อานิสงส์ของบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ปิดทอง หน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 มีนาคม 2006.

  1. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ขอต่ออีกนิดหนึ่ง เวบนี้ก็คงเติบโตเรื่อยๆ พร้อมๆกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจะว่าไปแล้ว เวบพระพุทธศาสนาทำนองนี้กำลังเริ่มเจริญเติบโต เชื่อแน่ว่าในอนาคต ผู้คนจะต้องฝักใฝ่ธรรมมากกว่านี้ การประชาสัมพันธ์งานบุญก็เป็นวงกว้างมากกว่านี้

    ก็ขอให้คุณณรงค์ คุณพัชนี และคณะ แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเวบนี้บ่อยๆนะครับ จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนประชาสัมพ้นธ์งานบุญต่างๆ และจะได้พบพัฒนาการของเวบไซต์แห่งนี้

    ผมขอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ มีธุระจะต้องไปจัดการ เดี๋ยวดึกๆค่อยเข้ามาใหม่
     
  2. Kenichi

    Kenichi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ผมร่วมทำบุญด้วยนะครับ พึ่งโอนเงินไป 500 บาท ทาง atm bbl bank ครับ ตู้สาขาโลตัส ลาดพร้าว bbl bank ครับ
    Record no. 2850
    FR 0079786
    อนุโมทนาด้วยครับ กราบแทบพระบาทองค์ปฐมด้วยความเคารพนอบน้อมครับ
     
  3. Kenichi

    Kenichi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ลืมไปครับ ผมขอทำบุญสร้างองค์ปฐม และ วิหารแก้วนะครับ
    ผมส่งไดอารี่ให้พี่แล้วครับ ชอบไม่ชอบติเลยนะครับ
     
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ขอโมทนา ในความตั้งใจอันดียิ่ง ของคุณณรงค์ฯ ที่นำข้อมูลเก่าที่ผมเคยโพสไว้....
    นำมาต่อเข้าเรื่อง ประสานกันได้เป็นอย่างดี.... อย่างที่ผมก็คาดคิดไม่ถึง....

    ซึ่งก็คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ศรัทธา จะได้ทราบเรื่องราว ความเป็นมา ได้ดียิ่งขึ้น
    (ตอนแรก พอเข้ามาใหม่.. มาเข้าที่หน้า 3 ไม่ทันเห็นหน้าที่ 2 ผมก็ งง งง ครับ)

    ขอเรียนย้ำว่า ดียิ่งนัก และขอโมทนาเป็นอย่างสูง....

    (ส่วน ชื่อ ไฟล์ ในวงเล็บ เป็นการเตรียมนำภาพเสนอประกอบข้อความ เท่านั้น ครับ)
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ขอโมทนา และขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ครับ....
    (แอบกระซิบ.. กัปตัน ครับ เที่ยวหน้าขอตั๋ว ลดเปอร์เซ็นต์ ให้บ้าง ดิ๊.... อิ อิ เพิ่มยศ)

    ผมกระซิบมา.. ไม่มีใครได้ยิน ใช่ไหมครับ(เพราะทุกคนอ่าน .. ไม่ได้ฟัง นี่นา ฮา...)
     
  6. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ขอกราบโมทนากับคุณ khomeraya ครับ
    ขอกราบโมทนากับคุณ Kenichi ด้วยครับ ได้มีโอกาสร่วมบุญกันอีก
    และขอกราบขอบพระคุณ คุณมหาหิน เป็นอย่างยิ่งครับโมทนาในกุศลจิตด้วยครับ
     
  7. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    วันนี้มาต่ออีกหน่อยนะครับ
    พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะตายกันเมื่อไร.... อาจเป็นวันนี้ก็ได้.... เมื่อมีโอกาสทำความดี พึงทำไว้ก่อน....<O:p</O:p
    เป็นการไม่ประมาท ใช่ไหมครับ....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การเดินทางท่องเที่ยว ไปต่างจังหวัดก็ดี ต่างประเทศก็ดี....<O:p</O:p
    เราก็ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้า สิ่งของ เงินทอง เครื่องอำนวยความสะดวกนา ๆ ประการ....<O:p</O:p
    เพื่อให้สามารถท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ใช่ไหมครับ....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่ทว่า แล้วจะมีสักกี่คนหนอ ??? ที่จะสามารถคิดถึง และจัดเตรียมเครื่องอำนวยความสะดวกไปด้วย.... <O:p</O:p
    หลังจากที่ตัวเองตายไปแล้ว เพื่อให้ตัวเราสามารถอยู่ในภพ ในภูมิ ที่ตัวเองปรารถนา อย่างมีความสุข ....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลาย ๆ ท่าน ก็บอกว่าสบายมาก รู้แล้ว เตรียมตัวเอาไว้แล้ว...<O:p</O:p
    บางท่านอาจจะถามว่า แล้วจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไรบ้างละ...<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็ขอน้อมนำคำสอนขององค์หลวงพ่อฯ มาเล่าสู่กันฟังว่า....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คิดได้ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน(ตายแน่ ๆ) แต่ก็ไม่แน่นอน(ก็ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อใด)....<O:p</O:p
    ดังนั้น ควรบำเพ็ญทานบารมี เท่าที่ทำได้ ไม่เดือดร้อนแก่ตน ป้องกันไว้ เป็นการตัด ความโลภ ของตัวเราเอง....<O:p</O:p
    ตั้งใจรักษาศีล อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง ตลอดวันพระ หรือ ตลอดไป ยิ่งดีใหญ่ เป็นการตัดโกรธ....<O:p</O:p
    ไหว้พระ สวดมนต์ ก่อนนอนทำสมาธิ วันละ 3 นาที 5 นาที จะก่อตัวให้เกิดปัญญา ตัดความหลงต่าง ๆ ....<O:p</O:p
    ทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่าทาน ศีล ภาวนา ถึงจะปรารถนาอะไร ก็อธิษฐาน ขอพระนิพพาน เป็นที่ไป ....<O:p</O:p
    ถ้าอย่างนี้ ก็ไม่มีคำว่า ถอยหลัง แล้วครับ เดินหน้าอยู่ในชั้นสวรรค์ หรือพรหม อย่างน้อยสุดก็มนุษย์แนวหน้า....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    และ สามารถเดินหน้า ก้าวเข้าสู่แดนอนันตบรมสุข คือ พระนิพพาน ในที่สุด....<O:p</O:p<O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    พอพูดถึงเรื่องงานสร้างบุญทานบารมี ศีลบารมี....<O:p</O:p
    ก็บังเอิญ ผมได้อ่านหนังสือเล่มอีกเล่มหนึ่ง เห็นว่ามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องกับงานสร้างบุญบารมี....<O:p></O:p>
    ที่น่าจะมีประโยชน์กับพวกเรา จึงขอนำมาลง ให้ได้อ่านกัน นะครับ....<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    จากหนังสือโพธิญาณแห่งล้านนา หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม กล่าวไว้ว่า....<O:p></O:p>
    (ส่วนข้อความในวงเล็บ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของกระผมเองครับ ผิดพลาดไป กระผมก็ขอกราบขมาต่อพระรัตนตรัย จนถึง หลวงปู่ฯ เป็นที่สุด ได้โปรดอดโทษแก่ลูกด้วยเถิด เนื่องด้วยไม่มีเจตนาในทางชั่วใด ๆ) <O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่วงศ์ฯ ท่านเร่งรัด และให้รีบสร้างบุญบารมี ไว้ว่า....<O:p></O:p>
    เวลาของพวกเรามีน้อย จะทำอะไร(บุญ) ก็ให้รีบทำ . . . .<O:p></O:p>
    (100 ปีมนุษย์ เท่ากับ 1 วันของดาวดึงส์ แล้วพวกเรา ยังคงคิดประมาทกันอยู่ไหมว่า ตัวเรายังไม่แก่เท่าใดเลย....)<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  8. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง ความประมาทในบุญบารมี ว่า<O:p</O:p
    โยมที่ไม่ได้บำเพ็ญบุญ ทำมาหาเลี้ยงชีวิตจนแก่เฒ่า ไม่ได้ไปวัด ไม่รักษาศีล ไม่บำเพ็ญภาวนา จะไปทำบุญ
    ก็ขี้เกียจ ไม่ไป อ้างว่าไม่มีเงิน ไม่มีข้าว ไปก็เสียเวลาหาเงิน พอถึงเวลาป่วย จะตาย ก็จะนึกถึงพระ นึกถึงบุญ ขอให้บุญช่วย จะเอาบุญที่ไหนมา เพราะไม่ได้ทำเอาไว้ พอเวลา ไม่ป่วย ไม่ไข้ ก็ไม่ทำ <O:p</O:p
    (เหมือนหลวงปู่ฯจะบอกว่า เวลาไม่เดือดร้อน ไม่มีทุกข์ ก็ไม่เคยคิดถึงบุญ พวกเรายังประมาทกันอยู่ไหมหนอ..)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง โชควาสนา ว่า<O:p</O:p
    เรื่องโชคต่าง ๆ เรื่องเงิน เป็นเรื่องเล็ก โชคบุญเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าบุญมีกับตัวแล้ว นั่นแหละเงินก็มาเอง ตามวาสนาที่เราสร้างไว้แต่อดีต ถ้าไม่ได้สร้างก็ไม่ได้ ถ้าสร้างก็ได้ มีสองทาง<O:p</O:p
    (ตัวเราจะรู้หรือว่า บุญเก่า มี หรือไม่มี ไม่เป็นการประมาท เราก็สร้างบุญใหม่ไว้ก่อน ป้องกันบุญเก่ามันหมด....)<O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง ศีลบารมี ว่า<O:p</O:p
    บวชจิต บวชใจ ก็รักษาศีล 5 ศีล 5 นี่เก่งมากเหมือนกัน นางวิสาขารักษาศีล 5 ช้างตกมันวิ่งเข้ามาจะแทง นางก็นึกถึงศีล 5 เอามือชี้หัวช้าง ช้างก็หมอบร้องคราง แทงไม่ได้ นั่นคือฤทธิ์ของศีล 5 ช้างไม่แทง<O:p</O:p
    (พวกเรามีพระดี สุดยอด อาราธนาขอให้คุ้มครองกาย ก็คิดว่าพวกเรามีศีล 5 กันครบแล้ว ใช่ไหมครับ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง ความเชื่อในบุญบารมี ว่า<O:p</O:p
    บางคนปรามาสบุญ คิดว่า เราไปวัดทุกวัน ทำไมจึงยังมีความทุกข์ มีคนอิจฉาริษยา มีคนรังแก ไม่ไปทำบุญจะดีกว่า ไปทำบุญก็ป่วยไข้ คนไม่ไปทำบุญเขาก็อยู่สบายดี การปรามาสบุญอย่างนี้ เป็นการไม่เชื่อบุญ ก็จะไกลจากนิพพาน <O:p</O:p
    (ทำดีได้ดี มีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป พวกเรายอมรับในเรื่องกฎแห่งกรรมกันไหมครับ เรื่องที่ทำชั่วได้ดี มันก็ กรรมดีแต่ก่อนเก่าเข้ามาสนองผลนั่นเอง ส่วนกรรมชั่วที่ทำ ก็จะต้องมาสนองผลเช่นกัน จะช้าหรือเร็ว เท่านั้น)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง ทานบารมีที่ได้ผลใหญ่ ว่า<O:p</O:p
    ถ้าทำ ของทาน ให้สูงให้สะอาดดี เราอยู่ต่ำกว่า ของทาน ยอมตัวเป็นข้าแก่ ทาน ก่อน จึงจะได้บุญมาก<O:p</O:p
    ถ้าเราเป็นใหญ่กว่าทานแล้ว บุญน้อย บุญไม่ใหญ่ เป็นเจ้าแก่ทาน ถ้าเป็นข้าแก่ทาน ของบุญนี่ต้องยกสูง ทำให้สะอาด ดี ๆ ทำอะไรอย่าให้มันเหม็นบูด อะไรดีก็ถวาย ให้ทานสูงกว่าเรา เรานี่ยอมเป็นขี้ข้า อยู่ใต้ ของทาน<O:p</O:p
    เราเป็นข้าแก่ทาน บุญนี้จะช่วยเราได้ง่าย เพราะเราต่ำกว่า ของทาน ของทานใหญ่ สูงกว่าเรา อย่างบ้านเราใหญ่ บ้านเตี้ย เราใหญ่กว่าบ้าน ก็เข้าอยู่ไม่ได้ . . . . ถ้าบ้านใหญ่ เราก็อยู่ได้ ร่มดี <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  9. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ไปทำบุญก็วางก้ามเ(ก็พึงได้ข้อคิดสำหรับบางคนที่ไปทำบุญแล้ว ก็คิดว่าเป็นบุญคุณ เรามีคุณแก่ท่านนั้น เรามีคุณแก่ที่นี่ บางคนป็นเจ้าใหญ่นายโต เป็นใหญ่มาไม่รู้ว่ากี่ชาติต่อกี่ชาติ หรือบางทีบอกบุญมาแล้ว รวบรวมเป็นก้อนใหญ่ก็เสนอหน้าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หรือไม่ก็ ทำบุญเพื่ออวดอ้าง เพื่อเอาหน้าเอาตา ก็ควรระวังว่าจะมีอานิสงส์ทำให้ได้หน้าตาใหญ่โตกว่าประตูบ้าน เข้าไปอยู่ในบ้านไม่ได้ ก็เดือดร้อน หรือไม่ก็มีแต่หน้า มีแต่ตา แต่ไม่มีหัว ไม่มีคอ.... เป็น อะไรกันละ.... เฉลย....ก็ ปู ไงครับ.... ตัวใหญ่กว่ารูปู รอแต่ที่จะเป็นอาหารของผู้อื่น)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าว เรื่อง การพำเพ็ญบุญเพื่อการตัดตรงไปพระนิพพาน ว่า<O:p</O:p
    ปัจจุบันที่พวกเราทำบุญนี่ เห็นหลวงพ่อองค์นั้นก็น่าติดตาม องค์นี้ก็น่าติดตาม เป็นเจ้าบุญ เจ้าคุณ ของเราทั้งหมด ที่จริงก็ดีกันหมดทุกองค์ อยู่ที่ไหนก็ขอให้ไปทำบุญ ไปกราบ ไปไหว้ ขอบุญมาช่วย ตัวใครตัวมัน เพื่อให้ได้ถึงพระนิพพานเร็ว ๆ แต่มันจะติดอยู่ที่ว่าขอปรารถนาร่วม ขอติดตามหลวงปู่ด้วยนะ ขอเป็นลูกศิษย์ ขอติดตามองค์นั้น องค์นี้ หลวงปู่ไปก็ขอไปตาม ขึ้นสวรรค์ก็ขอขึ้นตาม เกิดก็เกิดด้วย อย่างนี้มันติดพัน ไปนิพพานยังไม่ได้ อย่างที่มานี้ มาติดตามหลวงปู่ ชอบหลวงปู่จะขอไปนิพพานกับหลวงปู่ มันช้า แต่ถ้ามาทำบุญนี่ เพื่อขอบุญจากหลวงปู่ ให้หมดกิเลสเร็ว ๆ ขอให้ลูกไปนิพพานเร็ว ๆ ไม่ต้องรอหลวงปู่ก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่ต้องรอหลวงพ่อก็ได้ เมื่อบุญมาก ก็ไปเร็ว<O:p</O:p
    (ท่านเองไม่เคยหวงลูกศิษย์ ใครเต็มแล้ว ท่านก็ไล่ให้ไปก่อนเสมอ ไม่ต้องรอ เกิดอีกก็ทุกข์อีก ส่วนตัวของท่าน เนื่องจากสัจจะที่ตั้งมั่น จึงยังช้า รอลากลูก เข็นหลาน อีกมากมาย จากข้อนี้ก็พอจะมองเห็นความเมตตา ความกรุณา ในพรหมวิหาร ของท่าน ว่า สูงส่งเพียงใด....)<O:p</O:p<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง ความโกรธ ในมโนกรรม และกายกรรม ว่า<O:p</O:p
    การหนีกรรม ก็ต้องทำบุญไปเรื่อย ๆ และงดเว้นไม่ทำกรรมชั่วทุกอย่าง อภัย ไม่เกี่ยวข้อง แกจะทำฉันก็ช่าง แต่ฉันไม่ทำแก ฉันไม่สู้แกแล้ว อภัยโทษทุกอย่าง อย่าเป็นกรรมเป็นเวรต่อไป ฉันไม่เอาแล้วฉันทิ้งแล้ว ก็จะเบาขึ้น ถ้าโกรธอยู่เอาเวรอยู่มันก็ยังไม่พ้น ถ้าโกรธแล้วหายลืมไปก็ไม่เป็นไร ถ้าปล่อยให้ไหม้ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ดี มึงไหม้กู กูไหม้มึง ก็ไม่จบ โกรธแล้วโกรธอีก ไม่พอใจอีก เกลียดอีก ถ้าโกรธแล้วหายก็ไม่เสีย ถ้าคิดไม่ดีกับคนอื่น ก็เป็นมโนกรรม ถ้าขอขมากันก็หลุดพ้นง่าย ถ้าไม่ขอขมาก็หนีกรรมไม่ออก ถ้าโกรธคิดจะฆ่ากันจริง ๆ แล้วพิจารณาด้วยปัญญาว่าเป็นของไม่ดี แล้วรีบแก้ไขเสีย จิตก็ไม่มัวหมองไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับตกนรก<O:p</O:p
    ถ้าทำเป็นกายกรรม ลงมือทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย จึงจะตกนรก<O:p</O:p
    (เวร ย่อมระงับได้ ด้วยการไม่จองเวร .... ใครทำให้เราโกรธ แล้วไม่โกรธตอบ นี่ อาจจะทำได้ยากไปบ้าง เพราะพวกเราต่างก็ยังมีกิเลสเต็มหัว หลวงพ่อฯ หลวงปู่ฯ ต่างก็สอนสั่งว่า อย่างน้อย ก็เก็บความโกรธเอาไว้ในใจ
    ไม่โต้ตอบ ไม่ให้ไหลออกมาทางวาจา หรือทางกาย ตอบโต้ทางในใจฝ่ายเดียว แล้วค่อย ๆ ใช้ปัญญาพิจารณา เพียรพยายามให้เห็นประโยชน์ของคำว่า อภัย ให้ได้ ใหม่ ๆ ก็อาจจะนานหน่อยจึงจะหายโกรธ บ่อย ๆ เข้า ก็จะคลายโกรธได้เร็วขึ้น)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  10. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง การนินทา ว่าร้าย ในเรื่องของคนอื่น ว่า....<O:p</O:p
    คนทำผิด โทษก็ตกอยู่กับคนทำ เราไปเห็นแล้วอย่าไปเก็บเอามาบ่นว่านินทา เล่าไม่รู้หยุด ทำให้เกิดโทษกรรม อย่างเราเห็นเขาฆ่าคน หรือสัตว์ เราก็เล่าให้คนฟังไปเรื่อย ๆ ในที่สุดเราจะเป็นผู้ฆ่าคน ๆ นั้น ด้วยคำพูดของเรา ถ้าเราไม่เล่าเรื่องนั้น ก็จบไป การเล่าต้องเล่าให้พอดี อย่าเอาโทษมาให้เรา คนฟังแล้วก็เอาไปพูดต่อว่า เราว่าอย่างนั้น อย่างนี้ ก็จะเป็นเวรสืบต่อกันไป ผิดแล้วก็ขออภัยโทษกัน อภัยแล้วก็แล้วกันไป อย่าไปกินแหนงกัน ด่าเขาแล้ว ก็ขออภัยโทษ คนทั้งหลายก็จะยินดีกับเรา . . <O:p</O:p
    รู้สึกตัวแล้ว พิจารณาโทษตัวเองก็จะเป็นคนดี พยายามรักษาตัวไปเรื่อย ๆ อย่าให้เรื่องมันมากขึ้นไป มากที่มีคนต่อ ถ้ามีคนว่าอะไรเรา เราก็เฉยไม่มีโทษ เราก็ขออภัยเขาเสีย แล้วอย่าเอาไปเล่าต่อ ถ้าเล่าเรื่องมันก็ไม่หาย ถ้าจะเล่าก็เอาเรื่องดีไปเล่า เช่น เล่าคุณงามความดีของเขา ของไม่ดี คำโกหกของเขา ก็อย่าเล่า ให้มันดับไป เห็นดีจริงจึงเล่า ดีไม่จริงก็เฉยไว้ก่อน <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  11. piaprakhueng

    piaprakhueng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,022
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมได้โอนเงินเข้าบัญชีพระตุดีวงค์ษาพระบาท เลขบัญชี 347-2-31364-8 เมื่อเวลา 11.02 น. วันที่ 10 /04/06 เพื่อเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐมปิดทองหน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว ( บัญชี 2 ) จำนวนเงิน 1,600 บาท
    รายละเอียดมีดังนี้
    ผมเองทำบูญเป็นเจ้าภาพ 500 บาท
    ห้องเสื้อ" นพวรรณ " สุขุมวิท 101/1 1,000 บาท
    คุณ ทวีศักดิ์ 100 บาท
    รวมเป็นเงิน ทั้งหมด 1,600 บาท
    และ ผมขออนุโมทนาทุกๆคน ที่ทำบูญทุกๆรายการด้วย สาธุ ๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2006
  12. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ขอกราบโมทนาสาธุอย่างยิ่ง กับคุณ piaprakhueng และคณะทุกท่าน ขออานิสงส์ของผลบุญที่ทำไว้ดีแล้วนี้จงเป็นปัจจัยให้คุณ piaprakhueng และคณะ จงสำเร็จในสิ่งที่พึงปรารถนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตราบได้เข้าถึงซึ่พระนิพานด้วยเทอญ
     
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ฮ้อ.. พี่เปียฯ มาแล้ว
    กราบโมทนาในบุญของพี่เปียฯ และคณะฯ เป็นอย่างยิ่ง ครับ....
    (bb-flower
    สาธุ สาธุ สาธุ....
     
  14. piaprakhueng

    piaprakhueng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,022
    ค่าพลัง:
    +2,500
    เช่นกัน.....ผมขออนุโมทนากับงานบูญของท่าน " มหาหิน " ทุกๆ งานบูญ ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ได้รับไดอารี แล้วครับ.... สวยมาก....
    หากผมไม่ได้ใช้งาน ผมจะนำถวายพระ... เพื่อคุณKenichi จะได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น

    ขอขอบพระคุณ และโมทนายิ่ง....
    มหาหิน
     
  16. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    เนื่องจากเราสร้างบุญสร้างกุศลบำรุงพระพุทธศาสนาบูชาคุณพระรัตนะตรัย สร้างศาสนะสถานที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้ ซึ่งจะมีการทำนุบำรุงสถานที่แห่งนี้สืบต่อกันไปจนสิ้นกาลสมัยพระศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา และบุญที่เราทำไว้ตรงนี้จะมีอานิสงส์เกิดขึ้นตลอดยาวนานอีกเหมือนกัน ตราบใดที่ยังมีผู้มาใช้มากราบมาไหว้สถานที่แห่งนี้บุญกุศลก็จะบังเกิดกับผู้ที่สร้างสถานที่แห่งนี้ไว้ตลอดไปเช่นกัน วัดพระพุทธบาทห้วยต้มตั้งแต่อดีตผ่านมา มีพระผู้ทรงบารมีสูงเป็นเจ้าอาวาสติดต่อกันมาถึงเก้ารูป(ถ้าจำไม่ผิด ) ที่ละสังขารไปแล้ว องค์หลวงปูชัยยะวงค์ศาพระโพธิสัตวเจ้า ได้ทรงสร้างทำนุบำรุงพระพุทธสถานพระศาสนาไว้มากมายแม้ท่านละสังขารไปแล้วก็ยังให้ลูกศิษย์ลูกหาสืบสานต่อเพื่อคงไว้ซึ่งพระศาสนาให้เจริญยิ่งๆขึ้นต่อไป มาบัดนี้เราลูกหลานก็มาร่วมกันสานต่อไปเป็นการสนองคุณอันประมาณไม่ได้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราโดยตรง

    จะขอยกคำสอนของหลวงปู่ท่านสอนไว้ที่คุณมหาหินได้เคยโพสไว้มาลงต่อให้จบ เพื่อท่านที่ยังไม่เคยได้อ่านจะได้อ่านต่อไป
     
  17. Kenichi

    Kenichi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอบพระคุณมากครับพี่มหาหินครับ
     
  18. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง การปิดยอดบุญ และบาป การตัดสินใจทำบุญเร็ว และการทำบุญช้า ว่า<O:p</O:p
    อย่างคนทำบาป มีอยู่ 5 คน จะฆ่าวัวตัวหนึ่ง เจ้าของวัวจะขาย 520 บาท คน 5 คนก็ประชุมกันจะซื้อวัวตัวนั้นมาฆ่า คน 5 คนก็มีเงินคนละ 100 บาท 5 คน ก็ 500 ขาดอีก 20 บาท เจ้าของวัวก็บอกว่า ไม่ได้ ต้องได้อีก 20 บาท ก็ไม่ยอมขาย จะเอา 520 บาทให้ได้ ก็ขึงกันอยู่ จะทำไม่ทำดี ก็พอดีมีคนมาอีกคนหนึ่งเข้ามาถามว่า จะทำอะไรกัน คนทั้ง 5 ก็บอกว่าจะซื้อวัวมาฆ่าสักตัวหนึ่ง เจ้าของจะเอา 520 บาท ยังขาดอีก 20 บาท ชายคนนั้นก็บอก ฉันจะร่วมด้วย เอาเงิน 20 บาทส่งให้ เจ้าองวัวก็ขายให้ ชายทั้ง 5 ก็เอาวัวมาฆ่า คนที่จ่ายเงิน 20 บาท รับบาปมากกว่าคนที่จ่ายเงิน 100 บาท เพราะถ้าไม่ได้เงิน 20 บาทนั้น วัวก็ไม่ตาย <O:p</O:p
    สร้างบุญกุศล ก็คล้ายกัน ถ้าสร้างของมีค่าสูง แต่ยังอยู่สุดท้ายนิดหนึ่ง หาที่ไหนไม่ได้ สมมติยังขาดอีก 100 บาท ถ้าได้ 100 บาทก็จะสำเร็จไปเลย คนที่มาทีหลังเอา 100 บาทมาเติม คนนั้นก็จะได้บุญมากกว่าคนอื่น<O:p</O:p
    แต่ก็ไว้ใจไม่ได้นะ มัวแต่รอเป็นคนท้าย เขาออกไปเยอะแล้ว เลยไม่ได้ออก คนออกครั้งแรกก็ได้ไปแล้ว ถ้าจะรอเอาที่อานิสงส์แรง ๆ ก็เลยอดเลย จะว่าโลภ ก็บุญ ค่อยยังชั่วหน่อย <O:p</O:p
    (ภาษิตบางครั้งก็ว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม.... บางที น้ำขึ้น ก็ให้รีบตัก.... อันนี้ ก็ต้องดูโอกาสอันเหมาะสม ไม่ใช่ว่า น้ำจะท่วมหลังคาบ้านอยู่แล้ว ก็ยังดันทุรังจะตักน้ำ ก็ไม่รู้ว่าจะตักเอาไปไว้ที่ไหน จริงไหมครับ)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  19. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง บารมี 30 ทัศ ว่า<O:p</O:p
    สร้าง บารมี ไปเรื่อย ๆ บารมี ตั้งแต่คำท่อง ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี สร้างบารมีได้อย่าง ทุกวันนี้ แค่บารมี 10 ทัศ ยังไม่หนักเท่าไร เล่น ๆ ทำไปเขาบอกอย่างใดก็ทำไปอย่างนั้น โดยไม่มีเจตนาเท่าไร เจตนามีไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ทำไปส่ง ๆ รักษาศีลก็รักษาไปอย่างนั้น ไม่เห็นคุณของศีล รักษาศีล ก็นึกถึงศีลอยู่เรื่อย ๆ ก็ได้แล้ว สร้างบารมี รวมทั้งหมด ครบ 10 <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้าจะเอา 20 ก็ทานอุปบารมี ศีลอุปบารมี เนกขัมมะอุปบารมี ปัญญาอุปบารมี วิริยะอุปบารมี ขันติอุปบารมี สัจจะอุปบารมี อธิษฐานอุปบารมี เมตตาอุปบารมี อุเบกขาอุปบารมี เป็นทศอุปบารมี <O:p</O:p
    อุปบารมี นี่ เจตนาทำทานด้วยตนเอง ตั้งใจเองทำทุกอย่าง ทานไม่มี มีอะไรก็ขวนขวายหาจนได้ อยากจะได้เงินวันนี้ก็ไปรับจ้างหามา ศีลอุปบารมี รักษาศีลให้มั่นคงยิ่งขึ้นไป ไม่โกรธ ไม่เกลียดอะไร ปัญญาบารมี ตั้งปัญญาคิดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เราจะตัดกรรม ตัดเวร ตัดโทษทุกอย่าง สร้างให้ได้ ให้บารมีเก่งกล้าขึ้นกว่านี้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เป็นปัญญาอุปบารมี วิริยะอุปบารมี ตั้งความเพียรยิ่งกว่านี้ บางคนยังไม่ได้กินข้าวเย็น บางคนก็เหนื่อยอยากง่วงหลับ ตั้งใจไว้ถ้าไม่ได้ไปวันนี้ ก็จะไม่ได้ไป ไปจนได้ เหนื่อยก็ช่าง ไม่เหนื่อยก็ช่างมาจนได้ เป็นวิริยะอุปบารมี ส่วนขันติอุปบารมี สัจจะบารมี ตั้งใจไว้แล้วก็ต้องอยู่ ใครชวนไปไหนก็ไม่ไปมาจนได้ อธิษฐานอุปบารมี อธิษฐานใจว่าจะไปจนได้ พูดแล้วต้องไป เป็นอธิษฐานอุปบารมี เมตตาอุปบารมี เมตตาแล้ว ก็เมตตาอีก สงสารตัวเองจะไม่ได้บุญ อุเบกขาอุปบารมี ใครจะพูดร้ายอย่างไรก็ช่าง ด่าอย่างไรก็ช่าง ไม่ยอมถอย ไม่ยินดียินร้ายกับเขา ยินดีซึ่งบุญคุณทานอย่างเดียว พยายามมาจนได้ เป็นทศอุปบารมี เป็นบารมี 20 <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทศปรมัตถ์บารมี นี่ สมมติเราได้อาหารมา เราอดข้าวไม่ได้กินข้าว ไม่มีเงิน เงินหาได้ บุญหายาก พอดีมีคนมาขอก็ให้ไป เราจะหวงไว้ไม่มีประโยชน์ มีเงินร้อยก็ดี เงินสิบก็ดี เท่าใดก็ดี เก็บหมด เก็บเอาเงินนั้น มาทำบุญ เป็นทานปรมัตถ์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (ขั้นปรมัตถ์ นี่ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ยอมตายเลยครับ ยกตัวอย่าง สัจจะบารมี ตั้งใจ และพูดออกไป พูดอย่างไร ก็พึงทำอย่างนั้น หากไม่ทำเช่นที่พูด ก็ยอมตายเสียจะดีกว่า.. นี่ ปรมัตถ์ เป็นเช่นนี้ ดังนั้น จะพูดจะจา ให้สัญญา อะไร ก็ต้องพึงระมัดระวังกันไว้.... บารมีอื่น ๆ ก็ เช่นเดียวกัน.... ก็ลองพิจารณาถึงตัวเราเอง อย่างชนิดที่ไม่เข้าข้างตัวเอง ดูนะครับ ว่า .... ขณะนี้ เราอยู่ตรงบารมีไหนกันแล้ว ครับ....)<O:p</O:p<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง การนับถือพระพุทธศาสนา ว่า<O:p</O:p
    วัดร้างในอินเดีย เดี๋ยวนี้ถูกพวกมุสลิมทุบแตก เสียหมด ไปยึดถืออัญญทิฏฐิ พระยา เจ้าเมือง ก็เข้ากับพวกนั้น บ้านเมืองก็วอดวายหายสูญ เดี๋ยวนี้เมืองอินเดียขาดน้ำฟ้า สายฝน มีห้วยบ่มีน้ำ เพราะพวกมุสลิมลบล้างศาสนา ศาสนาก็รวดร้างเป็นโทษเป็นกรรมจนทุกวันนี้ บ้านเมืองก็ทุกข์ ทุกข์อย่างบอกไม่ถูก จะพูดถึงก็คล้ายจะปรามาสเขา ก็มันก็ทุกข์จริง <O:p</O:p
    พวกเรา สืบถือศาสนาอยู่ ก็นับว่าดีมาก บ้านช่องก็ยังดีอยู่ พวกนั้นก็ไม่มีบ้านช่องจะอยู่ เอาไม้ก่าย ๆ กัน ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ บางคนก็อยู่กลางดิน กลางถนน ร่มก็ไม่มี เอาผ้าปก ๆ คลุมหัวไป ไม่มีที่อยู่ กรรมเพราะลบล้างศาสนา พวกเขาว่าพระพุทธเจ้าดีจริง แต่ก็นิพพานแล้ว ศาสนาก็หมดไปแล้ว แต่ที่จริง พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ก็ทิ้งศาสนาค้างไว้ให้พวกเราถือต่อ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (พวกเราอยู่ในดินแดนของพระศาสนา หากประมาทไป ถือต่อกันไปเพียงแต่ปาก(ถือศาสนากันตามสมโนครัว ดีแต่พูดว่านับถือ) ไม่ถือด้วยมือ(ปฏิบัติจริงทั้ง ทาน ศีล ภาวนา) แล้วจะหิ้วบุญไปพระนิพพานกันได้อย่างไร)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2006
  20. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    หลวงปู่ฯ กล่าวเรื่อง บุญที่บำเพ็ญเพื่อพระนิพพาน ว่า<O:p</O:p
    พวกเราทั้งหลายที่บำเพ็ญทุกวันนี้ ในชาตินี้คงไม่ได้เจอพระพุทธเจ้า เจอแต่ศาสนา พระธรรมคำสั่งสอนอย่างเดียว บำเพ็ญตามทางพระอริยเจ้าที่ให้ทำในปัจจุบันนี้ จนกว่าจะได้ถึงโสดา สกิทาคา อนาคา ก็ไม่แน่ ตามบุญสมภาร ของใครของมัน ถ้าใครบุญดีก็จะได้ไปเกิดเป็นเทพในชั้นฟ้ารออยู่ พระพุทธเจ้าโคดมของเรายังไม่หมดอายุ 5,000 พระวัสสา จบเมื่อไรพระบรมสารีริกธาตุจะมาชุมนุมกัน รวมกันเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนเดิม จะอยู่ในเมืองไทยนี่ 7 วัน เทศน์ครบ 7 วัน คนหรือเทพที่อยู่ทางนี้ ใครได้ฟังเทศน์จะได้ถึงอรหันต์ จะได้นิพพาน จากนี้ก็เสด็จไปกุสินารา ไปอยู่ที่นั่นอีก 7 วัน คนหรือเทพที่ได้บำเพ็ญไว้แล้ว จะมาฟังเทศน์ได้ถึงอรหันต์ ดับปัญจขันธ์ทั้ง 5 เข้าพระนิพพานพร้อมกับพระพุทธเจ้า แพล๊บหายไปหมดเข้าพระนิพพานรวมหมด ถ้าไม่ขยันทำก็จะบ่ได้ดอก ถ้าคลาดจากนี้ไปก็โน่น พระศรีอาริยเมตไตรยมาโปรดข้างหน้า พวกเราเป็นเทพก็จะได้เจอ ถ้าไม่ได้เป็นเทพ แต่ไปนรก ก็ไม่เจอ<O:p</O:p
    (อย่างนี้ พอจะเป็นกำลังใจกันได้บ้างนะครับ อย่างน้อยรถไฟเที่ยวสุดท้าย ตู้ท้ายสุด ก็ยังดี ใช่ไหมครับ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กราบโมทนา กับทุกท่าน ทุกดวงจิต ที่บำเพ็ญเพียรคุณความดีทุกประการ เพื่อปรารถนาพระนิพพาน ...<O:p</O:p
    สาธุ สาธุ สาธุ
    444.JPG
    จบบทความคำสอนของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงค์ศาพระโพธิสัตว์เจ้าแต่เพียงเท่านี้ ขอกราบขอบพระคุณ คุณมหาหินที่ได้นำคำสอนมาเสนอสู่สายตาเป็นสาธารณะกุศล ผมเป็นเพียงผู้นำมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น โมทนาอย่างยิ่งครับ


    เปิดดูไฟล์ 315807 เปิดดูไฟล์ 315808 เปิดดูไฟล์ 315809 เปิดดูไฟล์ 315810 เปิดดูไฟล์ 315811 เปิดดูไฟล์ 315812 เปิดดูไฟล์ 315813 <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มิถุนายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...