เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

แนะนำใครจะเสพข่าวสงครามซีเรีย ดูตามเพจเว็บนอกพวก skynews, bbc news แถวๆนั้นก้ได้นะคะ ไม่ใช่ความลับอะไร ข่าวออกตลอด bbc news uk นี่ก้อัพเดทตลอด ปวีอ่านมาตั้งกะวันที่ 14 ตอนนี้เลิกถล่มกันแล้ว เหลือแต่เมกาจะกล้าส่งทหารเข้าไปไหม ..พวกฝรั่งหลายๆ ประเทศสัณนิฐานกันว่าน่าจะเปนเรื่องบางอย่างทางเศรษฐกิจที่เมกาต้องการ (คล้ายๆ เมกาถล่มอิรักตอนนั้น) ถล่มซีเรียเพราะมีอาวุธเคมี (ถ้ามีจิงทำไมเมกาไม่กลัวการแพร่กระจาย) เดวคงมีการถกกันในเวทียูเอ็นโลก จากจำนวนจรวดที่หลุดเข้าไปในซีเรีย 30 กว่าลูกพิสูจน์ว่าจิงมั้ย..ฝรั่งมีวิจารณ์เรื่องนี้ไว้เยอะ แล้วก้เรื่องเงินที่ต้องเสียกับการยิงจรวดไปถล่มซีเรียของทรั้ม..ประมาณนั้น

 

ที่ว่า ความลับ คือ ไอ้คนอื่นๆ เขาไม่ค่อยสนใจข่าวสงครามกันมากกว่าเรื่อง แม่การะเกด กะบุพเพสันนิวาส ดอกหนาเจ้า

 

เขากำลังคานอำนาจกันอยู่ค่ะ ผู้นำบางคนที่มีวาสนาบารมีทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้วค่ะ ผู้นำบางคนก็ไม่ใช่ไม่รู้แต่ไม่ว่าจะรู้โดยตรงหรือทางอ้อมก็แล้วแต่ อำนาจความมืดในจิตใจมืดมิดปกคลุมด้วยอำนาจกิเลสตัณหาก็ไม่ฟังหรอกค่ะ เชื่อกิเลสตนเองมากกว่า หากสงครามที่เกิดขึ้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่าจะไม่ลุกลามบานปลายไปทั่วโลกแน่ รอต้องคอยติดตามค่ะ เพราะลุกลามบานปลายถึงสงครามโลกแล้ว โลกจะถึงกาลย่อยยับด้วยอาวุธเคมีนิวเคลียร์ที่บานปลายจนควบคุมไม่ได้ ถ้ามนุษย์จัดการกันเองไม่ได้ ธรรมชาติจะคอยดูแลจัดการรักษาโลกไว้ ต้องคอยติตตามว่าเป็นจริงดั่งที่เบื้องบนกล่าวไว้หรือเปล่าค่ะ เราก็ไม่ควรประมาทถ้าไม่เกิดสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นภัยสงคราม หรือ ภัยธรรมชาติ หากเป็นกรรมของสัตว์โลกยุคกลียุค ก็ต้องเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์นะค่ะ เพราะปัจจุบันนี้โลกได้กำลังดำเนินการปรับเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่มานานหลายสิบปีแล้วค่ะ

 

ขอถามครับท่านจิตยิ้มใช้วิธีสื่อสารวิธีใดครับเผื่อผมจะไปทดลองครับโดยการใช้สติปัฏฐาน ? หรือเดินจิตยังไงบอกด้วยครับ ผมจะได้รู้ๆไปเลยครับ

 

+++ ยับยั้งไปแล้ว ใน 2 ภาค หากไม่มีอะไร "กำเริบ" อีก ก็ถือว่าเสร็จไปแล้ว

+++ ส่วนภาคใหม่นี้ เป็นของ "คนอื่น" ที่จะต้องเข้ามา "แก้วิบาก"

+++ ตอนนี้ "ยังไม่เฉลยตัวออกมา" ภาคนี้จะต่อเนื่องจนกว่า แอนตี้ไครสต์ ที่ 3 จะปรากฏตัวตนออกมาจริง

+++ แอนตี้ไครสต์ ที่ 3 เป็นผลงานต่อเนื่องจาก ฝ่ายอธรรม ในยุคที่แล้ว แต่ปัจจุบันโดน "ปรับทัศนคติ" ไปแล้ว

+++ ต้องให้ "ผู้ผูก เป็น ผู้แก้" ตรงนี้เป็นเรื่องของการ "แก้ไข แทรกแซง วิบากเก่า"

+++ และ จะต้อง "เหนื่อยแบบสุด ๆ" เพราะเป็นการ ผูกเงื่อนงำ แบบสุด ๆ

+++ นี่ "ไม่ใช่" วันลงโทษของพระเจ้า "ไม่เกี่ยวกับ ยาห์เวห์" นี่เป็นการ "เตรียมตัว ฝึกงาน" ของทีมงานใหม่เฉย ๆ

+++ 2500 ปีแรก พุทธบริษัท 4 เป็นผู้ดูแลศาสนา อีก 1250 ปีถัดมา เป็น จาตุมหาราช รับช่วงต่อ แต่มาฝึกงานก่อนที่จะรับช่วงไปแล้ว

+++ หลังจาก 3750 ปีผ่านไป เหล่า "ปีศาจอสุรกาย" จะเข้ามา "รับงานต่อจาก จาตุมหาราช" ดังนั้น จึง เริ่มเข้ามาเป็น "นักศีกษาฝึกงาน" กันบ้างแล้ว

+++ และนี่คือ "ฝ่ายอธรรมเก่า ที่โดน "ปรับทัศนคติ" ไปแล้ว" นั่นเอง ปัจจุบันจึงเริ่มมีการ "ทำความดี ชดใช้กรรมชั่ว กันบ้าง" แบบทยอย ๆ กันมาเป็น ระลอก ๆ

+++ จะเริ่ม "หนาแน่น" เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะเข้าถึง "ยุคเต็ม ๆ" ในอนาคต

+++ เพราะ "ดันอุตริ" ไปผูกกับ ค่า ปิโตรเลี่ยม

+++ โลกไม่ต้องการ "พลังงานฟอสซิล" เฟดเลยต้อง เพิ่มดอกเบี้ย เพื่อเรียกเงินเข้า

+++ สินค้า "ชุ่ย" 3 วันเจ๊ง แต่เสือกตั้ง "ราคาหรู"

+++ หา "พลังงานฟอสซิล" มาเพิ่ม ในขณะที่ "โลกไม่ต้องการ"

+++ จะเอาข้อ 5 เพิ่มอีกมั้ย คำตอบคือ "เพราะไม่ เกาตรงที่คัน" นั่นเอง

+++ อิสยาห์ 26 : 20 ต้องเลย ช่วงนี้ไปแล้ว ค่อยว่ากันใหม่ มันยังอีกนาน "ไม่ใช่ตอนนี้"

+++ ยาห์เวห์ กำลัง "เร่งความเพียร" อยู่ ยังไม่ออกมาในช่วงขณะนี้หรอก ช่วงนี้เป็นเวลาของ "เด็กฝึกงาน" นะ

 

+++ ต้องเพิ่ม RT news Sputnik and The Guardian เข้าไปด้วย ตะเกียบ ต้องมี 2 ซีกเสมอ ไม่งั้น "คีบ" ไม่ได้นะ

 

+++ อีกอย่าง ดูแต่ "ออจ้าว" แต่ไม่ได้กิน "ออส่วน" มันก็หิวอยู่ยังงั้นแหละ

+++ ความจริงไม่ดู ดูแต่นิยาย แล้วจะมาถก สัจจธรรม มันก้อมีแต่เรื่อง เน่า ๆ เท่านั้นเอง แล...

 

ดูต่อไปเรื่อย ๆ เถิดค่ะ ทุกอย่างมันมีเหตุและผลในตัวของมันเอง มันเป็นเหตุเป็นผลกันอยู่แล้ว เรื่องทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุ เหตุไม่ให้ ผลก็ไม่ส่งให้ ไม่ได้มีอะไรแน่นอนนี่ค่ะ เพียงแต่นำมาบอกกันว่า เพราะเหตุอย่างนี้ ผลจึงเป็นอย่างนี้ เพราะผลอย่างนี้ ล้วนมีสาเหตุมาจากสิ่งนี้ ศาสนาพุทธเราเป็นศาสนาแห่งปัญญา ด้วยหลักเหตุและผล ไม่ได้มาจากความเชื่อโดยไม่ได้รู้ที่มาที่ไป ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ถ้าใครมีอำนาจวาสนาจัดการได้ นั่นก็เพราะสร้างเหตุไว้เอง และตนได้พิจารณาสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุและผล ไม่ใช่หรือคะ

 

สายพระโพธิสัตว์ ต้องเวียนว่ายตายเกิด ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงแผ่เมตตาแบบอินเตอร์เนชั่นแนล
ตอนนี้ยังไม่เบื่อ จึงต้องหากำลังเสริมไว้มากๆ

มีเพื่อนทั้ง คริสต์ ทั้งยิว ทั้งอิสลาม ผิวขาวผิวดำ

เบื่อเมื่อไร จะได้ไปนิพพาน แต่ตอนนี้สภาวะธรรมไม่ถึงไหน ไม่ข่มใคร ไม่เพ้อฝัน ไร้อัตตา สยบโมหะจริต
ด้วยสัมมาสติ ดำเนินชีวิตด้วย สัมมาทิฏฐิ

ก็ยังทำมาหากินเลี้ยงปากท้องในโลกความจริงหนาออเจ้า นากามณี เสพข่าวได้แต่มีสติ

ส่วนออเจ้า นิยาย ไม่อ่านไม่ติด ไม่เพ้อฝัน เพราะรู้สาเหตุนั้น

ถึงไม่ได้กิน ออส่วน แต่ ข้าวไข่เจียว ชาวบ้านๆ ก็หายหิวได้ถ้ารู้จัก พอเพียง และเพียงพอ นะจ้า

 

พระอินทน์ตวายโลก​

เผยแพร่เมื่อ 28 ก.ค. 2011​

 

จากสำนวนนี้

ถ้าผมโกรธแล้วจะมีคนร่วมโกรธด้วย หวังว่าคงเข้าใจ
หยุดสำนวนยอกย้อน แล้วผมจะมาลบออก

ผมเข้าใจว่าคือ อย่า แนวห้ามปรามเอาไว้ก่อน

แต่ผมก็ตัดคำไปด้วนๆอยู่เหมือนกัน เพราะอยากจะให้ออกมาสั้นๆเพราะว่ากะจะพิมพ์
ถึงหลายๆท่านเดี่ยวข้อความจะยาวไป หรือ ไม่ผมก็คงไกล้ละ คือไกล้จะเพี้ยนละ ฮ่าๆๆ

หากท่านไหนอ่านแล้วรู้สึกผมเพี้ยนเกินไปก็ขออภัยละกันครับ

 

ฮาลัทธิจิ๊กจักรยาน ( ไม่มีตังซื้อ ) มาก
ขอขำแพล๊บบบ

 

การค้นหาความจิงโดยการคุยกับคนสายจักรยาน ถ้าเราเปนคนที่ศรัทธาไม่มั่นคงกับพุทธศาสนาเพียงพอ เราจะถูกพวกนี้ล้อมกรอบทางความคิดทันที ให้มองไปว่าคำสอนของพระพุทธองค์คือปรัชญาชีวิตเท่านั้น

การโดนล้อมกรอบความคิด ทางพุทธเรียกวิถีจิตที่แล่นไปว่า เปนตาข่ายทิฐิ เหมือนใช้ความสงสัยไปแสวงหามรรค แต่จิงๆไม่ใช่ ต้องหาทางออก

ตาข่ายทิฐินี้ ถ้าเรายิ่งย่อยไปค้นหาความจิงจะยิ่งติด เหมือนปลาติดอวน หาทางออกไม่เจอ ปลาบางตัวฉลาด มันก้เลือกโดดออกมาเลย

เราต้องทำอะไรที่เหนือกว่าเพื่อหาทางออก คือ จะเข้าไปค้นหาความจิงเพิ่ม หรือเลิกคุยกับคนพวกนี้ไปเลย (สำหรับคนไม่มั่นคงในพุทธศาสนา)

เครดิต คุนนิวรณ์

 

ขอยืมกรณีตัวอย่างของเราสองคน เป็นกระจกส่องเงาให้แก่กันและกันหน่อยนะค่ะ

เมื่อท่านตั้งคำถามต่อเรา เราก็หันกลับมามองตนเองกลับมาพิพากษาตนเอง หมายถึง การพิจารณาตนเองเพื่อตรวจสอบพฤติกรรมใด ๆ ที่ตนอาจบกพร่อง จนนำไปสู่การเป็นเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ดีงามต่อตนเองอยู่ในขณะนั้น

การจัดการตนเอง หมายถึง ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ด้วยการพิจารณาตนเองเพื่อค้นหาข้อบกพร่องผิดพลาดของตนเองนั้นเสียทันทีด้วยความเต็มใจ โดยไม่คิดตำหนิผู้อื่น ไม่กล่าวโทษผู้อื่น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อผลในการเปลี่ยนแปลงผู้อื่นนั่นเอง

การยอมรับในสิ่งที่คนอื่นชี้

ไม่ว่ามนุษย์คนใดแม้แต่ตัวเราเองก็ตาม พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่เราแสดงออกหรือกระทำต่อกันในชีวิตประจำวันนั้น มันล้วนแล้วแต่เกิดจากการแสดงออกหรือกระทำตอบสนองต่อเงื่อนไขสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่ผู้อื่นเขาหยิบยื่นมาให้เราทั้งสิ้น น้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยที่ใครสักคนหนึ่งจะแสดงออกหรือพฤติกรรมใด ๆ ต่อตัวเราด้วยความจงใจหรือตั้งใจของเขาคนนั้นเดง โดยไม่มีเราเป็นเงื่อนไข

โปรดพิจารณาตัวอย่างดังต่อไปนี้

> เขาคงจะไม่ทำเฉยเมยกับเรา ถ้าเรารู้จักส่งยิ้มให้เขาก่อน
> เขาคงไมาโกรธเรา ถ้าเราไม่พูดล่วงเกินเขา
> เขาคงไม่ใจดำกับเรา ถ้าเราเป็นเพื่อนที่ดีของเขา
> ถ้าเราเคยช่วยเหลือเขามาก่อน เขาย่อมต่องช่วยเหลือเราเป็นการตอบแทนแน่นอน
> ถ้าเขายังระแวงเราอยู่ เขาคงไม่ไว้วางใจเรา มากถึงขนาดนี้

จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า "ตัวเราเอง" ต่างหาก ที่จะเป็นผู้กำหนดพฤติกรรมการแสดงออกหรือการกระทำของเขาที่มีต่อเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมด้านบวกหรือด้านลบก็ตาม

โปรดพิจารณาตัวอย่างอีกแบบหนึ่งดังต่อไปนี้

> เราคงจะไม่ทำเมินเฉยกับเขา ถ้าหากว่าเขาจะยิ้มให้เราสักนิดหนึ่งก็ยังดี
> เราคงจะไม่โกรธเขา ถ้าหากว่าเขาไม่พูดล่วงเกินเรา
> เราคงจะไม่ใจดำกับเขา ถ้าหากเขาเป็นเพื่อนที่ดีของเรา
> เราคงต้องช่วยเหลือเขาแน่ ถ้าหากเขาเคยช่วยเหลือเรามาก่อน
> เรายังไม่ไว้วางใจเขา เพราะเขายังทำตัวหลุกหลิกอยู่

จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า "ตัวเขา" ต่างหาก ที่จะเป็นผู้กำหนดพฤติกรรมการแสดงออกหรือการกระทำใด ๆ ของเราที่มีต่อตัวเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าพฤติกรรมด้านบวกหรือด้านลบก็ตาม

หรือโดยสรุป ตัวเรานี่เอง ที่เป็นเงื่อนไขการแสดงออกหรือการกระทำพฤติกรรมใด ๆ ของผู้อื่น ในขณะที่ผู้อื่นนั่นเองที่เป็นเงื่อนไขในการแสดงออกหรือการกระทำพฤติกรรมใด ๆ ของตัวเราในชีวิตประจำวัน

ถ้าทั้งตัวเราและผู้อื่น ต่างล้วนเป็นเงื่อนไขของกันและกันเช่นนี้แล้ว เราย่อมสามารถที่จะกล่าวได้ว่า

ทั้งตัวเราและตัวเขา ต่าวล้วนเป็นกระจกเงาบานใหญ่ของกันและกัน

ดังนั้น การที่เพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ เขาเป็นกระจกบานใหญ่ของเรา ก็ย่อมหมายถึงตัวคนเขาคนอื่น ๆ ก็คือ กระจกส่องตัวเรา ในขณะที่ตัวเราเองก็คือ กระจกส่องตัวเขา

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อใดที่สองตาของเราแลเห็นว่าเขากระทำไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมหรือไม่ดีงามต่อตัวเราอย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็ย่อมไม่สมควรด่วนตำหนิกล่าวโทษหรือมีความโกรธแค้นขุ่นเคืองใจใด ๆ ในตัวเขาหรือ พิพากษาเขา โดยเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เรากระทำผิดบาปต่อตัวเขาด้วยการพยายามที่จะ จัดการตัวเขา เพื่อหมายจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของเขา ด้วยการกระทำที่ตัวเขาอยู่ฝ่ายเดียว โดยทำราวกับว่าตนเองมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อขัดข้องที่ว่านั้นเลย

ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ต่างคนต่างจดฉุดลากพากันบงไปในหลุมบ่อแห่ง ความขัดแย้ง

ถ้ามนุษย์มีความฉลาดพอที่จะเป็นมนุษย์ได้อย่างแท้จริงแล้ว มนุษย์ต้องระลึกไว้เสมอว่าตนเองนั้นไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิใด ๆ ที่จะพิพากษาความผิดถูกของคนอื่น และไม่มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้อื่นให้เขาคิดเห็นเป็นทำสิ่งใด ๆ ไปตามใจตนปรารถนา ด้วยการจัดการ หรือกระทำที่ตัวเขานั้นโดยตรง

แต่หนทางปฏิบัติที่ถูกต้องก็คือ มนุษย์จะต้องจัดการที่ตนเองเท่านั้น ด้วยการปรับเปลี่ยนบทบาทพฤติกรรมของตนเสียใหม่ เพื่อให้เป็นเงื่อนไขที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามยิ่งกว่าสำหรับเขา โดยทันทีที่เราเปลี่ยนแปลงตนเองเสียใหม่เพื่อแสดงออกหรือกระทำต่อเขาใหม่ ย่อมหมายถึงการสร้างเงื่อนไขใหม่ให้กับตัวเขานั่นเอง

หากเงื่อนไขใหม่ที่เราหยิบยื่นให้เขานั้นเป็นด้านบวกมันก็ย่อมจะนำพาตัวเขาไปสู่การแสดงออก หรือกระทำพฤติกรรมด้านบวกต่อตัวเราได้เสมอ

อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณที่ท่านช่วยเป็นกระจกส่องทางให้ค่ะ ก็จะเพียรระมัดระวังสังวรเอาไว้ จะไม่พยายามคิดแทนคนอื่น ส่วนคำกล่าวใดที่ทำให้ท่านต้องหมองใจ ก็ให้อภัยด้วยก็แล้วกันนะค่ะ

 

ลุงนู๋ขำ 55

กระจก 10 บานรุม 1 ไรงี้ ถ้าในชีวิตจริงก้ไม่มีใครโค้บบบบอ่ะ

อิอิ..อิอิ..อิ

 

เอ่! ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีข้อความมาแบบนี้ให้คนเข้าใจผิดว่า pm ไปด่าใคร! เป็นอย่างไร? คงไม่ได้ใส่ความกันนะ ขอหลักฐานด้วย เท่าที่ผ่านมาพยามเป็นมิตร ไม่เคยคิดจะเป็นศรัตรู ถือว่าให้ความรักอย่างที่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งพึงจะมี ทำไมใส่ความกันเพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าค่ะ ท่านเป็นใครค่ะ หรือว่าเรามีแผลเก่ากันมาจริง ๆ เปิดเผยตัวตนด้วยค่ะ (ท่านเคยบอกท่านทอนเงินว่า มี ก็ย้งงอยู่) จะได้ชี้แจงเรื่องจริงให้ได้ทราบกันค่ะ

 

อ๋อ! สกัดดาวรุ่งนี่เอง ไม่เป็นไรค่ะ ติดตามไปเรื่อย ๆ นะ เดี๋ยวจะไขปริศนาแห่งธรรมจักร และ พลังแห่งมหาสติเป็นอย่างไร?

 

ผมว่าที่คุณจิตยิ้มเขียนมายาวๆข้างบนน่ะนะครับ น่าจะไปขอโทษคุณปวีร์เค้าน่าจะดีกว่า ผมเห็นเค้าก็ให้ข้อคิดว่าเป็นแม่ชีน่าจะอะไรยังไง คุณกลับไปว่าเค้าว่ามีสมองคิดได้แค่นี้หรือ มันเริ่มจากตรงนั้นล่ะครับ ผมอ่านอยู่จนถึงคุณไปว่าเค้าว่าขี้อิจฉา ริษยาอะไรแบบนั้น

 

ต่อให้พลังเทพเมตระตรอนแกมารวมด้วย ก้ไขหาคำตอบไม่เจอหรอก อิมั่ว ปวีแค่เข้ามาฮาลุงเฉยๆ ถ้าคนเขาจะเกลียดแกรแบบฝังราก ก้มาจากสิ่งที่แกรไปทำ ไปก้าวร้าวใส่เขาเองทั้งนั้นแหล่ะ