เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

จับหนุ่มเพี้ยน ทุบกระจบวิหารราดน้ำมันเผาสังขาร “หลวงปู่ เปียก” วัดนาสร้าง แต่ปฏิหาร์ยไฟไม่ไหม้
วันนี้(8 ม.ค. 64) เวลา 7.30 น. ร.ต.ต. มนตรี เกิดมี ร้อยเวร สภ. ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากพระของวัดนาสร้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่าร่องรอยที่มีคนร้ายทุบประตูวิหารที่เก็บ สังขารของ หลวงพ่อเปียก” หรือ พระครูอนุกูลกิจการี ปทุโม อดีตเจ้าอาวาสวัดนาสร้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย
จากนั้นได้มีการทุบกระจกโลงแก้วที่บรรจุสังขารของ “หลวงปู่เปียก” แล้วราดน้ำมันเพื่อเผาร่างจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยตรวจสอบ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ทางด้าน พ.ต.อ.นวัชนันท์ ศิธราชู ผกก.สภ.ท่าแซะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.แสงเพชร สานนท์ รองผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.ยุทธนา ทองปาน รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ต.สุรศักดิ์ พนัสนาชี สวป.สภ.ท่าแซะ ร.ต.อ.ธีรพร คงนวล รอง สว(สอบสวน)ฯร้อยเวร30 ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ที่วัดนาสร้าง พบชาวบ้านในละแวกนั้นที่เคารพรพบูชาและศรัทธาในตัวหลวงปู่เปียกกว่า 100 คน ได้ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟภายในวิหารและพร้อมกันเก็บกวาดเศษแก้วกระจกที่แตกออก และช่วยกันดับไฟจนมอดแล้ว พร้อมมอบพื้นที่ให้ จนท.ตำรวจมาตรวจสอบหาหลักฐานต่างๆ ที่คนร้ายใช้เผาโดยบริเวณใกล้ๆกัน ทางใต้ฐานที่ใสสังขารแก้ว พบมีดพร้า 1 เล่ม และขวดสำหรับใส่น้ำมันตกอยู่ใกล้กัน จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงได้ทำการสอบสวนผู้ที่มาพบเห็นและผู้แจ้ง
ทางด้าน พระจญูณ ชลาลัย อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นพระลูกวัดนาสร้าง ได้ให้การกับตำรวจว่า “ขณะที่ตนเองตื่นมาเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ตนได้ออกมากวาดลานกุฏิ ซึ่งไม่ไกลกับวิหารประมาณ 30 เมตร ได้ยินเสียงซึ่งเป็นเสียงเหมือนแก้วแตก 2 ครั้ง จึงได้หยุดนิ่งเพื่อฟังว่า เสียงมาจากที่ใด จากนั้นมีเสียงดังอีกครั้งมาจาก วิหารที่เก็บรสังขารของ “หลวงปู่เปียก” ตนจึงได้วิ่งมาดู พร้อมได้กลิ่นน้ำมันจึงเห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นมาจนถึงหลังคาวิหาร จึงผลักประตูวิหารเข้าไปดู เห็นคนร้ายก็วิ่งสวนตนออกมาจึงตะโกนถามว่า “ทำอะไร” คนร้ายยกเอามีดพร้าขึ้นขู่ ตนเองกลัวว่าจะโดนมีดฟัน จึงใช้ไม้กวาดที่ถือมาแกว่งเพื่อป้องกันตัวและไปโดนลำตัวคนร้าย 2 ที่ จากนั้นคนร้ายก็ทิ้งมีดแล้ววิ่งหนีไป ด้านหลังหลังวิหาร ตนเองจึงวิ่งกลับมาพร้อมโทรแจ้งตำรวจ
ทางด้าน นายพรศักดิ์ เสนาสวัสด์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ท่าแซะ กล่าวว่า การกระทำของคนร้ายในครั้งนี้ เป็นการทำลายจิตใจคนท่าแซะและใกล้เคียงอย่างยิ่ง เพราะ “หลาวปู่เปียก” เป็นพระเกจิที่เคารพบูชา ทำให้ชาวบ้านโกรธแค้นในตัวคนร้ายที่ทำในครั้งนี้ ได้มาสาปแช่งสารพัดต่างๆนาๆ และเพื่อให้กำลังใจตำรวจที่จับคนร้ายได้ ส่วนสาเหตุที่ไฟไหม้ได้เท่านี้ก็เพราะปาฏิหาริย์ของ “หลาวปู่เปียก” จึงทำให้เพลิงที่ลุกไหม้ด้วยการราดน้ำมันนั้นไหม้ได้เพียงเท่านี้ ซึ่งชัดเจนว่าหากไม่ใช่ปาฏิหาริย์ได้อย่างไร
และในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าสามารถจับคนร้ายที่เผาวิหารหลวงปู่เปียกได้แล้ว ทำให้ชาวบ้านดีใจหลั่งไหลกันเดินทางมาที่วัดจนแน่นลานวัด เพื่อจะขอดูหน้าคนร้ายที่เผาวิหารในครั้ง
พ.ต.อ. นัชนันทร์ ศิธราชู ผกก. สภ.ท่าแซะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงว่าเป็นชายอายุประมาณ 20 – 25 ปี มีรอยสักที่แผ่นหลัง รูปร่างผอมสูง ประมาณ 170 ซม. ผิวดำแดง ใช้รถจักรยานยนต์ ดับแปลงสภาพวิบาก
และในเวลาประมาณ 08.30 น. พบชายดังกล่าวชื่อ นายศักดิ์กฤษฎ์(นุ้ก) มาน้อย อายุ 26 ปี ที่บ้านเลขที่ 76 ม.2 ต.ทรัพย์อนันต์ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และจึงได้สอบถาม และให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลก่อเหตุดังกล่าว จึงทำการจับกุมและควบคุมตัว ส่ง พงส. สภ.ท่าแซะ และได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านที่มายืนมุงดู

 

เรียนคุณอาวันวิส์
แจ้งโอนร่วมบุญครับ
มหกรรมสามพันหน้าครั้งนี้. ประทับใจอย่างยิ่งครับ พอปิดฉากรูดม่าน ต้องไปไล่เปิดเช็คข้อมูล ย้อนหลังกันเป็น ยี่สิบกว่าหน้า เล่นเอาตาลายกันเลย เพราะต้องไล่ไปไล่มาหลายรอบ ฮา

ช่วงนี้โควิด19. อาละวาดหนักจริงๆ ขอให้ทุกท่านตั้งการ์ดให้สูงกันมากๆนะครับ ด้วยพิษโควิด เข้ามาอาละวาดในพื้นที่. ตอนนี้ยุ่งจนหัวฟูกันทุกฝ่ายเลยครับ

กราบขอบพระคุณคุณอาอีกครั้ง ขออนุโมทนาบุญกับคุณอาและชาวคณะนักขุดกรุฯทุกๆท่านด้วยนะครับ

 

วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีชวด
ใส่บาตร ๔ รูปในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่าน

 

เว็ปคงล่มเพราะลมหนาว ช่วงสายแดดอุ่นจังคลี่คลาย เขียนสนุกๆไม่ให้เครียด เว็ปใหญ่ฐานสมาชิกเยอะก็เป็นแบบนี้ เฉพาะรูปที่ส่งกันกับวิดีโอสารพัดก็เปลืองเนื้อที่มหาศาล

ใครว่าเว็ป"พลังจ้ต" เล็ก ไอ้หมอนั่นรู้น้อย พลอยรำคาญ รู้แค่หางมด!

 

ยังอยู่ดีมีสุข
สำหรับน้องมากิ...

เย็นเยี่ยมยาม...ความคำนึง
คาดคิดถึง.....ตรึงติดถาม
ถามมวลไม้...สายน้ำงาม
ส่งสารข้าม..ตาม'มากิ'!

 

สารจากน้องมากิ ตอบความห่วงใยไมตรีสมาชิก นี่ขนาดหายไปวันเดียว ถ้าสัก 3 วัน คงต้องลงประกาศหาคนหายหลายสำนัก-ฮ่า

 

รัยแซ่บครับน้องมากิ
ไม่ต้องกังวลออกทีวี.
หรือแจ้งความแล้ว-ฮ่า

 

คนนึงตื่นเช้ามืดเพื่อดูแลแมว
อีกคนตื่นก่อนไก่โห่เพื่อใส่บาตร
ก็เลยสันนิษฐานได้ใกล้เคียงว่า
ปัญหาเกิดจากเว็ปล่มเป็นแน่แท้
มิใช่น้องมากิหายไปแต่อย่างใด

 

กำลังเพล หลวงพี่คงฉันอาหารอยู่
อนุโมทนาบุญใส่บาตรยามเช้าก่อน
ดีกว่าปล่อยพลังบุญข้ามมื้อเที่ยง

 

เช้านี้ ลมหนาวโชย
ช่วงสายมีแดดอุ่นๆ
ทักปจว.น้องปรายฯ
มาพร้อมสายลมและ
แดดอุ่น ชื่นใจกายใน-
กายนอก!

 

เดี๋ยวนี้คนเพี้ยน แกล้งเพี้ยน กับคนต่างศาสนาที่บ้าระห่ำทุบทำลายศาสนสถานศาสนาที่ตัวเองไม่นับถือมีบ่อยครั้ง ทางปักษ์ใต้เมื่อปีก่อนก็แกล้งบ้าทุบพระพุทธรูป(ลพ.ดำ)วัดแถวปัตตานี หรือในเมืองกรุงก็ทุบศาลพระพรหมที่สักการะกันมาหลายสิบปีก่อนบรรพบุรุษมันเกิดเสียอีก

อีกหน่อยเราต้องส่ง 'คนแกล้งบ้า' ไปเล่นมันมั่ง อย่าใจดีเหมือนพุทธในอินเดียยุคนาลันทา หรือพุทธที่อื่นๆ ต้องดู "พม่า" เป็นตัวอย่าง ความเข้มแข็งของ'ฮินดู'ในอินเดีย หรือความเด็ดขาดของพุทธสไตล์ชินโตในญี่ปุ่น

ตาต่อตา ฟันต่อฟันครับ จึงจักยืนหยัดอยู่ได้ ง่ายๆแค่นี้แหละ...ไม่ต้องแสร้งโลกสวย!!!

 

เพื่อนแถวน่านก็ส่งข่าวมาว่า "น่าน-ไข่แตก" หมายถึงเจอะคนติดโควิดรายแรก อีกหลายจังหวัดก็น่าจะโดนเจาะไข่แดงไปทีละแห่ง ความรุนแรงจะมาก-น้อย คราวนี้ก็อยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจและไม่ประมาท

มีคนคาดการณ์ว่าหนนี้ ประเทศไทยอาจสาหัสเกินกว่าที่คิด...เอาน่า มีอยู่ 3-4 ประการที่ผมเองมั่นใจอย่างเซ่อๆโง่ๆว่า เราต้องเอาอยู่...

1...บุคลากรทางการแพทย์เราดีมาก-เก่ง-เสียสละมาก ไม่นับ อสม.(อาสาสมัครหมู่บ้าน)ที่ประเทศอื่นไม่มี และไม่รู้ว่าเราทำได้อย่างไร อันนี้ขอนับรวมไปถึง "วินัย" การป้องกันตัวเองของคนไทย เรื่อง 'ใส่หน้ากาก' ที่เหนือ+ดีกว่าทุกประเทศในโลก!!!
***(((หัดชมประเทศที่แสนดีของตัวเองแบบนี้เสียบ้างนะ ไอ้พวกจังไรชังชาติทั้งหลาย)))***

2...หน้าร้อนที่เป็นปฏิปักษ์กับเจ้าโควิดกำลังมา เรา ร้อน ร้อนมาก กับ ร้อนอิ๋บอ๋าย เจ้าโคบ้ามันซ่าส์ไม่ออกในตอนนั้น เพราะมันเก่งในที่หนาว แพรวพราวในห้วงมืด ชืดเย็นชาเหมือนในขุมนรก

3...คุณพระช่วย นี่คือหนึ่งทีเด็ดที่ชาวโลกเริ่มรู้ พระเครื่อง วัตถุมงคลไทยจึงไปต่างแดนมโหฬาร มหาศาล ถึงที่สุด ก็ต้องอาราธนาบารมีน้ำพระพุทธมนต์เป็นดาบสุดท้าย

ยังไม่นับ 'วัคซีน' ตัวช่วยที่แท้จริง ซึ่งกำลังมาเคาะประตูหน้าบ้านอีกไม่นาน

โมทนากับบุญ+ทานบารมีน้องศิวะ เทศกาล...เอ้ย มหกรรมสามพันหน้า-สามใบแดง สนุกจริงดังว่า จะจัดอีกทีรอคัดเลือกของดีๆวันหยุดนี้ก่อนเด้อ

 

ภาพตามวันเวลาน้องมากิ
เขียนช้านิด แต่ก็ไม่เลี่ยน...

เสาร์แสนสุข...ปลุกเสสรวล
มีมุมสวน........ม่วนพฤกษา
ระย้าย้อย.......ปล่อยเป็นป่า
พ่วงแผ่นผา....หรรษาศิลป์!

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ 16 คน ( สมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน )

1. White Fox,
2. Natthawut_pool,
3. Khamphee,
4. suthamma,
5. wanwi
   
   มีแต่เหล่าเสือปืนไว มาจดๆจ้องๆกันอยู่เงียบๆนะเนี่ย ^____^
   
   สวัสดีทุกท่านค่ะ

 

เหรียญ'ทูลเกล้า'-ลป.แหวน ปี17
สร้าง-เสกพร้อมพระกริ่งเม็งราย!
~~~~~~~~~~~~~~~~~

ที่สุดของพระดี ปีลึกแห่งอริยเจ้าเมืองเหนือ ซึ่งอดีตนั้นเป็น "ขวัญใจ"ผู้คนทั้งประเทศ...

"หลวงปู่แหวน สุจิณโณ"...วัดดอยแม่ปั๋ง เวียงพิงค์!!!

ใครไม่รู้จักและไม่มีวัตถุมงคลท่านติดบ้านบ้างในปี2510-2530 ก็ถือว่าเชยมาก เช่นเดียวกับ "หลวงพ่อคูณ"ยุคปี 30-50

ยุคสมัยที่เคลื่อนคล้อยไป นำพาความนิยมพระเครื่องไปสู่พุทธพาณิชย์เต็มตัว วัตถุมงคลอมตะเถราจารย์ที่ '"สร้างมากเกินไป" บางครั้งก็ถดถอยหายไปอยู่ในซอกหลืบ คนเล่น+คนขาย เชียร์ไม่ไหว หมดแรงซื้อ หมดแรงกักตุน!

วัตถุมงคลที่ควรแพงมากหลายรุ่นของอมตะเถราจารย์เหล่านั้น จึงถอยราคาลงมาให้พอเช่าหา สะสม บูชาเป็นสิริมงคลแก่ตนได้ เป็นยอดวัตถุมงคลที่คุ้มตัว คุ้มตน คุ้มครอบครัวได้แน่

นำเหรียญรุ่นที่สร้างไม่มาก หา(แท้)ยากพอสมควร เป็นสากลในทำเนียบ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ให้บูชาสักเหรียญ

รุ่น "ทูลเกล้า" แค่ชื่อรุ่นก็ไม่ต้องแปลความ สร้างตั้งแต่ ปี 17 ยุคต้นลึกสุดขีด โดย วัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อหารายได้สร้างสำนักวิปัสสนากรรมฐาน กับเมรุวัดให้ลุล่วง

ความดีของรุ่น"ทูลเกล้า" อยู่ตรงการสร้างชัดเจน มีคณะกรรมการดำเนินงานมีชื่อเสียงไม่เป็นพาณิชย์"วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง" บันทึกไว้ดังนี้

14 กันยายน 17 คณะกรรมการ 18 ท่านประกอบด้วย...

--พระอจ.พันธ์เทพ ฐานิสสโร
--พระครูใบฏีกาสนิท วัดช่างฆ้อง
--พระอจ.สนั่น สร้อยญาณ
--นายสมัคร เทพจินดา(ไทยรัฐ-ภาคเหนือ)
--นายธีระสุข(ช่างภาพช่อง8-ลำปาง)
--นายจันทร์ทน กันทิยะ ไวยาวัจกร
--นายสัมฤทธิ์ การไฟฟ้าเชียงใหม่
--ผู้ช่วยผจก.ธ.กรุงเทพ เชียงใหม่
======= ฯลฯ=======

ทุกท่านร่วมกันนำวัตถุมงคลที่ขออนุญาตสร้างเป็นทางการทุกรูปแบบ...

--1 เหรียญทูลเกล้า
--2 พระกริ่ง-พระชัยฯเม็งราย
--3 พระชัยวัฒน์สุจิณโณ
--4 เหรียญครูบาศรีวิชัย

หลวงปู่แหวนเมตตาอธิษฐานจิตเดี่ยวเต็มพลัง จากนั้นก็นำให้ หลวงพ่อเกษม เขมโก ลำปาง มนต์เต็มที่อีกวาระ ส่วนหนึ่งมอบ พระอจ.หนู สุจิตโต นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้า ร ๙ สมพระนามมงคลของรุ่น

วัตถุมงคลทุกประเภทที่สร้างและเสกในปี 17 นั้น ล้วนได้รับความนิยมทะลุฟ้า ทะลุดิน ติดลมบนเป็นที่แสวงหาบูชาสำหรับพระในทำเนียบ 'หลวงปู่แหวน' อันเป็นสากล ตราบถึงวันนี้!

เหรียญ'ทูลเกล้า' เป็นยอดเหรียญดี ปีลึก ตอกโค้ตป้องกันด้านหลัง 2 ตำแหน่งคือ คำว่า "รุ่น" กับ "อุ"

บล็อคนิยมมีเส้นรัศมีผ่ากลาง 6 เส้น สวยชัดแผ่ประกายราวรัศมีสุริยะฉาย ที่ไม่ติดชัดก็มี ไม่ติดเลยก็มี ด้านตัว"โค้ต"เท่าที่พบเจอก็มี 2-3แบบ ประเภทตอกลึกเป็นปื้น กับตอกติดเฉพาะตัวอักษร แต่ต้องเป็นตัวตอกที่ดูง่ายๆ ไม่ใช่ถอดพิมพ์ออกมา

สำหรับของมือผีเลียนแบบตัวแสบ มีมาแต่ครั้งโบราณกาลนั่นแล้ว จำพวกพระหลักพัน ขายร้อยต้นๆ ก็พึงระวัง ดังคำคมเซียนเขาว่า

"พระดี หลักร้อยต้นถูกๆ มีแน่ แต่ 'แท้' หรือเปล่า"?!

======= 800 =======

(ชมภาพเหรียญดี-โค้ตงามโพสท์ถัดไป)