สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ไม่ธรรมดา )

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 5 มีนาคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เลขมันก็มีแค่นี้ล่ะ 1234567890

    ที วี สี ขาว ดำ แดง เหลือง น้ำเงิน แงว แงว
     
  2. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เอ๊ะ แต่เคยอ่าน แม้แต่พระพุทธเจ้ายังสอนไม่ได้ทุกคน แล้วงี้ใครโง่หว่า

    ตรูก็งง นะเอย นะเอย
     
  3. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ครับ ไม่ ทรง สอน คน ที่ สอน ไม่ ได้ สอน แล้ว ไม่ เกิด ประโยชน์ ครับ

    แต่ ถ้า ทรง สอน แล้ว ไม่ เคย มี ที่ จะ ไม่ เกิด ผล
     
  4. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    อันนี้รับได้ เหมือนบัวสี่เหล่าใช่ม๊ะ

    ประมาณว่าสอนแล้วเสียเวลา
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไม่ได้บอกว่า เห็นท่านกวักมือเรียก แต่ท่านบอกว่า ดังกวักมือเรียก
    ตีความแบบท่านนิวรณ์ นั้นตีความเข้าข้างตน
    พูดออกมาได้ ว่า หยุดทำแล้วดูเสีย ก็ยกพระสูตรมาให้อ่าน ยังจะดื้อด้านอยุ่นั่นแหละ
    ผมหละเหนื่อยใจ กับ ทิฎฐิของท่านจริงๆ

    ก็ท่านเอง ดูจิตมา แล้วยังเรื่อยเปื่อย หลงคิด หลงรู้ ไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว
    ความอย่างหนึ่ง หลงไปอย่างหนึ่ง ท่านก็ไม่รู้ตัว

    และขอโทษครับ อย่าเอามาย้อนผมเลยกับเรื่องที่ว่า ไม่เข้าใจกัน ตามที่ คุณขวัญพูด
    ที่ว่า คิดไม่เหมือนกัน ผมยังไม่เห็นคุณขวัญพูดอะไรนอกจาก
    พูดจาเรื่อยเปื่อย แล้วก็บอกว่า คิดไม่เหมือนกัน ผมว่า ตัวคุณขวัญนี่คงสับสนใช่น้อย ไม่รุ้เนื้อรู้ตัวหรอกนั่น เป็นคนเดินฝันดุจดัง คนเสียสติก็ไม่ปาน คุณนิวรณ์ ยังรับรองกันเอง ว่าพระรับรองบ้างอะไรบ้าง นี่มั่วไปหมด

    กิเลสไม่ลดเลย เมื่อสองปีที่แล้วยังดีกว่านี้ สองปีที่แล้ว ยังมีปัญญากว่านี้ เดี๋ยวนี้พูดอะไรออกมา ดูไม่ได้เลย
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เมื่อวานนี้ผมยังไม่เข้าใจเลยว่า กวักมือเรียกหมายถึงอะไร เพราะเรานึกไม่ถึงคำว่า กวักมือเรียก
    กวักมือเรียกนี้ คือ ยกมือยกไม้ให้เขาสังเกตุ
    กวักมือเรียกนี้ คือ การน้อมให้เขาเข้ามาก่อน
    กวักมือเรียกนี้ คือ การรั้งไม่ให้เขาไปที่อื่นก่อน
    กวักมือเรียกนี้ คือ การเรียกเฉยๆ แต่เนื้อธรรมต้องออกจากปาก
    การกวักมือไม่ใช่ธรรม แต่เป็นการเรียก ก็เรียกเขามาดู มาฟังธรรมอีกที

    ก็พระสูตรนั้นแหละ คือ ธรรม
    ไม่ใช่เรื่องราวจากพระอนุรุทธหรือเรื่องราวจากผมอันเกี่ยวกับพระอนุรุทธ
    เพราะเรื่องราวเป็นเพียงการกวักมือเรียก
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ก่อนอื่นต้องขอบูชา บรมครูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าพระอรหันต์พระองค์นั้น
    พระธรรม พระอริยสงฆ์เจ้า ที่ได้มอบพระสูตรมาให้พวกเราชาวพุทธได้บูชาศึกษากัน

    อ่านแล้วก็อดถามไม่ได้ครับว่า
    คุณมีความเชื่อส่วนตัวว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอนัตตา
    ในเมื่อสิ่งใดที่เป็นอนัตตา สิ่งนั้นย่อมไม่น่าเชื่อถือและพึ่งพาอาศัยไม่ได้
    แถมคุณยังแปลว่าไม่มีตัวไม่มีตนอีกต่างหาก
    แล้วคุณไปเอานิมิตถึงพระอริยสาวกได้ยังไง
    ในเมื่อไม่มีตัว ไม่มีตน คิดเองหรือเปล่าครับ

    พอผมอ่านแล้วขนลุกเกลียวเลยครับ
    โอ้ว!!!ธรรมะของพระพุทธองค์ทรงเชื่อมโยงกันหมด
    ได้รสแห่งพระธรรม ที่นำพาสู่ความหลุดพ้น
    เริ่มจากปฏิบัติสัมมาสมาธิ ตามหลักอริยมรรค ๘
    เพื่อให้เกิดสัมมาทิฐิ รู้อริยสัจ ๔ ตามความเป็นจริง

    สัมมาทิฎฐิเป็นไฉน( ธรรมดามาก ทำยากยิ่งเป็นธรรมดา )

    มหาสติปัฏฐานสูตร

    ก็สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน
    ความรู้ในทุกข์
    ความรู้ในทุกขสมุทัย
    ความรู้ในทุกขนิโรธ
    ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
    อันนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ฯ

    ;aa24
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดี ที่ถามมาแบบนี้ ก็คุณคิดว่า ความว่างมีไหมหละ แล้ว คุณนึกถึงความว่างอย่างไร
    คุณ ธรรมภูติ คุณยังต้องศึกษาอีกสักระยะหนึ่ง ยังมีสิ่งที่คุณประมาณด้วยตรรกะไม่ได้อีกเยอะ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สิ่งที่ ผมบอกว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นอนัตตา นั้นหมายถึง ความสมมติ นั้นเป็นอนัตตา
    คุณไม่เข้าใจเอง ผมก็ไม่ได้บอกว่า พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ สูญ เพียงแต่ไม่ปรากฎในตัวตน

    คุณต้องไปอ่าน ที่หลวงปู่มั่นท่านเจอพระพุทธองค์ ที่ว่าทำไมท่านยังเจอ ยังเห็นอยู่
     
  10. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
  11. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    พระพุทธ กับ พระสงฆ์ นี่ พอ เข้า ใจ นะ ครับ

    แต่ ทำไมพระธรรมถึง สมมุติด้วยล่ะครับ

    ถ้า ไม่ เที่ยง ก็ ต้อง เป็น ทุกข์ และ ไม่ น่า ยึด ถือ เป็น ตัว ตน สิ ครับ
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จริงๆ แล้ว สัมมาทิฎฐิ มีหลายสูตรนะ แต่ผมคาดว่า
    พระอาจารย์ท่านคงเห็นว่า สูตรนี้เหมาะในตอนนี้ เพราะว่า เป็นการชี้ชัดอะไรหลายๆ อย่างให้เห็น เช่น
    โดยที่จะได้ไม่ให้พวกมิจฉาทิฎฐิอ้างอิงได้

    ก็จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิญญาณที่ผมเคยกล่าวไป
    เรื่องอกุศล และ กุศลที่ผมกล่าวไป รวมถึง เรื่องการทำราคะโทสะ โมหะให้เบาบาง ด้วยการละบ้าง บรรเทาบ้าง

    ก็ผมเคยกล่าวคำเหล่านี้ไปแล้วทั้งสิ้น ก็ท่านอาจารย์คงทราบดี ท่านก็ยกพระสูตรบทนี้ให้
    ผมเองก็อัศจรรย์ใจมากกว่าใครทั้งหมด เพราะตัวเองก็ไม่คิดว่าจะเจอของจริง ที่ไม่ได้ทึกทักไปเอง
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถ้าไม่มีสิ่งใดเกิด ไตรลักษณ์ จะเอาไปใช้กับอะไร มีไตรลักษณ์อยู่ไหม
     
  14. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ธรรม นั้น เที่ยง สิ ถ้า อย่าง นั้น

    เพราะ ว่า มัน ไม่ ได้ เกิด มัน มี ของ มัน อยู่ แร๊นนน

    เมื่อ ไม่ เกิด ก็ นิพพานแล้ว ก็ น่า จะ เที่ยง ยึด ถือ ได้
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถ้าไม่มีมนุษย์พูดกัน จะมีสัมมาวาจาไหม
    ธรรมนั้นตรง แต่ ธรรมก็เป็นอนัตตา
    ตามพุทธพจน์ คือ สัพเพธัมมาอนัตตา ธรรมทั้งหลาย ไม่มีตัวตน

    คำว่า มีอยู่จริง แต่เอาเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ เพราะธรรมนั้นเกิดแต่เหตุเสมอ
    คุณ ห่า ยังไม่เข้าใจ ต้องปรับกระบวนทัศนน์ให้มากกว่านี้ก่อน
     
  16. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    หลวงปู่มั่นก็มีนิมิตพบเห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกมากมาย
    เล่าโดยหลวงตามหาบัว...
     
  17. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    ถ้า ยัง งั้น อนัตตา แปล ว่า เกิด แต่ เหตุ ไม่ ได้ เกิด มา เอง หรือ ครับ

    สัพเพธัมมาที่ยกมานี้ ในความหมายไหน ครับ

    ใน ความ หมาย ว่า ทุก สิ่ง มัน ไม่ เที่ยง หรือ เปล่า

    ไม่ ใช่ ธรรม ใน ความ หมาย ที่ คุยกัน อยู่

    หรือ ผม ยัง งง อยู่ ครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เราไปอ่านเพิ่มได้ที่ไหนมั่งครับ ... ยังสงสัยที่ ปลวงปู่มั่นท่านบรรลุอรหันต์ก่อน แล้วจึงพบพระพุทธเจ้า หรือว่า ท่านพบนิมิตรพระพุทธเจ้าก่อน แล้วหลวงปู่มั่นถึง บรรลุอรหันต์ ไปอ่านได้ที่ไหนมั่งครับ หมายถึงแหล่งที่มานะครับ
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลองอ่านดูครับ เอาบางส่วนจากพระสุตตันตปิฏก...


    จักษุ ที่เรียกว่าดวงตา คือ สิ่งใดเห็นหรือของสำหรับเห็นสำหรับดู<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    โสต นั้น เรียกว่า หู คือสิ่งที่ฟังหรือของสำหรับฟัง สิ่งที่ฟังเสียง<o:p></o:p>
    ฆานะ นั้น เรียกว่าจมูก สิ่งที่ สูด ดม <o:p></o:p>
    ชิวหา นั้น เรียกว่า ลิ้น คือ สิ่งที่นำไปซึ่งชีวิตหรือสำหรับทำชีวิตให้เป็นไป<o:p></o:p>
    กาย นั้น คือ สิ่งที่เป็นที่เกิดแห่งของน่าเกลียดเป็นที่เกิดแห่งของหมักดอง<o:p></o:p>
    มโน นั้น เรียกว่า ใจ คือ รู้ รู้สึก สิ่งที่มีหน้าที่รู้ <o:p></o:p>
    รูป คือ สิ่งที่รู้ฉิบหาย รู้แปรปรวนไปด้วยสิ่งต่างๆ มีร้อนเย็น เป็นต้น<o:p></o:p>
    เสียง คือ สิ่งใดเปล่งออกไป หรือ สิ่งที่เปล่งออกไปจากกายในแห่งสิ่งนั้น<o:p></o:p>
    กลิ่น คือ สิ่งที่ฟุ้งไป หรือสิ่งใดไปสู้ที่นั้นๆคือทำพื้นที่ของตนให้สะอาด<o:p></o:p>
    รส คือ สิ่งที่เป็น ที่ยินดีหรือสัตว์ทั้งหลายยินดีในสิ่งใดสิ่งนั้นชื่อ ว่ารส<o:p></o:p>
    โผฏฐัพพะ คือ สิ่งที่บุคคลถูกต้องหรือสิ่งใดเป็นของอันบุคคลถูกต้อง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ธรรม คือ สิ่งใดที่ทรงไว้คือสิ่งที่มีประจำอยู่หรือสิ่งเหล่าใดทรงไว้ซึ่งลักษณะของตนเพราะฉนั้น สิ่งใดมีอยู่ประจำในโลกสิ่งนั้นก็เรียกว่าธรรมทั้งนั้น<o:p></o:p>
    สิ่งที่มีประจำอยู่ในโลก เมื่อว่าโดยย่อมีอยู่ 3 คือ<o:p></o:p>
    1. สัตว์ คือ ทุกรูป นาม ทั้งหยาบ ละเอียด<o:p></o:p>
    2. สังขาร คือ สิ่งที่ถูกปัจจัยทั้งหลายพร้อมกันกระทำขึ้น<o:p></o:p>
    3. อาการ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น แปรไป<o:p></o:p>
     
  20. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ประวัติท่านพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตตเถระ โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    ลิ้งไม่รู้ ใครมีลิ้ง รบกวนให้คุณวิดนุ๊ด้วยค่ะ ส่วนแว๊ดอ่านจากหนังสือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...