เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย >_<.ST.>_<, 6 พฤศจิกายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    กลับไปอ่านหลาย ๆเที่ยว
    บทสวดมนต์ "มงคลจักรวาลใหญ่" อย่าได้แค่สวด ศึกษาความหมายด้วย ศึกษาที่มาที่ไปด้วย จะได้เข้าใจเรื่องบทสวดมนต์..
    ส่วนบท "คิริมานนทสูตร" คุณยังต้องศึกษาอีกเยอะ
    ...ส่วนอนุภาค พลังงาน อันนี้ มันเป็นเรื่องของ "รูป" คุณควรไปทำความเข้าใจในเรื่อง รูป นาม เสียใหม่
    ...อย่าเพิ่งคุยเรื่อง สัมมาทิฎฐิ ดีไหม อย่าเพิ่งคุยเรื่อง พระสูตรต่าง ๆ อย่าเพิ่งคุยเรื่อง รูปนาม
    ก่อนคุณ สวดบท "มงคลจักรวาลใหญ่" คุณยังต้อง ตั้ง นโมฯ ก่อน ขนาดเรื่อง นโมฯ คุณยังมองข้าม เอาเป็นว่า...คุยเรื่อง พื้นฐานก่อน ตั้ง นโมฯ ให้ได้ก่อน ยึดมั่นถือมั่นใน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ถือศีล 5 ครบ รักษา กาย วาจา ใจ ให้อยู่ในศีลในธรรมก่อนดีไหม

    เรื่องจิตจักวงจิตจักวาน อะไรนั่น มันเป็นเรื่อง นอกศาสนา นอก หลักธรรมคำสอน ...วาง ๆ ทิ้ง ๆ มันไปเถอะ...อย่าไปบ้าจิตจักรวาลเลย...
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ช้าก่อนฮับ...มีคำอธิบายเกี่ยวกับบทสวดมงคลจักรวาลใหญ่ ว่า...
    ในจักรวาลอื่นๆ ไม่มีพระพุทธเจ้าไปอุบัติ จำเพาะมีแต่ในจักรวาลที่เราอยู่นี้จึงเรียกว่า มงคลจักรวาล คือ เป็นจักรวาลที่มีสิ่งเป็นสิริมงคล
    ( ไม่ทราบอธิบายถูกต้องหรือไม่คับ)
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ช้าไม่ได้ฮับ รถมันจ่ออยู่ข้างหลัง
    +++ จากบทสวดแปล ไม่มีอาการของ "จักรวาล" เลยแม้แต่แอะเดียว ลองหาดูว่ามีคำว่า "จักรวาล" อยู่บ้างมั้ย จากบทแปลนี้

    https://dhamma.mthai.com/pray/971.html

    http://www.watphut.com/2010/12/blog-post_4353.html

    +++ อีกอย่างหนึ่ง คำว่า "จักรวาล" ในสมัยก่อน เป็นเพียงแค่ "ระบบสุริยะ" เท่านั้น ไม่ใช่ "กาแลคซี่" แบบภาษา NASA ในปัจจุบัน

    +++ โลกธาตุ (กาแลคซี่) ในทางพระพุทธศาสนานั้น มีแสนโกฏิจักรวาลหรือ = 1 ล้านXล้าน จักรวาล (star systems ระบบสุริยะ)

    +++ ลุงแมวต้อง map ภาษา "ในแต่ละยุค" ด้วย ไม่งั้น มันจะตีกันหัวยุ่งแบบ "ผมทรงไฟฟ้าช๊อต" หนะ ไอสไตล์ยังอายเลย

    จากคำพูดนี้ ตำแหน่ง "จิตจักรวาล อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานสากล นอกระบบเอกภพ" "คิดเป็นหน่วยเวลาในการสื่อสารทางจิตทั้งไปและกลับนานเท่ากับ 3 นาที"

    +++ ลุงแมวต้อง "ส่องยาน" ดูด้วยนะว่า จิตจักรวาล ในที่นี้เป็น "จิตระบบสุริยะ หรือ จิตกาแลคซี่" กันแน่

    +++ แต่ที่คุณ ป บอกมาว่า แกใช้การสื่อสาร แบบ Vertical Telepathy ซึ่งจะเร็วกว่า Radio Astronomy (คลื่นวิทยุดาราศาสตร์)

    +++ ตั้งค่าสมการได้ดังนี้ Vertical Telepathy (VT) = Radio Astronomy (RA) X 2/sec

    +++ สูตรสั้น ๆ จะได้ดังนี้ VT = RA x 2/sec

    +++ ดังนั้น "คลื่นโทรจิต" ของคุณ ป ยังมี "ระยะทาง + กาลเวลา" เป็นตัวกลาง ดังนั้น การสื่อสารของคุณ ป ยังเป็น เทคโนโลยี่ "เต็มตัว"

    +++ แต่เอาเข้าให้จริง ๆ แล้ว "คลื่นโทรจิต" ตัวจริง จะไม่ใช้ "ระยะทาง + กาลเวลา" เลย

    +++ ตรงนี้แสดงว่า ทั้งตัวคุณ ป และ จิตจักรวาล ยังไม่รู้จัก "คลื่นโทรจิต" ตัวจริง

    +++ "คลื่นโทรจิต" ตัวจริง จะไม่ใช้ หรือ มีความสัมพันธ์กับ "ระยะทาง + กาลเวลา" เลย แม้แต่นิดเดียว

    +++ "คลื่นโทรจิต" ตัวจริง จะส่งแบบ multiple dimensional and densitation แบบเดียวกับขณะที่ พระอรหันต์ 500 องค์ เสนอตัวเข้าปราบ นันโทนาคราช นั่นแหละ

    +++ หากคุณ ป อยู่ในตอนนั้น และใช้ Vertical Telepathy ที่สื่อทีเดียว 500 channel แบบ half duplex แล้วละก้อ คุณ ป โดน นันโทนาคราช กินทั้งเป็นไปแล้ว แน่นอน

    +++ ตรงนี้แหละที่ผมระบุไว้ว่า "จิตจักรวาลตัวนี้" พูดแบบคนที่ไร้การศึกษา

    +++ นอกจากนั้นแล้ว "มันยังไม่ใช่ นักปฏิบัติ" อีกด้วย เพราะมันยังไม่รู้จัก "จิตสื่อสาร" ตามความเป็นจริง แม้แต่นิดเดียว นะครับ
    +++ ลองอ่านอีกรอบ ก็จะได้คำตอบนะลุง
     
  4. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    เรื่องจักรวาล จักรวาลในทางวิทยาศาสตร์เป็นจักรวาลคนละแบบกับทางพุทธศาสนา
    ทางวิทยาศาสตร์ พูดถึง ดาวโน้นนี่นั่น พูดถึง บิกแบง ฯ
    ทางพุทธศาสนา หรือ พุทธปรัชญา จะพูดถึง ภพภูมิต่าง ๆ 31 ภพภูมิ
    ในบทสวดมนต์ บางบทก็มีพูดถึงบ้าง เป็นตั้นว่า สวรรค์ชั้นต่าง ๆ พรหมชั้นต่าง ๆ

    ...แน่นอนว่า มันคนละอย่างกับจักรวาลกับจิตจักรวาลอะไรนั่น...

    ส่วนเรื่องความสูงต่ำของภพภูมิฯ ก็มีพูดถึงในประวัติครูบาอาจารย์อยู่บ้าง ดังนี้
    จาก ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ โดย: พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    ...ฯลฯ...สวรรค์วิมานและพรหมโลกชั้นต่างๆ และลงไปเที่ยวดูภพภูมิของสัตว์นรกที่กำลังเสวยกรรมมีประเภทต่างกันอยู่ที่ที่ทรมานต่างๆ กันตามกรรมของตน คำว่าขึ้นลงตามคำสมมติที่โลกนำมาใช้กันตามกิริยาของกายซึ่งเป็นอวัยวะหยาบนั้น ผิดกับกิริยาของจิตซึ่งเป็นของละเอียดอยู่มากจนกลายเป็นคนละโลกเอาเลย คำว่าขึ้นหรือลงของกาย รู้สึกเป็นประโยคพยายามอย่างเอาจริงเอาจังแต่จิต ถ้าใช้กิริยาแบบกายบ้างว่าขึ้นหรือลงก็สักแต่ว่าเท่านั้น แต่มิได้เป็นประโยคพยายามว่าจิตขึ้นหรือลงเลย คำว่าสวรรค์ พรหมโลก และนิพพาน อยู่สูงขึ้นไปตามลำดับแห่งความละเอียดของชั้นนั้นๆ ก็ดี คำว่านรกอยู่ต่ำลงไปตามลำดับของความต่ำแห่งภูมิและผู้มีกรรมต่างๆ กันก็ดีนี้ เรานำด้านวัตถุเข้าไปวัดกับนามธรรมเหล่านั้นต่างหาก นรก สวรรค์ เป็นต้น จึงมีความต่ำสูงไปตามโลก เราพอเทียบกันได้บ้าง เช่น นักโทษทั้งลหุโทษและครุโทษที่อยู่ในเรือนจำอันเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่ในที่ที่มนุษย์ผู้ไม่มีโทษทัณฑ์อะไรอยู่กัน ในนักโทษทั้งสองชนิดไม่มีการขึ้นลงต่างกันที่ตรงไหนบ้างเลย เพราะอยู่ในเรือนจำอันเดียวกันและไม่มีขึ้นลงต่างกันกับมนุษย์ผู้ไม่มีโทษอีกด้วย เพราะเรือนจำหรือตารางอันเป็นที่อยู่ของนักโทษทุกชนิดอยู่กัน กับสถานที่ที่มนุษย์อยู่กัน มันเป็นแผ่นดินอันเดียวกัน บ้านเมืองอันเดียวกัน เป็นแต่แยกเป็นเอกเทศกันอยู่คนละส่วนเท่านั้น เมื่อต่างคนต่างมีตาดีหูดี ทั้งลหุโทษครุโทษและมนุษย์ผู้ปราศจากโทษ ต่างก็มองเห็นได้ยินและรู้เรื่องของกันได้อย่างธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่เป็นปัญหาเหมือนระหว่างพวกนรกกับเทวดา ระหว่างเทวดากับพรหม และระหว่างพวกเทพ ฯ ทุกชั้นกับสัตว์นรกทุกภูมิและระหว่างสัตว์นรกทุกภูมิและเทวดา พรหมทุกชั้นกับพวกมนุษย์ที่ไม่รู้เรื่องของกันเอาเลย แม้กระแสใจของทุกๆ จำพวกจะส่งประสานผ่านภูมิที่อยู่ของกันและกันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เหมือนไม่ได้ผ่านและเหมือนไม่มีอะไรมีอยู่ในโลก นอกจากเราคนเดียวที่รู้เรื่องของตัวทุกอย่างเท่านั้นจะรับรองตนได้ว่า การมีอยู่ในโลก เพียงใจที่มีอยู่กับทุกคนตลอดสัตว์ก็ยังไม่สามารถรู้เรื่องความคิดดีชั่วของกันและกันได้ ถ้าจะปฎิเสธว่าใจของคนและสัตว์ไม่มี และถ้ามีทำไมไม่รู้ไม่เห็นใจเรื่องใจกันบ้างดังนี้ ก็พอจะปฏิเสธได้ ถ้าจะเป็นความจริงตามคำปฏิเสธ แต่จะปฏิเสธวันยังค่ำก็คงผิดไปทั้งวัน เพราะปกติคนและสัตว์ที่ยังครองตัวอยู่ย่อมมีใจด้วยกันทุกราย แม้จะไม่รู้ไม่เห็นความคิดของกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ใจไม่มีในร่างที่เราไม่สามารถมองเห็นและได้ยิน สิ่งละเอียดที่สุด วิสัยของตาหูจะรับรู้ได้ในโลกแห่งสัตว์ทั้งหลาย ก็คงขึ้นอยู่กับความไม่สามารถของแต่ละราย ไม่ขึ้นกับสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่จะปกปิดตัวเอง คำว่าสวรรค์และพรหมโลกชั้นนั้นๆ สูงขึ้นไปเป็นลำดับนั้น ก็มิได้สูงขึ้นไปแบบบ้านที่มีหลายชั้นซึ่งเป็นด้านวัตถุ ดังที่รู้ๆ กัน ที่จะต้องใช้บันไดหรือลิฟท์ขึ้นไปเป็นชั้นๆ หากสูงแบบนามธรรม ขึ้นแบบนามธรรม ด้วยนามธรรม คือใจดวงมีสมรรถภาพภายในตัว เพราะกรรมดีคือกุศลกรรม คำว่านรกต่ำก็มิได้ต่ำแบบลงเหวลงบ่อ แต่ต่ำแบบธรรมนาม ลงแบบนามธรรม และดูด้วยนามธรรม คือดวงใจมีความสามารถภายในตัว แต่ผู้ลงไปเสวยกรรมของตนต้องไปด้วยอำนาจกรรมชั่วที่พาให้เป็นไปในทางตรงกันข้าม อยู่รับความทุกข์ทรมานก็อยู่ด้วยกรรมพาให้อยู่จนกว่าจะพ้นโทษ เหมือนคนติดคุกตะรางตามกำหนดเวลา เมื่อพ้นโทษก็ออกจากคุกตะรางไปฉะนั้น

    ...ลองพิจารณาดูนะครับ...
    ...ทิ้ง ๆ ไปเถิด ลัทธิจิตจักรวาลอะไรนั่น...หวังว่าคงเข้าใจนะครับ...
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ที่นำมาโพสมิได้คำนึงถึงตัวบุคคลเลยค่ะ แต่สิ่งที่ตนเองให้ความสำคัญคือ ข้อมูลค่ะ หากเราจะยกเอาเรื่องตัวบุคคลไว้ก่อน และเราลองใช้หาเหตุผลค้นแก่นสารด้วยกันดีกว่าค่ะ


    คืออย่างนี้ค่ะ ข้อมูลที่มีอยู่ ...หากจะแบ่งระบบสรรพสิ่งที่มีอยู่ สามารถแบ่งออกได้ 3 ระบบ
    ๑.ระบบใหญ่ เรียกว่า "เอกภพ" ก็คือสนามพลังงานสากล คือ ทุกสรรพสิ่งจะต้องดำรงอยู่ได้ในสนามพลังงานเท่านั้น สรรพสิ่งทั้งหลายที่กำหนดสร้างมาใหม่นั้น มันมิใช่รูปธรรมทางพลังงานดังเช่นดวงจิตจักรวาลในมิติแห่งสุญญตาทั้งหลายแต่เพียงประเภทเดียวอีกแล้ว แต่จะมีสรรพสิ่งอื่น ๆ ในทางมิติกายภาพที่มีมวลหยาบ ๆ มีน้ำหนัก และมีความเป็นสองมิติอยู่ในตัวเองอีกต่างหากด้วย

    ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าในมิติของสุญญตาจะต้องอยู่ลึกและละเอียดกว่า "สนามพลังงานสากล หรือ พ้นไปจากระบบ"เอกภพ" เป็นอีกมิติหนึ่งที่ลึกละเอียดเข้าไปอีกใช่ไหมค่ะ

    ๒.ระบบกลาง เรียกว่า "กาลแล็กซี" หรือ จักรวาล ต่างก็มีรูปลักษณ์ของการดำรงอยู่เป็นระบบของตนอิสระจากการแลกซี่อื่น โดยภายในระบบจะประกอบด้วยเทหวัตถุจำพวกดวงดวงดาวที่มีมวลแข็ง ๆ ซึ่งต่างก็มีอำนาจดึงดูดเหนี่ยวเกี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้

    สุดท้ายสำหรับ "สุริยะจักรวาล" นั้นคือ ระบบเล็กที่ถูกสร้างขึ้นไว้ในระบบกลางที่เรียกว่า "กาแล๊กซี่" ในบางกาแล๊กซี่มิได้มีระบบสุริยะจักรวาลแต่อย่างใด มีกาแล๊กซี่ทางช้างเผือกเท่านั้นมีระบบสุริยะจักรวาลถึง 2 ระบบ

    ความสัมพันธ์ในการดำรงอยู่ของสามระบบ คือ เอกภพ กาแลกซี่ และสุริยะจักรวาลทั้งหมดก็คือ การหมุนรอบระบบของตนเองที่สัมพันธ์กันกับการหมุนรอบระบบของผู้อื่นอย่างสมดุลหรือ ลงตัวกันตลอด ให้สังเกตุว่ากาแล๊กซี่ใดมีชีวิตดำรงอยู่ มักจะมีระบบสุริยะจักรวาลซึ่งมีอดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของระบบเล็กอยู่ในกาแล๊กซี่นั้นด้วยเสมอ

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ดินแดนแห่งสุญญตา คือ อณาบริเวณที่เป็นฉากดำนอกระบบเอกภพทั้งหมด จะเป็นสนามพลังงานคนละระบบกับสนามพลังงานในระบบเอกภพ ได้มีประตูมิติผ่านเข้าออกระหว่างแดนสุญญตากับเอกภพเอาไว้ คือ แดนสุญญตาที่ดวงจิตธรรมญาณ (จิตจักรวาล) จะต้วผ่านประตูมิตินี้ออกไปนอกระบบเอกภพสู่แดนสุญญตา สภาวะดังกล่าวเรียกว่า นิพพาน หมายถึง ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเอกภพอันไพศาลนี้อีกต่อไปแล้ว

    และตรงนี้ท่านธรรม-ชาติ เคยกล่าวเอาไว้ในกระทู้ด้านล่าง เกี่ยวกับไกลวัลยธรรม ของท่านพุทธทาส ด้วยค่ะ

    https://palungjit.org/threads/ขออนุ...ิบัติทุกท่านครับ.633133/page-26#post-10649196


    ที่หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า พุทธโยนิอันประเสริฐมีดยู่แล้วในตัวเราทุกคน หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า แก่นแท้อนัตตา หรือ นิวเคลียสที่อยู่ศูนย์กลางแก่นแท้มนุษย์เรา

    แล้วเรื่องบุคลาธิษฐานที่พระพุทธเจ้าอธิษฐานเสี่ยงถาดลอยทวนกระแสน้ำ แล้วตกลงสู่ใจกลางห้วงท้องน้ำนั่นนะค่ะ น่าจะมีนัยยะอะไรบางอย่างคือ การบรรลุอาสวักขยญาณ แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ทุกท่านต้องบรรลุธรรมอาสกวัขยญาณ ก็คือ นัยยะของการเสี่ยงถาดลอยอธิษฐาน จะแตกต่างกันแค่ความเป็นพระพุทธเจ้า และ พระสาวก เพราะบารมีสั่งสมแตกต่างกันเท่านั้นค่ะ

    ที่จะกล่าวนี้ไม่รู้ว่าจะคิดว่าใครเป็นอย่างไร ที่นำมาโพสนี้ไม่คำนึงถึงตัวบุคคลเลยค่ะ แต่ที่จะกล่าวนี้ เกี่ยวกับสภาวะอาสวักขยญาณ ในทางพระพุทธศาสนาที่ใครปราถนานิพพาน จะต้องผ่านสภาวะนี้... สมาธิแนวดิ่งผ่านคลื่นกระแสสั่นสะเทือนลงไปภายใน แล้วไปพบกับพุทธโยนิอันประเสริฐ หรือ นิวเคลียสอันเป็นแก่นแท้อนัตตาของมนุษย์ ต้องเป็นจิตที่เป็นสมถะแท้จริง คือ สภาวะจิตที่ถึงขั้นอุเบกขาอย่างถาวรแล้วนั่นเอง เพราะ.........

    หาคำพูดมาอธิบายยากมาเลยค่ะ เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่ยังยึดติดกับคำสมมุติบัญญัติที่ยังยอมรับกันไม่ได้ อาทิเช่น เปลี่ยนจากคำว่า จิตจักรวาล เป็นดวงจิตธรรมญาณ แทนก็คงจะยอมรับกันได้มากกว่านี้ ก็รู้อยู่ว่ามันยากที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้ แต่ที่จำเป็นต้องกล่าวเพราะมีเหตุพามา แล้วกระทู้เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ที่กล่าวเล่าขานกันมานับหลายสิบปี มีแต่ความเชื่อ หรือศรัทธาจากคำบอกเล่าต่อ ๆ ตามกันมาเท่านั้น แต่ไม่มีเหตุและผลที่จะมาสนับสนุนความเชื่อนั้น และตนเองเห็นว่า เมื่อผู้ที่จะอยู่เหนือชั้นพรหมโลกขึ้นไปอีก ความบริสุทธิ์ของจิตย่อมต้องมีมากกว่า เมื่อเราเชื่อเทพเทวาอินทร์พหรม แต่ทำไมเราจึงไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่เมื่อมาถามหาตัวบุคคลก็เข้าใจ แต่ตนเองไม่ได้คำนึงถึงตัวบุคคล แต่ลงรายละเอียดไปที่เหตุและผลที่จะเป็นไปเท่านั้นเองค่ะ

    เอาเป็นว่าถ้าไม่มีอะไรคืบหน้า หรือมีเหตุให้ต้องทำตนเองจะขอยุติเพียงแค่นี้ค่ะ....

    บทส่งท้ายที่อยากจะนำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากล่าวก็คือ การแบ่งแยก โดยการแบ่งแยกกันโดยเขื้อชาติ ภาษา สีผิว ภูมิประเทศ ลัทธิความเชื่อจนสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้ หาความสงบสุขบนแผ่นดินโลกไม่ได้ ทะเลาะเบาแว้งกัน รังเกียจเดียดฉันท์กัน เบียดเบียนกัน มุ่งร้ายทำลายกัน จนมีการรบพุ่งชนเข่นฆ่านก่อศึกสงครามกันสั่นสะเทือนไปทั่วโลก และยังไม่หนำใจ ยังเอาเหตุแห่งความแตกต่างกันทางศาสนาและพระศาสดาของมนุษย์ ด้วยการก่อศึกสงครามสร้างความขัดแย้งกันทางศาสนา พาสังคมโลกสู่ความหายนะหนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก จนดาวเคราะห์โลกบอบช้ำมากจนยากที่จะเยียวยาทั้งกายภาพและพลังงานให้คืนสมดุลทั้งสองมิติดังเดิมได้อีกต่อไปแล้ว

    การชำระโลกให้สมดุลจึงจำต้องเกิดขึ้น เพื่อเร่งกำจัดขยะน้อยใหญ่ทุกชิ้นที่รกโลก ไม่ว่าขยะชิ้นนั้นจะเป็นมนุษย์ วัตถุเทคโนโลยี สิ่งวดล้อมทางธรรมชาติในระบบโลก และพลังงานขยะต่าง ๆ ล้วนต้องถูกกำจัดให้สิ้น เพื่อสร้างโลกยุคพลังงานใหม่ใบนี้ให้น่าอยู่ดังเดิมให้จงได้ จะแค่ไหนแล้วแต่กรรมจะเป็นไปค่ะ

    ส่วนเรื่องกฎแห่งกรรมที่เป็นความรู้ใหม่ที่เป็นพลังงานขยะที่เลื่อนไหลอยู่สนามพลังงานที่มนุษย์ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนก็ขอเก็บเอาไว้ก่อนก็แล้วกันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2018
  6. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    หากเป็นไปได้ ก็ทิ้ง ๆ เรื่องจิตตักวาลไปเลยนะครับ ปล่อยวางเรื่องจิตจักวาลอะไรนั่นได้ยิ่งดี ที่คุณ jityim ว่ามา มรรคาแห่งความหลุดพ้น(มรรคแปด) ยังไม่ปรากฎเลย นั่นแสดงว่าผิดทางอย่างชัดเจน จิตจักรวาลที่ว่ามาจึงเป็นจิตที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    ...ยิ่งใช้คำว่า ขยะ คืออันนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเอามาก...หลงทางอย่างมาก
    ...เรื่องกฏแห่งกรรม Jityim ไม่เข้าใจ เลยพูดไม่ได้ ...
    ...ดังนั้น เรื่อง "สัมมาทิฏฐิ: จิตจักรวาลจึงไม่มี ดังนั้นความเชื่อในเรื่องจิตจักรวาลหรืออะไรนั่น จึงเป็นแนวทางของผู้ที่ยังหลงทาง...วาง ๆ ไปเถิด...
    ...หากหวังความหลุดพ้น ก็จง...เดินตามมรรค ปฏิบัติตามมรรค..มรรคมีองค์แปด มรรคนั่นแหล่ะทางที่จะทำให้เวไนยพ้นจากความหลง และจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไปในที่สุด...
    ...ขอให้ทุกท่านเจริญยิ่งในธรรมนะครับ...สาธุครับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ช้าก่อนฮับ...มีคำอธิบายเกี่ยวกับบทสวดมงคลจักรวาลใหญ่ ว่า...
    " ในจักรวาลอื่นๆ ไม่มีพระพุทธเจ้าไปอุบัติ จำเพาะมีแต่ในจักรวาลที่เราอยู่นี้จึงเรียกว่า มงคลจักรวาล คือ เป็นจักรวาลที่มีสิ่งเป็นสิริมงคล "
    แปลว่า คำอธิบายสรุปบทสวดนี้
    อธิบายแบบจับแพะมาใส่รวมในเล้าแกะ
    ทั้งที่ไม่น่าเอารวมกันให้เป็นประเด็น
    สับสนใหม่ขึ้นมาให้ผู้ที่ศึกษาน้อย
    เข้ามายึดมาถืออีก ถูกต้องนะคับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ช้าเกินไป ต้องเอาไป "ยกเครื่อง" ใหม่แล้วฮับ
    +++ "ป่าว บ่อ แม่น..." ใน เอก-ทุก-ติกนิบาต จูฬนีสูตร [๕๒๐] ให้ไปหาอ่านเอานะ ขี้เกียจ "ก๊อปมาทั้งดุ้น" สงสารเวป ตอนนี้มันโหลดแทบจะไม่ขึ้นอยู่แล้ว

    +++ ในนี้ http://sicen-ed.blogspot.com/2016/01/blog-post.html กล่าวว่า

    พระพุทธเจ้าไม่อุบัติในจักรวาลอื่น

    เขต ๓ บทว่า เอกิสสา โลกธาตุยา ได้แก่ หมื่นโลกธาตุ. ก็เขตมี ๓ เขตคือ
    - ชาติเขต (10000 กาแลคซี่)
    - อาณาเขต (ล้านxล้าน ระบบสุริยะ star systems)
    - วิสัยเขต. (Unlimited)

    ในเขตทั้งสามนั้น หมื่นโลกธาตุ (ภาษาปัจจุบัน 10000 กาแลคซี่) ชื่อว่า ชาติเขต เพราะหมื่นโลกธาตุนั้นย่อมไหว ในเวลาพระตถาคตเสด็จลงสู่พระครรภ์ เสด็จออกทรงผนวช ตรัสรู้ ประกาศพระธรรมจักร ทรงปลงอายุสังขาร และเสด็จปรินิพพาน.

    ......ส่วนแสนโกฏิจักรวาฬ (ภาษาปัจจุบัน ล้านxล้าน ระบบสุริยะ star systems) ชื่ออาณาเขต. เพราะอาณา(อำนาจ) ของอาฏานาฏิยปริตร โมรปริตร ธชัคคปริตร รัตนปริตร และเมตตาปริตร เป็นต้น ย่อมแผ่ไป ในแสนโกฏิจักรวาลนี้.

    .......ส่วนวิสัยเขตไม่มีปริมาณ (คือนับไม่ได้) อันที่จริง พระพุทธเจ้าทั้งหลายจะชื่อว่า ไม่มีวิสัยก็หามิได้ เพราะพระบาลีว่า พระญาณมีเท่าใด สิ่งที่ควรรู้ ก็มีเท่านั้น

    ......สิ่งที่ควรรู้มีเท่าใด พระญาณก็มีเท่านั้น สิ่งที่ควรรู้มีพระญาณเป็นที่สุด พระญาณมีสิ่งที่ควรรู้เป็นที่สุด

    พระพุทธเจ้าไม่อุบัติในจักรวาลอื่น

    ไม่มีพระสูตรที่ว่า “ก็ในเขตทั้ง ๓ เหล่านี้ เว้นจักรวาลนี้แล้วพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมเสด็จอุบัติในจักรวาลอื่น” ดังนี้ มีแต่พระสูตรว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่เสด็จอุบัติในจักรวาลอื่น.

    +++ ก็อปคำพูดเขามาเฉย ๆ นะฮับ ไม่ใช่ของผม นะฮับ...
    +++ แปลว่า "บทสวด ไม่ใช่ พระสูตร"

    +++ บทสวด = มี แต่ ไม่เกี่ยวกับ จักรวาล

    +++ พระสูตร = จักรวาลมี แต่ ไม่ได้ทำเป็นบทสวด

    +++ หากใครนำเอา "มี = ไม่มี" หรือ "ไม่มี = มี" ขึ้นมาเมื่อไรแล้วละก็ จะเกิดอาการ "สติเจ้ง" แน่นอน

    +++ ต้องไป "ยกเครื่อง สติ ซะใหม่" จึงจะ "เร็วได้ฮับ..."
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เฉพาะ "ข้อมูล" หนะได้ แต่ "ข้อมูลลวง" จากคุณ ป ไม่ต้องเอามานะ ผมรู้ "กำพืด ต้นตอ ของข้อมูลลวง ตรงนั้นแล้ว" มัน เละเทะอุตหลุด "สติพัง สมองเจ้ง" ไปแล้ว

    +++ จากจุดนี้ไป "ให้ฟัง ดี ๆ นะ ว่า ผมระบุถึงอะไร อย่างไหน" ผมจะระบุไปทีละจุด ตั้งใจให้ดีก็แล้วกันนะ
    +++ ยังห่างไกลมาก คำว่า "เอกภพ" ของคุณ ที่เอามาจาก "แหล่งข้อมูล" ตรงนี้ ยังจำกัดอยู่ภายในสิ่งที่ NASA รู้ และ "เอกภพ" ที่คุณอ้างมานี้ ยังจำกัดขอบเขตใน "1 big bang" เท่านั้น

    +++ สำหรับ "การท่องเที่ยว" ที่ผมและกลุ่มฝึกไป "ทัศนาจร" มาแล้วนั้น "บิกแบง นับไม่ถ้วน" มีอยู่ใน "หย่อมอวกาศ แต่ละหย่อม" และ แต่ละหย่อมอวกาศ ผมและกลุ่มเรียกมันว่า "เนื้ออวกาศ แต่ละเนื้อ" และมันมีความ "แตกต่างกันมากมาย" หย่อมของเนื้ออวกาศเอง ก็มีแบบ "นับไม่ถ้วน" เช่นกัน

    +++ ณ ปัจจุบัณขณะ ผมจะจำกัด "การท่องเที่ยว" ไว้แค่นี้ เพราะมันเป็นเรื่อง "ไม่มีวันจบสิ้น" เพียงแค่ให้คุณเห็นภาพว่า กลุ่มพวกเรา "ทัศนาจร" ไปถึงไหน มีพิกัด ในการเรียนรู้ ไกลแค่ไหน เท่านั้นก็พอ ดังนั้น "ตัวจิตจักรวาล" ที่คุณ ป กล่าวถึงนั้น "ยังอ่อนหัดเกินไป" และ คิดหรือว่า กลุ่มฝึกของพวกผมจะไม่ "ชัดเจน" ในจิตจักรวาลตัวนี้
    +++ คำว่า "มิติของสุญญตา" ในที่นี้ "ระบุเฉพาะ คำว่า ในที่นี้ เท่านั้น"

    +++ "มิติของสุญญตา" "ไม่มี" สนามพลังงานใด ๆ ทั้งสิ้น หากยังมี "สนามพลังใด ๆ เหลืออยู่" มันก็ยังไม่ใช่ "สุญญตา" เมื่อนั้น

    +++ มิติของสุญญตา "ไม่มีความลึกละเอียดแต่ประการใดทั้งสิ้น" มัน "แฝง ทับซ้อน" และมีอยู่ใน "ทุกมิติ" นั่นเอง
    +++ ตรงนี้ทั้งหมด "ยังไม่ตรงกับ ความเป็นจริง" ระบบ "กาแลคซี่ หรือ โลกธาตุ" เป็นเพียง "วังวนขุมหนึ่ง ๆ เท่านั้น"

    +++ วังวนแต่ละขุม "บางครั้ง" อิสระ บางครั้งชนกัน บางครั้งแทรกซ้อนซึ่งกันและกัน และ บางครั้งก็ หมดแรงสลายตัวไปเฉย ๆ ซะอย่างนั้นเอง

    +++ ให้วางให้เป็น "กลาง ๆ" เอาไว้แค่นี้พอ
    +++ คำว่า "สุริยะจักรวาล" ก็คือคำว่า "จักรวาล" ที่ในพระไตรปิฏก กล่าวไว้ (จูฬนีสูตร) รวมทั้ง "ไอ้ตัวจิตจักรวาลตัวนี้" มันก็ใช้คำ ๆ นี้ เหมือนกัน
    +++ ตรงนี้ คือ "ความวิปลาส" ของไอ้จิตจักรวาลตัวนั้น "ผิดเต็ม ๆ" เป็น ไอ้พวกไม่มีการศึกษา แม้แต่นิดเดียว

    +++ และจาก "ความสัมพันธ์ในการดำรงอยู่ของสามระบบ จนถีง ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเอกภพอันไพศาลนี้อีกต่อไปแล้ว รวม 2 ย่อหน้า" บอกตามตรงนะว่า มันมาจาก "คำพูดของคน วิปลาส ไร้สติ ไร้การศึกษา" อย่างถึงที่สุดทีเดียว
    +++ ลิ้งค์ที่ให้มา "ไม่ใช่ผม" ลองกดไปดู "แล้วจะรู้เอง" ลองกดเข้าไปซะ ถึง "บางอ้อ" แน่นอน

    +++ หากจะอ้างถึงผมแล้วละก้อ ผมจะให้ลิ้งค์ ไว้ 2 ชุด กดเข้าไปดูได้เลย เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

    +++ 1. ไกวัลยธรรม
    http://board.palungjit.org/10082730-post10.html
    http://board.palungjit.org/10082915-post13.html
    http://board.palungjit.org/10083923-post21.html
    http://board.palungjit.org/10086410-post31.html
    http://board.palungjit.org/10633610-post94.html

    +++ 2. กาลจักรตันตระสูตร
    http://board.palungjit.org/10060483-post3.html
    http://board.palungjit.org/10051563-post1154.html
    http://board.palungjit.org/9889916-post1119.html
    http://board.palungjit.org/9897847-post210.html
    http://board.palungjit.org/9804616-post6.html

    +++ 3.ไกวัลยธรรม + กาลจักรตันตระสูตร
    http://board.palungjit.org/10644701-post445.html

    +++ หลัก ๆ เอาแค่นี้ก่อนนะ
    +++ "สภาวะพุทธะ มีอยู่แล้วในทุกตน" ตรงนี้เป็นคำกล่าวภายใน "ศาสนาพุทธ" ส่วน "ภาคของพระผู้เป็นเจ้า มีอยู่แล้ว ภายในตน" เป็นของ "ศาสนาคริสต์"

    +++ "สิ่งสักสิด" ไปก็อปปี้เอามาหน้าตาเฉย "แปลงภาษานิดหน่อย" แล้วบอกว่า "เป็นของตน" บอกตามตรงนะว่า "นี่มันเป็น โจรปล้น ทุกศาสนา ชัดเจนมาก"
    +++ "ไม่ใช่อีกตามเคย" อาสวักขยญาณ สรุปสั้น ๆ คือ "การเพิกทิ้ง ทั้ง รูป+นาม" รวมทั้ง "ธัมมารมณ์ ทั้งหมด" ดังนั้น "ไม่เหลือแม้กระทั่ง สมถะสมาธิ แม้แต่นิดเดียว"


    +++ กระทู้นี้อยู่ในห้อง "ภัยพิบัติและการเตรียมการ" ในหัวข้อเรื่อง "เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!"

    +++ ผมก็ "เห็นด้วยนะ" ว่ามันเป็น "ภัยพิบัติทางจิต ชนิดหนึ่ง" และก็ควร "เตรียมตัว ตั้งสติ ให้พร้อม... เพราะว่า ป กำลังมา"

    +++ หากคุณ jityim จะโกรธ ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมเพียงแค่ "ให้สติ" ไว้เฉย ๆ เท่านั้น

    +++ เพราะ ศาสนาที่คุณ ป รับมานั้นมัน "เพี้ยน" ไปหมดทั้ง "สภาวะจิต + NASA" มันเป็นเรื่อง "น่าสมเพช" เกินกว่าที่จะ "น่าสงสาร" นะครับ
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    แต่สภาวะนี้คือ การเข้าถึงจิตพุทธะแน่นอนค่ะ แต่จะใช่สภาวะอาสวักขยญาณหรือไม่ ตนเองก็ไม่แน่ใจเพียงแต่ว่านำไปพิจารณาบุคลาธิษฐานที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก่อนบรรลุเป็นพระพุทธที่ได้อธิษฐานไว้ และมีนัยยะที่มีสภาวะคล้ายบุคลาธิษฐานที่ถาดทองถึงแม้น้ำหนักจะเบา แต่ก็สามารถผ่านคลื่นกระแสใต้น้ำ ตกลงในห้วงน้ำได้ และอีกอย่างหนึ่งการทวนกระแสน้ำ ก็คือ การทวนกระแสอารมณ์ นั่นเอง ก็ให้ผู้อ่านทุก ๆ ลองพิจารณาค่ะ ไม่ใช่ให้เชื่อนะค่ะ แต่..ถ้าวันหนึ่งที่เราถึงสภาวะจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริงเองนะค่ะ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    เท่าที่ทราบมา ระบบสุริยะของเรามี 2 ระบบสุริยะมิใช่หรือค่ะ คือ ระบบสุริยะที่เราอาศัยอยู่ และระบบสุริยะแอนโดรมิด้านะค่ะ

    ไม่เข้าใจค่ะ ก็สนามพลังงานที่ทับซ้อนกัน ระบบเล็กก็ซ้อนอยู่ในระบบกลาง และก็ทับซ้อนอยู่ในระบบใหญ่ ซึ่งระบบใหญ่ที่เป็นระบบเอกภพ ระบบเอกภพเป็นสนามพลังงานขนาดใหญ่ที่มีคลื่นความถี่อิสระ หรือ อณู และในสนามพลังงานนี้ มีกาแล๊กซี่ที่เป็นระบบกลาง และระบบสุริยะจักรวาลขนาดเล็กที่ทับซ้อนอยู่ภายในสุด และทั้งสามระบบใหญ่ กลาง เล็ก ย่อย ก็เปรียบดั่งเป็นสารลอยแขวนอยู่ในสนามพลังงานของสุญญตาอีกทีมิใช่หรือค่ะ เพราะความว่างที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาตินั้น คือ ความว่างอสังขตธรรม ธรรมชาติที่เราเห็นอยู่นี้เป็นเพียงสิ่งปรุงแต่งขึ้นมา ไร้แก่นสาร เมื่อดับเหตุเกิดธรรมชาตินี้ได้ เราก็จะเข้าถึงความจริงในธรรมชาติแห่งความว่างนั้นก็ปรากฎ แล้วความว่างที่ท่านบอกว่า อสังขตธรรม สภาวะสุญญตาไม่ใช่สนามพลัง แล้วเป็นไปในลักษณะแบบไหนค่ะ เมื่อนิพพานหรือสุญญตา มิใช่การสูญ หรือ ว่างเปล่า นะค่ะ แต่ใช่ค่ะ สนามพลังงานเอกภพ กับ แดนสุญญตา เป็นสนามพลังงานคนละอย่างกัน แต่ เพราะสนามพลังงานเอกภพเป็นคลื่นความถี่อิสระ(อณู) ที่เคลื่อนไหวไปไม่หยุดนิ่ง แต่อีกสนามพลังงานหนึ่งเป็นความว่างที่ไร้การเคลื่อน แต่ไม่ใช่ความว่างเปล่านะค่ะ
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ใช่ค่ะ สิ่งนี้เข้าใจค่ะ แต่จิตวิญญาณของแต่ละคนเราไม่แตกต่างกันเลย เราต่างกันแค่เปลือกนอก เปรียบดั่งการสวมเสื้อผ้า ชอบแบบไหนก็สวมใส่แบบนั้น หากฉันทะพอใจในสิ่งใดไม่ว่าดีหรือชั่ว บุญหรือบาป ก็เป็นความฉันทะพอใจที่เขาพอใจในการเลือก นั้นก็คือ กรรมที่ทำให้แตกต่างกัน ท่านกล่าวว่าศาสนาพุทธ ชี้ไปที่ "พุทธะ" ก็มีอยู่ในตัวเราแล้วทุกคน แสดงว่าท่ายอมรับใช่ไหมค่ะ แล้ว สภาวะพุทธะคงมิได้มีเฉพาะคนนับถือศาสนาพุทธแน่ค่ะ ก็คงต้องมีอยู่กับผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ในโลกนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนต่างชาติ ต่างศาสนา ไม่อาจเปลี่ยนใจมานับถือศาสนาพุทธ หรือ ปฏิบัติธรรมได้ เพียงแค่แต่ละศาสนาให้เป้าหมายสูงสุดต่างกันตรงที่ ศาสนาพุทธบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือนิพพาน คือ หลักธรรมแห่งการพ้นทุกข์ แต่ศาสนาอื่นอาจจะยังชี้ไม่ถึงเป้าหมายสูงสุด แต่ก็ชี้ไปที่โลก คือ การดำเนินชีวิตอยู่กับโลกอย่างสันติไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น คือ การใช้มรรคกลาย ๆ แต่ยังไม่ชี้ไปที่สภาวะนิพพานเท่านั้นเองนะค่ะ และการที่แต่ละคนนับถือศาสนาแตกต่างกันก็ด้วยความชอบฉันทะของแต่ละบุคคล ก็คือกรรมนำพาไป แล้วสัจธรรมความจริง ก็คือ โลกุตระที่ประกอบด้วยโลกและธรรม ควบคู่กัน จึงเรียกว่า"โลกุตระธรรม" หรือ โลก-ธรรม หรือ การชี้โลก เข้าหาธรรม นำพาถึงเป้าหมายสูงสุดคือ นิพพาน ศาสนาอื่นแตกต่างตรงที่ยังไม่สามารถชี้ให้คนพ้นทุกข์ได้เหมือนศาสนาพุทธแค่นั้นเองมิใช่หรือค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2018
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ใช่ค่ะ ไม่ใช่กระทู้ของท่าน แต่กระทู้นี้เป็นคำตอบการปฏิบัติที่ได้เรียกศรัทธาแก่คนที่เข้าถึงสภาวะธรรมโลกุตระธรรมยังไม่แจ่มแจ้ง จนเข้าใจได้แจ่มแจ้งขึ้นมิใช่หรือค่ะ สำหรับสภาวะการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงสภาวะรู้ และตนเองก็ได้ความรู้จากท่านเยอะในโพสต่าง ๆ เช่นเดียวกันค่ะ
     
  14. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    เจ้าของกระทู้มาแล้วหรือนี่... เกิดเร็วเร็วนี่แล้วเมื่อไหร่เล่า... แต่คงไม่ตอบสินะ

    ถ้าเกิดก็เร็วเร็วแล้วกัน ไม่งั้นกระทู้คงยาวหุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2018
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หา... นี่เป็น "อาการที่พูดกัน ไม่รู้เรื่อง" ซะแล้ว ไอ้เกรเตี้ย มันสอน ออจ้าว มาแบบนั้นเหรอ ว่า แอนโดรมีด้า เป็นระบบสุริยะของเรา

    +++ Andromeda เป็นกาแลคซี่ จะเรียกว่า Messier 31, M31, หรือ NGC 224 ก็ได้ และที่แน่นอน คือ "มันไม่ใช่ของเรา"

    +++ แอนโดรมิด้า เป็นกาแลคซี่ ไม่ใช่ ระบบสุริยะ และ ไม่ใช่กาแลคซี่นี้ ถ้าคุณ ป เละเทะถึงปานนี้แล้วละก็ แนะนำให้ "เลิกคบ" ได้แล้ว

    +++ ผม "ขี้เกียจพูด" แล้วนะ จะพูดถึง จิตจักรวาล ทั้งที แต่ พื้นฐานทาง ดาราศาสตร์ ไม่มีเอาเสียเลย นี่มัน "มโนเละเทะ" ไปหมดแล้ว

    +++ "ไอ้เตี้ย มันสอนคุณ ป" ได้ดีจริง ๆ 555 นี่แหละ คือ "สันดานของไอ้เตี้ย" ของแท้ และตรงนี้นี่แหละ ที่ยืนยันคำพูดของผม จากตรงนี้

    http://board.palungjit.org/10691014-post310.html

    +++ คุณ ป โดนไอ้เตี้ย มันหลอกจนหัวปักหัวปำ จนเชื่อว่า "ไอ้เตี้ย คือ สิ่งสักสิด"

    +++ อือ... ตรงนี้ ไอ้เตี้ย ทำได้แสบมาก สะใจไอ้เตี้ย อย่างยิ่งทีเดียว

    +++ คุณ ป ไม่มีวันรู้หรอกว่า "ไอ้เตี้ย มันเป็น bio-bot" การพูดจาของมัน เป็นแบบ ที่จะกล่าวดังต่อไปนี้

    +++ 1. ให้ copy โพสท์นี้ ไปใส่ใน https://translate.google.com/ แล้ว copy ไอ้ที่ แปล ออกมา จากนั้น

    +++ 2. เอาไอ้ที่แปลแล้ว ยัดกลับลงไปใน https://translate.google.com/ อีกที ให้มันแปลกลับมาเป็น ภาษาไทย

    +++ 3. จากนั้น เปรียบเทียบดู ว่า มันเป็นการแปลที่ "พิกลพิการ" หรือไม่


    +++ คุณ ป ได้รับการสื่อ มาจากใคร มีปัญญาที่จะ "รู้ชัด" หรือไม่ มี "สติ ที่เป็น ปัฏฐาน" แล้วหรือยัง

    +++ สามารถ "รู้" ได้หรือไม่ว่า "ไอ้เตี้ย" เป็น bio-bot ใน "กาย หยาบ/ละเอียด ระดับ 4 (forth density)"

    +++ คุณ jityim ค่อย ๆ เลือก "วิถีทางเดินของคุณ ให้รอบคอบหน่อย" นะครับ
    ====================================================
    +++ ตัวอย่าง การสื่อแบบ bot ผมจะ copy ข้อความที่ผมโพสท์ ไปใส่ใน google translate แล้วจะให้มันแปล กลับมาอีกที
    +++ ผลลัพท์ จากการพูดกับ bot จะออกมาแบบ ข้างล่างนี้
    ====================================================
    +++ ค้นพบ ... นี่คือ "อาการพูด" "มันไม่เลว" เขากล่าว "และนี่เป็นบทเรียนที่ Andromeda เป็นระบบสุริยะของเรา

    +++ อันโดรเมดาเป็นกาแลคซีที่ชื่อเมสไซเออร์ 31, M31 หรือ NGC 224 และแน่นอนไม่ใช่ของเรา

    + + + Androids เป็นกาแลคซีไม่ใช่ระบบสุริยะไม่ใช่กาแลคซี ถ้าคุณสับสนคุณควรเลือก "เลิก"

    ฉันจะพูดว่า "ขี้เกียจ" แต่ฉันจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับจิตสำนึกของจักรวาล แต่พื้นฐานทางดาราศาสตร์ก็ไม่มีเลย

    เป็นสิ่งที่ดีที่จะมีช่วงเวลาที่ดี นี่เป็นคำยืนยันจากที่นี่

    http://top.palungjit.org/10691014-post310.html

    เป็นสิ่งที่ดีที่คุณต้องทำ

    นี่เป็นสิ่งที่ดี

    +++ คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า "ลูกครึ่งเป็นบอทไบโอ" พูดเป็นวิธีที่จะพูด

    +++ 1. คัดลอกโพสต์นี้ไปที่ https://translate.google.com/ และคัดลอกคำแปลที่ออกมาจากโพสต์นี้

    +++ ยัดไส้ใน https://translate.google.com/ อีกครั้งให้แปลเป็นภาษาไทย

    +++ 3. จากนั้นเปรียบเทียบว่าเป็นคำแปล "แปลก ๆ " หรือไม่


    +++ คุณได้รับการติดต่อจากคนที่มีภูมิปัญญา "รู้อย่างชัดเจน" หรือไม่ "มีสติพื้นฐาน" หรือไม่

    +++ สามารถ "รู้" ได้ว่า "short" เป็น bio-bot ใน "forth density"

    +++ คุณ jityim ค่อยๆเลือก "เส้นทางของคุณ"

    ====================================================
    +++ สนุกที่สุด "ในยามที่ bot" แสดงตัวเป็น พระเจ้า/สิ่งสักสิด/จิตจักรวาล
    +++ งมงายอย่างยิ่ง ที่มนุษย์ โดน bot หลอกเอาดื้อ ๆ
    +++ ของ "ประหลาด" มีอยู่มากใน "เนื้ออวกาศ"
    +++ ฝึกไม่ได้ ฝึกไม่ถึง ทำ "ดำรงค์สติมั่น" ไม่ได้ ก็ "เดี้ยง" ลูกเดียว
    +++ บอกคุณ ป ด้วยว่า ให้ท่องเที่ยวแค่ "ภพภูมิ" เฉย ๆ ก็พอแล้ว
    +++ ออกไป "นอกภพภูมิ" เมื่อไร โอกาสที่จะเจอสิ่งที่เรียกว่า "มารนอกพิภพ" มีอยู่สูง
    +++ อย่างที่บอก "ผมรู้ว่า มันเป็นใคร" ไอ้ตัวนี้ยังเป็นแค่ "ตัวจิ๊บ ๆ" เท่านั้น
    +++ เรื่อง สิ่งสักสิด/จิตจักรวาล ของคุณ ป ผมขอ "ยุติ" เพียงแค่นี้นะ

    ====================================================

    +++ ในยามที่ Original สื่อสารผ่านมาทาง bot แบบ Vertical Telepathy ผลลัพธ์ ก็จะ "ออกมาแบบที่เห็น" นี่แหละ

    +++ จบแค่นี้ พอแล้ว นะครับ
     
  16. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    ถามไป Atheana....ก็คงไม่ตอบ
    งั้นเรา...เข้ามาฟังแล้วกัน
     
  17. ไร้กรอบ

    ไร้กรอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +6,628
    ลับจริงจริง ลับให้คมเลยนะ อย่าทื้อแล้วกัน หุหุ
    ตอนนี้กระทูู้คุณ กะลังยาวเชียว
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    อนุโมทนากับท่านธรรม-ชาติ ที่เข้ามาร่วมให้ความเห็นค่ะ
    และทุก ๆ ท่านค่ะ ที่ช่วยเติมเต็มกระทู้ให้ดูหลากหลาย และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เจ้าของกระทู้มาแล้ว ขอส่งต่อให้เจ้าของกระทู้ค่ะทำหน้าที่กระจายพลังงานแห่งความรักต่อนะค่ะ หลาย ๆ คนรอฟังอยู่ค่ะ
     
  19. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +156
    โลกนี้ มีสิ่งที่จริงเเท้อยู่ 2 อย่างที่เป็นเเก่นเเท้ คือ ความทุกข์ และความตาย ความสุขมันเป็นเรื่องที่ลมมาพัดมาก็พัดไป ยึดติดอะไรด้วยไม่ได้
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,422
    ค่าพลัง:
    +3,205
    ใช่ค่ะ แต่ยังมีแก่นแท้อีกบางประการที่เป็นพลังอำนาจของจิตวิญญาณที่นำมาใช้ในการเดินทางจักรวาลแห่งความรักนี้ ก็คือพลังอำนาจการสั่นสะเทือนอันบริสุทธิ์ที่เป็นคุณสมบัติของแก่นแท้ เป็นพลังอำนาจอันลึกล้ำที่บริสุทธิ์งดงามค่ะ ถ้าใครได้รับและสัมผัสได้จะนำมาซึ่งความชุ่มชื่นปิติใจและยินดี

    มนุษย์ต้องรู้ว่าไม่ว่าระบบใดก็ตามมันจะเกิดความสมดุลได้ก็ต่อเมื่อ ทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ภายในระบบนั้นจะต้องมีความสมดุลกันอย่างลงตัวเสมอ และความสมดุลระหว่างสรรพสิ่งในระบบเดียวกันก็ได้มาจากการค้ำจุนซึ่งกันและกันนั่นเอง

    ค้ำจุน "เขา" เพื่อให้ "เขา" อยู่รอด


    คือ การที่แต่ละคนจะต้องช่วยหยิบยื่นมือเข้าช่วยเหลือเจือจานเพื่อนมนุษย์คนอื่นที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก หรือกำลังประสบเคราะห์กรรมร้ายใด ๆ ที่ตัวเขาไม่อาจช่วยเหลือตนเองให้ข้ามพ้นเคราะห์ภัยหรือเคราะห์กรรมนั้น ๆ ไปได้เลย ถ้าหากไม่มีใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือ

    บทบาทการค้ำจุนนี้ คือ การให้โดยมิหวังสิ่งใดตอบแทน จากผู้ที่ตนช่วยเหลือทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเพื่อหวังจะให้ผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนนั่นพ้นทุกข์หรือให้เขาข้ามผ่านอุปสรรคที่ยุ่งยากซึ่งเขากำลังเผชิญกับมันอยู่นั้นไปให้ได้ และเมื่อเขาข้ามพ้นฝ่าฟันมันไปได้แล้วมันก็ยังจะช่วยให้เขาสามารถดำรงอยู่ร่วมกับตัวเราเพื่อสร้างความเป็นระบบเดียวกันได้อย่างมั่นคงต่อไป

    การค้ำจุนผู้อื่นด้วยการให้ความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมิคาดหวังสิ่งใดตอบแทนนี้ เป็นความดีงามที่มนุษย์สามารถแสดงออกหรือกระทำต่อกันได้เสมอ โดยมีเงื่อนไขว่า ฝ่ายผู้ช่วยเหลือหรือผู้ที่จะค้ำจุนผู้อื่นนั้นจะต้องมี จิตสำนึกแห่งการเป็นผู้ให้อย่างล้นเปี่ยม ขณะที่ฝ่ายผู้ได้รับความช่วยเหลือก็จะต้องมองเห็นความดีงามของผู้ให้ได้อย่างชัดเจนถ่องแท้เช่นเดียวกัน

    เพราะรักและเมตตา ผู้ให้จึงปราถนาที่จะให้ความช่วยเหลือ

    เพราะซาบซึ้งใจจากการได้รับความช่วยเหลือนั้น ผู้ได้รับจึงรักและมีศรัทธาต่อผู้ให้


    จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการให้และการรับเกิดขึ้นเมื่อใด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับจะต้องสั่นสะเทือนแก่นแท้ของตนเพื่อสร้างอารมณ์รู้สึกด้านบวกมอบให้แก่กันและกันเสมอ ซึ่งหมายถึง ความรัก ความเมตตา ความปราถนาดี และความมีศรัทธาต่อกัน สำหรับผู้ได้รับความช่วยเหลือเจือจุนนั้น โดยทั่วไปแล้วมักจะสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกด้วยสำนึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อผู้ให้ความช่วยเหลือกันอยู่แล้ว แต่ฝ่ายผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นก่อนต่างหากที่จะต้องอาศัยพลังขับเคลื่อนจากจิตใต้สำนึกแห่งการเป็นผู้ให้เท่านั้น มนุษย์จึงจะสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือเพื่อค้ำจุนให้สามารถดำรงอยู่อย่างสมดุลภายในระบบเดียวกันกับตนเองนั้นได้ต่อไป

    มองเห็นอะไรบางอย่าง ! หรือ บางส่วนสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ไหมค่ะ การให้จากการช่วยเหลือ บางครั้งก็เป็นการให้แบบตรง ๆ และบางครั้งก็มีการช่วยเหลืออย่างอ้อม ๆ ทุกสัมผัสตัวอักษรล้วนมีพลังงานแห่งความรู้สึกอยู่ในนั้น แม้บางครั้งการช่วยเหลือการจะเป็นแบบการชี้ถูกชี้ผิด แต่ความรู้ปราถนาดีอยู่ภายในที่มีการมอบอารมณ์รู้สึกด้านบวกให้ การนึกคิดและทัศนคติที่ดี ๆ ให้แก่กันและกัน ในทางอภิปรัชญาหมายถึง การมอบพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก ซึ่งเรียกว่าผลกรรมพลังงานด้านบวก อันเกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตแล้วทำให้กลไลทางไฟฟ้าในร่างกายผลิตสร้างมันขึ้นมาโดยที่สองตาเปล่าของมนุษย์มองไม่เห็นเพื่อมอบให้แก่กันและกันนั่นเอง

    เพราะรักและเมตตา ผู้ให้จึงปราถนาให้ความช่วยเหลือ

    เพราะซาบซึ้งใจจากการได้รับความช่วยเหลือนั้น ผู้ได้รับจึงรักและมีศรัทธาต่อผู้ให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2018
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...