หลวงปู่พิบูลย์ถูกถ่วงน้ำไม่ตาย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย มากับพระครับ, 26 ตุลาคม 2009.

  1. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    พี่เอกครับ พี่เอกสามารถรับรู้ได้ไหมครับว่า วัตถุมงคลชิ้นนี้มีพระมาปลุกเสกหรือยัง

    เพราะผมอยากเอาหลวงปู่หน่ายไปให้พี่เอกดูหน่อยน่ะครับ
     
  2. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    ผมกลัวพวกเค้าจะคุยคนละภาษากับผมน่ะครับแหะๆ
     
  3. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    เดี่ยวเวลานั้น ก็ไม่คุยกันแล้วละ 555
     
  4. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    พูดมาให้หมดเลยพี่โก๋ อย่าให้เดา เดาแล้วฟุ้งซ่าน
     
  5. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    พาเข้าห้อง ก็ไม่คุยละไง 555
     
  6. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    บรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    ถ้าลองกลับไปอ่านประวัติหลวงปู่ครูบาสิทธิตอนที่ได้เรียนกับปู่ฤๅษีฯในนิมิตรขณะที่จำพรรษาอยู่ในถำตับเต่านานถึง๙ปี และ กลับไปอ่านเรื่องประวัติที่มาของบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกกับความคิดส่วนตัวของผม ที่บอกว่า ผมเริ่มสัมผัสกับบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกตั้งแต่ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ครูบาสิทธิและท่านจะมาประสิทธิในมงคลพิธีต่างๆที่ผมจัดขึ้นโดยส่นใหญ่จะปรากฏในรูปแบบลมหอบ ลมกรรโชกเป้นลูกเล็กๆ แม้กระทั่งในพิธีบวงสรวงวัตถุมงคลรักชาติของหลวงปู่เจือต่อหน้าพระเจดีย์ใหญ่ วัดใหญ่ชัยมงคล ที่สถิตย์ดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็เหมือนกันมีลมกรรโชกแรงๆเป็นระลอกๆแต่ขณะนั้นเทียนไม่ดับ มาวันนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือปู่พัดโบกดลบันดาลให้เปิดปูมประวัติบางภาคส่วนของปู่พัดโบกท่านก็ยากที่จะสรุปได้ แต่ผมเพิ่งพบว่าบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกนั้นนอกจากท่านเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ครูบาสิทธิแล้วท่านยังข้องเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยาในอดีตด้วย เรื่องราวจึงดำเนินมาในยุคปัจจุบันโดยท่านใช้ผมและคณะทำภารกิจนี้(เป็นความเชื่อส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร)

    ที่ผมสรุปเช่นนี้เพราะผมได้ไปค้นคว้าประวัติของถ้ำตับเต่าตามข้อมูลมหัศจรรย์หลายอย่างที่หลวงปู่ครูบาสิทธิท่านเล่าให้ฟัง หนึ่งในนั้นท่านบอกว่ามีพระพุทธปางไสยาสน์ขนาดใหญ่และพระอรหันต์ล้อมรอบทรุดโทรมอยู่ภายในถ้ำและอ.ปู่ฤๅษีก็อยู่ที่นี้ ข้อมูลเหล่านี้ผมได้พยายามถามท่านพระอ.มหาเกษมศิษย์เอกของหลวงปู่แล้ว ท่านอ.ยืนยันว่าหลวงปู่ไม่เคยยอมเล่าเรื่องเก่าๆให้ใครฟัง ท่านมักปฏิเสธตลอดว่าไม่รู้บ้าง จำไม่ได้บ้าง ทำให้ที่วัดเขียนประวัติท่านได้นิดเดียว เมื่อไม่ได้ข้อมูลจากศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ผมจึงต้องค้นหาเองและ ต้องขออนุญาตคัดลอกเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับประวัติวัดถ้ำตับเตา เรียบเรียงโดย คุณอินทร์ศวร แย้มแสง ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอฝาง และพระอธิการศิลปชัย ญาณวโร อดีตเจ้าอาวาส เผยแพร่แก่ญาติโยมผู้สนใจ เมื่อเดือนเมษายน 2543 มาเล่าประดับความรู้นะครับ

    วัดถ้ำตับเตา เป็นศาสนสถานโบราณนานนับเวลาหลายร้อยปีแล้ว ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำตับเตา หมู่ที่ 13 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณวัดมีเนื้อที่ประมาณ 35 ไร่ มีลำธารน้ำใสสะอาดไหลผ่ากลางบริเวณวัด ไหลจากหนองน้ำเล็กๆ ที่เกิดจากตาน้ำผุดห่างไปทางด้านหลังถ้ำประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ตาน้ำผุดและสระเล็กๆ นี้เกี่ยวพันกับตำนานของถ้ำตับเตา วัดนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณเชิงเขาถ้ำตับเตา และเป็นภูเขาลูกหนึ่งในเทือกเขาที่กั้นเขตอำเภอไชยปราการกับอำเภอเชียงดาวทางทิศใต้ และเป็นเทือกเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันกั้นเขตแดนไทยกับพม่าทางทิศตะวันตก

    วัดถ้ำตับเตาจะสร้างในสมัยใด และใครเป็นผู้สร้างไม่ปรากฎแน่ชัด เพียงแต่สันนิษฐานเอาตามหลักฐานที่เป็นสิ่งก่อสร้างในวัด คือ พระพุทธรูปไสยาสน์องค์ใหญ่ ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 9 เมตร สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน พอกด้วยยางไม้รักปิดทองในแบบศิลปะอยุธยา ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันท่านสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ คราวพระองค์ทรงยกทัพหน้าเพื่อจะเข้าตีพม่าและตีเมืองตองอูในประมาณ ปี พ.ศ.2135 และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพหลวงไปทางเชียงดาวเข้าพักพลที่เมืองหางซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองในราชอาณาจักรไทย และทราบจากปลัดอำเภออาวุโส คุณปลายมาศ พิรภาดาว่ามีผู้เฒ่าอายุมากท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าก่อนนี้ หน้าถ้ำมีป้ายเขียนบอกไว้ว่า ณ ถ้ำนี้เคยเป็นที่ประทับพักกองทัพของสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าอาวาสสันนิษฐานเช่นนี้ด้วยเหตุผลที่พระพุทธรูปไสยาสน์องค์นี้เก่าแก่โบราณ ซึ่งคนโบราณแต่ละถิ่นแคว้นจะมีลักษณะศิลปะการก่อสร้างเป็นของตนเอง ถ้าสร้างโดยช่างฝีมือล้านนาไทย คงจะต้องมีลักษณะศิลปแบบล้านนา

    [​IMG]


    ในความคิดของผมคิดว่าน่าจะเป็นสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างไว้มากกว่า เพราะเส้นทางเดินทัพและสถานที่สวรรคตนั้นนักประวัติศาสตร์ยังมีข้อถกเถียงกันในรายละเอียดบางประการอยู่ หรือ ถ้าไม่ใช่พระองค์ไปพักทัพสร้างไว้ก็น่าจะเป็นพระบัญชาของพระองค์ ด้วยเหตุนี้เองกระมังจึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มากับหลวงปู่ครูบาสิทธิดลบันดาลให้พวกเราและหลวงปู่เจือจัดสร้างวัตถุมงคลรักชาติเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แถมท่านยังมาลงประสิทธิในพิธีกรรมณ.สถานที่สถิตย์ดวงพระวิญญาณ วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยาโดยแสดงให้รู้ในลักษณะลมหอบเป็นลูกๆอีกด้วย จึงทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าท่านคือบรมครูปู่ฤๅษีพัดโบกที่มาจากถ้ำตับเต่ากับหลวงปู่ครูบาสิทธิและเกี่ยวพันกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงปรากฎความศักดิ์สิทธิ์มากมายในวันนั้น


    [​IMG]


    (ทั้งหมดเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2010
  7. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ถ้ำตับเต่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระอรหันต์

    ครูบาธรรมชัยเป็นพระปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชน อย่างกว้างขวางอีกองค์หนึ่งแห่งถิ่นไทยงาม ท่านเป็นพระอาจารย์สายเดียวกันกับครูบาชุ่ม โพธิโกครูบาคำแสน วัดสวนดอก ที่เคยเป็นศิษย์ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งลานนาไทยมาก่อน

    เมื่อปี พ.ศ. 2481 ขณะที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยป่วยหนักอยู่ ณ วัดจามเทวี ครูบาธรรมชัย และครูบาชุ่ม โพธิโก ได้ร่วมเฝ้ารักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดทั้งกลางวัน กลางคืน ท่านครูบาทั้งสองผู้เป็นศิษย์ รู้ได้ด้วยญาณว่าพระอาจารย์ใหญ่ครูบาเจ้าศรีวิชัย เห็นจะไม่รอดแน่แล้วครั้งนี้ เพราะอาการป่วยหนักมีแต่ทรงกับทรุด สุดความสามารถของหมอจีน หมอไทย และหมอฝรั่งในสมัยนั้นจะเยียวยารักษา ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยเอง ก็รู้ตัวว่าอาพาธครั้งนี้ท่านไม่รอดแน่ ๆ ท่านไม่เคยเกรงกลัวกับความตายเลย ไม่รังเกียจความตาย เพราะการที่มนุษย์เราตายไปนั้น เป็นเสมือนปิดบัญชีลูกหนี้เสียครั้งหนึ่งนั่นเอง

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">ถ้ำตับเต่า

    พ.ศ.2492 ครูบาธรรมชัยได้รับนิมนต์ให้ไปจำวัดอยู่ที่ถ้ำตับเตา อำเภอฝาง เนื่องด้วยทางคณะสงฆ์เห็นว่า ถ้ำตับเตาทรุดโทรมมาก สมควรจะได้พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนสักองค์มาบูรณะปฏิสังขรณ์ถ้ำให้มั่นคงถาวร และครูบาธรรมชัยเหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่นี้
    ถ้ำตับเตา เป็นโบราณสถานแห่งชาติอันสำคัญแห่งหนึ่งในภาคเหนือ มีชาวไทยและชาวต่างประเทศไปนมัสการเยี่ยมเยือนอยู่เสมอทุก ๆ ปี จนกระทั่งทุกวันนี้ เป็นที่เคารพสักการะของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เมื่อสมัยก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 ชาวไทยใหญ่ (เงี้ยว) และชาวหลวงพระบาง เวียงจันทร์ พากันเดินทางมาสักการะอยู่เสมอ ถ้ำตับเตานี้ เดิมเรียกกันว่า "ถ้ำตั๊บเต้า" เป็นภาษาเหนือ ตรงกับภาษาภาคกลางว่า "ถ้าทับเถ้าหรือทับขี้เถ้า" ชาวเหนือชอบพูดคำสั้น ๆ เช่น ถ้ำตั๊บขี้เต้า พูดตัดคำให้สั้นลงว่า ถ้ำตั๊บเต้า ตำนานความเป็นมาของถ้ำนี้ มีอยู่ในศิลาจารึกที่ถ้ำ 3 แผ่น เป็นตัวหนังสือพื้นเมืองเก่าแก่เนื้อความยาวมาก เมื่อย่อความลงมาให้สั้นที่สุดแล้ว มีความว่า อตีเต กาเล ในอดีตกาลล่วงมานานแล้ว พระอรหันต์เสด็จมาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่หน้าถ้ำแห่งนี้ ครั้นต่อมาท่านได้ดับขันธ์ เข้าสู่พระนิพพาน ณ หน้าถ้ำนี้เหล่ารุกขเทวาและเทพเจ้าทั้งหลาย ทุกสวรรค์ชั้นฟ้าได้พากันมาถวายพระเพลิงตรงหน้าถ้ำนี้ ไฟทิพย์ที่เผาธาติขันธ์พระอรหันต์ได้ลามไหม้ป่าไปไกลประมาณ 3 กิโลเมตร กว้างประมาณ 2 กิโลเมตร และยังไหม้ลึกลงไปในดินด้วยอำนาจร้อนแรงกล้า ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งไฟลุกไหม้ไว้ได้ เดือดร้อนกันใหญ่ถึงพญานาคในเมืองบาดาล ต้องเกณฑ์นาคน้อยใหญ่ทั้งหลายให้ขึ้นมาช่วยกันพ่นน้ำดับไฟเป็นการใหญ่ ในที่สุดด้วยอิทธิฤทธิ์ของพวกพญานาคทำให้ไฟป่าที่ลุกลามไปได้ดับมอดสนิทลง
    ด้วยเหตุฉะนี้เอง ดินบริเวณหน้าถ้ำแห่งนี้ ขอให้ท่านผู้อ่านใคร่ครวญพิจารณาดูเอาเอง อันว่า ตำนานเก่า ๆ นั้น นักปราชญ์โบราณมักจะซ่อนแง่เงื่อนอันลึกซึ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ขบคิดอยู่คล้ายปริศนาลายแทง เราท่านจะต้องค่อย ๆ คิดพิจารณาให้ลุ่มลึก อย่าผลีผลามวู่วามใจร้อนด่วนตัดสินเอาง่าย ๆ ด้วยมิจฉาทิษฐิ เมื่อมาจำวัดอยู่ถ้ำตับเตาอันเก่าแก่ทรุดโทรม ครูบาธรรมชัยได้พัฒนาศาสนสถานแห่งนี้อย่างใหญ่หลวง อุตส่าห์อดทนลำบากต่อสู้กับงานหนัก ทุ่มเททั้งแรงใจแรงกายศรัทธาปสาทะ ให้กับงานบูรณะปฏิสังขรณ์ปลูกสร้างวัตถุต่าง ๆ อยู่เป็นเวลาถึง 5 ปี สิ้นเงินไปถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นสามพันเก้าร้อยบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากทีเดียวในสมัยนั้น ถ้ำตับเตาอันรกรุงรังทรุดโทรมน่าสพรึงกลัว ก็กลายเป็นสถานที่น่าเทียว น่าไปนมัสการไม่เป็นที่พึงขยาดกลัวของประชาชนอีกต่อไป ครูบาธรรมชัยได้บูรณะองค์พระประธานในถ้ำที่ยังสร้างไม่เสร็จให้เป็นองค์พระสมบูรณ์ สร้างวิหารมุงพระพุทธไสยาสน์ บูรณะปฏิสังขรณ์พระอรหันตสาวกหลายสิบองค์ (รูปปั้น) สร้างที่พักสงฆ์ สร้างศาลาสร้างสถานที่พักสำหรับประชาชน พัฒนาซ่อมแซมถนนเข้าสู่ถ้ำระยะทาง 4 กิโลเมตร และ ฯลฯ ถ้ำตับเตาเป็นปูชนียสถานน่าเที่ยว บริเวณหน้าถ้ำร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เป็นแถวเป็นแนว นกน้อยใหญ่นานาพันธุ์ส่งเสียงร้องอยู่ตามต้นไม้อย่างไพเราะ ลิงค่างกระโดดโลดเต้นอยู่ตามต้นไม้ใกล้ ๆ บริเวณวัดไม่กลัวคนเลย ชะนีโหยเสียงห้อยโหนโยนตัวมีให้เห็นเสมอ เสียงร้อยของวิหคนกกาและลิงค่างบ่างชะนีในสถานที่อันเยือกเย็นเปล่าเปลี่ยวอย่างนั้น ทำให้จิตใจอารมณ์ของผู้ที่ได้ไปเยือนบังเกิดความวังเวงสุขใจเพลิดเพลินไม่น้อยทีเดียว ถ้ำตับเตามี ถ้ำมืด แห่งหนึ่งและ ถ้ำแจ้ง แห่งหนึ่ง ทางขึ้นถ้ำแจ้งเป็นบันไดอิฐถือปูน สูงประมาณ 50 ขั้น มีศาลามุงกระเบื้องขึ้นถึงบนปากถ้ำ ข้างบนนั้นมีรูปปั้นบรมครูโกมารภัทรตรงปากถ้ำ พระประธานที่ถ้ำนี้หน้าตักกว้าง 9 วา 2 ศอก สูง 13 วา 2 ศอก ใหญ่โตมาก หน้าองค์พระประธานมีพระธาตุแห้ง (เจดีย์) และพระเจ้าทันใจหนึ่งองค์ ด้านหลังพระประธานมีบันไดสูงขึ้นไปยังถ้ำปราสาทถัดพระประธานไปมีพระพุทธไสยาสน์ยาว 5 วา หินศิลาจารึกเกี่ยวกับตำนานถ้ำก็อยู่ที่นี่ ครูบาธรรมชัยได้บูรณะปฏิสังขรณ์ถ้ำนี้อย่างสวยงามพิสดารอีกหลายอย่าง

    ถ้ำมืดอันศักดิ์สิทธิ์
    ถ้ำมืดอยู่ห่างจากถ้ำแจ้งไปทางเหนือประมาณ 300 เมตร หน้าถ้ำมีบันไดอิฐถือปูนขึ้นไปถึงบนปากถ้ำเช่นเดียวกัน ถ้ำมืดนี้ลึกประมาณ 600 เมตร ภายในถ้ำมืดมาก มองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง การเข้าไปชมจะต้องใช้ตะเกียงเจ้าพายุ หรือคบสว่างมาก ๆ ไฟฉายใช้ไม่ค่อยจะได้ผลดีไม่ดีอาจพลาดตกเหวลึกหรือ เหยียบเอางูเข้าด้วย คนนำทางเข้าถ้ำจะต้องเป็นคนของวัดที่คุ้นสถานที่ ถึงจะนำทางได้ปลอดภัย เมื่อขึ้นไปถึงปากถ้ำแล้วจะต้องไต่ลงไปตามขั้นบันไดลึกประมาณ 12 ขั้น ที่นี่มีพระพุทธรูปหลายองค์ศักดิ์สิทธิ์มาก จากจุดนี้ลึกเข้าไปเป็นทางสูง ๆ ต่ำ ๆ แคบ ๆ มีเหวลึกข้างทางหลายแห่ง ถ้าผู้ใดหรือหมู่คณะใดมีจิตใจสกปรกบาปหนา หรือแสดงกิริยามารยาทลามกอนาจาร เมื่อเข้ามาในถ้ำนี้สิ่งประหลาดที่สุดจะต้องเจองู มีทั้งงูเหลือม งูหลาม งูเห่า งูเขียวหางไหม้ ตั้งแต่ตัวเล็กจนถึงตัวใหญ่ขนาดโคนขาขวางทางไว้ ถ้าเราไล่มันไม่ยอมหลีกทางให้ ทางวัดหรือคนนำทางจะรีบพาออกจากถ้ำทันที แสดงว่าเจ้าที่เจ้างหรือเทพยดาอารักษ์ มีความรังเกียจไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป ขืนทำกล้าหาญข้ามงูเหล่านี้ไปจะเป็นอันตราย ถ้ำมืดนี้จึงศักดิ์สิทธิ์มาก ใครไม่มีบุญจริง ๆ เข้าไปลำบากเพราะไม่แน่ว่า เข้าไปแล้วจะได้กลับออกมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ด้านในลึกเข้าไปมีประตูชื่อ "ประตูรอดบาป" ครูบาธรรมชัยได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์ทำบันไดไต่ขึ้นไปที่ประตูอำนวยความสะดวกให้ศาสนิกชน ประตูนี้อาถรรพณ์ที่สุดยิ่งกว่าทุกแห่งในถ้ำ มีคนจำนวนมากมาแล้วไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้ เพราะปรากฏว่ามีพญางูใหญ่แปลก ๆ ชอบมานอนขวางทางไว้ ตามตำนานได้บอกไว้ว่า อันว่าปุคคละ บุคคลใด ที่มีจิตไม่เป็นบุญเป็นกุศลพูดจาสกปรกหยาบคายไม่เป็นมงคล ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงจะมีพญางูน้อยใหญ่มานอนขวางทางไม่ยอมให้บุคคลนั้นรอดบาปผ่านเขาไปในถ้ำด้านในได้เลย


    พระเจ้าเนื้อนิ่ม
    ภายในถ้ำส่วนที่ลึกที่สุดนี้ มีสิ่งมหัศจรรย์ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระธาตุน้ำ หรือ เจดีย์น้ำอันนุ่มนิ่มมีบ่อน้ำทิพย์ดื่มกินล้างบาปได้ (ตำนานว่าไว้) พระธาตุน้ำผึ้งเราเอานิ้วมือจิ้มดู จะเป็นรอยบุ๋มลึกลงไปทันที แต่เมื่อเอานิ้วออกก็จะพองกลับขึ้นมาเหมือนเดิม แล้วยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิมีชื่อว่า "พระเจ้าเนื้อนิ่ม" ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก องค์พระพุทธรูปเนื้อนิ่มไปทั้งองค์คล้ายสร้างด้วยพลาสติกใส่น้ำไว้ข้างในฉะนั้น ลูบคลำดูตรงไหนจะนุ่มนิ่มเนียมมือไปหมด พอเอามือออกก็จะพองนูนเหมือนเดิม พระพุทธรูปองค์นี้สร้างด้วยอิฐถือปูนแข็งแรงเป็นถาวรวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์สวยงามไม่น้อย มีผู้เคารพเลื่อมใสบุกบั่นฝ่าอันตรายเข้ามานมัสการกราบไหว้ขอพรจากท่านอยู่เสมอ เป็นที่เล่าลือว่าใครขออะไรจากท่านไม่ผิดหวังเลย มักจะสมปรารถนาในสิ่งที่อธิษฐานได้สมใจ

    ลูกเทวดา
    ที่ผนังถ้ำถัดพระเจ้าเนื้อนิ่มไป จะมีรูปปั้นเด็กหญิงและเด็กชายหน้าตาน่ารักยืนบ้างนั่งอยู่คนละแถบ เด็กชายอยู่แถบหนึ่ง เด็กหญิงอยู่แถบหนึ่ง เป็นรูปปั้นเก่าแก่เหล่าลูกเทวดา ใครไม่มีลูกอยากจะได้ลูกจะต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สมาทานศีลห้าโดยเคร่งครัด แล้วถือดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาในถ้ำนี้ กราบไหว้นมัสการหลวงพ่อเนื้อนิ่มตั้งอธิษฐานจิตขอลูกเทวดาจากท่าน เสร็จแล้วให้ถือดอกไม้นั้นไปที่เด็กลูกเทวดา (รูปปั้น) เหล่านั้น ชอบคนไหน ชอบเด็กชายหรือเด็กหญิงให้เดินเลือกดูเอาตามชอบใจ เมื่อต้องตาต้องใจเด็กคนใด แล้วก็วางดอกไม้ลงที่เด็กคนนั้น แล้วบอกกล่าวอัญเชิญไปเป็นบุตรของตน ซึ่งจะสมปรารถนาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ท่านผู้ใดอยากจะได้บูตรธิดาเป็นลูกเทวดามีบุญวาสนาก็น่าจะไปลองดู ครูบาธรรมชัยจำวัดอยู่ถ้ำตับเตาบูรณะปฏิสังขรณ์ ปฏิบัติรักษาดูแลสถานที่ให้เจริญ พัฒนาอย่างมากมาย เป็นที่อนุโมทนาสาธุจากทุกฝ่าย คือฝ่ายทางการคณะสงฆ์ ฝ่ายข้าราชการบ้านเมืองและประชาชนชาวเหนือ


    สู่วัดทุ่งหลวง
    จากนั้นมาในปี พ.ศ. 2497 ชาวคณะบ้านทุ่งหลวง ตำบลแม่แดง อำเภอแม่แตง ได้พร้อมใจกันมาอาราธนานิมนต์ครูบาธรรมชัยให้ไปจำวัด ณ บ้านทุ่งหลวง เพื่อไปเป็นหลักชัยแก่คณะศรัทธาประชาชนในถิ่นลำเนานั้น และได้นมัสการขออนุญาตจากทางการคณะสงฆ์อีกด้านหนึ่งด้วย มีเจ้าคณะอำเภอฝาง เป็นต้น เมื่อครูบาธรรมชัยยอมรับนิมนต์ด้วยความยินดี ทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็อนุญาตให้ย้ายไปอยู่วัดทุ่งหลวงได้ไม่ขัดข้อง ครูบาธรรมชัยเดินทางมาอยู่ทุ่งหลวงเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2497 วัดทุ่งหลวงขณะนั้นเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็ก ๆ มีศาลา 1 หลังเท่านั้น บริเวณวัดเป็นป่าดงพงไพร มีหญ้าแน่นหนา ครูบาธรรมชัยมาอยู่วัดนี้ได้เริ่มลงมือก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นในวัดมาเรื่อย ๆ ด้วยความยากลำบาก แต่ดวยความเพียรเสียสละของท่านและประกอบด้วยขันติธรรมอย่างแท้จริง ทำให้สาธุชนให้ความเคารพเลื่อมใสหลังไหลมาร่วมงานกุศลกับท่านตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ทำให้วัดทุ่งหลวงซึ่งในอดีตเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็ก ๆ กลายเป็นวัดที่ใหญ่โตสวยงาม มีถาวรวัตถุครบถ้วนในปัจจุบัน


    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2010
  8. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    สวัสดีครับพี่เอก มาติดตามเนื้อหาสาระอย่างใกล้ชิดครับ

    ด้วยความเคารพครับ น้องเกี๊ยก
     
  9. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    หลวงปู่ครูบาสิทธิจำวัดปฏิบัติธรรมในถ้ำตับเต่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ๙ ปี

    หลังจากที่ครูบาธรรมชัย ย้ายจากถ้ำตับเต่าไปพัฒนาวัดทุ่งหลวงในปี พศ.๒๔๙๗แล้ว พระครูโสภณเจติยาราม เจ้าคณะอำเภอฝาง ก็ส่งหลวงปู่ครูบาสิทธิมาอยู่ดูแล โดยหลวงปู่ฯจำวัดและปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นเวลา ๙ ปีเต็ม

    [​IMG]
     
  10. Thoong

    Thoong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +422
    สุดยอดคัมภีร์อยู่ที่นี่เอง
     
  11. winwinwin

    winwinwin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +1,267
    ขออภัยมา ณ โอกาสนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2010
  12. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    การเสกของทุกอย่างหรือแม้กระทั่งพิธีกรรมต่างๆทุกครั้งผมจะเป็นคนจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดทุกครั้งไม่เฉพาะที่วัดอโยธยาเท่านั้น ถึงแม้ครั้งใดที่ผมไม่ได้เป็นคนจุด(น้อยมากแทบไม่เคย จะมีบ้างก็พิธีนอกวัดที่อาจจะนิมนต์พระที่ท่านเรียนวิชาจากผมทำแทนแต่ผมก็จะตั้งใจระฤกถึงเชิญปู่ฤๅษีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านลงด้วยตลอด)และผมเชื่อว่าปู่ฤๅษีท่านลงให้ทุกครั้ง ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าผมมีญาณนะครับ แต่มีสิ่งบอกเหตุต่างๆมากกว่า ประกอบกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นไปเพื่ออนุรักษ์ศาสตร์ของปู่ฤๅษีท่าน มิใช่ศาสตร์โดยตรงของพระพุทธเจ้า ผมจึงคิดว่าท่านคงใช้ผม เพราะผมไปสมัครเรียนวิชาของพวกท่านมา ทีนี้ท่านใช้ผมสร้างหอบูรพาจารย์เพื่ออนุรักษ์วิชาแล้วท่านไม่มาช่วยหอคงไม่เสร็จแน่ ดังนั้นยังงัยท่านก็ต้องมา ผมเคยเบื่อหยุดความคิดที่จะทำไป๘-๙ปีแต่ในที่สุดโชคชะตาก็พาให้กลับมาสานต่อจนได้
     
  13. makkanakon

    makkanakon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +9
    thanks for ur interresting stories na krub p'aek^^ i do love that:))
     
  14. กำยาน

    กำยาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +619
    นับวันครับ ใกล้ถึงแล้วอีก5วันเอง

    ได้ไปกราบพระ รับพระมาบูชากัน
     
  15. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    เดี่ยวมา รีบมาจองปู่ฤษี
     
  16. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    you are welcom
     
  17. Reflect

    Reflect เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    887
    ค่าพลัง:
    +1,439
    วันนี้เวปล่มคาดว่าต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ผมไม่อยู่ซะด้วยมาเปิดอีกทีตอนนี้รู้เลยมีคนหวังผลระยะยาว กะจะขัดขาดึงกระแสงานวันที่ 10 นี้
     
  18. โก๋เอี่ยม

    โก๋เอี่ยม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,784
    ค่าพลัง:
    +730
    ช่างมัน มีสื่อหลายอย่างที่บอกบุญได้
     
  19. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    อย่าไปต่อว่ากันเลย ใจเย็นๆ เดี๋ยวทุกๆอย่างจะค่อยๆดีขึ้นเองครับ ครูบาอาจารย์ท่านรับรู้ในความตั้งใจ อะไรๆก็จะดีขึ้นเชื่อเถอะ ผมผ่านมาเยอะแล้ว ขอให้ใช้ทัศนคติเชิงบวกในการวิเคราะห์ปัญหาครับ ถ้าอะไรไม่ชัดเจนให้คิดทางบวกสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2010
  20. K_P

    K_P เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,151
    ค่าพลัง:
    +3,536
    สวัสดีครับพี่เอก

    อย่าใจร้อนนะครับ ใจเย็นๆเหมือนอย่างที่พี่เอกบอกไว้อ่ะครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านรับรู้ได้ครับ

    ไม่รู้ว่าคำว่าศักดิ์สิทธิ์เขียนถูกหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...