ปิดรับบริจาค อภิมหากุศลสมัย ครบ 80 พระชันษา เราทำความดีอย่างไร เพื่อน้อมถวายเป็นความสุขแด่พระองค์

ในห้อง 'ในนามเว็บพลังจิต' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 17 ตุลาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๔๙๙ ..... ครั้งหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของพุทธศาสนิกชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงผนวชเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และ ประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินแทนพระองค์ตลอดเวลา ๑๕ วันที่ทรงผนวชอยู่ และ จากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อย เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในปีเดียวกันนั้นเอง

    พระบรมราชินีนาถ ..... มีความหมายว่า กษัตริย์ผู้หญิง นับเป็นพระบรมราชินีองค์ที่สอง แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้รับสถาปนาเป็น พระบรมราชินีนาถ องค์แรกคือ สมเด็จพระนางเจ้าเสวภาผ่องศรี หรือในกาลต่อมาคือ สมเด็จพระศรีพัชรินทร์ทราพระบรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง ซึ่งทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสทวีปยุโรปครั้งแรก

    และในปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ..... ก็ยังทรงเชื่อมั่นในพระราชหฤทัยว่า ด้วยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศของประเทศ จะสามารถดำเนินการให้บังเกิดฝนตกนอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติ และ จะต้องมีผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน ดังนั้นในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทาน โครงการพระราชดำริ "ฝนหลวง" ให้หม่อมราชวงศ์ เทพฤทธิ์ เทวกุล รับไปดำเนินการศึกษาวิจัยและการพัฒนากรรมวิธีการทำฝนให้บังเกิดผลโดยเร็ว

    ....................................................................................​
     
  2. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๐ .....
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงฉายพระรูปนี้ เมื่อแรกประสูติ ของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ และ ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธี เฉลิมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งได้ต่อเติมขึ้นใหม่แล้ว ได้ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จนถึงปัจจุบัน

    ....................................................................................​
     
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๑ .....
    รถไฟพระที่นั่งไปถึงแห่งหนไหน ก็นำความปลาบปลื้มใจไปสู่แห่งหนนั้น ​
    </TD><TD width=20 background=../images/b3.jpg> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20 background=../images/b2.jpg> </TD><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๒ .....
    สมเด็จพระชนนีฯ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จเยือนต่างประเทศ ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    .......................................................................................................................................
     
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๓ .....
    ทรงดนตรีร่วมกับนักดนตรีระดับโลก มิสเตอร์เบนนี่ กู๊ดแมน เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเริกา ผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และ ผู้ที่เคยได้ร่วมเล่นดนตรีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เล่าถึงพระราชอัจฉยริภาพในการพระราชนิพนธ์เพลงว่า ทรงแต่งเพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย ครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัยหยิบฉวยซองจดหมายได้ก็ทรงตีเส้น ๕ เส้น แล้วทรงเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นโดยฉับพลัน จึงได้เพลง "เราสู้" มา

    .........................................................................................​
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๔ ..... โครงการส่วนพระองค์ในสวนจิตรลดา เริ่มขึ้นมากมาย โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และ ได้ทราบถึงปัญหาต่างๆที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพสกนิกรของพระองค์ โดยเฉพาะทางด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ จึงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นที่ตั้งของโครงการส่วนพระองค์เกี่ยวกับการเกษตร คล้ายกับจำลองความเป็นอยู่ และ การประกอบอาชีพของราษฎรจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศมาอยู่ในบริเวณที่ประทับ เพื่อจะได้ทดลองหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ถูกต้องและตรงจุดด้วยพระองค์เอง

    โครงการส่วนพระองค์ฯแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ
    ๑. โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ
    ๒. โครงการแบบกึ่งธุรกิจ

    วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
    ๑. เป็นโครงการทดลอง
    ๒. เป็นโครงการตัวอย่าง
    ๓. เป็นโครงการซึ่งไม่หวังผลกำไรตอบแทน

    ในการดำเนินงานของโครงการส่วนพระองค์ฯนั้น ..... ได้เน้นหนักให้เห็นถึงการใช้ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ และปัจจัยทางการเกษตรที่ประเทศไทยเรามีอยู่ นำมาใช้สอยอย่างประหยัด และให้ได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยขั้นตอนการผลิตที่สามารถทำได้ไม่ยากนัก โดยคำนึงถึงการใช้ปัจจัยทางการเกษตรและวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา อีกทั้งอาศัยความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการศึกษาค้นคว้าและทดลอง เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลที่ได้จากการทดลองนำไปเผยแพร่เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับการเกษตร และประชาชนทั่วไปที่สนใจในโครงการส่วนพระองค์ฯ นี้

    ....................................................................................​
     
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๕ ..... ทรงดนตรีร่วมกับวง อส.วันศุกร์ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยแหลมตะลุมพุก มีผู้ใกล้ชิดพระองค์เล่าว่า พระองค์ทรงดนตรีได้ทุกแห่ง ครั้งหนึ่งทรงล่องเรือแบบเรือแจว และนั่งเล่นดนตรีไปกับข้าราชบริพารบนเรือลำเล็กๆ บริเวณทุ่งนารังสิตคลอง ๓ คราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสบ้านนาของ ตระกูลสนิทวงศ์

    แล้วพระองค์ยังปลูกฝัง ..... ให้พระราชโอรส และ พระราชธิดา รักการดนตรีและเสียงเพลงอีกด้วย ยังปรากฏให้พวกเราพสกนิกรได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงดนตรีร่วมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ฯ ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเสมอๆ และในปัจจุบันเราก็ยังได้เห็นสมเด็จพระเทพฯ ทรงดนตรีไทยแสดงร่วมกับวงนาฏศิลป์อยู่เป็นประจำทุกๆปี และที่ปรากฎในจอทีวี ก็มีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ได้ขับร้อง "เพลงกษัตริยา" ได้ไพเราะ พร้อมด้วยพระอัจฉริยภาพด้านการแสดงละคร ให้พวกเราได้ชื่นชมในความสามารถของทูลกระหม่อมฯ อีกแขนงหนึ่ง

    .......................................................................................​
     
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๖ .....
    เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค

    พยุหยาตราสถลมารค .....
    เมื่อครั้งอดีตเราจะเห็นภาพ ริ้วกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค
    ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อเสด็จไปนมัสการปูชนียวัตถุ
    ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร

    พยุหยาตราสถลมารค .....
    ก็คือการเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ทางบก นั่นเอง

    ...................................................................................​
     
  8. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๗ .....
    สถาบันดนตรี และ ศิลปะ แห่งกรุงเวียนนา ถวายปริญญากิตติมศักดิ์
    ในฐานะที่ทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ส และ คีตกวี

    ...................................................................................​
     
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๘ ..... ประทับแรมกลางป่า คราวเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทางภาคเหนือ ในหลวงเสด็จเยี่ยมชาวเขาในหมู่บ้านต่าง..ต่างของภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นอยู่อันยากลำบากของชาวเขา รวมทั้งสภาพป่าที่ถูกทำลาย อันจะส่งผลต่อไปยังสภาพต้นน้ำลำธารของประเทศ ในหลวงจึงสนับสนุนให้มีการวิจัยไม้เมืองหนาว เพื่อช่วยให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชที่ทำการวิจัยแทน ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชที่ต้องถางป่าทำลายหน้าดิน ให้เป็นวิธีการปลูกที่ถูกต้องเหมาะสม โดยมีผู้เชียวชาญทางด้านเกษตรกรรมให้คำแนะนำแก่ชาวเขาอย่างใกล้ชิด

    ปัจจุบันเวลาที่ผ่านมากว่า ๓๐ ปี ..... ของโครงการหลวงฯ ได้สร้างชีวิตใหม่และทำให้คนไทยกลุ่มหนึ่งมีอาชีพและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเดิม อย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้ เด็ก..เด็ก ชาวเขาในบริเวณโครงการหลวงฯ ได้ไปโรงเรียน พวกผู้ใหญ่มีงานทำ สุขภาพอนามัยของพวกเค้าดีขึ้น เพราะมีแพทย์ พยาบาล จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขึ้นไปดูแลอยู่อย่างสม่ำเสมอ แล้วพวกเราชาวไทยทั้งประเทศ ก็พลอยได้รับของขวัญที่มีค่ามหาศาล นั่นคือเรามีป่าไม้ และ ต้นน้ำลำธารเป็นแหล่งชีวิตของพวกเราต่อไปอีกนานเท่านาน

    ....................................................................................​
     
  10. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๐๙ .....
    กีฬาเรือใบเป็นกีฬาที่ทรงโปรด พระปรีชาสามารถทางด้านการช่างของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปรากฏอย่างเด่นชัดในการออกแบบ และ สร้างเรือใบด้วยพระองค์เอง ตั้งแต่เริ่มประกอบตัวเรือจนถึงการทาสี ได้แก่ เรือใบมด การต่อเรือใบมดนี้ ทรงใช้วัสดุภายในประเทศ และทรงทดสอบด้วยการนำไปแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสามารถเอาชนะเรือใบประเทศอื่นได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังทรงออกแบบและสร้างเรือใบอีกหลายประเภท คือ เรือใบซุปเปอร์มด เรือใบไมโครมด ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นเดียวกับเรือใบมด ​
    </TD><TD width=20 background=../images/b3.jpg> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20 background=../images/b2.jpg> </TD><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๐ .....
    นอกจากพระปรีชาสามารถทางด้านการออกแบบ และ สร้างเรือใบแล้ว พระองค์ยังทรงสนพระราชหฤทัยในกีฬาเรือใบ ทรงเป็นนักกีฬาเรือใบ ทรงร่วมการแข่งขันด้วยพระองค์เอง และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วย เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ ทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเรือใบ และ ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๔ ที่ประเทศไทย ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ........................................................................................................................................
     
  11. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๑ ..... แม้เพียงครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คุ้มค่าแล้วที่เกิดมาเป็นคนไทย เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นตอนหนึ่งในสี่สิบเรื่องของหนังสือ "ที่สุดของหัวใจ" ที่เป็นความผูกพันของคนไทยกับในหลวงซึ่งประทับอยู่ในหัวใจของผู้ที่ได้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท อ่านแล้วไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดคนไทยถึงรักในหลวงได้มากมายถึงเพียงนี้ ด้วยรู้แล้วว่าในหลวงพระองค์นี้ทรงรักประชาชนยิ่งกว่าพระองค์เอง

    น้ำลดหรือยัง โดย ถาวร ชนะภัย ..... หลายปีมาแล้วเมื่อครั้งน้ำท่วมภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้นำเครื่องโทรพิมพ์ มาติดตั้งที่ห้องทรงงานใหม่ๆ ข้าราชสำนักท่านหนึ่งกรุณาเล่าให้ฟังว่า แม้ดึกดื่นที่ยงคืนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ยังไม่เสด็จขึ้นห้องพระบรรทม แต่ทรงคอยติดตามข่าวเรื่องอุทกภัย ที่หาดใหญ่อยู่อย่างใกล้ชิดด้วยทรงห่วยใยราษฏร จึงทรงส่งคำถามผ่านเครื่องโทรพิมพ์ด้วย พระองค์เอง ถามไปทางหาดใหญ่ว่า .....

    "น้ำลดแล้วหรือยัง" โดยที่ไม่ทราบว่า ผู้ส่งคำถามมานั้น คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คำตอบที่มีผ่านมาทางเครื่องโทรพิมพ์เมื่อเวลาตีสองตีสาม มีข้อความที่ตอบด้วยความไม่พอใจว่า "ถามอะไรอยู่ได้ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คนเขาจะหลับจะนอน แต่ตอนท้ายของคำตอบก็ไม่ลืมที่จะบอกด้วยว่า "น้ำลดแล้ว"

    ไม่ต้องกั้น โดยดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ..... มีอยู่ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปที่เซ็นทรัลวันที่มีประชุมรัฐสภาโลก วันนั้นผมจำได้ ผมติดอยู่บนท้องถนนฝนตก ผมก็มีวิทยุ เลยได้ยินรับสั่งมากับตำรวจมาเลย "วันนี้ไม่ต้องกั้นรถ" ทรงเข้าใจความทุกข์ของราษฏรอยู่ตลอดเวลาวันนี้เป็นวันฝนตกรถติดกันอย่างมหาศาลถ้าขืนต้องไปติดขบวนอีก สร้างความทุกข์ให้กับประชาชน ทรงวิทยุบอกตำรวจว่า "ขบวนจะแล่นไปพร้อมกับรถของประชาชนไม่ต้องกั้น เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน"

    ลุงวาเด็ง โดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ..... วันนี้ลุงวาเด็งพาแววตาที่เป็นประกายมาเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วยชุดเต็มยศครึ่งท่อน คือสวมกางเกงตัวเดียวไม่สวมเสื้อไม่มีที่ไหนในโลกอีกแล้วที่สามัญชนคนธรรมดาไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะเข้าใกล้ชิดพระองค์บอกเล่าความทุกข์สุขกับพระเจ้าแผ่นดินของเขาได้อย่างเสมอภาคกันถ้วนหน้าเช่นนี้ ลุงวาเด็งดีใจที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินมาถึงหน้าบ้านจึงเหลียวซ้ายแลขวาหลายครั้งผิดปกติ ในที่สุดก็ได้กราบบังคมทูลอย่างฉะฉานว่า .....

    "พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทั้งทีไม่มีอะไรจะถวาย ผลไม้ในสวนเพิ่งเก็บขายไป ได้เงินมาสองหมื่นบาท
    ก็นำเงินไปซื้อเครื่องปั๊มน้ำมาได้ 1 เครื่อง ถอดเอาขึ้นรถและขนไปเลยขอถวายพระเจ้าอยู่หัว"

    ข้าวผัดไข่ดาว โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ..... วันหนึ่งเสด็จฯ เขาค้อเปิดอนุสาวรีย์ พอเปิดอนุสาวรีย์เสร็จ พระองค์ท่านก็ขอกลับไปที่พระตำหนัก เพื่อจะทรงเปลี่ยนฉลองพระบาท เพราะเดี๋ยวจะไปดูงานในป่าในดง เราก็ไม่ได้ทานข้าว ไม่มีใครทานข้าว ตอนนั้นบ่ายสองโมงแล้วก่อนจะเปลี่ยนฉลองพระบาทสักยี่สิบนาทีน่าจะพุ้ยข้าวทัน ก็รีบวิ่งไปห้องอาหารที่เตรียมไว้ปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้ตามเสด็จเขาทานกันหมดแล้ว ในนั้นจึงเหลือข้าวผัดติดก้นกระบะกับมีไข่ดาวทิ้งแห้งไว้ ๓ - ๔ ฟอง เราก็ตักเห็นมีข้าวอยู่จานหนึ่งวางไว้มีข้าวผัดเหมือนอย่างเรา ไข่ดาวโปะใบหนึ่งมีน้ำปลาถ้วยหนึ่งวางอยู่ เพื่อนผมก็จะไปหยิบมา มหาดเล็กบอกว่า .....

    "ไม่ได้ๆ ของพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านรับสั่งให้มาตัก" ดูสิครับตักมาจากก้นกระบะเลย ผมนี่น้ำตาแทบไหลเลย ท่านเสวยเหมือนๆ กันกับเรา ..... ฯลฯ

    เรื่องประทับใจ ..... น่าปลื้มใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับแก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง ทำนองเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่บ้านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ ต้องให้ในหลวงเสด็จฯ ก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้ วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้มดังกล่าว วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านเดิมนั้น อย่างเป็นทางการ พร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตาม และ ทรงมีพระดำรัส ทักทายกับชายผู้นั้น ที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า "วันนี้ฉันเป็นในหลวง คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ ..."

    อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน ..... เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลาย ออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่ว และ ใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวน พระพุทธเจ้าข้า ... " มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า ... "เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว" พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า "มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และ ทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว" เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง .... ฯลฯ

    ......................................................................................​
     
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๒ ..... พ่อหลวงเสด็จมาแล้ว พระราชดำริด้านการป่าไม้ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเล่าถึงแรงบันดาลใจ ในความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ป่า น้ำดิน ซึ่งโยงใยมีผลกระทบต่อกัน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ว่า ... อาจมีบางคนเข้าใจว่า ทำไมถึงสนใจเรื่องชลประทาน หรือ เรื่องป่าไม้ จำได้เมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตายไปแล้ว สอนเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องการอนุรักษ์ดินแล้วให้เขียนว่า ภูเขาต้องมีป่า อย่างนั้น เม็ดฝนลงมาแล้วจะชะดินลงมาเร็ว ทำให้ไหลตามน้ำไป ไปทำความเสียหาย ดินหมดจากภูเขา เพราะไหลตามสายน้ำไป ก็เป็นหลักของป่าไม้ เรื่องการอนุรักษ์ ดิน และเป็นหลักของชลประทานที่ว่า ถ้าเราไม่รักษาป่าไม้ข้างบน จะทำให้เดือด ร้อนตลอด ตั้งแต่ดินภูเขาจะหมด ไปกระทั่งการที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน มี ตะกอนลงมาในแม่น้ำทำให้น้ำท่วมนี่นะ เรียนมาตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ ..... การที่ทรงเห็นความสำคัญของปัญหาป่าเสื่อมโทรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านอื่นๆ ไม่เฉพาะแต่ปัญหาเรื่องดิน เรื่องน้ำเท่านั้น หากโยงใยถึง ปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คุณธรรมและระบบนิเวศน์ ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้แนวพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาป่า มิได้เป็นกิจกรรมที่ดำเนินไปอย่าง โดดๆ หากแต่รวมเอางานพัฒนาที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด เข้าไปทำงานในพื้นที่ อย่างประสานสัมพันธ์กัน แนวพระราชดำริด้านการป่าไม้ จำแนกออกเป็นหมวดหมู่ตามงาน ได้ดังนี้

    1..... การอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม
    2..... การฟื้นฟูสภาพป่าและการปลูกป่า
    3..... การพัฒนาเพื่อให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน

    โครงการพัฒนาดอยตุง พื้นที่ทรงงาน ..... อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ก็เป็นโครงการฯ หนึ่ง สภาพโดยทั่วไปตั้งอยู่ในเขตบางส่วนของอำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ ประมาณ ๙๓,๕๑๕ ไร่ หรือ ๑๔๙,๖๕๒ ตารางกิโลเมตร มีสภาพหนาวเย็นตลอดปี ภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นภูเขาสูง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารต่างๆ ในภาคเหนือ สภาพป่าบางส่วนเป็นป่าเสื่อมโทรมประกอบด้วย กลุ่มบ้านรวมทั้งสิ้น ๒๗ หมู่บ้าน/กลุ่มบ้าน ๑,๖๐๒ ครัวเรือน มีครัวเรือนขนาดใหญ่เล็กต่างๆ กัน โดยเฉลี่ยประมาณ ๕๙.๓๐ ครัวเรือนต่อกลุ่มบ้าน โดยกลุ่มบ้านที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ บ้านห้วยน้ำขุ่นมีจำนวน ๔๐๒ ครัวเรือน และครัวเรือนที่เล็กที่สุด ได้แก่ บ้านเล่าล่อโจ๋ มีจำนวน ๖ ครัวเรือน ประชากรทั้งหมดประกอบด้วยชาว ไทยภูเขา ได้แก่ อีก้อ มูเซอ ลีซอ เย้า ลั้วะ และชนกลุ่มน้อย มีไทยใหญ่ และ จีนฮ่อ ตลอดจนชาวไทย พื้นราบ โดยประชากรในพื้นที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากการ ประกอบอาชีพรับจ้าง รองลงมาได้แก่ การเกษตรกรรม

    โครงการพัฒนาดอยตุง ..... พื้นที่ทรงงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการพัฒนาที่สนองแนวพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี ในอันที่จะพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เคยเสื่อมโทรมให้กลับมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม การแก้ไขปัญหาความยากจนและสุขภาพอนามัย ของราษฎรในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการลดความรุนแรงของปัญหาพืชเสพติดในพื้นที่ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ พัฒนาได้หันมาให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการดำเนินงาน เพื่อสนองพระราชดำริจนประสบผลสำเร็จ และปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามเพื่อให้การดำเนินงานโครงการพัฒนาดอยตุง พื้นที่ทรงงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดการต่อเนื่องมีความสมบูรณ์ ตลอดจนเกิดการ พัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนราษฎรในพื้นที่สำหรับการดำเนินงาน ให้ปรากฎผลสำเร็จตามแนวพระราชดำริต่อไป

    ...................................................................................​
     
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๓ ..... เฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระชนนีศรีสังวาลย์เป็น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การสำเร็จราชการแทนพระองค์ของสมเด็จพระชนนีฯ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อานันทมหิดล สมเด็จพระชนนีฯ ประทับอยู่ในต่างประเทศเกือบตลอดเวลา จึงมิได้มีพระราชภารกิจในประเทศมากเท่าใดนัก ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน พระองค์ไม่มีพระราชภาระในการถวายพระอภิบาลดังกาลก่อน จึงมีเวลาว่างเสด็จกลับมาประทับที่พระตำหนักวังสระปทุมได้บ่อยครั้ง และ ได้มีวโรกาสที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อแผ่นดิน และ ประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หลายครั้งตามเหตุผลในประกาศพระบรมราชโองการว่า สมควรจะได้รับพระราชภารกิจนี้ เช่น ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา และ ประเทศทางยุโรป ประมาณ ๗ เดือน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๐๓ ในการนี้ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างสมบูรณ์ต่างพระเนตรพระกรรณได้อย่างดี ทรงลงพระนามในกฎหมาย และ ประกาศสำคัญหลายฉบับ ฯลฯ

    นับว่า ..... สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินที่เป็นสตรีพระองค์ที่ ๓ นับแต่สมเด็จพระพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๕ และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลปัจจุบัน

    ....................................................................................​
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๔ ..... ฝนหลวง พรมสู่ผืนดินที่แห้งแล้ง ทรงเชื่อมั่นในพระราชหฤทัยว่า ด้วยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศของประเทศ จะสามารถดำเนินการให้บังเกิดฝนตกนอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติ และ จะต้องมีผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน ดังนั้นในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทาน โครงการพระราชดำริ "ฝนหลวง" ให้หม่อมราชวงศ์ เทพฤทธิ์ เทวกุล รับไปดำเนินการศึกษาวิจัยและการพัฒนากรรมวิธีการทำฝนให้บังเกิดผลโดยเร็ว

    จากนั้น ..... พระองค์ทรงคิดค้นและพัฒนาฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นที่ทรงโปรดให้เรียกว่า SUPER SANDWICH เป็นการโจมตีเมฆทั้งในระดับเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกัน โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี ทั้งในอุณหภูมิที่สูง และต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เป็นตัวเร่งให้เกิดกระบวนการเกิดฝน และให้ฝนตกกระจายสม่ำเสมอ ลงสู่พื้นที่เป้าหมายด้วยปริมาณที่สูงกว่า และครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าฝนตามธรรมชาติได้สำเร็จ

    ในปีนี้ ..... ปวงชนชาวไทยต่างมีความจงรักภักดีเป็นที่ยิ่งดังปรากฏว่า ในวาระสำคัญ เช่น ศุภวาระเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ก็มีพระราชพิธีรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๔

    ....................................................................................​
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๕ ..... สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ฯ ประสูติเมื่อ ๒๘ กรกฏคม ๒๔๙๕ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ต่อมาทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ ๒๘ กรกฏคม ๒๕๑๕

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ..... ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริพร้อมด้วยพระราชวงศานุวงศ์ กับเสนาบดีและข้าราชการ ผู้ใหญ่ผู้น้อยเห็นพร้อมกันว่า ตำแหน่งยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งเรียกว่าสมเด็จหน่อพุทธเจ้า อันได้ตั้งขึ้นไว้แต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ ในจุลศักราช ๗๒๒ นั้น และเป็นตำแหน่งอันสมควร ซึ่งจะใช้เป็นแบบอย่างสืบต่อกันไป ภายหน้า

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ..... เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรกในพระบรมราชจักรีวงศ์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวิรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑ พระองค์ทรงเป็นพระราชปิโยรสซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดและไว้วางพระราชหฤทัยให้ทรงประกอบ พระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในขณะดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อยู่เสมอ แต่พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นรัชทายาทอยู่เพียง ๗ ปี ก็ประชวรทิวงคตด้วยโรคพระวักกะพิการ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๖ พรรษาเศษ

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ..... สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ที่สองในพระบรมราชจักรีวงศ์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ตรงกับวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ ทรงได้รับพระราชทานพระนามเมื่อแรกประสูติว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตด้วยโรคพระอันตะอักเสบ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๐๑.๔๕ น. และด้วยพระปรีชาญาณทางด้านอักษรศาสตร์อันเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน เมื่อเสด็จสวรรคตแล้วปวงชนชาวไทยจึงได้พร้อมกันถวายพระสมัญญาภิไธยว่า “ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ”

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ..... สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ที่สาม ในพระบรมราชจักรีวงศ์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะโรง จัตวาศก จุลศักราช ๑๓๑๔ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงได้รับพระราชทานพระนามเมื่อแรกประสูติว่า “ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ์ เทเวศธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรม ขัตติยราชกุมาร ”
    พุทธศักราช ๒๕๑๖ ..... กระแสพระราชดำรัสที่ทำให้คนไทยเลิกทำร้ายกันเอง ในช่วงของเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองยุคใหม่ของไทยที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นการลุกฮือ ของประชาชนนับแสนๆคน เพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร เป็นการเปิดประวัติศาสตร์บทบาทใหม่ทางการเมืองไทย ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วรัฐบาลนายสัญญาได้ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แก่นักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนที่เดินขบวนในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๑๖ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในปลายปี ๒๕๑๗

    เวลาที่เกิดเหตุการณ์ ..... วันที่ ๑๔–๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ ชนวนของเหตุการณ์ เรียกร้องให้ปล่อยตัว ๑๓ ผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่ถูกจับกุมตัวในข้อหากบฏ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคมเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการประท้วงคำสั่งลบชื่อนักศึกษารามคำแหงเก้าคน การประท้วงนี้ยังเสนอให้รัฐบาล ประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายในเวลาหกเดือน ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยมีการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารโดยไม่มีรัฐธรรมนูญ ในสมัยของรัฐบาล จอมพล ถนอม กิตติขจรก็มีเหตุการณ์ที่ค่อย ๆ สั่งสมให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจรัฐบาล เช่น เมื่อนักการเมืองระดับสูงใช้ยุทโธปกรณ์ลาสัตว์ที่ทุ่งใหญ่ฯ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๑๖ และภาวะข้าวสาร ขาดแคลน ขณะที่บทบาททางการเมืองของนักศึกษาชัดเจนและเข้มแข็งขึ้น หลังจากที่ ประสบความสำเร็จ มาแล้วจาก การเป็นผู้นำสัปดาห์ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๕ ในวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๖ นักศึกษาจัดให้มีการประท้วงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเรียกร้องให้ รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง ๑๓ คน มีนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนประมาณ ๕ แสนคน เที่ยงตรงของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๖ ฝูงชนเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สู่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยและลานพระบรมรูปทรงม้า การเจรจาระหว่างนักศึกษากับฝ่ายรัฐบาลดำเนินไปจนถึง เวลาดึกของวันเดียวกัน การนองเลือดเริ่มต้นเวลาเช้ามืดของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ เมื่อตำรวจคอมมานโดบุกเข้าตี นักศึกษาที่กำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านอยู่แล้ว ข่าวการทารุณของตำรวจคอมมานโดแพร่ไปทั่วกรุงเทพฯ นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนที่มีแต่ระเบิดขวด ท่อนไม้ และ ก้อนหิน ปะทะกับทหารตำรวจอาวุธ ครบมือ เหตุการณ์ลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมลุกลามไปทั่วบริเวณหน้ากรมประชาสัมพันธ์ หน้าวัด ชนะสงคราม สะพานผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินนอก

    เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคมสิ้นสุดลง ..... เมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอก ณรงค์ กิตติขจร หรือตามที่เรียกกันในขณะนั้นว่า “สามทรราช” เดินทางออกนอกประเทศไปในที่สุด ผลจากเหตุการณ์ ประเทศไทยช่วงหลังเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม เป็นช่วงที่กระแสประชาธิปไตยเบ่งบานที่สุดช่วงหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ๗๓ คน บาดเจ็บ ๘๕๗ คน หลังเหตุการณ์ มีการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตย มากที่สุด และจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเวลาต่อมา ปัญหาสังคมที่สั่งสมมาเป็นเวลานานได้ระเบิดออกมาหลังเหตุการณ์ขบวนการนักศึกษาและ กระแสประชาธิปไตย แสดงพละกำลังอย่างชัดเจน มีการสไตรค์ของกรรมการบ่อยครั้ง และเกิดการรวมตัว ของชาวนาและกษตรกรอย่างกว้างขวางและเป็นระบบทั่วประเทศ ตามมาด้วยขบวนการของกลุ่มอำนาจฝ่ายขวาอย่างเช่น กลุ่มนวพลลูกเสือชาวบ้านและกระทิงแดง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ความรุนแรงต่อต้านขบวนการนักศึกษาในลักษณะ “ขวาพิฆาตซ้าย”

    ความสำคัญของเหตุการณ์ .....
    เป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทยได้แสดง “พลังประชาชนและประชาธิปไตย”
    ซึ่งมีผลใน การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองและสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

    ...................................................................................​
     
  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๗ .....
    ทุกข์สุขของราษฎรคือ ทุกข์สุขของพระองค์ด้วย ​
    </TD><TD width=20 background=../images/b3.jpg> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20 background=../images/b2.jpg> </TD><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๘ ..... ความสำเร็จของโครงการส่วนพระองค์ ได้รับการเผยแพร่สู่คนไทยทั้งประเทศ ในการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมยัง ภูมิภาคต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์นั้น พระราชประสงค์ที่แท้จริงของ พระองค์คือการเสด็จฯ ออกสดับตรับฟังทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์ แล้วทรงนำกลับมาขบคิดหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของพสกนิกรเหล่านั้น ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรคือ ทุกข์เข็ญที่เข้ามาแผ้วพาลการดำรงชีพของพสกนิกรไทย จึงมีพระราชดำริแนวคิดใหม่ในการบริหารการจัดที่ดิน ของเกษตรกรให้มีสัดส่วนในการใช้พื้นที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด กล่าวคือ พื้นที่เกษตรกรไทยส่วนใหญ่จะมีเฉลี่ยราว ๑๐-๑๕ ไร่ต่อครอบครัวโดยทำการแบ่งพื้นที่ดินทั้งหมดดังนี้

    ๓๐ % ขุดสระน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร
    ๖๐ % เป็นพื้นที่สำหรับทำไร่ทำนา ปลูกข้าวและไม้ผลหรือไร่สวนผสม
    ๑๐ % ที่เหลือใช้เป็นที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ปลูกพืชสวนครัวและถนน

    จะเห็นได้ว่าหลักการสำคัญทฤษฎีนี้ก็คือ ..... ให้เกษตรกรมีความพอเพียง โดยเลี้ยงตัวเองได้ ในระดับที่ประหยัดก่อน ทั้งนี้ต้องมีความสามัคคีเกิดขึ้นในท้องถิ่น แต่แนวพระราชดำรินี้ คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยที่จะยอมเสียสละพื้นที่ดินจำนวนมาก เพื่อกักเก็บน้ำ และมักจะขุดบ่อเล็กๆ ทำการปลูกพืชโดยพึ่งระบบน้ำฝน ซึ่งได้ผลน้อยมากในสภาวการณ์ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานแนวคิด ทฤษฎีใหม่ นี้ โดยได้พระราชทานพระราชดำริให้ทำการทดลองขึ้น ณ วัด มงคลชัยพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ด้วยการแบ่งพื้นที่ตามสัดส่วน คือ

    ส่วนที่หนึ่ง ..... ร้อยละ ๓๐ เนื้อที่เฉลี่ยประมาณ ๓ ไร่ ให้ทำการขุดสระกักเก็บน้ำที่มีความลึกประมาณ ๔ เมตร จะมีความสามารถกักเก็บน้ำได้มากถึง ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร

    ส่วนที่สอง ..... ร้อยละ ๖๐ ทำการเพาะปลูกพืชต่างๆ โดยแบ่งที่ดินนี้เป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกร้อยละ ๓๐ ทำนาข้าวประมาณ ๕ ไร่ อีกส่วนหนึ่งร้อยละ ๓๐ ปลูกพืชไร่หรือพืชสวน ตามแต่สภาพของพื้นที่และภาวะตลาด ประมาณ ๕ ไร่ พื้นที่ทางการเกษตรทั้ง ๒ แบบนี้ใช้น้ำประมาณ ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร

    ส่วนที่สาม ..... พื้นที่ที่เหลือร้อยละ ๑๐ เนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่ จัดเป็นที่อยู่อาศัย
    ถนน ก่อสร้างคัดดินหรือคูคลอง ตลอดจนปลูกพืชสวนครัวและเลี้ยงสัตว์ ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ........................................................................................................................................
     
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๑๙ ..... กราบพระบาทด้วยความจงรักภักดี และ เรื่องประทับใจ

    พระองค์ท่านเสด็จไปที่จังหวัดสกลนคร ..... เพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน และพระองค์ก็ทรงตรัสถามชายคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้าเพราะแขนเจ็บเข้าเฝือก
    ในหลวงทรงรับสั่งถามว่า ..... แขนเจ็บไปโดนอะไรมา
    ชายคนนั้นตอบว่า ..... ตกสะพาน
    แล้วในหลวงทรงรับสั่งกลับไปอีกว่า ..... แล้วแขนอีกข้างหนึ่งละ
    ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาอีกว่า ..... แขนข้างนี้ไม่ได้ตกลงไปด้วยตกข้างเดียว
    ในหลวงของเราก็ทรงพระสรวล

    พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่ ทางภาคใต้ ..... คือจังหวัดนราธิวาส ทางใต้นี้มีปัญหาเรื่องดินเป็นกรดมีความเค็ม
    พระองค์จึงทรงรับสั่งถามกับชาวบ้าน ที่มาเฝ้ารับเสด็จว่า ..... ดินหลังบ้านเป็นอย่างไร เค็มไหม
    ชาวบ้านก็มองหน้ากันแล้วทำหน้างง ก่อนตอบกลับมาว่า ..... ไม่เคยชิมซักที
    ในหลวงก็รับทรงสั่งกับข้าราชบริภารที่ตามเสด็จว่า ..... ชาวบ้านแถวนี้เขามีอารมณ์ขันกันดีนะ

    ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้ว ..... พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์
    ก็กราบบังคมทูลว่า ..... เอ้อ ทรง อ้า ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ
    พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า ..... ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง
    แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ
    ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า .... เอ้าพูดภาษาอังกฤษกันเถอะ เป็นอันว่าก็กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ..... อ.พร้าว พระองค์ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรเผ่าลีซอ พอจะเสด็จกลับ ผู้เฒ่าคนหนึ่งยื่นถุงห่อข้าวให้ท่าน เกรงว่าท่านจะหิวขณะเดินทาง เป็นน้ำพริกตาแดง กับ ข้าวเหนียวหนึ่งห่อ พร้อมกับบอกในหลวงว่า ..... หมู่บ้านเฮามันไกล กว่าเฮาจะเดินเข้าเมืองได้ใช้เวลาหลายวัน กลัวว่าท่านจะหิวกลางทาง .....

    เช้าวันหนึ่ง ..... เวลาประมาณ ๗ โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอษฐ์ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย ก้อมีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอษฐ์ก้อ งง ...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่นา พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ :)

    ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร ..... อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการฯ ไปว่าเมื่อกี้นี้ ชื่อ.... เค้ารับไปแล้ว และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้น มารับพระราชทานอีกครั้งเพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม

    ....................................................................................​
     
  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๒๐ ..... สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลนโสภาคย์ ประสูติเมื่อ ๒ เมษายน ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ภายหลังทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๐ พระปณิธานที่ได้ทรงกล่าว ต่อที่ประชุมพระบรมวงศานุวงศ์ และ สมาชิกในราชตระกูลที่มาเฝ้าถวายพระพร "ข้าพเจ้า ขอตั้งความปรารถนาต่อที่ประชุมนี้ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งฐานะโดยเต็มกำลัง สติปัญญา และ ความสามารถ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์สุขอันไพบูลย์ และ เจริญวัฒนาแก่ประเทศ และ ประชาราษฎร์ทั้งมวล" .....

    ......................................................................................​
     
  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๒๑ .....
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงผนวช

    ........................................................................................​
     
  20. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=780>
    [​IMG]

    พุทธศักราช ๒๕๒๒ ..... พระราชนัดดาพระองค์แรก ย้อนหลังไปเมื่อ ๒๔ ปีก่อน ในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๑ นับเป็นวันที่น่าอิ่มเอิบ และ ปีติหัวใจของชาวไทยกว่าวันใด เพราะเป็นวันพิเศษ ที่เราได้มี เจ้านายองค์น้อย เพิ่มมาอีกหนึ่งพระองค์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์แรก ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
    </TD><TD width=20 background=../images/b3.jpg> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=820 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20 background=../images/b2.jpg> </TD><TD width=780>ตลอดเวลาที่ปวงชนชาวไทย ..... ได้เฝ้ามองดูการเจริญพระชันษา แห่ง 'พระองค์ภา' ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จนทรงเจริญวัยสู่แรกรุ่น ที่มีพระพักตร์สดใส ฉวีผุดผ่อง และพระวรกายบอบบางงดงาม ทุกอิริยาบถเป็นที่ประทับตา ประทับใจ แก่พสกนิกรยิ่งนัก และจวบจนวันนี้ เราได้เห็นเจ้านายองค์น้อย ทรงเติบโต สู่วัยผู้ใหญ่ อย่างเต็มตัว เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษา จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปีการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งการเรียนให้ได้ สองปริญญา ในคราวเดียวกัน นับว่าเป็นการเรียนที่หนักมาก แล้วยังต้อง ทรงภารกิจอื่นๆ ด้วยนั้น แต่ 'พระองค์ภา' ทรงปฏิบัติหน้าที่ ในความรับผิดชอบ ได้อย่างดีเยี่ยมทุกด้าน ที่คนในวัยเดียวกับพระองค์ ควรจะเอาเป็นแบบอย่าง เช่น ในการเรียน ทรงเรียนจบปริญญาตรี ในเวลาสามปีครึ่ง ทั้งสองมหาวิทยาลัย หากย้อนไป เมื่อทรงเป็นนักศึกษา ในส่วนการวางพระองค์ ในสังคมมหาวิทยาลัย ที่ธรรมศาสตร์ เมื่อต้องอยู่ร่วมกับพระสหาย ทรงวางพระองค์อย่างธรรมดามาก ทรงมีกลุ่มเพื่อนๆ ที่พากันไปรับประทานกลางวัน ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ทรงร่วมกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น การรับน้อง งานบอลของมหาวิทยาลัย งานไหว้ครู กิจกรรมทางชมรมต่างๆ ทรงถือว่ามีหมายเกณฑ์อะไร ก็จะไปทำให้ ด้วยทรงถือว่า เป็นความบันเทิงส่วนตัว และได้เจอเพื่อนๆ ด้วย

    เป็นที่น่าปลื้มปีติยิ่งขึ้น เมื่อทราบข่าวว่า ..... พระองค์ทรงวางแผน เรียนปริญญาโท ต่ออีก ๒ สาขา ทางด้านกฎหมาย ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงสนใจประเทศนี้ เพราะว่า กฎหมายอเมริกา ระบบกฎหมายคงแตกต่างไป จากเมืองไทยบ้าง และความหลากหลายทางด้านวิชาการ คือสิ่งที่น่าสนใจในการเรียนรู้ ได้กว้างขึ้น เมื่อทรงศึกษาสำเร็จแล้ว จะทรงกลับมาเรียนต่อเนติบัณฑิต ที่ประเทศไทยต่อไป ซึ่งก่อนที่จะทรงไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อทรงเป็นบัณฑิต จึงได้เริ่มทำงานทันที อย่างเช่น พระสหายของพระองค์ และบัณฑิตทั่วๆ ไป ก่อนที่จะทรงวางแผน เพื่อการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท พระองค์ทรงเริ่มงาน รับราชการ ที่กรมพระธรรมนูญ สังกัดกระทรวงกลาโหม ในตำแหน่งร้อยตรีหญิง ทรงมีเงินเดือนประจำ ๖,๓๖๐ บาท ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับราชการ ที่กรมพระธรรมนูญ ต้องทรงฝึกหลักสูตร เพื่อจะเป็นทหาร และในทางวิชาการต้องรู้เรื่อง ระบบการทำงาน อย่างเช่นบุคคลทั่วไป ซึ่งพระองค์ทรงรับภารกิจ ทรงต้องรับผิดชอบงาน ที่กรมพระธรรมนูญ ในหน้าที่อัยการทหาร มีหน้าที่ตรวจสำนวน เขียนคดีสั่งฟ้องต่างๆ เกี่ยวกับคดีที่ทหาร เป็นผู้ก่อความผิดขึ้น เช่น การหนีทหาร ติดยาเสพติด ทะเลาะวิวาท ซึ่งเป็นคดี ในอำนาจศาลทหาร รายละเอียดงานของพระองค์ คือการเขียนทำสำนวนฟ้อง พระองค์ทรงมีหลัก ในการทำงาน คือ ต้องรับฟังหลักฐาน ที่เชื่อถือได้มากที่สุด ถ้าเกิดอะไรที่ผิดพลาดขึ้นมา นั่นคือชีวิตคนทั้งชีวิต จึงเป็นงานที่ค่อนข้างยาก แต่ก็ทรงสนุกกับงานมาก เพราะพระองค์ทรงตั้งเป้าหมายไว้ว่า เรียนกฎหมาย ก็อยากใช้งานสายที่เรียนมา และอนาคตอยากทำงาน ด้านการเป็นผู้พิพากษา

    ทรงเป็นนักกฎหมายรุ่นใหม่ของปวงชนชาวไทย .....
    ด้วยหน้าที่การงานในจุดนี้ จึงถือว่าทรงเป็น 'นักกฎหมาย' พระองค์หนึ่ง

    ......................................................................................................................................
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...