วิธีได้เจโตปริยญาน และบุฟนิวาสานุสติระลึก100อดีตชาติ

คนพาลไม่พิจารณาเห็นตามความเป็นจริง ย่อมเดือดร้อนด้วยเหตุ ๒ อย่าง คือ
มีใจฟูขึ้นเพราะเหตุแห่งสุข ๑
มีใจฟุบลงเพราะเหตุแห่งทุกข์ ๑

 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสุด ๒ อย่างนี้ อันบรรพชิตไม่ควรเสพ ส่วนสุด ๒ อย่างนั้นเป็นไฉน?
คือ การประกอบตนให้ พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย เป็นของเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑
การประกอบความลำบากแก่ตน เป็นทุกข์ ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑

 

ราตรี ยาวแก่คนผู้ตื่นอยู่
โยชน์ ยาวแก่คนผู้เมื่อยล้า
สงสาร ยาวแก่คนพาลผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม

 

"ความไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ๑ ความชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"

 

.......
.....

 

ขอบคุณที่เขียนให้ได้อ่านคะ
ขอบคุณคะ

 

มีถอดกายทิพย์ด้วย...(ผมว่ามันแหม่งๆ)
เป็นอรูปฌานหรือเปล่าครับ ถ้าไม่เป็นอรูปฌานแล้วได้ญานมันก็แปลก

 

มีครบทุกรสชาติจริงๆ ครับ เหมือนได้ดูหนังแอกชั่น ไซไฟ CG ขั้นเทพแบบ ฮอลีวู้ดดีๆ ซักเรือง ที่มีฝ่ายธรรมะและอธรรม ฝ่ายมืด ฝ่ายสว่าง ต่อกรกัน....

แต่สิ่งที่น่าสนใจ น่าติดตาม ในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ เทคนิค บท หรือการถ่ายทำของผู้กำกับแต่อย่างใด...เป็นต้นเหตุและจุดประสงค์ของหนังต่างหาก ที่หวังเพียงให้คนดูเข้าใจหลักและเส้นทางในการปฏิบัติ ที่อาจจะตรงกับจริตของคนดู บางคนที่เพียรหา รอคอย มาทั้งชีวิต ....อย่างผม

 

ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุด ๒ อย่างเหล่านี้ อันตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว กระทำจักษุ กระทำญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ก็ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางนั้นเป็นไฉน?
คือ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ ซึ่งได้แก่ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ

 

ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลางนี้แลอันตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว กระทำจักษุ กระทำญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

 

"ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา"

 

ไม่ฟังๆ
มั่วแล้วครับ
ต้องได้อรูปฌานไม่ใช่ฌาน1-4ต้องฌาน5-8ครับ ฌาน1-4เค้าไว้ใช้ฤทธิ์
ปล่อยไก่แล้วครับ

 

คิริมานนทสูตร ได้อ้างเนื้อความแต่ครั้ง ปฐมสังคายนา พระมหาสังคาหกเถรเจ้าทั้งหลาย ๕๐๐ องค์ เปิดโอกาสไว้ให้พระอานนท์องค์หนึ่ง ได้เข้ามาสู่ที่ประชุม พร้อมกันแล้ว คอยพระอานนท์องค์เดียวกำลังเจริญสมถ วิปัสสนาอยู่ ยังไม่ได้สำเร็จพระอรหันต์ ครั้นพระอานนท์ เถรเจ้าได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ก็เข้าจตุตถฌาน เอาปฐวี กสิณเป็นอารมณ์ไปปรากฏบนอาสนะท่ามกลางสงฆ์ ให้ พระสงฆ์สิ้นความสงสัยในอรหัตตคุณ ที่ถ้ำสัตตบัณณคูหา ปฏิญาณตนในอเสขภูมิ ด้วยประการฉะนี้แล้ว พระมหา สังคาหกเถรเจ้าทั้งหลายมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน จึง ได้อาราธนาเชื้อเชิญให้พระอานนท์ ขึ้นนั่งเหนือธรรมาสน์ แสดงสุตตันตปิฎก ยกคิริมานนทสูตรนี้ขึ้นเป็นหัวข้อ พระมหากัสสปะเถรเจ้าจึงถามพระอานนท์ว่า อานนฺท

 

บุพเพฯนี่มันตาทิพย์นะครับ
ตาทิพย์ต้องอรูป(ฌาน)สิครับ แล้วได้ญาน
พระไตรปิฎกไม่อ่าน
ใครว่าผมไม่อ่าน ผมน่ะอ่านนะคุณนั่นแหละที่มั่ว ฌาน4มีตาทิพย์มองชาติก่อนก็บ้าแล้ว
มันต้องฌาน5-8ถึงจะมองอดีตได้

 

พระมหาโมคคัลลานเถระ จึงกล่าวว่า “ท่านภารทวาชะ ท่านได้ยินหรือไม่ถ้อยคำของ
นักเลงเหล่านั้นพูดหมิ่นประมาทพระพุทธศาสนา ท่านก็มีฤทธิ์อานุภาพมาก จงเหาะไปเอาบาตร
ใบนั้นมาให้ได้”
พระผู้เป็นเจ้าภารทวาชะ รับคำของพระมหาโมคคัลลานเถระแล้วเข้าจตุถฌานสมาบัติ
อันเป็นฐานแห่งอภิญญา กระทำอิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนอากาศพร้อมทั้งแผ่นศิลาที่ยืนอยู่นั้น
เหาะเวียนรองกรุงราชคฤห์แล้ว เหาะลอยเลื่อนมาอยู่ตรงหลังคาเรือนของเศรษฐี ท่านเศรษฐีเห็น
ดังนั้นแล้วทั้งดีใจที่ได้เห็นพระอรหันต์ที่แท้จริง และตกใจกลัวว่าก้อนหินจะล่วงลงมาทับบ้าน
ของตน จึงกราบหมอบลงจนอกติดพื้นดินแล้ว กล่าวละล่ำละลักว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้า ลงมา
เถิด” พระเถระจึงสลัดก้อนหินไปประดิษฐานในที่เดิมแล้วเหาะลงมาจากอากาศ เมื่อพระเถระ
ลงมาแล้ว ท่านเศรษฐีจึงนิมนต์ให้นั่ง ณ อาสนะที่จัดถวาย ให้คนนำบาตรลงมาจากที่แขวนไว้
บรรจุอาหารอันประณีตจนเต็มแล้วถวายพระเถระพระผู้เป็นเจ้าภารทวาชะ รับแล้วก็กลับสู่วิหาร

 

ไปหลอกคนอื่นเค้ายังจะพูดอีกนะครับ
ฌาน1-8น่ะผมได้แล้วแต่ยังไม่ได้ญาน

 

"ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน"

"ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคต เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญาตา, เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่; เธอย่อมฟังด้วยดี ย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน จึงพากันเล่าเรียนไต่ถาม ทวนถามแก่กันและกันอยู่ว่า "ข้อนี้เป็นอย่างไร? มีความหมายกี่นัย?" ดังนี้. ด้วยการทำดังนี้ เธอย่อมเปิดธรรมที่ถูกปิดไว้ได้. ธรรมที่ยังไม่ปรากฎเธอก็ทำให้ปรากฎได้, ความสงสัยในธรรมหลายประการที่น่าสงสัยเธอก็บรรเทาลงได้"

 

คือองค์ครับ
พระพรหมองค์ลงสอนกรรมฐาน สอนหลายครับ อรูปฌานได้มาเยอะ
แถมท่านห้ามนั่ง ให้มารมาเทรน(กรรม) เพื่อให้เก่งขึ้น
อาจารย์ผมพระพรหมนะครับ(ฮา)
พอใจไหมครับ
คืออาจารย์ท่านอรหันต์หรือครับ2500อรหันต์หมดนะครับ แล้วจะเป้นอภิญญาหรือครับ(ฮา)

 

สจฺเจนาลิกวาทินํ
พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง

 

ก็ดีนะครับ มาเล่าถึงขั้นตอนและวิธีปฏิบัติด้วย ทำให้ทราบที่มาที่ไปว่าได้ปฏิบัติเช่นไรจึงได้ผลอย่างนี้
ดีกว่าคนที่อยู่เฉยๆแล้วมาบอกว่าบรรลุนั่นบรรลุนี่ ซึ่งฟังแล้วขาดความน่าเชื่อถือ