สัจจบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับความอัศจรรย์แห่งพระบารมีของพระองค์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 20 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    มีครับ คุณลองอ่านดูอีกทีนะครับ

     
  2. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    บรูพชนต้นตระกูลแผ่นดินสุวัณณภูมิ

    พุทธันดรที่ 1

    พระกกุสันโธพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้นภัทรกัปป์ อายุ 4,000 ปี ออกบรรพชา (มหาภิเนกษกรม) ปรินิพพาน อายุ 40,000 ปี

    บูรพชนต้นตระกูลไทย คือ ขุนสรวง และนางสาง เป็นที่มาของ ปรมัตถ์ว่า บวงสรวง เซ่นสรวง เซ่นไหว้ ชั้นกำเนิดมาจาก อาภัสสรพรหม

    ในกาลนั้น ชมพูทวีป มีชื่อว่า โสฬสนคร (16 นคร) ส่วนทางช่วงแหลมทอง มีชื่อว่า สุวรรณทวีป ก็คือ เมืองทอง นั่นเอง โสฬสนคร มีพระบรมโพธิสัตว์วิริยาธิกพุทธภูมิ ได้เกิดเป็นสมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิราชาธิราช ทรงมีพระบรมเดชานุภาพ ตลอด 4 ทวีปคือ

    1. ชมพูทวีป คือ ทวีปเอเซียและยุโรป
    2. กาฬทวีป คือ ทวีปดำ คนอัฟริกา
    3. กัทมทวีป คือ ทวีปเทา คนออสเตรเลียชาวพื้นเมือง
    4. ปภัสสรทวีป ทวีปแสงแดด คือ อเมริกา และทวีปน้อย

    อีก 2,000 เป็นบริวาร ทรงมีสมบัติจักรพรรดิบรมจักร 1 คู่ คือ

    - สมบัติจักรพรรดิชุดบก หรือแผ่นดิน มีจักรพรรดินามมหาปนาทจักรพรรดิ ประจำอยู่ในคทาใหญ่ สถิต ณ เชิงรองซึ่งตั้งบน พานทองใหญ่
    - สมบัติจักรพรรดิชุดน้ำ หรือชุดทะเล มีจักรพรรดินามมหาสังขจักรพรรดิ ประจำอยู่ในสังข์ใหญ่ หรือ มหาสังข์สถิต ณ เชิงตั้ง บนพานทองใหญ่

    และ สัตตรัตนสมบัติ 7 ประการ นั้นคือ

    1. จักรรัตนะ จักรแก้ว
    2. หัตถิรัตนะ ช้างแก้ว
    3. อัสสรัตนะ ม้าแก้ว
    4. มณีรัตนะ มณีแก้ว
    5. อิตถีรัตนะ นางแก้ว
    6. คหปติรัคนะ ขุนคลังแก้ว
    7. ปรินายกรัตนะ ขุนพลแก้ว

    สมบัติจักรพรรดิ 2 ชุด ทั้งชุดบกและชุดน้ำ เป็นของคู่กัน ต่างมีปราสาทแก้ว ปราสาททอง หรือรัตนปราสาท พร้องทั้งรัตนะมณีล้ำค่าต่าง ๆ

    เมื่อพระกกุสันโธตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดมหัศจรรย์สั่นเทือนทั่วหมื่นโลกธาตุ (ซึ่งจะต้องเป็นเช่นนี้เพื่อให้ชาวโลกรับรู้ว่า "พระ" ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลก และพระราชาผู้ครองแคว้น นานาประเทศต้องมารับเอา "พระ" ไปเป็นสรณะ ตามที่บรรพกาลเหล่าพาสัตว์ขอ "พระ" มาปกครองสัตว์โลก) ทำให้คทาตกจากเชิงกระเด็น ลง ณ สันปราสาท แล้วลอยกลับขึ้นสถิต ณ เชิงตามเดิม ทำให้พระเจ้ามหาปนาททรงทราบด้วยญาณปัญญาว่า มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกแล้ว จึงสละราชสมบัติออกหาพระรัตนตรัย เข้าเฝ้าองค์พุทธที่ 1 ที่โสฬสนคร ขอบรรพชาเป็นพระภิกขุในศาสนาของพระองค์ และได้กระทำปรมัตถทานบารมีถวายเศียรของตนเป็นพุทธบูชา อธิษฐานด้วยผลศีลทานของพระองค์ ขอตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญููสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ซึ่งพระองค์ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้มาตรัสรู้ธรรมป็นพระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระองค์ที่ 10 ในอีก 5 อสงไขย 4 แสนกัป (นับต่อจากพระกกุสันโธเป็นอันดับ 1)

    พุทธันดรที่ 2

    พระโกนาคมโนพุทธเจ้า อายุ 3,000 ปี ออกมหาภิเนกษกรมปรินิพพาน อายุ 30,000 ปี

    บุรพชนต้นตระกูลไทย คือ ขุนแถนเทียนฟ้าและนางสีทองงาม ครองเมืองชื่อ ลว้า เป็นที่มาของปรมัตถ์ว่า พระเคราะห์ กำเนิดพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง หรือพระเทวาธิราช

    พุทธันดรที่ 3

    พระกัสสปะพุทธเจ้า อายุ 2,000 ปี ออกมหาภิเนกษกรมปรินิพพาน อายุ 20,000 ปี เมื่อ 5,000 ปี หลังเป็นปัจฉิมกาลของพระองค์ ทรงตั้งบทบัญญััติศีลพระวินัยขึ้น

    บูรพชนต้นตระกูลไทย คือ ขุนแผนเมืองฟ้า และนางหญิิงดวงขวัญใจ ครองเมือง ลวไทย เป็นที่มาของปรมัตถ์ว่า แรกนาขวัญ มีแม่โพสพ เป็นจ้าวแม่ข้าว เกิดขุนต้น-แรกนา และขวัญข้าว-แม่โพสพ กระทำทั้งพิธีบูชา และพิธีสังเวย มีไสยศาสตร์เกิดขึ้นมากมาย

    พุทธันดรที่ 4

    พระพุทธโคดมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พุทธปัจจุบันกาล
    บูรพชนต้นตระกูลไทย คือ ขุนอินและนางกวักทองมา ครองเมืองแมน ประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว กำเนิดปีอินขึ้นเป็นปีอินที่ 1 ก่อนพุทธศักราช 5,000 ปี ใช้ปีอินมาจนถึงสมัยขุนโลลาย กับขุนหญิงโห่มาดี สร้างคุ้มทองขึ้น ตั้งชื่อเป็น "เมืองทอง" จึงหมด ปีอิน เป็นปีโล เมื่อปีโลได้ 1,100 ปี คือ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี จึงกำเนิดแผ่นดิน สุวัณณภูมิตามปรมัตถ์จากเบื้องบนสู่แผ่นดินแห่งนี้

    เมื่อต้นขุนบูรพชนต้นตระกูลทราบว่า มีพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้วในมัธยมประเทศ จึงออกเดินทางโดยทางเรือ เพื่อไปรับพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีพระเจ้าพิมพิสารพาเข้าเฝ้าพระพุทธโคดม พระพุทธองค์ทรงประทานนามให้ว่า "ขุนทับไทยทอง" เป็นจ้าวผู้ครองถิ่นแดนไท "สุวัณณภูมิ" เป็นชื่อเมืองทอง คนไทย เมื่อปีโล 1169 ปี พุทธพัสสาที่ 24 (ก่อน พ.ศ. 20 ปี) ทั้งยังได้กิ่งมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม มาปลูกในแผ่นดินสุวัณณภูมิ เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อน พ.ศ. 19 ปี (ที่บ้านโพธิ์งามปัจจุบันนี้)

    จนถึง พ.ศ. 240-300 ตรงกับสมัยพระเจ้าโลกละว้า และพระนางก้านตาเทวี เป็นต้นรับพระพุทธศาสนาเถรวาทเข้าแผ่นดินสุวัณณภูมิ โดยพระเจ้าอโศกมหาราชส่งภิกขุ 5 องค์นำโดยพระโสณ และพระอุตตร ให้มาเผยแพร่ศาสนาในสุวัณณภูมิ

    พระเจ้าโลกละว้า มีลูกชื่อ ตะวันทับฟ้าขุนไทย สืบแผ่นดินต่อมา ตะวันทับฟ้าขุนไทย และพระนางสิริงามตัว ได้ให้กำเนิด "เดือนเด่นฟ้า" ครองสุวัณณภูมิต่อมาเมื่อ พ.ศ. 264

    พระโสณ ต้นผู้สืบอายุพุทธศาสนาในแผ่นดินสวัณณภูมิได้พยากรณ์ศาสนาในแผ่นดินสุวัณณภูมินี้ว่า

    พันปีที่ 1 พระอรหันต์ครบ
    พันปีที่ 2 พระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสก
    พันปีที่ 3 พระอนาคามี
    พันปีที่ 4 พระสกิทาคามี
    พันปีที่ 5 พระโสดาบัน
    พันปีที่ 6 สิ้นพระอริยะ....จนถึง
    พันปีที่ 9 สิ้นพระภิกขุ (สามเณร)
    ครบหนึ่งหมื่นปี สิ้นพระพุทธศาสนา

    และพระโสณกับพระอุตตร เรียกหา ตะวัน ผู้พ่อ กับ เดือนเด่นฟ้า ผู้ลูก ให้จารเรื่องสุวัณณภูมินี้ไว้ในแผ่น กระเบื้อง เพื่อเป็นประวัติสืบภพชาติสืบไปภายภาคหน้า และว่า พ่อเดือนเด่นฟ้า จะกลับมาครองแผ่นดินอีกครั้ง ในสมัยแผ่นดินสุวัณณภูมิ ยุคกึ่งพุทธกาล พระพุทธศาสนาจะออกสู่เมืองคนขาว เมืองคนดำ ทั่วถึงเมืองคนมัว(เทา) พระพุทธศาสนาที่อยู่กับเมืองคนเหลืองจะเจริญทั่วโลก และแผ่นดินนี้จะรักษาพระพุทธศาสนาอยู่ได้ตลอดจนหมดพุทธกาลแล

    ผู้ที่สนใจเรื่องนี้หาอ่านได้จากหนังสือเรื่อง พุทธศาสนสุวรรณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย
    ของเจ้าคุณพระราชกวี (อ่ำ) วัดโสมนัสวิหาร <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...