เมื่อ ไม่มีอดีตเพราะมันผ่านไปแล้ว เราอยู่ปัจจุบันไม่มีชาติ ภพ เกิด ตายครั้งเดียว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pakung, 5 เมษายน 2008.

  1. realing

    realing สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +0
    เก็บ ระดับ ให้สูงๆ ครับ จากนั้น ก็ หลบ ศาตราวุธ ทั้ง หมดทั้งปวง ได้ แล้ว

    ระเบิด น่ะ ป้องกันได้ ง่ายมาก ทำจิตให้สงบ มอง รัศมี ระเบิด ให้เห็น หมอบลงกับพื้น ตั้งการ์ด หรือจะ วิ่ง หนีก็ๆได้ วิ่งให้เร็ว ละ พลังกาย สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
     
  2. ผีเสื้อราตรี

    ผีเสื้อราตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,141
    ค่าพลัง:
    +283
    แล้วระเบิดมันลงที่ใจจะหลบยังไงดี
     
  3. อภิภู

    อภิภู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +82
    ถ้าอดีตไม่มีเพราะมันจบสิ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่มันจบไปแล้วแต่มันยังให้ผลอยู่
    มันยังส่งผลอยู่ เมื่อวานปะคุงหิว ปะคุงกินข้าวผลที่ตามมาปะคุงยังคงอิ่ม
    ไปอีกหลายชั่วโมง แม้อดีตจบไปแล้วก็จริงแต่ผลมันยังอยู่ ถ้าไม่มี อดีต ไม่
    มีอนาคต กฏที่ว่าด้วย แรงกริยาจะเท่ากับแรงปฎิกริยา ก็จะไม่มี เพราะเมื่อใส่
    แรงไปเท่าไร เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะไม่มีผลอะไรทั้งนั้น เพราะมันจบไปแล้ว
    มันผ่านไปแล้ว
    แล้วถามต่อไปอีกว่า ทำไมคนเราจึงเกิดมาแตกต่างกัน รูปร่าง หน้าตา ฐานะ
    สติปัญญา อะไรเป็นเหตุให้เกิดความแตกต่าง อย่างที่เห็นทุกวันนี้ ตอบด้วยนะ
    ปะคุง
     
  4. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    นี้ ปะคุง ผมขอถาม คุณง่ายๆว่า
    เมื่อวาน มีจริงไหม
    วันนี้ มีจริงไหม
    พรุ่งนี้ มีจริงไหม
    คุณมีหลักการอะไร มีการทดลองอะไรให้เห็นไหมง่าวันพรุ่งนี้ๆมี
    แล้วคุณจะรู้ได้ไงว่า วันพรุ่งนี้ มีจริง ถ้าเรายังยืนอยู่ ณ วันนี้
    ถ้าคุณ ตอบได้เมื่อไหร นั้นแหละ คุณจะรู้ว่า
    อดีตชาติ (ชาติที่แล้ว) มีจริง
    ปัจจุบัน ชาติ มีจริง
    และ อนาคตชาติ (ชาติหน้า มีจริง)
    ค่อยๆคิดนะครับ ได้คำตอบเมื่อไหร ก็จะเลิก สงสัยเมื่อนั้นเองนะครับ
    เพราะ คนอื่นๆจะ อธิบาย ไม่ได้ถ้า คุณไม่รู้ด้วยตัวเอง
     
  5. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    ถ้าคุณกลับ ไปแก้อดีตคุณได้ นั่นคือมีจริง หรือไม่ใช่
     
  6. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    เข้ามาป่วนแล้วก็จากไป
    /me กลิ้งหลุนๆ

    <embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://flash.revver.com/player/1.0/player.swf" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" scale="noScale" salign="TL" bgcolor="#ffffff" flashvars="width=480&height=392&mediaId=99898&affiliateId=33530&javascriptContext=true&skinURL=http://flash.revver.com/player/1.0/skins/Default_Raster.swf&skinImgURL=http://flash.revver.com/player/1.0/skins/night_skin.png&actionBarSkinURL=http://flash.revver.com/player/1.0/skins/DefaultNavBarSkin.swf&resizeVideo=True&pngLogo=http://tenthdimension.com/assets/tenth-icon.png" wmode="transparent" height="392" width="480">

    เค้าเปรียบง่ายๆ มิติที่ 1-2-3 กว้าง ยาว สูง อันนี้ทุกคนรู้ดีแล้ว
    มิติที่ 4 คือเวลา หมายถึง ณ ตำแหน่งเดียวกัน แต่คนละเวลา ก็เกิดความแตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้ของเรา ตอนนี้เรานั่งอยู่ แต่ผ่านไปสิบนาที เราลุกไปแล้ว เป็นต้น มิตินี้บางคนคงเข้าใจ

    มิติที่ 5 เขาบอกว่ามันคือ Chance หรือทางแยก หมายถึงในมิติที่ 4 ที่คนละเวลา ในตำแหน่งเดิม ถือว่าเป็นคนละวัตถุกัน มิติที่ 5 นี่ก็คือ โอกาสที่จะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นในตำแหน่งนั้น ซึ่งขึั้้นอยู่กับปัจจัยต่างๆรอบกาย

    มิติที่ 6 เขาบอกว่ามันคือมิติที่คล้ายๆกับมิติที่ 5 แต่ต่างไปแบบสุดขั้วเลย เขาเปรียบเทียบกับคนเราที่ตอนเป็นเด็ก แล้วโตขึ้นมีอาชีพเป็นกรรมกร ถ้าเกิดกรรมกรคนนั้นย้อนเวลาไปหาตัวเองวัยเด็กได้ รู้สึกไม่อยากเป็นกรรมกร เขาก็บอกให้เด็กคนนั้น(คือตัวเองในอดีต) ตั้งใจเรียน แต่ทีนี้ไม่ว่าตั้งใจเรียนยังไง ก็ยังไม่หลุดพ้นเส้นทางกรรมกรอยู่ดี กรณีนี้ มิติที่ 6 คืออนาคตของเด็กที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง อาจได้เป็นนักร้อง ทีนี้วิธีจะไปถึงมิตินั้นก็มีสองวิธีคือ
    1.เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของเด็ก ให้เขาสามารถเติบโตขึ้นเป็นนักร้องได้ (เช่นอาจพาไปเข้าเรียนดนตรี หรือให้เงินเด็กคนนั้นล้านนึง ฯลฯ)
    2.ทางลัดกว่า คือแทนที่จะย้อนเวลาไปเปลี่ยนตัวเองในอดีต ก็ข้ามมิติไปยังอนาคตที่ตัวเองจะได้เป็นนักร้องแล้วเลย

    มิติที่ 7 เขาต่อยอดมาจากมิติที่ 6 นั่นคือ อนาคตที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงนั้นไม่ได้มีแค่สิ่งเดียว แต่มีอยู่หลากหลาย เส้นทางหลากหลายของมิติที่ 6 นี่แหละคือมิติที่ 7

    มิติที่ 8 ก็ต่อยอดมาจากมิติที่ 7 คือแทนที่จะมีอยู่หลากหลายเส้นทาง มันกลับมีอยู่นับไม่ถ้วน (เรียกได้ว่าเ็ป็นอนันต์) แตกยอดไปจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ไอ้เจ้ามิติอนาคตนับไม่ถ้วนนั้นรวมอยู่ในวัฏจักรเดียวกัน คือมิติที่ 8 (งงไหม? บอกตามตรงผมก็งงนิดๆเหมือนกัน)

    มิติที่ 9 ต่อยอดมาจากมิติที่ 8 อีกที คือ ไอ้เจ้าวัฏจักรนับไม่ถ้วนที่รวมเป็นมิติที่ 8 อันเดียวนั้น มันอาจไปเชื่อมกับวัฏจักรอื่นก็ได้ (คือต่อยอดมาจากมิติที่ 8 แรก กับมิติที่ 8 อันที่สอง) ผมเข้าใจว่ามันคล้ายๆกับ เรามีทางแยกนับไม่ถ้วนอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร ไอ้ทางแยกนับไม่ถ้วนนั้นมันก็คือ 1 ชุด ซึ่งจะพาเราไปรวมกับทางแยกนับไม่ถ้วนอีกชุดหนึ่ง

    มิติที่ 10 คล้ายกับมิติที่ 8 อีกแล้ว คือไอ้วัฒจักรนับไม่ถ้วนที่มาต่อเชื่อมกันนั้น มันไม่ได้มีแค่เส้นเดียว แต่มีนับไม่ถ้วนอีกเหมือนกัน คือเป็นวัฏจักรนับไม่ถ้วนของนับไม่ถ้วนของนับไม่ถ้วน ทั้งหมดล้วนรวมอยู่ในวัฒจักรเดียวกันนั่นคือ มิติที่ 10

    ซึ่งมิติที่ 10 นี้ เขาเขียนให้รวมเป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่ง เหมือนกับตอนเริ่มต้นที่เริ่มจากจุด เส้น ระนาบ ต่อเพิ่มมิติไปเรื่อยๆ เรียกว่ามิติที่เล็กที่สุดก็คือมิติที่ใหญ่ที่สุดนั่นแหละ


    ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่าอย่างน้อยมี 4 มิติตามข้างบนว่ากัน
    แต่นักฟิสิกส์นักคณิตศาสตร์พยายายอธิบายธรรมชาติต่างๆ
    และคิดว่าถ้าใช้มิติที่เกิน4มาอธิบาย จะอธิบายได้ดีขึ้น
    แต่จริงๆยังไม่สามารถค้นพบ ยืนยันได้ถึงการมีอยู่จริงของมิติที่5

    การเข้าใจเรื่องมิติที่มากกว่า 4 อาจต้องย้อนกลับไปเข้าใจมิติที่น้อยกว่า 4

    มดตัวเล็ก อาจคิดว่ามดเป็นสัตว์2มิติ คือสูงน้อยมากจนตัดความสูงทิ้งไปได้
    มดบนลูกกอล์ฟจะเห็นแค่แนวสายตาด้านเดียวของลูกกอล์ฟ
    คนเป็นสัตว์3มิติย่อมเห็นกอล์ฟได้ทั้งลูก เห็นอีกด้านของลูกกอล์ฟ
    สัตว์ที่มิติสูงกว่าคงเห็นได้มากกว่า สัตว์ที่มิติต่ำกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2008
  7. เอก999

    เอก999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +143
    น้อง Pakung นี่มีความพยายามดีจริงๆครับ

    อดีตนั้นคือสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เราไม่มีทางกลับไปแก้ไขอะไรได้ รูปดับ ปัจจุบันดับ เหลือไว้แต่นามที่เรียกอดีตเท่านั้น อนาคตก็เช่นกัน

    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    อดีต ปัจจุบัน อนาคต

    ร่างกายกับสมองของเรานั้นเป็นเพียงสิ่งสมมติที่อยู่ใต้อิทธิพลของธรรมชาติ
    หากทำลายห่วงโซ่นี้ไม่ได้ ก็ไม่วายต้องวนเวียนอยู่ร่ำไป การเอาสิ่งสมมติไปค้นหาความเป็นจริงจึงไม่มีทางทำได้แน่นอน แต่ความสามารถของจิตซึ่งเป็นนามธรรมใช้มือเปล่าจับต้องไม่ได้นั้น อยู่เหนือกฎเกณฑ์นี้ครับ

    เมื่อก่อนพี่ก็หลงไหลในวิทยาศาสตร์จนยึดติดความมีตัวตนโดยที่ไม่รู้ตัว แต่พอได้พบและได้รับคำสอนของครูบาท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย และครูบาอภิชัยขาวปี ก็ได้เข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น

    ไม่ต้องเชื่อพี่นะครับ แต่ถามตัวเองก่อนว่าพร้อมจะพิสูจน์ความจริงหรือยัง
    ความรู้ทางโลกนั้นดีมีประโยชน์แน่ครับ พี่เองก็อ่านกระทู้ที่น้องตั้งเป็นประจำ แต่จะดีกว่ามั๊ยถ้าได้ความรู้ทางธรรมเพิ่มด้วย
     
  8. haha4959

    haha4959 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +85
    เหอะๆ

    โธ่ ไอ่ ปา คุง

    ที่ เอา มา แปะ เขา ก็ มั่ว เอาทั้ง น้านนนนน

    พิสูจน์ ไม่ ได้ สัก อย่าง แค่ เข้า เค้า น่า จะ เป็นไป ได้

    เรื่อง จริง เป็น อย่าง ไร ใคร จะ รู้

    ภาษา ก็ เหมือนกัน เดา กัน ทั้ง นั้น มั่ว มั่กๆ ตี ความ เข้า ข้าง ตน เอง

    เฮ่อ

    ถ้า มี คน มา บอก อย่าง นี้ คุณ จะอธิบายยังไงให้เขา เข้า ใจ เหมือนคุณล่ะครับ
     
  9. อภิภู

    อภิภู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +82
    ถามไปแล้วไม่เห็นตอบผมเลยครับ แล้ว"ถ้าคุณกลับ ไปแก้อดีตคุณได้ นั่นคือมีจริง หรือไม่ใช่" ไอ้ที่ตอบมานั่นตอบใครครับ หรือว่าอยากจะพูดอะไร คือว่า"งง" ปะคุงพอโดนคำถามไล่ต้อนเข้า ก็ตอบอะไรของคุณก็ไม่รู้ คือเจตนา
    ของปะคุงน่ะครับ ผมพอจะรู้อยู่ ปะคุง ไม่ได้สนใจเรื่องในศาสนาเลยซักนิด
    แค่ต้องการมาทำลายความเฃื่อความศรัทธาของผู้ที่นับถือ ซึ่งตรงนี้แหละที่
    น่าเป็นห่วง เพราะไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ไม่ว่ากัน แต่พยายามมาทำลายความเฃื่อ
    ความศรัทธาของผู้อื่น แล้วหลงตัวว่าตัวเองรู้ถูกแล้ว คนอื่นรู้ผิด งมงาย อย่าง
    งี้มันไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี ปะคุงก็คงเหมือน
    "มดตัวเล็ก อาจคิดว่ามดเป็นสัตว์2มิติ คือสูงน้อยมากจนตัดความสูงทิ้งไปได้
    มดบนลูกกอล์ฟจะเห็นแค่แนวสายตาด้านเดียวของลูกกอล์ฟ
    คนเป็นสัตว์3มิติย่อมเห็นกอล์ฟได้ทั้งลูก เห็นอีกด้านของลูกกอล์ฟ
    สัตว์ที่มิติสูงกว่าคงเห็นได้มากกว่า สัตว์ที่มิติต่ำกว่า"
    ที่มีผู้ที่โพสเอาไว้ ในกระทู้ข้างบนนี้ ผมว่าปะคุงเลิกซะเถอะ แต่ละคนในนี้ผม
    ว่ามีปัญญาไม่น้อยไปกว่าปะคุงหรอก ดังนั้นุถ้าปะคุงต้องการความรู้จริงๆ
    ผมว่ามีคนยินดีที่จะให้ความรู้แลกเปลี่ยนกับปะคุงไม่น้อย แต่ถ้าเป็นอย่างงี้
    ต่อไป ปะคุง จะไม่ได้อะไรเลย
     
  10. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    งง เราไม่ได้จะทำลาย ความเชื่อ แค่มาเสนอ เปรียบเทียบ สงสัยนั่นเอง

    เพราะ มันอาจมีความเป็ไปได้

    เพราะคุณเชื่ออย่างนั้น ผมคงเปลี่ยนใครไม่ได้หรอก
     
  11. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    แล้วที่เราเกิดมาทุกวันนี้ได้ยังไงละ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ก็เพราะธรรมชาติอีกนั่นแหละ เดี๋ยวสักวันมันรวมองค์ประกอบเข้ากันได้ทุกอย่างมันก็เป็นเราอีกนั่นแหละ
    ชีวิตไม่มีจุดจบครับ นอกเสียว่าจะเล่นรึจะเลิกก็เท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...