เค้าว่าคนที่ฝึกกสิณไฟจะอายุสั้นใช่มั้ยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 22 มิถุนายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ตอนเป็นเด็กก็ชอบมองดวงอาทิตย์นานๆเหมือนกันค่ะ
    ตาไม่บอด แต่จอตาจาพังค่ะ ^^
    ตอนนี้ฝึกโยคะ นั่งไปไม่ต้องคิดอะไร ให้อภัย ทุกอย่าง
    สุขภาพดีขึ้นด้วยค่ะ
    แต่ยังใง การจะเข้าใจอะไร ก็ต้องพึ่งวิปัสสนา อยุ่ดี
    พิจราณา เพื่อเกิดปัญญา รู้แจ้ง ของโยคะ ก็ทำเพื่อ เกิดปัณญาตระหนักรู้
    กษิณไฟ แต่ก่อนเข้าใจว่า ฝึกคนเดียวไม่ได้ หรือเปล่า ค่ะ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2010
  2. บูชาพุทธ

    บูชาพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +858
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีและน่าสนใจค่ะ เพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเองได้เยอะเลยค่ะ
     
  3. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    เฮ่อ! ไปๆมาๆผมจะกลายเป็นมารศาสนาไปซะแล้ว ถ้าอย่างนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ผมคงจะทำกรรมที่หนักที่สุดในชีวิตเป็นแน่แท้ แล้วถ้าผมเป็นมารศาสนาจริง ทำไมพระท่านถึงมาเข้านิมิตบอกผมถึงหนทางที่จะไปในอนาคตข้างหน้า และยังมาสอนการปฎิบัติกรรมฐานกับผมอีก ท่านเลือกคนผิดเสียแล้วสิ

    ผมบอกไปแล้วนะครับว่าอย่าเชื่อผมให้คุณไปฝึกปฎิบัติกันเองทุกอย่างต้องรู้ด้วยตัวเอง และต้องมีครูบาอาจารย์สอนด้วยอย่าฝึกเองคนเดียว และครูผู้สอนนั้นคุณจะต้องมั่นใจว่าเค้าเป็นผู้สำเร็จวิชานี้จริงๆ ไม่ใช่ฝึกได้งูๆปลาๆก็มาสอน หรือเปิดตำราสอน (เพราะทุกวันนี้มีพวกอวดเก่งอวดรู้เยอะ หรือหากินบนความศรัทธาของผู้อื่น)

    และถ้าคุณสงสัยว่าคุณได้กสิณไฟหรือยังก็มีวิธีพิสูจน์บอกเอาไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่สำเร็จจริงทำไม่ได้แน่

    ผมไม่ขอตอบข้อความใดๆในนี้อีกแล้วนะครับ ขอให้ท่านจงใช้สติปัญญาเท่าที่มีของท่านพิจารณาเอาเถิด

    ท่านยังตบยุงเวลามันมากัดอยู่ไหม
    ท่านยังฆ่ามดหรือแมลงเวลาที่มันรุกล้ำพื้นที่ของท่านอยู่ไหม
    ท่านยังฆ่าสัตว์พิษที่อันตรายเพราะความกลัวมันอยู่ไหม
    ท่านยังกินเนื้อสัตว์โดยบอกว่าเป็นกรรมของมันอยู่ไหม
    ท่านยังทำทั้งที่รู้ว่ามันไม่ดีอยู่ไหม
    ท่านยังโกหกเพราะความกลัวอยู่ไหม
    ท่านยังแอบชอบคนอื่นโดยที่ท่านหรือเขามีเจ้าของอยู่แล้วไหม
    ท่านยังเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นโดยบอกว่ามันเป็นธุรกิจอยู่ไหม
    ท่านยังคิดว่าตายก็ช่างไม่ตายก็ช่างมันเป็นเรื่องของกรรมอยู่ไหม
    ท่านยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณโดยอ้างว่ายังไม่มีเวลาเดี๋ยวก่อนก็ได้อยู่ไหม
    ท่านยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในความผิดของผู้อื่นทั้งที่ท่านจัดการได้อยู่ไหม
    ท่านยังกลัวความลำบากอยู่ไหม
    ท่านยังชอบคำเยินยออยู่ใช่ไหม
    ท่านยังโกรธเวลาที่มีใครว่ากล่าวตักเตือนท่านใช่ไหม
    ท่านยังเข้าข้างตัวเองว่าท่านนั้นคิดถูกอยู่ใช่ไหม
    นั่นเพราะว่าท่านยังอยู่ในทางโลก จริงอยู่การปฎิบัติกรรมฐานให้สำเร็จนั้น ไม่ยากและไม่ง่าย แต่โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยกิเลส จึงทำให้ปฎิบัติได้ยาก จะเห็นได้ว่าพระผู้ทรงอภิญญาทั้งหลายกว่าท่านจะได้มา ท่านรู้ไหมว่าพระท่านต้องใช้ความอดทนต่อกิเลสและความทุกข์ยากขนาดไหน ท่านต้องฝึกเป็นเวลาเท่าใดและวันละกี่เวลา ถ้าใครจะอ้างว่าเป็นสัญญาเก่าเป็นบุญเก่าหรือบารมีที่สะสมมาหลายภพหลายชาติแล้วก็ดูจะไม่เข้าท่าซักเท่าไหร่ เพราะพระผู้ทรงอภิญญาทั้งหลายนั้นท่านมีบุญบารมียิ่งกว่าพวกคุณซะอีก ยังต้องใช้เวลาจนแทบจะชั่วชีวิตของท่าน ทั้งๆที่อยู่ในสถานที่ไร้กิเลส และปฎิบัติธรรมทุกเวลา จะเป็นคนธรรมดานั้นหาได้ยากเต็มทีตามประวัติที่ศึกษามา เจอบางคนออกโม้เสียด้วยซ้ำ นี่ขนาดยุคสมัยก่อนยังไม่วุ่นวายเหมือนยุคสมัยนี้นะ

    "พระท่านจึงสอนว่า อย่าไปสนใจว่าจะได้อภิญญาอะไร ได้ขั้นไหน ได้ฤทธิ์อะไรบ้าง แค่ให้ตั้งใจปฎิบัติอย่างมีสติ และมีจิตที่ปลอดจากโทษทุกข์ และมองเห็นทางที่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาเป็นพอ อย่าพึ่งคิดหวังนิพพาน"

    ทุกอย่างรู้ได้ด้วยการปฎิบัติด้วยตนเอง



    เฮ่อ.........ทางโลกช่างวุ่นวายหนอ ผมกลับเข้าสู่ทางธรรมของผมดีกว่า
     
  4. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    นั่นสิครับมันวุ่นวายอย่างว่าล่ะครับ อย่าไปใส่ใจมันเลยครับกรรมใครกรรมมัน บัวมันมี4เหล่า อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสนั่นแหล่ะครับ
     
  5. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    [​IMG]
    ถ้าคุณ ได้ แล้วมีคนมาถาม ว่าได้หรือเปล่า คุณจะตอบ ว่ายังไง ครับ ฉันใด ก็ฉันนั้น นะ

    เจตนา ในกุศลจิต ของคุณ ทั้งสอง ผมยอมรับ และนับถือ ครับ ว่าจิตเป็นกุศล และทำตนเพื่อส่วนรวม ซึ่งบุคคลอื่น ทำได้ยาก .......
    ผิดถูก เป็นเรื่อง ธรรมดา คุณอาจจะผิดจริง หรือโดนผมทดลอง กำลังใจ จากผลของการปฏิบัติของคุณ ก็ได้ .......

    ผมกลัว คุณเสีย กำลังใจ นะ ผมถึงมาตอบให้
    คุณก็คนดีคนหนึ่ง คนที่ไม่เคย ทำผิด คือคนที่ไม่เคย ทำอะไร เลย ทำกำลังใจให้เหมือน ก้อนศิลา ที่ไม่สะท้านต่อลมและฝน นะ ... จำไว้ว่า คุณทั้งสอง มีดีอยู่ในตัว ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  6. lightmagician

    lightmagician Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +38
    ไฟให้ความอบอุ่นแล้วยังเป็นกำลังให้เราอีกด้วย
    แต่ไฟที่เป็นโทษเพราะไฟคือตันหาเพราะไฟคือราคะ เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ

    กามไม่ได้เป็นโทษ ดำริต่างหากที่เป็นโทษ
    เพราะมีตันหาและกิเลส สิ่งต่างๆจึงมีโทษเพราะความไปยึดมั่นถือมั่น
    ท่าปราศจากกิเลสตันหาแล้ว สิ่งสวยงามก้สวยงามอย่างนั้นไม่มีโทษภัย

    ความไม่รู้เป็นสิ่งที่มีมาเป็นปรกติเมื่อได้ศึกษาและปติบัติแล้วก้จะรู้มากขึ้น
    เพียงแต่ต้องรู้จักการยอมรับและวาง ปล่อยวางมานะทิฐิที่มีอยู่เปิดรับสิ่งงไหม่ๆและสิ่งที่ดี
    จะทำไห้ก้าวหน้าและพิจารนาด้วยปัญญา
     
  7. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    โมทนา ครับ
     
  8. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    ถ้าผมได้อย่างที่ท่านบอกแล้วมีคนมาถาม ผมคงตอบไปตามจริงล่ะครับ แต่พอดีผมไม่ได้ฝึกกสินต่างหากล่ะครับผมถึงยิงคำถามว่ารู้ได้ไงว่าฝึกไม่นาน เพราะเท่าที่ได้อ่านมามีแต่บอกว่ากว่าจะได้แต่ละกองนั้นยากแสนยาก สุดท้ายก็ต้องละทิ้งถ้าจิตมัวแต่ไปยึดติดกับ อภิญญาที่ได้ แล้วเชื่อไหมครับส่วนมากพอได้แล้วมักจะหลงเป็นส่วนใหญ่นึกว่าตัวเป็นผู้วิเศษ ตรงนี้อันตรายครับ พระพุทธองค์ถึงได้ทรงห้ามมิให้อวดอุตริที่มีอยู่ในตน อภิญญามันมีได้ก็เสื่อมได้ แล้วถ้าใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรกับจะเป็นการเพิ่มบาปกรรมให้แก่ตนเองอีกครับ ดูที่ลายเซ็นผมแล้วจะเข้าใจเองครับ
     
  9. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    [​IMG]

    สวัสดีครับ คุณนายตถาตา อ้าว 5555555 ขอโทษครับ เป็นคุณนาย 55555

    ถ้าผมได้อย่างที่ท่านบอก แล้วมีคนมาถาม ผมคงตอบไปตามจริงล่ะครับ แต่พอดีผมไม่ได้ฝึกกสินต่างหากล่ะครับ

    คิดดูนะ ว่าปัจจุบันเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราเห็นเหล่าเด็ก ๆ เล่นซ่อนหา ทอยเส้น แล้วเราอยากไปเล่น แบบเด็ก ๆ อีกหรือเปล่า ? ในเวปนี้ มีหลายท่านที่ได้กสิน จนถึงปฏิภาคนิมิต

    ผมถึงยิงคำถามว่ารู้ได้ไงว่าฝึกไม่นาน เพราะเท่าที่ได้อ่านมามีแต่บอกว่ากว่าจะได้แต่ละกองนั้นยากแสนยาก

    การลืมตามอง แล้วหลับตาจำภาพ เหรอ ที่ยาก มองแล้วหลับตา ก็เห็นแล้ว น่ะ เรียกอุคหนิมิต เป็นอุปจารสมาธิ พอภาพทรงตัว ใสเป็นประกายพฤษ์ ก็เรียก ปฏิภาคนิมิต คือจิตถึงฌาณ ลองทำดูครับ ผมรับรองไม่ยาก ที่ยากเพราะพูดกันไปเอง

    สุดท้ายก็ต้องละทิ้งถ้าจิตมัวแต่ไปยึดติดกับ อภิญญาที่ได้

    ไม่ใช่นะครับ นี่เป็นการเข้าใจผิดนะ อภิญญานี่ยาก ผมยอมรับ พวกที่เล่นกสิน นี่เขาเอาแค่ให้จิตมีกำลัง เพื่อประหานกิเลส เท่านั้น อย่างเก่งก็แค่ฝึก วิชชาสาม หรือมโนมยิทธิ เท่านั้น คุณเชื่อไหม เขาฝึกกันวันเดียว และไม่เกิน 2 ชั่วโมง เขาก็ท่อง นรก สวรรค์ กันแล้ว ถ้าไม่เชื่อ คุณไปซอยสายลมดู หรือ วัดท่าซุง ก็ได้ หรือศูนย์พุทธศรัทธาก็ได้ ลองดู นะ หรือถาม คุณชนะ ในห้องหลวงพ่อฤาษีดู ท่านเป็นครูฝึก ถ้าให้แนะนำ พิสูจน์เลย ครับ จะให้ออกค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ ในเวปนี่มีเก่งหลายคน นะ

    แล้วเชื่อไหมครับส่วนมากพอได้แล้วมักจะหลงเป็นส่วนใหญ่นึกว่าตัวเป็นผู้วิเศษ ตรงนี้อันตรายครับ

    คุณคิดว่า พระพุทธเจ้า สอนผิดเหรอ ? คิดใหม่ นะ ถ้าเป็นอภิญญา ผมไม่เชื่อ คนที่ได้อภิญญา นี่ เรื่องการตัดละขันธ์ ๕ ต้องคล่องเป็นวสี ก่อน

    ถ้ามีอารมณ์ แบบที่ว่า ปฐมฌาณ ในอานาปานสติ ยังไม่ได้เลย ครับ เพราะอะไร เพราะนิวรณ์ เล่นงานแล้ว ถ้าได้ฌาณ นี่โม้แล้ว


    พระพุทธองค์ถึงได้ทรงห้ามมิให้ อวดอุตริที่มีอยู่ในตน

    ใช่ท่านปรัปเป็นอาบัติ แต่นั่นหมายถึงพระ
    ที่ไม่มีในตน ปรับอาบัติ อะไร ?
    ที่มีในตน ปรับอาบัติอะไร ?
    ที่คุยกันอยู่ หมายถึงพระ หรือ ฆราวาส นี่ผมพูดเรื่อง ฆราวาส นะครับ

    อภิญญามันมีได้ก็เสื่อมได้ แล้วถ้าใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรกับจะเป็นการเพิ่มบาปกรรมให้แก่ตนเองอีกครับ

    เรื่องอภิญญานี่ ผมไม่อยากพูด เพราะผมก็ไม่ได้ ผมได้แค่มโนมยิทธิ แต่เอาหน่อยก็ดี
    การได้อภิญญา คือหมายถึง ได้ทั้งหมด ๖ ข้อ รวมอาสวขญาญาณ ในข้อสุดท้าย นั่นเป็นพระอริยเจ้าแล้ว มีเสื่อมด้วยเหรอ ? งงนะ ผม ไม่เข้าใจ ที่คุณศึกษามา

    แต่ถ้าได้ ๕ ในอภิญญา ๖ นี่มีสิทธิ์เสื่อม ครับ อย่างพระเทวทัต ฉะนั้น อภิญญา ไม่มีเสื่อม นะครับ

    คุณน่ะ ที่ผมยอมตอบเพราะเห็นว่า เป็นคนมีน้ำใจ และศึกษาปฏิบัติ เพื่อเอาดี คุณเชื่อไหม ว่ากลุ่มผม ท่อง นรก สวรรค์ เป็นว่าเล่น

    คุณก็ทำได้ ทุกคนก็ทำได้ แค่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง คุณคิดว่านานไหม ?
    ลองดู นะ ไม่ยาก ยากเพราะพูดกันไปเอง พิสูจน์คำพูดผม นะ ถ้าเถียงโดยไม่พิสูจน์ ผมไม่คุย

    ดูที่ลายเซ็นผมแล้วจะเข้าใจเองครับ
    เห็นใจ-เห็นธรรม รู้ใจ-รู้ธรรม ถึงใจ-ถึงพระนิพพาน

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
    ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็น ตถาคต

    ผมควรเข้าใจ ประโยคใหน และคุณควรรับประโยคใหน มาเข้าใจ ตอนนี้ ก็เริ่มเข้าใจ คุณแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  10. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    ผมก็เห็นว่าคนที่ได้แนวนี้มักคุยแบบนี้เสมอๆ จนเป็นเรื่องปกติ จินตนาการไปเถอะครับ ท่องนรก สวรรค์ เป็นว่าเล่นน่ะ
    จินตนาการกับของจริงมันต่างกันครับ 5555555555555555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  11. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    โมทนาเจ้าค่ะ
     
  12. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    <TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD align=right>ผู้ถาม : </TD><TD>"คนที่ฝึกมโนมยิทธินี่ ส่วนมากที่ได้ไวเพราะของเก่าหรือครับ?"
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD align=right>หลวงพ่อ : </TD><TD>"ของเก่าทั้งนั้นแหละ! ของใหม่ไม่ได้ ถ้าคนฝึกใหม่ก็ต้องอีกแสนชาติ นี่เป็นเรื่องจริงนะ ถ้าจะได้นิพพานนี่แสนชาติไม่แน่.."

    จากข้อความข้างต้นของ คุณทำเป็นงง(มันงงสมชื่อ) ใครบอกว่าไม่เกิน2ชั่วโมง ไปท่องนรกสวรรค์ เป็นว่าเล่น อย่างนี้เรียกว่าขี้โม้กันทั้งกลุ่มแล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้กันทุกคนเสมอไป พวกเลอะเลือนนี่มันมันเยอะ ขอบอกdannce_
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    ในข้ออ้างอิง ที่คุณนำมา ก็มีคำตอบ อยู่ในตัว ทำไมไม่อ่านข้ออ้างอิง ของคุณ ให้ละเอียด ? คนที่ฝึกมโนมยิทธินี่ ส่วนมากที่ได้ไว

    ในกลุ่มผม เขามีของเก่า เขาถึงได้ฝึก และผมคิดว่า คนที่เข้ารับการฝึก มโนมยิทธิ ที่ไม่ได้ ไม่น่าเกิน 20 เปอร์เซ็นต์

    ก็บอกแล้ว แล้วไง ว่าให้ลองดู นี่พิสูจน์ได้ และผมก็อยากรู้ว่า ทำไมไม่ไป ค่าใช้จ่าย ถ้าไม่มี ก็จะออกให้ การฝึกมโนมยิทธิ นี่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ต่อครั้ง ผมก็พูดถูก และครั้งเดียว ก็น่าจะได้แล้ว
    และอาจเป็นได้ คนที่ไม่มีโอกาสรับการฝึก คือคนไม่มี ของเก่า

    ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไปลอง ครับ

    อย่างนี้เรียกว่าขี้โม้กันทั้งกลุ่มแล้ว

    อันนี้ พูดแรงไป นะ โทษถึงปรามาสพระรัตนตรัย นะ เพราะนี่คือผล จากพระธรรมคำสั่งสอน ถ้าไม่รัก ไม่เตือน ขอขมาพระรัตนตรัย นะ

    ทุกถ้อยคำผม คุณจับผิด เลย ผมผิดตรงใหน สัมมาทิฐิหน่อย ให้ทุกท่านลงความเห็นก็ได้ หากไม่ใช่ พวก พระเทวทัต
     
  14. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    [​IMG]
    คลิกไม่เห็นด้วย นี่เล่นแรงไปนะ หาข้อผิดก่อน ที่ผมพูด มาจากพระธรรม คำสั่งสอน นะ

    คุณไม่เห็นด้วย กับพระธรรม คำสั่งสอน ก็ควรอยู่ในใจ นะ ได้โปรดดดดดดดดด
    หยุด สร้างกรรม ให้ตัวเอง นะ นี่เป็นห่วง นะ กลัวจะลงอเวจี มหานรก หรอก ถึงเตือน

    ถ้าแน่จริง โพสต์นี้นะ คลิกไม่เห็นด้วย เลย มาช่วยกันรุม ให้มาก ๆ เลย อยากเจอ คนแน่ 555555555
    ใช่ว่าหัวเดียว กระเทียมรีบ จะกลัว เพียงแต่ใจถึงหรือเปล่า

    แต่แนะนำ อย่า ทะลึ่งเชียว กรรมทันตา หรือไม่เชื่อก็ลองดู เพราะคุณไม่เชื่อ อยู่แล้ว เนี่ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  15. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ผมขอให้ท่านหยุดกล่าวหากันเถอะครับ ไม่เกิดผลดีอะไรเลย หยุดการทะเลาะกันเถอะครับ พวกท่านต่างก็เป็นผู้ที่สนใจและปฎิบัติธรรมด้วยกันทั้งนั้น และก็ศาสนาเดียวกันด้วย ทุกท่านที่สนใจและปฎิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ถึงจะเป็นกรรมฐานคนละกอง หรือปฎิบัติคนละแบบอย่าง แต่ทุกท่านก็ปฎิบัติอยู่ภายใต้คำสอนของพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายในการปฎิบัติเพื่อหวังจะไปในที่เดียวกัน

    และผมก็ขอขอบคุณคุณ TATHATA ที่มีไมตรีจิตที่ดี และทุกท่านที่กล่าวตักเตือน เพื่อไม่ให้ผมฟุ้งไปกันใหญ่ และก็ขอโทษที่กระทู้ของผมต้องเป็นปัญหาทำให้ผู้ปฎิบัติธรรมต้องมามีอารมณ์ที่ขุ่นเคือง ผมเห็นว่าจิตของคุณเริ่มจะตกแล้ว กลับไปปฎิบัติธรรมเพื่อดึงจิตให้กลับเป็นปกติเถอะครับ

    ผมต้องขอโทษอีกครั้ง

    ขอให้ทุกท่านจงมีดวงตาที่เห็นธรรมครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  16. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    [​IMG]

    เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ.
    ภิกษุทั้งหลาย เรา (ตถาคต) กล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2010
  17. lightmagician

    lightmagician Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +38
    มีคนนำการปติบัติมากล่าวถึงขั้นลึกซึ้งตั้งมาก การโต้แย้งก้แสดงออกมาถึงการปติบัติว่าเคยได้กระทำหรือไม่ในกลุ่มนักปติบัติย่อมเห็นย่อมเข้าใจ

    การอทิบายไม่ได้เป็นไปด้วยทิฐิทั้งยังยกเอาพระธรรมคำสอนออกมาแสดงให้ผู้ไม่รู้ได้รู้เพิ่มเติม มีเพื่อนกัลยานมิตรหลายคนนำธรรมมาเผยแพร่เป็นธรรมทานตั้งมาก
    เป็นสิ่งที่น่าโมทนา

    ทั้งยังแสดงส่วนของปติเวทที่อ้างอิงจากปริยัติด้วย เพียงแต่ผู้มีทิฐิที่ยังไม่เคยปติบัติหรือปติบัติแล้วเม่ถึงเท่านั้นที่ไม่สามารถรู้ได้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผิด แม้จะตอบมาโต้แย้งมันก้เพราะความไม่รู้ไม่เท่ากันของการศึกสาและปติบัติ แต่การที่เรามาสนทนากันอย่างนี้ก้ทำไห้ได้ยินได้ฟังการปติบัติของแต่ละคนจะผิดจะถูกก้รับฟังไว้

    ผู้มีฌานย่อมรู้และเข้าใจสภาวะบองฌาน แต่การสนทนาแลกเปลี่ยนกันแบบนี้ท่าเอาทิฐิในใจออกและยอมรับฟังแม้ยังไม่เชื่อเลยก้ลองหาธรรมมาอ่านหรือไปหาเทศสนาของพระท่านมาฟังและลองปติบัติดูว่ามันจริงไหม จริงไม่จริงย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง และท่าศึกษาดีแล้วปติบัติตามก้จะเป็นการปติบัติที่ถูกต้องตามพระตถาคต และตามหลักปติบัติของครูบาอาจารย์

    อนุโมทนาธรรมทุกท่าน เราทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตน แสวงหาทางพ้นทุขด้วยกันทั้งสิ้น ขอจงมีเมตตาต่อกัน
     
  18. lightmagician

    lightmagician Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ ตอบได้ละเอียดและมีเมตตา
     
  19. lightmagician

    lightmagician Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +38
    ผมว่าเราโชคดีนะที่มีผู้สนใจในการปติบัติธรรมเหมือนกกันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

    จะดีมากท่าเรายกความติดขัดหรือสิ่งที่ยังไม่เข้าใจเข้ามาร่วมสนทนา อาจมีการโต้แย้งกันแต่ขอให้แสดงข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุผลและไม่คิดว่าอีกฝ่ายรู้มากกว่าหรือน้อยกว่าแต่หากเห็นว่ามีประโยชน์ก้ไห้บอกออกมา ส่วนการพิจารนาขอให้เป็นตามระดับการปติบัติและความเข้าใจของแต่ละบุคคล

    อนุโมทนาครับ
     
  20. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    การแลกเปลี่ยนความเห็นกันมีเป็นโยชน์ แต่หากเอาแต่กล่าวโทษกันจะหาประโยชน์ไม่ได้ ทำให้เสียกำลังใจกันเปล่าๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกแบบไหนจริงๆแล้ว ก็เป็นการฝึกใจตัวเอง จะเพ่งอะไรก็ตามที จริงๆแล้วก็เป็นการเพ่งใจตัวเอง

    ส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ว่าฝึกแบบไหนก็ไม่ง่ายไม่ยากทั้งนั้น แต่ถ้าจิตใจตัวเองจัดการเป็นเรื่องง่ายทุกอย่างก็คงง่ายไปหมด กสิณเป็นอุบายฝึกใจตัวเองเหมือนกับการฝึกกรรมฐานกองอื่นๆ
    ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไม่ควรทิฐิเกินไปเพราะเราทุกคนที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความที่เราไม่ได้รู้จริง จึงต้องแสวงหาความรู้กันต่อไป จริงๆก็รู้ว่า จขกท บอกเพียงแค่ว่า น่าจะพอฝึกไปได้ ลองฝึกต่อไปอย่าพึ่งทิ้ง (เป็นเพียงการแสดงความเห็น+ใจกำลังใจเท่านั้น) ส่วนตัวก็คิดว่ายังไม่ได้อะไรมากมายกับกสิณ เพราะยังไม่รู้ก็อีกมาก ไม่สามารถสั่งนิมิตออกมาได้ตามใจด้วยซ้ำ แค่บางครั้งมันมาให้เห็นบางพอให้ชื่นใจ ตอนทีไม่ทันตั้งตัว นอกนั้นก็เป็นแค่ภาพจำ ที่บ้างครั้งจำได้ดี และจำได้บางไม่ได้บาง ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ เพราะเป็นคนมีอารมณ์เป็นนาย (คือมันควบคุมเรามากกว่าเราควบคุมมัน)ส่วนการฝึกก็ฝึกแบบตามใจตัวเอง วันไหนอารมณ์ดีไม่มีเรื่องหนักใจมากก็ฝึก วันไหนมีเรื่องหนักใจมากต้องหาเวลาฝึกกสิณเพื่อลดความหนักใจในเรื่องแย่ๆ ส่วนวันไหนสบายๆก็เรื่อยเปื่อย ไม่ได้สนใจว่าจะได้ไม่ได้อะไร เพื่อแค่ตั้งใจไว้ หากยังเอาดีไม่ได้ก็จะยังไม่เลิกก็เท่านั้นเอง เว้นไว้แต่หากมีครูอาจารย์ผู้รู้จริงบอกให้เลิก หรือพักไว้ก่อน ก็จะวัดใจคิดดูอีกที

    ส่วนใครจะฝึกอะไรยังไงก็ต้องมีพื้นฐานคือ อานาปาฯ ไว้ก่อน ส่วนที่เห็นว่าทำไมเขาได้กันง่ายๆ ก็คิดซะว่าของเก่าเขาเยอะ เรื่องอานาปาฯเขาแน่นกว่า จัดการอารมณ์ฟุ้งได้ดีกว่า ส่วนเราหากคิดว่าไม่ได้เรื่องเลย ก็ต้องใช้ความพยายามเอา คิดซะว่าเรามีเตาถ่านเขามีเตาแก๊ส ยังไงก็จุดไฟได้เหมือนกัน แต่จะให้สะดวกต่อการใช้งานเท่าเตาแก๊สคงยาก ถึงเราจะจุดเตาถ่านไม่เป็น แต่ถ้าได้ทำลองพยายามก่อไฟพยายามจุด สักวันนึงไฟก็ต้องติด หมั่นจุดหมั่นก่อ สักวันก็ต้องก่อไฟเป็น (อย่าเสียกำลังใจ)

    สำหรับเรา ก็รู้ว่าตัวเองเป็นเตาถ่าน แต่พอลองฝึกกสิณก็รู้ว่ายังคงเป็นเตาถ่านที่หันมาใช้ไม้ก่อไฟแทนถ่าน กว่าจะก่อไฟได้แต่ละทีต้องอาศัยว่าไม้ทีนำมานั้นแห้งดีแล้วรึยัง ไม้ไม่แห้งจะก่อไฟเท่าไหร่ก็ไม่ติด(อุปมาว่าใจเอาเป็นไม้) ไอ้ตอนที่ติดก็เป็นตอนทีไม่ต้องการจะใช้ สรุปว่ายังใช้การอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังไม่หมดประโยชน์ซะทีเดี๋ยวเพราะอย่างน้อยที่สุด ก็ยังมีไม้ไว้ให้ดูเล่น

    ส่วนหัวข้อกระทู้ก็คุยกันเรื่องข้อควรระวังในการฝึกสกสิณ เรากลับมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เล็กๆน้อยๆมาเล่าสู่กันฟังดีกว่ามั้ย? เพราะไอ้ความรู้ตามตำรา เราศึกษามาก่อนที่จะเริ่มตัดสินใจฝึกแล้ว แต่เพราะยังมีหลายอย่างที่อาจารย์ผู้เขียนตำราขึ้นมาไม่ได้บอกไว้ (อาจเห็นว่าจะเยิ่นเย้อเกินไป ผู้อ่านเสียเวลา เบื่อไปซะก่อน) แต่ด้วยความว่าเรายังไม่หมดข้อสงสัย ถึงได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไม่ใช่เหรอ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...