ลป.สิมลพ.ชมวัดโป่งนาเกลือ ผงเกษาครูบากลิ่นกู้พระปิดตาลพ.ดัด ท่าโบสถ์ปี๑๕เหรียญขวัญถุงลพ.เทียม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1698597509781.jpg
    ชีวประวัติ หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์
    มีนามเดิมว่า ฉาบ นามสกุล เกรงขาม เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 12 ปีมะโรง
    ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2447 ณ.ตำบลจำลอง อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง เป็นบุตรนายชม นางแผ้ว เกรงขามบิดามารดามีอาชีพทำนาตอนเด็กๆบิดามารดาได้นำไปฝาก เรียนหนังสือที่วัดใกล้บ้านจนสามารถอ่านออกเขียนได้ พออายุได้ 18 ปีถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสังกัดทหารช่าง ที่บางซื่อ จนกระทั่งอายุได้ 22 ปี จึงปลดประจำการจึงกลับมาอยู่บ้านช่วยบิดามารดาทำนา

    อุปสมบท

    หลวงพ่อฉาบไดัการอุปสมบท ณ พัธสีมาวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยมีพระครูสุภาวินิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการบาง วัดบ้านพราน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์หล่ำ วัดบ้านพราน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมจิตโตหลังจากอุปสมบทแล้วเป็นพระชอบค้นคว้าทดลองในด้านวิชาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยท่านมีนิสัยพูดจริงทำจริง ไม่กลัวใคร และได้ปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์และฝึกฝนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนมีความรู้ความชำนาญจึงได้กราบลาอาจารย์ไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น อาทิ


    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์
    หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์เรียนวิชาฝังเข็มทอง
    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพเรียนวิชาการทำมีดหมอและการทำผ้ายันต์พญาฉัททันต์
    หลวงพ่อแจ่มวัดวังแดงเหนือเรียนวิชาการทำมีดปากกา
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นต้น


    หลังจากบวชใหม่ๆท่านก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเเจ่ม วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ท่านปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อเเจ่มอยู่หลายปี ได้รับการถ่ายถอดวิชามีดพระขรรค์และผ้ายันต์นางกวักเมตตตาค้าขาย มาโดยตรง ซึ่งวิชามีดพระขรรค์นี้เรียนได้ยากลำบากมาก หลวงพ่อเเจ่มท่านก็คนจริง เมื่อเวลาเสกมีดต้องเสกให้ปลอกมีดกับด้ามมีดวิ่งเข้าหากันให้ใด้ ถ้าดัง "แกร็ก" ถือว่าใช้ได้
    หลวงปู่ฉาบได้เพียรพยายามจนสำเร็จ หลวงพ่อแจ่มจึงแนะนำให้ไปเรียนทางเมตตาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ซึ่งหลวงปู่ฉาบเองท่านก็เรียนจากหลวงพ่อจงมาเพียงอย่างเดียว จากนั้นท่านก็ศึกษาหาความรู้มาเรื่อยๆ มาพบกับครูบาอาจารย์รูปต่างๆอาทิ
    หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี ก็ได้ศึกษาทำแหวนแขน แหวนนิ้ว และน้ำมนต์ ,หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ได้ศึกษาเรื่องการทำมีดหมอ พระปิดตา ผ้ายันต์ช้างและเคล็ดการใช้ธาตุทั้ง 4 ซึ่งวิชาเรื่องธาตุ4 นี้ ภายหลังหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร นครสวรรค์ ยังมาขอศึกษาโดยตรงกับหลวงพ่อฉาบ (ในประวัติหลวงพ่อจ้อย ได้ลงไว้) จากเกจิหลายรูปที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่ฉาบยังมีอาจารย์องค์สำคัญอีกรูปคือ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมหาอุด-คงกระพัน ให้กับหลวงปู่ฉาบ จนเป็นที่มาในตำนาน "ตะกรุดเสาอากาศ"
    ตะกรุดเสาอากาศเป็นตำหรับวิชา จากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ที่หลวงปู่ฉาบ ได้ไปร่ำเรียนมาด้วยความยากลำบาก เพราะอ.เดิมบาง เมืองสุพรรณในสมัยนั้นมีแต่ป่า มีสัตว์ร้ายชุกชุม วัดหลวงพ่ออิ่มก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไร ต้องอยู่รับใช้หลวงพ่ออิ่ม จนได้วิชาทำตะกรุดมา ท่านมั่นใจในวิชานี้มาก ทดลองทำจนเชื่อมั่นว่าดีจริง ซึ่งประสบการณ์มีให้เห็นอยู่มากมาย
    ตะกรุดเสาอากาศท่านมีประสบการณ์มากตั้งแต่ครั้งสงครามเวียดนาม ปี2510 เป็นต้นมา ท่านลงเองเสกเอง ตอนแรกเข้าใจว่าลงเป็นตะกั่วยังไม่ได้หุ้ม แต่เมื่อนำมาใช้กันแล้วตะกั่วนั้นชำรุดง่าย จึงได้ตัดเสาอากาศทีวีสมัยนั้นนำมาหุ้มด้านนอกอีกที เสมือนสวมหลอดป้องกันตะกรุดด้านใน สิ่งนี้เองก็กลายเป็นเอกลักษณ์ไป
    ตะกรุดเสาอากาศ ลงอาคมแบบเด็ดขาดนิยมกันมานาน สร้างช่วงสงครามเวียดนามครั้งเดียว และมีให้เห็นอยู่แบบเดียว ที่มีกันอยู่ทุกวันนี้ท่านได้ลงไว้ตั้งครั้งสงครามแล้ว ทำไว้จำนวนมาก และได้เก็บไว้เรื่อยมา ให้บูชาบ่าง แจกบ้าง จนท่านมรณภาพเมื่อปี 2545 ของก็ยังมีอยู่ (สมัย 10 กว่าปีก่อน ผู้เขียนยังเป็นเด็กได้เคยไปกราบท่าน เห็นอยู่ในตู้วัตถุมงคลให้เช่าดอกละ 100 บาท โดยพระที่จำหน่ายได้พูดสรรพคุณหลายอย่าง แนะนำให้เช่าไว้ แต่ก็ไม่ได้เช่าตะกรุดไว้เลย เช่าแต่ ผ้ายันต์ช้างและพระสมเด็จ ตอนท่านมรณะภาพแล้วนี้ไปแบ่งเขามาดอกตั้ง 500 )
    ตะกรุดเสาอากาศเป็นของดีจนอาจกลายเป็นตำนานไป เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่รู้กัน หันไปเช่าตะกรุดตามศูนย์พระใหม่หมดแล้ว เพราะมีการโฆษณาบอกสรรพคุณดี มีการทำเป็นโรงงานผลิตเลย 555+ ถ้าใครเห็นการผลิตแล้วก็คงต้องลาก่อน ของใหม่เดี๋ยวนี้แพงโดยไม่มีเหตุผล บ้างก็ยิ่งสร้างน้อยยิ่งแพง เอาเถอะครับผมแนะนำตะกรุดเสาอากาศหลวงปู่ฉาบ นี่แหละตัวจริง รอดตายมามากแล้วครับ ปัจจุบันยังพอหาได้ครับ

    นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการสักยันต์ต่างๆด้วย
    และท่านยังได้เรียนวิชาเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่จนมีความชำนาญอย่างดียิ่ง ส่วนผ้ายันต์พญาฉัททันต์ ซึ่งท่านเรียนมาจากหลวงพ่อเดิมนั้นดีทางค้าขายทางเมตตาและด้านการงานให้มีความประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ต้องการเป็นเอกอุทางด้านเสริมบารมี เรียกว่าครอบจักรวาลครับ บูชาไว้ในบ้านคุ้มครองบ้าน ไว้ในร้านค้าก็รุ่งเรืองครับ พกติดตัวไว้ป้องกันตัวและเสริมบารมี
    เรื่องหนึ่งที่ได้ยินมาคือเรื่องผ้ายันต์คุ้มบ้านมีคนบูชาผ้ายันต์ของหลวงพ่อฉาบไว้ในบ้านแล้วทิ้งบ้านไปหลายวันเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัดแต่เพื่อนบ้านใกล้เตียงเห็นเปิดหน้าต่างไว้จึงคิดว่ามีคนอยู่ไม่ได้สนใจว่าหน้าต่างบ้านเปิดไว้เพราะถูกคนร้ายงัดบานหน้าต่างเปิดไว้จนเจ้าของบ้านกลับมาจึงทราบว่ามีขโมยเข้ามาในบ้าน
    แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ไม่มีทรัพย์สินเสียหายหรือถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียวนอกจากรอยเท้าคนร้ายย่ำวนไปมาและรอยถูกงัด ภายในบ้านมีเพียงรูปยันต์บูชาติดผนังไว้ข้างหิ้งพระผืนเดียวเท่านั้นแถมชาวบ้านเองยังบอกว่านึกว่ามีคนอยู่ในบ้านทุกวันไม่รู้ว่าเจ้าของไม่อยู่เชื่อว่าเป็นผ้ายันต์ผืนนี้ที่แสดงปาฎิหารย์ให้คนร้ายหนีไป เพราะผ้ายันต์หลวงพ่อฉาบไม่ได้ใช้ผ้าธรรมดา แต่เป็นผ้าที่ใช้คลุมศพ มาสกรีนยันต์พญาฉัททันต์

    หลวงปู่ฉาบ เมื่อท่านได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์จนเชี่ยวชาญแล้ว ท่านได้มาจำพรรษา ณ วัดคลองจันทน์ ต. ห้วยงู อ. หันคา จ. ชัยนาท ซึ่งขณะนั้นมี หลวงพ่อโป๋ เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังหลวงพ่อโป๋มรณภาพลงชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนานิมนต์ หลวงปู่ฉาบ เป็นเจ้าอาวาสสืมต่อมาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2542 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่มรณภาพ


    สุดยอดวิชาของหลวงปู่ฉาบ คือสักกระหม่อมเป็นตัวอัง ฝังเข็มทองตำรับหลวงพ่ออินทร์ และเครื่องรางที่สุดยอด คือมีดหมอลงยันต์นูน ผ้ายันต์พระยาฉัตทัน ตะกรุดเสาอากาศ ปลัดขิกตะกั่ว พระเครื่องที่สุดยอดคือเหรียญรุ่นแรกหลังฌาปนกิจโยมแผ้ว เกรงขาม ท่านเป็นพระที่เก่งจริงขนาดท่านนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์แล้วเกิดอุบัติเหตุขาหักท่านยังไม่ยอมไปหาหมอเป่าคาถาเองจนหายเป็นปกติ ผ้ายันต์ช้างของท่านมีคนบูชาแล้ววันดีคืนดีมีเสียงร้องให้ได้ยินด้วยอภินิหารของท่านมีให้เล่าอีกเยอะ ผมเองบังเอิญได้มีวาสนาเป็นลูกศิษย์ท่านช่วงไปรับราชการที่อำเภอหันคาได้มีโอกาสลงกระหม่อมกับท่านในวันเสาร์ห้าโดยลงในโบสถ์และท่านเคยชวนไปปลุกเสกพระกับท่านที่จังหวัดเพขรบูรณ์ พระคณาจารย์หลายองค์ในยุคนั้นให้ความเคารพท่านมาก โดยเฉพาะครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขตถึงขนาดให้ท่านเอานำมนตร์พรมศรีษะให้ผมได้เห็นเองกับตา วัตถุมงคลของหสวงปู่เป็นของดึจริงแม้จะยังไม่ดังมากแต่เก็บไว้แล้วย่อมเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองแน่นอนครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงปู่ฉาบวัดคลองจัน ๙๐ปีให้บูชา 150 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20231030_044923.jpg IMG_20231030_044955.jpg

    องค์ที่ ๒ ให้บูชา 100 บาท ค่าตัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231030_045034.jpg IMG_20231030_045058.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1698618303836.jpg
    หลวงพ่อชม อดีตเจ้าอาวาสวัดนางในฯ(ต่อจาก หลวงพ่อนุ่ม สุดยอดปรมาจารย์สายอ่างทอง โดยเฉพาะเบี้ยแก้) ท่านอุปสมบทที่วัดโบสถ์ อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อพัก วัดโบถส์(สุดยอดเกจิเมืองอ่างทองอีกท่าน)เป็นพระอุปัชฌาย์และมีหลวงพ่อนุ่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังอุปสมบทหลวงพ่อนุ่มก็ชวนให้ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนางในฯ ศึกษาวิชาและไสบเวทย์กับหลวงพ่อนุ่มและหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ เนื่องจากหลวงพ่อเดิมกับหลวงพ่อนุ่มนั้นเป็นสหธรรมิกกันไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆ หลวงพ่อชมท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวายท่าน(ที่ท่านไม่ทำเนื่องจากไม่ต้องการทำวัตถุมงคลมาแข่งกับครูบาอาจารย์) วัตถุมงคลของท่านมีไม่มาก มีรูปหล่อ 2 รุ่น(80ปี,90 ปี ขึ้นพระธาตุทั้งสองรุ่น) เหรียญรุ่นแรก,80ปี,90ปี สมเด็จหลังหลวงพ่อชม 90 ปี วัตถุมงคลของท่านตอนนี้ถือเป็นของดีราคาย่อมเยาว์ อาจเป็นเพราะยังไม่มีการเผยแพร่สู่ส่วนกลางหรือมีก็ไม่มากนัก(ไม่มีคนโปรโมทและไม่มีการปั่นราคาครับ)....จะว่าเป็นของดีที่ถูกมองข้ามก็น่าจะได้ครับ เมื่อก่อนหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จะไปมาหาสู่กับหลวงพ่อชม อยู่เสมอๆและจะขอผงปถมังของหลวงพ่อชมติดตัวท่านกลับไปด้วยอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าท่านเก่งหรือไม่นั้น? ขนาดว่า หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี, หลวงพ่อทองใบ วัดอบทมและหลวงพ่อผาด วัดไร่ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ชื่นชมและศรัทธาในหลวงพ่อชม วัดนางในฯเป็นอย่างมาก...ผมเก็บไว้หลายองค์ ทันท่านทุกองค์...เล่าจากประสบการณ์ตรงนะครับ ครั้งหนึ่งที่วัดมีงานประจำปี (วัดนางในอยู่กลางเมืองวิเศษชัยชาญ) สุนัขที่วัดกัดลูกคนมีสีท่านหนึ่ง เขียวคล้ำ เลือดออกทีเดียว พ่อโมโหมาก หยิบปืนจากรถยิงสุนัข 3 นัด ลูกปืนไม่ออกสักนัดเดียว หลวงพ่อชมท่านอยู่แถวนั้น ท่านบอกกับพ่อเด็กว่า "พอแล้วโยม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก 3 วันแผลก็หาย"พ่อเด็กก็ขับรถออกจากวัด พอพ้นเขตวัดชาวบ้านก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ใช่แล้วครับ ปืนยิงออกแต่นอกวัด หลังจากวันนั้นผมตามเก็บหมดพระหลวงพ่อชม แห่งวัดนางใน วิเศษชัยชาญ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงพ่อชมวัดนางใน 90 ปีให้บูชา
    150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20231030_052843.jpg IMG_20231030_052820.jpg IMG_20231030_052718.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2023
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญพระพุทธชินราชหลังพระนเรศวรมหาราช เข้าพิธีมหาจักรพรรดิ์ปี 2558 กองทัพภาคที่ 3 จัดสร้าง
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231030_060154.jpg IMG_20231030_060231.jpg IMG_20231030_060256.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    luangporpra.jpg
    หลวงพ่อพร้า เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรมมีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านดงคอน และสาธุชนโดยทั่วไป
    ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วท้องทุ่งเมืองสรรคบุรีถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับสมญานาม หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว

    ปัจจุบัน หลวงพ่อพร้า หรือ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์ สิริอายุ 84 ปี พรรษา 64 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลดงคอน

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พร้า ยอดดำเนิน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2466 ตรงกับเดือน 5 ปีกุน เป็นชาวชัยนาทโดยกำเนิด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

    ชีวิตในเยาว์วัยของท่านผิดแผกไปจากเด็กในวัยเดียวกัน เพราะกำพร้าโยมบิดาตั้งแต่ท่านอยู่ในครรภ์ของมารดาได้เพียง 3 เดือน เมื่อพ้นจากครรภ์มารดา เครือญาติจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อให้ท่านว่า กำพร้า หากแต่การแจ้งชื่อที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์ ตกคำว่า กำ คงเหลือเพียงคำว่า พร้า เพียงอย่างเดียว

    จึงไปตรงกับคำที่หมายถึง ของมีคม ซึ่งเกิดจากเหล็กกล้ามีดพร้า นั่นเอง

    ในวัยเด็ก แม้จะขาดบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่มารดาของท่านได้อุ้มชูเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความอุตสาหะ และท่านยังได้รับความเอื้ออาทรจากบรรดาเครือญาติ เนื่องจากมีอุปนิสัยเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มีใจโอบอ้อมอารี ท่านมักจะติดตามผู้ใหญ่เข้าวัดทำบุญอยู่เสมอๆ

    หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 มิได้มีโอกาสเรียนต่อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ทั้งๆ ที่ใจของท่านอยากจะร่ำเรียนต่อ จึงเป็นเหตุให้ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ว่า

    ...หากมีโอกาสได้บวช จะขอบวชให้เสากุฎีคอดหรือเสากุฎีขาด และหากมีโอกาสได้เป็นสมภารเจ้าวัด จะอุปถัมภ์การศึกษาแก่เด็กๆ ที่พ่อแม่มีฐานะยากจน จะทำ จะช่วยให้เต็มความสามารถ...

    ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมีพระครูปัตย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุห์เขียว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายา อัตตสันโต หมายถึง ผู้มีตนอันสงบแล้ว

    ภายหลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านมีจิตมุ่งมั่นและเพลิดเพลินต่อรสพระธรรม หมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท รวมทั้งช่วยเหลือการพัฒนาวัด และญาติโยมที่มีความทุกข์-เดือดร้อน จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านดงคอน

    ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ ได้ยึดหลัก พูดจริง ทำจริง ยึดความถูกต้องเป็นเกณฑ์

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2491 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

    พ.ศ.2513 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

    ปัจจุบัน ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลดงคอน

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2513 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์ พ.ศ.2519 ได้รับพะราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

    ด้านการพัฒนา หลวงพ่อพร้าได้ตั้งใจพัฒนาวัดที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจนรุ่งเรือง ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ บูรณะเจดีย์ สร้างซุ้มประตู ถนนภายในวัด สร้างสนามเด็กเล่น ศาลาประชาคมและบูรณะวัดที่มีฐานะด้อยกว่า

    ด้านการศึกษา ด้วยปณิธานของหลวงพ่อพร้าที่ตั้งใจเอาไว้แต่ต้นว่า เมื่อได้บวชและได้เป็นเจ้าอาวาสจะสนับสนุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน ซึ่งท่านได้จัดตั้งกองทุนเอาไว้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสได้รับการศึกษา รวมทั้งพระภิกษุ-สามเณร ที่ขาดแคลน ท่านได้ส่งพระภิกษุ-สามเณรที่สนใจใฝ่การศึกษาเหล่านั้น ไปรับการศึกษาในกรุงเทพมหานคร บางรายประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมากมาย โดยอาศัยปัจจัยจากกองทุนการศึกษาที่ท่านจัดตั้งขึ้น

    ด้านสาธารณสุข แต่เดิมชาวบ้านดงคอน ขาดแคลนแพทย์และสถานพยาบาลที่ทันสมัย ท่านได้ให้การสงเคราะห์ด้วยการนำเอาวิชาแพทย์แผนโบราณบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้กับญาติโยม ในระยะต่อมา ได้เป็นแกนนำในการก่อสร้างสถานีอนามัยขึ้นที่วัดโคกดอกไม้ เป็นสถานที่บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

    นอกจากนี้ หลวงพ่อพร้า ได้ให้ความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ค้นคว้าด้านปฏิบัติจิตภาวนา เพื่อให้จิตบังเกิดสมาธิและได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ต่อหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน และได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อโตยังให้ความเมตตาอุปถัมภ์ในการบูรณะวัดโคกดอกไม้ เป็นการช่วยเหลือพระหลานชายของท่านอีกทางหนึ่งด้วย

    และอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ที่ได้มอบสรรพวิชา ให้กับหลวงพ่อพร้ามากมายหลายด้าน คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท

    พุทธาคมอันเข้มขลังที่หลวงพ่อพร้าได้รับถ่ายทอดจาก 2 พระอาจารย์ ภายหลังได้นำมาสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะตำรับน้ำมนต์อันเข้มขลัง ซึ่งท่านมิได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอค่าบูชาครูเพียงบาทเดียว จนได้รับการยกย่องและเรียกขานนามของท่านว่า หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว

    สำหรับวัตถุมงคลของท่านที่มีประสบการณ์และกล่าวขานกันถึงพุทธคุณ ได้แก่ พระสมเด็จมหาลาภ รุ่นแรกปี 12 และปี 14 พระสมเด็จ ด้านหลังฝังข้าวสารดำ 9 เม็ด รุ่นแรกปี 14, รุ่น 2 ปี 30 ฝังข้าวสารดำ 6 เม็ด และตะกรุดโทน

    ปัจจุบัน ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นรุ่นที่ 3 มีตะกรุดโทน, เหรียญบาตรน้ำมนต์ เพื่อมอบให้กับเจ้าภาพกองผ้าป่า กองละ 1,250 บาท เป็นกองทุนในการก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนชุมชนวัดโคกดอกไม้และยังจัดสร้างพระสมเด็จปรกโพธิ์ (โพธิ์แก้ว) หลังยันต์ตำรับหลวงพ่อกวย, พระสมเด็จหลังรูปเหมือน, มีดหมอและจตุคามรามเทพ

    แม้ปัจจุบัน หลวงพ่อพร้า อัตตสันโต ล่วงวัย 84 ปี แต่สุขภาพร่างกายของท่านยังคล่องแคล่ว แข็งแรง

    เกียรติคุณ บารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์พลังจิตของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีบารมีทางกระแสจิตแก่กล้า

    https://palungjit.org/threads/ขอเชิญแชร์ข้อมูล-และประสบการณ์-วัตถุมงคล-หลวงพ่อพร้า-วัดโคกดอกไม้-จ-ชัยนาท.262739/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนปิดทองหลวงพ่อพร้าวัดโคกดอกไม้หลังขุนสรรค์ให้บูชา 3 องค์
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231030_185316.jpg IMG_20231030_185358.jpg IMG_20231030_185214.jpg
    IMG_20231030_185247.jpg IMG_20231030_185430.jpg IMG_20231030_185448.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2023
  5. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,898
    ค่าพลัง:
    +6,817
    ขอจองครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1698714850103.jpg
    ประวัติหลวงพ่อชาญ วัดถ้ำพระธรรมาสน์โดยสังเขป เพื่อศึกษาเป็นแนวทางบูชา ในครอบครัวเรา ทั้งเก่าและใหม่ครับ สมาชิกเก่าหลายๆท่านรวมทั้งผม พอทราบอยู่แล้ว จึงขอลงไว้เพื่อเป็นการศึกษา ขอบคุณข้อมูลจากพี่เอ๋ครับ
    ประวัติหลวงพ่อชาญ
    หลวงพ่อชาญ สุมังคโล ท่านเป็นเณรแล้วมาบวช (ประมาณปี2509)เคยถามท่านครั้งแรกคือท่านมุ่งแนวทางการวิปัสสนากรรมฐานเพื่อมุ่งสู่การหลุดพ้น เคยเป็นเณรอยู่วัดในพิจิตรจนไปอยู่กับท่านพระพุทธทาสจนท่านให้เป็นเณรคอยรับใช้หน้าห้อง เคยเล่าว่าสมัยอยู่กับท่านพุทธทาสทำงานหนักมากจนมือแตกไปหมดเพราะท่านบอกจะสอนชาวบ้านได้ต้องทำงานให้หนักกว่าคอมมิวนิส โดนท่านพุทธทาสบังคับให้เรียนภาษาอังกฤษไม่ชอบเลยขอลาเพื่อหาแนวทางที่ตนปราถนา เคยไปอยู่ธรรมกายในยุคแรกๆและตะเวนฝึกกรรมฐานตามวัดที่ฝึกวิปัสนากรรมฐานดังๆในกรุงเทพหลายที่เช่นวัดเชตุพน และอีกหลายวัด โดนทดสอบอามรณ์ต่างนาๆเช่น ราดด้วยน้ำปัสสาวะก็เคย เพราะบางทีท่านฝึกในกุฏิร่วมปีโดยไม่พูดอะไรปฏิบัติอย่างเดียว มุ่งหลุดพ้นปฏิบัติจนเห็นพลังจิตเป็นพลังงานที่มองเห็นเวลาพูดพลังงานก็ปล่อยออกมาท่านเลยปิดวาจาไม่ให้สูญเสียพลังเหล่านี้ (ไม่จำเป็นต้องเชื่อน่ะครับ) ท่านเดินทางธุดงค์ล่องใต้ขึ้นเหนือหายสาบสูญจากครอบครัวเป็นเวลาสิบกว่าปีไม่มีคนได้ข่าว จนมีพระท่านนึงเตือนสติว่าคนทางบ้านท่านจะเป็นทุกข์แค่ไหนที่ท่านหายมานานขนาดนี้ ท่านระลึกถึงมารดาท่านท่านก็เลยเดินทางไปหามารดาให้รู้ว่าท่านยังอยู่ เป็นพระไม่ได้เป็นคอมมิวนิสน์ เพราะสมัยนั้นบ้านเมืองจะยังมีปัญหาเกี่ยวกับคอมมิวนิสน์อยู่ และท่านก็ธุดงค์ไปฝึกปฏิบัติกรรมฐานต่อเดินทางไปกับพระด้วยกัน เป็นที่เลื่องลือในกลุ่มพระด้วยกันว่าพระรูปนี้มีดีไม่ธรรมดา จนท่านธุดงค์มาถึงถ้ำพระธรรมมาสน์ครั้งแรกมาด้วยกัน 7 รูป มาอาศัยปฏิบัติในถ้ำจนเหลือท่านรูปสุดท้าย ก็ปฏิบัติอย่างหนักเรื่อยมาจนทางป่าไม้ไม่ให้มีวัดในถ้ำท่านก็ต้องออกมาสร้างวัดที่หน้าปากทางถ้ำ เพราะมีนิมิตรบางอย่างบอกท่านให้ท่านเฝ้าบางสิ่งในถ้ำพระธรรมมาสน์ แม้ท่านจะเดินสายผ่านครูบาร์อาจารย์มากมายเช่นหลวงปู่เย็น/หลวงปู่เกตุ/หลวงปู่บุดดา/หลวงพ่อแพ/หลวงพ่อเกษม เขมโก/ครูบาเขาตากผ้า ฯลฯ แต่ที่หลวงพ่อท่านมามีวิชาดีท่านยอมรับว่าท่านได้จากฆราวาสซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพิธตาไฟ วัดฆะมัง จังหวัดพิจิตร และพ่อของฆราวาสท่านนี้คือลูก(ศิษย์ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลานแท้ๆ) ท่านมาหาหลวงพ่อตอนนั้นท่านบอกว่าท่านเคยมาตัดเหล็กไหลที่ถ้ำพระธรรมมาสน์และอธิษฐานจิตว่าขอให้มีพระที่ดีมาอยู่ที่นี่ ท่านบอกท่านไม่มีลูกชายเลยขอมอบตำราวิชาทั้งหมดด้านมนต์คาถาที่ท่านเรียนมาให้หลวงพ่อชาญ ส่วนวิชาตำรายาท่านมอบให้แก่ลูกสาวท่าน หลวงพ่อชาญโดยพื้นฐานท่านฝึกด้านสมาธิได้ญาณขั้นสูงอยู่แล้ว พอมาได้วิชาสายหลวงพ่อเงินท่านก็ฝึกอย่างหนักเป็นสิบปีเช่นฝึกจารและถมตะกรุดคู่ชีวิตดอกเดียวเป็นพรรษาตามตำราโบราณ และใช้คาถามหากระดอนเต็มสูตรตัวผู้ตัวเมีย แต่ด้วยจริตท่านชอบด้านเมตตามากกว่าอยู่ยงคงกระพัน วัตถุมงคลของท่านถึงให้ผลทางเมตตาแคล้วคลาด และทางค้าขายดีมาก ...ท่านบอกวัตถุมงคลส่วนมากให้ผลไปทางจริตของผู้ปลุกเสก แต่ด้านเหนียวหลวงพ่อท่านก็เคยลองโดยปลุกเสกมีดให้ท่านคึกฤิทธิ์ ไชยคีรีเป็นคนเชือดมาแล้ว และประสบการณ์วัตถุมงคลของท่านเช่นครุฑ พระบูชา ผ้ายันต์ มีดก็เป็นที่ยอมรับในหมู่ลูกศิษย์มานานแล้วว่า ประสบการณ์ดี ปกปักรักษา โดนยิง โดนแทง อุบัติเหตุทางรถยนต์ คนจะไม่เป็นไร แต่ต้องรีบไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ เพราะพอถอดพระหรือวัตถุมงคลเท่านั้นเป็นเรื่อง ได้เจ็บตัวเล็กน้อยทันทีครับ
    **ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลแท้จริงยืนยันจากทีมแอดมิน ยอดขุนพล**
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เทพรูปอุดรหลังรัชกาลที่ ๕ ทรงผนวชให้บูชาองค์ละ 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี 2 องค์

    IMG_20231031_090855.jpg IMG_20231031_090914.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2023
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระครูวิจิตรสุธาการ หรือ "หลวงพ่ออำนวย" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดธรรมิการาม (วัดค้างคาว) อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ผู้มีสมญานามโหร 6 นายก, โหรเหรียญทองโอลิมปิก, โหรนายพล, โหรกลับดวง, โหรเปลี่ยนชีวิต, โหรเจ้าสัว โหรนายแบงก์ เพราะนายธนาคารใหญ่ๆ เป็นลูกศิษย์ท่านจำนวนมาก สมญานามเหล่านี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ได้มาด้วยความแม่นยำ ลูกศิษย์ลูกหามักกล่าวกันว่า ท่านทำนายทายทักดุจตาเห็น ทางในใสกระจ่าง ปากพระร่วง สมกับสมญานามโหร 6 นายก แม้เป็นพระครูบ้านนอกก็เป็นโหรประจำตัวนักการเมืองระดับแนวหน้าหลายท่าน
    ประวัติหลวงพ่ออำนวย สิริจันโท วัดค้างคาว จ.ลพบุรี ชาติภูมิเป็นคนบ้านหมี่โดยกำเนิด เป็นลูกชาวนา ณ หมู่บ้านในตำบลบางขาม เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2485 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หลังจากนั้นได้ประกอบอาชีพครูที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย ย่านประตูน้ำ สอนได้ 6-7 ปี โรงเรียนถูกยุบ เนื่องจากเหตุนักเรียนยกพวกตีกัน ชีวิตท่านจึงผกผันไม่รู้ทิศทาง จำต้องย้อนคืนกลับมาอยู่ที่บ้านบางขามถิ่นมาตุภูมิ เมื่อปี พ.ศ.2517 ณ ห้วงรอยต่อที่ว่างงานอยู่นั้นโยมแม่ได้อ้อนวอนขอให้บวชแก้บนเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ แต่ด้วยชะตาลิขิตฟ้าสั่งหรือมนตราแห่งพุทธานุภาพให้มารับใช้พระศาสนาก็ว่าได้ หลังจากที่ท่านบวชแล้วยังมิทันสึกโยมแม่ของท่านได้สิ้นใจโดยมิได้สั่งลา ท่านจึงต้องถือบวชแต่นั้นมาเพื่อทดแทนพระคุณ
    เริ่มแรกที่บวชก็ด้วยแม่สั่งมา แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบศาสนา ไม่สนใจธรรมะ ไม่สนใจเรื่องโหราศาสตร์ เพราะจบด้านวิทยาศาสตร์ ณ วันหนึ่งได้ศึกษาข้อธรรมและพุทธประวัติโดยมิรู้ตัว จึงได้ล่วงรู้คำสอนของพระพุทธศาสนาว่าสอดคล้องต้องกับวิทยาศาสตร์ จึงติดหลักศึกษาพระธรรมไม่หยุดหย่อน คล้อยหลังเมื่อได้ศึกษาพุทธประวัติตอนประสูติมีการพยากรณ์ จึงฉุกคิดว่าตำราโหรา ศาสตร์มีมาแต่โบราณจักสอดคล้องกับดารา ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จึงทุ่มเวลาดูตำราโหราศาสตร์มากมาย ทั้งของไทย จีน ยุโรปถึง 7-8 แขนง ใช้เวลาศึกษาอยู่ 7-8 ปี ต่อมา เมื่อชะตากำหนดได้มีผู้มาขอร้องช่วยดูดวง ดูฤกษ์ผานาที เดิมทีท่านไม่ได้มีความมั่นใจในวิชาโหราศาสตร์นัก แต่ทนถูกอ้อนวอนไม่ไหวจึงตั้งใจดู เมื่อคนหนึ่งว่าแม่น คนที่สองที่สามก็ตามมา จนโด่งดังไปทั่วประเทศ
    เคล็ดลับการดูของหลวงพ่ออำนวยมิได้เพียงแต่ใช้วิชาโหรทำนายเพียงอย่างเดียว แต่ท่านมักจะสอนและสอดแทรกธรรมะอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังเป็นพระพัฒนา นักการศึกษา นักปกครอง นักเผยแผ่ และนักสังคมสงเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน
    ด้วย "หลวงพ่ออำนวย" เป็นผู้ทำนายทายทักแม่นยำ ท่านจึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อ "พลิกดวง" มอบให้ลูกศิษย์ลูกหาไปแก้ไขชะตาชีวิต ในรูปลักษณ์ "พระยาพิเภกกลับดวงพลิกดวง" ท่านสร้างขึ้น เพราะวิตกว่าบ้านเมืองเรานี้จะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา จะยิ่งเงียบเหงา พ่อค้าแม่ขายค้าขายไม่ได้ เมื่อวิตกเช่นนั้น หลวงพ่ออำนวยจึงได้ทำสมาธิอัญเชิญครูบาอาจารย์ที่เคารพบูชา
    หลวงพ่ออำนวย วัดธรรมิการาม
    คืนหนึ่งจึงได้นิมิตไปว่า พระยาพิเภกโหราใหญ่ บอกว่า "พระครูอย่าร้อนใจไป ภัยของคนไทยแก้ได้อยู่ พระครูจงทำรูปฉันขึ้น ตามสีประจำวัน แล้วจงเสกตามมนต์ที่ฉันสอนไว้ ใครเขาศรัทธานำไปบูชา ย่อมเป็นผู้มีบุญพอจะหลุดพ้นวิบากกรรมได้ ฉันก็จะกลับดวง พลิกดวงให้เขาผู้นั้นเอง เขาปรารถนาสิ่งใด ยศ ลาภ ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน ให้ขอที่ฉันนี่" เมื่อ "หลวงพ่ออำนวย" ตื่น และคิดถึงนิมิตจึงรู้ว่าที่ฝันเช่นนี้คงจะเป็นบรมครูพระยาพิเภกโหราจารย์ คิดสงสารคนไทย จึงหาทางแก้ไขให้ จึงได้จัดพิธีบวงสรวงสร้างองค์พระยาพิเภกขึ้นจากผงมงคล และมวลสารสำคัญจากทั่วประเทศ เช่น ผงนะระงับดับทุกข์, ผงเสริมดวง กลับดวง พลิกดวง ชูดวง, ผงสุริยัน-จันทรา, ผงพระหลักเมืองทุกจังหวัด, ไคลเสมาวัดหลวงประจำจังหวัด, ตะไบตะกรุดมหาจักรพรรดิ มาสร้างเป็นพระยาพิเภกเป็นสีประจำวันทั้ง 7 วัน ตามตำนานกล่าวว่า พระยาพิเภกกำเนิดเดิมคือแว่นแก้วคู่มือของพระนารายณ์เทพเจ้า ที่ทรงใช้ส่องมองเหตุการณ์ทั้ง 3 โลก เพื่อระงับดับทุกข์เข็ญ เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระราม ลงมาปราบยักษ์ทศกัณฐ์ จึงทรงให้แว่นแก้วลงมาเกิดเป็นพระยาพิเภก น้องต่างมารดาทศกัณฐ์ พระยาพิเภกนั้น แม้จะเป็นยักษ์ ก็เป็นยักษ์ฝ่ายธรรมะ และรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งในอดีตและอนาคตอย่างชัดเจน
    ตลอดจนบอกทาง แก้แก่พระรามจนได้ชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าจะเปรียบแล้วก็มีความสำคัญไม่แพ้หนุมาน ทหารเอกฝ่ายบู๊ของพระรามเลย เพียงแต่พระยาพิเภกเป็นทหารเอกฝ่ายบุ๋น เป็นพวกยอดเสนาธิการ คอยวางแผนการรบ จึงรบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง และชนะตั้งแต่ยังไม่ออกรบ " พระยาพิเภกกลับดวงพลิกดวง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่ออำนวยมีวิชาโหราศาสตร์เปลี่ยนชื่อตั้งชื่อนายพลคนดังตำรวจ ทหาร ในประเทศไทยหลายคนที่เปลี่ยนชื่อจากสั้นๆเป็นยาวส่วนมากมาขอเมตตาจากท่านทั้งนั้น
    พระรอดหนองมนหลวงพ่ออำนวยวัดธรรมิการามให้บูชา
    150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231031_184424.jpg IMG_20231031_184508.jpg IMG_20231031_184357.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    https://www.pra-maeklong.com/2023/03/watlamnam.html?m=1

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

    พระผงหลวงพ่อแปลกวัดลำน้ำราชบุรีให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231031_185513.jpg IMG_20231031_185551.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ ไม่ต้องโพสสลิป เพราะปัจจุบันมีการแก้ไขภาพสลิป นำไปใช้ต่อหลอกโอนเงิน
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระพุทธชินราชปิดทองหลังหลวงปู่บุดดาให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231101_140012.jpg IMG_20231101_140040.jpg IMG_20231101_135947.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2023
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระผงจันทร์ลอยหลังพลอย หลวงปู่ทิม รุ่นบารมีอิสริโก วัดแม่น้ำคู้เก่าปี ๒๕๕๔
    หลวงพ่อสาคร หลวงพ่อสิน อธิฐานจิต ที่ระลึกในการสร้างศาลาการเปรียญ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ จ.ระยอง ( ด้านหลังฝังพลอยเสกหลวงปู่ทิม) พระผงพิมพ์จันทร์ลอย รูปหลวงปู่ทิมครึ่งองค์ โดยใช้มวลสารเก่าของหลวงปู่ทิม ที่มีเหลืออยู่ที่วัดแม่น้ำคู้เก่า และได้รับมวลสารเพิ่มเติมจาก หลวงพ่อสาคร

    4-wm.jpg
    รายนามพระเกจิที่ได้อาราธนามาพุทธาพิเษก
    1. พระราชสิธนายก (หลวงพ่อสมอิง โชติกโร) วัดเนินพระระยอง
    2. พระครูสุภัททาจารคุณ (หลวงพ่อสิน) วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง
    3. พระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (หลวงพ่อเชย) วัดละหารไร่ จ.ระยอง
    4. พระครูโอภาสบุญวัฒน์ (หลวงพ่อแจ่ม) วัดเขาสำเภาทอง จ.ระยอง
    5. พระครูโสภิตธรรมสาร (หลวงพ่อชู) วัดทับมา จ.ระยอง
    6. พระครูมนูญธรรมวัตร (หลวงพ่อสาคร) วัดหนองกรับ จ.ระยอง (ปลุกเสกวันที่ 3, 4, 5, รวม3 วัน ที่หอยันต์วัดหนองกรับ)
    7. หลวงพ่อจาย สกฺโก วัดกระแสคูหาสวรรค์ จ.ระยอง
    8. หลวงพ่อสมคิด นนฺทิโย วัดบึงตาต้า จ.ระยอง
    9. พระมงคลวรากร (หลวงปู่ชาญ) วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ
    10.พระมงคลสิทธิคุณ (หลวงพ่อฟู) วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา
    11. หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด
    12.หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่พระอารามหลวง จ.สมุทรสงคราม
    13.พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี
    14.หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฏีทอง จ.ปทุมธานี
    15.หลวงพ่อเจริญ วัดจันเสน นครสววรค์
    16.หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม ชลบุรี
    ดูขัอมูลการสร้างได้ครับ มีหลักฐานออาไลน์ ในสมัยนั้น
    https://www2.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talk&No=246951
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงจันทร์ลอยหลวงปู่ทิมวัดแม่น้ำคู้เก่าระยององค์นี้มีพลอยเสกสรรค์เด่นชัด 2 เม็ด เจตนาดี มวลสารดี ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231101_202814.jpg IMG_20231101_202846.jpg IMG_20231101_202739.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2023
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญหลวงพ่อแพขี่สิงห์สร้อยเชือกแดงเดิมๆและรูปถ่ายหลังตะกรุดสามกษัตริย์หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง วัตถุมงคลยุคเก่าของท่าน
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231101_213736.jpg IMG_20231101_213750.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2023
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1698917099770.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1698978591910.jpg
    พระพุทธเมตตาสมเด็จพระศรีนครินทราบรม
    ราชชนนี 84 พรรษา ปี ๒๕๒๗
    จากพระราชานุสาวรย์สมเด็จฯพระบรมราช
    นก ซึ่งได้ประดิษฐานมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ ได้
    ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ในปี ๒๕๒๕ จึงได้
    บูรุณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในการบูรณะฯ
    ครั้งนี้ได้สร้างแผ่นผ้าทิพย์ลาดหน้าพระแท่น
    เป็นโลหะขึ้นถวายใหม่ ส่วนของเดิมเนื้อปูน
    ของเก่า
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้
    กำหนดวัตถุประสงค์การจัดสร้างพระผงพิมพ์
    วัตถุมงคลซึ่งสร้างด้วยผ้าทิพย์ของพระราชา
    นุสาวีย์สมเด็จฯ พระบรมราชนก เป็นวัสดุ
    หลักครั้งนี้ว่าสร้างขึ้นน้อมเกล้าถวายสมเด็จ
    พระบรมราชชนนีในวโรกาศมหามงคลทรง
    เจริญพระชนมายุครบ ㆍ๔ พรรษา ในวันที่
    ๒๑ ตุลาคม ปี ๒๕๒๗ ได้พระราชทานนาม
    พระเครื่องพิมพ์นี้ว่า พระพุทธเมตตา พร้อม
    กับทรงมีพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระ
    นามาภิไธยย่อจารึกไว้เบื้องหลัง
    ได้กระทำพิธีประเดิมพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ เมื่อ
    วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ปี ๒๕๒๗ โดยสมเด็จ
    พระญาณสังวร เป็นประธานพิธี วัตถุมงคลที่
    ใช้ในการจัดสร้าง แผ่นผ้าทิพย์ พระราชานุ
    สาวรีย์สมเด็จฯพระบรมราชนก ดอกไม้แห้ง
    ว่านร้อยแปด เกษรดอกไม้ ปูชนียวัตถุผง
    พระพุทธคุณ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ
    ภาษีเจริญ ผงสมเด็จปีลันทน์ พระผงหลวงพ่อ
    เกษม เขมโก พระผงของเจ้าคุณนรรัตนฯ
    พระผงหลวงปู่แหวน สุจินโณ ปฏิมากรผู้
    ออกแบบ นายเกษม มงคลเจริญ
    สมเด็จพระเทพร้ตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
    กุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์
    ประธานพิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคล
    พระพุทธเมตตา ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศ
    วิหาร วันที่๒ สิงหาคม ปี๒๕๒๗
    พิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธเมตตา ในพระ
    อุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร
    วันที่ ๒ สิงหาคม ปี๒๕๒๗
    เวลา ๑๕.๓๐ น. สมเด็จพระอริยวงศาคต
    ญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ
    ปรินายก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
    สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร พระ
    ธรรมวโรดม วัดปทุมคงคา พระวิสุทธาธิบดี
    วัดไตรมิตรวิทยาราม พระพุทธวงศ์มุนี วัด
    เบญจมบพิตร พระธรรมธีรราชมหามุนี วัด
    ปากน้ำภาษีเจริญ
    เวลาด๗.0ㆍ ๑๘.๓๐ น. พระวิสุทธิวงศาจารย์
    วัดพิชัยญาติการาม พระธรรมเจดีย์ วัด
    เทพธิดาราม พระเทพวรเวที วัดไร่ขิง
    นครปฐม พระเทพสังวรญาณ วัดศลีขันธ์
    อ่างทอง พระเทพราภรณ์ วัดราชบพิสถิตมหา
    สีมาราม พระมงคลราชมุนี วัดสุทัศน์เทพวรา
    ราม พระสุนทรธรรมภาณี(หลวงพ่อแพ) วัด
    พิกุลทอง สิงห์บุรี พระโพธิสังวรเถร วัดโพธิ
    นิมิตร หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    นครปฐม
    เวลา ๑๘.๓๐ ๒๐.๐๐ น. พระธรรมปัญญาจาร
    ย์ วัดราชประดิษฐ , พระเทพสิทธิมุนี วัด
    มหาธาตุ พระเทพเมธี วัดเศวตฉัตร พระเทพ
    สีมาราม พระมงคลราชมุนี วัดสุทัศน์เทพวรา
    ราม พระสุนทรธรรมภาณี(หลวงพ่อแพ) วัด
    พิกุลทอง สิงห์บุรี พระโพธิสังวรเถร วัดโพธิ
    นิมิตร หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    นครปฐม
    เวลา ๑๘.๓๐ ๒๐.๐๐ น. พระธรรมปัญญาจาร
    ย์ วัดราชประดิษฐ , พระเทพสิทธิมุนี วัด
    มหาธาตุ พระเทพเมธี วัดเศวตฉัตร พระเทพ
    มุนี วัดดอนยานนาวา พระราชรัตนกวี วัดอนง
    คาราม พระราชสังวรวิสุทธิ วัดอรุณ
    ราชวราราม พระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ
    ภาษีเจริญ พระครูภาวนาวิจารณ์ วัด
    พระเชตพน พระครมงคลณาณ วัดจักรวรรดิ


    พระผง"พุทธเมตตา" จัดสร้างเนื่องในพระวโรกาส สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อปี 2527 สร้างโดยโรงพยาบาลศิริราช แกะพิมพ์โดย "นายช่างเกษม มงคลเจริญ " ปลุกเสกโดย พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙)อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ผู้ซึ่งถึงพร้อมด้วย ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวท และถึงแก่มรณภาพ ในอริยาบทนั่งเจริญวิปัสสนากรรมฐาน มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียง หลายท่าน เช่น หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน พระคุณท่านเป็นพระอาจารย์ถวายพระกรรมฐาน แด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อครั้งเสด็จมาขึ้นพระกรรมฐานที่ วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษดิ์ เป็นเวลาถึง ๑ เดือน เมื่อปี ๒๔๙๘ (รุ่นเดียวกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) พระคุณท่าน จึงได้รับอาราธนานิมนต์เพื่อเป็นอนุสรณ์ครั้งสำคัญที่สุดก็ได้ ซึ่งปกติไม่ปรากฏว่า พระวิปัสนาจารย์อย่างท่านเจ้าคุณโชดก จะไปนั่งปรกพุทธาภิเษกในที่ใด ๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับทุกๆข้อมูล
    พระผงพุทธเมตตาสมเด็จย่า ๘๔ พรรษาให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231103_101156.jpg IMG_20231103_101222.jpg IMG_20231103_101128.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2023
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จ มหาเศรษฐีหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231103_164540.jpg IMG_20231103_164553.jpg IMG_20231103_164523.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    111085-1689529173-f3f5f1f63323e87e3ead77899192892c.jpg
    ถือกำเนิด
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๘ ปีกุน ในตระกูลชาวนา เป็นบุตรของ นายพรหม และ นางพันธ์ ตามภานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ณ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยบิดาของท่านเป็นพระภิกษุถึง ๒๐ พรรษา เป็นพระนักเทศน์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากภิกษุอื่น นอกจากนั้นยังเป็นสมภารปกครองหลายวัด ถึงแม้ว่าโยมบิดาจะสึกมามีครอบครัวแล้วก็ตาม พระภิกษุอื่นก็ยังเคารพโยมบิดาในฐานะของอาจารย์เสมอมา โยมบิดาท่านปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรมเสมอๆ ประกอบทั้งได้อบรมลูกๆ ให้มีความเคารพต่อพระบรมศาสดา สอนให้ละการเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยกาย วาจา และใจ และชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยพรหมวิหาร ๔
    ◎ ในช่วงสงครามโลก
    ในราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น หลังจากสงครามสงบลงใหม่ๆ ภายในหมู่บ้านได้เกิดอาการไข้แพร่เชื้อติดต่อกัน ในจำนวนผู้เป็นไข้นั้นมีตัวท่านเอง น้องชายของท่าน เพื่อนเล่นของท่านและเด็กคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มียามารักษา เพราะว่าหลังสงครามขณะนั้นยาหายากมาก อาการไข้ของน้องชายและเพื่อนของท่านทวีขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และถึงแก่ความตายในที่สุด ความตายนี้มาพรากน้องชายและเพื่อนของท่าน ทำให้ท่านเสียใจอย่างสุดซึ้ง ได้บังเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งเข้ามาในจิตใจของท่าน
    สิ่งอัศจรรย์เกิด
    ในขณะที่ใคร่ครวญพิจารณาศพเพื่อนและน้องชายด้วยใจจดใจจ่อ ได้บังเกิดเป็นฝ้าขาวบางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณและได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเดินผ่านหน้าท่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ท่านหวนคิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเขามีสิ่งใด เขาจึงเดินได้ เคลื่อนไหวได้ แล้วเพื่อนของเราขาดสิ่งใด จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ในขณะที่คิดพิจารณาอยู่กับการตายของน้องและเพื่อนนั้น จิตเริ่มค่อยๆ ลงสู่ความสงบพร้อมกับฝ้าขาวค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้น จนกระทั่งเห็นสีขาวเต็มไปหมด นานเท่าไรไม่ทราบได้ จิตจึงเริ่มถอนออกมา รับรู้สภาพภายนอก ทบทวนย้อนหลังกลับไปถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความคิดที่พิจารณาถึงความตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาในดวงใจของท่านเหมือนมีสิ่งมาดลใจไปให้ท่านอยากบวชเสมอมา
    กุศลดลใจ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกสิ่งคือ เสียงเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้ยินเมื่อไร จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคม ต้องหลีกให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จนไม่ได้ยินเสียง มูลเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า สมมติว่าเราแต่งงานมีลูก ถ้าลูกร้องแล้วเราเจ็บปวดอย่างนี้ เราจะเข้าไปหาลูก หรือเราจะหนีลูก ได้รับคำตอบมาทันทีว่า เราต้องหนี และถ้าเราหนีขณะที่ลูกร้องจะตาย ใคร ๆ เขาจะว่าเราบ้า เพราะมันไม่ใช่พ่อคนแล้ว พ่อสัตว์แน่ๆ
    logo
    ประวัติพระเกจิ
    พระธาตุศักดิ์สิทธิ์
    พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
    ปาฏิหาริย์พระเครื่อง
    ฆราวาสจอมขมังเวทย์
    ธรรมะพระอริยสงฆ์
    วัดที่สําคัญ
    ค้นหา
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
    ประวัติพระเกจิ
    15 ธ.ค. 2020 9265
    share tweet share
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล
    วัดกระโจมทอง
    ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
    ◎ ถือกำเนิด
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๘ ปีกุน ในตระกูลชาวนา เป็นบุตรของ นายพรหม และ นางพันธ์ ตามภานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ ณ ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยบิดาของท่านเป็นพระภิกษุถึง ๒๐ พรรษา เป็นพระนักเทศน์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากภิกษุอื่น นอกจากนั้นยังเป็นสมภารปกครองหลายวัด ถึงแม้ว่าโยมบิดาจะสึกมามีครอบครัวแล้วก็ตาม พระภิกษุอื่นก็ยังเคารพโยมบิดาในฐานะของอาจารย์เสมอมา โยมบิดาท่านปฏิบัติตัวอยู่ในศีลในธรรมเสมอๆ ประกอบทั้งได้อบรมลูกๆ ให้มีความเคารพต่อพระบรมศาสดา สอนให้ละการเบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยกาย วาจา และใจ และชี้แนะแนวทางในการช่วยเหลือมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากด้วยพรหมวิหาร ๔
    ◎ ในช่วงสงครามโลก
    ในราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๘ ขณะที่ท่านอยู่ระหว่างการศึกษาเล่าเรียนนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น หลังจากสงครามสงบลงใหม่ๆ ภายในหมู่บ้านได้เกิดอาการไข้แพร่เชื้อติดต่อกัน ในจำนวนผู้เป็นไข้นั้นมีตัวท่านเอง น้องชายของท่าน เพื่อนเล่นของท่านและเด็กคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มียามารักษา เพราะว่าหลังสงครามขณะนั้นยาหายากมาก อาการไข้ของน้องชายและเพื่อนของท่านทวีขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ และถึงแก่ความตายในที่สุด ความตายนี้มาพรากน้องชายและเพื่อนของท่าน ทำให้ท่านเสียใจอย่างสุดซึ้ง ได้บังเกิดเป็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งเข้ามาในจิตใจของท่าน
    ◎ สิ่งอัศจรรย์เกิด
    ในขณะที่ใคร่ครวญพิจารณาศพเพื่อนและน้องชายด้วยใจจดใจจ่อ ได้บังเกิดเป็นฝ้าขาวบางแผ่กระจายไปทั่วบริเวณและได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนเดินผ่านหน้าท่านไปอย่างช้าๆ ทำให้ท่านหวนคิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเขามีสิ่งใด เขาจึงเดินได้ เคลื่อนไหวได้ แล้วเพื่อนของเราขาดสิ่งใด จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ ในขณะที่คิดพิจารณาอยู่กับการตายของน้องและเพื่อนนั้น จิตเริ่มค่อยๆ ลงสู่ความสงบพร้อมกับฝ้าขาวค่อยๆ หนาขึ้น หนาขึ้น จนกระทั่งเห็นสีขาวเต็มไปหมด นานเท่าไรไม่ทราบได้ จิตจึงเริ่มถอนออกมา รับรู้สภาพภายนอก ทบทวนย้อนหลังกลับไปถึงสาเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความคิดที่พิจารณาถึงความตาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาในดวงใจของท่านเหมือนมีสิ่งมาดลใจไปให้ท่านอยากบวชเสมอมา
    กุศลดลใจ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอีกสิ่งคือ เสียงเด็กร้องไห้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้ยินเมื่อไร จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยมีดคม ต้องหลีกให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ จนไม่ได้ยินเสียง มูลเหตุนี้ทำให้ท่านคิดว่า สมมติว่าเราแต่งงานมีลูก ถ้าลูกร้องแล้วเราเจ็บปวดอย่างนี้ เราจะเข้าไปหาลูก หรือเราจะหนีลูก ได้รับคำตอบมาทันทีว่า เราต้องหนี และถ้าเราหนีขณะที่ลูกร้องจะตาย ใคร ๆ เขาจะว่าเราบ้า เพราะมันไม่ใช่พ่อคนแล้ว พ่อสัตว์แน่ๆ
    ◎ เข้าพิธีอุปสมบท
    เมื่อท่านพิจารณาเช่นนั้น ท่านจึงตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ขอแต่งงานเด็ดขาด ยิ่งเป็นการสนับสนุนความคิดเดิมที่จะบวชให้ทวียิ่งขึ้นไปอีก หลังจากนั้นมา ท่านก็ขอฝากตัวเป็นศิษย์ของพระครูประภาส ภูมิสถิต วัดคงคาสวัสดิ์ ที่ท่านเล่าเรียนหนังสืออยู่ ได้ติดสอยห้อยตามพระครูไปในสถานที่ต่างๆ ในกรณีที่ท่านมีกิจนิมนต์เทศน์ และปรนนิบัติท่านพระครูด้วยดี ในยามว่างจากการปรนนิบัติแล้ว ท่านพระครูมักจะไล่ให้ท่านลงไปพิจารณากรรมฐาน โดยให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ทุกๆ คืน นอกจากนี้ ท่านยังได้ศึกษาด้านปริยัติและได้นำบทเรียนที่เกี่ยวกับการทำกสิณมาปฏิบัติจนกระทั่งท่านมีความชำนาญในฝ่ายสมถะมากพอสมควร
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๒ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดคงคาสวัสดิ์ ต.คงคาสวัสดิ์ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูประภาส ภูมิสถิต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์เจิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดเกตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้อยู่ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ๑ ปี แล้วย้ายไปอยู่วัดวิชิตสังฆาราม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อศึกษาทางด้านภาษาบาลี แต่เรียนไม่จบ เนื่องจากท่านเป็นเนื้องอกในจมูก จึงได้กลับมาศึกษานักธรรมเอกที่วัดคงคาสวัสดิ์ดังเดิม และออกธุดงค์ในเวลาต่อมา
    ◎ วาตภัย ที่แหลมตะลุมพุก
    ราวปีพุทธศักราช ๒๕๐๕ หลังจากที่ท่านและสหายได้เดินทางกลับจากธุดงค์ เพื่อจะสอบนักธรรมและสอบได้ในคราวนั้นแล้ว ปีนั้นได้เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ที่แหลมตะลุมพุก ที่ อ.ปากพนัง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตคนสัตว์อย่างมากมาย มีการทยอยนำศพมาตั้งไว้ที่วัดคงคาสวัสดิ์นั้นมากมายเต็มศาลา ทำให้ท่านรำพึงว่า..
    “มนุษย์เราไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล สวยหรืองาม ทุกข์ยากลำเข็ญเพียงใด ก็หนีความตายไม่พ้น เมื่อตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ เกิดตายเช่นนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชาติ ศีล สมาธิ และปัญญาเป็นทางไปแห่งความไม่ตายที่นิจนิรันดร์”
    เสียงหนึ่งผุดกังวานขึ้นในใจ เป็นเหตุให้ท่านเบื่อหน่ายต่อความเกิด มุ่งที่จะปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง
    เมื่อดำริเช่นนั้นแล้วจึงได้จัดเตรียมบริขาร และชักชวนพระสหายออกเดินธุดงค์แถบป่าเขา จ.นครศรีธรรมราช อีกครั้ง ท่านได้ไปลาโยมพ่อ โยมพ่อแสดงความห่วงใยและแนะนำให้ไปนมัสการพระบรมธาตุ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนออกเดินทาง ท่านก็ได้รับปาก จังหวะเดียวกันนั้นท่านได้รับนิมนต์ให้ไปฉันที่วัดทับโคก และได้พบกับท่านพระอาจารย์อุดม สมถกิจ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนั้น ท่านได้บอกความตั้งใจที่จะธุดงค์ พระอาจารย์อุดมก็เห็นดีด้วย เพราะคำนึงถึงผลที่จะได้รับจากการธุดงค์ พร้อมกันนั้นพระอาจารย์อุดมได้แนะนำให้ท่านเดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่วัดชายนา หาแนวทางในการปฏิบัติไว้เป็นพื้นฐานเสียก่อนจะไปธุดงค์ พระอาจารย์สุทัศน์ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนั้น ได้เป็นศิษย์รุ่นแรกของพระคุณอาจารย์ใหญ่ ธัมมธโร พระครูภาวนานุศาสก์

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อสุทัศน์วัดกระโจมทองให้บูชา 2 องค์คู่กัน 220 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231104_001406.jpg IMG_20231104_001433.jpg IMG_20231104_001505.jpg IMG_20231104_001530.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2023
  18. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,898
    ค่าพลัง:
    +6,817
    ขอจองครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1699241457800.jpg

    หลวงปู่เจ๊กวัดระนามพระอริยสงฆ์๕แผ่นดินแห่งเมืองสิงห์บุรี
    พระครูอินทคณานุสิชฌน์ หรือหลวงปู่เจ็ก (หลวงพ่อเจ็ก) อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดระนาม หมู่ ๖ บ้านระนาม ตำบลชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดใก้ลเคียงให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ท่านเปี่ยมไปด้วยความเมตตากับญาติโยมทุกๆ คนที่ไปหาท่านไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดให้ความเมตตาเท่ากันหมด
    ""นายทองอินทร์ สุขุม"" เป็นชื่อและนามสกุลเดิมของหลวงปู่เจ็ก เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ ที่บ้านเดิมบางนางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โยมบิดาชื่อ นายมะกล่ำ โยมมารดาชื่อ นางถุงเงิน มีพี่น้องทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๖ โดยที่มาของชื่อ ""เจ็ก"" นั้น นอกจากตั้งตามเชื้อสายเป็นลูกชาวจีนแล้ว ยังตั้งตามความเชื่อที่ว่า ""ถ้าชื่อเด็กไพเราะเพราะพริ้งจะเลี้ยงยาก ขี้โรค และถ้าตั้งชื่อลูกให้มีความหมายน่าเกลียดน่าชังเด็กคนนั้นๆ จะไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย จะเลี้ยงง่าย
    เมื่ออายุมากขึ้นทางบ้านเห็นว่าน่าที่จะต้องรู้หนังสือพออ่านออกเขียนได้ไว้บ้าง พี่สาวกับพี่เขยจึงฝากให้เรียนหนังสือกับหลวงพ่อปั้น และหลวงพ่อมา ที่วัดเสือข้าม ต.ประสบสุข อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี จนกระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี ก็บวชเป็นพระที่วัดระนาม โดยมีหลวงพ่อใย อดีตเจ้าอาวาสวัดระนามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรเขียว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาพรหม วัดบางคู เป็นพระอนุสาวนาจายร์ ได้ฉายาว่า ""อาจารสุโภ"" บวชได้ ๑ ปี ก็ถูกเกณฑ์เป็นหทาร เมื่อครบกำหนด ๒ ปี ท่านก็กลับไปบวชเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๗ โดยมีหลวงพ่อใย อดีตเจ้าอาวาสวัดระนามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระคู่สวดก็รูปเดิม
    นอกจากศึกษาด้านปริยัติจนสามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ หลวงปู่เจ็กยังเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแบน วัดเดิมบาง (อาจารย์องค์หนึ่งของหลวงพ่อกวย) หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ หลวงพ่อใย วัดระนาม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อพรหม วัดบางปูน ซึ่งอาจารย์ของท่านที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นพระที่เป็นตำนานของสุดยอดพระเกจิทั้งสิ้น
    หลวงปู่เจ็ก เป็นพระอริยสงฆ์ที่ทรงอภิญญาสูงมาก ท่านอายุยืน ท่านมรณภาพนับอายุได้ร้อยกว่าปี และมีเมตตาเป็นปกติ ไม่ชอบความวุ่นวาย มีความเป็นอยู่เรียบง่าย สมถะเป็นที่สุด วันทั้งวันถ้าไม่มีกิจอะไรท่านจะนั่งภาวนาตลอด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนทั่วประเทศ ฌานสมาบัติของท่านนั้นเยี่ยมยอดมากๆ หลายท่านเจอกับตนเอง เช่น ก่อนไปตั้งใจจะไปหาท่าน เพื่อให้ท่านสงเคราะห์เรื่องต่างๆ พอไปเห็นหน้าท่าน ท่านสามารถบอกได้หมดว่าต้องการให้ท่านสงเคราะห์เรื่องอะไร ทั้งๆ ยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย
    อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งที่หลวงปู่เจ็กมีชีวิตอยู่มักมีผู้นิยมไปกราบไหว้ขอพร และยากได้ยินคำที่หลวงปู่เจ็กพูดว่า ""ขอให้โชคดีนะโยม กลับบ้านให้มีเงินทองใช้มากมาย แต่อย่าลืมทำบุญนะ"" ปรากฏว่าผู้ที่ได้รับพรจากหลวงปู่ไปเมื่อกลับมากราบหลวงปู่อีกครั้งกลับกลายเป็นคนมีฐานะดีกว่าที่มากราบหลวงปู่ครั้งแรก เรื่อวาจาสิทธิ์นี้เป็นที่กล่าวขานของคนจังหวัดสิงห์บุรีและใกล้เคียงมาถึงทุกวันนี้
    หลวงปู่เจ็กศิษย์หลวงพ่อใย
    วัดระนาม เมื่อครั้งที่พระครูสิงหราชมุนี หรือหลวงพ่อใย พรหมสร อดีตเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี อดีตเจ้าวัดระนามนั้น ขึ้นชื่อว่าเจริญสุดขีด การศึกษาของวัดเจริญรุ่งเรืองมาก หลวงพ่อใยท่านเป็นนักส่งเสริมการศึกษาทั้งพระเณรและฆราวาส มีทั้งโรงเรียนมัธยม โรงเรียนทอผ้า ซึ่งเป็นแห่งแรกที่เป็นโรงเรียนทอผ้าผู้หญิง เปิดสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ โดยใช้ชื่อว่า “โรงเรียนช่างทอผ้าสิงห์บุรี” มีครู ๑ คน นักเรียน ๓๐ คน ณ สถานที่ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งสำนักงานเทศบาลเมืองสิงห์บุรี โรงเรียนมัธยมชื่อโรงเรียนประสิทธิวิทยา รวมทั้งโรงเรียนสิงหราชประชานุเคาะห์
    นอกจากนี้ยังตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมสอนให้พระเณรจบนักธรรม สอบบาลีได้มหาเปรียญมากมาย ในเรื่องของการสอนวิปัสสนากรรมฐานนั้น หลวงพ่อใยท่านก็เป็นพระนักปฏิบัติได้สอนวิปัสสนากรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ ถึงกับได้ชื่อว่า ""วัดระนามเป็นศูนย์กลางการผลิตนักเรียนนักศึกษาก้าวสู่โลกภายนอก""
    ลูกศิษย์ ๒ รูป ของหลวงพ่อใย คือ พระครูอุดม กับหลวงปู่เจ็ก จึงได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานโดยปริยาย และด้วยเหตุที่วัดตั้งอยู่ใกล้ๆ กับวัดเสือข้าม จึงได้แลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกับพระเกจิ ๒ รูป แห่งวัดเสือข้าม คือ หลวงพ่อมาและหลวงพ่อปั้น
    หลวงพ่อใย เป็นศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อโฉม วัดตาคลีใหญ่ ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ในยุคนั้น
    วัตถุมงคล ท่านสร้างใว้น้อยมากเพียงไม่กี่ชนิดท่านจะสร้างเฉพาะตามวาระสำคัญๆ เช่น ผ้าขาวตราโบสถ์แจกเมื่อคราวรับสมณศักดิ์เป็นพระครูอินทรภารพินิจ พ.ศ.๒๔๕๘ มีคุณวิเศษในทางป้องกันลมพายุใด้อย่างชะงัดนัก ต่อมาในคราวทำบุญอายุครบ ๖๐ ปี และเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ ใด้มีการสร้างวัตถุมงคลไว้แจกแก่ผู้มาร่วมงานแสดงมุทิตาจิต มีสองชนิดคือ เหรียญรุ่นแรกและพระปิดตามหาอุด จำนวนการสร้างไม่ทราบชัดประมาณว่าเหรียญสร้างไม่น่าเกิน ๒๐๐๐ เหรียญ ส่วนพระปิดตามีมากกว่าเล็กน้อย
    ปาฏิหาริย์แห่งพระหลวงปู่เจ็ก
    ""ล็อกเกตทุกรุ่นของหลวงปู่เจ็กนี้ผู้ที่แขวนคอไว้ เมื่อประสบอุบัติเหตุทางด้านรถชนจะรอดตายทุกราย ในขณะที่เหรียญรุ่นหนึ่งที่เขาเรียกว่ารุ่น เง็ก มีอภินิหารมากจริงๆ เหรียญรุ่นนี้สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ มีหลายคนคิดว่าหลวงปู่นี้คงสร้างออกมาเฉยๆ คงไม่มีอภินิหารอะไร แต่ที่ไหนได้มีคนเอาใส่หมวกกันน็อกโยนขึ้นฟ้าแล้วเอาปืนยิงนับร้อยๆ นัด แต่ยิงไม่ถูก เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างมาก""
    นี่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องเล่าของพุทธคุณแห่งพระเครื่องที่จัดสร้างโดยหลวงปู่เจ็ก วัดระนาม พระอริยสงฆ์ ๕ แผ่นดิน แห่งเมืองสิงห์บุรี
    พระเครื่องและวัตถุมงคลขอหลวงปู่เจ็กขึ้นชื่อว่าพุทธคุณสูงมากๆ โดดเด่น ด้านแคล้วคลาด มหาอุด เมตตา โชคลาภยิ่งนัก เช่น เหรียญรุ่น ๑ ของหลวงปู่เจ็ก เป็นเหรียญที่เขียนชื่อท่านผิดไปจากคำว่า ""เจ็ก"" เป็นเง็ก"" แต่เป็นที่นิยมของบรรดาศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปเป็นอันมาก จนเหรียญรุ่นนี้หมดจากวัดเป็นเวลาอย่างรวดเร็ว ส่วนรูปหล่อเหมือนหลวงปู่เจ็กสำหรับติดหน้ารถนั้น เป็นรุ่น ""ซ่อหอประชุม"" มีอภินิหารมากเช่นกัน โดยในวันที่ผู้สร้างแบบมาขอถ่ายรูปหลวงปู่ ไม่ติดภาพหลวงปู่สักใบ ทั้งๆ ที่ฟิล์มถ่ายรูปก็ไม่เสียแต่อย่างใด
    ในขณะที่วัตถุมงคลรุ่นไพรพ่ายซึ่งเป็นรุ่นแรกนั้นก็มีอภินิหารแปลกๆ ให้ได้เห็น เช่น ตอนที่สร้างครั้งแรกนั้นหลวงปู่เทผงลงเบ้าไม่หมดจึงไม่ดังเท่ามี่ควร ท่านจึงนำมาเข้าพิธีหล่อใหม่ ปรากฏว่าช่างรมดำไม่ติดองค์พระของท่านเลย นอกจากนี้แล้วมีดหมอหลวงปู่เจ็กที่ท่านสร้างครั้งแรกนั้นก็มีอภินิหารมากมาย
    การจัดสร้างวัตถุมงคลนั้น นายประจวบ มงคล อดีตอาจารย์ใหญ่ ร.ร.วัดระนาม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดที่หลวงปู่เจ็กไว้ใจมากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรภายในวัด รวมทั้งสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่เจ็กทุกๆ รุ่น ท่านก็จะให้จัดการแทนทั้งหมด"



    (ประสบการณ์สูง รุ่นนิยม สวยมากๆ พุทธคุณสูงมาก หายาก)

    รูปหล่อรุ่นนี้ เป็นรุ่นนิยมที่สุด เพราะ หลวงปู่มีดำริจัดสร้างเองใน การนำปัจจัยไปบูรณะ วัดของอาจารย์ท่าน. เป็นรูปหล่อที่ท่านตั้งใจปลุกเสกอย่างเต็มที่ อย่างเต็มใจ จนเกิดเหตุการ์ืที่ไม่คาดฝัน ให้ลูกศิษย์ได้ประจักษ์ คือ

    1. ระหว่างทำพิธี ทางกรรมการได้ตั้งกล้องถ่ายทำวิดีโอ ไว้ 4 มุม 4 ตัว ปรากฏว่า กล้องทั้ง 4 ตัว ไม่มีรูปหลวงปู่เลย เห็นแต่สิ่งของในพิธีเท่านั้น.

    2. ตรงหน้าหลวงปู่มีโอ่งน้ำมนต์เทียนชัย บรรจุน้ำอยู่่ครึ่งโอ่ง แต่หลังจากเสร็จพิธี ปรากฎว่ามีน้ำอยู่เต็มโอ่ง เป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่เป็นตำนานเลยทีเดียว. ( ท่านเดินอาโปกสินเต็มกำลัง...)

    หลวงปู่เป็นพระอริยเจ้าที่ ทรงอภิญญาสูงมาก ท่านอายุยืน ท่านมรณะภาพนับอายุได้ร้อยกว่าปี และ มีเมตตาเป็นปกติ ไม่ชอบความวุ่นวาย มีความเป็นอยู่เรียบง่าย สมถะเป็นที่สุด วันทั้งวันถ้าไม่มีกิจอะไร ท่านจะนั่งภาวนาตลอด เป็นที่เลื่อมใส ศรัทธาของสาธุชนทั่วประเทศ .

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปเหมือนปั๊มหลวงปู่เจ๊กออกวัดบางปูน วัดอาจารย์ของท่าน ให้บูชา บาทค่าจัดส่งด่วน
    30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20231106_102826.jpg IMG_20231106_102843.jpg IMG_20231106_102752.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2023
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,703
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จญสส.พระราชทานศิษย์ พระธรรมคุณรุ่น 1 พระยุคเก่าๆ เนื้อหามวลสาร สวย กล่องเดิม
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231106_114108.jpg IMG_20231106_114136.jpg IMG_20231106_114036.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...