เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

พอเข้าไปใกล้ประมาณ ครึ่งทาง..เอาเรื่อง แฮะ..พวกเราที่ อายุเกิน เลข 5
พอดี๊...พอดี..มีรถสามล้อ น้ำแข็งใส มาจอด ข้างๆๆ
ก็เลย ต้องพักกินไอติมเย็นๆๆก่อน..เขาใส่ถ้วยพลาสติคใบเล็กๆๆ
.........................................................................
กินไป ก็ไม่สะใจเหมือนตอนเป็นเด็กเลย .
ตอนนั้น เป็น ไอติมแท่ง..เสียบไม้..มีน้ำเขียวน้ำแดง/มะพร้าว/ถั่วฯลฯ
เขาใส่กระติก แบกเดินขาย..มีไม้เขียวไม้แดงด้วย
ถ้าใครได้ ที่เสียบเป็นไม้แดง..ก็ได้ โปรโมทกินฟรีอีกแท่ง
ถ้าได้ ไม้เขียวก็กินฟรีอีก สอง แท่ง
.............................................................
ต่อมาพักใหญ่ๆๆ ไอติมแท่ง หายไป
เขาทำเป็น น้ำแข็งใส..ปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดกำปั้น
วางบนกระดาษ หนังสือพิมพ์ใช้แล้ว...อุ้มไว้
แล้วคนขายเขาจะถามว่า จะเอา น้ำสีอะไร
....................................................
เขาจะมีให้เลือก..สีแดง(น้ำสละ) สีเขียว (กริมโซดา)
สีเหลืองใส (น้ำกลิ่นมะลิ)..สีน้ำตาล (ซาสี่ )
..แฮะๆๆ เดี๋ยวนี้ น้ำซาสี่ เขา ดัดจริตเรียก รู๊ธเบียร์
........................................................................
ถ้าเราบอกเอาทุกสี..เขาก็จะเอา ขวดน้ำสี มา จุ๊ จุ๊ จุ๊ ใส่บนก้อนกลม
เราก็เดินไป ดูด ก้อนน้ำแข้ง ปั้นไป..หลากสี ก็สวยน่าดู และน่ากิน
ก้อนน้ำแข็ง ปั้น กลมๆๆก็ต้อง อุ้มไว้ไม่ให้มันกลิ้ง ตก..จะอดกิน.
น้ำแข็งก้อนมันก็จะค่อย ละลาย จากการดูดซี้ด ซี้ด..และเอาลิ้นเลีย
......................................................................
ดูดอยู่หลายปี...จน อย.คณะกรรมการอควบคุม อาหารและยา
ออกมาโวยว่า..กินอย่างนั้นไม่ได้..ตัวหมึกพิมพ์ ดำๆๆ มันเป็น ตะกั่ว
กินเข้าไป มันจะเดี้ยง..เพราะตะกั่ว มันเป็นพิษ กับสมอง ทำให้ พิการได้
บอกช้า ไป..คนรุ่น 50 กว่า..เลยเดี้ยง ทางสมอง ด้วยกัน ทั้งนั้น
.........................................................................
พอ อย. ห้าม ก็เปลี่ยนวิธีใหม่..ใสน้ำแข็ง แล้วกดในแก้ว..เอาไม้เสียบกด
ชักออกมาก็เป็น ก้อนน้ำแข็งใส รูปแก้ว..แล้วก็ จุ๊ จุ๊ จุ๊ น้ำสี ตามที่จะเลือก
...............................................................................
ตอนนี้หายไป อีกแล้ว น้ำแข็งกด..กลายเป็ น้ำแข็ง ภูเขา สีรุ้ง
บางที่ก็มี...ชามุกไข่ผสม.ตอนนี้เห็นแต่คนนั่งกินในร้านติดแอร์
ไม่มีการมาเดินกินแบบดูดๆๆให้เห็นอีกเลย..เซ็งน่ะ..สู้รุ่นนั้นไม่ได้
..................................................................
อ้อ..มีมาใหม่อีก..ดูดน้ำ หนึ่งหลอด..แต่ทางดูด ดูดได้ สอง คน
ไว้คนเป็นแฟนกัน ดูดกัน หน้า ชิดกัน..ได้ ทั้งกลิ่นแก้มนาง
และกลิ่นน้ำหวาน...
ตอนนี้ ระวังหน่อย..30 เมษาบยน 2552
โรคไข้หวัดหมูกำลังระบาด จากเมกซิโก..
อย่าดูดแบบสองคนดูด พร้อมๆๆกันนะ
จะแย่และเร็วกว่า เอดส์
..............................................................

 

อาจารย์ บรรยาย เห็นภาพน้ำแข็งกด ที่ตอนเด็กๆ เดินไป ดูดน้ำหวาน เขียวบ้างแดงบ้าง
หรือไม่กัอ ผสม สีเลย เสียงดูด ซู้ด ชาด ตลอดทาง

อร่อยยย ชื่นใจ ......

 

อาจารย์ใช้ภาษาน่ารักมากเลย" ถ้าเราบอกเอาทุกสี..เขาก็จะเอา ขวดน้ำสี มา จุ๊ จุ๊ จุ๊ ใส่...., แล้วก็ จุ๊ จุ๊ จุ๊ น้ำสี ตามที่จะเลือก"

 

สวัสดีค่า...
พอดีไม่เคยเข้ามากระทู้นี้เลยค่ะ อ่านไปอ่านมาก็ติด งอมแงม อิอิ ยังอ่านไม่จบทั้งหมดทุกหน้านะคะ แต่หน้าสนใจหมด และหนูเห็นด้วยค่า เพราะหนูก็ชอบดูดวง และธรรมดาของคนชอบก็มักจะศึกษาบ้าง หนูลองมาหลายอย่างค่ะซื้อหนังสือมาอ่านก็หลายเล่ม และก็ลองดูเองบ้าง ก็ไม่แม่นอะคะ หนูเลยพยายามสักเกตุผู้ที่ว่าดูแม่น ก็ไปหลายที่ส่วนมากก็เดิมๆ ค่ะ เกิดวันอะไร ฯลฯ หนูก็ดูและก็ใช้เวลา สักเกตุว่าจริงอย่างที่ดูไหม ก็มีจริงเพียงแค่นิสัยบางอย่าง แต่ส่วนมากมันไม่ตรงหนะคะ หนูกะว่าอยากเอาดีทางนี้ในตอนบ้าช่วงแรก แต่พอเราดูแล้วว่ามันไม่ได้ตรงเลยแล้วเราจะดูใครได้ ไม่อยากขึ้นชื่อว่าผิดศีลค่ะ อะไรที่ไม่รู้ก็ตอบไปว่าไม่รู้ หนูเลยไม่ยุ่งไม่ดูค่ะ ก็พยายามหาว่า หมอคนไหนที่มีอะไรที่พิเศษกว่าการนำสถิติมาดูหรือไม่ ก็เลยมาเจอตอนนี้ที่เวปนี้เปิดตาให้รู้ถึงโลกกว้างค่ะ เห็นด้วยค่ะว่า หนูว่าการดูดวงต้องมีมากกว่าในตำรา หมายถึงต้องมีญาณหยั่งรู้ได้จริง ถึงจะสามารถช่วยคนที่ทุกร้อนได้ตรงประเด็น

อิอิขอบคุณนะคะ รู้สึกตื้นตันที่เห็นสมาชิกในเว็ปนี้ มุ่งมั่นสนใจศึกษาพระพุทธศาสนา แค่อ่านเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆของพี่ๆแต่ละท่านแล้ว อย่างน้อยก็ช่วยน้อมนำ กล่อมเกลาจิตใจ ให้ใฝ่รู้มากยิ่งขึ้น หนูขออนุโมทนากับทุกๆท่านเลยนะคะ สาธุ

 

พี่ใกล้ชิดปิดบูธ สวนทางกะตัวกลมๆไปเปิดบูธ
ช่วยอาจารย์จัดโต๊ะ วางบอร์ดครั้งแรกด้วย เฮ่ๆๆๆๆ แล้วรีบเผ่นไปทำงานต่อค่ะ
แหม จามาเหมาดอกไม้เลยนะคะพี่ วันนี้เพื่อนที่พาไปด้วย ได้ตะกรุดพระศรีฯ(วัดไลย์)2อัน
เราก็แอบมอง หน้าอกทำไมตุงๆหว่า ที่ไหนได้เธอคล้องสร้อยมา 2เส้น
แต่ละเส้นมีพระ ประมาณ10องค์ อาจารย์เลยเลือกให้ และก็ไม่ให้ใ่ส่เป็น
กระจุกๆ เมื่อกี๊ก็เพิ่งคุยกันจนแบ็ตหมด บอกว่าโชคดีที่ได้มาเจออาจารย์
เธอได้เรียนวิธีเช็คฮวงจุ้ย ใช้พลังจิตเป็น แล้วใส่แค่ตะกรุดอาจารย์ก็รู้สึก
โล่งมาก เมื่อก่อนแน่น แต่ไม่กล้าเอาออก เพราะกลัวผี กลัวคุณไสยด้วย
แล้วก็เทพคุ้มครองนี่ ตรงตามที่เธอไหว้ และรับรู้ได้ตอนที่อ.อัญเชิญมา

ส่วนตัวกลมๆวัีนนี้ได้หนังสือเล่ม 11 เล่มใหม่ล่าสุดมาค่ะ เอาลูกแก้วไปด้วย
แต่คิวต่อแยะ อิอิ รู้สึกเกรงใจกินเวลานานจนเทียงกว่าเลย พี่ใกล้ชิดมา
คราวหน้า คงได้เจอกันอีกเนาะ

หวัดหมูเม็กซิโกนี่ ภาวนาไม่ให้เข้าไทยนะคะ ตอนนั้นเอเชียเป็นหวัดนก
ตอนนี้ชาวยุโรปเป็นหวัดหมู ห้ามสินค้าเราดีนัก กรรมเลย โดนเองจนได้

 

แหม!!!กำลังมันๆๆเรื่องดูดไอติม..
มีคนมาแทรกกลาง เลยต้องถือ ไอติม รอเขียนต่อ
จนละลายหมดแล้ว...สมัยก่อนเวลามันละลายเราก็จะรีบดูด
ไม่ให้ตกหล่น..เสียดายของ
............................................................
สมัยนี้เขาไม่มาเดินขาย..มาเป็นรถ เป็นเสียงเพลงมาเลย
ไอติม ตราเป็ด /ตราวอลล์/ตราโฟร์โมสต์/ตราทำเอง..ฯลฯ
ใส่ถ้วยมา ต้องตักกิน ดูด จ๊วบๆๆ อย่างเก่าไม่ได้
.............................................................
แต่ก่อน สามตามีร้านขายของสะสม ขายของสะสมเก่าที่เขาเล่นกัน
ไม้ขีดไฟ/แสตมป์/กระป๋องโค้ก/ซองบุหรี่/ ขวดเบียร์ นอก/
ฉลากเบียร์ นอก/ฝาจีบน้ำอัดลมทุกยี่ห้อ..5-5-5
เคยออกในรายการ .."เกมส์แก้จน..ด้วยแหล่ะ..จาบอกให้."
.......................................................................
ขายของสะสมเพลิน..วันหนึ่ง โดนดีจนได้
มีเด็กอายุ13-14 ขวบ.ถือ อัลบั๊ม ขนาดใหญ่มาด้วย
ถามว่า ลุงมี ไอ้นี่ขาย มั๊ย ผมขาดแยะเยอะเลย..เก็บไม่ทัน
..............................................................
ไอ้เรา...ก็สงกะสัย..รับมาเปิดดู..ไอ้หนุมันจะซื้อของสะสมอะไร..ว่ะ
พอเปิดขึ้นมา..เป็นงง เป็น งง..ไก่ตาแตก
ทั้งอัลบั๊ม มีของแปลก ที่ ไอ้หนูมันสะสม
โอ้โอฮ..ขำกากเลย..เขาสะสม แผ่นฝาปิดถ้วยไอติม
ที่เป็นแผ่นกลมๆๆมีหูดึง เปิดกิน..ที่พวกเราเวลาเปิด จะดึง แล้วเอาทิ้ง
ไอ้หนู..เห็นเรายืนเซ่อ..ก็เลยถือ โอกาส สอน สังฆราส เสียเลย
.......................................................................

 

.."ลุง... ลุง..รู้หรือเปล่า ไอติม เวลาขายเข้าทำหลายรส
มีวานิลลา/สตรอเบอรี่/มะพร้าว/ทุเรียน/ เผือก ฯลฯ
ดังนั้นเพื่อให้คนหยิบให้ถูกถ้วย..จึงต้องมีฝาบอกว่า อันไหนรสอะไร
ถ้าไม่มี..ก็จะหยิบกันไม่ถูกใช่ใหม" เราก็รับคำสอน..เออ! เออ!ใช่เลย
...........................................................................
เล็กเช่อร์ ต่ออีก..แล้วลุงรู้หรือ เปล่า ว่า แต่ละฝามีรูป สารพัด
รูปผลไม้บอกชนิด/รูปการ์ตูน/รูปหุ่นยนต์ชนิด เต่านินจา/ ..ฯลฯ
ยิ่งดู ตามก็ยิ่งใช่ อย่างไอ้หนูมันว่า..สวยๆทั้งนั้น
....................................................................
แล้ว..ลุง รู้หรือเปล่า..ไอ้ฝานี่ มันเปลี่ยนทุก หกเดือน..ไม่มีซ้ำ
ผมเลยต้องคอยไตมเก็บ ทุกรสและทุกครั้งที่มันเปลี่ยนฝา เพื้อให้ครบ
ดีกว่า กินพวกน้ำสี อย่าง โค้ก...เปปซี่ มิรินดา แฟนต้าแยะ..
เพราะมันไม่เปลี่ยนรสชาตเลย..ฟันจะผุเอาเสียอีก เพราะน้ำตาลมันแยะ
.........................................................................
ที่ไอ้หนู มันบรรยายมา..จริงๆๆด้วย..วันหลัง กินไอติม ถ้วย ต้องเก็บฝา
ใส่อัลบั๊ม..ตั้งเป็น ชมรม มาแลกเปลี่ยนกัน..
"ชมรมสะสมฝาไอติม 2552"...ไง
...........................................................................

 

สามปีก่อน มีเพื่อนฝรั่งมาจากอังกฤษ.
ตอนเย็น จะพาเขาไป เข้า คลับ บาร์ "ธนบุรีคาเฟ่".
.ที่อยู่ หน้า บ้านคุณ บรรหาญ หัวหน้า พรรคชาติไทยเก่า
ไปเร็วไป..เพราะบาร์เปิดดึก..จึงออกมาเดิน ข้างหน้า
..........................................................
ข้างถนนบนทางเท้า มีของ รถเข็น ขายสารพัด
ข้าวแกง/ก๋วยเตี๋ยว/ข้าวหน้าเป็ด/ขนมถาด
มีอยู่คันนึงเห็นคนมุง ขายดี..ก็แวะเข้าซื้อมาสอง ชิ้น
แบ่งให้ฝรั่งไป ชิ้น...เขาก็มองๆๆดู แบะดู ถามว่า อะไร
...........................................................
พอเห็นชัดๆๆ..ก็ตาเหลือก..ถามเฮ่ยกินได้ หรือ.
อ้อ.ลืมบอกไป..มันเป็น ขนมปัง ผ่าซีก ยัดใส้ ไอสครีม
เมืองฝรั่งเขาไม่มี แซนวิช ไอ สครีม
มีแต่แซนวิช ปลา/ แซนวิช แฮม/แซนวิช ใส้กรอก
.......................................................
เขาไม่กิน แซนวิช ไอติม.เพราะเมือง ของเขาหนาว อยู่แล้ว กินไม่ไหว
แต่เขาก็ลอง พยายามกินดู..บอกว่า น่าสนใจ
เวลากลับไป หน้า ร้อน..ไอจะลอง เอาแซนวิช ไอติม
มาลองขายดู มั่ง..อาจจะมีคนสนใจ แบบตลาดเปิดใหม่
แซนวิช ไอติม..เจ้าข้า เอ๋ย
5-5-5...สะจาย
...................................................................

 

กินไอติม เสร็จก็จะเก็บฝา...อ้าว..ไม่มีเพราะเป็นไอติมชาวบ้าน
มีถ้วย ใส่ข้าวเหนียว/ลูกชิด/เกล็ดน้ำแข็ง..ราดนมและน้ำแดง
กินเสร็จ ก็เดินต่อ อีก ๕๐"เมตร...จนถึงตีนบันได
แหงนหน้าขึ้นมอง โอ้โฮ สูงเอาการเหมือนกัน
................................................................
ก้าวขึ้นบันได..เขยิบมาจนชิดแท่น..แหงนมองอีกที
เห็นนักรบไทยโบราณ ยืน เด่น ตามท่าที่ตนถนัดในการตั้งการ์ด
ออกแบบให้ท่าที่ไม่ขัดกัน...ไม่ขวางกัน..จึงออกมาดูดี
..................................................................
ยืนตรงหน้า..ในมือมีพวงดอกไม้ และพวงมาลัย มาถวาย ความเคารพ
พอพร้อมกัน ก็ วางของถวายทั้งหมดลง..เพื่อ สักการะ
มีพลังอันอุ่น และให้กำลังใจ..ลอยมาครอบคลุมตัวเรา
พอเสร็จก็ ออกเดินวนแบบทักษิณาวัตร..คือเดินไปทางซ้าย
.......................................................................
ขณะที่เดินไป ..มีความรู้สึกว่า ดวงตาของ นักรบวีรชนบางระจัน
หันมองตาม อย่าง ช้าๆๆๆ..รู้สึกว่าเป็นการมองและส่งพลัง ในแง่ดี
แต่ละด้าน ชองแท่นเหลี่ยม จารึก ชื่อ ของ วีรชนที่ ยืนบนแท่นไว้
จึงทำให้รู้ว่า มีชื่อ..จัน หนวดเขี้ยว/ขุนสรร/ พันเรือง...ฯลฯ
.....................................................................
ทีแรกข้องใจอยู่นิดว่า...ในสงครามครั้งที่ เจ็ด..ทุกคนตายหมด
แล้ว จะมาจดจำชื่อ ของ แต่ละคนได้ อย่างไร...แต่ก็เดาเอาว่า
หลังสงครามสงบ มีการกู้ชาติ เรียบร้อย..พวกญาติๆ ที่ อยู่ที่อื่น
คงจะมาตามญาติ ของ ตนที่ บ้าน บางระจัน...และอ้างอิงไว้
....................................................................

 

สังเกตว่า แต่ละคนมี แต่ชื่อ....ไม่มีนามสกุล
ในยุคกรุงศรีอยุยา..ยังไม่มีการใช้นามสกุล
การอ้างอิง..ก็ใช้ระบบ มวลชน สื่อ สาร
เช่นบอกว่า คนนี้ ชื่อ นี้ /เป็นลูกคนโน้น แม่ชื่อ นี้/บ้านอยู่ โน้น
เช่น อำแดงลูก กำนันแม้น กับแม่เขียว บ้านอยู่ หัวรอ
ระบบนี้ ไม่โบราณนะ...เพราะในปัจจุบัน ประเทศ มาเลเซียก็ยังใช้อยู่
เขาจะบอกวื่อ แล้ว ต่อด้วยคำ..บิณหะซัน..ซึ่งแปลว่า เป็นลูกของ
....................................................................
ของไทยเราเริ่มมีการใช้นามสกุล ในรัชกาลที่ หก
ใหม่ๆๆ คนไทยรู้หนังสือน้อย...ก็ให้ทางการเลือกให้
ก็กลายเป็น นามสกุลพระราชทานไป ..มีลายพระหัตถ์กำกับมาด้วย
..................................................................
พวก ราชสกุล...ก็เอาท้ายราชทินนามมาตั้ง..
เพื่อคงความสำคัญของ ราชวงศ์...บางกลุ่มก็ จะมี คำว่า "ณ" อยู่กลาง
เช่น " ชุมสาย ณ อยุธยา" / ณ ระนอง / ณ นคร/ สนิทวงศ์ ณ อยุยา ฯลฯ
.........................................................................

 

ข้อความซ้ำ

 

ข้อความซ้ำ

 

ข้อความซ้ำ

 

สมัยนี้ เราจะเลือกชื่อใหม่ ชื่ออะไรก็ได้ /เปลี่ยนนามสกุลก็ได้
ก็ไปที่ อำเภอ ขอแจ้งเปลี่ยนได้ ง่ายๆๆ/
จะเปลี่ยนนามสกุลก็ให้เลือกเอาตามใจชอบ
แต่ต้อง ช้าหน่อย เพราะ ต้องเช็คว่า..ไม่ซ้ำกับคนอื่น..จึงจะได้
การเลือกชื่อ และนามสกุลต้องมีหลักเกณฑ์เหมือนกัน..จึงจะดี
..................................................................
เมื่อสามวันก่อน..มีคนแนะนำให้เปิดที่เวบ MAHAMODO.COM
ก็ลองเปิดดู...อ้อ เขามีบริการ เลือกชื่อ เลือกนามสกุลให้
เสียค่าบริการ ชื่อ ละร้อยกว่า บาท...ก็เป็นอาชีพที่ แปลกเอาการ
ที่ ผู้คนที่เคยไป ขอให้พระ ตั้งให้ /ขอให้ญาติผู้ใหญ่ที่ นับถือ ตั้งให้
ก็จะหายไป...มีคนบริการ ทางอินเตอร์เน็ทให้แทน
.........................................................................
ในเวบนั้น ตอนท้ายๆๆ...เขามีบริการ วิเคราะห์ ชื่อ และนามสกุล ฟรี
เขามีช่องให้ใส่ วันเกิด ( จันทร์ .อังคาร..)/ชื่อ /เพศ/ นามสกุล
พอใส่แล้วกด..สามวินาที ผลออกมาเลย
ว่า ชื่อ เรานี้ดี หรือ ห่วยแตก/อายุสั้น/ยากจน/หากินรวยหรือไม่/
จะได้แฟนแบบไหน/นิสสัยเป็นอย่างไร...โอ้โฮ..บอกมาหมดเลย
....................................................................
ก็เลยกด ใส่ชื่อ วันเกิด นามสกุลตัวเรา...พอได้ ก็กด ใส่ข้อมูล
ผลออกมา..เออ..ของเราดีแฮะ..สังคมดี/มีเงินใช้ตลอด/สุขภาพดี
ผู้คนนับถือ/มีเกียรติ/..เสียอย่างเดียว บอกว่า ..จะถูกสาวหลอก
....................................................................
ก็ลองแอบกดใส่ชื่อ และวันเกิดแฟน...พอกด ..ออกมาแล้ว
อ่านๆๆดู ก็ดี ใช้ได้ แต่รวมๆๆแล้ว สู้เราไม่ได้..ดีใจอยู่คนเดียว
จะไปเล่าให้ เขาฟังไม่ได้..เพราะเขาจะทนไม่ได้ จะหาเรื่องเปลี่ยนชื่อ
จนกว่าจะได้ที่ดีกว่า เรา...ใครจะกด เวบที่ ว่านี้ ดู..ก็จะสนุกดี
แต่อย่าให้เชื่อมากมายนัก..ดูดู แล้ว มั่วเล็กน้อย
.....................................................................

 

พวก ราชสกุล...ก็เอาท้ายราชทินนามมาตั้ง..
เพื่อคงความสำคัญของ ราชวงศ์...บางกลุ่มก็ จะมี คำว่า "ณ" อยู่กลาง
เช่น "ณ ชุมสายอยุธยา" / ณ ระนอง / ณ นคร/ สนิทวงศ์ ณ อยุยา ฯลฯ
............................................................

แหะๆ น้องซินก็นามสกุล มี ณ เหมือนกันหละ " ประทีป ณ ถลาง"

......^^ ภูมิใจในนามสกุลตัวเองมากมายค่ะ ^__________________^ ...

.....-..-อ๊ะๆ ไม่ต้องอิจฉากันหรอกจ้า ไม่มีใครเลือกเกิดได้ ภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอ่ะ ดีแล้ว ...

 

ใครเชื่อ สิ่งที่น้องซินเห็นบ้างคะ

^^ วันนี้น้องซินขอนำเสนอสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่ไม่มีใครเชื่อนะจ๊ะ
.................................................................................
............มีอยู่วันนึง น้องซินไปตำหนักร่างทรง (แห่งเดิมที่เคยเล่า) ไปกับ
คุณแม่ค่ะ น้องซินก็นั่งดูโน่น ดูนี่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร สักพักมีผู้หญิงร่าง
ใหญ่ (แบบทั้งอ้วนทั้งตัวใหญ่ค่ะ) เดินเข้ามาในตำหนักนี้ นั่งคุยกับเจ้าของ
ตำหนัก บอกว่าตัวเองมีอาการแปลก มึนๆหัว หายใจไม่สะดวก เจ้าของตำหนัก
ซึ่งยังไม่ได้ทรงนะคะ บอกให้เธอไปจุดธูป จุดเทียนที่หน้าตำหนัก เธอก็ทำตาม
ค่ะ แล้วก็มานั่งนิ่งๆ สักพักเธอก็มีอาการเหมือนองค์ลงค่ะ
................................................................................
..............อยู่ๆ เธอก็หัวเราะเสียงดัง พร้อมทั้งพูดภาษาอะไรไม่รู้ ฟังไม่ออก
แต่ชี้ไปที่ภาพ พระแม่กาลีค่ะ เธอพยายามบอกว่า เธอคือ พระแม่กาลี คุณแม่
น้องซินกระซิบข้างหูว่า "ดูให้หน่อยว่าองค์ไหน" (คุณแม่เชื่อค่ะ
ว่าน้องซินมีตาทิพย์เพราะเจออะไรก็เล่าให้คุณแม่ฟัง แล้วบังเอิญมันตรง
ทุกอย่างค่ะ) น้องซินก็เลยมอง สิ่งที่เห็นคือ !!!...
..................................................................................
.............ปู !!~ ปูค่ะพี่น้อง งงสิคะ พระแม่กาลี ทำไมมีกายเป็นปูหนอ
ปูดำค่ะ ตัวใหญ่มากมายค่ะ ชูก้าม 2 ก้าม เตรียมกะคีบ แก๊บ ๆ ด้วยค่ะ
น้องซินคิดว่า เราคงตาฝาดแน่ๆ >.< เอาใหม่สิ มองอีกที เหมือนเดิมค่ะ
ปอ-อู-ปู (ปู) แน่นอนค่ะ
.................................................................................
.............บอกให้คุณแม่ฟัง คุณแม่บอกว่า "บ้าเหรอ ปูที่ไหนจะมาเข้าร่างคน
ได้" เออ นั่นสิ อันนี้น้องซินตอบไม่ได้ค่ะ ว่ามันคืออะไรกันแน่ (บางทีคุณแม่ก็
ไม่ได้เชื่อน้องซินซะทุกครั้งหรอกค่ะ เค้าว่าน้องซินคิดมากบ้าง คิดไปเองบ้าง
ตาฝาดบ้าง เพ้อเจ้อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเชื่อนะ) แต่การันตีค่ะ ว่าเห็นปูจริงๆนะ
น้องซินไม่ได้โกหกนะ~~~ (T^T)

 

ในมิติ คนทั่วไปไม่อาจรู้ไม่อาจเห็นสิ่งที่เป็นจริงได้
ผู้ที่ปรากฏตัว อาจบอกว่าเป็นอะไรก็ย่อมได้ ไม่มีใครพิสูจน์ได้

แม้ผู้ที่มีตาพิเศษ ก็อาจถูกหลอกในภาพที่เห็นให้ผิดเพี้นย ได้เช่นกัน
ใจที่นิ่ง มองทะลุเข้าภายใน
ดุจมองดู ทรงกลม แล้วโฟกัสข้ามผิวของทรงกลมเข้าสู่จุดศูนย์กลางของทรงกลมนั้น
แล้วอธิฐานบุญ หรืออ้างความจริงแท้ในอำนาจแห่งพุทธะ หรือมหาเทพ ฯลฯ
ขอดู สภาพทีแท้จริง ของสิ่งที่แสดงตัวตนอยู่
นิ่งในนิ่ง มองเข้าไปภายใน ในศูนย์กลางของภาพที่เห็นอยู่

ตัวตนที่แท้จริงจะปรากฏให้เห็น
อย่าลืมวางอุเบกขาในสิ่งที่เห็น มันก็เป็นเช่นนั้นเอง

มนุษย์บางคนเกลียดคนที่รู้ทัน
จิตวิญญานก็เช่นกัน ย่อมโกรธแค้นผู้ที่เปิดเผยความลับของตน

จงยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ให้สมบูรณ์พร้อมด้วยความไม่ประมาท

Win - Win จะ ไม่มีผู้แพ้ ไม่มีผู้ชนะ

 

ขอบคุณอาจารย์สุวิมากนะคะ ทำให้น้องซินเข้าใจอะไรชัดเจนขึ้นเยอะเลย ^^
......................................................................................
แล้วอาจารย์, พี่ชยา, พี่บาส, และคนอื่นๆ มีความเห็นว่ายังไงกันคะ

 

ตั้งแต่ไป บูธ อ. ครั้งนั้น..จนป่านนี้ยังไม่ได้ไปปล่อยนก ปล่อยไก่ ที่ไหนเลย


หานก ยากมาก.. เอาไก่ไปปล่อยในวัดแทนได้มั้ย อาจารย์....


T__T

 

ถ้าเอานกเล็กๆๆพวก กะทิ/กระจิบดง/ที่มักจะใส่กรงแล้วให้เราปล่อยตามวัด นกจะบินไปหากินเอง...ถ้าเป็นไก่ ก็ต้องโตหน่อย ...ถ้าเล็กไป หมาวัดจะงาบหมด..และเป็นภาระแก่วัดในการให้อาหารด้วย จาก ฉันเพล เช้า