เรื่องราวอารยธรรมวัฒนธรรมตำนานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกิณกะ

Hearts in Atlantis Stills. Red Carpet Pictures. Event Photos. Hearts in Atlantis Movie Posters. Movie Set Images

Hearts in Atlantis - Wikipedia, the free encyclopedia

 

สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ สนองนโยบาย หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชฯ ในการช่วยวัด -ประชาชน ประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยได้ไปเยี่ยม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นแห่งแรก โดยมีศิลปินดารา นักร้อง นำโดย ดาวใจ ไพจิตร- ดร.ศุภชัย ไพจิตร และไชยา มิตรชัย ร่วมเชิญผ้าไตรประทาน จากสมเด็จฯ แก่พระครูปลัดสุวัฒนสมาธิคุณ เจ้าอาวาส วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี พร้อมจตุปัจจัย จำนวน 170,000 บาท

http://palungjit.org/posts/5225544

 

มหาปุริสลักษณะพระพุทธประติมาลาว รัฐเวียงจันท์

มหาปุริสลักษณะพระพุทธประติมาลาว รัฐเวียงจันท์: การอนุรักษ์แนวคิดพุทธ ตุลาคม 29, 2010, 5:14 pm Filed under: the-art-journal —

มหาปุริสลักษณะพระพุทธประติมาลาว รัฐเวียงจันท์: การอนุรักษ์แนวคิดพุทธ
Statue of Great Buddhist Man, Vientiane, Laos: Conservation of Buddhist Philosophy
เขียน: ฉลองเดช คูภานุมาต Chalongdej Kuphanumat

Abstract
“Statue of Great Buddhist Man, Vientiane, Laos: Conservation of Buddhist Philosophy”,
studies the philosophy of Buddhism as it appears in the Lakkhanasutta and Mahapadanasutta
of Dighanikaya, parts of the Tripitaka, the content of which deals with the 32 features of
a Great Man. This is a pathway that craftsmen from the past have applied as a directive for
creating images of the Buddha. Especially in Vientiane, Laos, conservation of this concept
has been going on continuously up until the present. This research has studied data from
Buddhist scriptures, different legends, as well as the means of conveying the 32 features
of the Great Man into Lao Buddha-statues. The way this concept has been passed on, can be
compared with conservation of Buddhist Philosophy as it expresses the conceptual process and
the process of creating different kinds of Buddhist statues in a land
that professes Buddhism.

KEYWORDS
Conservation : …all the process of looking after a place so as to retain its cultural significance.

บทคัดย่อ
“มหาปุริสลักษณะพุทธประติมาลาว รัฐเวียงจันท์: การอนุรักษ์แนวคิดพุทธ” ต้องการศึกษาแนวคิดปรัชญา
พุทธที่มีปรากฏในพระไตรปิฎก ลักขณะสูตรและมหาปทานสูตร ทีฑนิกาย โดยมีเนื้อหาแสดงถึงลักษณะของ
มหาบุรุษ ๓๒ ประการซึ่งเป็นคติที่ช่างศิลป์ในอดีตใช้เป็นแนวทางในการสร้างพระพุทธรูป โดยเฉพาะรัฐ
เวียงจันท์ ประเทศลาว มีการอนุรักษ์และสืบทอดแนวคิดดังกล่าวมากระทั่งในปัจจุบัน ด้วยวิธีการศึกษา
ข้อมูลจากคัมภีร์ในพระพุทธศาสนา และตำนานต่างๆ ตลอดจนศึกษารูปแบบการถ่ายทอด แนวคิดมหา
ปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ไปสู่ผลงานพุทธประติมาศิลปะลาวซึ่งการสืบทอดแนวคิดนี้ เป็นเสมือนการอนุรักษ์
แนวคิดพุทธ โดยมีการแสดงออกทางกระบวนการคิด และกระบวนการสร้างสรรค์พุทธประติมาที่มีรูปแบบต่างๆ
ในดินแดนที่นับถือพระพุทธศาสนา

คำสำคัญ
การอนุรักษ์แนวพุทธ หมายความว่า การรักษา และทำให้เจริญงอกงามไพบูลย์
(พระธรรมปิฎก : พจนานุกรมพุทธศาสนา)
มหาปุริสลักษณะ หมายความว่า จากพระบาลีลักขณสูตร (แห่งคัมภีร์ทีฑนิกาย ปาฏิกวัคค์)
เราได้เรียนรู้ถึงลักษณะแห่งมหาบุรุษ หรือที่เรียกว่ามหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ซึ่งได้เป็นปทัฏฐาน
ในการสร้างพระพุทธประติมา
พระพุทธประติมา หมายความว่า รูปเปรียบของพระพุทธเจ้า, พระพุทธรูป

 

ที่มาครับ
มหาปุริสลักษณะพระพุทธประติมาลาว รัฐเวียงจันท์: การอนุรักษ์แนวคิดพุทธ « Faculty of Finearts

บทนำ
สมัยรัฐเวียงจันท์ นับตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยองค์เว้ (พ.ศ. ๒๒๔๓ – ๒๒๗๓) มาจนถึงรัชการพระเจ้า
สิริบุญสาร(พ.ศ.๒๒๗๘ – ๒๓๒๔) ไม่ค่อยปรากฏหลักฐานการสร้างพุทธสถานเท่าใดนัก คงมีแต่การบูรณ
ปฏิสังขรณ์และการสร้างพระพุทธรูปตามพระราชศรัทธา จนกระทั่งถึงรัชกาลพระเจ้าอนุวงศ์ (พ.ศ.๒๓๔๕ -
๒๓๗๑) จึงมีการฟื้นฟูในด้านพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง หลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ เช่นในปี พ.ศ. ๒๒๔๘
พระเจ้าไชยองค์ ทรงอาราธนา“พระบางเจ้า” ลงมาประดิษฐานที่ “วัดป่าสักหลวง” นครเวียงจันท์ พระพุทธรูป
ปางมารวิชัย ที่พิพิธภัณฑ์ “หอพระแก้ว”มีจารึกที่ฐานสังกาด ๖๗ ตัว (พ.ศ.๒๒๔๘) พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ในพิพิธภัณฑ์ “หอพระแก้ว” มีจารึกที่ฐานสังกาด ๖๗ ตัว
(พ.ศ. ๒๒๔๘)[1]



ภาพที่ ๑ รอบพระระเบียง “วัดสีสะเกด” ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น แบบเดียวกันขนาดเท่ากัน
คือมีขนาดประมาณเท่าคนจริงจำนวน ๑๒๐ องค์ มีประตูเข้าออกทั้ง ๔ ทิศ

 

ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าอนุวงศ์ พระองค์ทรงปรับปรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าทั้งในด้านอาณาจักร
และด้านพุทธจักร มีการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์พุทธสถาปัตยกรรมให้เป็นศรีสง่าแก่นครเวียงจันท์
ดังที่พยานหลักฐานปรากฏอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง เนื่องจากพระองค์ทรงเติบโตอยู่ในราชสำนัก
ของไทยมานานถึง ๒ รัชกาล คือในระหว่างรัชกาลที่ ๑-๒ ทรงมีโอกาสรู้เห็นและศึกษาสิ่งที่ดีงามของ
กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนเป็นที่รักใคร่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และได้ทรง
ช่วยเหลือราชการสงครามด้วย เมื่อเสด็จกลับไปครองนครเวียงจันท์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธ
เลิศหล้านภาลัย ยังรับสั่งให้เจ้าพระยาจักรีมีสารตราขึ้นไปถวายพระเจ้าอนุวงศ์เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๒
ผลงานการสร้างสรรค์ในรัชกาลเจ้าอนุวงศ์ มีผลงานชิ้นสำคัญได้แก่ “วัดสีสะเกด” ซึ่งพระเจ้า
อนุวงศ์ฯ ทรงสร้างไว้ ยังมีสภาพดีอยู่มิได้ถูกทำลายจากภัยสงคราม และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์
ต่อมาโดยสำนักฝรั่งเศสทางปลายบูรพาทิศ วัดสีสะเกด เป็นวัดที่มีแผนผังผิดแผกกว่าวัดต่างๆ
ในนครเวียงจันท์ คือการสร้างพระระเบียงล้อมรอบพระอุโบสถ (ในภาษาลาวเรียกว่า จงกม หรือ
กมมะเลียน) เช่นเดียวกับ “วัดช้างเผือก” ที่เมืองพันพ้าว เข้าใจว่าคงจะได้แบบอย่างไปจากวัดที่สำคัญ
ของไทยในกรุงเทพฯ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอรุณราชวราราม หรือวัดพระเชตุพนฯ

รอบพระระเบียงประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น แบบเดียวกันขนาดเท่ากัน คือมีขนาดประมาณเท่าคนจริง
จำนวน ๑๒๐ องค์ มีประตูเข้าออกทั้ง ๔ ทิศ ผนังพระระเบียงตอนบนทุกด้านทำเป็นช่องกุดเล็กๆ
สำหรับบรรจุพระพุทธรูปเล็กๆ เช่น พระบุเงินบุทอง และพระพิมพ์จำนวนมาก ดังที่ปรากฏหลักฐานในแผ่น
ศิลาจารึก (สิลาเลก) ที่ข้างประตูด้านหน้าว่า….. “ ส้างพระใส่ช่องกุดฝาผนังวัด พระเงินบุ ๒๗๖ องค์
พระพิมพ์ ๒๐๕๒ องค์….พระพิมพ์ใส่ช่องกุดฝาผนังจงกม ๖๘๔๐ องค์…….”[2] การสร้างโบสถ์ วิหาร
พระพุทธรูป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในรัชกาลพระเจ้าอนุวงศ์มีมากมาย เพราะพระองค์ต้องการสร้าง
เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและความมั่นคง สงบสุขของบ้านเมือง

เหตุไฉนจึงมีการสร้างพระพุทธประติมาสืบทอดกันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดในสังคม
อีกทั้งในการสร้างพระพุทธประติมาลาวมีความเหมือนหรือแตกต่างทางแนวความคิดจากการสร้าง
พระพุทธประติมาในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเช่น ประเทศไทย ประเทศพม่า ฯลฯ ซึ่งมีแนวคิด
ที่กำหนด ระเบียบความงามในงานพระพุทธประติมา ได้อ้างถึงมหาปุริสลักษณะ ของพระพุทธรูป
ตลอดจนยุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วยมุมมองของผู้มีความรู้และประสบการณ์ทางธรรม อันส่งผลให้
เกิดผลงานที่เกิดจากแนวคิดทางพุทธเฉกเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่าง ประเทศไทย
พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ที่มีการสร้างพระพุทธประติมา ซึ่งได้ใช้พระสูตร ลักขณสูตร ว่าด้วย
มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ในการสร้างพระพุทธประติมา เป็นการอนุรักษ์แนวคิดพุทธ เพื่อสืบทอด
พระพุทธศาสนาให้เป็นเรือนใจ เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมือง เพราะพระพุทธประติมา หรือ พระพุทธรูป
นับเป็นหนึ่งในสามของพระรัตนตรัย อันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธศาสนิกชน อีกทั้งเป็น
สัญลักษณ์ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าในทุกดินแดนที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ สามารถ
สะท้อนให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง ทางด้านอารยธรรม ความรู้ ความคิด และสิ่งสำคัญคือ
ระดับจิตวิญญาณ ที่จะถ่ายทอดสู่งาน พระพุทธประติมาอันสื่อสัญลักษณ์ทางระดับจิตใจของชุมชน
บ้านเมือง

 

ภาพที่ ๒ ภาพพระพุทธประติมาศิลปะลาวปางสุบิน สังเกตพระกรซ้ายทาบไปตามพระวรกาย

การเรียกพระพุทธรูป โดยความเป็นจริงหาได้มีความหมายเช่นนั้นแต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้เจตนา
จะให้เป็นรูปขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากแต่เพียงต้องการให้เป็นสัญลักษณ์หรือรูปเปรียบเทียบ
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น[3] การมองถึงวิธีคิดพุทธ ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์พระพุทธรูป จึงต้อง
มองย้อนไปถึงปฐมเหตุของการเกิดพระพุทธรูปว่า เจตนาในการสร้างพระพุทธรูปเป็นเรื่องใหญ่ ในสมัยก่อน
ที่สร้างพระพุทธรูปขึ้นมานั้นก็เนื่องมาจากมีศรัทธาจริงๆ ประติมากรได้พยายามถ่ายทอดชีวิตและวิญญาณ
ที่ประกอบไปด้วยความศรัทธราเลื่อมใสพระพุทธเจ้าลงไปในองค์พระพุทธปฏิมา

[3] กองโบราณคดีกรมศิลปากร. การอนุรักษ์พระพุทธรูป สรุปผลการสัมมนาเรื่องการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังและ
การอนุรักษ์พระพุทธรูป. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮ้าส์, ๒๕๓๓.
[2]สงวน รอดบุญ. พุทธศิลปะลาว. กรุงเทพฯ : สายธาร, ๒๕๔๕. หน้า ๑๐๒.
[1] สงวน รอดบุญ. พุทธศิลปะลาว. กรุงเทพฯ : สายธาร, ๒๕๔๕. หน้า ๑๐๑.

 

http://palungjit.org/threads/เยี่ยมชมภาพ-animation-gif-สำหรับใช้งานในเว็บที่นี่ค่ะ.97406/page-33

 

http://palungjit.org/threads/มุ่งเต็มใจ-เมื่อได้พุทธภูมิแล้วจักช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วย.276215/page-2

 

พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนในภูมิภาคแหลมทองมาเป็นเวลานาน เริ่มตั้งแต่ดินแดนถิ่นนี้ยังเป็นอาณาจักรต่างๆ มิได้รวมกันเป็นประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พอรวบรวมได้ว่าองค์พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในประมาณ ปี พ.ศ. 500 โดยพระนาคเสนเถระ เมืองปาฏลีบุตร อินเดีย เข้ามาสู่ดินแดนของไทยครั้งแรกในอาณาจักรอโยธยา จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมืองชากังราวหรือกำแพงเพชร จากกำแพงเพชรได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเชียงรายเป็นเวลา 45 ปี จากนั้นก็อัญเชิญลงมาประดิษฐานที่ลำปางอีก 32 ปี จากลำปางอัญเชิญขึ้นเหนือไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ เป็นเวลา 85 ปี จากเชียงใหม่ไปประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ 225 ปี แต่เก่าก่อนตอนปลายสมัยอยุธยา เมืองเวียงจันทน์ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยามีศึกหนักกับพม่าจนตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ทางเวียงจันทน์ถือโอกาศแข็งเมืองแยกตัวเป็นอิสระ จนกระทั่งพระเจ้าตากกอบกู้เอกราชได้และตั้งราชธานีใหม่จึงได้ส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเมืองเวียงจันทน์ให้กลับมาเป็นเมืองขึ้นเหมือนเดิม ศึกครั้งนั้นทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาดจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนสู่แผ่นดินไทย

ครั้งแรกเมื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วิหารน้อยวัดอรุณราชวราราม ประดิษฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ เป็นเวลา 5 ปี

เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อชนะศึกเมืองเวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาก็เกิดความยินดี ดั่งว่าพระแก้วมรกตเป็นพระคู่บารมีคู่บ้านคู่เมือง ครั้นเมื่อสิ้นกรุงธนบุรีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์ได้สำเร็จ และได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่มีชื่อว่า กรุงรัตนโกสินทร์ นัยว่าเป็นชื่อที่มีที่มาจากพระแก้วมรกต กรุง แปลว่า เมือง รัตน แปลว่าแก้ว โกสินทร์ แปลว่าพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์จะมีองค์สีเขียว รวมระยะเวลาที่องค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2321 จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 227 ปี

พระแก้วมรกต ท่านได้ไปประดิษฐานอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง เมื่อมีสิ่งศักดิ์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราแล้วก็ขอเชิญท่านทั้งหลายไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเอง

 

เต่ายักษ์พิทักษ์โลก (Gamera the Brave)เป็นภาพยนต์ที่ออกฉายใน พ.ศ. 2549 ผลิตโดย Kadokawa Pictures และเป็นภาพยนต์ชุดกาเมร่าเรื่องที่ 12 เป็นเรื่องราวของโทรุ (Ryo Tomioka) เด็กชายวัย 11 ปี คุณแม่ของโทรุประสบอุบัติเหตุทางรถ เสียชีวิต โทรุจึงอาศัยอยู่กับคุณพ่อ (Kanji Tasidamai) อยู่ริมชายฝั่งทะเล วันหนึ่ง โทรุได้พบไข่ใบนึง ซึ่งมีหินสีแดงวางอยู่ หลังจากที่เขาวางไข่ไว้บนมือสักพัก ไข่ก็ฟักออกมาเป็นลูกเต่าออกมา โทรุได้ตั้งชื่อเต่าตัวนี้ว่า โตโต้ และตัดสินใจเลี้ยงเต่าตัวนี้ไว้โดยไม่บอกคุณพ่อ ไม่นานนัก โตโต้ก็ตัวใหญ่ขึ้นอย่างแปลกประหลาด จนโทรุและเพื่อน ๆเริ่มสงสัยว่า โตโต้จะเป็นเต่าธรรมดาหรือเปล่า วันหนึ่ง มีสัตว์ประหลาดมาจากท้องทะเล ชื่อ ซีดัส ซึ่งได้ออกมาอาละวาด โตโต้ได้เสี่ยงชีวิตเข้าจัดการจนซีดัสถอยกลับไปได้ แต่แล้ว ซีดัสได้กลับมาตามล่าโตโต้ที่ นาโงย่า โตโต้จะใช่กาเมร่าหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นกับโตโต้ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับซีดัส
http://www.siamreptile.com/webboard/webboard_show.php?id=18401

 

กูรมาวตาร อวตารเป็นเต่ายักษ์ (ปางที่ 2)
พระนารายณ์อวตารเป็นเต่าไปช่วยการกวนเกษียรสมุทรภาพสลักที่นครวัด.

เทวาและอสูรชักภูเขาเพื่อการกวนเกษียรสมุทร แต่ทำไปทำมาหลายร้อยปี มันทรคีรีที่ถูกชักเข้าชักออกก็เกิดเอียง ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องอวตารเป็นเต่า ไปหนุนภูเขาให้ตั้งตรงมั่นคงดั่งเดิม จนสามารถกวนเกษียรสมุทรสำเร็จได้ออกมาเป็นนํ้าอมฤต

แต่บางตำนานก็เล่าว่า เหตุผลที่มันทรคีรีเอียงกระเท่เร่นั้น เป็นเพราะ
อสูรมัจฉาแอบอยู่ใต้นํ้า แล้วแทะภูเขา หวังให้นํ้าอมฤตรั่วลงสู่โลกมนุษย์ พระนารายณ์จึงต้องอวตารเป็นเต่าลงไปสู้กับเจ้ามัจฉา และเมื่อสังหารวายร้ายได้ พระองค์ก็คืนร่างกลับมาช่วยดูแลการกวนเกษียรสมุทรต่อจนเสร็จบริบูรณ์

เต่าจึงเป็นอวตารสำคัญที่ทำให้เกิดนํ้าอมฤตอันมีคุณแก่ปวงเทพด้วยเหตุนี้
นารายอวตาร | cocokurin

นอกจากเต่าจะเป็นสัตว์สำคัญในตำนานแล้ว ในทางชีววิทยา เต่าก็มีความสำคัญในฐานะสัตว์ที่อายุยืนที่สุดประเภทหนึ่งของโลก โดยมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 250 ปี แล้วแต่สายพันธุ์และแหล่งที่อยู่ บางแห่งอาจจะเจอเต่าอายุมากกว่า 300 ปี หรือในบางความเชื่อ เช่น ความเชื่อของชาวจีนโบราณ ก็เชื่อว่า เต่าอาจจะมีอายุอยู่ได้ถึง 3,000 ปี

มีเหตุผลที่พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมถึงเชื่อกันว่าเต่ามีอายุยืนมากขนาดนั้น นั่นก็เพราะใครก็ตามที่เริ่มเลี้ยงเต่า ก็จะเห็นเต่านั้นมีชีวิตอยู่เรื่อยไป จนผู้เลี้ยงเฒ่าชแรแก่ชรา มีลูก มีหลาน เต่าก็ยังคืบคลานอยู่อย่างนั้น แม้เจ้าของจะลาโลกไปแล้ว เต่าก็ยังอยู่ ทำให้หลายคนเกิดคิดไปเองว่า เต่าน่าจะอยู่ได้เป็นพันๆปี

เต่าจึงเป็นสัญลักษณ์ของการอายุยืน และผู้ที่อยากอายุยืนก็มักจะบูชา หรือให้อาหาร ให้ที่อยู่แก่เต่า รวมถึงในสมัยโบราณที่ยังไม่มีการคิดประดิษฐ์กระดาษ คนจีนยุคอดีตก็อาศัยกระดองเต่าเป็นเหมือนสมุดไว้ขีดเขียนตัวหนังสือ ซึ่งก็เป็นสมุดที่สามารถอยู่ยั้งยืนยงได้นานแสนนานอีกเหมือนกัน

เมื่อพูดถึงการอยู่ยั้งยืนยง ก็ต้องเล่าต่อถึงความเชื่อเกี่ยวกับพิธีตั้งหลักเมือง ซึ่งก่อนจะมีการฝังหลักเมืองนั้น มักจะมีการทำพิธี และใส่ของสำคัญลงไปที่ก้นหลุม ซึ่งบางตำราก็บอกว่าเป็นคนนาม อิน จัน มั่น คง เพื่อเป็นเคล็ดถึงความมั่นคง แต่ทว่า เรื่องนี้ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า จะมีการฝังคนทั้งเป็น เหมือนเรื่องเล่ากันแบบปากต่อปากเท่านั้น

แต่ในหลายความเชื่อของการตั้งหลักเมืองนั้น ไม่ฝังคน แต่ฝังรูป โดยเฉพาะรูปของสัตว์ที่มีฤทธิ์มาก เช่น ราชสีห์ซึ่งเป็นเจ้าป่า รวมทั้งรูปเต่า ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นเคล็ดถึงการอยู่ยืนนาน หรืออาจจะเป็นเพราะตำนานที่ว่า โลกตั้งอยู่บนหลังเต่า การให้เต่ามาดูแลหลักเมืองจึงเป็นเคล็ดให้มั่นคง

แต่สัตว์ที่สร้างความยั่งยืน และมั่นคงให้ผู้อื่นนี้ ตัวเองกำลังประสบปัญหา จนอาจเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ เพราะขณะนี้ กำลังมีความเสี่ยงว่า เต่าอาจจะสูญพันธุ์ในไม่ช้า โดยเฉพาะเต่าทะเล ซึ่งมีอัตราการวางไข่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ประกอบกับมี

ชาวประมงที่นิยมจับเต่าไปขายให้กับผู้มีความเชื่อว่าหากได้รับประทานเนื้อเต่าแล้วจะอายุยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง เพราะเนื้อเต่าก็เหมือนกับเนื้อสัตว์อื่นๆที่เป็นโปรตีน และไม่ได้ทำให้ซู่ซ่าส์...แต่ประการใดด้วย

ชาวประมงอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งใจจับเต่า แต่ก็สร้างปัญหาให้เต่า เพราะเมื่อลากอวนไปเพื่อจับปลา ก็อาจจะติดเต่ามาด้วย แม้ชาวประมงส่วนใหญ่จะปล่อยเต่าออกไปหลังจับได้ แต่เต่าจำนวนหนึ่งก็ต้องล้มตายลง




อูราชิมา ทาโร กับเต่าที่เขาช่วยไว้




ปัจจุบันนี้มีเต่าถูกนำไปปล่อยที่วัดจำนวนมาก ด้วยความเชื่อที่ว่า จะทำให้อายุยืนเหมือนกับเต่า ซึ่งเป็นสัตว์ที่ขึ้นชื่อเรื่องอายุยาวนาน
แต่การปล่อยเต่าจะได้บุญจริงหรือ??

เต่าเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ครั้งโบราณ มีหลายความเชื่อในโลกนี้ ที่มีตำนานว่า เต่ากำเนิดขึ้นมานับแต่สร้างโลก มีเรื่องเล่าของชาวอินเดียโบราณว่า โลกบูดๆเบี้ยวๆที่เราอาศัยอยู่นี้ ที่แท้แล้วตั้งอยู่บนหลังเต่ายักษ์ตัวมหึมา เต่าจึงเป็นสัตว์ที่รับภาระหนัก เพราะต้องแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ (มนุษย์เดินดินคนไหนที่เจอปัญหาหนักอก แล้วคิดว่าเรานี่หนอ ทุกข์หนักเหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลก จนแทบจะทนอยู่ไม่ไหวก็คงจะต้องอายเต่า เพราะแบกโลกมานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ไม่เคยบ่นเลยสักคำ)



อนุสาวรีย์อูราชิมา ทาโร ที่ญี่ปุ่น.


พูดถึงชาวประมงที่จับเต่าได้นั้น ต้องเล่าเรื่องของชาวประมงแดนอาทิตย์อุทัย หากมีเต่าติดอวนขึ้นมา ชาวประมงญี่ปุ่นจะตื่นเต้นกันมาก เพราะถือเป็นเครื่องหมายแห่งโชคลาภ ว่าแล้วก็จะถือเจ้าเต่าอย่างทะนุถนอมไปจนถึงริมฝั่ง


บางท่านอาจจะคิดว่าชาวประมงญี่ปุ่นจะเก็บเต่าไปเลี้ยง หรือไม่ก็เอาไปปล่อยวัดเหมือนบ้านเรา เปล่าหรอกค่ะ เขานำเต่าไปที่ชายฝั่งเพื่อเลี้ยงเหล้าต่างหาก


อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เลี้ยงเหล้าเต่าจริงๆ ชาวประมงญี่ปุ่นจะเทสาเกให้เต่ากินจนพอใจ เรียกว่า อยากเมาแค่ไหนก็เอากันให้เต็มที่ พอใจเมื่อไหร่ก็ค่อยปล่อยเต่าลงนํ้าไปตามเดิม และยังเชื่อกันว่า หลังรํ่า
สุราจนเมา เอ๊ย...จนหนําใจแล้ว เจ้าเต่าจะค่อยๆคลานลงนํ้า ดำนํ้าเล่นสักแป๊บ แล้วโผล่ขึ้นมาผงกหัวเป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์เลี้ยงเหล้า แล้วชาวประมงผู้นั้นก็จะประสบแต่โชคดี
Bloggang.com : kobnon :

 

http://palungjit.org/threads/เมื่อครุฑอ่อนล้า-และนาคฟื้นกำลัง.309869/page-4#post5245260

 

สมบัติของผู้ดี
ผู้เรียบเรียง เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราบดี
ผู้จัดทำคำอธิบายเพิ่มเติม ม.ล.ป้อง มาลากุล ๒๕๐๓
ผู้ตรวจทาน นายสุชีพ ปุญญานุภาพ

 

หนังสือสมบัติของผู้ดี@www.baanjomyut.com

 

ที่มาครับ
http://palungjit.org/threads/พระเสร...ับน้ำท่วม-หน้า139.280939/page-139#post5260518

ขออนุญาตแบ่งปันครับ