดีตชาติ ปกติทู้ต้องมูฟไปห้องอื่น แต่ก้อไม่ไป สงสัยมีคนถูกใจไปโพส
     
  10. Rexxar

    Rexxar ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2021
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +407
    ขออนุญาตเรียนคุณ @ปวีรัศม์ชา ว่าผมได้ดำเนินการย้ายกระทู้ “เราฝันเห็นอดีตชาติรึเปล่า” ที่คุณ @ปวีรัศม์ชา อ้างอิงถึงไปที่ห้อง “ดูดวง และ ทำนายฝัน” เรียบร้อยแล้วครับ ขอบพระคุณที่ช่วยกรุณาตรวจสอบให้ครับ

    หากคุณ @ปวีรัศม์ชา และสมาชิกท่านอื่นสังเกตเห็นการโพสต์หรือกระทู้ใดๆที่ไม่เหมาะสมซึ่งไม่เป็นไปตาม กฏระเบียบการโพสเนื้อหาในกระทู้ต่างๆที่หมวดอภิญญา-สมาธิ ท่านสมาชิกสามารถ PM ส่งข้อสังเกตดังกล่าวมาที่กล่องข้อความส่วนตัวของทางทีม Administrator กับ Moderator ของ Website พลังจิต ได้ครับ


    จึงเรียนแจ้งมาเพื่อทราบและโปรดกรุณาพิจารณาดำเนินการตามแต่ท่านจะเห็นสมควรครับ

    ด้วยความเคารพในวิจารณญาณและคุณธรรมที่มีในใจของสมาชิกทุกๆท่านครับ

    ขอบพระคุณครับ
     
  11. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ศีล คือ ความปกติ
    ความปกติของระดับจิต....
    ....ที่ควรแก่ภพภูมิของมนุษย์

    มนุษย์....ต่างจากเดรัจฉาน
    ....ตรงที่
    ...มีความยับยั้งชั่งใจ
    เดรัจฉาน....อยากกิน....ก็กิน
    .....อยากสืบพันธ์...ก็สืบพันธ์
    ไม่สนชีวิต...ใคร
    ไม่สนว่า..การสืบพันธ์...
    จะเป็นแม่พ่อ...พี่น้องตัวหรือไม่
    ......เพราะสัตว์ทำไปตามสัญชาตญาณ

    เมื่อไหร่มนุษย์.....
    ขาดความยังยั้งใจ....
    ....ใจก็อยู่ต่ำกว่าระดับปกติ...แต่ภพมนุษย์

    คนทำผิดศีล
    ....คือคนที่ทนต่อการเร้าของกิเลส...ไม่ได้
    ยอมเหนื่อยกาย....เหนื่อยใจ
    เบียดเบียนผู้อื่น.....
    .....เพื่อแลกกับความสุข....
    ความสุขเพียงเล็กน้อย...ไม่กี่ขณะ

    ผิดศีลครั้งแรก....
    อาจเพราะทนสิ่งเร้าภายใน....ไม่ไหว
    ใจอาจมีความละอาย...ในสิ่งที่ทำ
    แต่เมื่อ....มีครั้งที่1
    ครั้งที่ 2 ...ก็จะง่ายขึ้น
    ....เรื่อยไป10 ครั้ง 100 ครั้ง
    จนใจหมดความละอาย....
    และเห็นการผิดศีลนั้น....เป็นธรรมดา
    ไม่มีสะดุ้ง...หวาดเสียวอีก
    ...เมื่อทำผิด...

    จิตแบบนี้....ต่ำกว่ามาตฐาน...
    ระดับจิตของมนุษย์...
    เมื่อตายลง....
    .....จิตก็ไปเกิดใหม่...
    ในภพภูมิที่สมควร....แก่ระดับของจิต
    เมื่อขาดความยับยั้งใจ....เป็นปกติ
    กระทำไปตามสัญชาติญาน
    ....จิตก็ไม่เหมาะกับ....มนุษย์
    เหมาะกับ....
    ....ภพภูมิเดรัจฉานมากกว่า

    ใจที่มันอยากผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
    ....ใจมันจะเร้าๆ....
    ไปหาผัสสะนุ่มๆ...รสของการร่วมรัก
    ถ้าฝืนมันได้....ไม่ไหลไปกับกิเลส
    ....ปรุงแต่งภายในใจ
    ครั้งแรก....อาจต้องทน..ต่อความอยาก
    ....ทนต่อตัณหาบีบคั้น...
    แต่เมื่อหัดยับยั้งใจตนได้...
    1 ครั้ง ...10 ครั้ง.... ใจจะเริ่มเป็นปกติ
    เห็นเลยว่า....
    ไม่ต้องไปทำแบบนั้นก็ได้
    ไม่จำเป็นต้องกับ...คนนั้น..
    ไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนลูกเมียผู้อื่น

    ....จากการฝึกฝืนกิเลส
    ....10ครั้ง.... 100 ครั้ง
    มีธรรมะข่มใจ...
    อนุสัยเดิมค่อยๆถูกเปลี่ยน
    คราวนี้จะเกิดศีลที่มาจากใจ
    ....ที่ไม่คิดเบียดเบียน
    แต่ถูกเปลี่ยนที่รากเหง้าของจิต

    ผู้มีศีลสมบูรณ์...จะสังเกตุตัวเองได้
    เมื่อก่อน...ต้องข่มใจที่จะไม่ทำผิด
    วันนึง....
    เมื่อมีศีลมาจากใจ
    มันจะไม่ต้องข่ม ...ไม่ต้องพยายามฝืน
    จะเห็นเลยว่า
    .....ตัวเราเองก็ไม่ได้ตั้งใจถือศีลอะไร?
    แต่ก็ไม่ทำผิด....
    และไม่ได้อยากทำผิด
    เพราะศีลนั้น...
    มาจากมาตรฐานปกติของจิต
    ...และศีลแบบนี้
    เป็นอิสระจากตัณหา..ในการถือ
    เป็นศีลที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญ
    อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
     
  12. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626

    คิดถึงพระสูตรนี้ครับ
    ...............................

    อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ อย่างทะนุถนอม
    เหมือนพวกช่างหม้อ ทำแก่หม้อที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
    อานนท์ ! เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีก ไม่มีหยุด
    อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีก ไม่มีหยุด
    ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ผู้นั้นจักทนอยู่ได้.

    (มหาสุญญตสุตต อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖.) พุทธวัจน์

    คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใดๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าว
    คำขนาบอยู่เสมอไป ว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์,
    ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น
    เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่
    ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย.

    (ปณฑิตวคฺค ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖.) พุทธวัจน์
     
  13. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,821
    สาธุครับ _/\_ ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณพี่ @หมูไม้ละ5 ทำให้ได้นะครับพี่… ขอให้พี่เข้มแข็ง อดทน ข่มใจให้ได้ ไม่มี ใจเร้าๆ ....ไปหาผัสสะนุ่มๆ ...รสของการร่วมรัก…” และ มีสติตั้งมั่นในชีวิตประจำวันอยู่ทุกเมื่อครับ _/|\_

    คุณพี่ @หมูไม้ละ5 รีบหาทางฉีดวัคซีนป้องกันโรค Covid - 19 ให้เร็วที่สุดนะครับ ^ ^


    1.PNG
     
  14. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +372
    ศีลคือเครื่องอยู่เพื่อให้รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ถ้ากำหนดขึ้นมาก็เพื่อฝึกให้ตนเองอยู่ในความจริงตั้งต้นที่มีความอดทนก็อาจทำได้ขึ้นอยู่กับในสถานการณ์ไหน หากสถานการณ์นั้นจำเป็นก็ตั้งสติรับรู้เพื่อหลีกเลี่ยง เพราะศีลที่บัญญัติไว้เพื่อไม่ให้เกิดการเบียดเบียน แรกๆอาจบอกได้ว่า ไม่เจตนา แต่พอต่อมาเมื่อรู้แล้ว ก็ไม่อาศัยเหตุผลอื่นใดเพื่อการเบียดเบียน มันจะติดในใจและถ้าไม่ระลึกนึกถึงและแก้ไขมัน มันก็จะค้างคาอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะรู้ว่า ผลการกระทำกระทบที่ใครและการกระทำนั้นใครรับผลเมื่อรู้แล้ว มันจะเรียกว่า ปกติ คือ ไม่ละเมิดโดยปกติ หรือถ้าละเมิดก็ต้องน้อมรับและแก้ไขหรือรับรู้ด้วยสติว่า มันไม่ควรมันไม่ดี ทำให้ตนและผู้อื่นต้องเดือดร้อน และเมื่อมีความเป็นปกติดีแล้ว ก็จะดีต่อการสั่งสมบารมีอื่นๆ มันจะไม่คอยบดบังกัน มันจะไม่คอยกีดกั้นการเกิด สมาธิและปัญญาในทางจะพ้นทุกข์ จึงเรียกว่า สติในเบื้องต้น จึงนำไปสู่สติในแบบละเอียดและใช้เพื่อละ ความยึดมั่นถือมั่นใดๆ
     
  15. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    อย่างที่ผมพิมบอกไว้ในกระทู้นี้ตั้งเเต่เเรกๆเลยครับ

    มีศีลให้เป็นปกติ.. มีปกติ(จิต)ให้เป็นศีล

    เเล้วมันจะกลายเป็นความปกติของจิต ไม่ใช่การยับยั้งชั่งใจอะไรเลย
    หรือจะบอกว่า เมื่อจิตมีศีลเป็นปกติเเล้ว
    จะเรียกว่า ไม่ได้ถือศีลก็ถูก เพราะมันจะไม่ใช่การถือศีล เเต่มันจะไม่มีความทะยานอยากที่จะไปทำผิดศีลเเม้เเต่น้อยเลย จึงไม่จำเป็นต้องมีความฝืนใจ หักห้ามใจที่จะไม่ผิดศีล
    มันจะกลายเป็น passive skill (ติดตัว)ไปเอง

    สนับสนุนให้ทุกๆคนมีศีลนะครับ ไม่ว่าคุณจะศาสนาหรือลัทธิอะไรก็ตาม เพราะศีลไม่ใช่เเค่มาตรฐานของผู้นับถือศาสนาพุทธ เเต่ศีลเป็นมาตรฐานของความเป็นมนุษย์ทุกคนครับ.

    การมีศีล ได้ประโยชน์ทั้งตัวเรา เเละผู้อื่น
    การมีศีล เปรียบเหมือนย่างเก้าเล็กๆไปสู่มรรคผล
    การมีศีล เปรียบเหมือนการก้าวห่างออกจากอบาย

    เเรกๆเรารักษาศีล สุดท้ายศีลรักษาเรานะครับ
     
  16. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    เเต่ใดๆเลย การจะมีศีล ขั้นต้นมันเริ่มมาจากการมี หิริโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป ความละอายใจต่อบาป

    ถ้าใครรู้สึกว่า ตัวเองทำผิดศีลโดยไม่รู้สึกผิด รู้สึกละอายใจอะไรเลย
    ให้คุณรู้ตัวไว้ว่า คุณกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความตกต่ำครับ ตกต่ำอย่างไร..?
    คุณกำลังมุ่งไปสู่ความเป็นเดรัจฉาน คุณกำลังมุ่งไปสู่อบาย คุณกำลังออกห่างจากพระนิพพาน เพราะฉะนั้นมันเสี่ยงเเละอันตรายมากครับ

    อย่าให้การผิดศีลกลายเป็นปกติ เพราะนั่นเเปลว่าคุณขาดหิริโอตตัปปะ ที่เป็นเบื้องต้นของพื้นฐานความเป็นมนุษย์
     
  17. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    พี่ต่อยอดจากที่น้องชมพู..บอกว่าศีลคือปกติ
    ขยายต่อให้ครับ...
    คนอ่านบางคนจะได้พอมองภาพออก
    ว่าศีลคือความปกติ...ยังไง

    #ว่าแต่วรรคสุดท้ายนี่แฟ้วมากครับ55

    "เเรกๆเรารักษาศีล สุดท้ายศีลรักษาเรานะ"
     
  18. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมก็เสริมพี่อีกทีนึงนั่นหละครับ 555
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,039
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,092
    ค่าพลัง:
    +70,364
    -aqnwg78lsd9dbjoqv1rcwky3pvxcb9omxo4z8kukvdgnrkz0kjswrcv58likevxyleg-_nc_ht-scontent-fcnx3-1-jpg.jpg


    ผู้มีศีล ๕ เป็นอุปนิสัย จึงได้บรรลุอริยมรรค
    *************
    [๑๖๑] เมื่อดิฉันเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์
    เป็นคนใช้ ทำงานรับใช้ผู้อื่นอยู่ในสกุลหนึ่ง
    [๑๖๒] เป็นอุบาสิกาของพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ผู้ทรงมีพระจักษุ ทรงพระยศ
    ดิฉันได้มีความพากเพียรออกจากกิเลส
    ในศาสนาของพระศาสดาผู้ทรงพระคุณคงที่
    เพราะมีมนสิการมั่นอยู่ในใจว่า
    [๑๖๓] แม้ถึงร่างกายนี้จะแตกสลายไปก็ตามที
    การที่เราจะหยุดความเพียรในการเจริญกรรมฐานนี้
    จะไม่มีเป็นอันขาด
    [๑๖๔] ขอเชิญท่านดูผลแห่งความเพียรออกจากกิเลส
    ซึ่งดิฉันผู้มีความรู้น้อย ได้บรรลุอริยมรรค
    อันมีสิกขาบท ๕ เป็นอุปนิสัย เป็นทางสวัสดี เป็นเหตุถึงความเกษม
    ไม่มีขวากหนามคือกิเลส เป็นสภาวะที่(ตัณหาและทิฏฐิ) ยึดเหนี่ยว
    ไม่ได้ เป็นทางตรงที่สัตบุรุษทั้งหลายประกาศแล้วนี้เถิด
    …ฯลฯ...
    ..........
    ข้อความบางตอนใน ทาสีวิมาน จิตตลตาวรรค ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=26&A=803&w

    ทาสีวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
    เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อุบาสกคนหนึ่งชาวกรุงสาวัตถี ไปพระวิหารในเวลาเย็น กับอุบาสกเป็นอันมาก ฟังธรรมแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อบริษัทออกไปแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่วันนี้ไป ข้าพระองค์จักถวายภัตตาหารประจำ ๔ สำรับแก่สงฆ์.

    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสธรรมกถาอันสมควรแก่เขา ทรงปล่อยเขากลับไป.

    อุบาสกนั้นเรียนพระภัตตุทเทสก์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าจัดภัตตาหารประจำไว้ ๔ สำรับถวายสงฆ์ วันพรุ่งนี้ ขอพระเป็นเจ้าโปรดมาเรือนของข้าพเจ้าเถิดดังนี้แล้ว กลับไปเรือนของตนบอกเรื่องนั้นแก่ทาสีแล้ว สั่งสำทับว่าเจ้าไม่พึงลืมเรื่องนั้นตลอดเวลาเป็นนิตย์เชียวนะ.

    ทาสีนั้นก็รับคำ. ตามปกติ นางมีศรัทธาสมบูรณ์ อยากได้ทำบุญมีศีล เพราะฉะนั้น จึงตื่นเช้าทุกวันตระเตรียมข้าวและน้ำอันประณีต กวาดที่นั่งของพวกภิกษุ จัดเครื่องเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปูอาสนะ นิมนต์ภิกษุผู้เข้าไปก่อนให้นั่งบนอาสนะเหล่านั้นแล้ว จึงไหว้บูชาด้วยของหอมดอกไม้ธูปและเทียน อังคาสโดยเคารพ.

    ต่อมาวันหนึ่ง นางเข้าไปหาภิกษุผู้ฉันเสร็จไหว้แล้ว จึงถามอย่างนี้ว่า ท่านเจ้าขา จะหลุดพ้นจากทุกข์มีชาติเป็นต้นนี้ได้อย่างไร เจ้าคะ. ภิกษุทั้งหลายให้สรณะและศีล ๕ แก่นาง แล้วประกาศให้รู้สภาพของร่างกาย ประกอบนางไว้ในปฏิกูลมนสิการใส่ใจว่าปฏิกูล. ภิกษุอีกพวกหนึ่งกล่าวธรรมีกถาที่เกี่ยวด้วยความไม่เที่ยง.

    นางรักษาศีลอยู่ ๑๖ ปี ทำโยนิโสมนสิการติดต่อกันมาตลอดวันหนึ่ง ได้ความสบายในการฟังธรรมและเจริญวิปัสสนาเพราะญาณแก่กล้า ก็ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.

    สมัยต่อมา นางทำกาละแล้วไปเกิดเป็นนางบำเรอสนิทเสน่หาของท้าวสักกเทวราช. นางอันดุริยเทพหกหมื่นบำเรออยู่ มีอัปสรแสนหนึ่งแวดล้อม เสวยทิพย์สมบัติใหญ่ ร่าเริงบันเทิงพร้อมด้วยบริวาร เที่ยวไปในอุทยานเป็นต้น. ท่านพระมหาโมคคัลลานะเห็นนางแล้ว ได้ถามโดยนัยที่กล่าวในหนหลังนั่นแหละว่า

    ท่านแวดล้อมด้วยหมู่เทพนารี เที่ยวชมไปโดยรอบในสวนจิตตลดาวันอันน่ารื่นรมย์ ประดุจท้าวสักกเทวราช ส่องแสงสว่างไสวไปทุกทิศ เหมือนดาวประกายพรึก เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร อิฐผลนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.

    ดูราเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ.

    นางเทพธิดานั้นถูกพระโมคคัลลานะถามแล้วดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้.

    เทวดาตอบว่า

    ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ดีฉันได้เป็นทาสี
    หญิงรับใช้ในตระกูลอื่น ดีฉันนั้นเป็นอุบาสิกาของพระโคดม
    ผู้มีพระจักษุและพระเกียรติยศ พากเพียรออกไปจากกิเลส ใน
    ศาสนาของพระโคดมผู้ทรงพระคุณคงที่ เพราะมีมนสิการมั่น
    อยู่ในจิตว่า แม้ถึงร่างกายนี้จะแตกทำลายไปก็ตามที การจะ
    หยุดความเพียรในการเจริญกัมมัฏฐานนี้ ไม่มีเป็นอันขาด
    ทาง [มรรค] แห่งสิกขาบท ๕ [ศีล ๕] เป็นทางสวัสดี มีความ
    เจริญ ไม่มีหนาม ไม่รก เป็นทางตรง สัตบุรุษประกาศแล้ว
    ท่านโปรดดูผลแห่งความเพียร คือที่ดีฉันบรรลุอริยมรรคตาม
    อุบายที่ต้องการเถืด...
    ..................
    ข้อความบางตอนในอรรถกถาทาสีวิมาน http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=18

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

     
  20. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    สังเกตว่า คนส่วนใหญ่ ไม่เคย ไม่รู้ ว่ามีวิธีแผ่เมตตาให้ตัวเองด้วย
    ส่วนมากจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย

    แต่จริงๆแล้ว เราควรแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน ให้เรามีความสุขให้ได้ก่อน
    หลังจาก อาราถนาศีล 5 แล้ว ลองแผ่เมตตาให้ตัวเองกันก่อน แล้วจะพบ พลังแห่งความเมตตา

    คาถาแผ่เมตตาตนเอง
    อะหัง สุขิโต โหมิ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้มีความสุขเถิด
    อะหัง นิททุกโข โหมิ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความทุกข์
    อะหัง อะเวโร โหมิ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีเวร
    อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความพยาบาทเบียดเบียน
    อะหัง อะนีโฆ โหมิ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิฯ
    ขอให้ข้าพเจ้า จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญฯ

    copy มาจาก บทคาถาว่าด้วยการแผ่เมตตา 84000.org
     

แชร์หน้านี้

Loading...