อานิสงส์ของบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม ปิดทอง หน้าตัก 4 ศอก พร้อมวิหารแก้ว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 มีนาคม 2006.

  1. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ไหนๆเราได้มาสร้างสมเด็จองค์ปฐมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกของพระศาสนาพุทธ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินพอมาสมัยพระเดชพระคุณท่านหลวงพ่อพระราชพรหมยานอรหันตสาวกเจ้า ได้นำเรื่องราวสมเด็จองค์ปฐมมาเปิดเผยให้ พวกเราทั้งหลายได้รู้จักนับว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเราเป็นอย่างมาก ที่ได้มีโอกาสทำบุญกับท่านคือสมเด็จองค์ปฐมนี้ เกิดมาชาตินี้กระผมได้มีโอกาสเกิดมาพบพระพุทธศาสนาสมเด็จองค์ปัจจุบันและได้สร้าง องค์พระพุทธรูปซึ่งเป็นองค์แทนได้ทั้งสองพระองค์คือองค์ปฐมและองค์ปัจจุบัน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างที่สุด
    วันนี้กระผมจะขออัญเชิญพระธรรมคำสอนของสมเด็จองค์ปฐมที่ท่านเทศที่เทวะสภาที่หลวงพ่อเราได้ขึ้นไปฟังมาและนำมาเล่าให้ฟังอีกที เผื่อท่านที่ยังไม่เคยได้อ่านได้ฟังจะได้รับรู้รับฟัง กันนะครับ


    คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
    " ดูก่อนท่านทั้งหลายท่านที่มาประชุมทั้งหมดจะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดีขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติลืมความเป็นทิพย์เสียอย่าเพลิดเพลินเกินไปอย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลังจงดูภาพมนุษย์ว่ามนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงานเราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง ทุกอย่างต้องใช้แรงงาน แต่ว่ามาเป็นเทวดามาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความไม่ต้องทำอะไรทั้งหมดร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้าและมีความปรารถนาสมหวังก็หมายความถ้าจะไปทางไหนก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใดความป่วยไม่มีความแก่ไม่มีร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมาจงอย่ามีความเข้าใจผิดว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาลตลอดสมัย ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญ วาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องจุติคือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลาย จงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดีพรหมทั้งหมดที่นั่ง อยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้าที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่าน ยังมีบาปติด ตัวอยู่และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆ ยังมีมากมาย " <O:p</O:p
    (พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลายอาตมาก็ใช้กำลังใจ ดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ใน หนามากเป็นอันว่าทุกองค์ ต่างองค์ ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเอง ก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกันต่อไปองค์ สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า) <O:p</O:p
    " ภิกขุเว..ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย(เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์)และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดจงอย่าลืมว่า ทุกท่านมีบาป ติดตัวมามากมายอาศัยบุญเล็กน้อย ก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้างมาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น นรก(ท่านชี้มือลงเห็นนรก ไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด)ท่านทั้งหลายจะต้อง พุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรม คือบาป ชำระหนี้บาปกว่าจะมาเกิดเป็นคน ก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดานางฟ้า หรือพรหมใหม่ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดีเป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพานเป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่านท่านทั้งหลายจงดูนั่นนิพพาน " <O:p</O:p
    (ท่านยกมือชี้ขึ้นให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้ากับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือสีแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่นั่นมีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมดแล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า) <O:p</O:p
    " ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหมเราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียวและการไปนิพพานนี่ท่านทั้งหลายต้องยึดอารมณ์พระนิพพานเป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดานางฟ้าเก่าๆ ก็ดีอาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมี ความเข้าใจแล้ว ก็แสดงว่า พรหม เทวดา นางฟ้าเก่าๆเป็นพระอริยเจ้ามาก ที่มีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆจะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความว่าจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อนอันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้ เพื่อพระนิพพาน นั่นคือจงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะ ตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลาย ควรจะเคารพไหมถ้าจิตใจของท่าน มีความศรัทธา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ก็เป็นอาการขั้นที่สอง ที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลายจงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม " <O:p</O:p
    (พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่าเทวดาจะไปบวชที่ไหนองค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า) <O:p</O:p
    " ฤาษี..เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดีชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้ เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง 227 เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตามก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วย ธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วย ความสุขเขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี " <O:p</O:p
    (แล้วท่านก็กลับ หันหน้าไปหาเทวดา นางฟ้า กับพรหมว่า) <O:p</O:p" ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีลให้ตั้งเฉพาะศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227 ก็ได้ตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่า การเกิดเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดีมีสภาพไม่เที่ยงจะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้ายในเมื่อการจุติเกิดขึ้นอารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติเราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิด เป็นมนุษย์ ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์)มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่างๆ มนุษย์มีความหิว มีความกระหาย มีความอยากมีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้วจะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์ เราก็หมดสิทธิ์อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดีๆ สร้างไว้เป็นเป็นที่หวงแหนคนภายนอกเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่คนภายในแต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิมท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์เข้าเขตนั้นเลย ทั้งๆที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธินี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุดต้องเดินไปเดินมา ทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียวคือเงินถ้าไม่มีเงิน ก็ ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน " <O:p</O:p
    (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า) <O:p</O:p
    " จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสียเลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยงไม่มีการทรงตัว มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วยในการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายในที่สุดและจงอย่าอยากเป็นเทวดาอยากเป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้ากับพรหม ก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกันเมื่อมีความเกิดขึ้นไนเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดาก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่าเราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์แล้วก็เราจะต้องจุติในวันข้างหน้าตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดานางฟ้าพรหมเก่าๆ มีความเข้าใจดีแล้วคำว่าเข้าใจ บรรดาท่านพุทธบริษัท หมายถึงว่า เขาปฏิบัติได้นี่คืออารมณ์พระโสดาบันกับอารมณ์พระอรหันต์ สำหรับเทวดา นางฟ้าและพรหมใหม่ๆจงตั้งใจไว้เสมอว่า จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไปอย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้นและบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวเรายังมีอยู่ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติความเป็นเทวดาหรือพรหมในภพนี้แล้วทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ จงดูภาพนรกว่าขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิด ดินแดนไหน ที่มีความสุข ไม่มีการงานเราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์และก็ดูเทวดา นางฟ้ากับพรหมมนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่น ทุกคนอยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดา เคยเป็นนางฟ้าเคยเป็นพรหม มาแล้วแต่ว่าท่านทั้งหลาย จงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพานจงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่าดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด... " <O:p</O:p
    (เมื่อพระองค์ตรัสเพียงเท่านี้ พระองค์ก็จบ) <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤษภาคม 2006
  2. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม<O:p</O:p


    " สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้นเป็นของ ไม่ยาก <O:p</O:p
    1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตายอาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
    2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ด้วยศรัทราแท้ (ด้วยความจริงใจ)
    3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
    4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้าและพรหมในชาติต่อไปทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด "<O:p</O:p
    (หมายเหตุ : เทศน์ที่ " เทวสภา " วันที่ 8 สิงหาคม 2535 เวลา 8.00 น.พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟังเมื่อ 11 สิงหาคม 2535 เวลา 21.00 น.)

    IMG_6511_resize.JPG <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤษภาคม 2008
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    เรามาต่อกันที่ ก่อนวันงานที่จะมาถึง (กำหนดการเดิม ว่า.. วันที่ 23 เมษายน 2549 จะบรรจุ พระพุทธรูป และพระบรมสารีริกธาตุ สมเด็จองค์ปฐม....

    ได้ถูกเลื่อน ออกไปก่อน....
    (เพราะว่า หลวงพี่ตุดีฯ ท่านไม่อยู่ มีกิจที่อื่นเสียก่อน....)

    แต่ทว่า ในห้วงดำเนินการ วางแผนงาน ก็ควรที่จะมี "ผอบทองคำ"
    เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ....

    เหตุการณ์นี้ คุณณรงค์ฯ ก็ทราบเรื่องราวโดยตลอด....
    และมีความศรัทธาปสาทะ โอนเงินให้คุณพี่โอภาสฯ ที่ชลบุรี 20,000 บาท
    โดยมีพวกเรามีส่วนร่วมกันคนละเล็ก คนละน้อย....

    เพราะว่า มูลค่าเต็มของ "ผอบทองคำ ลงยา" ชุดนี้ ราคาเต็ม คือ 24,400 บาท

    จึงขอนำภาพมาโพสให้ชมกันก่อน นะครับ(ก่อนที่จะถึงวันงานจริง)

    ภาพไม่ค่อยชัด โปรดขออภัย นะครับ....
    และผมวางเหรียญ 10 บาท เพื่อเป็นการเปรียบเทียบขนาด ครับ....

    ขอโมทนากับคุณณรงค์ พร้อมคณะ และทุกท่านที่มีส่วนร่วม เป็นอย่างสูง....

    สาธุ สาธุ สาธุ....
    .................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2006
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    เรามาดูกันที่ ตัวเจดีย์ฯ กันก่อนนะครับ....
    ที่ถามกันมา เรื่องการบรรจุพระพุทธรูป จะทำอย่างไร หากเจดีย์เสร็จแล้ว....
    แต่พระพุทธรูป ยังไม่ครบคามจำนวน....

    ช่องทางนี้ ยัง เปิด-ปิด ได้ หากมีการปิดทองจังโก ก็จะยังไม่ปิดในส่วนนี้....
    อยู่บนขอบพื้นเจดีย์ด้านบน.... ทิศทาง.. อยู่ทางด้านหลังสมเด็จองค์ปฐม....

    จนกว่า.. จะมีพระพุทธรูปบรรจุเจดีย์ ตามความประสงค์ ต่อไป....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2006
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ภาพ สมเด็จองค์ปฐม.... และวิหารแก้ว ที่กำลังถมดิน พื้นวิหาร....
    งานนี้ วิหารขยาย ออกมามาก เพราะว่า พระพุทธรูป 4 ศอก บังคับในตัวอยู่แล้ว

    วิหารจะหลังเล็กเกินไป ก็ไม่ได้....(ดูแล้วก็จะไม่สมส่วน)

    ตัวเลขงบประมาณ ในการดำเนินงานการก่อสร้าง ก็ต้องขยายไป เช่นกัน ครับ....

    คุณณรงค์ฯ และคณะ ก็โปรดทำใจ ปล่อยวางได้อีกยาววววววววว....
    ปีหน้าทั้งปี จะเสร็จหรือเปล่า.. ก็ต้องคอยชม "ภาคต่อไป" ครับ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2006
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ภาพ สมเด็จองค์ปฐม.... และวิหารแก้ว ที่กำลังถมดิน พื้นวิหาร....
    (มุมมองจากด้านหลัง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    เป็นกำลังใจให้ครับ ถึงจะไม่เสร็จในวันนี้ พวกเราก็ต้องช่วยกันให้เสร็จได้ภายภาคหน้า
     
  9. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ขอกราบโมทนากับทุกท่านที่มีส่วนร่วมสร้างองค์ปฐมพร้อมวิหารแก้วในครั้งนี้ ทั้งจากกำลังกาย กำลังทรัพย์ และจิตใจในการโมทนาก็ตาม กระผมขอกราบโมทนาอย่างยิ่ง

    ขออัญเชิญพระธรรมคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระที่ท่านได้แสดงสอนไว้ในหนังสือประหวัติหลวงปู่ปาน เป็นธรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของทุกสรรพสัตว์ทั้งหลายจะต้องประสบพบเจอ ขอลอกเอามาลงให้อ่านกันเพื่อเป็นทางไปสู่พระนิพานอย่างง่ายๆสำหรับผู้ที่ปรารถนาพระนิพานชาตินี้


    "พอถึงเวลาเจริญพระกรรมฐานของลูกศิษย์ลูกหา เวลา 2 ทุ่มตรง ฉันลงไปบวงสรวง แหม ตอนบวงสรวงนี่ลูกหลานเอ๋ย มันจะขาดใจตาย ว่ายังไม่ทันครึ่งมันเหนื่อยจริง ๆ กำลังมันไม่มี แต่คนที่นั่งอยู่ด้วยกันเขาไม่รู้หรอก ฉันทำท่าเป็นคนเก่งไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันก็ทน พอนำบวงสรวงเสร็จ สมาทานเสร็จ ฉันก็นั่งของฉันบ้าง ฉันไม่ห่วงใครตอนนั้น ฉันเป็นห่วงตัวของฉัน ฉันชำระจิตใจของฉันพอเป็นแก้วประกายพฤกษ์ แล้วก็มาชำระกายทำใจเป็นแก้วใสสะอาดบ้างพอสมควรแล้วก็เคลื่อนตัวออก เมื่อเคลื่อนตัวออกแล้วก็ไปพบพระท่านมายืนอยู่เป็นแถว ไปกราบท่าน ๆ ก็เลยบอกว่าคุณออกไปจากที่นี่ได้ คนที่นั่งอยู่ ที่นี่ฉันคุมเอง เธอไม่ต้องห่วง เธอตรงไปพระนิพพานที่อยู่ของเธอ พอท่านบอกอย่างนั้นก็กราบท่านลงไป 3 ครั้ง ท่านเยอะนี่ ก็กราบทีเดียวล่ะ กราบ 3 หนนั่นแหละ กราบทุกองค์ เมื่อกราบแล้วก็มุ่งไปพระจุฬามณี ไปไหว้พระตรงนั้นก่อน ตามระเบียบของฉันต้องเอาอย่างนั้น เวลานี้ฉันไม่ไปเมืองไหนหรอก ใครเขาจะไปเมืองพรหม เทวดาที่ไหนก็ไปกันเถอะ ฉันขี้เกียจเต็มทีแล้ว ไปที่ไหนก็ไม่เห็นสนุก ตอนก่อนน่ะเห็นมันสนุกทุกอย่าง เพราะมันเป็นของใหม่ เวลานี้เบื่อทุกอย่าง ไม่เห็นอะไรดี ฉันก็ไปนั่งไหว้พระ วันนั้นเห็นพระจุฬามณีเห็นพระท่านนั่งเป็นตับ แล้วก็เห็นพระที่นั่งเป็นประธานที่เราเรียกว่า พระพุทธเจ้าที่นิพพานไปแล้ว ท่านนั่งเป็นประธาน ท่านสวยสดงดงามบอกไม่ถูก สวยกว่าทุกวันที่ฉันเห็น
    ฉันเข้าไปกราบท่านแล้วทูลถามว่า ทำไมวันนี้หลวงพ่อสวยกว่าทุกวันครับ ฉันเรียกหลวงพ่อนะ เพราะว่าพระสงฆ์เป็นลูกของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ลูกของใคร พระสงฆ์จะคุยว่าเป็นพ่อคนนั้นคนนี้ไม่ถูก เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสด้วยกัน เลยถามท่านว่าทำไมท่านสวยนัก ท่านยิ้มแล้วบอกว่า ฉันสวยอย่างนี้ทุกวัน แต่ว่าใจของเธอมันไม่สวย อารมณ์ไม่สะอาดพอ เลยถามว่าทำไมวันนี้ข้าพระพุทธเจ้าเห็นสวยล่ะพระพุทธเจ้าค่ะ ท่านก็เลยตอบว่า วันนี้เธอสะอาดพอ วันนี้เธอตัดสินใจว่าจะไปนิพพานใช่ไหม ไม่เอาอะไรหมดแล้วใช่ไหม กราบทูลท่านว่าเป็นอย่างนั้นพระพุทธเจ้าค่ะ ท่านบอกว่าการตัดสินใจเช่นนั้น จิตสะอาดที่สุด ได้เห็นของจริงได้ตามความเป็นจริงที่สุด หมายความว่า ของอะไรมันจะสวยแค่ไหน สีสันวรรณะมีเพียงเท่าใด ก็จะเห็นได้เท่านั้น ขณะใดที่จิตมีความเศร้าหมองด้วยอำนาจกิเลสแม้แต่นิดหนึ่ง ก็จะเห็นของจริงได้ตามความเป็นจริงที่สุด หมายความว่า ของอะไรมันจะสวยแค่ไหน สีสันวรรณะมีเพียง เท่าใดก็จะเห็นได้เท่านั้น ขณะใดที่จิตมีความเศร้าหมองด้วยอำนาจกิเลสแม้แต่นิดหนึ่งก็จะเห็นของจริงตามความเป็นจริงไม่ได้ มาคิดดูในใจว่า เออจริงนะ วันก่อนน่ะเราเป็นคนมีห่วง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จะไปสร้างบ้านเรือนน่ะ ก็ห่วงคนนั้นคนนี้ ห่วงคนนี้ห่วงคนโน่น คนนั้นได้อย่างนี้ คนนี้ได้อย่างนั้น คนนั้นยังไม่ถึง ก็นึกกังวลไปบ้าง ห่วงไปบ้าง สงสารลูกหลานก็เลยมาตัดใจว่า เออ ถ้ายังไงก็เอาแกไปพะ ๆ อยู่เมืองเทวดา ก่อนก็ยังดี แล้วต่อไปแกมีสติปัญญามีกำลัง แกไต่เต้าของแกไปเอง แต่ใครจะตามไปถึงที่สุดได้ก็ไป นี่อารมณ์ใจเป็นอย่างนั้น มันเป็นกังวลเหมือนกันแต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอกุศล มันเป็นกุศลนั้นแหละ แต่เป็นกุศลถ่วงไปนิดหนึ่งแต่ก็ยังมีจิตดีสบายใจ เวลาต้องการเข้าถึงชำระง่ายแผล๊บเดียว ไม่ถึง 2 วินาที จิตก็สะอาดผ่องใส เมื่อไปกราบทูลถามท่าน ท่านว่า คุณ ขันธ์ 5 น่ะมันไม่ดีหรอก ขันธ์มันไม่ดี แล้วท่านก็เลยเทศน์ต่อบอกว่าบรรดาเทวดา พรหม และพระอรหันต์ทั้งหลายก็ตาม หรือพระที่ได้ฌานโลกีย์ ฌานโลกุตตระก็ตาม ที่มานั่งอยู่นี่ ต่างคนต่างละขันธ์ 5 ได้แล้ว ต่างคนต่างปล่อยขันธ์ 5 เอาไว้ เอาจิตที่เป็นทิพย์ร่างกายที่เป็นทิพย์มาใช้ในเวลานี้ ความเป็นเทวดาถึงแม้ว่าจะมีมเหสักขาหรือมีบุญบารมีน้อย นี่ฟังเสียงฉันก็รู้ไว้ด้วยนะลิ้นเลิ้นมันไม่ค่อยดีหรอก จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฎฎสงสารก็ตาม แต่ว่าเวลามาเป็นเทวดาหรือว่าได้ฌานโลกีย์ ท่านทิ้งอัตภาพของท่านแล้วก็ขึ้นมาบนนี้ทุกคน จะเห็นว่าการทิ้งอัตภาพเสียได้ ทิ้งขันธ์ 5 เสียได้ ละขันธ์ 5 เสียได้มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะว่ามันไม่มีการปวด มันไม่มีการเมื่อย มันไม่มีการอะไรต่ออะไรทุกอย่าง ความทุกข์ทุกอย่างมันไม่มี ในการละขันธ์ 5 มาเป็นเทวดาได้มันเป็นการละขันธ์ 5 ชั่วคราว มีความสุขเท่านี้ แต่ว่าความสุขแม้จะน้อยแต่ดีกว่าทรงขันธ์ 5 มาก ไม่ต้องหุงข้าวกิน ไม่ต้องใช้พาหนะ ไม่มีความเดือดร้อนในความเป็นอยู่ทุกอย่าง ท่านพูดช้า ๆ แล้วมองไปรอบ ๆ เห็นเทวดา พรหม และพระทุกองค์ท่านนั่งพนมมือกันเป็นแถว แล้วท่นก็พูดต่อไปว่า ใครเป็นเทวดาก็เป็นของดี แต่ก็ยังดีไม่เท่าพรหม การเป็นเทวดาเขาเรียกว่าขั้นกามาวจรสวรรค์ ยังมีความสัมพันธ์กับคนหลายชั้นหลายประเภท หมายความว่า ยังมีผัว ยังมีเมีย ยังมีบริวาร ยังมีเจ้านาย ยังมีประเภทของคนหรือของเทวดา ลงมีประเภท ลงอยู่กันมาก ๆ มันอดยุ่งไม่ได้ เทวดาก็ยุ่งแบบเทวดา คนก็ยุ่งแบบคน พรหมก็ยุ่งแบบพรหม ทีนี้เทวดายังมีความยุ่ง ความกระสันในการเป็นผัวเป็นเมีย ยังมีความรัก ท่านบอกว่าถึงแม้ร่างกายจะไม่ปวดไม่เมื่อย จะไม่ต้องหิวกระหาย ไม่มีความหนาวความร้อน มันไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เพราะร่างกายเป็นทิพย์ก็ตาม แต่ทว่าความกังวลของจิตยังมีอยู่สู้เป็นพรหมไม่ได้ พรหมนั้นจัดว่าเป็น เอกายโน อยัง ภิกขเว นี่ตามภาษามคธนะ ว่าส่งเดชไปอย่างนั้นแหละ มันไม่ตรงกับอะไรหรอก มันเคยปาก ลูกหลานจำไว้นะ คนแก่เป็นอย่างนี้ ป้ำๆ เป๋อ ๆ อะไรมันเคยปาก ก็ว่ามันส่งไป (นี่มันเรอเอิ้กขึ้นมาได้ยินหรือเปล่า ได้ยินก็ให้อภัยด้วยนะ) คนแก่ลูกหลานจำไว้นะ เกิดมาแล้วมันต้องแก่ หนีแก่ไม่พ้น ไม่ช้าก็แก่อย่างหลวงพ่อ หลวงตานี่แหละ ในไม่ช้าก็ตายเหมือนกัน ลูกหลานอย่าประมาทนะ ใครเขาคิดว่าเขาไม่ตายก็ช่างเถอะเราจะตาย ทำความดีเข้าไว้ บ้านที่เป็นทิพย์ของเรามีแล้วนะ หวังความดีเข้าไว้ ตั้งใจว่าเราจะไปบ้านหลังนั้น ทำบุญอะไรก็ตามคิดว่าเราจะอยู่บ้านที่เป็นทิพย์ที่หลวงพ่อ หลวงตา หลวงปู่แกปลูกให้ แกชักชวน คือว่าแกโขมยเงินของลูกของหลานไปปลูกไว้ และไอ้สิ่งทั้งหลายนั้นก็เป็นของลูกของหลาน ฉันไม่มีสิทธิจะเข้าไปครอง ความจริงฉันเป็นคนแก่ใช้เงินผิดประเภท ก็หวังดีแก่ลูกแก่หลาน ตั้งใจไว้ให้ดีนะ ความหวังความปรารถนาของเรามีแล้ว ความเป็นเทวดาน่ะมีหวังแน่นอน อย่าทำความชั่วนะ แล้วต่อไปท่านก็เทศน์ว่า สู้ความเป็นพรหมไม่ได้ พรหมเป็นบุคคลคนเดียว อยู่ด้วยอำนาจธรรมปีติ มีฌานเป็นอารมณ์ สบายกว่า ไม่ยุ่งกับใคร แล้วท่านก็ขยับต่อไป คือว่าท่านเทศน์ดีกว่านี้นะ ฉันพูดให้ฟังย่อ ๆ เดี๋ยวลูกหลานจะรำคาญ เป็นพรหมก็ดี เป็นเทวดาก็ดี ยังมีสภาวะมาจุติเป็นมนุษย์หรือสัตว์ดิรัจฉาน หรือว่าเป็นพรหมโสดา สกิทาคา อนาคา เป็นเทวดาก็เหมือนกัน ที่เป็นพระโสดา สกิทาคา อนาคา ก็เหมือนกัน ยังต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อพระนิพพาน สู้เราตัดสินใจไปพระนิพพานเลยไม่ได้ ท่านว่าอย่างนั้น ท่านว่าสู้เราตัดสินใจไปพระนิพพานเลยไม่ได้
    อีตอนนี้ก็สงสัยถามท่านว่า การไปพระนิพพานแบบง่าย ๆ ไปอย่างไร เอาแบบง่าย ๆ เพราะว่าวิธีกรรมในเมืองมนุษย์เวลานี้เขาสอนกันมันยากเหลือเกิน ท่านก็เลยหันไปถาม ท่านถามว่า เวลาที่เธอตายครั้งที่ 3 แล้วเธอไปพระนิพพานเธอไปแบบไหน บอกว่าเวลานั้นข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้คิดว่าจะไป พระนิพพาน เป็นแค่เพียงคิดว่าทรัพย์สินไม่มี ญาติไม่มี พี่น้องไม่มี พ่อแม่ไม่มี ร่างกายก็ไม่มี มันกำลังจะสลายตัว ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีห่วงอะไร ไม่มีอะไรเป็นสมบัติของตน เมื่อมันจะพังก็เชิญมันพัง ทำจิตสบาย ใช้อารมณ์ว่างจากสิ่งที่เป็นอกุศล ไม่ใช้อารมณ์เกาะอะไรทั้งหมด สิ่งที่ยึดคือพระบารมี ได้แก่ การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า การนึกถึงความดีของพระอริยสงฆ์ผู้มีพระธรรมเป็นประธาน มีพระธรรมเป็นปัจจัย ท่านก็เลยบอกว่า นั่นคุณคิดถูกแล้วนี่ แล้วคุณจะถามทำไม การที่จะไปนิพพานมันเป็นของไม่ยาก มันง่ายกว่าอะไรทั้งหมด ก็ปลดเสียอย่างคุณคิด คุณคิดแบบไหนแบบนั้นแหละเป็นวิธีที่ถูก เอาแบบนั้นแหละเป็นเครื่องคิด ไม่ต้องไปนั่งท่องให้มันเหนื่อยให้มันเมื่อย ไม่ต้องไปนับจิตไม่ต้องไปนับอะไร ปลดมันเสียเลยสบาย ๆ หัดปลด มันง่ายนิดเดียว พอท่านพูดให้ฟังก็เข้าใจ "

    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เท่านั้นเองโลกนี้หนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 สิงหาคม 2006
  10. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ได้โอนเพิ่มบุญไปเมื่อ วันที่ 10หรือ 11 จำไม่ได้แน่นัก เดือนนี้ เป็นจำนวน 15000 บาท(หมื่นห้าพันบาท) ของผม 8400 บาท ของคุณพัชนี จันทร์แก้ว 6600 บาท เจาะจงองค์ปฐมพร้อมฐานโดยเฉพาะเพราะต้องการให้งานปูนตกแต่งองค์ปฐมสร็จสมบูรณ์ก่อนเพื่อดูรายระเอียดของความสวยงามต่อไป และจะมีการโอนไปทุกเดือนตราบองค์ปฐมเสร็จสมบูรณ์เป็นที่สุด สาธุ
     
  11. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    สาธุ โมทนาครับ แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ยังร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมและวิหารแก้วได้อยู่รึเปล่าครับ
     
  12. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    บุญนี้ยังร่วมด้วยช่วยกันได้อีกนานครับเพราะวิหารแก้วเดิมจะทำเล็กๆเท่านั้นแต่ปรากฎว่าหลวงพี่ตุ๊ดีเห็นว่าไม่สมกับองค์ปฐมจึงได้ขยายออกไปอีก ใหญ่โตทีเดียว จึงขอเชิญชวนทุกท่านที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญนี้กันครับ โมทนากับคุณนายจันทร์เจ้าด้วยครับ
     
  13. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ประมาณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2549
    จะมีการทอดผ้าป่าสร้างสมเด็จองค์ปฐม และวิหารแก้ว....

    พร้อมกับการทอดผ้าป่าถวายเทียนพรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 60 ปีครองราชย์
    ถวายเป็นพระราชกุศล สืบเนื่องกัน

    จะแจ้งข่าวในเร็ววันนี้ ครับ....

    ขอกราบโมทนาเป็นอย่างสูง....
     
  14. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    กระผมและคุณพัชนีพร้อมด้วยหมู่ญาติทางเชียงใหม่จะจัดผ้าป่าไปสมทบในวันที่คุณมหาหินได้เดินทางไปถึง เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ญาติได้มีโอกาสได้ทำบุญเกี่ยวเนื่ององค์ปฐม เพราะในแต่ละครั้งเขาทั้งหลายไม่มีโอกาสทำด้วยตัวเองกันเลยจึงถือโอกาสนี้ให้ได้รับบุญเนื่องด้วยองค์ปฐมกันสักครั้ง โมทนาครับ
    ทราบจากท่านพระคุณเจ้าหลวงพี่ตุ๊ดี ว่าการก่อสร้างดำเนินรุดหน้าไปค่อนข้างมาก ในส่วนขององค์ปฐมก็สมบูรณ์ไปในส่วนของงานปูนแม้ว่าเรื่องการปิดทองนั้นสามารถที่จะทำได้ถ้าวิหารพร้อม แต่เนื่องจากวิหารต้องใช้เงินปัจจัยค่อนข้างมาก ก็คงต้องรอผู้ที่มีศรัทธาเข้ามาช่วยงานบุญนี้ต่อไปครับการก่อสร้างก็ต้องใช้เวลาตามไปด้วย จึงขอเชิญชวนผูมีจิตศรัทธาทั้งหลายร่วมสร้างองค์ปฐมพร้อมวิหารแก้วครับ
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    อานิสงส์ของบุญที่เนื่องด้วย "สมเด็จองค์ปฐม"

    องค์หลวงพ่อฯ บอกว่า....
    "ลุงพุฒิฯ(พระยายมราช) รับรองว่า มันนับกัปไม่ได้...."

    ขอกราบโมทนาในบุญ ในอานิสงส์ กับทุก ๆ ท่าน ที่มีส่วนร่วมในบุญ ในครั้งนี้ เช่นนี้..

    สาธุ สาธุ สาธุ
    ดียิ่งแล้ว....
     
  17. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ในต้นเดือน กรกฎาคม วันที่ 2 ผมและญาติๆจะนำผ้าป่าไปถวายแด่สมเด็จองค์ปฐมที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม บริเวรพระเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง

    โดยมีพระคุณเจ้าหลวงพี่ตุ๊ดีเป็นองค์แทนรับผ้าป่าในครั้งนี้ เพื่อถวายปัจจัยตามกำลังที่มีของผมและคุณพัชนีพร้อมญาติ ไว้สร้างองค์ปฐมพร้อมวิหารแก้วให้มีความคืบหน้าต่อไป

    ส่วนสำคัญตอนนี้คือเรื่องของวิหารแก้วที่ยังต้องการปัจจัยอีกมาก ผมเองขอกราบโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมบุญร่วมกุศลกันตั้งแต่ต้นจวบจนปัจจุบัน จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านที่เคยร่วมบุญกันมาทุกภพทุกชาติมาร่วมทำบุญตรงนี้กันอีก เพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาให้เจริญยืนยาวต่อไป

    งานผ้าของผมนี้เป็นงานเดียวกันกับคุณมหาหินที่ได้แยกกระทู้โพสไว้ต่างหาก
    ท่านที่อยากร่วมทำบุญเชิญเข้าไปที่กระทู้ผ้าป่าคุณมหาหินนะครับเพราะมีรายระเอียดสมบูรณ์อยู่แล้ว
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=41669

    เหลือเวลาอีกไม่มากนักสำหรับพวกเราที่จะมีโอกาสจะทำบุญสร้างกุศล ในขณะที่เราอยู่เย็นเป็นสุขขณะนี้ เมื่อถึงเวลาที่เกิดภาวะที่โลกระส่ำระสาย เกิดภัยธรรมชาติบ้าง สงครามบ้าง การทำบุญสร้างกุศลของเราท่านอาจจะไม่คล่องตัวนัก

    เราควรไม่ประมารถในชีวิตรีบขวนขวายเสียแต่ตอนนี้ในเรื่องสร้างบุญสร้างกุศลเพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยแก่ตัวเรา อะไรที่เป็นบุญเป็นกุศลทำทันทีที่มีโอกาส

    ในปัจจุบันนี้เราทราบกันทั่วไปว่าการทำบุญอันเนื่องด้วย พระพุทธเจ้าองค์ปฐมเป็นบุญใหญ่ให้ผลเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเราเองต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยโดยการรักษาศีลตามฐานะของตนให้บริสุทธิ์อยู่เสมอด้วยนะครับจึงเกิดผลสมบูรณ์

    แต่ท่านทั้งหลายอย่าลืมว่าเราเกิดอยู่ในสมัยพระพุทธศาสนา ขององค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันด้วยนะครับ เป็นสมเด็จพ่อองค์ปัจจุบันของเรา การที่เราทำนุบำรุงพระศาสนาก็เป็นขององค์ปัจจุบันนะครับแต่ผมนั้นไม่เว้นสักองค์ เวลากราบพระจะกราบทุกพระองค์ตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันตลอด และพระปัจเจพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตอลดเหมือนกัน

    ขอให้ทุกท่านโมทนาบุญร่วมกันนะครับ
     
  18. เสขะ

    เสขะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +1,077
    โมทนาสาธุครับ
     
  19. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    ผ้าป่าของครอบครัวหมู่ญาติของคุณ พัชนี จันทร์แก้ว ทางเชียงใหม่ไปทอด ณ วันที่ 2 ที่ผ่านมา
    ได้เงินปัจจัยสมทบทุนสร้างวิหารแก้วพร้อมองค์ปฐม สามหมื่นสองพันกว่าบาท ขอเชิญทุกท่านร่วมโมทนาครับ
    ภาพวันไปทอด
    SV308010.JPG SV308006.JPG
    SV308291.JPG SV308297.JPG
    SV308308.JPG
     
  20. เสขะ

    เสขะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +1,077

    [​IMG]

    ถึงพี่มหาหินได้โอนปัจจัยทำบุญตามสลิปข้างบนแล้วครับ
    วรพล เชียงดา 150/28 ซ.วงศ์แพทย์ ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 (รับพระธาตู ) โมทนาสาธุครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...