เรื่องเด่น เครื่องโบอิ้ง 777-200ERรสายการบินมาเลเเชียแอร์ไลน์สพร้อมผู้โดยสารกับลูกเรือ 239 คน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ขุนเวช, 8 มีนาคม 2014.

  1. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    คงเป็นข่าวลวงครับ ณ นาทีนี้ยังไม่มีข่าวอย่างที่ว่าออกมาเลย

    .
     
  2. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    จากข้อมูลของบริษัทโบอิ้ง ระบุว่า เครื่องบินได้บินไปตามคำสั่งที่ได้โปรแกรมไว้ ( automated system ) ใน Flight Plan ไม่ใช่การบังคับโดยนักบิน ( manually operating ) เป็นการโปรแกรมคำสั่งโดยใครสักคนที่อยู่ในห้อง Cockpit โดยไม่ทราบว่าได้กระทำก่อนหรือหลังจากที่ได้นำเครื่องขึ้นแล้ว เป็นการกำหนดให้เครื่องบินบินไปยังจุดที่กำหนดตามในรูป ( way point ) แทนที่จะเป็น ปลายทาง ปักกิ่ง แต่การโปรแกรมคำสั่งนี้ได้กระทำก่อนที่จะปิดระบบ Acars และ Transponder

    ผู้ที่จะโปรแกรมคำสั่งให้กับระบบการจัดการการบินได้ ต้องมีความรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นน่าจะเป็น กัปตัน หรือ ผู้ช่วยนักบิน ไม่ใช่นผู้โดยสารแน่นอน


    .
     
  3. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    สื่อมาเลฯระบุเครื่องบินMH370อาจถูกบังคับให้บินต่ำ

    ฟังเสียง
    เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557 หนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทม์ส ของมาเลเซีย รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในทีมงานด้านเทคนิคที่สืบสวนการหายไปของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ER เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สว่า คนที่บังคับเครื่องบินได้ลดเพดานบินจากเดิม 45,000 ฟุต ลงไปอยู่ที่ระดับ 5,000 ฟุต ภายใต้วิธีการใช้ภูมิประเทศเป็นที่กำบัง (Terrain Masking) ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่เครื่องบินรบใช้ในการหลบหลีกเรดาร์

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินชี้ว่า เป็นไปได้ว่า เครื่องบินจะลดเพดานบินอย่างรวดเร็ว จนผู้โดยสารสามารถรู้สึกได้ ส่วนการลดเพดานบินและใช้ภูมิประเทศเป็นที่กำบังนั้น เป็นวิธีการที่เสี่ยงและอันตราย เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงดันอย่างมาก และการบินระดับต่ำในเวลากลางคืนโดยปราศจากเรดาร์ช่วยนำทาง อาจทำให้เครื่องบินพุ่งชนต้นไม่หรือภูเขาก็ได้

    เจ้าหน้าที่สืบสวน บอกด้วยว่า พวกเขาคิดว่า เครื่องบินได้บินต่ำขณะอยู่เหนือรัฐกลันตัน ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่ชาวบ้านและชาวประมงอย่างน้อย 9 คน ให้การกับตำรวจว่า เห็นแสงไฟสว่างจ้าบนท้องฟ้า ในคืนวันที่เครื่องบินหายไป และมีบางคนบอกว่า ได้ยินเสียงยนต์ดังสนั่น และที่สำคัญคือ ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ติดกับชายแดนไทย คำให้การเหล่านี้ สอดคล้องกับข้อสรุปของเจ้าหน้าที่สืบสวน ที่ว่าเครื่องบินลดเพดานลงต่ำ หลังจากหันหัวกลับอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปทางตะวันตก แทนที่จะบินข้ามทะเลจีนใต้ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางเดิมคือจีนแผ่นดินใหญ่

    พยานปากแรกบอกว่า เห็นแสงไฟมุ่งหน้าไปทางทะเลจีนใต้ เมื่อเวลา 01.45 น. ตามเวลาในท้องถิ่น คืนเดียวกับที่เครื่องบินหายไป ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นนักธุรกิจและมีบ้านอยู่ติดกับชายแดนทางภาคใต้ของไทย บอกว่า เห็นแสงจ้าเมื่อเวลา 01.30 น. แบบเดียวกับที่เครื่องบินเปิดในช่วงบินขึ้นหรือลงจอด

    ผู้สื่อข่าวของ WNYC-FM รายงานว่า มีรันเวย์มากถึง 634 แห่ง ที่เครื่องบินอาจลงจอด ทำให้การปฏิบัติการค้นหาต้องขยายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ การเปิดเผยว่า มีคำพูดสุดท้ายที่ออกจากห้องนักบินว่า "เอาละ ราตรีสวัสดิ์" ได้กลายเป็นประเด็นที่สันนิษฐานได้ว่า มีใครบางคนบนเครื่องบิน ได้เริ่มปิดหนึ่งในระบบติดตามเครื่องบินอัตโนมัติแล้ว

    ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า เครื่องบินอาจลดระดับลงไปที่ 5,000 ฟุต โดยใช้ภูมิประเทศเป็นที่กำบัง เพื่อหลบเรดาร์ทุติยภูมิ (Secondary Surveillance Radar) และใช้เส้นทางเดียวกับเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อลวงให้กองทัพที่ใช้เรดาร์ปฐมภูมิ (Primary Surveillance Radar) คิดว่า เป็นเที่ยวบินพาณิชย์ธรรมดา และเชื่อว่า เครื่องบินได้ทำการบินต่ำตลอดระยะเวลา 8 ชั่วโมงของการบิน และสามารถหลบเรดาร์ได้อย่างน้อย 3 ประเทศ ที่เป็นไปได้ว่า คือ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย
     
  4. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ขออนุญาตแปะข่าวนี้ไว้สักหน่อยครับ อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่ระวังๆกันหน่อยก็ยังดีครับ

    อันตราย! ผู้เชี่ยวชาญเตือนระวัง “โจรไซเบอร์” ชวนคลิกลิงก์ข่าว MH370 เพื่อ “เจาะข้อมูลส่วนตัว”


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มีนาคม 2557 10:15 น.
    [​IMG]

    อันตราย! ผู้เชี่ยวชาญเตือนระวัง “โจรไซเบอร์” ชวนคลิกลิงก์ข่าว MH370 เพื่อ “เจาะข้อมูลส่วนตัว”
    ตัวอย่างคลิปวีดีโอแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเครื่องบิน MH370 ซึ่งอาชญากรไซเบอร์ใช้เป็น "สแกม" เจาะข้อมูลเหยื่อ

    เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - บริษัทด้านความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตออกมาเตือนวานนี้ (18) พบแก๊งอาชญากรไซเบอร์ฉวยโอกาสที่คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับข่าวการสูญหายของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สล่อลวงเหยื่อให้คลิกเข้าเว็บไซต์ซึ่งอ้างว่าให้ “ข่าวล่าสุด” เกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ ซึ่งเมื่อทำตามก็จะถูกคนร้าย “เจาะข้อมูลส่วนตัว”

    บริษัท เทรนด์ ไมโคร เตือนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตให้ระมัดระวังก่อนจะคลิกลิงก์ข่าวหรือวิดีโอเกี่ยวกับเครื่องบิน MH370 ที่ถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

    เครื่องบินลำนี้สูญหายไปจากจอเรดาร์ในช่วงกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม ขณะออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง พร้อมกับลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต

    จนถึงบัดนี้ทีมสืบสวนนานาชาติยังไม่พบร่องรอยของเครื่องบินและผู้โดยสารที่สูญหาย แม้จะมีการระดมบุคลากรและเทคโนโลยีจากหลายสิบประเทศมาช่วยค้นหาก็ตาม

    เทรนด์ ไมโคร ระบุว่า ศูนย์วิจัยและให้บริการด้านความปลอดภัย TrendsLabs ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ตรวจพบไฟล์กระทำการ (executable file) ที่ซ่อนอยู่ในรูปคลิปวีดีโอ ซึ่งเมื่อเหยื่อคลิกเข้าไปดูก็จะเปิดทางให้อาชญากรไซเบอร์สามารถดึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น IP address เป็นต้น

    “ขณะที่คนทั่วโลกเฝ้าติดตามข่าวคราวของเครื่องบิน MH370 นี่จึงเป็นเวลาที่พวกอาชญากรจะฉวยโอกาสได้” พอล โอลิเวอเรีย ผู้เชี่ยวชาญจาก TrendsLabs ระบุในถ้อยแถลง

    TrendsLabs อ้างถึงสแกมที่ลวงให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กคลิกเข้าไปยังเพจที่ใช้ชื่อว่า "(BREAKING NEWS) Malaysia Plane Crash into Vietnam sea MH370 Malaysia Airlines is found!" ซึ่งเมื่อคลิกเข้าไปก็จะเป็นเพจปลอมที่คนร้ายใส่คลิปวิดีโอไว้ หากผู้ใช้คลิกดูวิดีโอก็จะปรากฏข้อความให้ต้อง “แชร์” ลิงก์เสียก่อน

    “การแชร์วิดีโอก็เท่ากับช่วยอาชญากรไซเบอร์เผยแพร่สแกมไปยังบุคคลอื่นๆ” เทรนด์ ไมโครระบุ

    ทั้งนี้ หากผู้ใช้ยอมกดแชร์ลิงก์ โปรแกรมก็จะขอให้ทำ “แบบสอบถาม” เพื่อระบุอายุ ซึ่งก็เป็นสแกมอีกเช่นกัน

    เทรนด์ ไมโคร ชี้ว่าอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้มักฉวยโอกาสล่อลวงเหยื่อในช่วงที่เกิดโศกนาฏกรรมหรือภัยพิบัติครั้งใหญ่ เช่น ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ และเหตุลอบวางระเบิดการแข่งขันกรีฑาบอสตันมาราธอน เป็นต้น

    [​IMG]
     
  5. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    [​IMG]
    ล่าสุดเรดาห์ไทย พบบินผ่านมัลดิฟ พยานเพิ่มประชาชนที่เกาะมัลดิฟพบเครื่องบิน ใกล้เคียง mh370 บินต่ำเหนือผิวน้ำไปทางใต้เกาะมัลดิฟ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2014
  6. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    เผยภาพ!เครื่องบินสีขาวในป่าทึบ
    เผยภาพ! เครื่องบินสีขาวในป่าทึบในเว็บไซต์ค้นหาเครื่องบิน ที่คาดว่าอาจเป็นเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปอย่างลึกลับ ขณะที่ญาติของผู้โดยสารชาวจีนขู่อดอาหารประท้วง

    [​IMG]
    19 มี.ค.57 เว็บไซต์ทอมน้อด (TomNod) ที่ตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนชาวเน็ต ร่วมกันเป็นอาสาสมัครค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างลึกลับ ได้โพสต์ภาพที่แสดงให้เห็นว่า มีเครื่องบินถูกทาสีขาวบินอยู่เหนือป่าทึบ หนังสือพิมพ์ไชน่า ไทม์ส ของไต้หวัน รายงานว่า คนที่พบภาพนี้ เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไต้หวัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบภาพ และยังไม่ทราบด้วยว่า จุดที่เห็นเครื่องบินอยู่ในบริเวณใด แต่เรื่องนี้ได้สอดคล้องกับที่ชาวบ้านและชาวประมงในมาเลเซีย บอกว่า เห็นเครื่องบิน บินอยู่ในระดับต่ำ บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และน่าจะเป็นช่วงที่เครื่องบินกำลังหันหัวกลับ

    เว็บไซต์ ทอมน้อด ที่จัดตั้งขึ้นโดยบริษัทดาวเทียมในโคโลราโดของสหรัฐ ได้ถูกใช้งานโดยผู้มีจิตอาสาไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน ที่พยายามช่วยค้นหา MH370

    มีคนอย่างน้อย 9 คน ทั้งเกษตรกร ชาวประมงและชาวบ้านในกลันตัน ที่ไปแจ้งตำรวจว่า พวกเขาเห็นแสงสว่างจ้าบนท้องฟ้า และบางคนบอกว่า ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อสรุปของเจ้าหน้าที่สืบสวนที่บอกว่า เครื่องบินได้บินต่ำเพื่อหลบเรดาร์ หลังจากหันหัวกลับในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ยอมบินข้ามทะเลจีนใต้ แต่เปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกแทน

    เจ้าหน้าที่สืบสวน เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทม์ส ว่า พวกเขาคิดว่า เครื่องบินได้บินอยู่เหนือหมูบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านและชาวประมงว่า เห็นแสงจ้าและเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ ในคืนที่เครื่องบินล่องหนไปอย่างลึกลับ

    เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า เครื่องบินใช้เพดานบินเพียง 5,000 ฟุต ที่นอกจากจะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยเรดาร์แล้ว ยังใช้สภาพภูมิประเทศเป็นที่กำบังอีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีการที่นับว่า เสี่ยงและเป็นอันตราย เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงดันมหาศาล และการบินต่ำในตอนกลางคืน โดยปราศจากเรดาร์ช่วยนำทาง อาจทำให้เครื่องบินชนกับต้นไม้หรือภูเขาได้

    ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า ปกติแล้วเครื่องบินที่บินผ่านบริเวณที่เขาอยู่อาศัย จะบินตรงไปจนลับสายตา แต่สำหรับเครื่้องบินที่เขาเห็นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนรุ่งเช้าของวันเสาร์ กลับบินหายไปในบริเวณด้านหลังทิวมะพร้าว และหลังจากนั้น เขาก็ได้ข่าวเครื่องบิน MH370 หาย จึงได้ไปแจ้งตำรวจ
     
  7. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สื่ออังฤษสงสัย “กองทัพไทย”อาจช่วยปิดบังข้อมูล MH370 - กัปตันเครื่องบินเป็นญาติ “อันวาร์ อิบรอฮิม”


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มีนาคม 2557 12:54 น.


    [​IMG]
    ผู้เชี่ยวชาญการบิน เดวิด เลียร์เมาท์ (David Learmount) (ขวาล่าง)

    เอเจนซีส์/ASTVManager เมลออนไลน์ สื่ออังกฤษตั้งคำถาม ว่ากองทัพไทยอาจมีส่วนช่วยปิดบังข้อมูลการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ หรือไม่ หลังจากที่เหตุเกิดผ่านไปแล้วถึง 10 วัน แต่กองทัพอากาศไทยเพิ่งปริปากว่า เรดาร์กองทัพจับสัญญาณเครื่องบินเกิดเหตุพบบินไปช่องแคบมะละกา ในขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านมาเลย์ อันวาร์ อิบรอฮิม จำต้องยอมรับว่า กัปตันเครื่องบินเกี่ยวพันเป็น "ลูกเขย" และพบกันแล้วหลายครั้ง

    เมลออนไลน์ สื่ออังกฤษ ตั้งประเด็นสงสัยว่า กองทัพไทยอาจจะอยู่ในกระบวนการช่วยจัดฉากในการปกปิดครั้งมโหฬารถึงการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เพราะไม่ต้องการเปิดเผยถึง “รูรั่วการป้องกันทางอากาศของประเทศ” ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินชี้

    โดยMH370 นั้นได้หายไปในเช้าวันอาทิตย์(9) เวลา 1.30 น.แต่กระนั้นกองทัพอากาศมาเลย์ต้องรอจนถึงวันอังคาร(11)จึงเปิดเผยว่า เรดาร์ของกองทัพตรวจพบที่ช่องแคบมะละกาในเวลา 2.15 น.

    และในล่าสุดนี้ กองทัพอากาศไทยกลับเพิ่งมาเปิดเผยว่า เรดาร์ของกองทัพสามารถตรวจจับเครื่องบินที่สูญหายได้ในเวลา 1.28 น. 8 นาที หลังจากการสื่อสารของMH370 ถูกปิดลง และเครื่องบินที่สูญหายได้มุ่งหน้าสู่ช่องแคบมะละกา แต่ที่ทางกองทัพไม่ยอมที่จะเปิดเผยข้อมูลเพราะไม่ได้รับการร้องขออย่างเจาะจง ในขณะที่นายกรัฐมนตรีของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ CNN ในคืนวันจันทร์(10) โดยอ้างว่าได้สั่งให้ตำรวจไทยประสานงานกับอินเตอร์โพลเรื่องพาสปอร์ตปลอม และกองทัพไทยช่วยติดตามเครื่องบินที่หายไป โดยยิ่งลักษณ์ในขณะนั้นได้ยืนยันกับทางCNNว่า “กองทัพอากาศไทยยังไม่พบร่องรอยใดๆของเครื่องบินที่หายไป”

    การเปิดเผยถึงร่องรอยเครื่องบินเที่ยว MH370 นี้มีขึ้น 1 วันหลังมีการตรวจพบว่า กัปตันเที่ยวบินสูญหายนั้นเป็นญาติกับ อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย อ้างจากหนังสือพิพม์สเตรทสไทม์ ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียที่ถูกตัดสินจำคุกข้อหา 5 ปีฐานรักร่วมเพศ ที่ก่อนหน้านี้ได้ปฎิเสธว่าไม่เคยรู้จักกัปตัน ซาฮารี อะหมัด ชาห์ โดยในที่สุดเมื่อวาน(18) อันวาร์ อิบรอฮิม ยอมรับว่าชาห์นั้นเป็น “ลูกเขย” และยอมรับว่าได้พบกับชาห์หลายครั้งแล้ว

    และหลังจากที่เจ้าหน้าที่มาเลย์ได้ตรวจสอบประวัติภูมิหลังอย่างละเอียดของทั้งผู้โดยสาร และลูกเรือบนเครื่องบินลำที่สูญหายแล้ว เจ้าหน้าที่มาเลย์ไม่พบร่องรอยที่น่าสงสัยว่า มีใครมีแรงจูงใจทางการเมือง หรือการก่ออาชญากรรมเพื่อต้องการจี้เครื่องบิน หรือทำให้เครื่องบินโดยสารตกแต่อย่างใด

    และนอกจากนี้ยังได้มีรายงานเปิดเผยว่า แฟนสาวของนักบินผู้ช่วย ฟาริก อับดุลฮามิด เที่ยวบิน MH370 ได้เข้าพักที่โรงแรมพร้อมกับครอบครัวของอับดุลฮามิดเพื่อรอฟังข่าวความคืบหน้าของเครื่องบินที่หายไป ซึ่งอับดุลฮามิดวัย 27 ปี มีแผนที่จะแต่งงานกับแฟนสาวกัปตัน นาดิรา รามลิ วัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักบินของสายการบินอื่น

    ด้านผู้เชี่ยวชาญการบิน เดวิด เลียร์เมาท์ (David Learmount)ได้เขียนลงบล็อกของเขาวิจารณ์ว่า “บางที่กองทัพอากาศประเทศในแถบนี้ เช่น มาเลเซีย ไม่ได้เก่งเหมือนกับที่ควรจะเป็น และบางทีพวกเขาก็ไม่อยากให้โลกรับรู้ความลับนี้”


    เลียร์เมาท์ เป็นอดีตนักบิน และปัจจุบันเป็นบรรณาธิการด้านปฎิบัติการและความปลอดภัยของสื่อการบินระดับโลก Flightglobal ได้ชีว่า บางที่ MH370 อาจจะบินผ่านไปหลายประเทศในเอเชีย รวมถึง ไทย พม่า จีน บังกลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน และอัฟกานิสถาน

    ซึ่งเลียร์เมาท์ได้ให้ความเห็นว่า การที่กองทัพอากาศของชาติเอชียไม่เปิดเผยข้อมูลออกมา เพราะกลัว่าาจะต้องเปิดเผยรูรั่วการป้องกันภัยทางอากาศ และหากต้องเปิดเผยออกมาว่ามีเครื่องบินแปลกปลอมสามารถบินผ่านเหนือดินแดนของประเทศตนโดยที่จับสัญญาณไม่ได้ และไม่สามารถป้องกันได้นั้นจะนำความอับอายครั้งใหญ่มาสู่ประเทศนั้น

    และเลียร์เมาท์ยังให้ความเห็นต่อจากการให้ข่าวของเจ้าหน้าที่มาเลย์ โดยเขาชี้ว่า “เป็นที่แน่ชัดว่ากองทัพมาเลย์ได้อนุญาตให้เครื่องบินแปลกปลอมบินผ่านเหนือมาเลเซียโดยไม่มีความพยายามที่จะค้นหา เพื่อระบุรายละเอียดของเครื่องบินลำต้องสงสัยนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพมาเลย์ไม่รู้สึกยินดีที่ต้องยอมรับในข้อนี้”

    “ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าเครื่องบิน MH370 จะมุ่งหน้าไปทางทิศใด หากมุ่งขึ้นเหนือ คงต้องผ่านไทย พม่า จีน บังกลาเทศ ภูฐาน อินเดีย เนปาล อัฟกานิสถาน และเติร์กเมนิสถาน และหากไปทางนี้จริง เรดาร์หลักของกองทัพของประเทศที่กล่าวมานี้ประเทศใดประเทศหนึ่งจะต้องสามารถตรวจจับเครื่องบิน MH370ได้ และจะส่งให้เครื่องบินรบไปประกบเครื่องบินMH370 นี้หรือไม่ยังเป็นคำถาม ซึ่งบางทีกองทัพอากาศของประเทศเหล่านี้ไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับที่ควรจะเป็น และที่สำคัญไม่ต้องการให้โลกรับรู้ในข้อนี้” เลียร์เมาท์ให้ความเห็น

    ในขณะที่ล่าสุดจากมัลดีฟส์ ชาวเกาะคูดา ฮาวาดฮู ในดาลู อตอลล์ ที่อยู่ห่างไกล อ้างว่าพบเห็นเครื่องบินจัมโบสีขาวที่มีแถบสีแดงเหมือนสัญลักษณ์ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ บินอยู่ในระดับต่ำ และถ้าหากเป็นจริง ก็หมายความว่า MH370 นั้นบินไปทางตะวันตกไกลออกไปถึง 2,000 ไมล์

    ด้านกองทัพอากาศไทย พล.อ.ท.มณฑล สัฌชุกร โฆษกกองทัพอากาศ ได้กล่าวว่า เรดาร์ของกองทัพที่อยู่ทางใต้สามารถตรวจจับ MH370 ได้ในเวลา 2.14 น. 8 นาทีหลังจากเครื่องทรานสปอนเดอร์หยุดการสื่อสาร โดย พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้หันกลับมุ่งหน้าสู่บัตเตอร์เวอร์ธ ของมาเลเซีย ที่ตั้งอยู่ตรงช่องแคบมะละกา ซึ่งสัญญาณเรดาร์ที่พบนั้นห่าง และไม่แสดงถึงข้อมูลใดๆ เช่น หมายเลขเที่ยวบิน

    และ พล.อ.ท.มณฑลยังย้ำว่า ไม่ทราบว่าเมื่อไรแน่ที่เครื่องเรดาร์ของไทยสามารถจับสัญญาณ MH370ได้ครั้งท้ายสุด ในขณะที่กองทัพอากาศมาเลย์ได้เปิดเผยว่า เรดาร์กองทัพตรวจพบเครื่องบินสูญหายได้เมื่อเวลา 2.14 น.มุ่งหน้าสู่ช่องแคบมะละกา และเมื่อพล.อ.ท.มณฑลถูกถามว่า เหตุใดกองทัพไทยจึงใช้เวลานานในการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ พล.อ.ท.มณฑล กล่าวตอบว่า “เพราะทางเราไม่ให้ความสนใจต่อสิ่งนี้” และเขาเสริมต่อไปว่า “ทางกองทัพอากาศเฝ้าระวังระวังแต่เพียงภัยคุกคามประเทศเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นสิ่งที่ดูจะไม่เป็นภัยคุกคาม ทางกองทัพทำเพียงแต่เฝ้าสังเกตต่อไป” โดยพล.อ.ท.มณฑลยืนยันว่า MH370ยังไม่ได้บินล่วงล้ำเข้าน่าฟ้าไทย และคำร้องขอจากทางการมาเลย์ในชั้นแรกของการสืบหานั้นไม่ได้บอกเจาะจง และหลังจากที่ได้รับการร้องขอต่อมาจาก นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแล้ว ทางกองทัพจึงต้องกลับมาหาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้ใช้เวลาหลายวันเพียงแต่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในยการยืนยัน และในวันอังคาร(18)ทางกองทัพอากาศไทยได้โต้เจ้าหน้าที่มาเลย์ที่กล่าวว่า เครื่องบินเที่ยว MH 370 นั้นอาจจะบินผ่านไปทางเหนือของไทย ซึ่งทางตัวแทนกองทัพอากาศไทยได้ยืนยันว่าเรดาร์ทางเหนือของประเทศไม่ตรวจพบ MH370 แต่อย่างใด

    และจากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า กองทัพไทยพลาดในการเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่อาจเป็นการชี้ชะตาของเครื่องบินที่สูญหายที่มีผู้โดยสารจำนวน 239 คนอยู่บนเครื่อง ซึ่งถึงแม้ว่าข้อมูลที่ไทยมีอยู่อาจจะไม่ต่างมากนักจากที่มาเลเซียรับทราบ แต่อย่างหนึ่งที่พบจากเหตุการณ์เครื่องบิบสูญหายคือ “ปัญหาการแชร์ข้อมูลทางทหารระหว่างกองทัพของประเทศ” ที่แม้จะเป็นเพียงแค่ชื่อของเครื่องบินที่สูญหายอย่างกระทันหันก็ตาม
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. ยากูซ่าา

    ยากูซ่าา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +808
    เครื่องบินMH370บินไปทางภาคเหนือของไทย
    เอ๊!!!!!อย่าบอกนะว่าเครื่องบิน บินไปจอดที่เขากะลา
     
  9. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่อยู่บนเครื่องและญาติพี่น้องของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินด้วยครับ ส่วนผู้ที่ปลอม passport สองคนขึ้นเครื่องบินลำนี้ไปด้วยผมขอสะใจครับ
     
  10. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ตอนนี้มาเลเซียคงน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
    ใครจะไปรู้ว่า ประเทศเล็กๆนี้ จะกลายเป็นเวที ให้2พี่เบิ้มยักษ์ใหญ่ของโลกมาชิงไหวชิงพริบกัน

    สิ่งที่อยู่บนเครื่องบินนั้น จะต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ขนาดมะกันเองยังก้นร้อน ปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของศัตรูอย่าง รัสเซีย ไม่ได้เด็ดขาด

    ถ้าให้เดานะ ตอนนี้สิ่งลึกลับนั้นคงตกไปอยู่ในมือ รัสเซีย เรียบร้อยแล้ว ทางเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ หลอกมะกันให้ไปเหินเวหาจี้เครื่องบิน แต่กลับเหวอเจอแต่ความว่างเปล่า มะกันคงคิดไม่ถึงว่าพี่หมีขาวแกแผนสูงมาทางใต้น้ำ แน่ๆ

    และขอเดาต่อว่า สิ่งลึกลับอันนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสงครามนิวเคลียร์หรือสงครามโลกครั้งที่3 ที่ใกล้จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้แน่นอน
     
  11. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เปิดคำทำนาย 5 หมอดูดัง! สืบหาเที่ยวบิน MH 370

    5 หมอดูดังออกมาทำนายชะตากรรมของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 370 เชื่อจะมีผู้รอดชีวิต!

    มาดูกันว่าแต่ละท่านทำนายว่ายังไงบ้าง บอกไว้ก่อนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!

    หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์มเครื่องบินจมน้ำแน่นอน!

    หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ออกมาคอนเฟิร์มว่าเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH 370 ตกน้ำแล้วแน่นอน โดยเขาใช้วิธีทายจากโหราศาสตร์ไทย คือ เลขศาสตร์ ใช้วิธีทายจากตัวเลข เช่น ตัวเลขของไฟลต์บิน MH 370 และตัวเลขเครื่องบินโบอิ้ง 777-200

    “หลายคนอาจถามว่าปกติเครื่องบินลำนี้ก็บินตลอด แล้วทำไมไม่เกิดอุบัติเหตุ ทำไมต้องมาเกิดเหตุวันนี้ ผมขอตอบว่ามันเหมือนกับคนที่กำลังจะตายโหง ยกตัวอย่างเวลาคุณขับรถ ไม่ได้หมายความว่าจะตายโหงเลย แต่อาจจะขับรถ 5- 10 ปี แล้วถึงเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว เฉพาะเครื่อง เรื่องของจังหวะเวลาและเรื่องของคนขับ อย่างกรณีของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ผมไม่ทราบหรอกว่าทำไมเป็นวันนั้น แต่ถ้าถามจากศาสตร์ของผม เลขเครื่องบินโบอิ้ง คือ 777 - 200 แล้วเลข 777 เป็นเลขเคราะห์ซ้อนกัน พอมารวมกับเลข 2 จึงชัดเจนว่าต้องเกิดอุบัติเหตุแน่นอนอยู่แล้ว และเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น ตกน้ำ จมน้ำ ระบบน้ำขัดข้อง นอกจากนั้นเลข 7 กับเลข 2 ก็เป็นเลขพลัดพราก ตามหลักของเลขศาสตร์ เมื่อเลข 2 กับ 7 ชนกัน มันเหมือนขอนน้ำที่ลอยในน้ำ

    “แล้ววันที่เกิดเหตุคือ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างวันที่ 7 และ วันที่ 8 ยิ่งบ่งชัดมากขึ้น เพราะเลข 7 คือ ดาวเสาร์ แถมยังเจอเดือนมีนาคม ซึ่งพอนับเลขวัน เดือนและพ.ศ. ก็จะได้เลขศาสตร์ที่ถือว่าเป็นศัตรูกันและเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนั้น หมายเลขไฟลต์ 370 ก็ไม่ดี เพราะเลข 3 และเลข 7 คือ อุบัติเหตุที่รุนแรงหรือคู่แตกหัก

    “กระแสข่าวที่บอกว่ามีคนไปจี้เครื่องบิน หรือบังคับให้หันทิศทางบิน ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจี้ แต่เป็นลักษณะนักบินทำเองทั้งหมด คือ มีการทะเลาะวิวาทในห้องโดยสาร ผมสันนิษฐานว่ากัปตันกับผู้ช่วยนักบินทะเลาะกัน มีคนใดคนหนึ่งเช่น กัปตันอาจจะรู้ว่าผู้ช่วยนักบินคิดฆ่าตัวตาย หรือกำลังคิดจะหันหัวเครื่องบินไปทางอื่น คิดทำมิดีมิร้าย เลยเกิดการทะเลาะกันขึ้น และเป็นการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุ ความรู้สึกผมเชื่อว่า เกิดจากการจ้างวาน และคนทำเขาก็ทำได้เนียนที่สุด เพราะทำใจมานานแล้ว วางแผนมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเลยครับ

    “แล้วตัวเครื่องบินนี้คือ 777-200 บวกกับวันเวลา ผมจึงสันนิษฐานจากดวงชะตาว่า ตอนนี้เครื่องบินจมในทะเลไปแล้ว ไม่มีจอดที่เกาะใดเกาะหนึ่งแน่นอน ไม่รู้จะมีโอกาสเจอซากเครื่องบินไหม แต่จากเซนส์ของผม เชื่อว่าเครื่องบินอยู่ในน้ำแน่นอน แล้วทิศทางที่เครื่องบินตกนั้น ไม่ได้ไปอินเดีย หรือไปอัฟกานิสถาน เพราะตามหลักของโหราศาสตร์ ดาวที่ส่งผลให้เครื่องบินเป็นแบบนี้หรือเกิดเหตุร้ายอะไรก็ตาม จะเกิดอยู่ในทิศที่เป็นดาวจันทร์หรือดาวอังคาร คือ ถ้าเทียบจากประเทศไทย จะออกไปทางตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงใต้ หรือเกือบใต้ ไม่มีทางไปทางตะวันตกแน่นอน คิดว่าคงจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนับร้อย แต่จะมีคนรอดไหม ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ”

    นอกจากนั้นหมอกฤษณ์ยังบอกว่า นับจากนี้ไปให้ระวังอุบัติเหตุทางเครื่องบินอีก

    “ในแถบเอเชียต้องระวังให้ดี บอกได้ว่าจะกินช่วงไปสามเดือน คือ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ต้องระวังอุบัติเหตุให้มาก เพราะเป็นอิทธิพลของดาวราหูและดาวเสาร์ ทำให้มีโอกาสเจออุบัติเหตุสูง”

    สำหรับคนที่กลัวการขึ้นเครื่องบิน มีวิธีแนะนำไหมว่าควรหลีกเลี่ยงหรือแก้เคล็ดอย่างไรในทางโหราศาสตร์ ?

    “ผมเชื่อว่ามันแล้วแต่โชคชะตาของคน แต่ถ้าเป็นผมเอง ผมจะพยายามหลี่กเลี่ยงและระวังอะไรก็ตามที่มีเลข3 กับเลข 7 มาอยู่ด้วยกัน หรือระวังเลข 7 กับ เลข 2 มาอยู่ด้วยกันมากๆ เช่น 777,777333,7722,733" หมอกฤษณ์ตอบ

    “ซัน คนเห็นเคราะห์” บอกผู้โดยสารรอดชีวิตอยู่ในพื้นที่แขกหัวดำ!

    ด้าน “ซัน คนเห็นเคราะห์” หรือฉายาหมอดูก้ามปู ได้พูดถึงกรณีที่เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 หายไปว่า

    “ณ วันนี้ที่ผมรู้คือ เครื่องบินยังไม่ได้จมหายไปไหน ผมไม่เชื่อว่าเครื่องบินจะจมน้ำหรือมีคนตาย เพราะวันที่คุณถามผมอยู่นี้ ( 19 มี.ค.57) ผมยังไม่เห็นว่ามีใครตายนะ ผมเชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ หรือถ้าเป็นอุบัติเหตุ ก็เพราะมีคนจงใจทำให้เกิดขึ้น มันมีการวางแผนมาก่อน ผมเห็นภาพว่าผู้โดยสารทั้งหมดอยู่แถวพื้นที่ของคนแขกหัวดำ ตอนนี้กำลังนั่งรวมกันอยู่ตรงกลางดินกว้างๆ พร้อมกับเครื่องบิน แต่ยังไม่เห็นว่าใครเป็นอะไร หรือมีใครตาย คือ ตอนนี้ผมเห็นภาพเท่านี้ครับ”

    นอกจากนั้นซันยังได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

    “ผมคิดว่านักบินเป็นตัวกลางเลยแหละ มาคิดดูว่าใครจะปิดเรดาร์การบินได้ นอกจากนักบิน และใช่ว่าใครจะเปิดประตูก็ได้ นอกจากกัปตันหรือนักบินมาเปิดให้เอง เพราะมันต้องเปิดจากข้างในเท่านั้น

    “ เชื่อว่าจะมีโอกาสเจอเครื่องบินลำนี้ ไม่เกิน 1 เดือน หรืออาจจะมีใครเจอแล้วด้วยซ้ำ แต่ปิดข่าวไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง คนที่รู้ดีคือสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส แต่เขาไม่ยอมพูดเท่านั้นเอง เพราะเขาจะไม่รู้ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ ขนาดสายการบินอื่นเครื่องบินตก เขายังรู้ว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน เครื่องบินคงไม่หายไปจากโลกง่ายๆ หรอก ถ้ามันจมน้ำจริง ก็ควรจะมีอะไรลอยขึ้นมาบ้าง

    “เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าคนเราแย่มาก เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เลยสามารถทำทุกอย่างให้คนอื่นเดือดร้อน เขาไม่ควรเอาชีวิตคนไปยุ่งเกี่ยวด้วย คนที่ทำแบบนี้กรรมหนักมาก ตายไปพระเจ้าก็ไม่รับขึ้นสวรรค์ ต้องตกนรกอย่างเดียว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และคงต้องไปอยู่ในนรกขุมสุดท้ายด้วย”

    “เจน ญาณทิพย์” ระบุมีทั้งคนรอดชีวิตและเสียชีวิต

    ด้าน “อาจารย์เจน ญาณทิพย์” หมอดูชื่อดังอีกท่านได้ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า

    “ลองสื่อดูแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไกลมาก มองเห็นไม่ชัดค่ะ มีทั้งคนรอดและเสียชีวิต รู้แค่นี้ค่ะ เพราะต้องไปสื่อที่เกิดเหตุจริงค่ะ”

    เมื่อทีมงานพยายามสอบถามอาจารย์เจนเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่าอาจารย์เจนปฎิเสธที่จะตอบคำถามอีก โดยระบุแค่ว่าไม่ขอคุยมากกว่านี้แล้ว นอกจากนั้นนักข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ "ริว จิตสัมผัส" หมอดูดังร่วมรายการเดียวกับอาจารย์เจนด้วย แต่ทางผู้ดูแลริว จิตสัมผัส ให้คำตอบว่าริวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์

    “อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” บอกเป็นอุบัติเหตุตกในทะเล

    ส่วนอาจารย์หม่อม-มณฑล สายทัศน์ ฉายา “อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” ได้กล่าวว่า

    “สังเกตได้ว่าเลข 370 ไม่ว่าจะเป็นเลขทะเบียนรถ ทะเบียนบ้านที่มีเลข 3 กับเลข 7 ติดกัน และมีเลข 0 มักจะมีการสูญเสียจนถึงกับชีวิตได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเครื่องบินไม่ได้หายไปในมิติอะไรเลย จากที่ผมศึกษามาพบว่าเครื่องบินเกิดขัดข้องทางปีกซ้ายตามตัวเครื่อง คิดว่าจะหาเจอภายในปลายเดือนมีนาคมหรือช่วงเข้าเดือนเมษายน

    “ไม่อยากให้คนอ่านงมงายมาก เลยจะใช้คำพูดว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลล่ะกันครับ คิดว่าเครื่องบินตกในทะเล เดี๋ยวก็ค้นเจอ ให้ไปค้นหาเครื่องบินทางทิศตะวันตกกับทิศใต้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ไม่ใช่การจงใจ ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ใช่การไฮแจ็ก และนักบินไม่ได้ทำ ถ้าถามจากเซนส์ของผม ไม่ใช่จากการนั่งสมาธิ เชื่อว่าน่าจะมีคนรอดชีวิตอยู่ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้รอดชีวิตถึงไม่ติดต่อกลับมา อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในที่สัญญาณไม่ดีก็ได้”

    เมื่อถามว่าผู้โดยสารกลุ่มนี้ทำกรรมอะไรร่วมกันมา จึงมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ อาจารย์หม่อมตอบว่า

    “พวกเขาทำกรรมมา จึงมาเจอวาระหรือเหตุการณ์ร่วมกันและเป็นโศกนาฏกรรมน่าสลดใจ สาเหตุหนึ่งคือ บุคคลนั้นๆ ได้พรากเอาของรักของหวงคนอื่นไป พรากความรัก พรากลูกพรากเมีย หรือพรากอันเป็นที่รักของคนอื่นไปในอดีตชาติหรือชาติปัจจุบันนี้

    “อาจารย์อยากฝากบอกว่าให้พิจารณากันมากๆ หน่อย อย่าเพิ่งเชื่ออาจารย์ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าว่า “ไม่แน่นอน” เพราะมันเป็นเรื่องของการทำนายดวง ให้เชื่อการกระทำของตัวเองว่า “ทำดีย่อมได้ดี” ครับ”

    “อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” ชี้ผู้โดยสารยังไม่ตาย แต่มีคนบงการเพราะแย่งของกัน

    ด้าน “อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” (ชวิศ ชื่นเจริญ) ที่สามารถสื่อผ่านจิตกับ “พ่อปู่ฤษีมหาฤษี” ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ

    “เมื่อผมได้ทราบข่าวนี้ ก็ได้ลองถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายการบินนี้ เสียงที่ได้ยินนั้นบอกว่า “คนยังไม่ตาย” พ่อปู่ฤษีมหาฤษีให้ผมหลับตาและให้เพ่งสมาธิไปที่ธงชาติมาเลเซีย ผมนั่งสมาธิอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็พบว่าเป็นจิตที่นิ่งว่างเปล่า จนต้องอาศัยหาข้อมูลธงชาติมาเลเซียจากอินเทอร์เน็ต จึงนั่งจดจำไว้แล้วมานั่งสมาธิต่ออีกครั้ง หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตคือเสียงที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบรรยายลักษณะของเครื่องบินที่เป็นเหตุทั้งหมดรวมกับธงชาติมาเลย์เซีย เครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบินที่ MH370 ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม 2557 ( 8-3-2014 )

    3+7+0=10
    และ
    8+3+2+0+1+4=18 รวมกันได้ 28

    ธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นริ้วแดงสลับขาวรวม 14 ริ้ว ที่มุมบนด้านคันธงมีดาว 14 แฉกและจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ในพื้นสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน14+14=28 ซึ่งเลข ที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบอกให้เห็นอย่างชัดเจนและตรงกันคือเลข 28 ( 2+8=10 ) 10 ก็ตรงกับเลขที่บวกมาจากเที่ยวบิน

    เมื่อผมเห็นเลขทั้งหมดแล้วจึงคลายออกจากสมาธิแล้วมานั่งจดคำนวณอีกครั้ง และถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีว่า

    เกิดอะไรขึ้นกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายไป อุบัติเหตุหรือก่อการร้าย?

    หายไปเพราะมีผู้กระทำการวางแผนส่งแผนการปฏิบัติเป็นเลขเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร ตามหลักตรวจดวงจากพ่อปู่ฤษีมหาฤษี เลข 28 และ 10 เป็นเลขมงคลมีความสำเร็จและมีชัยชนะ

    ตอนนี้เครื่องบินอยู่ที่ไหน มีคนรอดชีวิตไหม?

    ผู้คนทั้งหมด 239 คน ( 2+3+9=14 ) ยังมีชีวิตอยู่แต่อยู่ในสภาวะต่างจากคนปกติ ( เลข 14 คือเลขที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษี บอกว่าเป็นเลขที่โดยจำกัดอาณาเขต)

    เราจะมีโอกาสเห็นซากของเครื่องบินลำนี้ไหม เมื่อไหร่ถึงปรากฏให้เห็น?

    เราจะได้เห็นเครื่องบินลำนี้ เมื่อเลขนั้นตรงกับเลข 25 ( เลขแห่งการเปิดเผย )

    ใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ และเพราะอะไรเขาถึงทำ?

    ผู้ที่มีอำนาจในแดนไกล ทำเพราะแย่งของกัน

    ผู้โดยสารทำกรรมร่วมอะไรกันมา ถึงมาเจอเคราะห์แบบนี้ ?

    เป็นตามหลักกลกรรม หลักเลขคือเรื่องของตัวเลข ที่ผู้โดยสารและลูกเรือรวมกันทั้งสิ้น 239 คน บวกแล้วเป็น 14 คือการจำกัดอาณาเขต กรรมที่ทุกคนได้รับเสมือนการติดคุก เป็นผลกรรมเก่า และสร้างกรรมใหม่ ดวงบ่วงกรรมตัวเลขเดียวกันตามผลกลกรรม บางคนอาจจะมีกรรมเพียงเล็กน้อย บางคนอาจมีกรรมกับคนผิว ผิวดำ คนต่างชาติ คนอ้วน เตี้ย ซึ่งลักษณะกรรมนี้เป็นการชดใช้กรรม เมื่อถูกรวมตัวในสถานที่เป็นเคราะห์ทุกคนจึงได้ร่วมกรรมกัน (แต่ทุกคนไม่ตาย อาจมีบาดเจ็บ)

    พ่อปู่ฤษีมหาฤษียังบอกให้ผมคำนวณอีก หนึ่งสิ่งคือ “01.00 น. MH370” บินเข้าน่านฟ้าเวียดนาม หอบังคับการบินมาเลเซียจึงส่งต่อหน้าที่ให้กับหอบังคับการบินเวียดนามในเมืองโฮจิมินห์ และสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินจากห้องนักบิน คือคำว่า “โอเค ราตรีสวัสดิ์” มันคือสิ่งที่เค้ากำหนดเป็นตัวเลขไว้ 01.00 น. MH370 ( 01 และ 10 ) ซึ่งหมายถึงว่าดวงทุกคนจะถูกปิดและถูกบังคับจากผู้มีอำนาจ

    ข้อสมมุติฐานใหม่จาก “ทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย”

    ส่วนกระแสข่าวอื่นๆ ในต่างประเทศพบว่ามีทฤษฎีที่อาจบ่งบอกได้ว่าเที่ยวบิน MH 370 หายไปไหน โดย Lance Ulanoff ได้เขียนบทความลงใน Mashable เว็บไซต์ชื่อดังด้านไอทีของอเมริกา กล่าวถึงทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย โทรศัพท์มือถือ มาช่วยอธิบายถึงเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เครื่องบินจะหายไปในทะเล ซึ่งเราขอหยิบยกมาบอกต่อดังนี้

    ผู้โดยสารบนเครื่อง พอจะมีใครเปิดโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้หรือไม่ ?

    จากผลการศึกษาของสมาคมผู้บริโภคอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (Consumer Electronics Association) พบว่า 30% ของผู้โดยสารเครื่องบิน ลืมที่จะปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองระหว่างการลงจอด หรือการขึ้นบิน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราพอสรุปได้ว่า จะต้องมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองทิ้งไว้ ระหว่างการบิน

    ทั้งนี้จากการแสดงความคิดเห็นของผู้ที่บินโดยสารร่วมกับผู้โดยสารจีนเป็นประจำ ให้ความเห็นว่า “ถ้าคุณเดินทางด้วยการบินประจำ และยิ่งคุณบินร่วมกับคนจีนแล้ว คุณสังเกตง่ายๆว่า คนจีน ใครเขาปิดมือถือบนเครื่องบินกัน ? เขาก็เล่นมือถือระหว่างการบินกันหมด คงเว้นเสียแต่มือถือพวกเขาแบตเตอรี่ใกล้หมดถึงจะยอมหยุดเล่น”
    ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งเกิดข้อสงสัยว่า จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ระหว่างเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง จะไม่มีใครสักคน ที่คิดจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรออกบ้างเลยหรือ รวมถึงข่าวก่อนหน้าที่มีรายงานว่า เครื่องบินมีการหันหัวเครื่องบินกลับ นั่นยิ่งเป็นไปได้ใหญ่ว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่จะต้องเปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำอะไรซักอย่างเป็นแน่

    ข้อจำกัดของเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

    โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน สามารถเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ บนภาคพื้นดินได้ โดยเสาสัญญาณเหล่านี้ (แล้วแต่ว่าเสาแต่ละเสาใช้เทคโนโลยีใด GSM หรือ CDMA) จะมีระยะสัญญาณส่งขึ้นไปบนอากาศได้หลายกิโลเมตร เสาที่ใช้เทคโนโลยี GSM จะสามารถส่งสัญญาณไปบนอากาศได้ถึง 21 ไมล์ (33.6 กิโลเมตร) และที่สำคัญ เสาเพียงต้นเดียว ก็สามารถเชื่อมโทรศัพท์มือถือให้มีสัญญาณ สามารถโทรออกได้แล้ว

    ได้มีการสัมภาษณ์ Jeff Kagan ผู้ชำนาญด้านการวิเคราะห์สัญญาณไร้สาย ถึงข้อสันนิษฐานที่มีคนสงสัยว่าเครื่องบินถูกจี้ โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย และทำการลดเพดานบิน เหลือเพียง 5,000 ฟุต เพื่อหลบหนีจากการตรวจจับของเรดาร์ Kagan ตอบว่า

    “มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าลดเพดานบินเหลือแค่ 5,000 ฟุต เสาสัญญาณโทรศัพท์ภาคพื้นดิน สัญญาณจะต้องส่งถึงโทรศัพท์ผู้โดยสาร และจะต้องมีผู้โดยสารบางคนบ้าง ที่ต้องใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อใครซักคนแล้ว”
    ว่ากันว่าอีกสาเหตุนึง ที่ทำให้ผู้โดยสาร ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ ก็คือ “เครื่องบิน บินอยู่กลางทะเล”

    “ยังไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใดในโลกนี้ ที่ลงทุนปักเสาสัญญาณลงไปที่กลางทะเล” Kagan ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสัญญาณไร้สายมากว่า 30 ปี กล่าว

    ดังนั้น ประเด็นน่าสงสัยตอนนี้ คือ ทำไมถึงไม่มีผู้โดยสารคนไหนหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาใช้ ตั้งแต่ที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์

    แล้วถ้าเทียบกับเหตุการณ์ 9/11 ?

    จากเหตุการณ์จี้เครื่องบิน 3 ลำ ชนตึกเวิล์ดเทรดใน 13 ปีก่อน เว็บไซต์สืบสวนกรณีเหตุการณ์ 9/11 Consensus911.org ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งกันระหว่างหลักฐานกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ มีหลักฐานว่า ในขณะที่มีการจี้เครื่องบิน เครื่องบินได้บินอยู่ในระดับความสูง 35,000 ฟุต ได้มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือ โทรออกได้ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ และที่ความสูง 35,000 ฟุตนี้เอง ก็เท่ากับระดับเพดานบินของ MH370 ก่อนหายไปจากเรดาร์

    จากหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ว่ามีการโทรออก เกิดขึ้นระหว่างเครื่องบินอยู่สูงที่ระดับ 35,000 ฟุต แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน เที่ยวบิน MH370 ที่บินที่ความสูง 35,000 ฟุตเช่นกัน จะไม่มีใครทำการใช้โทรศัพท์โทรออก เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง ?

    ดังนั้นเว็บไซต์นี่จึงสรุปว่ามีเพียงเหตุผลเดียว คือ เครื่องบินหายอยู่กลางทะเลที่ไม่มีเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือตลอด ตั้งแต่เครื่องบินลำนี้หายไปจนถึงปัจจุบันนั่นเอง ทำให้ทุกวันนี้ยังไม่มีรายงานการโทรออกของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 เลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ณ วันนี้ แม้เราจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับการสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 ผู้โดยสารทั้งหมดยังรอดชีวิตหรือไม่ นี่คือคำถามสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งค้นหาเครื่องบินลำนี้

    เราได้แต่หวังว่า “ปาฏิหาริย์จะมีจริง” เพื่อนักบินและผู้โดยสารทุกคนจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยในเร็ววัน...


    เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    5 หมอดูดังออกมาทำนายชะตากรรมของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 370 เชื่อจะมีผู้รอดชีวิต!

    มาดูกันว่าแต่ละท่านทำนายว่ายังไงบ้าง บอกไว้ก่อนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!

    หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์มเครื่องบินจมน้ำแน่นอน!

    [​IMG]
    หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ออกมาคอนเฟิร์มว่าเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH 370 ตกน้ำแล้วแน่นอน โดยเขาใช้วิธีทายจากโหราศาสตร์ไทย คือ เลขศาสตร์ ใช้วิธีทายจากตัวเลข เช่น ตัวเลขของไฟลต์บิน MH 370 และตัวเลขเครื่องบินโบอิ้ง 777-200

    “หลายคนอาจถามว่าปกติเครื่องบินลำนี้ก็บินตลอด แล้วทำไมไม่เกิดอุบัติเหตุ ทำไมต้องมาเกิดเหตุวันนี้ ผมขอตอบว่ามันเหมือนกับคนที่กำลังจะตายโหง ยกตัวอย่างเวลาคุณขับรถ ไม่ได้หมายความว่าจะตายโหงเลย แต่อาจจะขับรถ 5- 10 ปี แล้วถึงเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว เฉพาะเครื่อง เรื่องของจังหวะเวลาและเรื่องของคนขับ อย่างกรณีของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ผมไม่ทราบหรอกว่าทำไมเป็นวันนั้น แต่ถ้าถามจากศาสตร์ของผม เลขเครื่องบินโบอิ้ง คือ 777 - 200 แล้วเลข 777 เป็นเลขเคราะห์ซ้อนกัน พอมารวมกับเลข 2 จึงชัดเจนว่าต้องเกิดอุบัติเหตุแน่นอนอยู่แล้ว และเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น ตกน้ำ จมน้ำ ระบบน้ำขัดข้อง นอกจากนั้นเลข 7 กับเลข 2 ก็เป็นเลขพลัดพราก ตามหลักของเลขศาสตร์ เมื่อเลข 2 กับ 7 ชนกัน มันเหมือนขอนน้ำที่ลอยในน้ำ

    “แล้ววันที่เกิดเหตุคือ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างวันที่ 7 และ วันที่ 8 ยิ่งบ่งชัดมากขึ้น เพราะเลข 7 คือ ดาวเสาร์ แถมยังเจอเดือนมีนาคม ซึ่งพอนับเลขวัน เดือนและพ.ศ. ก็จะได้เลขศาสตร์ที่ถือว่าเป็นศัตรูกันและเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนั้น หมายเลขไฟลต์ 370 ก็ไม่ดี เพราะเลข 3 และเลข 7 คือ อุบัติเหตุที่รุนแรงหรือคู่แตกหัก

    “กระแสข่าวที่บอกว่ามีคนไปจี้เครื่องบิน หรือบังคับให้หันทิศทางบิน ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจี้ แต่เป็นลักษณะนักบินทำเองทั้งหมด คือ มีการทะเลาะวิวาทในห้องโดยสาร ผมสันนิษฐานว่ากัปตันกับผู้ช่วยนักบินทะเลาะกัน มีคนใดคนหนึ่งเช่น กัปตันอาจจะรู้ว่าผู้ช่วยนักบินคิดฆ่าตัวตาย หรือกำลังคิดจะหันหัวเครื่องบินไปทางอื่น คิดทำมิดีมิร้าย เลยเกิดการทะเลาะกันขึ้น และเป็นการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุ ความรู้สึกผมเชื่อว่า เกิดจากการจ้างวาน และคนทำเขาก็ทำได้เนียนที่สุด เพราะทำใจมานานแล้ว วางแผนมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเลยครับ

    “แล้วตัวเครื่องบินนี้คือ 777-200 บวกกับวันเวลา ผมจึงสันนิษฐานจากดวงชะตาว่า ตอนนี้เครื่องบินจมในทะเลไปแล้ว ไม่มีจอดที่เกาะใดเกาะหนึ่งแน่นอน ไม่รู้จะมีโอกาสเจอซากเครื่องบินไหม แต่จากเซนส์ของผม เชื่อว่าเครื่องบินอยู่ในน้ำแน่นอน แล้วทิศทางที่เครื่องบินตกนั้น ไม่ได้ไปอินเดีย หรือไปอัฟกานิสถาน เพราะตามหลักของโหราศาสตร์ ดาวที่ส่งผลให้เครื่องบินเป็นแบบนี้หรือเกิดเหตุร้ายอะไรก็ตาม จะเกิดอยู่ในทิศที่เป็นดาวจันทร์หรือดาวอังคาร คือ ถ้าเทียบจากประเทศไทย จะออกไปทางตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงใต้ หรือเกือบใต้ ไม่มีทางไปทางตะวันตกแน่นอน คิดว่าคงจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนับร้อย แต่จะมีคนรอดไหม ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ”

    นอกจากนั้นหมอกฤษณ์ยังบอกว่า นับจากนี้ไปให้ระวังอุบัติเหตุทางเครื่องบินอีก

    ในแถบเอเชียต้องระวังให้ดี บอกได้ว่าจะกินช่วงไปสามเดือน คือ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ต้องระวังอุบัติเหตุให้มาก เพราะเป็นอิทธิพลของดาวราหูและดาวเสาร์ ทำให้มีโอกาสเจออุบัติเหตุสูง”

    สำหรับคนที่กลัวการขึ้นเครื่องบิน มีวิธีแนะนำไหมว่าควรหลีกเลี่ยงหรือแก้เคล็ดอย่างไรในทางโหราศาสตร์ ?

    “ผมเชื่อว่ามันแล้วแต่โชคชะตาของคน แต่ถ้าเป็นผมเอง ผมจะพยายามหลี่กเลี่ยงและระวังอะไรก็ตามที่มีเลข3 กับเลข 7 มาอยู่ด้วยกัน หรือระวังเลข 7 กับ เลข 2 มาอยู่ด้วยกันมากๆ เช่น 777,777333,7722,733" หมอกฤษณ์ตอบ

    “ซัน คนเห็นเคราะห์” บอกผู้โดยสารรอดชีวิตอยู่ในพื้นที่แขกหัวดำ!
    [​IMG]
    ด้าน “ซัน คนเห็นเคราะห์” หรือฉายาหมอดูก้ามปู ได้พูดถึงกรณีที่เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 หายไปว่า

    “ณ วันนี้ที่ผมรู้คือ เครื่องบินยังไม่ได้จมหายไปไหน ผมไม่เชื่อว่าเครื่องบินจะจมน้ำหรือมีคนตาย เพราะวันที่คุณถามผมอยู่นี้ ( 19 มี.ค.57) ผมยังไม่เห็นว่ามีใครตายนะ ผมเชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ หรือถ้าเป็นอุบัติเหตุ ก็เพราะมีคนจงใจทำให้เกิดขึ้น มันมีการวางแผนมาก่อน ผมเห็นภาพว่าผู้โดยสารทั้งหมดอยู่แถวพื้นที่ของคนแขกหัวดำ ตอนนี้กำลังนั่งรวมกันอยู่ตรงกลางดินกว้างๆ พร้อมกับเครื่องบิน แต่ยังไม่เห็นว่าใครเป็นอะไร หรือมีใครตาย คือ ตอนนี้ผมเห็นภาพเท่านี้ครับ”

    นอกจากนั้นซันยังได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

    ผมคิดว่านักบินเป็นตัวกลางเลยแหละ มาคิดดูว่าใครจะปิดเรดาร์การบินได้ นอกจากนักบิน และใช่ว่าใครจะเปิดประตูก็ได้ นอกจากกัปตันหรือนักบินมาเปิดให้เอง เพราะมันต้องเปิดจากข้างในเท่านั้น

    เชื่อว่าจะมีโอกาสเจอเครื่องบินลำนี้ ไม่เกิน 1 เดือน หรืออาจจะมีใครเจอแล้วด้วยซ้ำ แต่ปิดข่าวไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง คนที่รู้ดีคือสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส แต่เขาไม่ยอมพูดเท่านั้นเอง เพราะเขาจะไม่รู้ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ ขนาดสายการบินอื่นเครื่องบินตก เขายังรู้ว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน เครื่องบินคงไม่หายไปจากโลกง่ายๆ หรอก ถ้ามันจมน้ำจริง ก็ควรจะมีอะไรลอยขึ้นมาบ้าง

    “เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าคนเราแย่มาก เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เลยสามารถทำทุกอย่างให้คนอื่นเดือดร้อน เขาไม่ควรเอาชีวิตคนไปยุ่งเกี่ยวด้วย คนที่ทำแบบนี้กรรมหนักมาก ตายไปพระเจ้าก็ไม่รับขึ้นสวรรค์ ต้องตกนรกอย่างเดียว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และคงต้องไปอยู่ในนรกขุมสุดท้ายด้วย”

    “เจน ญาณทิพย์” ระบุมีทั้งคนรอดชีวิตและเสียชีวิต
    [​IMG]
    ด้าน “อาจารย์เจน ญาณทิพย์” หมอดูชื่อดังอีกท่านได้ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า

    ลองสื่อดูแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไกลมาก มองเห็นไม่ชัดค่ะ มีทั้งคนรอดและเสียชีวิต รู้แค่นี้ค่ะ เพราะต้องไปสื่อที่เกิดเหตุจริงค่ะ”

    เมื่อทีมงานพยายามสอบถามอาจารย์เจนเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่าอาจารย์เจนปฎิเสธที่จะตอบคำถามอีก โดยระบุแค่ว่าไม่ขอคุยมากกว่านี้แล้ว นอกจากนั้นนักข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ "ริว จิตสัมผัส" หมอดูดังร่วมรายการเดียวกับอาจารย์เจนด้วย แต่ทางผู้ดูแลริว จิตสัมผัส ให้คำตอบว่าริวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์

    “อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” บอกเป็นอุบัติเหตุตกในทะเล
    [​IMG]
    ส่วนอาจารย์หม่อม-มณฑล สายทัศน์ ฉายา “อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” ได้กล่าวว่า

    สังเกตได้ว่าเลข 370 ไม่ว่าจะเป็นเลขทะเบียนรถ ทะเบียนบ้านที่มีเลข 3 กับเลข 7 ติดกัน และมีเลข 0 มักจะมีการสูญเสียจนถึงกับชีวิตได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเครื่องบินไม่ได้หายไปในมิติอะไรเลย จากที่ผมศึกษามาพบว่าเครื่องบินเกิดขัดข้องทางปีกซ้ายตามตัวเครื่อง คิดว่าจะหาเจอภายในปลายเดือนมีนาคมหรือช่วงเข้าเดือนเมษายน

    “ไม่อยากให้คนอ่านงมงายมาก เลยจะใช้คำพูดว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลล่ะกันครับ คิดว่าเครื่องบินตกในทะเล เดี๋ยวก็ค้นเจอ ให้ไปค้นหาเครื่องบินทางทิศตะวันตกกับทิศใต้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ไม่ใช่การจงใจ ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ใช่การไฮแจ็ก และนักบินไม่ได้ทำ ถ้าถามจากเซนส์ของผม ไม่ใช่จากการนั่งสมาธิ เชื่อว่าน่าจะมีคนรอดชีวิตอยู่ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้รอดชีวิตถึงไม่ติดต่อกลับมา อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในที่สัญญาณไม่ดีก็ได้”

    เมื่อถามว่าผู้โดยสารกลุ่มนี้ทำกรรมอะไรร่วมกันมา จึงมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ อาจารย์หม่อมตอบว่า

    “พวกเขาทำกรรมมา จึงมาเจอวาระหรือเหตุการณ์ร่วมกันและเป็นโศกนาฏกรรมน่าสลดใจ สาเหตุหนึ่งคือ บุคคลนั้นๆ ได้พรากเอาของรักของหวงคนอื่นไป พรากความรัก พรากลูกพรากเมีย หรือพรากอันเป็นที่รักของคนอื่นไปในอดีตชาติหรือชาติปัจจุบันนี้

    “อาจารย์อยากฝากบอกว่าให้พิจารณากันมากๆ หน่อย อย่าเพิ่งเชื่ออาจารย์ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าว่า “ไม่แน่นอน” เพราะมันเป็นเรื่องของการทำนายดวง ให้เชื่อการกระทำของตัวเองว่า “ทำดีย่อมได้ดี” ครับ”

    “อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” ชี้ผู้โดยสารยังไม่ตาย แต่มีคนบงการเพราะแย่งของกัน

    ด้าน “อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” (ชวิศ ชื่นเจริญ) ที่สามารถสื่อผ่านจิตกับ “พ่อปู่ฤษีมหาฤษี” ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ
    [​IMG]

    “เมื่อผมได้ทราบข่าวนี้ ก็ได้ลองถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายการบินนี้ เสียงที่ได้ยินนั้นบอกว่า “คนยังไม่ตาย” พ่อปู่ฤษีมหาฤษีให้ผมหลับตาและให้เพ่งสมาธิไปที่ธงชาติมาเลเซีย ผมนั่งสมาธิอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็พบว่าเป็นจิตที่นิ่งว่างเปล่า จนต้องอาศัยหาข้อมูลธงชาติมาเลเซียจากอินเทอร์เน็ต จึงนั่งจดจำไว้แล้วมานั่งสมาธิต่ออีกครั้ง หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตคือเสียงที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบรรยายลักษณะของเครื่องบินที่เป็นเหตุทั้งหมดรวมกับธงชาติมาเลย์เซีย เครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบินที่ MH370 ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม 2557 ( 8-3-2014 )

    3+7+0=10
    และ
    8+3+2+0+1+4=18 รวมกันได้ 28

    ธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นริ้วแดงสลับขาวรวม 14 ริ้ว ที่มุมบนด้านคันธงมีดาว 14 แฉกและจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ในพื้นสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน14+14=28 ซึ่งเลข ที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบอกให้เห็นอย่างชัดเจนและตรงกันคือเลข 28 ( 2+8=10 ) 10 ก็ตรงกับเลขที่บวกมาจากเที่ยวบิน

    เมื่อผมเห็นเลขทั้งหมดแล้วจึงคลายออกจากสมาธิแล้วมานั่งจดคำนวณอีกครั้ง และถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีว่า

    เกิดอะไรขึ้นกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายไป อุบัติเหตุหรือก่อการร้าย?

    หายไปเพราะมีผู้กระทำการวางแผนส่งแผนการปฏิบัติเป็นเลขเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร ตามหลักตรวจดวงจากพ่อปู่ฤษีมหาฤษี เลข 28 และ 10 เป็นเลขมงคลมีความสำเร็จและมีชัยชนะ

    ตอนนี้เครื่องบินอยู่ที่ไหน มีคนรอดชีวิตไหม?

    ผู้คนทั้งหมด 239 คน ( 2+3+9=14 ) ยังมีชีวิตอยู่แต่อยู่ในสภาวะต่างจากคนปกติ ( เลข 14 คือเลขที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษี บอกว่าเป็นเลขที่โดยจำกัดอาณาเขต)

    เราจะมีโอกาสเห็นซากของเครื่องบินลำนี้ไหม เมื่อไหร่ถึงปรากฏให้เห็น?

    เราจะได้เห็นเครื่องบินลำนี้ เมื่อเลขนั้นตรงกับเลข 25( เลขแห่งการเปิดเผย )

    ใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ และเพราะอะไรเขาถึงทำ?

    ผู้ที่มีอำนาจในแดนไกล ทำเพราะแย่งของกัน

    ผู้โดยสารทำกรรมร่วมอะไรกันมา ถึงมาเจอเคราะห์แบบนี้ ?

    เป็นตามหลักกลกรรม หลักเลขคือเรื่องของตัวเลข ที่ผู้โดยสารและลูกเรือรวมกันทั้งสิ้น 239 คน บวกแล้วเป็น 14 คือการจำกัดอาณาเขต กรรมที่ทุกคนได้รับเสมือนการติดคุก เป็นผลกรรมเก่า และสร้างกรรมใหม่ ดวงบ่วงกรรมตัวเลขเดียวกันตามผลกลกรรม บางคนอาจจะมีกรรมเพียงเล็กน้อย บางคนอาจมีกรรมกับคนผิว ผิวดำ คนต่างชาติ คนอ้วน เตี้ย ซึ่งลักษณะกรรมนี้เป็นการชดใช้กรรม เมื่อถูกรวมตัวในสถานที่เป็นเคราะห์ทุกคนจึงได้ร่วมกรรมกัน (แต่ทุกคนไม่ตาย อาจมีบาดเจ็บ)

    พ่อปู่ฤษีมหาฤษียังบอกให้ผมคำนวณอีก หนึ่งสิ่งคือ “01.00 น. MH370” บินเข้าน่านฟ้าเวียดนาม หอบังคับการบินมาเลเซียจึงส่งต่อหน้าที่ให้กับหอบังคับการบินเวียดนามในเมืองโฮจิมินห์ และสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินจากห้องนักบิน คือคำว่า “โอเค ราตรีสวัสดิ์” มันคือสิ่งที่เค้ากำหนดเป็นตัวเลขไว้ 01.00 น. MH370 ( 01 และ 10 ) ซึ่งหมายถึงว่าดวงทุกคนจะถูกปิดและถูกบังคับจากผู้มีอำนาจ

    ข้อสมมุติฐานใหม่จาก “ทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย”

    ส่วนกระแสข่าวอื่นๆ ในต่างประเทศพบว่ามีทฤษฎีที่อาจบ่งบอกได้ว่าเที่ยวบิน MH 370 หายไปไหน โดย Lance Ulanoff ได้เขียนบทความลงใน Mashable เว็บไซต์ชื่อดังด้านไอทีของอเมริกา กล่าวถึงทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย โทรศัพท์มือถือ มาช่วยอธิบายถึงเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เครื่องบินจะหายไปในทะเล ซึ่งเราขอหยิบยกมาบอกต่อดังนี้

    ผู้โดยสารบนเครื่อง พอจะมีใครเปิดโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้หรือไม่ ?

    จากผลการศึกษาของสมาคมผู้บริโภคอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (Consumer Electronics Association) พบว่า 30% ของผู้โดยสารเครื่องบิน ลืมที่จะปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองระหว่างการลงจอด หรือการขึ้นบิน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราพอสรุปได้ว่า จะต้องมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองทิ้งไว้ ระหว่างการบิน

    ทั้งนี้จากการแสดงความคิดเห็นของผู้ที่บินโดยสารร่วมกับผู้โดยสารจีนเป็นประจำ ให้ความเห็นว่า “ถ้าคุณเดินทางด้วยการบินประจำ และยิ่งคุณบินร่วมกับคนจีนแล้ว คุณสังเกตง่ายๆว่า คนจีน ใครเขาปิดมือถือบนเครื่องบินกัน ? เขาก็เล่นมือถือระหว่างการบินกันหมด คงเว้นเสียแต่มือถือพวกเขาแบตเตอรี่ใกล้หมดถึงจะยอมหยุดเล่น”
    ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งเกิดข้อสงสัยว่า จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ระหว่างเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง จะไม่มีใครสักคน ที่คิดจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรออกบ้างเลยหรือ รวมถึงข่าวก่อนหน้าที่มีรายงานว่า เครื่องบินมีการหันหัวเครื่องบินกลับ นั่นยิ่งเป็นไปได้ใหญ่ว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่จะต้องเปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำอะไรซักอย่างเป็นแน่

    ข้อจำกัดของเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

    โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน สามารถเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ บนภาคพื้นดินได้ โดยเสาสัญญาณเหล่านี้ (แล้วแต่ว่าเสาแต่ละเสาใช้เทคโนโลยีใด GSM หรือ CDMA) จะมีระยะสัญญาณส่งขึ้นไปบนอากาศได้หลายกิโลเมตร เสาที่ใช้เทคโนโลยี GSM จะสามารถส่งสัญญาณไปบนอากาศได้ถึง 21 ไมล์ (33.6 กิโลเมตร) และที่สำคัญ เสาเพียงต้นเดียว ก็สามารถเชื่อมโทรศัพท์มือถือให้มีสัญญาณ สามารถโทรออกได้แล้ว

    ได้มีการสัมภาษณ์ Jeff Kagan ผู้ชำนาญด้านการวิเคราะห์สัญญาณไร้สาย ถึงข้อสันนิษฐานที่มีคนสงสัยว่าเครื่องบินถูกจี้ โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย และทำการลดเพดานบิน เหลือเพียง 5,000 ฟุต เพื่อหลบหนีจากการตรวจจับของเรดาร์ Kagan ตอบว่า

    “มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าลดเพดานบินเหลือแค่ 5,000 ฟุต เสาสัญญาณโทรศัพท์ภาคพื้นดิน สัญญาณจะต้องส่งถึงโทรศัพท์ผู้โดยสาร และจะต้องมีผู้โดยสารบางคนบ้าง ที่ต้องใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อใครซักคนแล้ว”
    ว่ากันว่าอีกสาเหตุนึง ที่ทำให้ผู้โดยสาร ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ ก็คือ “เครื่องบิน บินอยู่กลางทะเล”

    “ยังไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใดในโลกนี้ ที่ลงทุนปักเสาสัญญาณลงไปที่กลางทะเล” Kagan ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสัญญาณไร้สายมากว่า 30 ปี กล่าว

    ดังนั้น ประเด็นน่าสงสัยตอนนี้ คือ ทำไมถึงไม่มีผู้โดยสารคนไหนหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาใช้ ตั้งแต่ที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์

    แล้วถ้าเทียบกับเหตุการณ์ 9/11 ?

    จากเหตุการณ์จี้เครื่องบิน 3 ลำ ชนตึกเวิล์ดเทรดใน 13 ปีก่อน เว็บไซต์สืบสวนกรณีเหตุการณ์ 9/11 Consensus911.org ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งกันระหว่างหลักฐานกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ มีหลักฐานว่า ในขณะที่มีการจี้เครื่องบิน เครื่องบินได้บินอยู่ในระดับความสูง 35,000 ฟุต ได้มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือ โทรออกได้ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ และที่ความสูง 35,000 ฟุตนี้เอง ก็เท่ากับระดับเพดานบินของ MH370 ก่อนหายไปจากเรดาร์

    จากหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ว่ามีการโทรออก เกิดขึ้นระหว่างเครื่องบินอยู่สูงที่ระดับ 35,000 ฟุต แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน เที่ยวบิน MH370 ที่บินที่ความสูง 35,000 ฟุตเช่นกัน จะไม่มีใครทำการใช้โทรศัพท์โทรออก เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง ?

    ดังนั้นเว็บไซต์นี่จึงสรุปว่ามีเพียงเหตุผลเดียว คือ เครื่องบินหายอยู่กลางทะเลที่ไม่มีเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือตลอด ตั้งแต่เครื่องบินลำนี้หายไปจนถึงปัจจุบันนั่นเอง ทำให้ทุกวันนี้ยังไม่มีรายงานการโทรออกของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 เลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ณ วันนี้ แม้เราจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับการสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 ผู้โดยสารทั้งหมดยังรอดชีวิตหรือไม่ นี่คือคำถามสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งค้นหาเครื่องบินลำนี้

    เราได้แต่หวังว่า “ปาฏิหาริย์จะมีจริง” เพื่อนักบินและผู้โดยสารทุกคนจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยในเร็ววัน...


    เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live




    ความคิดเห็นส่วนตัว
    ค่อนข้างช้าไปมากกว่าหมอดูทั้งหลายจะออกมาทำนาย และสิ่งที่ทำนายของแต่ล่ะคนก็เห็นๆตามข่าวทั่วไปเอามารวมกันหรือเลือกเอาส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่มีอะไรแปลกใหม่และอีกอย่างทำนายแย้งกันมาก
     
  13. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    นายกฯ ออสซี่แถลง พบวัตถุปริศนาอาจเป็น 'MH370' ในมหาสมุทรอินเดีย
    [​IMG]
    นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศออสเตรเลีย เผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากดาวเทียมว่า พบวัตถุปริศนา 2 ชิ้นในมหาสมุทรอินเดีย โดยสงสัยว่าอาจเป็นซากเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH370...
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ว่า โทนี แอ็บบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศออสเตรเลีย แถลงในวันนี้ว่า ได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่าดาวเทียมของออสเตรเลีย สามารถจับภาพพบวัตถุปริศนา 2 ชิ้น ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งอาจเป็นเศษชิ้นส่วนของเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200ER เที่ยวบิน MH370 ของสายการบิน 'มาเลเซีย แอร์ไลน์ส' ที่หายสาบสูญไปเมื่อ 8 มี.ค.
    นายแอ็บบ็อตต์แถลงที่สภาผู้แทนราษฎรในกรุงแคนเบอร์ราว่า "สำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย ได้รับข้อมูลจากดาวเทียม ว่าพบวัตถุที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้นหา MH370 จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายดาวเทียม เราพบวัตถุ 2 ชิ้น ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับการค้นหาในครั้งนี้ และกองทัพอากาศออสเตรเลียในพื้นที่กำลังพยายามค้นหาวัตถุดังกล่าว" แอ็บบ็อตต์ระบุด้วยว่า จะส่งเครื่องบินไปค้นหาเพิ่มอีก 3 ลำ
    อย่างไรก็ตาม นายแอ็บบ็อตต์เตือนว่า การค้นหาวัตถุดังกล่าว อาจเป็นเรื่องยากมาก และอาจไม่เกี่ยวข้องกับ MH370 ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานการพบวัตถุต้องสงสัยจากภาพถ่ายดาวเทียม, คราบน้ำมัน หรือรายงานการพบเห็น MH370 แต่ทั้งหมดไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินลำนี้

    [​IMG]

    ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มี.ค. เวลาประมาณ 1:21 น. ตามเวลามาเลเซีย ขณะบินอยู่ในน่านน้ำระหว่างประเทศมาเลเซียกับเวียดนาม ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากขึ้นบิน ก่อนจะพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า มีใครบางคนบนเครื่องปิดระบบสื่อสารและระบบรับส่งสัญญาณเรดาร์ และบังคับให้เครื่องบินวกกลับมาทางมาเลเซีย และบินต่อไปอีก 6-7 ชั่วโมง ในเส้นทางเหนือหรือใต้จากช่องแคบมะละกา
    การค้นหาเครื่องบินลำนี้จึงขยายออกเป็น 2 พื้นที่ใหญ่ๆ ตั้งแต่ประเทศอินโดนีเซีย ไปจนถึงตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และพื้นที่ตั้งแต่ภาคเหนือของไทย ไปจนถึงพรมแดนระหว่างประเทศเติร์กเมนิสถานและคาซัคสถาน มี 26 ประเทศเข้าร่วมในการค้นหา และออสเตรเลียกับอินเดียก็เป็นผู้นำในการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย
    อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เข้าให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องฝึกบินจำลอง (Flight Simulator) ของนายซาฮารี อาห์หมัด ชาห์ กัปตันเที่ยวบิน MH370 แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่มาเลเซียพบว่า บันทึกข้อมูลการฝึกในเครื่องบางส่วนถูกลบออกตั้งแต่ 3 ก.พ. หรือกว่าหนึ่งเดือนก่อนเที่ยวบิน MH370 จะหายสาบสูญไป
    ด้านนายไฮชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งมาเลเซีย กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันพุธว่า กัปตันของเที่ยวบิน MH370 ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขามีความผิดจริง และสมาชิกครอบครัวของเขาก็ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเป็นอย่างดี ข้อมูลที่ถูกลบไปไม่ได้หมายความว่าเป็นข้อมูลที่น่าสงสัย เพราะอาจลบเพื่อให้หน่วยความจำว่างก็ได้.

    [​IMG]



    ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Proprety Perfect
     
  14. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ยืนยันภาพบินมาเลย์ในป่า ไม่ใช่โบอิ้ง
    [​IMG]
    เว็บไซด์ด้านการหักล้างข้อสันนิษฐานโดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ “เมตาบังค์” เผยแพร่ภาพเครื่องบินที่เชื่อว่าเป็นมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซึ่งหายสาบสูญไป อาจตกอยู่ในป่าลึก พร้อมระบุเหตุผลปฏิเสธว่า ภาพดังกล่าวไม่มีทางเป็นเครื่องบินที่หายไปรุ่นโบอิ้ง 777 อย่างแน่นอน
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วันพฤหัสบดี 20 มีนาคม 2557 เวลา 12:07 น.
    เว็บไซด์ด้านการให้ข้อมูลหักล้างข้อสันนิษฐานทางวิทยาศาสตร์ “เมตาบังค์” ออกมาเผยแพร่ข้อมูลว่า ภาพถ่ายดาวเทียมที่ค้นพบโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานไคในไต้หวันเมื่อวันที่18 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งชาวเน็ตสงสัยว่า จะเป็นเครื่องบินโบอิ้ง777-200 อีอาร์เที่ยวบินเอ็มเอช 370ที่สูญหายไปของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ โดยเหตุผลหลักๆ 2 ประการ
    [​IMG]

    [​IMG]


    1. เครื่องบินในภาพที่พบนั้นน่าจะอยู่เหนือต้นไม้และกำลังบินอยู่ในเพดานบินที่ต่ำ

    2. เครื่องบินโบอิ้ง 777 มีปีกที่โค้งไปด้านหลัง แต่เครื่องบินในภาพปีกกลับมีลักษณะตรงต่อออกมาจากส่วนลำตัวเครื่องบิน ทั้งนี้ ผู้ดูแลเว็บไซด์ได้โพสต์ภาพโครงร่างของโบอิ้ง 777 กับเครื่องบินในป่าซ้อนทับกัน ปรากฎว่า โครงร่างมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

    ข้อสรุปของผู้ดูแลเว็บไซด์กล่าวว่า เครื่องบินที่พบในป่า เป็นเครื่องบิน “เอ็มบราเออร์” 190 (Embraer 190) เครื่องบินลำตัวแคบที่ผลิตโดยบริษัทผลิตเครื่องบินในบราซิล นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 757 ซึ่งเป็นอากาศยานแบบใช้เครื่องยนต์ 2 ตัว และมีพิสัยบินระยะกลาง-ไกล

    ด้านสถานที่ตั้งของรูปภาพทางสมาชิกของเว็บไซด์ออกมาให้ความเห็นว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่า เครื่องบินที่พบในภาพในป่า อาจลงจอดหรือกำลังบินออกจากสนามบินท้องถิ่นที่ชื่อว่า เวียร์ ซาวาร์การ์ (วีโอพีบี) ตั้งอยู่บนหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ใกล้เมืองพอร์ทแบลร์ของอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในภาพก็เป็นได้


    ยืนยันภาพบินมาเลย์ในป่า ไม่ใช่โบอิ้ง777 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  15. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ออสเตรเลียระบุ พบ “วัตถุต้องสงสัย” ในทะเล คล้ายถังเชื้อเพลิงสำรองของ “MH370” ที่หายไป


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มีนาคม 2557 12:34 น.

    [​IMG]
    ออสเตรเลียระบุ พบ “วัตถุต้องสงสัย” ในทะเล คล้ายถังเชื้อเพลิงสำรองของ “MH370” ที่หายไป

    เอเอฟพี - ออสเตรเลียออกมาแถลงในวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า พบวัตถุ 2 ชิ้นในทะเล ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่หายไป นับเป็นเบาะแสที่อาจช่วยฝ่าทางตันในภารกิจค้นหาอากาศยานพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิต ที่ดำเนินมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว

    นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย กล่าวกับรัฐสภาออสเตรเลียว่าพบ “ข้อมูลใหม่ที่เชื่อถือได้” ชิ้นนี้จากภาพถ่ายดาวเทียม และในตอนนี้เครื่องบินตรวจการณ์พิสัยไกล 4 ลำก็กำลังมุ่งหน้าไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเหล่านี้ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียแล้ว

    "แอ็บบอตต์กล่าว “ภายหลังที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้นำภาพถ่ายจากดาวเทียมไปวิเคราะห์ ก็พบว่ามีวัตถุสองชิ้นที่อาจเป็นสิ่งที่เรากำลังตามหา”

    องค์การความปลอดภัยด้านการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ระบุว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ไพศาลอย่างละเอียด ภายหลังที่การวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมพบวัตถุปริศนาที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ "ถังน้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง" ของเที่ยวบิน MH370

    AMSA ได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลังว่า วัตถุชิ้นใหญ่ที่สุดที่พบมีความยาว 24 เมตร ขณะที่ชิ้นที่สองมีขนาดเล็กกว่า

    จอห์น ยัง เจ้าหน้าที่ของ AMSA ระบุว่า “ยังไม่ค่อยชัดเจนว่าวัตถุทั้งสองชิ้นคืออะไร ผมคิดว่าวัตถุเหล่านี้มีขนาดใหญ่พอสมควร และลอยกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงเหนือผิวน้ำเมื่อถูกคลื่นกระทบ”

    ออสเตรเลียได้ส่งเครื่องบิน P-3 Orion ของกองทัพอากาศเข้าไปยังจุดที่พบวัตถุดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 2,500 กิโลเมตร ขณะที่สหรัฐฯและนิวซีแลนด์ได้ส่งเครื่องบินสอดแนมพิสัยไกลติดตามไปด้วย

    เรือสินค้าลำหนึ่งคาดว่าจะเข้าไปถึงน่านน้ำที่พบวัตถุต้องสงสัยในเวลาประมาณ 7.00 น. GMT (14.00 น. ตามเวลาในไทย) ส่วนกองทัพเรือออสเตรเลียก็ได้ส่งเรือรบ HMAS Success ซึ่งมีศักยภาพพอที่จะเก็บกู้วัตถุขึ้นมาได้ไปยังบริเวณดังกล่าวแล้ว

    เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ได้อันตรธานหายไปในวันที่ 8 มีนาคม ภายหลังออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยขาดการติดต่อระหว่างบินเหนือทะเลจีนใต้เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง

    ข้อมูลคร่าวๆ จากเรดาร์และดาวเทียมจุดประกายให้ พนักงานสืบสวนเสนอให้ดำเนินปฏิบัติการค้นหาเป็น 2 เส้นทาง คือเส้นทางใต้ที่เริ่มตั้งแต่มหาสมุทรอินเดียลงไปสิ้นสุดที่ออสเตรเลีย และเส้นทางเหนือนับตั้งแต่เอเชียใต้ขึ้นไปจรดเอเชียกลาง

    นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เที่ยวบิน MH370 น่าจะบินไปตามเส้นทางเหนือทะเลทางใต้มากกว่า โดยชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ไปไม่น่าจะเล็ดรอดพ้นผ่านระบบตรวจจับสัญญาณของประเทศนับสิบ ในเส้นทางบินทางเหนือไปได้

    อย่างไรก็ตาม ภารกิจค้นหาระดับนานาชาติอันยืดเยื้อครั้งนี้ ต้องเผชิญเบาะแสเท็จมากมาย นายกรัฐมนตรี แอ็บบอตต์จึงพยายามไม่ตั้งความหวังไว้มากนัก

    รัฐบาลมาเลเซียมีถ้อยแถลงวันนี้(20)ว่า วัตถุต้องสงสัย 2 ชิ้นที่ออสเตรเลียตรวจพบในมหาสมุทรอินเดียเป็นความหวังล่าสุดที่จะช่วยคลี่คลายปริศนาการหายสาปสูญของเครื่องบิน MH370 แต่ยังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน

    “ความคืบหน้าทุกอย่างล้วนเป็นความหวังสำหรับเรา” ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อที่สนามบินนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะเฝ้าติดตามการทำงานของทีมค้นหานานาชาติ

    “เรายังคงประสานงานกับนานาชาติ เราต้องการตรวจสอบให้แน่ชัด เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง”

    ฮิชามมุดดิน ระบุว่า ผู้นำออสเตรเลียได้โทรศัพท์แจ้งข่าวให้นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดแล้ว พร้อมเตือนให้ทุกฝ่ายทำใจล่วงหน้าว่าออสเตรเลียอาจต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะยืนยันได้ว่าวัตถุที่พบเป็นชิ้นส่วนเครื่องบินมาเลเซียจริงหรือไม่

    “เจ้าหน้าที่กำลังส่งเรือและเครื่องบินเข้าไปตรวจสอบ แต่พวกคุณก็ทราบดีว่าพื้นที่ค้นหากว้างขวางเพียงใด”

    ร่องรอยที่พบก่อนหน้านี้ล้วนถูกพิสูจน์ในภายหลังว่าไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินที่สูญหาย รวมไปถึงภาพถ่ายดาวเทียมของจีนซึ่งอ้างว่าพบวัตถุต้องสงสัยลอยอยู่กลางทะเลจีนใต้

    [​IMG]
     
  16. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ใช้รึเปล่าหนอ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สภาพอากาศเลวร้ายเป็นอุปสรรคเก็บชิ้นส่วนปริศนาเครื่องบินมาเลย์

    [​IMG]
    ออสเตรเลียเดินหน้าภารกิจเก็บชิ้นส่วนต้องสงสัยเป็นของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปเกือบ 2 สัปดาห์ ตามพิกัดดาวเทียมที่ระบุเอาไว้ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย แต่ยอมรับสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ

    [​IMG]

    วันศุกร์ 21 มีนาคม 2557 เวลา 08:15 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ว่าสำนักงานความปลอดภัยทางทะเลของออสเตรเลีย ( แอมซา ) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการส่งเครื่องบินทหารเข้าไปเก็บชิ้นส่วนปริศนา 2 ชิ้น ซึ่งลอยอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และต้องสงสัยเป็นของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. ระหว่างเดินทางไปกรุงปักกิ่งพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน ว่าทัศนวิจัยที่ย่ำแย่ทั้งฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและกระแสลมกระโชกแรง ส่งผลให้ทีมงานยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้

    ทั้งนี้ เครื่องบินมีอุปกรณ์เสริมชิ้นสำคัญ คือเรดาร์ที่สามารถจับสัญญาณได้ในรัศมี 25 กิโลเมตร ดังนั้น หากพบวัตถุต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จะสามารถตรงเข้าไปตรวจสอบได้อย่างทันท่วงทีแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายแสดงความหวังให้สภาพอากาศเป็นใจกว่านี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับปฏิบัติการค้นหา ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากนอร์เวย์ นิวซีแลนด์ และสหรัฐ

    นายกรัฐมนตรีโทนี แอบบอตต์ ผู้นำออสเตรเลีย กล่าวว่ารัฐบาลใช้อุปกรณ์นำสมัยทุกอย่างที่มีในการค้นหาวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ซึ่งดาวเทียมบันทึกภาพเอาไว้ได้ตั้งแต่วันเสาร์ แต่รอผลการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำออกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี โดยวัตถุชิ้นใหญ่มีขนาดยาวประมาณ 24 เมตร ส่วนอีกชิ้นมีความยาวราว 5 เมตร และลอยผลุบโผล่ท่ามกลางกระแสน้ำ

    ขณะที่ทีมสืบสวนยังคงตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการสูญหายของเครื่องบิน ที่เกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนเส้นทางว่า อาจเป็นไปได้ทั้งการก่อวินาศกรรมและการฆ่าตัวตายของนักบินเอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของทั้งมาเลเซียและสหรัฐกำลังตรวจสอบประวัติของลูกเรือ 12 คน และผู้โดยสาร 227 คนอย่างละเอียด ตลอดจนไฟลท์ ซิมูเลเตอร์ หรือโปรแกรมจำลองการขับเครื่องบิน ที่ตำรวจยึดมาจากบ้านพักของนายซาฮารี อาห์เหม็ด กัปตันประจำเที่ยวบิน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ข้อมูลบางส่วนถูกลบออกไป
     
  18. temrat

    temrat สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    ถามเด็กๆ ลูกศิษย์ที่ได้อภิญญามาครับ ฟังหูไว้หูนะครับ

    คือมันมีการก่อการร้ายในเครื่องบินจริงๆ โดยทางฝั่งมาเลย์(แต่น้องไม่ได้ระบุว่ามาเลย์ฝั่งไหน) มีการใช้เทคโนโลยีป้องกันการตรวจจับเรดาห์ที่ดัดแปลงโดยผู้ก่อการร้ายโดยดัดแปลงมาจากเทคโนโลยีสหรัฐอีกที แต่โชคร้ายระหว่างการก่อการร้ายเครื่องบินขัดข้องครับ
    บางส่วนของเครื่องบินเกิดระเบิดทิ้งชิ้นส่วนเครื่องบินไว้ 2-3 ชิ้นในโลก ส่วนที่เหลือทั้งลำประสบกับสภาวะรูหนอน ทำให้ไปตกในอีกสองจักรวาลในดาวที่มีมนุษย์เหมือนกัน แต่ยังเป็นยุคคนป่ากินกันเอง เครื่องบินตกในป่าดงดิบครับ ตอนแรกมีผู้รอดชีวิตเป็นผู้ชาย
    เพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ตายแล้วครับ อดตาย ดังนั้นไม่คิดว่าจะมีการหาเครื่องบินเจอครับ
    RIP
     
  19. PShinex

    PShinex เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +382
    สารจาก Mathew Ward เรื่องเครื่องบินที่หายไป ระบบของเครื่องเกิดความเสียหายหนัก
    มนุษย์ต่างดาวชื่อ Ashta ได้ทำการ shift dimesion พวกเขาไปที่สูงกว่าและไปยัง
    จักรวาลที่ไกลมาก ไปอยู่ในดาวที่คล้าย ๆ โลกแต่คิดว่าจะมีศีลธรรมากกว่า ติดต่อก็ไม่
    ได้แต่พวกเขาสุขสบายดี ตาม link

    Matthew Ward - March 20, 2014
     
  20. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    การค้นหายังคงล้มเหลวอยู่ ขณะนี้การค้นหายังคงไร้ซึ่งจุดหมายโดยสินเชิง ไม่ว่าที่จุดใดๆบนโลกนี้ก็ตาม และยังคงเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ด้วยครับ _/|\_
     

แชร์หน้านี้

Loading...