เปิด "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" สู่การสื่อสารกับตัวเองในโลกอดีตและอนาคต!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 22 มิถุนายน 2011.

  1. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    ถูกต้องตามนั้นครับ คุณ อพอลโล่ จาก เทพพิทักษ์จักรวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2011
  2. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    กิเลส เป็นคำกลางๆ เป็นได้ทั้งกุศล ทั้งอกุศล ทั้งกลางๆ

    เพราะกิเลสเป็นแรงขับดันของชีวิต ถ้าขับดันไปในทางดี ทางบุญ เราก็จะได้กุศลจากแรงขับนี้ ถ้าขับไปในทางไม่ดี เราก็ได้รับอกุศลไป

    เพราะอยากเป็นเทวดา อยากร่ำรวย จึงเกิดกิเลสอยากทำบุญ แบบนี้ เป็นประโยชน์
    เพราะอยากมีเงินทอง จึงไปฆ่า ไปปล้นแย่งชิงเขามา นี่เป็นกิเลสอกุศล มีโทษ

    จนเมื่อทำความดีถึงที่สุด ถึงขั้นปล่อยวางทั้งดี ทั้งบาป เมื่อนั้นกิเลสก็หมดฤทธิ์ หมดภพภูมิที่จะไป แรงขับไม่มี
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขออนุญาตคัดลอกไว้ก่อนนะครับ
    เดี๋ยวว่างๆค่อยมานั่งอ่านครับ

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

    ................................
     
  4. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เปิด "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" สู่การสื่อสารกับตัวเองในโลกอดีตและอนาคต!



    สื่อสาร ในโลกสมมุติ
    ตัวเองในโลก สมมุติ
    วกวน เส้นแสง
    จุด จุด จุด

    ธรรมที่แท้ คือ ธรรมที่ออกมาจากตนเท่านั้น
    ตนเป็นผู้รู้ ผู้แจ้ง ในตน
    หาก ยัง เป็นการสื่อสารผ่าน ผ่าน
    ท่านจะ ทราบได้อย่างไร พิสูจน์ ได้อย่างไร ว่าเที่ยงแท้ ไร้การเบี่ยงเบน
    ไม่ได้เข้ามาแย้ง ในสิ่งที่ท่านแนะนำ
    หากแต่ เข้ามาอ่านและร่วมแสดงความเห็น
    ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2011
  5. vm

    vm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1
    เปิด"ประตูมิติแห่งกาลเวลา" ชอบคำพูดประโยคนี้จัง ฟังแล้วเหมือนเป็นความพิเศษ ความอัศจรรย์ของอะไรบางอย่าง ที่เร้นลับ

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่อยู่ ๆ ก็เกิดคิดถึงคน ๆ หนึ่งที่เคยมีมิตรภาพอันสวยงามต่อกันเมื่อร่วม 20 ปีมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยคิดถึง หรืออาจเรียกว่าลืมไปแล้วอย่างสนิท แต่ทำไม อยู่ ๆ มาวันหนึ่ง เกิดเปิดบันทึกดู ไม่น่าเชื่อเพียงเท่านั้นเอง ก็ทำให้เกิดความคิดถึง อย่างเอาจริงเอาจัง และมากมายอย่างประหลาด จากข้อมูลเดิมที่มีอยู่ในความทรงจำเพียงเล็กน้อย ก็สามารถติดต่อเจอตัวกันได้ภายในเวลา 10 นาที จากนั้นเองความรู้สึกเก่า ๆ ของมิตรภาพ ความคุ้นเคยก็กลับมาคล้าย ๆ จะเหมือนเดิม และเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ทั้ง ๆ ที่วันเวลาได้ข้ามผ่านมาร่วม 20 ปีแล้ว

    เราได้สนทนา พูดคุย ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ความห่วงใย และเป็นมิตรกันอีกครั้ง ในทางโทรศัพท์ โดยไม่มีการพบเจอกันเลย นอกจากทางโทรศัพท์เท่านั้น

    ใช่..และแล้ว มิตรภาพที่เรามีต่อกันในรูปแบบนั้น ทำให้ฉันเคยคิดถึงคำ ๆ นี้ว่า เมื่อกาลเวลาของบางสิ่งที่จะให้เราได้พบเจอมาถึง ก็จะเกิดขึ้นตามช่วงจังหวะของมันเอง ฉันเคยเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ประตูมิติแห่งกาลเวลาได้เปิดขึ้นแล้ว" และมิตรภาพก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ พอถึงเวลา และหมดเวลาของมันแล้ว วันหนึ่ง "ประตูมิติแห่งกาลเวลา" ก็จะถูกปิดลงอีกครั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์อย่างไรก็ตาม สรรพสิ่งก็ต้องเป็นไป ตามชะตาที่จะต้องเป็นไป และก็เป็นเช่นนั้นเอง....ก็เท่านั้นเอง....
     
  6. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ติดตามอ่านมาหลายกระทู้แล้ว
    ขอโมทนาบุญในธรรมทานนี้
     
  7. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ละได้บาง ขณะจิตครับ จิตเกิดแล้วดับแล้วเกิดแล้วดับ.......แล้วเกิดแล้วดับแล้วเกิดแล้วดับ .....ไปเรื่อยๆ....
    พระท่านว่า เอาสมาธิเข้า ข่ม หรือเข้าวิปัสนาเพื่อตัดให้ทัน ก็ได้ผล แต่ท่านว่า อย่างหลัง จะได้ผลดีกว่า เหมือนง่ายเลยนะครับ แต่เอาเข้าจริง ยากนะนั่นน่ะ
     
  8. pinitko

    pinitko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +291
    เดา โลกอดีดและอนาคต คงมีที่ใหนสักแห่งในจักรวาล
     
  9. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ลากมาเพื่อ
    ถามซ้ำครับ เมื่อไรจะตอบครับท่าน ไปต่อได้ไหมครับท่าน
     
  10. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ค่ะ
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เห็นคนทำบุญ ทำด้วยแรงกระตุ้นจากกิเลสกันทั้งนั้นแหละ
    บุญมันก็อาศัยกิเลสเป็นเหมือนปุ๋ยนั่นแหละ งอกได้แล้วไงละ?


    ไปดูวัดธรรมกายเขาโฆษณาสิ ทำบุญก๋วยเตี๋ยวได้สร้อยทิพย์นะ
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ผมสื่อสารให้คุณรับแล้ว คุณรับตรงไหม?
    ส่วน "ทำจิตให้ว่าง" นี่ ผมว่าผมไม่ได้สื่อออกไปนะ?


    สมมุติ ผมบอกว่ามะม่วงเปรี้ยว คุณกินแล้วก็เปรี้ยว
    แสดงว่า "ตรงกัน" ถ้าผมบอกว่า "อนัตตา อย่างนี้ๆ"
    แล้วคุณก็รับรู้ในธรรมารมณ์นั้นได้ตรงกัน ก็ "ตรงกัน"
    เท่านั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องมีอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษก็ได้


    บางคนหลุดจากกรงขังแห่งกาลเวลาได้ โดยไม่มีลาง
    หรือสิ่งบอกเหตุอะไร ลองทำดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร?
    แต่แล้วชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่ไม่ต้อง
    ไปตอกบัตรกับใครอีก ก็สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้
    อย่างนี้ ก็มีได้ เป็นได้ครับ
     
  13. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ตอบอย่างนี้เรียก ดริฟ ครับ แปลว่า แถ
    ทำบุญ เพื่อ ละกิเลสครับ ทางพุทธครับ

    ทำบุญเพราะอยากนั้น หลงทางครับ

    ท่านมิได้ เข้าถึงและเข้าใจพุทธ ก็อย่าไปยืมพุทธมาใช้ครับ

    ส่วน กิเลสที่ท่านว่ามีได้ไม่ต้องละไม่ต้องตัด
    ที่ผมถามแค่ 5 ข้อ ท่านยังไม่สามารถตอบได้
    ว่า จะนำไปใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ได้อย่างไร

    ตกลงท่านคิดออกหรือยังครับ
    เอาตรงๆ ทีละข้อครับ
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ผมพูดกับคุณมามากพอแล้ว
    ยิ่งพูดต่อไป ไม่มีดีมีแต่เสีย
    ขอหยุดเท่านี้ จนกว่าคุณจะ
    เปลี่ยนแปลงไปจากจุดนี้ครับ


    ถ้ามีอะไรล่วงเกิน ขออภัยด้วย
    ผมจำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรงใน
    บางครั้ง เพื่อชำระบางสิ่งที่ติด
    เหนียวแน่น มันเลยแรงไปบ้าง


    ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ...
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    รู้ อริยสัจ4 มีเนื้อหาแน่นอยู่แล้ว ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
     
  16. guzs06

    guzs06 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    "ในอุดมคติของ อพอลโล่ผมคิดว่าเขาคงคิดดังนี้"
    เช่น...


    ผมอยากทำบุญนะ ก่อนที่ผมทำต้องมีอะไร "อยาก" อยากคือ "กิเลศ"

    แล้วทำบุญหวังอะไร "บุญ" หรือทำเพื่อให้คนอื่นเกิด"ความสุข"

    ดังเช่น

    เด็กชายดริฟ อยากทำบุญบริจาค เงิน บำรุงรักษาศาสนพิธี เพื่อให้อยู่กับประชาชนไำปนานๆ

    นี้คือการทำบุญในแบบพระพุทธศาสนาหรือเปล่าผมไม่รู้

    แต่เราจะมาอ่าน ข้อความ ตัวอย่างกันอีกครั้ง

    ก่อนที่ ไอ้นายดริฟ จะควักเงินจากกระเป๋ามาบริจาคเนี้ย มันเกิดอารมณ์อะไรก่อน ?

    อยาก ไงละครับ ซึ่งมันก็คือ "กิเลศ"

    และอย่างที่อพอลโล่จึงกล่าว ว่า กิเลศไม่ต้องตัด เพราะกิเลศก็คือความคิดอย่างนึงที่จะทำให้เราทำบุญ

    งงมะครับ อุดมคติ อพอลโล่ ผมพอเข้าใจ บ้าง (ถ้าคุณอพอลโล่ไม่ได้คิดเช่นนี้ก็ขออภัยด้วย เพราะผมอ่านข้อความ ของคุณอพอลโล่ไม่เคยเข้าใจเลย -*-)



    ิอยากให้คุณ Numtrn คุยกับ คุณอพอลโล่ไปเรื่อยๆ อยากรู้เหมือนกัน ว่า

    ใครพูดจริงใครพูดเท็จ ส่วนตัว กำลังเชียร์ Numtrn

    เพราะไม่ค่อยไว้ใจที่่คุณอพอลโล่ บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตของตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2011
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เวลาคนตีกันจะได้เห็นอะไรที่ไม่ค่อยได้เห็นหรือ?


    เปลี่ยนเรื่องนะ เมื่ออดีตนานมาแล้ว ผมทำบุญหวังผล
    ทำมากมายเลย วันหนึ่ง ท่านตั๊กม้อมาหา ผมถามว่าผม
    ทำบุญมากมายเลย จะได้อะไรบ้าง ท่านตอบว่า "ไม่ได้
    อะไรเลย เป็นศูนย์" ผมโมโหมากๆ


    วันนี้ คนมากมาย ก็คงไม่ต่างจากผมในอดีตนั้นๆ ในขณะ
    ที่ผมบำเพ็ญธรรมมากมาย ผมไม่ได้อะไรเลย นั่งดูผู้ปฏิบัติ
    ธรรมคนอื่น เขารับลาภสักการะกันเหลือล้นจนกินไม่หมด
    เผื่อหมาเผื่อแมว แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่มีถึงผมที่เป็นมนุษย์เลย


    แต่แล้วสิ่งที่ผมได้ก็คือ "ศูนย์" จริงอย่างท่านตั๊กม้อพูด
    แต่ผมก็พอใจแล้ว ที่เราไม่ได้ก้าวผิด ย่ำซ้ำรอยเดิมๆ
     
  18. panup

    panup Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +57
    ผมขอยืนยันว่ายังมีคนทำบุญโดยที่ไม่ได้หวังผลของบุญอยู่

    และทำบุญตามกาลเท่านั้น
     
  19. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +635
    ยืมของอาจารย์ ชัย ณ พล มาฝากค่ะ

    จะใช้กิเลส หรือ จะถูกกิเลสใช้

    (ตัวเองตอนนี้ ผลัดกันใช้ก่อน ิิิ)

    ส่งแรงใจให้ ท่านอพอลโล่ สื่อสารต่อไป
     
  20. comnet211

    comnet211 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอ อนุโมทนาบุญ ด้วยครับ

    เพราะยึดติดจึงเป็นเหตุให้เข้าถึงความเป็นไปได้ยาก นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...