สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ใช่แล้วครับ หลักการก้อยู่ที่ กายกับใจเรา รู้กายรู้ใจเราก็จะรู้ งานออกแบบไปครบ....
แต่ปัจจุบันมันไม่ได้ขึ้นกับเราคนเดียว..ยังมีผู้อื่น

 

คุณขันธ์ จิตไม่มีรูปยืน จิตไม่มีรูปเดิน จิตไม่มีรูปนั่ง จิตไม่มีรูปนอน จิตไม่มีตัวตน จะไปหาจิตทำไมกัน

 

ว่าแต่ว่า ปังคุงก็นอนดึกนะ

 

อ่อ นัดกันไว้กับพระศรีครับ หุหุ

 

อาจารย์ขันธ์ เป็นสัมมาทิฏฐิ มีอะไรถามท่านได้

ฟังแล้วกลับมาพิสูจน์ วันต่อวันเลย จะดีกว่า ถามตอบปกติครับ

 

ท่านครีฯท่านกลายเป็นยามไปซะแล้ว (แซวๆ)

 

พระศรีนี่ช่วงหลังนิ่งขึ้นเยอะ
ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันที่ผมรู้จักรึเปล่า
แต่ดูจะตัวพิมพ์อักษร หน้าจะเป็นคนเดียวกัน ที่แต่บทความคนคนอะไรนั่น

 

เช่นกันครับโชแปง

 

ธรรมะไม่ใช่ใจเรา ใจเราไม่ใช่ธรรมะ​

ที่เราไม่เห็นธรรมะก็เพราะตัณหา บางทีมันอยากอย่างรุนแรงคืออยากจะเห็นเดี๋ยวนี้ ธรรมะนี้ไม่ใช่ใจเรา ใจเราไม่ใช่ธรรมะ ธรรมะมันเป็นอย่างหนึ่ง ใจเรามันเป็นอย่างหนึ่ง มันคนละอย่างกัน ฉะนั้นแม้เราจะคิดอย่างไรก็ตาม อันนี้เราชอบเหลือเกิน แต่มันไม่ใช่ธรรมะ อันนี้เราไม่ชอบมันก็ไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่ว่าเราคิดชอบใจอะไรอันนั้นเป็นธรรมะ เราคิดไม่ชอบใจอะไรอันนั้นไม่ใช่ธรรมะ..... ไม่ใช่อย่างนั้น แท้จริงใจของเรานี้เป็นธรรมชาติอันหนึ่งเท่านั้น อย่างต้นไม้ตามป่านั่นแหละ ถ้ามันจะเป็นขื่อเป็นแปเป็นกระดาน มันก็มาจากต้นไม้ แต่ว่ามันเป็นต้นไม้อยู่ไม่ใช่ขื่อไม่ใช่แป มันเป็นต้นไม้อยู่ มันเป็นธรรมชาติเท่านั้น ก่อนที่จะทำประโยชน์ได้ ก็ต้องเอาต้นไม้มาแปรรูปออกไปเป็นขื่อ เป็นแป เป็นกระดาน เป็นโน่นเป็นนี่ เป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน แต่มันแปรรูปมาเป็นหลายอย่าง เมื่อรวมกันมันก็เป็นต้นไม้อันเดียวกันเป็นธรรมชาติ ถ้าหากว่ามันเป็นธรรมชาติอยู่อย่างนั้น มันก็ไม่เกิดประโยชน์ขึ้น เฉพาะกับบุคคลที่ต้องการ จิตใจของเราก็เหมือนกันฉันนั้น มันเป็นธรรมชาติอันหนึ่งอยู่อย่างนั้น มันรู้จักการนึกคิด รู้จักสวยไม่สวยตามธรรมชาติของมัน

ที่มา http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?t=3402

 

ผมจะให้เกรียติคนทำงาน
ผมเรียก รปภ

และรปภ เค้าละอสมิมานะได้นะท่าน
เรายังมีหลุดบ้างแล้วท่านละละอสมิมานะได้ยัง

 

ผมก็ยังเห็นเรื่อยๆครับ หากไม่พอใจก้ขออภัย..

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โชแปง, sriaraya5, อีโต้, illanzer

ยังไงกันอิโต้ ปากหายเหม็นยัง
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ในอีกทางหนึ่ง..เราใช้ประโยชน์จากต้นไม้ในการเข้าไปหลบร้อนได้นะ ยังมีอากาศอ๊อกซิเจนที่สดชื่นในตอนกลางวัน โดยที่เราไม่ต้องไปตัดต้นไม้ ...ปังคุงว่าอย่างไรจะผิดไหม....แค่ความคิดเห็นนะครับ

 

ธรรมะไม่มีในเราเราไม่มีในธรรมะ
รู้แล้วละไม่เป็นคำภรีเปล่า

 

555+
แล้วจะไปตัดทำไมล่ะ ถ้ามันให้ร่มเงา
เคยได้ยินมาอย่างนี้ ต้นไม้ที่ไม่มีประโยนช์ใดเลย ไม่ให้ผล ไม่ให้ดอก ไม่ให้ร่มเงา ใช้ทำฟืนก็ไม่ได้ กลับเป็นต้นไม้ที่อยู่ยืนยง
นั่นเพราะความหาประโยชน์ไม่ได้ หรือว่าคือประโยชน์ของต้นไม้ต้นนั้น

 

พระศรี มีบทความเกี่ยวกับการถอดจิตไหม

 

.

 

ท่านศรีฯเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานบ้าง

 

อะไรก็ไม่น่าเอาอะไรก็ไม่น่าเป็นที่ไหน ๆ ก็ไม่น่าไป

ไม่เป็นเขาไม่เป็นเราไม่มีตัวไม่มีตนผมถอดจิตออกได้ด้วยวิธีนี้

ยังมีเทคนิกแต่ยังไม่ถึงเวลา

 

ส่องในใช่ส่องนอกสหายเอย

ผมพิจารณากระดูกหน้าท้องเป็นอารมณ์
จนจนจิตวางคำบริกรรมหดตัวเป็นภวังคภพ
แล้วก็เกิดแสงสว่างโพรงตัวก็ค่อยแยกออก
จากกันและก็ถอดกายทิพย์ไปในเส้นทางกาลเวลา

สายพระอาจารย์มั่นท่านว่าส่งจิตออกนอก
ตั้งแต่นั้นมาคุมจิตไม่ให้ออกไปรู้นอก
บังคับให้จิตเห็นจิตเป็นนิโรธ