***อมตะพระเครื่อง*** วัตถุมงคลพระเครื่องพระดีพิธีใหญ่ ทั่วประเทศ VVIP รับประกันแท้ พร้อมจัดส่ง$$$

เหรียญหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง รุ่นสร้างตึกพยาบาล ปี 2521 พิมพ์ ภปร. เล็ก เนื้อทองแดง ผิวสวย
อาจารย์อ้วนซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้นำหลวงปู่แหวนไปฝากกับ พระอาจารย์สิงห์ ขนตฺยาคโร ศิษย์เอกสำคัญสูงสุดองค์หนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์เอกทางวิปัสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงมากที่วัดบ้านสร้างถ่อ อำเภอเกษมสีมา จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่ท่านเดินฝ่าเปลวแดดมาหาพระอาจารย์สิงห์ อาจารย์สิงห์ได้เห็นนิมิตรปรากฏที่สามเณรแหวน เป็นแสงโอภาสออกจากร่างเยี่ยงผู้มีบุญญาธิการ อาจารย์สิงห์ล่วงรู้ด้วยอำนาจญาณโดยทันทีว่า สามเณรน้อยผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด จึงได้ถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น
หลวงปู่แหวน มีโรคประจำตัวคือ เป็นแผลเรื้อรังที่ก้นกบยาวประมาณ 1 ซม. มีอาการคัน ถ้าอักเสบก็จะเจ็บปวดมาก และอีกโรคหนึ่ง คือ เป็นต้อกระจกนัยน์ตาด้านซ้าย เป็นต้อหินนัยน์ตาด้าน ขวา หมอได้เข้าไปรักษาเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2518 ซึ่งรักษาแล้ว สุขภาพก็ยังแข็งแรงตามวัย แต่ ต่อมาปี 2519 ร่างกายเริ่มซูบผอม อ่อนเพลีย ฉันอาหารได้น้อย ขาทั้ง 2 เป็นตะคริวบ่อย ต่อมา 2520 สุขภาพทรุด ค่อนข้างซูบเหนื่อยอ่อน เวียนศีรษะถึงกับเซล้มลง และประสบอุบัติเหตุขณะครอง ผ้าจีวรในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2522 ซึ่งเป็นวันที่ทางวัดจัดงานผูกพัทธสีมา ส่งผลให้เจ็บบั้นเอวและ กระดูดสันหลัง ลุกไม่ได้ ต้องนอนอยู่กับที่ รักษาอยู่เดือนหนึ่ง ก็หายเป็นปกติ แต่เนื่องจากหลวงปู่อายุ มากแล้ว จึงมีอาการอาพาธมาโดยตลอด คณะแพทย์ก็คอยให้การรักษาด้วยดีเช่นกัน จนกระทั่งใน วัน อังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2528 เวลา 21.53 น. การหายใจครั้งสุดท้ายก็มาถึง หลวงปู่ท่านได้ละร่าง อันเป็นขันธวิบากไปด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ 98 ปี
หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ท่านได้อธิษฐานจิตวัตถุมงคลต่างๆมากมายหลายรุ่น ล้วนมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย เมตตามหานิยม และหนึ่งในนั้นที่ยังอยู่ในความนิยมของวงการคือ เหรียญสร้างตึกโรงพยาบาล หลัง ภปร. พ.ศ.2521 เหรียญรุ่นนี้มี 1 ภปร. ใหญ่ 2. ภปร. เล็ก

ราคา 250 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

สี่หูห้าตา รุ่น “บูชาครู สมปรารถนา”
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม 2566
เนื้อเงินไหลมา
1 ใน 99 องค์ หมายเลข ๖๘
(เลขแห่งความร่ำรวย)

หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจ้าตำรับ ” สี่หูห้าตา ” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์

นี่คือ #รุ่นแรก และ #รุ่นเดียว ในเวลานี้
ที่ได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกในวัด
ที่ได้จัดพุทธาภิเษกต่อเบื้องหน้าองค์สรีระทิพย์องค์หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
ที่ได้จัดพีธีพุทธาภิเษกในวิหารพระเมืองแก้ว
สี่หูห้าตา บูชาครู สมปรารถนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

**ปิดการซื้อขาย**

 

สี่หูห้าตา รุ่น “บูชาครู สมปรารถนา” วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม 2566
เนื้อนวะโลหะ โลหะ 9 ชนิด หมายเลข. 99

หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจ้าตำรับ ” สี่หูห้าตา ” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์

นี่คือ #รุ่นแรก และ #รุ่นเดียว ในเวลานี้
ที่ได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกในวัด
ที่ได้จัดพุทธาภิเษกต่อเบื้องหน้าองค์สรีระทิพย์องค์หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
ที่ได้จัดพีธีพุทธาภิเษกในวิหารพระเมืองแก้ว
สี่หูห้าตา บูชาครู สมปรารถนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

ราคา 6000 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

สี่หูห้าตา รุ่น “บูชาครู สมปรารถนา” วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม 2566
เนื้อแร่เหล็กไหลดูดทรัพย์ หมายเลข.๑๓๔

หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจ้าตำรับ ” สี่หูห้าตา ” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์

นี่คือ #รุ่นแรก และ #รุ่นเดียว ในเวลานี้
ที่ได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกในวัด
ที่ได้จัดพุทธาภิเษกต่อเบื้องหน้าองค์สรีระทิพย์องค์หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
ที่ได้จัดพีธีพุทธาภิเษกในวิหารพระเมืองแก้ว
สี่หูห้าตา บูชาครู สมปรารถนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

**ปิดการซื้อขาย**

 

สี่หูห้าตา รุ่น “บูชาครู สมปรารถนา” วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม 2566
เนื้อชนวนทองเหลือล้น หมายเลข. ๓๙๒

หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เจ้าตำรับ ” สี่หูห้าตา ” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์

นี่คือ #รุ่นแรก และ #รุ่นเดียว ในเวลานี้
ที่ได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกในวัด
ที่ได้จัดพุทธาภิเษกต่อเบื้องหน้าองค์สรีระทิพย์องค์หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา
ที่ได้จัดพีธีพุทธาภิเษกในวิหารพระเมืองแก้ว
สี่หูห้าตา บูชาครู สมปรารถนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

**ปิดการซื้อขาย**

 

วัวธนูทรงเครื่อง หลวงพ่อเมือง หรือ ครูบาเมือง วัดท่าแหน แม่ทะ รุ่นพิเศษ ๒๕๒๔ เนื้อนวะ
ควายธนู-วัวธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ
ท่านเป็นพระเกจิดังจังหวัดลำปาง จำนวนสร้างค่อนข้างน้อยมาก ควงแล้วไม่อายใครครับ พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ พระเกจิดังสายเหนือร่วมนั่งปลุกเสกจำนวนมากครับ สร้างปี ๒๕๒๔ พุทธคุณเด่นด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีวาสนาด้วยครับ ถึงจะได้ครอบครอง นักสะสมพระเครื่องแถวภาคเหนือ และแถวกรุงเทพมหานคร เริ่มเสาะแสวงหากัน นับวันจะหายากขึ้นทุกขณะ ราคาเริ่มขยับขึ้นทุกๆ ปี ครับ (ไม่รีบเก็บตอนนี้ แล้วท่านจะเสียดาย)

**ปิดการซื้อขาย**

 

นางพญา กรุวัดเวียง พระเนื้อดิน เนื้อจัดๆ เดิมๆ ของดีเด่นทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ไม่อุดไม่ซ่อม รับประกันพระแท้ตลอดชีพ ของมันต้องมี ท่านใดสนใจสอบถามได้เลยครับ
ประวัติ
ตำนานสุดยอดพระเครื่องเมืองกรุงเก่า พระนางพญา กรุวัดเวียง เนื้อดิน จ.อยุธยา ของดีถูก
ที่มาของพระเนื้อดินกรุนี้ ก็คือวัดเวียง ที่นักนิยมสะสมพระเครื่องมักเรียกกันว่า "นางวัดเวียง" ที่มาที่ไปของนามวัดหรือที่มาของพระกรุนี้เป็นอย่างไร เราลองมาติดตามกันดูนะคะ
คนลาวคนไทยนั้นล้วนมีความ สัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน และมีเชื้อสายใกล้ชิดกันมาก ดูจากภาษาที่ใช้ถ้าเราไปเที่ยวที่สปป.ลาว เราไม่ต้องใช้ล่ามเลย พูดกันรู้เรื่องสื่อสารกันได้ ในอดีตนั้นได้มีการอพยพของคนลาวเข้ามาอยู่ในเมืองไทยหลายครั้งตั้งแต่สมัย กรุงศรีอยุธยามาแล้ว ด้วยสาเหตุต่างๆ กันไป ครั้งแผ่นดินของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มีชาวเวียงจันทน์อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้เข้ามาลงหลักปักฐานตามแถบลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งทอด ตัวยาวผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยบาดาล สระบุรี และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ณ ริมแม่น้ำป่าสักอันเปรียบเสมือนเส้นชีวิตในการประกอบการกสิกรรม ทำสวน ทำไร่ ทำนา ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวเวียงจันทน์กลุ่มหนึ่งได้อพยพลงมาตั้งหลักปักฐานยึดอาชีพกสิกรรมจนมีฐานะ มั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข มีลูกหลานสืบสกุลมาชั่วหลายอายุคนแล้ว ชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาแต่ครั้งอดีตนับถือศาสนาพุทธ จึงช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาบนฝั่งแม่น้ำป่าสักอันร่มเย็น นับตั้งแต่อำเภอท่าเรือตลอดจนขึ้นไปถึงสระบุรี คือ วัดสะตือ วัดเวียง วัดชุ้ง วัดเพชร และวัดดาวเสด็จ เพื่อไว้ประกอบศาสนกิจ วัดต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ก็ได้มีการพบพระเครื่องอยู่ทุกวัด และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกัน
กลับมาที่วัดเวียง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณเช่นกัน ซึ่งชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นมา และตั้งชื่อว่า "วัดเวียงจันทน์" เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชาวเวียงจันทน์ สืบต่อมาคำว่า "วัดเวียงจันทน์" จะมีความยาวหรืออย่างไรไม่ทราบได้ การเรียกขานจึงตัดคำว่า "จันทน์" ออก และเรียกกันเพียงสั้นๆ ว่า "วัดเวียง" จนทุกวันนี้ จากการสืบค้นสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่และท่านเจ้าอาวาสวัดเวียงดู ก็พอจะทราบได้ว่า พระเครื่องนางพญาวัดเวียงนั้น เป็นพระเก่าแก่ มีมาคู่กับวัด คณาจารย์ท่านผู้สร้างเป็นพระเถระฝ่ายลาวจากเวียงจันทน์ อพยพมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาได้สร้างวัดขึ้นแล้ว จึงได้สร้างพระพิมพ์คือ พระนางพญาวัดเวียงนี้ขึ้น และปลุกเสกในพระอุโบสถ ต่อมามีการแตกกรุครั้งแรกๆ นั้น ก็พบพระจำนวนมาก เป็นพระเนื้อดินเผา ประทับนั่งปางสมาธิ รูปทรงสามเหลี่ยม มีอยู่หลายพิมพ์ แต่ก็มีพุทธลักษณะคล้ายคลึงกันมาก สันนิษฐานว่า ช่างที่แกะแม่พิมพ์น่าจะเป็นคนๆ เดียว และได้แจกจ่ายกันออกมา ซึ่งในครั้งนั้นก็ไม่ค่อยหวงแหนกันนัก เนื่องจากพระมีจำนวนมาก จนพระได้ร่อยหรอหมดไปในที่สุด
ต่อมาได้มีการพบพระที่อยู่ใน องค์พระเจดีย์ หน้าพระอุโบสถอีกครั้งหนึ่ง เป็นเจดีย์แบบสมัยอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ได้มีเด็กๆ ปีนขึ้นไปเล่นข้างบนองค์พระเจดีย์ ซึ่งปรากฏรอยร้าวอยู่ ก็คุ้ยเขี่ยดู ก็พบพระเครื่องนางวัดเวียงบรรจุอยู่อีกจำนวนมาก กะๆ ดูน่าจะประมาณ 3,000 องค์ พระจำนวนนี้ก็หลั่งไหลเข้าสู่สังคมผู้นิยมพระเครื่องในที่สุด พระนางวัดเวียงในปัจจุบันสนนราคาก็ยังไม่สูงนัก และยังพอหาพบได้ไม่ยากนัก พระนางพญาวัดเวียงเป็นพระเก่าที่น่าศึกษาสะสม เนื่องจากเป็นพระกรุพระเก่ามาแต่โบราณ อีกทั้งมีประสบการณ์ต่างๆ เด่นทางด้านแคล้วคลาดและเมตตามหานิยม

ราคา 1500 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208
.

 

เหรียญหล่อหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี สร้างราวปี 2470-2480 พระพุทธคู่ (พลายคู่ 2 หน้า) ผิวแห้งๆ เดิมๆ นิยม นานๆ จะมาให้เห็นสักองค์ครับ สภาพสวยน่ารักเนื้อหาเข้มขลังดูง่ายชัดเจนเนื้อหามันส์มากๆครับ อายุพระจะร้อยปีแล้วครับ เรื่องความเก่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับท่านได้เป็นลูกศิษย์และไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าครับ อายุพระเกือบ 100 ปี ราคาแสนถูกครับ พระดีพิธีใหญ่ พระเก่าทรงคุณค่า

ราคา 1000 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

เหรียญหล่อเนื้อตะกั่ว โป๊ยข่วย (ยันต์แปดทิศ) ไม่ทราบที่ เนื้อหาเข้มขลังเก่ากึก พระเก่าทรงคุณค่า

ราคา 1200 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

พระรอดท่านเจ้าคุณพระญาณมงคล (ชุมพล ชุตินธโร)
อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาวัน และอดีตเจ้าคณะจังหวัดลำพูน หรือที่รู้จักกันในนาม พระรอดเจ้าคุณญาณ วัดมหาวันสร้างเมื่อพ.ศ. ๒๕๐๘ โดยนำมวลสารพระสกุลลำพูนที่ชำรุดมาเป็นมวลสารหลักบดผสมกับดินเหนียวและผสมว่านนาๆชนิด รวมเข้าด้วยกัน แล้วนำมากดพิมพ์ใหม่เป็นเอกลักษ์ของท่านเอง ซึ่งพิมพ์ทรงพระรอดของท่านนั้น จะคล้ายกับพระรอดมหาวันพิมพ์เล็ก เพราะเป็นการล้อพิมพ์พระรอดพิมพ์เล็กนั่นเองครับ พระรอดของท่านเจ้าคุณญาณมงคลนั้น ส่วนหนึ่งได้นำไปฝังบรรจุไว้ใต้ถาวรวัตถุที่ท่านสร้าง ในบริเวณวัดมหาวัน อีกส่วนหนึ่งได้เก็บไว้แจกญาติโยมที่มาทำบุญในสมัยนั้นครับ เพราะฉะนั้น พระรอดที่พบเห็นอาจมีทั้ง มีคราบกรุและไม่มีคราบกรุ บางองค์ที่ผ่านการใช้อาจมีเนื้อหาจัดมาก

ราคา 650 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

พระกลีบบัวเล็ก เนื้อเมฆพัตร หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ของดีราคาเบาๆแบ่งกันไปใช้

พระหลวงปู่บุญเนื้อเมฆพัด ในหนังสือประวัติและการสร้างพระเครื่องของพระพุทธวิถีนายก(บุญ) เป็นหนังสือเล่มวัดเล่มแรก จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จำนวน ๕,๐๐๐เล่ม ให้ทำบุญที่วัดกลางบางแก้วเล่มละ ๑๘๐ บาท เขียนโดย อ.สุธน ศรีหิรัญ ได้กล่าวไว้ว่าพระเนื้อเมฆพัด เท่าที่สืบทราบอย่างแน่ชัดมีทั้งสิ้น ๗พิมพ์ และ๗พิมพ์ดังกล่าว #ขอขอบคุณข้อมูลจากวัดกลางบางแก้ว ที่มาหนังสือประวัติและการสร้างพระเครื่องของพระพุทธวิถีนายก (บุญ ขนธโชติ) โดย อ.สุธน ศรีหิรัญ และคุณวัต ท่าพระจันทร์***

ราคา 500 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

พระพรหม4หน้าหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อเมฆพัตร ปี 2484 สภาพสวยเนื้อหาเก่าๆ ใช้แทนเหรียญรุ่นแรกที่มีราคาหลายๆแสนได้สบายเลยครับ องค์นี้เลี่ยมทองแดงโบราณสุดคลาสสิค เนื้อเมฆพัตแห้งๆเลยครับ เนื้อหาผิวพรรณดูง่ายสบายตา พระเก่าทรงคุณค่า

พระพรหม 4 หน้า หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เนื้อเมฆพัตร ประมาณ ปี 2484
พุทธคุณเด่นทางด้าน เมตตามหานิยม, เสริมเรื่องการงานการเงิน, ค้าขายร่ำรวย, คุ้มครองป้องกัน ครอบจักรวาล
สภาพสวยสมบูรณ์ เดิม แท้ๆ.. หายากแล้ว น่าเก็บสะสมมาก ๆ..
หลวงพ่ออี๋ ท่านได้สร้างพระเครื่องรางต่าง ๆ ไว้มาก รวมทั้งปลัดขิกที่มีชื่อ ทั้งตะกรุด เสื้อยันต์ เหรียญ พระปิดตา "พระสาม" และ "พระสี่" (พรหมสี่หน้า) กล่าวกันว่าในระยะ พ.ศ. 2483-86 นั้น หลวงพ่ออี๋ก็มีของดีเกรียงไกรออกสู่สงครามอินโดจีนไปก็มาก ชื่อเสียงของท่านดังขนานไปกับหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกทีเดียว พระเครื่องรางของขลังของหลวงพ่ออี๋มีสร้างออกมามากแบบเอาใน พ.ศ. 2484 และตาม พ.ศ. นี้เอง "พระสาม" และ "พระสี่" หรือ พระพรหมสี่หน้า ก็ได้กำเนิดตามออกมาด้วย พระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด องค์หนึ่งทำเป็นพระ 3 หน้าพระทับนั่งบนฐานบัวกลีบ (3 หน้า 3 องค์) ส่วนพระสี่หรือพรหมสี่หน้าก็ทำเป็นพระประทับนั่งบนฐานเขียงเหมือนกันทั้ง 4 หน้า (4 หน้า 4 องค์) ด้านพุทธคุณมีทั้งแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี
- คงไม่ต้องอธิบายถึงกิตติศัพท์ของหลวงปู่ให้มากมายนัก หลวงปู่เป็นที่รู้จักของคนสะสมพระเครื่องทุกชนชั้น ยิ่งในยุคสงครามอินโดจีนด้วยแล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธ หลวงพ่อจาด, หลวงพ่อจง, หลวงพ่อคง, หลวงปู่อี๋ อย่างแน่นอน
- พระพรหมที่หลวงปู่สร้างมีทั้ง 3 หน้า และ 4 หน้า ขึ้นชื่อเป็นพระเครื่องที่หลวงปู่ปลุกเสกแล้ว บูชาสบายใจได้หายห่วงครับ
- พระองค์นี้เป็นพระพรหมสี่หน้า เนื้อเมฆพัตร สภาพสวยเดิมครับ
ประวัติ วัดสัตหีบ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม " วัดหลวงพ่ออี๋ " ก็เพราะว่า หลวงพ่ออี๋ เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นโดยตั้งอยู่เลขที่ 333 หมู่ 1 ถนนชายทะเล ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยวัดถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2442 นายขำ และ นางเอียง ทองขำได้ขอพระราชทานอธิบดีเป็นที่ดินว่างเปล่าเป็นป่าไม้ที่ไม่มีเจ้าของอนุญาติให้สร้างวัด ด้านเหนือติดทางเกวียน ด้านใต้ติดทะเลและด้านตะวันตกติดป่า ด้านตะวันออกติดที่ดินบ้านสัตหีบ โดยในปัจจุบันวัดนี้มีเนื้อที่จำนวน 30 ไร่ 28 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาอุโบสถหลังแรกเมื่อวันที่ 21 กันยายน ร.ศ. 138 พ.ศ.2463 เนื้อที่ได้รับพระราชทาน กว้าง 2 เส้น ยาว 3 เส้น
เจ้าอาวาสวัดสัตหีบ 1. พระครูวรเวทมุนี ( หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร ) พ.ศ.2442 - พ.ศ.2489 รวม 47 ปี 2. พระครูศรีสัตตคุณ ( พ.ม.เกษม สนตุสสโก ) พ.ศ.2489 - พ.ศ.2496 รวม 7 ปี 3. พระครูศรีสัตตคุณ ( บัญญัติ โกมุทโท ) พ.ศ.2496 - พ.ศ.2527 รวม 31 ปี 4. พระครูวิบูลธรรมบาล ( เหล็ง ธมมปาโล ) พ.ศ.2527 - จนถึงปัจจุบัน
ประวัติ ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๐๘ ณ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อ ขำ ทองขำ โยมมารดาชื่อ เอียง ทองขำ หลวงพ่ออี๋เป็นบุตรชายคนโต ได้รับการศึกษา และอบรมสั่งสอนให้เป็นกุลบุตรที่ดี เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง บิดาของท่านรับราชการ ตำแหน่งที่ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกว่า นายกอง
ในปี ๒๔๓๓ ท่านมีอายุ ๒๕ ปี ได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดอ่างศิลานอก โดยมี พระอาจารย์จั่น จันทสโร วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “พุทธสโร ภิกขุ” แปลว่า “ผู้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า”
หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่ออี๋ได้อยู่เรียนวิชาการและศึกษาพระธรรมกับพระอาจารย์แดง วัดอ่างศิลานอก ซึ่งเป็นพระเถระที่มีภูมิธรรมสูง ทั้งยังมีวิชาอาคม แก้อาถรรพณ์คุณไสย ตลอดถึงการสักยันต์
พระอาจารย์จั่น พระอาจารย์แดง และพระอาจารย์เหมือน ได้สอนศาสตร์วิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่ออี๋ ลูกศิษย์ของท่าน จนหมดสิ้น เป็นเวลา ๖ พรรษาเต็มๆ
การที่หลวงพ่ออี๋ท่านมุมานะศึกษาเล่าเรียน จุดประสงค์ก็เพื่อจะนำมาสงเคราะห์ญาติโยม ชาวบ้านผู้เดือดร้อนโดยทั่วไป
ช่วง พ.ศ.๒๔๕๐-๒๔๕๑ หลวงพ่ออี๋ โยมบิดา ตลอดถึงชาวบ้าน ได้ร่วมกันสร้างวัด โดยไปหาไม้สวยๆ ในบริเวณใกล้เคียงมาทำเสา ทำฝา และหาดินเหนียวที่บางปะกง เอาไปเผาทำกระเบื้องมุงหลังคา
การสร้างวัดของท่าน ไม่ถึง ๕ ปีก็แล้วเสร็จ เว้นอุโบสถ วิหาร และศาลาการเปรียญ ซึ่งได้มีการสร้างในเวลาต่อมา วัดที่สร้างขึ้นนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ใน พ.ศ.๒๔๖๓
หลวงพ่ออี๋เริ่มอาพาธ ด้วยอาการฝีที่คอตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2489 จนเมื่อพอถึงวันที่ 20กันยายน พ.ศ.2489 ตรงกับแรม 10 ค่ำเดือน 10 ปีจอเวลา 21.05 น.หลวงพ่ออี๋ท่านมรณะภาพสิริรวมอายุของท่านได้ 82 ปี 57 พรรษา แม้เวลาจะผ่านไปนานจนถึงในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านก็ยังเป็นที่บอกกล่าวเล่าขานกันสืบต่อมา และบารมีของท่านและวัดสัตหีบ (วัดหลวงพ่ออี๋) ก็ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน.
ปีที่หลวงพ่ออี๋ท่านสร้างวัดนั้น กิตติศัพท์ของท่านได้ขจรขจายอย่างกว้างไกล ในด้านความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหาร ผู้คนพากันหลั่งไหลไปกราบท่านมากมาย มีทั้งที่ต้องการฟังธรรมะ และการปฏิบัติสมาธิกับท่าน บางคนต้องการวัตถุมงคล ก็ได้สมความปรารถนาทุกประการ
ต่อมาท่านได้ออกรุกขมูลอยู่เป็นประจำ เหมือนครูบาอาจารย์ของท่าน และนี่เองเป็นมูลเหตุในการสร้าง ปลัดขิก ของท่าน
วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม
วัตถุมงคล เช่น ปลักขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ เสื้อยันต์สีแดง และสีขาว รูปถ่าย และเหรียญ เป็นต้น
เหรียญรุ่นแรก ปี 2473 สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถของวัดสัตหีบ มี 2 ชนิด คือ เหรียญรูปไข่ (แจกผู้ชาย) และเหรียญทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (แจกผู้หญิง) มีเนื้อเงิน และทองแดง
เหรียญรุ่นสร้างโรงเรียน ปี 2483 มี 2 พิมพ์ คือ เหรียญรูปไข่ และเหรียญกลม พุทธคุณในเหรียญ2รุ่นนี้เด่นทาง เมตตามหานิยม
ใน พ.ศ. 2484 "พระสาม" และ "พระสี่" หรือ พระพรหมสี่หน้าพระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด 2พิมพิ์นี้
พุทธคุณมีทั้งแคล้วคลาด, เมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี
+++++++++++++
ข้อความข้างบนผมคัดลอก และคัดเกลาบ้างนิดหน่อย จากที่มีผู้อื่นให้ข้อมูลไว้
ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผม พระคุ้มครอง ป้องกันภัย
- พระเครื่องหลวงพ่ออี๋นี้ จะเป็นพระสามหน้า หรือสี่หน้าก็ตาม อันที่จริงเป็นพระพุทธเจ้า แต่ท่านหรือเราเรียกว่าพระพระพรหมสามหน้า พระพรหมสี่หน้าบ้าง เหมือนพระขุนแผนหลวงปู่ทิม อันที่จริงคือพระพุทธรูปปางมารวิชัย ไม่เกี่ยวกับขุนแผนแต่อย่างใด
- พระเครื่องนี้ ผมมีความเชื่อว่ามีพระพุทธคุณครอบทุกด้าน เหมาะกับนักปกครอง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ครู ผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ผู้ที่เดินทางไปต่างถิ่นบ่อย ๆ หรือต้องติดต่อกับผู้คนบ่อย ๆ


ราคา 1500 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

นางพญา กรุวัดเวียง พระเนื้อดิน เนื้อจัดๆ เดิมๆ ของดีเด่นทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ไม่อุดไม่ซ่อม รับประกันพระแท้ตลอดชีพ ของมันต้องมี ท่านใดสนใจสอบถามได้เลยครับ

ประวัติ
ตำนานสุดยอดพระเครื่องเมืองกรุงเก่า พระนางพญา กรุวัดเวียง เนื้อดิน จ.อยุธยา ของดีถูก
ที่มาของพระเนื้อดินกรุนี้ ก็คือวัดเวียง ที่นักนิยมสะสมพระเครื่องมักเรียกกันว่า "นางวัดเวียง" ที่มาที่ไปของนามวัดหรือที่มาของพระกรุนี้เป็นอย่างไร เราลองมาติดตามกันดูนะคะ
คนลาวคนไทยนั้นล้วนมีความ สัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน และมีเชื้อสายใกล้ชิดกันมาก ดูจากภาษาที่ใช้ถ้าเราไปเที่ยวที่สปป.ลาว เราไม่ต้องใช้ล่ามเลย พูดกันรู้เรื่องสื่อสารกันได้ ในอดีตนั้นได้มีการอพยพของคนลาวเข้ามาอยู่ในเมืองไทยหลายครั้งตั้งแต่สมัย กรุงศรีอยุธยามาแล้ว ด้วยสาเหตุต่างๆ กันไป ครั้งแผ่นดินของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มีชาวเวียงจันทน์อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้เข้ามาลงหลักปักฐานตามแถบลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งทอด ตัวยาวผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยบาดาล สระบุรี และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ณ ริมแม่น้ำป่าสักอันเปรียบเสมือนเส้นชีวิตในการประกอบการกสิกรรม ทำสวน ทำไร่ ทำนา ที่อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวเวียงจันทน์กลุ่มหนึ่งได้อพยพลงมาตั้งหลักปักฐานยึดอาชีพกสิกรรมจนมีฐานะ มั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข มีลูกหลานสืบสกุลมาชั่วหลายอายุคนแล้ว ชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาแต่ครั้งอดีตนับถือศาสนาพุทธ จึงช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาบนฝั่งแม่น้ำป่าสักอันร่มเย็น นับตั้งแต่อำเภอท่าเรือตลอดจนขึ้นไปถึงสระบุรี คือ วัดสะตือ วัดเวียง วัดชุ้ง วัดเพชร และวัดดาวเสด็จ เพื่อไว้ประกอบศาสนกิจ วัดต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ก็ได้มีการพบพระเครื่องอยู่ทุกวัด และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกัน
กลับมาที่วัดเวียง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณเช่นกัน ซึ่งชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นมา และตั้งชื่อว่า "วัดเวียงจันทน์" เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชาวเวียงจันทน์ สืบต่อมาคำว่า "วัดเวียงจันทน์" จะมีความยาวหรืออย่างไรไม่ทราบได้ การเรียกขานจึงตัดคำว่า "จันทน์" ออก และเรียกกันเพียงสั้นๆ ว่า "วัดเวียง" จนทุกวันนี้ จากการสืบค้นสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่และท่านเจ้าอาวาสวัดเวียงดู ก็พอจะทราบได้ว่า พระเครื่องนางพญาวัดเวียงนั้น เป็นพระเก่าแก่ มีมาคู่กับวัด คณาจารย์ท่านผู้สร้างเป็นพระเถระฝ่ายลาวจากเวียงจันทน์ อพยพมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาได้สร้างวัดขึ้นแล้ว จึงได้สร้างพระพิมพ์คือ พระนางพญาวัดเวียงนี้ขึ้น และปลุกเสกในพระอุโบสถ ต่อมามีการแตกกรุครั้งแรกๆ นั้น ก็พบพระจำนวนมาก เป็นพระเนื้อดินเผา ประทับนั่งปางสมาธิ รูปทรงสามเหลี่ยม มีอยู่หลายพิมพ์ แต่ก็มีพุทธลักษณะคล้ายคลึงกันมาก สันนิษฐานว่า ช่างที่แกะแม่พิมพ์น่าจะเป็นคนๆ เดียว และได้แจกจ่ายกันออกมา ซึ่งในครั้งนั้นก็ไม่ค่อยหวงแหนกันนัก เนื่องจากพระมีจำนวนมาก จนพระได้ร่อยหรอหมดไปในที่สุด
ต่อมาได้มีการพบพระที่อยู่ใน องค์พระเจดีย์ หน้าพระอุโบสถอีกครั้งหนึ่ง เป็นเจดีย์แบบสมัยอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ได้มีเด็กๆ ปีนขึ้นไปเล่นข้างบนองค์พระเจดีย์ ซึ่งปรากฏรอยร้าวอยู่ ก็คุ้ยเขี่ยดู ก็พบพระเครื่องนางวัดเวียงบรรจุอยู่อีกจำนวนมาก กะๆ ดูน่าจะประมาณ 3,000 องค์ พระจำนวนนี้ก็หลั่งไหลเข้าสู่สังคมผู้นิยมพระเครื่องในที่สุด พระนางวัดเวียงในปัจจุบันสนนราคาก็ยังไม่สูงนัก และยังพอหาพบได้ไม่ยากนัก พระนางพญาวัดเวียงเป็นพระเก่าที่น่าศึกษาสะสม เนื่องจากเป็นพระกรุพระเก่ามาแต่โบราณ อีกทั้งมีประสบการณ์ต่างๆ เด่นทางด้านแคล้วคลาดและเมตตามหานิยม

ราคา 800 บาท สนใจสอบถามได้ครับ
☎️โทร. 094-2076208

 

พระสามเหลี่ยมจิ๋วๆ รู้ที่มีกิน

**ปิดการซื้อขาย**

 

สอบถามได้ครับ ช่วงเย็นๆจะมาส่งพระชุดใหม่ครับ

 

หลวงพ่อทวดหมาน พิมพ์กลาง ซุ้มกอ เนื้อว่าน (รุ่นแรก) ปี ๒๕๐๗ ท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี
หลวงพ่อทวดหมาน นั้นมีการจัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ - ปีพ.ศ.๒๕๐๖ ซึ่งถือได้ว่าเป็น “ครั้งแรก” และ “รุ่นแรก” ของวัดทรายขาวเลยก็ว่าได้ โดย ท่านอาจารย์ทิม แห่งวัดช้างให้ ผู้ซึ่งเป็นพระสหธรรมิก กับท่านอาจารย์นอง แห่งวัดทรายขาว ตลอดจนเป็นศิษย์ สำนักนาประดู่เช่นเดียวกันอีกด้วย ได้เป็นประธานดำเนินการจัดสร้าง และกดแม่พิมพ์พระเป็นปฐมฤกษ์ด้วยตนเอง โดยกดพิมพ์พระทั้งหมดที่วัดช้างให้ ควบคู่ไปกับพระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ เนื้อว่านปี พ.ศ.๒๕๐๕ หรือ”รุ่นพินัยกรรม”ของท่านอาจารย์ทิม ที่กำลังโด่งดังในขณะนี้นั่นเอง และได้ประกอบพิธีปลุกเสกอย่างเข้มขลังไปพร้อมๆกันทั้ง ๒ พิมพ์ทรง
โดยได้ประกอบพิธีบวงสรวงอันเชิญดวงวิญญาณของ หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด, หลวงพ่อทวดไกร, หลวงพ่อทวดลิ้นดำ, หลวงพ่อทวดสิทธิชัย และหลวงพ่อทวดหมาน ประทับสู่อาสนะในปะรำพิธี เพื่อเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดช้างให้ เป็นระยะเวลายาวนานถึง ๓ ไตรมาส ต่อจากนั้นก็นำไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถมาหาอุด ของวัดทรายขาว เป็นระยะเวลายาวนานถึง ๓ ไตรมาส เฉกเช่นเดียวกัน และหลังจากนั้น ท่านอาจารย์ทิม ก็ได้นำพระทั้งหมดกลับไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดช้างให้ อีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน ๖ ปีขาล ซึ่งถือว่าเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญที่สุดของวัดช้างให้
ครั้นพิธีพุทธาภิเษกได้เสร็จสิ้นลง ท่านอาจารย์ทิม ก็ได้เก็บพระทั้งหมดไว้ในอุโบสถวัดช้างให้และทำการปลุกเสกเรื่อยมา เพื่อรอมงคลโอกาสอันสำคัญ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ท่านอาจารย์ทิม จึงได้นำพระทั้งหมดย้อนกลับไปประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถมหาอุด ของวัดทรายขาว อีกครั้งหนึ่ง เป็นระยะเวลานานถึง ๓ไตรมาส อีกคำรบหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายในการประกอบพิธีพุทธาภิเษก “พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เนื้อว่าน ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ หรือ รุ่นพินัยกรรม” และ “พระหลวงพ่อทวดหมาน เนื้อว่านรุ่นแรก”
เมื่อพิธีพุทธาภิเษกครั้งสุดท้าย ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้เสร็จสิ้นลง ท่านอาจารย์ทิมก็ได้นำ”พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เนื้อว่าน ปีพ.ศ. ๒๕๐๕ หรือ “รุ่นพินัยกรรม” ทั้งหมด และ “พระหลวงพ่อทวดหมาน” ส่วนหนึ่งนำกลับไปไว้ยังวัดช้างให้ ส่วน “พระหลวงพ่อทวดหมาน” ในส่วนที่เหลือ ท่านอาจารย์ทิม ได้มอบให้เป็น”พินัยกรรม” แต่ท่านอาจารย์นอง แห่งวัดทรายขาว โดยมีปณิธานว่าให้นำออกให้ผู้เคารพศรัทธาเช่าบูชา ก็ต่อเมื่อต้องการปัจจัย รายได้ เป็นทุนทรัพย์ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ต่อไปในภายภาคหน้า
ครั้นเมื่อ ท่านอาจารย์นอง แห่งวัดทรายขาว ได้รับมอบ “พระพินัยกรรม” หรือ “พระหลวงพ่อทวดหมาน” จากท่านอาจารย์ทิม แห่งวัดช้างให้แล้ว ท่านอาจารย์นอง ก็ได้นำ “พระหลวงพ่อทวดหมาน” ทั้งหมดมาเก็บไว้ที่วัดทรายขาว และก็ได้นำพระบางส่วนมาแจกให้กับลูกศิษย์ และคนใกล้ชิดที่ได้ทำบุญในกรณีพิเศษกับท่าน อ.นอง ส่วนที่เหลือก็ได้เข้าร่วม พิธีพุทธาภิเษกกับพระหลวงพ่อทวดที่ท่าน อ.นองได้จัดสร้างขึ้นมา ตั้งแต่ ปี๒๕๑๔ และเรื่อยมาจนถึงปี๒๕๔๒ จนท่านได้มรณะภาพลง เพราะฉนั้นจึงถือได้ว่าเป็น พระที่ได้เข้าพิธีมาร่วม ๕๐ ปี ที่ยาวนานมากๆ

ปิดการซื้อขายครับ

 

จองคับ

 

รับทราบการจองครับ

 

พระพิฆเนศหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี สร้างราวปี 2470-2480
พระพิฆเนศวร์เป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ มีศิลปการสร้างคล้ายกับกริ่งเขมรยุคเก่า อุดกริ่งในตัวที่สะโพก ใต้ฐานมียันต์ เนื้อทองผสม บางแห่งแก่ทองจนมองเห็นเป็นประกายทอง(เกล็ดกระดี่ทอง) คราบเบ้า สนิม สวยงามตามธรรมชาติ ในมือถือครบอาวุธครบมือ สภาพน่ารักเนื้อหาเข้มขลังดูง่ายชัดเจนเนื้อหามันส์ๆ ครับ อายุพระจะร้อยปีแล้วครับ เรื่องความเก่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับท่านได้เป็นลูกศิษย์และไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่ามาครับ อายุพระเกือบ 100 ปี พระดีพิธีใหญ่ พระเก่าทรงคุณค่า
หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านเป็นอาจารย์ของ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ และอีกหลายพระเกจิอาจารย์ วัตถุมงคลของ หลวงพ่ออิ่ม ที่พบเห็นส่วนใหญ่เป็นพระหล่อแบบโบราณ เนื้อทองผสมแก่ทองเหลือง รวมทั้ง นางกวัก และ แหวน ลวดลายต่างๆ พระพิฆเนศองค์นี้เนื้อสวยเก่าจัดคนเล่นสายรูปหล่อจะรู้กันดี พิมพ์ลึกคมชัด

#ปิดครับ

 

เหรียญครูบาศรีวิชัย ปี ๒๕๓๖ เนื้อนวะโลหะ บล็อคสองขอบ ตอกโค๊ต ส สวยๆเดิมๆ
เหรียญ ครูบาเจ้าศรีวิไชย รุ่นสิริวิชโย ๑๑๕ ปี วัดบ้านปาง เป็นเหรียญครูบาเจ้าฯ อีกรุ่นหนึ่งที่มีความงดงาม สมบรูณ์ ทั้งด้านหน้า และด้าน หลังเหรียญ และยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากการสร้างของ คุณ นิตย์ พงษ์ลัดดา โดยมีพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์ เจ้าภานุพันธุ์ ยุคล เป็นองค์ประธาน
มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นทุนบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ และทุนการศึกษาครูบาเจ้าศรีวิไชย วัดบ้านปาง อ. ลี้
มีแผ่น,ทอง,นาค,เงิน ลงอักขระอธิฐานจิตจากวัด ๙ วัดซึ่งมีนามเป็นมงคลดังนี้
–วัดศรีเกิด
-วัดดวงดี
–วัดชัยมงคล
–วัดชัยพระเกียรติ
–วัดหม้อคำตวง
–วัดหมื่นเงินกอง
–วัดหมื่นล้าน
–วัดเชียงยืน
–วัดเชียงมั่น
พิธีพุทธาภิเษกขึ้น เมื่อ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ โดยพระสุปฎิปันโนศิษย์สุดยอดเกจิแห่งล้านนาสายครูบาเจ้าศรีวิไชย อธิษฐานจิตลงอักขระ แผ่นทอง นาค เงิน เช่น
๑) ครูบาสิงหวิชัย วัดฟ้าฮ่าม จ.เชียงใหม่
๒) ครูบาอินทร์ วัดฟ้าหลั่ง จ.เชียงใหม่
๓) ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่
๔) ครูบาคำปัน วัดหม้อคำตวง จ.เชียงใหม่
๕) ครูบาชัยวงศ์ วัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
๖) พระครูสังวรญาณ สำนักปฎิบัติธรรมสังวราราม จ.ลำพูน
๗) พระเทพสิทธาจารย์ วัดพระธาตุดอยสุเทพ
๘) พระครูบวรสุขบท(ครูบาสุข) วัดป่าซางน้อย จ.ลำพูน
๙) ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล จ.เชียงใหม่
๑๐) ครูบาประเทือง วัดบ้านเด่น จ.เชียงใหม่
เหรียญยอดนิยม ออกแบบได้งดงาม พิธีสร้างดี เจตนาทำดี และออกจากวัดบ้านปาง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของครูบาเจ้าศรีวิชัยและเหรียญดังอีกหลายรุ่น ทำให้เหรียญรุ่นนี้ไต่ลำดับมาเป็นพระนิยมในเวลารวดเร็ว
โดยประสบการณ์เป็นที่เล่าว่ามัคคุเทศน์ได้ไปปางช้างและทำพิธีลอดท้องช้างทั่วไป การลอดคือการให้ช้างข้ามตัวผู้คนที่นอนอยู่นั่นเอง เป็นที่น่าแปลกใจก็คือ เมื่อไปถึงมัคคุเทศน์ผู้นั้นช้างกลับไม่ยอมข้าม
มัคคุเทศน์ผู้นี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากห้อยเหรียญครูบา ๑๑๕ ปี นี้ หลังจากปลดออกแล้ว ช้างก็ยอมที่จะข้าม จึงเป็นที่มาของครูบาช้างไม่ข้ามโด่งดังมากครับ

ปิดการซื้อขาย