สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โชแปง, sriaraya5


ตั้งแต่ไปฟังน้องแคทมา ช่วงนี้ห้าวจังนะพระศรี หุหุ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณ นิวรณ์ ผมถามหน่อย การที่คุณรู้ว่า มรรคจิต ผลจิต มีพฤติกรรมแบบใด แสดงว่า คุณก็ต้องเข้าถึง อริยสัจแล้วหละสิครับ
ผมไม่ได้ หลงหรอก คุณนั่นแหละครับที่หลง

 

ยังอุปทานไปเองไม่เลิก

รู้จัก ปริยัติ ไหมครับ

รู้จัก ปฏิบัติ ไหมครับ

รู้จัก ปฏิเวธ ไหมครับ

แยกแยะเป็นไหมครับว่า ตอนไหน ผู้สนทนากำลังพูด ปริยัติ
ตอนไหนกำลังพูด การปฏิบัติ แล้วตอนไหนที่กำลังอวดตัวว่า
มีปฏิเวธ

อย่าคิดเอง เออเอง สรุปเอาเองสิครับ ไม่เข้าใจว่าผมกำลังพูดส่วนไหนอยู่ ก็ถามมาดีกว่า

 

คุณนิวรณ์ ถ้าเช่นนั้น คุณไปหยิบปริยัติมา ว่า

ตรงไหน ที่บอกว่า ผัสสะกระทบ มันก็ผุดขึ้นอีกได้ จนกว่า จะตัดสินการเห็นนั้น เป็น การเข้าสู่มรรคจิต ผลจิต

คุณนิวรณ์ คำว่า สังโยชน์ 3 ตัวแรก คือความเห็น ความเห็นนี้ ไม่เกี่ยวกับการมองผัสสะ กระทบแล้วผุด จนกว่าจะตัดสินการเห็นนั้นเลย

มรรคจิต และ ผลจิต ของพระโสดาบัน คือ การเห็นอาการต่างๆ จนรอบแล้ว มาหยุดที่ใจนี้ เป็นมหาเหตุ
การที่คุณพยายาม บอกว่า การดูรู้เฉย มันก็สามารถผุดขึ้นได้ ก็ดูไปอีก จนกว่าจะตัดสินได้เรียกว่า มรรคจิต ผลจิต

คุณเออออไปเอง ตามทัสนะตน ข้อนี้ไม่มี ปริยัติแบบนั้น

 

การ เห็นภัยในวัฏฏะ เพราะการมองสรรพสิ่งต่างๆ การละกิเลสต่างๆได้ การเดินหน้าไม่หันกลับมาสู่ วิถีในภพเดิมๆ นั่นแหละคือ มรรค
อันได้ ผล ที่ประจักษ์ใจ ความเป็นพระโสดาบัน จึงอยู่ที่ใจที่เป็นธรรมแล้ว ใจนั้นมีอยู่ ขัดได้เกลาได้ ให้ดี ให้พร้อม
ถ้ายังบอกว่า ใช้ปัญญามองดู แต่จิตใจนี้ไม่เคยขัดเกลา คุณธรรมยังไม่ถึงพร้อม มันก็ไม่ได้ เรียกว่า ปฏิเวธธรรม

มรรคญาณ เกิด ผลญาณเกิด คือ มี สัมมาทิฎฐิ เป็นประธาน ประกอบกับ สัมมาสังกัปปะ คือ สอดส่ายหาว่า ทางดับกิเลสเป็นอย่างไร เอาอุบายแบบใดมาลด ละ กิเลส

มีอย่างหรือครับ เล่นเอามรรค ยุบลงเหลือแต่การมองดูเฉย คุณก็ดื้อด้านนะ ขนาดผมเอาหลักฐานมาให้ เอาคำพูดพระอริยะมาให้
เอาพระสุตรมาให้ เอาเหตุผลมาแจง คุณก็ยังยึดในสิ่งที่คลอนไปคลอนมา ยังพูดจาเดิมๆ อยู่นั่น

 

คุณศรีฯ เลิกเอานิยายหลอกผู้ใหม่ ให้เข้าใจผิดๆอยู่เลย
ทำไมต้องรับโองการมาด้วย ถ้าไม่รับโองการมาแล้วสอนไม่เป็นหรือไง?<O</O
ถ้ารู้เพียงแค่นี้ หมั่นเสริมส่งตนเองให้รู้จัก “ตนที่พึ่ง”ที่แท้จริงเสียก่อนเถอะ<O</O

ยังหลงโลกหลงอารมณ์อยู่ โลกียธรรมยังไม่ผ่าน <O</O
โดนน้องแคทถูลู่ถูกังยังไม่รู้ตัวอีก น่าอายจริง<O</O
ยังจะเถียงให้เกิดความชอบธรรมขึ้นมาให้ได้ “เก้อ”ยากจริงๆ<O</O
<O</O

;aa24

 

คุณศรีฯ ใครกันแน่ที่ควรกลับไปปฏิบัติมาเสียใหม่ จำไว้นะ น่าอายจริงๆ<O
ใครที่รู้ว่าปฏิจจสมุปบาทเป็นรูป-นาม???<O
เมื่อรูป-นามดับ...ใครรู้ว่ารูป-นามดับ???<O</O
ใช่ เมื่อดับไปแล้วตั้งอยู่ไม่ได้ ใครหละรู้ว่ารูป-นามตั้งอยู่ไม่ได้???<O</O

กลับไปขอโองการแล้วกลับมาตอบหนะ <O</O
ยังจะเถียงให้เกิดความชอบธรรมขึ้นมาให้ได้ “เก้อ”ยากจริงๆ

;aa24<O</O
<O</O

 

คุณศรีฯ ใช่ จิตพ้นวิเศษจากบ่วงอันเป็นทิพย์ เพราะอะไร???<O</O
ใช่จิตวิมุตติเป็นจิตที่หลุดพ้นจากกิเลส จิตบรรลุพระนิพพานใช่มั้ย???

;aa24<O</O

 

คุณศรีฯ ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าคุณนั้นเกิดมาเสียชาติเกิด<O</O
เพราะอะไรเหรอ จะบอกให้
ในปัจจุบันนี้ ศาสนาของพระสมณะโคดมยังคงมีผลอยู่<O</O
<O</O

คุณที่ชอบอ้างตัวเองตลอดเวลาว่าเป็นนั่นเป็นนี่<O</O
พอคนเค้ารู้ทัน ก็อ้างต่อว่ารับโองการมาบ้างหละ<O</O
อ้างเป็นตัวแทนของนั่นของนี่อีกฯลฯ <O</O

มีแต่คนหลงเพ้อพกเพราะหลอกตัวเองมาตลอดเวลา<O</O
แถมยังเหน็บแนมอีกว่าไปเอาประวัติท่านอาจารย์มาให้อ่านทำไม<O</O
คุณจะมั่วไปถึงไหน ผมเอาคำเทศน์สั่งสอนเพื่อน้อมนำไปปฏิบัติมาให้อ่าน<O</O
ใช่ประวัติท่านเสียทีไหน “อิจฉาล่ะซิ” คนอะไร ภูมิธรรมขั้นต่ำยังไม่มีเลย <O</O
<O</O

ทุกวันนี้ที่คุณสอนอยู่หนะ ใช่ยืมจมูกพระพุทธศาสนาหายใจใช่มั้ย???<O</O
อย่าบอกหนะรู้เองเห็นเอง???หรือมีโองการให้เป็นโน่นเป็นนี้โดยไม่ต้องลงมือปฏิบัติ???

คุณศรีฯ อย่าเลือกตอบสิครับแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ<O</O
เลือกตอบเฉพาะที่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นอะไร???<O</O
ผมบอกให้ก็ได้ว่าเป็นเพียงคนที่ถูกความคิดครอบงำเท่านั้น

<O</Oคุณยังไม่ได้ตอบข้อนี้
เรามาว่ากันในเรื่องที่ค้างอยู่ดีกว่า
ที่ผมถามไปว่าระหว่างพระโสดาบันกับพระอรหันต์ต่างกันตรงไหน???
คุณตอบมาแล้วผมก็ตอบแย้งกลับไป คุณควรตอบข้อแย้งผมสิครับ
จะมาพูดเอาดีใส่เอาชั่วใส่คนอื่นนั้นมันไม่ถูกต้อง
เชื่อผมเถอะมีภูมิรู้(ไม่ใช่ภูมิธรรม)เพียงแค่นี้
อย่าริคิดตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิโดยอิงแอบพระพุทธศาสนาเลย
จะเป็นตราบาปไปอีกนานนะครับ

;aa24<O</O

 

วางๆบ้างก็ได้น้า

 

เอาไปวางทิ้งแถวคอนเสิร์ตน้องแคทดีกว่ามั๊ง
เผื่อจะได้หลุดพ้นกับเค้าบ้าง

;aa24

 

[music]http://charyen.com/jukebox/asx_file/old_8083.wma[/music]

 

บุคคลระดับล่างเมื่อสิ้นชาตินี้จักท่องเที่ยวสามภพจึงเข้าสู่ประตูทองนั่น ย่อมหมายความการท่องเที่ยวไปในภพทั้ง ๓ ซึ่งร่วมทั้งสวรรค์ด้วย ก็ยังไม่ถือว่าเข้าถึงศาสนา

 

ว่าถ้าเราสามารถเข้าถึงนิพพานแล้ว ย่อมไม่มีที่จะไม่หลุดพ้น

 

บุญบาปหน้าตาเป็นยังไงคับ

ผมเห็นแต่ว่างในจิต

 

นิพพานในศาสนาพุทธ คือสภาวะซึ่ง
นิรทุกข์ กล่าวคือการดับแล้วจากทุกข์ทั้งปวง



sriaraya5.นั้น พ้นแล้วจากทุกข์และสุข

 

ไม่เพียงแต่รูปนามได้ดับไปแล้ว

ยังสลายกายทิพย์

เพราะคุณธรรมภูตยังไม่บรรลุธรรม

จึงยังไม่เห็นแจ้งแทงตลอดในความลับของทุกสรรพสิ่ง

 

พึงเอาชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยความจริง

พึงเอาชนะคนชอบโกหก

ด้วยการพูดความจริง

พึงชนะ<WBR>คนตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงเอาชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยความจริง

 

อาจารย์หญิง อาจารย์ชาย

 

วางสุขอันไม่มีทุกข์เจือปน

นับจากนี้ไปผมจะหายไปพักหนึ่ง