เป็นนักกฏิบัติแต่ทำไมจิตคิดอกุศล

สาธุ..ดีแล้ว ค่อยๆไป

 

โห จิตแจ่มใส อย่างนี้แหละครับเรียกจิตแจ่มใส

นึกถึงสำนวน มองน้ำในตุ่มสิครับ หากเราปรุงดีปรุงชั่ว ก็เหมือนตะกอน
ฝุ้งไปหมด

แต่ถ้าเรา นิ่งๆ แม้แต่ผิวน้ำก็ไม่กระเพื่อม ขุ่นตะกอนเนื่องจากงานของ
ใจก็ไม่มี ภพชาติไม่มี ทุกอย่างก็เผยตัวหมด

ก็อย่าไปกลัวเท่านั้นเอง อย่าให้ วิภวตัณหามาลากเราไปจากบัลลังก์
การเห็นแจ้งแทงทะลุ ถ้ามันลากไปได้ก็ต้องดู ยินดี ยินร้าย

เดี๋ยวก็เห็น หัวหน้าโจรเอง

แต่มองยากหน่อยนะ หัวหน้าโจรนี่เขาสุขุม นิ่ง ไหลลึก เราต้องสังเกต
อย่างแยบคาย เห็นนิดเดียวก็เหมือนแหวกออกจากไข่ไก่ เจาะเพียงช่อง
เล็กๆ พอให้หัวลูกไก่โผล่มาเห็นแจ้งโลก

เปลือกไข่ที่เหลือก็คืออวิชชาที่ต้องทำให้แจ้งต่อไป ครบรอบครอบด้าน
ก็ออกมาเดินอย่างลูกไก่ มีขันธ์ของลูกไก่ตามวิบากที่ได้ทำไว้ อย่าง
ไม่ติดใจ แม้ว่าวันหนึ่งขนของมันจะสวยงามเพียงใด ผู้รู้ก็ไม่ติดข้องอยู่

 

สาธุ ครับพระคุณเจ้า

 

ขอขยาย คำว่า ก็แค่นั่งดูอีกนะ
ที่นั่งดูนี้ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำอะไรเลย เพียงแค่ รู้ รู้ทันไปเนืองๆ

รักษาใจอยู่ในกุศลไว้ รักษาศีลมาอย่างไร ก็พึงกระทำเช่นนั้นที่รู้ถูก จากศีลที่เป็นบังคับ ก็จะเริ่มเป็นอัตโนมัติ จากการอบรม ก็จะส่งผลให้เกิด สมาธิ เป็นกำลัง ของสัมมาสติ เกิดเป็นปัญญา เมื่อรู้วิธีการ
ก็จะลงได้ทุกสนามรบ น้อมโยนิโส ในกรรมฐานที่เราถนัดฝึกมา

 

เรายังเป็นปุถุชนอยู่นะครับ อย่างไรมันต้องมีความคิดทั้งดีและไม่ดีเกิดขึ้นมา พอมันตั้งอยู่ แล้วมันก็ดับไปเองตามแต่เหตุและปัจจัย คอยตามรู้ความดับก็พอนะครับ ไม่ต้องไปคิดอะไรต่อ เหมือนที่ผู้รู้หลาย ๆ ท่านบอกว่าเหมือนคนเดินผ่านหน้าบ้านแล้วก็ผ่านไป ก็ตามรู้แค่นั้นนะครับ อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยนะครับ

 

ขอบพระคุณครับ

 

ไอ้ตัวนี้ยังไม่เท่าไหร่ พอปล่อย ๆ วาง ๆ ช่างหัวมันได้บ้าง เพราะมันเป็นเพียงแค่ความเคยชินเดิม ๆ จิตมันโลดโผนจะตายไป บางทีดิ้นมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนเปล่า ๆ

ยังมีอีกพวกหนึ่ง เช่น ตัวขี้เกียจเอาแต่ใจตัวเอง เคยนิสัยแย่ยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอันนี้ไม่ค่อยดีนะ ถ้าไม่ดัดนิสัยฝืนใจตนเองบ้าง เหมือนคนติดบุหรี่บอกว่ารู้ดีว่าบุหรี่มีโทษ ทำอันตรายทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม แต่ก็ไม่คิดที่จะเลิกเสียที ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา จริง ๆ ถ้าสิ่งไหนเรารู้ว่ามันไม่ดี ก็อย่าไปทำตามมันให้มาก อย่าไปปล่อยให้มันเกิดขึ้นตามใจชอบ เราต้องหัดทำความเข้าใจกับเขา ว่าเขาเกิดขึ้นมา หลงขึ้นมาได้อย่างไร เราก็ใช้สติตามดูตามทำความเข้าใจไปด้วย เขาเกิดแรงเกิดส่งออกไปภายนอกจะเป็นการกระทำแล้วเราก็ควรรู้จักดับจักควบคุม ไม่ให้หลงไปทำตามความคิดนั้นเสีย อย่าไปให้อาหารมัน อย่าไปมัวแต่เลี้ยงมันไว้ดูเล่น ดับได้ดับ ดูได้ดู จิตเรามันยังไม่ได้แกร่งกล้ามาจากไหน เราต้องรู้จักประมาณกำลังของตน ไม่งั้นเราก็จะตกม้าตายได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

ขอให้โชคดีนะ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ ได้รู้เท่าทันจิตตนเร็วขึ้นเยอะมากเลยครับ. สาธุ.

 

ขอบพระคุณค่ะ ก็เพิ่งฝึกไม่นานค่ะ บางครั้งดูจิตผิด เคยนอนแล้วท่องบ่นพุธ-โธจนหลับนะคะ
ฝันเห็นหลวงปู่เหรียญ หลวงปู่พรมม หลวงปู่เทส ท่านมา 3 องค์พร้อมกัน ท่านบอกว่าดูจิต ไม่ใช่ตามจิต ก็เลยโต้หลวงพ่อกลับไป ทำอย่างไรหรือเจ้าคะ ทำไม่เป็น หลวงปู่เหรียญบอกว่าเพราะว่าเธอดื้อ คอยแต่จะออกนอกลู่นอกทาง เลยต้องกลับมาใหม่งัยเล่า?
พอมาเริ่มปฏิบัติ นึกว่าจะเ็ป็นของง่าย ต้องมาทำสงครามกับจิืตตัวเองนี่ ใครผ่านไปได้ถือว่าเก่งจริงขออนุโมทนาค่ะ

 

ในแง่ปริยัติธรรม จขกท น่าจะได้รับไปแล้ว แต่ละคนต้องการไม่มาก

ที่เหลือคือ ต้องลงมือปฏิบัติ

การปฏิบัติ ถ้าเราอธิษฐานเป็น ปฏิบัติบูชา ตรงนี้จะคือมหากริยาทาน

จะดีกว่า การขอขมา จะขอขมาก็ได้ แต่ถ้าเราปฏิบัติบุชาพระท่านไป
เลย พระท่านมานิมิตให้เห็นแล้ว เราอธิษฐานปฏิบัติบูชาเลย ย่อมให้
อานิสงค์แรงกว่าการขอขมา

เทวดาก็สรรเสริญ พระท่านก็สรรเสริญ คนมีศีลมีธรรมได้ยินเห็นคุณปฏิบัติ
ดีปฏิบัติชอบก็ย่อมสรรเสริญ เมื่อสรรเสริญ กรรมที่พลาดพลั้งไปก็ถูกยกสิ้น

 

อ้อ ท่องบ่นพุท โธ จนหลับ ถ้าทำแล้ว ได้ความสงบแก่จิต ดี ก็ต้องทำนะครับ

หากทำแล้วได้ความ สงบ เราก็จะได้กำลังของ สมาธิจิต เมื่อ จิตมีกำลังของสมาธิ
จึงจะเอามาดูจิตได้ หากไม่มีกำลังของความสงบให้กับจิต จิตก็จะเผลอดู จนเห็น
เยอะแยะไปหมด อันนี้ต้องระวัง หากเห็นแบบมีกำลัง ความปราณีต จะมีมากขึ้น

มันจะเรียบๆ บางขึ้น กิเลสโผล่แต่บางเฉียบ กุศลเกิดแต่บางเฉียบ เหมือนระลอก
น้ำที่เกิดจากแมงมุมน้ำมันเดิน(ต้องไปดูเอา ว่าไหวแค่ไหน) ที่นี้หากกำลังของ
ความสงบ(สมถะ) เรามีมากพอ อะไรไหวเพียงนิดเดียว เราก็เห็นก่อนแล้ว
หากเห็นได้อย่างนี้ กิเลสหยาบๆ ไหวแรงๆ จะถูกตัดแต่ต้นลม นี่คือวิถีของ
จิตที่จะเห็นสังขารธรรมละเอียดขึ้น ทวนขึ้นไปยังต้นสายปฏิจสมปุบาท โดยวิถี
จิตเขาเดินของเขาเอง เราเพียงแต่ทำเหตุใกล้ไว้เนืองๆ

สมถะ และ วิปัสสนา เป็นธรรมที่ควรเจริญ ด้วยปัญญาอันยิ่ง


สาธุ ท่าน จขกท ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อเราเข้าใจตนเองได้ วันหน้าจะสอนคนอื่นได้

 

พูดเรื่องจิตคิดอกุศล ผมค่อยข้างจะเป็นหนักมานานแล้ว คือจิตเค้าจะด่าพระพุทธ ด่า

พ่อด่าแม่ก็มียิ่งห้ามกดข่มจิตมันยิ่งด่าบางครั้งรู้สึกแทบเป็นบ้า ผมเคยลองแนวทางขอขมา

พระรัตนไตย ทำแล้วก็ไม่หาย จิตอกุศล มันก็ยังตามมาเล่นงานอีกตามเคย ......

จนกระทั่งผม ได้มาลองแนวดูจิต ของหลวงพ่อปราโมทย์ จึงรู้ว่าที่แท้จริงแล้วจิตนั้น

มันไม่ใช่เรา เราเองไม่สามารถบังคับกดข่มมันได้ สิ่งที่เราทำได้คือรู้ทันจิต จิตเค้าจะคิด

เรารู้จิตคิด แต่เราไม่ปรุงแต่งคิดไปตามมัน ความคิดมันจะดับลง แล้วมันก็เกิดอีก ....

รู้ทันจิตอกุศลที่เกิดบ่อยๆ พอมันรู้ว่าเรารู้ทันบ่อยๆ จิตอกุศลจะไม่ค่อยมา

ตอแยกับเราเท่าไร เพราะเรารู้แล้วว่าจิตไม่ใช่เรา ..........

จุดที่กลัวเรื่องจิตอกุศล คือคิดว่าจิตคือเราทั้งๆที่ จิตเค้าก็แสดงให้ดูแล้วว่าบังคับเค้าไม่ได้

ไม่งั้นเราคุมจิตอกุศลได้แล้ว..เลิกอาการวิตกจริตกลัวบาป กลัวตกนรกไปซะ แค่สิ่งปรุงแต่ง

เป้าหมายแรก ที่หลวงพ่อปราโมทย์ บอกว่านักปฎิบัติควรจะต้องตั้งเป้าเอาไว้ก่อนคือ

ต้องเห็นกายกับจิต ไม่ใช่เรา .... แค่ความเห็นถูกต้อง คือเห็นด้วยปัญญาจริงๆไม่ใช่

นึกคิด เราก็จะเข้าสู่พระโสดาบัน พระอริยเจ้าขั้นต้น .... พูดง่ายแต่ทำยากใช่มั๊ยพี่น้อง

การปฎิบัต บางทีเราดูกาย เดิน นั่ง นอน กิน อาบน้ำ ขับถ่าย บางครั้งเราหันมาดูจิต

เห็นบางที โกรธ บางทีโลภ บางทีหลง เช่นเผลอคิดไปทั้งวันไม่ได้สติเลยทั้งวันก็มี

ต้องพยายามไม่ให้หลงทั้งวัน ถ้าทำงานก็อนุโลมตั้งสมาธิกับงานไป.. พยายามมีสติระลึกรู้

การปฎิบัติแนวดูจิต อาจจะสลับดูกาย ที่เรียก กายานุปัสสนาสติปัญฐาน สลับไปกับ

การดูจิต หรือที่เรียกว่า จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐานก็ได้.......... ดูจนให้เห็นด้วยปัญญา

ให้ได้ว่า กาย ก็เป็นแค่ก้อนธาตุดินน้ำลมไฟมารวมกัน มันไม่ใช่เรา ... ดูลงไปให้ได้ว่า

จิต ที่รัก โลภ โกรธ หลง หรือความคิดที่เกิด จิตคิดอกุศล มันไม่ใช่เรา มันเกิดแล้วมัน

ก็ดับ มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง ...... หลวงพ่อปราโมทย์ กล่าวว่า กิเลสเช่น

กาม มันเป็นหัวหน้าเอกตัวเป้ง เรายังไม่มีกำลังพอจะขึ้นชกกับมัน ก็ต้องปล่อยไปก่อน

เรามาสู้กับหัวหน้ารองที่กำลังน้อยกว่า นั่นคือดูกาย ดูจิต ให้เห็นด้วยปัญญา

หรือที่ครูบาอาจารย์ ท่านเรียกว่าจิตตื่น ให้ได้ว่าทั้งกาย และ จิต นั้นไม่ใช่เรา นี่คือทาง

เดินขั้นแรกที่จะนำเราก็เข้าสู่พระโสดาบัน พระอริยเจ้าขั้นต้นได้ ......

ใครสนใจก็ไปหาโหลดของ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ...มาฟังน๊ะ แค่ฟังท่านเทศ

ซ้ำไปซ้ำมา ฟังแล้วจิตตื่นตัวมีสติดีมาก ......

 

แล้วคนที่มือถือสากปากถือศีลหละค่ะ บาปไหม
บางคนที่เจอ ธรรมะธรรมโม เข้าวัดปฏิบัติธรรม
แต่เวลาอยู่ในสังคมกลับเลวร้ายน่ากลัวเหมือนกับเป็นคนละคนกันเลย
แบบนี้เรียกว่าคนปฏิบัติหรือค่ะ

 

สาธุ..อนุโมทนา ค่ะ
สำหรับสำคุณ radiophone เขาจะเลวร้ายและจะดีปานใดปล่อยเขาไม่ใช่เรื่องของเราค่ะ
ดูตัวเราก็พอ บางครั้งเราก็กลัวจะเกลียดเขาแต่พอมาดูตัวเราก็เลิกเกลียดเลิกเพ่งโทษผู้อื่นค่ะ

 

ถ้าจิตติดในกาม ขอให้พิจารณาศพ สังขาร ทำจิตให้ว่าง

 

อนุโมทนา...ขอเสริมนิดนึง กำลังของสมถะนอกจากที่ท่านนิวรณ์ให้ใว้ การทำสมถะยังไม่ทำให้เราเหนื่อยมากด้วย สังเกตดูถ้าไม่ทำสมถะเลย 3วันดูจิตอย่างเดียว อ่อนเปลี้ยเพลียแรงแน่ๆ ท่านนิวรณ์ช่วยขยายตรงที่ผมพูดนิ๊ดนึงครับ ผมอธิบายไม่เป็น...

 

โมทนากับหลายท่านตอบได้ดีแล้วครับ.....

ไอ่นี่มันเป็นความเลวสั่งสมในจิต....เรื่องธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติต้องเจอ.....

ดับด้วยสติก็ได้ ดับด้วยสมาธิก็ได้.....

 

เรียนถามอีกนิดนึง เวลาขับรถน่ะ มันจะดิ่ง แต่ก็เกือบจะชนรถคันข้างหน้า หลายครั้ง
แก้ปัญหาอย่างไรดีคะ เพราะฝึกมาไม่ให้มองข้างนอก แก้ปัญหาอย่างไรดีคะ