เป็นนักกฏิบัติแต่ทำไมจิตคิดอกุศล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nanakorn, 4 มีนาคม 2009.

  1. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    สังขารา อนัตตา สังขารไม่ใช่ตัวตน
    สังขารคือการคิดปรุงแต่งไปในด้านกุศลหรืออกุศล เมื่อพระพุทธเจ้าสอนว่าขันธ์5 ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์5 ขันธ์5ไม่มีในเรา ก็เมื่อสังขารเป็น 1ในขันธ์5 ก็ควรอยู่ที่มันจะโผล่ขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ควรอยู่ที่มันจะโผล่ขึ้นมาโดยไม่ใช่เจตนาของเรา ข้อนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้นั้นเป็นเรื่องจริง ผมก็เป็นเหมือนกันครับแล้วก็เป็นบ่อยด้วยแต่ก็ได้แต่ทำใจแล้วทำเป็นลืมไปไม่คิดถึงอีกเพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนว่าสิ่งที่เป็นอกุศลที่ล่วงมาแล้วแม้การตามนึกถึงก็ไม่ควรเพราะจะทำให้จิตเศร้าหมอง แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกนะเราตั้งใจจะลืมแต่มันกลับจำข้อนี้ก็เพราะ สัญญา อนัตตา สัญญาไม่ใช่ตัวตนนั่นเอง บังคับมันไม่ได้ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2009
  2. พุทธางกูรน้อย

    พุทธางกูรน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +68
    การฝึกสมาธิ ก่อนอื่นต้องอธิฐานจิต และสมาฐานพระกรรมฐานก่อน

    ในการฝึกให้สติจับจิตของตัวเอง กำหนดการรู้ รู้สภาพจิต รู้ทันจิต
    ปรกติของจิตคนเรามีสภาพเป็นของไม่เที่ยง กระสับกระส่าย
    เราจึงต้องทำการฝึกจิต ก่อนที่เราจะทำการฝึกจิตได้

    สิ่งแรกที่ต้องมีคือสติ เราฝึกให้จิตจับอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เช่น ลมหายใจ หรือภาพต่างๆ
    แต่จิตที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนที่ดีพอ ก็จะมีสภาพส่ายไปมา
    เหมือนวัว หรือควาย ที่ไม่เคย ถูกจับใส่สายจูง ก็จะดิ้นไปมาไม่ยอมอยู่อย่างนั้น
    ในจิตของเราก็มีสภาพคล้ายกัน เมื่อเราพยายามเอากรอบไปล้อมให้มันคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
    จิตที่เคยแต่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ก็จะดิ้นไปมา เพื่อให้หลุดพ้นจากกรอบนั้น

    ดังนั้นในการฝึกจิต สิ่งที่สำคัญคือ สติ ใช้สติจับจิต ให้รู้จิต ว่าจิตของเรานี้ส่ายสัดไปที่ใด
    เมื่อจิตของเราส่ายสัดไปที่ใด ให้กำหนดรู้ รู้ว่าจิตคิดอะไร หรือฟุ้งซ่านไปที่ใด
    โดยไม่ต้องไปใส่ใจ หรือบังคับให้จิตกลับมาที่เดิม ให้กำหนดรู้ พิจารณาจิต
    รู้ว่า ได้ยินหนอ ร้อนหนอ ราคะหนอ โลภะหนอ เมื่อยหนอ อยากหนอ ง่วงหนอ
    โดยสติ และจิตต้องไม่ไปจับที่อุปทานั้น

    ใช้สติพิจารณาจิต พิจารณาการเกิดของอุปทา การดำรงอยู่ของอุปทา และการดับของอุปทา
    เมื่ออุปทาดับแล้ว ค่อยบังคับจิตให้กลับมายังสิ่งกำหนดการทำสมาธิ

    เมื่อทำสมาธิไปได้ระยะหนึ่งแล้ว จิตมันก็จะล้า ไม่เอากับการฝึกสมาธิแล้ว
    เมื่อถึงขั้นนี้ก็อย่าฝืน ให้รู้ว่าตอนนี้จิตเรามีความสามารถเท่านี้
    ก็ให้ถอนสมาธิ โดยการกำหนดลมหายใจ ให้จิตจับลมหายใจ
    หายใจเบาๆ ช้าๆ ให้สุด ซัก 2 ถึง 3 ครั้ง ลืมตาขึ้น
    คลายการกำหนดจิต หายใจตามปรกติซักพัก แล้วจึงเปลี่ยนอริยาบทต่อไป
     
  3. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    คิดว่าจะมีคนอ่านทุกคอมเม้นมั้ยเนี่ย
     
  4. ต้นไทร

    ต้นไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +666
    สู้ๆต่อไปคับ ขอบคุณ กระทู้ดีๆ มีท่านที่ดีๆมาตอบ ผมได้รับควมรู้มากขึ้นไปด้วย
    อนุโมทนา คับ
     
  5. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,273
    คิดมากปวดหัว จิตจะเข้าสู้ความดี นิวรณ์จะเริ่มหมด ท่านว่ามารจะเข้ามายุให้ ด่า ให้ว่า ให้วิจารณื ทำให้ไม่ก้าวหน้า ไปสู่ฌานสมาบัติ
     
  6. kokorado

    kokorado สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    มีคนเป็นกันเยอะเหรอนี่ ผมก้เป็นเหมือนกัน นึกว่าเราจะเป้นโรคจิตประสาทซะแล้ว มันจะชอบด่าว่าพระรัตนตรัย บางทีพ่อแม่ด้วย
     
  7. nong_ma

    nong_ma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    เราเองก็เป็นเหมือนกันไม่รู้ทำไมจิตต้องคิดไปแบบนั้นบางทีคิดลามก ทั้งที่การใช้ชีวิตประจำวันและการกระทำของเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันเกิดขึ้นมาเองเวลาสวดมนต์ไหว้พระเรากลัวบาปกลัวมาก เมื่อก่อนเคยนั่งสมาธิ และพอจิตคิดแบบนี้แล้วมันสวนทางกับความคิดเรา ทำให้เราไม่กล้านั่งสมาธิเพราะ กลัวว่าจะคิดให้ตัวเราเป็นบาปไปมากกว่านี้ ไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ขอขมาพระรัตนไตรทุกครั้งที่คิด มันทำให้เศร้านะกลัวด้วย การทำความเพียรมันยากจัง
    ขอบคุณทุกกระทู้ที่มาให้ข้อมูลดีๆทำให้เรารู้ว่าไม่ใช่มีแค่เราที่เป็นแบบนี้ และเราควรทำยังไงต่อไป
    ขอบคุณจากใจจริงค่ะ
     
  8. k_yong

    k_yong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
  9. k_yong

    k_yong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ความพยามอยู่ที่ไหน(ล่ะ)
    ความสำเร็จอยู่ที่นั่นครับ
     
  10. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    อนุโมทนา สาธุ

    :z16ปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์
    อย่าไปทุกข์เพราะการปฏิบัติธรรม:z17;aa26
     
  11. mooka

    mooka สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +20
    นั่นแหละ...ที่แยกยากมาก..มาก
     
  12. jantra2008

    jantra2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +185
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนากับคำตอบของทุกท่าน ได้ความรู้อีกเยอะเลยค่ะ
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จิตมันคิด เราก็ดูจิตคิดอีกที ถ้าเราดูเฉยๆ สักว่ารู้ สักว่าเห็น
    ไม่เข้าร่วมไปช่วยมันคิด เดี๋ยวจิตมันก็รู้ตัวเอง มีสติรู้ตัวขึ้นมาเองได้เหมือนกันนะ
    ถ้าเราเชื่อใจจิตเราเอง ว่ามีรู้ดีรู้ชั่วอยู่ เมื่อมีจิตรู้สึกตัวก็จะรู้ว่าดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร
    ที่จิตเขาคิดเพราะเขาไม่รู้ตัวขาดสติ ก็เลยสร้างทุกข์ให้ตัวเอง ถ้ามีจิตรู้ตัวว่าเป็นทุกข์
    จิตก็จะมีสติหยุดเอง ส่วนตัวเรามีสมาธิอดทนด้วยความเป็นกลางต่อพฤติจิตได้แค่ไหน
    ก็อยู่ที่สมาธิอินทรีย์ที่เราฝึกกำลังใจมา ทนได้เท่าไรก็รู้เท่านั้น ทนได้มากก็รู้ได้มาก
    ทนได้น้อยก็รู้น้อย ไม่ทนเลยก็ไม่รู้ ทำได้เท่าที่ทำ ทนได้เท่าที่ทนรู้ ไม่ฝืนตัวเอง
    ทำตามกำลังที่มี ก็ไม่ร้อนรน ไม่ร้อนใจมาก เต่ามันจะเดินหรือจะไม่เดิน ก็ดูมันเฉยๆ
    โดยไม่เอาไม้ไปแหย่ตูดมัน ถ้าจะช่วยเต่าก็ตั้งใจทำกรรมดีไว้ แล้วส่งกรรมดีไปให้เต่า
    ด้วยใจที่ปรารถนาดี สงสารเต่าให้เยอะๆ เนาะ เต่ามันไม่รู้นินา
    ข้อสำคัญอย่าไปทำให้เต่าโกรธนะ อาจเป็นเหตุให้โลกแตกก็ได้นะ เอาใจเต่าซักนิดก็ดี
    ถ้าเต่ามันสบายใจมีความสุข เราก็ดูเขาด้วยความสุขใจสบายใจ ก็คงเป็นเรื่องดี

    เราก็คิดอยู่อย่างนี้ ทำอยู่อย่างนี้
    ปล.เต่าในข้อความหมายถึงจิต+เจตสิก นะคะ เราหมายถึงใจ รู้เห็น จิต+เจตสิกทำงานเกิดดับไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...