สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อนุโมทนาเจ้าค่ะ เก็ทเลย
     
  2. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เห็นไหมพี่จินนี่ พระคุณเจ้ายังบอกให้ ร กับ พ เลย ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป งี้ ๆ
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ครับผม ^-^

    ครับคุณน้องแว็ด แต่เป้าหมายของสัตว์ที่เจริญสติฐาน มันก็มีอยู่สองประการเอง
    1 ดับทุกข์ให้สิ้นในปัจจุบันชาติ
    2 เหลือเหตุให้เกิดนิดหน่อย แล้วไปดับที่พ้นจากกามภพ ^-^
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตอบคุณแว็ด

    ตรงฝันเห็นกระดูก หากมีการลอกออกที่ละชั้นทีละส่วน อันนั้นก็ใช้ได้แล้ว
    ถึงแม้ว่า เราจะมองไปเห็นที่กายคนอื่น ไม่มองเห็นมาที่กายตัวเอง ถ้า
    หากฝันอีก และตื่นขึ้นมาเล้กน้อย ถ้าอาการตกใจไม่มี ให้น้อมเห็นนิมิต
    นั้น มันจะยังติดตาอยู่ ให้มองมาที่ตนเอง ฝึกให้มันมองมาที่ตนเองไว้
    เนืองๆ แล้วคราวหน้านิมิตจะเกิดที่ตัวเอง พอนิมิตอสุภะเกิดที่ตัวเอง
    จะเกิดความกลัว ความเกลียดขึ้นมา ให้ระลึกรู้หนอไป แต่ถ้าระลึกโดยไม่
    ต้องหนอได้ ให้ทำแบบไม่มีหนอดีกว่า แล้วหากแจ่มพอ ให้น้อมสลาย
    ไปทีละชั้นแล้ว ให้น้อมคืนกลับสภาพเดิมด้วย หากทำได้ ความกลัวจะน้อย
    ลงจนไม่มี อสุภะกรรมฐานก็จะพอดีเป๊ะ แต่ผลยังเป็น สมถะกรรมฐานอยู่นะ

    จะเป็นวิปัสสนาก็ต่อเมื่อ ระลึกสภาวะการลอกนั้น เห็นไปในชีวิตประจำวัน แล้ว
    ไม่ใช่เห็นใครก็ไปลอกหนังลอกกรดูกเขานะ ต้องให้เกิดเหตุพวกกามราคะนิวรณ์
    แล้วจิตมันจะไปติดนิวรณ์ แล้วจิตมันจะน้อมไปอสุภะกรรมฐานด้วยตัวจิตมันทำเอง
    แบบนั้น ก็คือ สำเร็จ คือ ยกสมถะกรรมฐานชนิดนี้มาทำวิปัสสนาสำเร็จ แค่ยก
    สำเร็จนะ ไม่ได้แปลว่า บรรลุ
     
  5. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เพียรไงคุณพี่ หลวงพ่อฤาษี ท่านบอกว่า แพ้มั่ง ชนะมั่ง เขาปฏิบัติกันอย่างงี้ ค่อย ๆ ค๊าปป
     
  6. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เก็ทคั๊ป จะพยายามมองหน้าใครให้เป็นกระดูก บ่อย ๆ
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ครับผม ^-^
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อันนี้หน้าชื่นชม เรียกว่า มีทัศนะเข้ามาใกล้ความเป็นจริง

    ความว่าง ที่เกิดนั้น หากว่างโดยมองเห็นของข้างนอกตนเป็นของว่าง มอง
    อะไรไปก็ไม่ให้ค่า แบบนี้คือสภาวะเดียวกันที่ขับเคลื่อนให้ คุณแว็ดเห็นอสุภะ
    กรรมฐานไปเกิดที่กายคนอื่น ความว่างชนิดนี้ยังไม่พอดี คือ มันเป็นด้าน
    ไม่มีเขา มองออกไปข้างนอกจะไม่มีเขา ไม่มีสัตว์อื่น ไม่มีเมือง ว่างไปหมด

    แต่มีกลับมีเราอยู่

    วิถีของการปฏฺบัติที่มาทางสายอสุภะกรรมฐาน จะต้องว่างที่เราด้วย วิธีก็บอก
    ไปแล้ว คือ ต้องมองย้อนมาที่ตัวเองไว้เนืองๆ ให้จิตมันรู้ว่า ที่ฝึกมานี่ต้อง
    เอามาดูตัวเองด้วยนะ แล้วจิตมันถึงจะถูกอบรมให้รู้จักมองน้อยมาที่ตัว

    พอมองย้อนมาท่ตัว ตรงนี้จะว่างไป เราก็ไม่มี เขาก็ไม่มี ซึ่งสภาวะความรู้
    สึกนี้ถ้ามี ก็เรียกว่า จิตทรงฌาณอุปจารสมาธิ วิตก วิจาร มันดับ ตัวผู้รู้
    จะเด่นดวงได้ทั้งวัน เราก็จะเอาจิตผู้รู้ เอโกธิภาวะ นี้ไปเจริญปัญญา ทำ
    วิปัสสนา ทำลักขณูปณิชฌาณให้เกิดปัญญาวิมุตติ หลังจากมีเจโตวิมุตติ
    แล้ว
     
  9. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ถามต่ออีกน่อย คือ เกือบจะรุ่งเช้า เวลานอนแล้ว จะตื่นขึ้นมารู้สึกตัวแบบ มันซ่านตั้งแต่ศรีษะไปถึงปลายเท้า ค่อนข้างรุนแรง เป็นมาหลายวัน และเวลาที่ตื่นก็ใกล้เคียงกัน อาการนี้ทำให้แว๊ดตื่นนี่อะ มันคือหยัง

    สงสัยโดยชาร์จไฟ หุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้า จิตพิจารณาข้างนอกว่างเปล่าได้ แต่ข้างในกลับมี

    ให้ระลึกรู้ว่า นั่นยังหวงแหนจิตที่เป็นเรา ยังรักตัวเรา รักตนขึ้นมา

    ให้ระลึกรู้ลงไป อย่าไปทำอะไร ตอนที่คิดจะทำอะไร นั้นแหละโดน
    ความปราณีตบางอย่างลากไปคิดจะทำ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เป็น ปิติ สุข ที่ได้จาก สมถะกรรมฐาน

    สมถะกรรมฐาน อสุภะ ที่คุณคิดว่า คุณฝันไปนั้น แท้จริงๆ แล้ว จิตมัน
    เป็นคนทำ คุณรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้กำหนดการจงใจปฏิบัติ เลย
    ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำ เลยคิดว่าฝัน

    แท้จริงแล้ว จิตมันไม่ใช่เรา แต่เราไปคิดว่า จิตมันเป็นเรา พอจิตมัน
    ทำของมันเอง เราเลยไม่อินกับการกระทำนั้น พาลคิดว่า เราไม่ได้ทำ

    แต่จริงๆ จิตมันทำ จิตมันไม่ใช่เรา มันได้รับการอบรมดีแล้ว มันก็ทำ
    ของมันเองได้

    จิตนั้นมันต้องการเวลาพักผ่อนโดยเฉลี่ยแค่ 4 ชั่วโมง ต่างกับกายที่
    อย่างน้อยต้อง 8 ชั่วโมง ดังนั้น จิตมันจะตื่นของมันเองก่อนกาย 4 ชั่ว
    โมงเสมอ บางคนจึงตื่น ณ เวลา 5.00 น. ได้อย่างตรงเวลา

    * * * *

    ที่นี้ มีสภาวะธรรมอีกตัว ที่ควรสังเกต หลังจากภาวนาจับหลับเป็น ลอง
    สังเกตว่า ตอนตื่นเช้าขึ้นมา เมื่อก่อนจะงัวเงีย จะขอนอนต่อ แต่ถ้า
    ภาวนาจับหลับได้แล้ว จิตมันจับหลับได้เองแล้ว ตอนตื่นนอนจะเหมือน
    ว่าตะกี้ไม่ได้นอน มันเหมือนตื่นทั้งคืน แล้วก็ไม่ปรากฏความเพลียด้วย
    จะตื่น และลุกขึ้นทำกิจการงานได้เลย โดยไม่ต้องอิดออดว่า ต้องอาบน้ำ
    ก่อน แปรงฟันก่อน ไม่มีข้ออ้างใดๆ แบบนี้คือ การหายไปของอนุสัย ภพชาติ

    เราภาวนาตัดภพชาติไปทีละน้อย ทีละน้อย เดินตามพระท่านไป พระท่าน
    ใช้เวลา 26 ปี เราก็เร่งเดินตามไป โดยไม่เพียร ไม่พัก
     
  12. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เก็ทเลย อิตรงที่ว่าเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่พอลุกแล้วตาแจ้งแดงแจ๋ แจ่มแจ๋วเป็นที่สุด แต่ว่าได้เป็นบางพัก ๆ

    แต่บางครั้งก็ไม่รู้ตัวเลย ใครเรียกให้ตื่นก็ไม่ได้ยิน แต่ตื่นมาก็แจ่มแจ๋วเหมือนกัน
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ต้องมีเป็นพักๆแหละนะ เรายังเป็น ปุถุชน วันไหน เจริญวิปัสสนา สติ เกิด
    เองโดยไร้การจงใจให้เกิดได้สักครั้งหนึ่งในวันนั้น รุ่งเช้าก็จะปรากฏ

    แต่ถ้าวันไหน สติ ที่ได้จากการเจริญกรรมฐานแบบหลวงพ่อจรัลไม่เกิดเลย
    ไม่ได้ทำเลย ทำก็เอาแต่จงใจปฏิบัติ ไม่ได้เกิดเพราะจิตเขาทำเองเพราะ
    ว่าได้รับการอบรม วันนั้นก็จะเหมือนอะไรหายไป หรือไม่ก็ไม่รู้สึกเลยว่า
    กุศลจิตหายไป จมโลกทั้งใบไปแล้ว

    เราก็ภาวนาไปแบบนี้แหละ เห็นความไม่เที่ยงเป็นหลัก อย่าไปคิดว่ามันต้อง
    เที่ยง และพยายามทำอะไรให้มันเที่ยง

    เรามาภาวนเพื่อดูความไม่เที่ยง เพื่อเห็นพระไตรลักษณ์

    เมื่อเห็นพระไตรลักษณ์ได้ตามความเป็นจริงของวิถีจิตเขาทำเอง ตรงนั้น
    จะเห็นว่า เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราไม่ได้เติมเจตนา เราไม่ได้แทรกแซง

    ตรงนั้นแหละการเห็น พระไตรลักษณ์ตามความเป็นจริง ต้องเห็นตรงนี้เนืองๆ
    โดยเห็นไปที่ขันธ์5 ที่มันไม่ใช่เรา ( ผู้รู้ ผู้ดู แยกออกจาก จิตที่แส่ส่าย )
     
  14. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เราจะแบ่งแยกธรรมปฏิบัติ ออกเป็นชนิด
     
  16. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในการฝึกความนึกคิดของตนเอง

    จงปล่อยให้อดีตเป็นอดีต

    ถ้าเราเผลอให้ความคิดของเราที่เป็นอดีต

    ปัจจุบัน และอนาคตมาจับต่อกันเป็นห่วงโซ่แล้ว

    ก็หมายความว่าเราจับตัวเองใส่กรงขัง

    ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไม่ยอมให้ใจของเราข้องติดอยู่ในสิ่งใดๆ

    เราจะลุถึงความหลุดพ้น

    เพื่อผลอันนี้เราจึงถือเอาความไม่ข้องติด
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [​IMG]

    ปากไม่ว่างแต่จิตว่าง ใครจะคิดได้อย่างฉันต้องจิตว่างนะ เพราะฉะนั้นใครที่ตอบโต้ก็<WBR>น่าจะจิตว่างพอกับฉันนั่นแหละ
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การพิจารณาอย่าทิ้ง ให้พิจารณาบ่อยๆ โดยที่อย่าไปสร้างแนวคิดที่ว่า จิตเขาทำเอง จิตเขาเป็นของเขาเอง ห้ามไม่ได้
    แบบนี้เป็นมิจฉาทิฎฐิ

    ถ้าจะพูดต้องบอกว่า ในขณะที่ยังห้ามไม่ได้นั้นต้อง ดูไปก่อน อย่าเพิ่งไปเพิ่มเติม เพราะว่าจิตอกุศลมันมีกำลังแรง

    ถ้าไปบอกว่า ควบคุมจิตไม่ได้ เขาทำเอง แบบนี้ แล้วพระพุทธองค์ จะสอนให้ ทำกุศลให้ถึงพร้อม ละอกุศลทั้งปวง ทำจิตให้ผ่องใสทำไม

    ตรงนี้ ดูกันหน่อย พิจารณากันหน่อย
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เห็นไหมว่า มันล้างกันอยู่ ระหว่างการให้พิจารณา กับการ ไม่ต้องทำอะไรจิตเขาทำของเขาเอง
    ทีนี้ ถ้ามันล้างกันอยู่ มันก็เท่ากับว่า อย่างหนึ่งถูกอย่างหนึ่งผิด

    มันต้องชี้ลงไปสิว่า ตอนนี้ จิตที่ห้ามไม่ได้ เพราะมันมีอกุศลมากอยู่ เช่นคนโกรธห้ามไม่ได้ เพราะมันมีอกุศล
    ต้องทำอย่างไร ก็ต้องคอยมีสติ เพื่อไม่ให้หลง ถ้ายังละไม่ได้ก็ต้องมีสติไม่ให้มันหลงไป

    ก็ ครูบาอาจารย์ ร้อยคนเขาก็สอนว่า จิตเมื่อเป็นสมาธิดีแล้ว ก็ค่อยพิจารณา ไม่มีสักคนที่สอนบอกว่า จิตคุมไม่ได้นะ คอยรู้เฉยๆ แบบนี้ไม่มี ในสายอาจารย์มั่น มีแต่ สุ้กับมันสิ ละมัน ถ้าละไม่ได้ก็ยึดคำบริกรรม ก่อน

    ทีนี้ ก็ยังแยกกันไม่ออก คือ จิตควรจะมีสมาธิก่อน ทำให้เป็นนิสัย เวลาดูรูปนามมันจะได้ ไม่หลง

    นี่แหละ ฝึกทำจิตให้เป็นสมาธิให้ดี ไม่ใช่ ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ และ ไปดู มันก็มั่วบ้างหลงบ้าง

    นิวรณ์ นี่ดูเฉยๆ ไม่ได้หรอก เช่น ง่วง ขี้เกียจนี้ต้องฝืน ไปดูเฉยๆไม่ได้ มันไม่ลบเลือนไป
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ต้องรบกวนให้ช่วยอ่านโดยลำดับ

    ผมแสดงธรรมโดยลำดับไว้แล้ว

    เริ่มจาก

    1.อมรมจิตไว้เป็นอย่างดี
    2.จิตที่อบรมไว้ดีแล้ว จะภาวนาเอง อัตโนมัติ การละ วาง จับยึด จะเห็นกริยา
    จิตว่ามันทำ

    บริบทในการแสดงธรรมบรรยายนี้ เน้นที่การเห็น กริยาจิต พฤติจิตที่เกิดขึ้น
    ตามความเป็นจริง

    เน้นที่การเห็นของจิตผู้รู้ ผู้ดู เพื่อให้ผู้ฟังคำบรรยาย พิจารณาแยก จิตผู้รู้
    ออกจาก จิตที่แส่ส่ายมีพฤติจิตได้

    พอรู้จัก จิต ผู้รู้ หรือ ใจ ก็จะภาวนาได้เป็น ได้ตรงทาง

    ดั่งที่หลวงปู่เทสก์กล่าวไว้ "การจะภาวนาให้ได้ดี ต้องหา จิต หา ใจ ให้เจอก่อน"

    ดั่งที่หลวงปู่มั่นกล่าวไว้ "หากพิจารณาจิตได้ ให้ดูจิต(พฤติจิต)ไปเลย"

    "แต่ถ้าดูจิตไม่ได้ หมดกำลังสมาธิ ก็ไปพิจารณากาย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...