ว่าด้วย ทิฏฐิ 62 (๑. พรหมชาลสูตร )

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 21 มีนาคม 2012.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แล้วแต่จะคิด กั๊กๆๆ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พระอริยะขันธ์ ตอบแบบไม่ปฏิเสธ กั๊กๆๆ.........
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทัศนะลุง ๒ ข้อมันก็ฟ้องทิฏฐิในตัวของมันเองแล้วล่ะ

    ตอบ ข้อ ๑

    ลุงมองไม่ขาดเอง นี่ก็ชี้ได้ว่าขาดการโยนิโส คิดอะไรบ้องตื้น

    เพราะ ผู้ศึกษาพระธรรม ได้ชื่อว่า ผู้กระทำพระธรรมไว้ในใจ เป็นผู้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์

    ไม่มีใครหรอกศึกษาพระธรรมในตำรา แล้วเห็นตำราในตำรา มีแต่เห็นพระวจนะ พระสัทธรรม ที่น้อมมากระทำให้แยบคาบ

    เกิดอนุสาสนีย์ปฏิหาร์ เกิดศรัทธา เกิดสุตะปัญญา เกิดสติสัมปชัญญะ เป็นวิชาที่ออกจากโลก


    ตอบ ข้อ ๒

    ตลอดทั้งพรรษา พระพุทธองค์มีปกติสอนแต่ง จิต เจตสิก รูป นิพพาน

    ดังเห็นได้จากพระสูตร เรื่องขันธ์ ธาตุ อายตะ อินทรีย์ อริยะสัจ ปฏิจสมุปบาท

    ทั้งทรงชี้เหตุ ชี้ผล ชี้ปัจจัย เหตุของกุศล เหตุของอกุศล

    เพราะอะไร เพราะทุกข์ สมุทัยนั้น เวียนเกิด เวียนดับ มีการกระทบอารมณ์เกิดการปรุงแต่ง

    ประชุมขันธ์ ธาตุ ให้ติดข้องเป็น ภพ ชาติ ชรา โสกะ อวิชา

    นี่ก็ให้รู้อารมณ์ที่กระทบ คือการสำรวมอินทรีย์ สำรวมอายตนะ เป็นเหตุให้ศีลวิสุทธิ

    สติ สัมปชัญญะ รู้ตามเหตุเกิด นี้ก็เป็นปัญญาวิสุทธิ

    ก็ แข็ง ร้อน อ่อน ตึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ฯลฯ นั้น ไม่มีสติแล้วไซร์ สามารถรู้กันได้หรือ

    ก็ แข็ง ร้อน อ่อน ตึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ฯลฯ นั้น ไม่มีสัมปชัญญะแล้วไซร์ สามารถรู้กันได้หรือ

    ก็ แข็ง ร้อน อ่อน ตึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ฯลฯ นั้น ไม่มีสมาธิแล้วไซร์ สามารถรู้กันได้หรือ

    ก็ แข็ง ร้อน อ่อน ตึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ฯลฯ นั้น ไม่มีวิริยะแล้วไซร์ สามารถรู้กันได้หรือ


    ก็อะไรเล่า เรียกว่า ตั่งมั่น

    ก็ตั่งมั่นนั้นไซ้ร์ อยู่ที่ที่จิต หรืออยู่ ที่รูปกาย

    จริงอยู่ การนั่งหลับตา อาจทำให้เกิดสมาธิได้ง่าย แต่ก็ไม่ลืมว่า การสำรวมอินทรีย์ก็เป็นการตั่งมั่นใส่ใจในอารมณืกระทบเช่นกัน


    นี่ก็ชี้ได้ว่า ข้อนี้ มีการยึดมั่นผิดๆ สำคัญๆผิด เป็นสีลพตปรามาส ยึดในกิจผิดๆ ไม่มีปัญญาแยบคาย

    อีกข้อนึง แม้บุรุษ๒คน นั่งหลับตาเหมือนกํนมันไม่ได้การรันตีว่า ทั่ง๒บุรุษตั้งมั่นเหมือนกัน มีปัญญาเห็นธรรมเหทือนกัน

    เพราะ ผู้ ๑ อาจ เห็นสิ่งนี้เป็นสรนะ อีกผู้ ๑ อาจเห็นเป็นการระงับกายสังขาร

    ซึ่งไม่จำเป็นเลยต้องพิธีรีตรองอะไร นั่ง กิน ยืน เดิน ก็สามารถตั่งมั่นได้

    และไม่จำเป็นเลยว่า จะไม่เห็นนิมิต ไม่มีความสงบ ความสุขในขันฌาณ

    ผมว่าเขามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว ไปเห็นเรื่องญาณ น้อมไปเพื่อคลายความยินดีในวัฏฏะ

    ส่วนญาณสัมปยุตนั้น มันไม่เลือกหรอกว่าจะต้องหลับตา มรรคถึงเกิด

    หากมันจะเกิด มันก็สว่างได้ทั้งยืน ทั้งเดินในปัจจุบันนั้นแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2012
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ผมไม่เคยติเตียนพระ มีแต่แสดงทัศนะในธรรม

    กลับกัน ลุงจะยอมรับบ้างไหมเล่า ว่าติเตียนพระอยู่ โดยไม่พิจารณาให้แยบคาบ

    ไปคว่ำธรรมพระเอาดื้อๆว่า ผู้นี้สัญญา ผู้นี้กล่าวผิด ผู้นี้ไม่ดี จริงไหมเล่า

    ข้อนี้ก็ไม่พ้นตนแล้ว


    ส่วนนายหลง ไม่เคยยกผู้ใดเป็นพระอริยะโดยฟังเขามา หรือเชื่อเพราะเห็นว่านี้เป็นพระธาตุ

    ไม่เคยยกเอง ไม่เคยยกตามใคร นอกจากพิจารณาธรรมก่อน ^^
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ................ ในพระวจนะ สัมมาทิฎฐิมีหลายปริยาย...พระวจนะ"................ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คำที่กล่าวว่าสัมมาทิฎฐิ สัมมาทิฎฐิ ดังนี้ สัมมาทิฎฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่าไร พระเจ้าข้า.......................กัจจานะ สัตว์โลกนี้ อาศัยแล้วส่วนสุดทั้งสอง โดยมากคือ ส่วนสุดว่าสิ่งทั้งปวงมี(อตถิตา) และส่วนสุดที่ว่าสิ่งทั้งปวง ไม่มี(นตถิตา) กุจจานะ เมื่อบุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นแดนเกิดขึ้นของโลก(โลกสมุทัย)อยู่............ทิฎฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงไม่มีในโลกย่อมไม่มี.............กัจจานะเมื่อ บุคคลเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป้นจริง ซึ่งความดับไม่เหลือของโลก(โลกนิโรธ) ทิฎฐิที่ว่าสิ่งทั้งปวงมีในโลก ย่อมไม่มี..........................กัจจานะ สัตว์โลกนี้โดยมาก มีอุปายะ อุปาทานะ และ อภินิเวส เป็นเครื่องผูกพัน ส่วนสัมมาทิฎฐินี้ ย่อมไม่เข้าไปหา ย่อมไม่ยึดมั่น ย่อมไม่ตั้งทับ ซึ่งอุปายะ และอุปาทาน ทั้งสองนั้น ในฐานะที่ตั้งทับเป็นที่ตามนอนแห่ง อภินิเวส ของจิตว่า อัตตาของเราดังนี้ ทุกข์ นั้นแหละเมื่อเกิด ย่อมเกิด ทุกขืนั้นแหละ เมื่อดับย่อมดับ ดังนี้เป็นสัจจะที่ผู้มีสัมมาทิฎฐิ ไม่สงสัยไม่ลังเล ญานดังนี้นั้น ย่อมมีแก่เขา ในกรณีนี้ โดยไม่มีผู้อื่นเป็นปัจจัยเพื่อความเชื่อ...........กัจจานะ สัมมาทิฎฐิ ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล...--นิทาน.สํ.16/20-21/42-43.:cool:
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เหตุผลอะไรทึ่มๆของเอ็งหรือ หลง

    ที่บอกว่าคนอ่านตำราแล้วน้อมมาเข้าสู่ใจ เอ็งยกตำรามา จิต 108 ดวง หรือ ธาตุต่างๆ ตรงไหนน้อมสู่ใจ

    มิจฉาทิฎฐิคนเดียวไม่พอ เที่ยวอวดรู้สอนคนอื่นผิดๆ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไหนเอ็งเอ่ยชื่อมาเลยว่า ข้าไปติเตียนองค์ไหนบ้าง
    แล้วเอ็งดูแต่ละองค์ที่ข้าพูดเรื่องที่ไม่ถูกต้องไปซิ เป็นยังไง
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ลุงยิ่งพูด ก็ยิ่งรัดตัวนะ

    ฟังผมอยู่ห่างๆน่ะดีแล้ว ขี้เกียจอธิบายอะไรซ้ำๆ มันน่าเบื่อ ^^
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    และ สัมมาทิฎฐิ โดยปริยายสองอย่างพระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าแม้ว่าสัมมาทิฎฐิมีอยู่โดยส่วนสอง คือ สัมมาทิำฐิ ที่ยังเป้นไปด้วยกับอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก ก็มีอยู่ สัมมาทิฎฐิอันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์แห่งมรรค ก็มีอยู่....ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิที่ยังเป็นไปด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก นั้นเป็นอย่างไรเล่า คือ สัมมาทิฎฐิที่ว่า ทานที่ให้แล้วมี ยัญที่บูชาแล้วมี การบูชาที่บูชาแล้วมี ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตวืทำดี ทำชั่วมี โลกนี้มี โลกอื่นมี มารดามี บิดา มี โอปาติกะสัตว์มี สมณพราห์มที่ไปแล้วปฎิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งทั้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง และประกาศให้ผู้อื่นรู้ก็มีอยู่ ดังนี้ ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สัมมาทิฎฐิที่ยังเป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ มีอุปธิเป็นวิบาก....................... ภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฎฐิอันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์แห่งมรรค นั้นเป็นอย่างไรเล่า คือ สัมมาทิฎฐิที่ได้แก่ ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ และสัมมาทิฎฐิที่เป้นองค์แห่งมรรค ของผู้มีอริยจิต ของผู้มีอนาสวะจิต ของผู้เป็นอริยมรรคสมังคี ผู้เจริญอยู่ซึ่งอริยมรรค ภิกษุทั้งหลาย นี้คือ สัมมาทิฎฐิ อันเป็นอริยะ ไม่มีอาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์แห่งมรรค---อุปริ.ม.14/181/256-258.:cool:
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดีแล้วที่เอ็งเบื่อ เอ็งอย่ามาอธิบายซ้ำๆ เลย หัดทบทวนที่ข้าบอกไปซ้ำๆ จะดีกว่า
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ความจำเสื่อมขึ้นมา ทันตาเห็นหรอลุง

    หลวงพ่อทูล หลวงปู่บุคดา ไปหาลิ้งค์เอาเองนะลุง

    นั่นน่ะ ปากไปก่อนสติ ถูกไหมครับ

    พอมีการแสดงหลักฐาน ว่าเป็นธรรมของพระท่านใด ก็ออกอาการใบ้รับประทาน ถูกไหม

    นั้นแหละ แสดงถึงใจเป็นอย่างไร มันเผยทิฏฐิให้รู้ ความกลัวตายให้รู้
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    นี่ต้องแยกให้ออกนะลุง ฟังธรรมมาก เพราะคลุกอยู่ในสถานีวิทยุที่ดูแล

    มันเบลอ จนแยกไม่ออกว่า อะไรมีในตน อะไรธรรมพระ ไปเอามาเป็นของตนดื้นๆ ไม่ดีหรอก

    นี่ก็มีวิธีสอบกันได้ด้วย ถามอะไรธรรมดาๆ มันเผยทัศนะความแยบคายในอรรถได้

    บางอย่างอาจกล่าวถูก แต่ให้ขยาย อธิบาย กับไปกันคนละทิศ นี่ก็รู้ว่าเป็นอย่างไร ถูกไหม ^^
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อ้าว ข้าไม่ได้ไปเอ่ยชื่อหลวงพ่อทูลเลย พูดแต่ว่าธรรมนั้นไม่ถูก ไม่รู้หละว่าธรรมของใคร มีคนไปเชื่อมโยงเอง ก็พระธรรมท่านพูดทำไมจะพูดไม่ได้ ที่พูดนั่นแหละเป็นธรรม ไม่ใช่กิเลสอวดพูด ตำหนิเสียเมื่อไร พูดไปด้วยความรู้และเหตุผล
    นี่มันยุคไหน เอ็งเกิดสมัยยุคทาสมาจนชินหนะสิ เลยไม่กล้าเปิดปาก
    ทีเวลาเปิดปากพูดจาไร้สาระทำเป็นเก่ง
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แยบคายในอรรถหรือ เอ็งโง่คิดผิดทาง แล้วคนเขามาเตือนให้ เอ็งก็ว่าไม่แยบคายเท่าเอ็ง
    สังขารหนะให้มันซับซ้อนเท่าไรก็ได้ พระธรรมเรียบง่าย ท่านไม่จำเป็นต้องไปแยบคายผิดทางแบบเอ็ง
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไประลึกชาติเอาเองนะครับ

    เห็นเก่งอยู่โพสเดียว จากนั้นหางจุกตูด นั้นคงจะเป็นการแสดงทัศนะในแบบของลุงเน๊อะ

    เนี่ย แล้วจะเอาอะไรไปชี้ทิฏฐิชาวบ้าน

    ทุกโพสของลุงนะ มีแต่โลภะสัมปยุตดัวยทิฏฐิมานะ รุนแรงมาก

    นี่ก็อย่าไปแก้ว่า มานะเป็นเรื่องอริยะชั้นสูงนะ

    เพราะโลภะของลุงน่ะมันธรรมดามาก เกิดได้ในชีวิตประจำวัน

    มีการกระหยิ่มใจเป็นอารมณ์ ถูกไหม ^^


    ก็ไม่อยากจะถามต่อว่า อายตนะเกิดดับอย่างไรหรอก

    แต่มันจำเป็นต้องถาม ว่า อายตนะเกิดดับอย่างไรหรอลุง เพื่อขอฟังทัศนะลุงหน่อย ^^
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    นี่ลุงยังคิดว่า พระธรรมเป็นแค่อักษรอยู่อีกหรอ ^^

    งั้นขอฟังทัศนะของลุง เรื่องสมาธิ กับ การตั้งมั่นในอารมณ์หน่อยสิ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ตั้งคำถามยังไม่ถูกเลย เอ็งตั้งคำถามเหมือนถามว่า พระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกอย่างไร

    มันก็ขึ้นก็ตกอย่างที่มันเป็นนั่นแหละ จะให้ตอบอย่างไร
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เอานะครับ ขอตัวก่อน

    ผมไม่คิดว่าจะได้คำตอบอะไรจากที่ถามไป แม้แต่ข้อเดียว

    คงมีแต่ คำด่า แล้วตอบนอกเรื่อง เหมือนเดิม ^^
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เวลาข้าพูดเรื่องสมาธิไป หลายครั้งหลายคราหนะหัดจำบ้าง ไม่ใช่จำแต่ว่าข้าด่าใครบ้าง
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เนี่ย ต่อให้นายหลง เปลี่ยนคำถาม ให้เข้าใจง่ายอย่างไร ก็ได้คำตอบแบบที่ลุงตอบอยู่อย่างนี้

    นี่ก็ชี้ได้ ว่า โง่ ปัญญาไม่มี แถไปเรื่อย

    นี่ก็ชี้ได้ว่า ไม่พิจารณาให้แยบคาบ แล้วจะเอาอะไรไปตอบเขาได้ล่ะลุง ^^

    ไปนอนเถอะ (k)(k)
     

แชร์หน้านี้

Loading...