แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ประวัติของสมเด็จองค์ปฐม

    ที่มา : หนังสือประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ฯ
    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    "ท่านสาธุชนทั้งหลาย ตอนนี้ก็มาพูดกันถึงเรื่อง สมเด็จองค์ปฐม สำหรับคำว่า “สมเด็จองค์ปฐม” ก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรกหรือองค์ที่ 1 เรียกว่า “องค์ปฐม” ขอเล่าย้อนตอนหลังสักนิด คือเมื่อประมาณ พ.ศ.2511 ตอนนั้นอาตมา (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง) มาอยู่ที่วัดท่าซุงแล้ว และ พล.อ.อ.อาทร โรจนวิภาต เวลานั้นเป็นนาวาอากาศเอกเป็นผู้บังคับกองฝึกโรงเรียนการบิน ที่นครราชสีมา ทราบว่าอาตมาป่วย จึงนิมนต์ไปพักที่นั้น ตอนกลางคืนสามีภรรยาก็นั่งเจริญพระกรรมฐาน อาตมาเป็นคนแนะนำ ขณะที่แนะนำเขาอยู่ เมื่อเสร็จแล้วก็ทำสมาธิ ขณะที่ทำสมาธิบรรดาท่านพุทธบริษัท สิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น นั่นคือเห็นเป็นพระพุทธเจ้าในปางนิพพานยืนสองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้าแล้วก็พนมมือ จึงมีความรู้สึกในใจว่า บางที่อาจเป็นอุปาทานของเรา เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยก้มศีรษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือนเล็ก ๆ ที่หลังคาต่ำ ๆ ที่พระพุทธเจ้าเข้าไป หลังคา ก็สูงขึ้น แต่เวลานี้เราเห็นพระพุทธเจ้ายืนพนมมือ อุปาทานคือกิเลสคงกินใจมากเมื่อนึกเพียงเท่านี้ ก็เห็นภาพ หลวงพ่อปาน ปรากฏขึ้นข้าง ๆ ท่านบอกว่า “คุณ…..ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา” อีกประมาณสัก 5 นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง รูปร่างใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูปของปางนิพพานเดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก้มศรีษะแสดงความเคารพ เพราะพนมมืออยู่แล้ว พอท่านเดินมาถึงอาตมาท่านก็พูดว่า “ข้าจะนั่งที่ไหนหว่า….ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าเอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกัน” ก็เลยนั่งบนหัว แล้วก็บอกว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนที่แกจะสอนกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมะก็ดี จะเทศน์ก็ดี บอกฉันก่อน ฉันให้พูดตอนไหนจะเทศน์ตอนไหน ให้ว่าตามนั้น” ก็เป็นความจริงบรรดาท่านพุทธบริษัท เวลาสอนกรรมฐานก็ดี เทศน์ก็ดี บางที่คิดว่าวันนี้จะพูดเรื่องอย่างนี้ แต่พอพูดเข้าจริง ๆ เรื่องนั้นไม่ได้พูด ไปพูดอีกจุดหนึ่ง อันนี้เป็นลีลาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ การเทศน์ของพระพุทธเจ้ามุ่งเฉพาะบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้หวังคนทั่วไป คนจะนั่งสักหนึ่งพัน สองพัน ห้าพันก็ตาม ท่านจะดูจิตใจว่า บุคคลใดจะรับคำเทศนาของท่านได้ จะสามารถบรรลุมรรคผลได้ ท่านจะจี้จุดเฉพาะคนนั้น เอาจุดเด่น แต่ว่าคนที่มีความดี ใกล้เคียงกัน ก็พลอยบรรลุมรรคผลไปตาม ๆ กัน" หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สมเด็จองค์ปฐมทรงพระนามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1” แต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้ว อาจจะมีชื่อซ้ำกันก็ได้ โดยเฉพาะชื่อนี้มีด้วยกันถึง 5 พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็น ”สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1” พระองค์จึงทรงเป็นต้นพระวงศ์ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ จึงสมควรยกย่องพระองค์ว่าทรงเป็น “สมเด็จองค์ปฐมบรมครู" อย่างแท้จริง
    ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จมาเล่าให้หลวงพ่อฟังที่บ้านสายลมว่า สมัยที่พระองค์ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ในเวลานั้นคนมีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เมื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปีหลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปีจึงได้ ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน หลังจากทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง 40 อสงไขยกัป ในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณด้วยพระองค์เอง
     
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    พระพุทธปางทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ
    พระหัตถ์(มือ)ซ้ายหงาย
    พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนเข่าขวา(พระชานุ) ในพุทธลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ดอกบัวแห่งพระโพธิญาณรายล้อมโดยรอบองค์พระด้วยแก้วจักรพรรดิอีกหกดวงรวมเป็นสัตตะรัตนะทั้งเจ็ด คือ
    ๑. จักรแก้ว (จักกรัตนะ)
    ๒. ขุนคลังแก้ว (คหปติรัตนะ)
    ๓. แก้วมณี (มณีรัตนะ)
    ๔.นางแก้ว (อิตถีรัตนะ)
    ๕.ขุนพลแก้ว (ปริณายกรัตนะ)
    ๖. ช้างแก้ว (หัตถิรัตนะ)
    ๗. ม้าแก้ว (อัสสรัตนะ)

    ความหมาย
    พระพุทธปางทรงเครื่องจักรพรรดิเป็นพระพุทธปางที่เป็นเลิศทั้งทางธรรมและทางโลก กล่าวคือพระพุทธเจ้าเป็นผู้เลิศในทางธรรม และพระจักรพรรดิเป็นผู้เลิศในทางโลก เปี่ยมด้วยบารมีและโชคลาภ ทรัพย์สินสมบัติ อำนาจยศถาบรรดาศักดิ์บุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบผลสำเร็จและมีความคล่องตัวทั้งทางธรรมและทางโลกครบทุกด้าน

    ความหมายของแก้วทั้ง ๗ ประการนี้ คือ
    • จักรแก้ว คือ อำนาจบารมีแห่งพระเจ้าจักรพรรดิอาวุธ ความเฉียบคม หมายถึง แสนยานุภาพสูงสุด
    • ขุนคลังแก้ว คือ โชคลาภ ทรัพย์สินสมบัติ เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด หมายถึงเศรษฐกิจที่ดี
    • แก้วมณี คือ แก้วสารพัดนึก สติปัญญาอันเลิศเป็นสิ่งที่ให้เกิดความสำเร็จทุกประการได้ดั่งใจปรารถนาทุกประการ
    • นางแก้ว คือ ภรรยา หรือ คู่ครองที่ดีการดูแลสุขภาพ เรื่องกิจการภายในทั้งหมด การปรับตนเข้าหากัน
    • ขุนพลแก้ว คือ ผู้ร่วมงานที่ดี ข้าราชการที่มีความสามารถเป็นเลิศ
    • ช้างแก้ว คือ ความหนักแน่นมั่นคง ยานพาหนะขนาดหนักที่ดีที่สุดซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็ได้แก่กิจการรถไฟ เครื่องบินเป็นต้น
    • ม้าแก้ว ก็คือ ความรวดเร็ว การคมนาคมที่ดีที่สุดซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็ได้แก่กิจการระบบโทรคมนาคมเพราะสมัยโบราณใช้ม้าเป็นเครื่องมือสื่อสาร

    ดวงแก้ว 7 ประการเป็นความสำเร็จในทางโลกกล่าวคืออำนาจบารมี โชคลาภเงินทอง ทำกิจการงานใดๆสำเร็จดั่งใจนึก มีคู่ครองที่ดีคอยดูแลสุขภาพและเรื่องในครอบครัว มีเพื่อนร่วมงานที่ดีคอยให้ความช่วยเหลือมีความคล่องตัวในทางสังคม และความสะดวกในการเดินทางติดต่อสื่อสาร จักรพรรดิแห่งธรรม ซึ่งผู้เป็นจักรพรรดิสูงสุดแห่งธรรมคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  3. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    พระพุทธปางทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ
    พระหัตถ์(มือ)ซ้ายหงาย
    พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนเข่าขวา(พระชานุ) ในพุทธลักษณะประทับนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ดอกบัวแห่งพระโพธิญาณรายล้อมโดยรอบองค์พระด้วยแก้วจักรพรรดิอีกหกดวงรวมเป็นสัตตะรัตนะทั้งเจ็ด คือ
    ๑. จักรแก้ว (จักกรัตนะ)
    ๒. ขุนคลังแก้ว (คหปติรัตนะ)
    ๓. แก้วมณี (มณีรัตนะ)
    ๔.นางแก้ว (อิตถีรัตนะ)
    ๕.ขุนพลแก้ว (ปริณายกรัตนะ)
    ๖. ช้างแก้ว (หัตถิรัตนะ)
    ๗. ม้าแก้ว (อัสสรัตนะ)

    ความหมาย
    พระพุทธปางทรงเครื่องจักรพรรดิเป็นพระพุทธปางที่เป็นเลิศทั้งทางธรรมและทางโลก กล่าวคือพระพุทธเจ้าเป็นผู้เลิศในทางธรรม และพระจักรพรรดิเป็นผู้เลิศในทางโลก เปี่ยมด้วยบารมีและโชคลาภ ทรัพย์สินสมบัติ อำนาจยศถาบรรดาศักดิ์บุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบผลสำเร็จและมีความคล่องตัวทั้งทางธรรมและทางโลกครบทุกด้าน

    ความหมายของแก้วทั้ง ๗ ประการนี้ คือ
    • จักรแก้ว คือ อำนาจบารมีแห่งพระเจ้าจักรพรรดิอาวุธ ความเฉียบคม หมายถึง แสนยานุภาพสูงสุด
    • ขุนคลังแก้ว คือ โชคลาภ ทรัพย์สินสมบัติ เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด หมายถึงเศรษฐกิจที่ดี
    • แก้วมณี คือ แก้วสารพัดนึก สติปัญญาอันเลิศเป็นสิ่งที่ให้เกิดความสำเร็จทุกประการได้ดั่งใจปรารถนาทุกประการ
    • นางแก้ว คือ ภรรยา หรือ คู่ครองที่ดีการดูแลสุขภาพ เรื่องกิจการภายในทั้งหมด การปรับตนเข้าหากัน
    • ขุนพลแก้ว คือ ผู้ร่วมงานที่ดี ข้าราชการที่มีความสามารถเป็นเลิศ
    • ช้างแก้ว คือ ความหนักแน่นมั่นคง ยานพาหนะขนาดหนักที่ดีที่สุดซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็ได้แก่กิจการรถไฟ เครื่องบินเป็นต้น
    • ม้าแก้ว ก็คือ ความรวดเร็ว การคมนาคมที่ดีที่สุดซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็ได้แก่กิจการระบบโทรคมนาคมเพราะสมัยโบราณใช้ม้าเป็นเครื่องมือสื่อสาร

    ดวงแก้ว 7 ประการเป็นความสำเร็จในทางโลกกล่าวคืออำนาจบารมี โชคลาภเงินทอง ทำกิจการงานใดๆสำเร็จดั่งใจนึก มีคู่ครองที่ดีคอยดูแลสุขภาพและเรื่องในครอบครัว มีเพื่อนร่วมงานที่ดีคอยให้ความช่วยเหลือมีความคล่องตัวในทางสังคม และความสะดวกในการเดินทางติดต่อสื่อสาร จักรพรรดิแห่งธรรม ซึ่งผู้เป็นจักรพรรดิสูงสุดแห่งธรรมคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ความทรงจำเกี่ยวกับหลวงปู่พวง... ที่พำนักสงฆ์ถ้ำหินผาแดง ต.ม่วงเฒ่า อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี

    จำได้ว่า...

    ครั้งแรกที่ได้กราบนมัสการหลวงปู่พวงนั้น เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว...

    มีพระอาจารย์ของรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนของเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมด้วยกันมา แจ้งเข้ามาอย่างกระทันหันว่าจะพาไปกราบพระปฏิบัติที่ในป่า... จะไปไหม...

    ทางเข้าวัดลำบากเอาเรื่อง... คนที่เข้าไปครั้งสองครั้งแรก คงหลงทางกันน่าดู เพราะเข้าได้หลายทางมาก... แถมพอเข้าไปแล้ว... ยังมีไร่อ้อยสูงชะลูดแน่นขนัดไปหมด...

    ภาพแรกที่เห็นหลวงปู่พวง คือ ท่านชราภาพแล้ว (ท่านบอกว่าท่าน อายุ ๗๐ กว่า เกิดปีชวด ปีนี้ท่านน่าจะอายุประมาณ ๗๖ แล้ว)... แต่ยังคงแข็งแรง... ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี อารมณ์เย็น...

    เวลาที่ท่านพูดคุยเรื่องอะไรขึ้นมาก็แล้วแต่... เท่าที่สังเกตุดู... เนื้อหาที่พูดจะไปกระทบโดนใจของใครบางคน หรือหลายๆ คน... จนบางคนถึงกับน้ำตาซึม...

    เคยเรียนถามท่าน... ท่านบอกว่า หลวงปู่ไม่รู้หรอกว่าใครทำอะไรมาบ้าง... รู้แต่ว่า...

    มีเรื่องที่ต้องพูด จะมีตัวรู้ผุดขึ้นมาในจิตของหลวงปู่ ว่าตอนนี้ ขณะนี้ ควรพูดเรื่องใด หรือควรเตือนใครในเรื่องใดบ้าง... เมื่อพูดไปแล้วจะไปสะกิดเตือนใคร... หรือเมื่อเตือนไปแล้ว ผู้ถูกเตือนจะยอมรับ จะสำนึกได้หรือไม่นั้น... นั่นก็สุดแล้วแต่เขา...

    สิ่งที่หลวงปู่จะสอนได้ บอกได้... ก็ล้วนมาจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น... ทุกคนมีกรรมเป็นของของตนเอง ไม่มีใครหนีกรรมได้พ้น...

    แล้วท่านก็เล่าถึงบุพกรรมที่ทำให้ท่านตาบอดทั้ง ๒ ข้างให้ฟัง...

    ท่านเล่าว่า... ตอนที่ท่านยังอายุน้อยๆ กว่านี้... ท่านชอบท่านกุ้งเต้นเป็นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วบีบมะนาว ใส่พริกลงไปคลุกเคล้า... แล้วก็ตักทานทั้งๆ ที่กุ้งมันยังดิ้นๆ อยู่แบบนั้นแหละ...

    ผลคือ...

    จากการที่ทั้งมะนาว และพริกลงไปโดนตาของกุ้งจนมันแสบร้อน... ที่ผ่านมา หลวงปู่พวงท่านจึงสูญเสียดวงตาทั้ง ๒ ข้าง...

    และเชื่อหรือไม่ว่า... จากผลกรรมหลายๆ ประการรวมตัวกัน...

    ในช่วงที่หลวงปู่สูญเสียการมองเห็นทั้ง ๒ ข้างนั้น... ทั้งพระ และฆราวาสที่อยู่กับหลวงปู่ในตอนนั้น... ต่างก็ไม่มีใครอยากที่จะอยู่ช่วยดูแลหลวงปู่เลยสักท่าน... เพราะต่างติดภาระกิจหน้าที่ที่มีอยู่ทั้งสิ้น... ก่อนที่จะทิ้งให้หลงวงปู่อยู่เพียงลำพัง... ท่านเหล่านั้น... ช่วยกันขึงเชือกให้หลวงปู่ใช้ต่างราวสะพานเพื่อเป็นเครื่องนำทางไปตามจุดต่างๆ... เนื่องจากที่พำนักหรือห้องพักของหลวงปู่ อยู่บนเขา... ถึงจะไม่สูงอะไรนัก แต่บันไดที่ทำไว้ ก็ลื่นเอาการ... โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าฝน ที่จะมีขี้ตะไคร้ขึ้นเขียว...

    หลวงปู่ยอมรับผลของกรรม...

    หลวงปู่พวงเล่าให้ฟังว่า...

    ตอนนั้น... อยู่อย่างลำบากมาก... เพราะไหนจะเรื่องสุขภาพกายที่ไม่ค่อยจะดีนัก สุขภาพตาที่มองไม่เห็น อาหารการกิน... ถ้าไม่มีใครว่างเอาอาหารมาถวายให้... หลวงปู่ก็อด ไม่ได้ฉันอะไร... ช่วงแรกๆ หลวงปู่ทุกข์ใจมาก...

    แต่แล้วท่านก็ใช้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมาเป็นเครื่องประหัตประหารกิเลส... ประคองจิต ประคองสติ ให้สู้กับอวิชชา... จนตอนนี้... ท่านบอกว่า...

    เจ้ากรรมนายเวรใด จะเรียกร้องให้ท่านต้องชดใช้อะไร อย่างไรก็แล้วแต่... ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับท่าน... ท่านพร้อมที่จะยอมรับทั้งหมด...

    อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิดไป...

    ละสังขารจากชาตินี้ภพนี้เมื่อไหร่... ท่านไม่ขอกลับมาเกิดอีกแล้ว... ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว สำหรับท่าน...

    การรักษาพยาบาลท่าน ทั้งเพื่อให้ท่านมีสุขภาพที่ดี และรักษาตาของท่าน... ท่านต้องถูกเข็มทิ่มไปทั่วทั้งตัว... ท่านบอกว่า เหมือนกับตอนที่ท่านไปจับปลาเป็นๆ มาทำอาหารทาน... ต้องถูกหยอดตา ซึ่งทั้งปวด ทั้งแสบ... และอื่นๆ อีกมากมาย...

    ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก อกุศลกรรมบันดาลทั้งสิ้น...

    ไปทุกครั้ง... หลวงปู่จะเน้นย้ำบอกพวกเราเสมอว่า...

    "ทำความดีให้มากๆ เข้าไว้นะลูกนะ... อย่าทิ้งการทำความดี...

    ศีล ๕ ให้มีเป็นปกตินะ... หลวงปู่ไม่มีอะไรที่จะให้หรอกนะ... นอกจาก... เชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าไว้นะลูกนะ...

    อะไรที่เราช่วยใครไม่ไหว... ก็ต้องวางนะลูกนะ... กรรมของเขา เราช่วยแล้ว แต่เขาไม่ช่วยตัวเอง... เราก็ต้องอุเบกขานะลูกนะ...

    ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านก็ช่วยพระเทวฑัตได้สิลูก...

    ชีวิตมันเป็นทุกข์นะลูกนะ... จะเกิดมาอีกทำไมกัน... ไปนิพพานกันไม่ดีกว่าเหรอ...

    สังขารมันก็แค่นี้แหละ... อีกไม่นานก็ตายแล้ว... จะอยู่เพื่อให้ทุกข์ไปเพื่ออะไร...

    เข้านิพพานดีกว่า......"

    หลวงปู่จะชวนพวกเราที่ไปนั่งฟังท่านเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังให้เข้าพระนิพพาน... เพราะท่านบอกว่า... ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ลูกเอ๋ย...

    สำหรับตอนนี้... ตาข้างหนึ่งของหลวงปู่มองเห็นได้ลางๆ... แต่หลวงปู่ก้บอกว่า... ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะมาทวงคืน... ถ้าเขาจะเอาก็ต้องให้เขาไป... ไม่มีใครหนีกรรมพ้นนะลูกนะ...

    วันที่ ๒๔ เมษานี้... ท่านไหนอยากจะไปร่วมกราบ และรับฟังธรรมะจากหลวงปู่พวง หลวงพ่อโนรี และท่านอื่นๆ กับธรและเพื่อนๆ...

    ขอช่วยกรุณาแจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนที่ที่จะไปไว้ในกระทู้นี้เลยนะคะ...

    ถ้าจำนวนคนมากกว่าที่รถตู้คันเดียวจะรับได้... จะได้เช่าเพิ่มค่ะ...

    กราบโมทนากับทุกท่านล่วงหน้าค่ะ...
     
  5. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอประทานโทษทุกท่านค่ะ...

    ชวนทุกคนมาหล่อพระ... แต่ลืมบอกราคาพระ...

    ค่าหล่อพระรวมค่าประดับครัสตัล... (แพงที่คริสตัลนี่แหละค่ะ).... ราคารวมแล้วอยู่ที่องค์ละ ๘๐,๐๐๐.๐๐ บาทค่ะ...

    ตอนนี้มีปัจจัยสำหรับค่าพระแล้วประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาทค่ะ... ท่านใดอยากร่วมกันสร้างพระของพวกเรากันเอง... ก็เชิญเลยนะคะ


    ชื่อบัญชี น.ส.ชนินทร เหตระกูล
    ธนาคารกสิกรไทย สาขา สยามพารากอน
    ประเภทออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 738-2-52171-9

    อีกบัญชี คือ...

    ชื่อบัญชี นายนัฒธเดช ชุณหประสิทธิ์พร และ/หรือ นางสาว ชนินทร เหตระกูล
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ประเภทเงินฝากออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 159-227627-8



    ใครร่วมโอนเข้ามาช่วยกรุณาแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ...

    กราบโมทนากับทุกท่านค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2011
  6. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คำสอนหลวงพ่อโนรี... (ถ่ายทอดโดยหลวงพี่อู๊ด วัดหนองหญ้าปล้อง)


    - จุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จรอเราอยู่ ขอเพียงเรามุ่งมั่น บากบั่น ไม่ย่อท้อ ต้องถึงความสำเร็จแน่นอน...

    - ถ้าเรายังเจริญศรัทธาเขาไม่ได้ ก็อย่าไปทำลายศรัทธาในสถานที่ของเขา

    - พระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสคำไม่จริง... ชีวิตเรามีความตายเป็นที่สุด เราต้องการอะไรในชีวิตนี้ การสละสิ้นชีพแล้วไซร้ พระอรหันต์






    พระคาถาชุดสำหรับแคล้วคลาด และทำอะไรคล่องตัวทุกอย่าง...

    (พระคาถาชุดนี้ หลวงพี่อู๊ด - พระเลขาของหลวงพ่อโนรี - เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อท่านให้สวดให้เป็นปกติ เพื่อการปัดเป่าสิ่งที่จะมาเป็นอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต... และยังสามารถนำไปสวดเป็นปกติเพื่อช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยอาการหนักให้ทุเลาเบาบางลงได้ด้วย... กราบขอบพระคุณหลวงพ่อโนรี และหลวงพี่อู๊ด เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ... ที่เมตตาลูกหลาน...)


    พระคาถาชุดแคล้วคลาดมีดังนี้

    - นะโมตัสสะ (๓จบ)

    - อาราธนาพระตามปกติ

    - พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ (๑ จบ)

    คำไหว้บารมี 30 ทัศ(แบบครูบาศรีวิชัย)

    ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง

    -บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ (อย่างละ ๓ จบ)

    - อิติปโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปนโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิสัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

    - สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปสสิโก โอปะนะยิโก ปจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญูหิติฯ

    - สุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อุชุปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สามีจิปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    ยะทิทัง จัตตาริปุริสะยุคานิอัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

    คาถาเงินล้าน (๓๐ จบ)
    (คาถาของพระราชพรหมยาน หรือ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง )

    สัมปะจิตฉามิ
    นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
    วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ




    .......................................................

    อธิบาย บารมี 30 ทัศ

    การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาตินั้นๆ บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี ๓๐ (๓ x ๑๐)

    โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี)
    บารมี ชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ
    บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี ๓๐ ประการ

    ในอรรถกถาจริยาปิฎกพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ ได้จัดชาดกเรื่องต่างๆ ลงในบารมีทั้ง ๓๐ ประการ มีนัยโดยสังเขปที่น่าศึกษา ดังนี้

    ๑. ทานบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทานบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีวิราช (๒๗/๔๙๙) ทรงบำเพ็ญทานอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร (๒๘/๕๔๗) และทรงบำเพ็ญทานปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกระต่ายป่าสสบัณฑิต (๒๗/๓๑๖)

    ๒. ศีลบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญศีลบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญาช้างฉัตทันต์เลี้ยงมารดา (๒๗/๗๒) ทรงบำเพ็ญศีลอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญานาคภูริทัต (๒๘/๕๔๓)

    ๓. เนกขัมมบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นอโยฆรราชกุมาร (๒๗/๕๑๐) ทรงบำเพ็ญเนกขัมมอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นหัตถิปาลกุมาร (๒๗/๕๐๙) และทรงบำเพ็ญเนกขัมมปรมัตถบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจูฬสุตโสม (๒๗/๕๒๗)

    ๔. ปัญญาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นสัมภวกุมาร (๒๗/๕๑๕) ทรงบำเพ็ญปัญญาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นอำมาตย์วิธุรบัญฑิต (๒๘/๕๔๖) และทรงบำเพ็ญปัญญาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นเสนกบัณฑิต (๒๗/๔๐๒)

    ๕. วิริยบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญวิริยบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญากปิ (๒๗/๕๑๖) ทรงบำเพ็ญวิริยอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีลวมหาราช (๒๗/๕๑) และทรงบำเพ็ญวิริยปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก (๒๘/๕๓๙)

    ๖. ขันติบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญขันติบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นจูฬธัมมปาลราชกุมาร (๒๗/๓๕๘) ทรงบำเพ็ญขันติอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นธัมมิกเทพบุตร (๒๗/๔๕๗) และทรงบำเพ็ญขันติปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นขันติวาทีดาบส (๒๗/๓๑๓)

    ๗. สัจจบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญสัจจบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นวัฏฏกะ (ลูกนกคุ่ม (๒๗/๓๕) ทรงบำเพ็ญสัจจอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญาปลาช่อน (๒๗/๗๕) และทรงบำเพ็ญสัจจปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม (๒๘/๕๓๗)

    ๘. อธิษฐานบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญากุกกุระ (๒๗/๒๒) ทรงบำเพ็ญอธิษฐานอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นมาตังคบัณฑิต (๒๗/๔๙๗) และทรงบำเพ็ญอธิษฐานปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเตมิยราชกุมาร (๒๘/๕๓๘)

    ๙. เมตตาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นสุวรรณสามดาบส (๒๘/๕๔๐) ทรงบำเพ็ญเมตตาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกัณหาทีปายนดาบส (๒๗/๔๔๔) และทรงบำเพ็ญเมตตาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเอกราช

    ๑๐. อุเบกขาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกัจฉปบัณฑิต (๒๗/๒๗๓) ทรงบำเพ็ญอุเบกขาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญามหิส (๒๗/๒๗๘) และทรงบำเพ็ญอุเบกขาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นโลมหังสบัณฑิต (๒๗/๙๔) หมายเหตุ เลขหน้าเป็นลำดับเล่มพระไตรปิฎก เลขหลังเป็นลำดับชาดก เช่น (๒๗/๒๗๓) หมายถึง พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ ชาดกเรื่องที่ ๒๗๓)

    การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาติหนึ่ง ๆ มิใช่ว่าจะทรงบำเพ็ญบารมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ทรงบำเพ็ญทานบารมี หรือทรงบำเพ็ญศีลบารมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในชาติเดียวกันนั้น ได้บำเพ็ญบารมีหลายอย่างควบคู่กันไป แต่อาจเด่นเพียงบารมีเดียว ที่เหลือนอกนั้นเป็นบารมีระดับรอง ๆ ลงไป เช่น ในชาติที่เป็นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง ๑๐ บารมี
     
  7. note_bank

    note_bank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +968
    ตอนเย็นโอนร่วมทำบุญหัวใจพระไปแล้วค่ะพี่ธร 200 บาทที่ ธ.ไทยพาณิชย์ (ปิดยอดไปแล้ว ก็ร่วมทำบุญหล่อพระแล้วกันค่ะหรือจะเป็นรายการอื่นที่พี่ธรเห็นสมควรค่ะ)
     
  8. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ได้รับข้อความ จากท่าน witzy ร่วมทำบุญหล่อพระ มาเพิ่ม นำมาให้ทุกท่าน อนุโมทนาบุญกันนะครับ

    ขอผลบุญนี้ ถวายแด่ในหลวง และ เทวดา ที่ดูแล ประเทศไทย ขอให้เมืองไทยสงบร่มเย็น พ้นจากภัย

    อันตรายทั้งปวง จากที่หนักขอให้คลายเป็นเบา


    Quote:
    <table class="main" border="1" cellpadding="10" cellspacing="0"><tbody><tr><td style="border: 1px dotted">From witzy at 2011-04-18 15:17:41 (2 mins ago) GMT

    โอนไปเมื่อเย็นนะคับ ยอดไม่มากนะคับ 500.55 คับผม</td></tr></tbody></table>
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สาธุ โมทนาด้วยจ้ะ...

    ถือว่าทำบุญร่วมกันทุกอย่างเลยจ้ะ...
     
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เมื่อประมาณ 2 เดือนมาแล้ว
    ณ ได้กิ่งตอนต้นพุดมาจากที่บริษัท
    เห็นว่าดอกมันสวยดีและมีกลิ่นหอมสดชื่น
    พอเอามาปลูกไว้ที่บ้าน แม่ก็ฟูมฟักอย่างดี
    ผู้หญิงน่ะ ยังไงก็ชอบดอกไม้ใช่มะ...หุหุ
    ส่วน ณ เองไม่ค่อยได้ดูแลเท่าไหร่
    จนเดือนนึ่งผ่านไป มีตุ่มตาเล็กๆ โผล่ออกมา
    แม่บอกว่าตุ่มดอกมัน
    ผ่านไปสัปดาห์ได้มันกลายเป็นดอกตูมแล้ว
    แต่ก็ได้ยินแม่เปรยๆ ว่า "ทำไม่มันดอกมันเล็กจัง มันใช่ดอกซ้อนจริงเหรอ"
    ณ ก็ยืนยัน ตีลังกายัน บอกว่าซ้อน เคยเห็นดอกมันแล้วที่บริษัท
    แล้วในที่สุดดอกมันก็บานออกมา
    "เนี่ยนะดอกซ้อน" แม่บ่น เอ้า! มันซ้อนจริงๆ นะ
    เพียงแต่ว่าแค่ 3 ชั้นแค่นั้น...แม่ก็ทำเสียงหงุงหงิงไปสองสามวัน ^^

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา มีพี่ที่บริษัทบอกว่าได้ไปซื้อกุหลาบเวียตนามมา
    กลิ่นหอมมากๆ พอบอกลักษณะ ก็คิดว่าน่าจะเป็นดอกพุดซ้อน
    เมื่อวานเลยไปด้อมๆ มองๆ ได้มา 2 กระถาง แถมมีดอกตูมมาด้วย
    ส่วนทางร้านโชว์ดอกบานให้ดู มั่นใจว่าคราวนี้มันซ้อนๆๆๆ ดอกใหญ่จริงๆ
    ถ้ามันบานเมื่อไหร่ คงทำให้แม่ยิ้มหน้าบานได้ ^^
    รอให้บานก่อนแล้วจะเอามาให้ชม
    ...เนี่ยถ้าวันนี้มีโอกาศจะแวะไปหิ้วดอกอื่นๆ อีกสัก 2 กระถาง เล็งๆ ไว้แล้ว
    ไม่รู้จะทันไหม เพราะเขาเอามาขายช่วงเทศกาล พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว
    เอาน่าได้ไม่ได้ค่อยว่ากันเนอะ...มีใครปลูกต้นอะไรกันมั่งมาเล่าสู่กันบ้างก็ได้น๊า^^

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.JPG
      01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.1 KB
      เปิดดู:
      404
    • 03.JPG
      03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.2 KB
      เปิดดู:
      411
    • 04.JPG
      04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32.6 KB
      เปิดดู:
      394
    • 02.JPG
      02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30 KB
      เปิดดู:
      437
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    <TABLE class=tborder id=post4602795 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 09:04 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#23 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ยาใจคนจน<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4602795", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัคร: Mar 2011
    ข้อความ: 18
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_4602795 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ร่วมหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมปางทรงเครื่องจักรพรรดิ ประดับคริสตัล หน้าตัก ๔ ศอก วัดป่ากาญจนฯ จำนวน 40 บาท ครับผ่านทางบัญชีชื่อบัญชี นายนัฒธเดช ชุณหประสิทธิ์พร และ/หรือ นางสาว ชนินทร เหตระกูล ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ

    ขออนุโมทนาในบุญ ขอบคุณครับ

    <!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("4602795")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ว้าว...สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์ประดับคริสตัส ราคา 80,000 บาท
    เพิ่งทราบราคาเต็มเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ทุนตั้งอยู่ที่ 50,000 บาทแล้วนะคะ
    มีใครสนใจร่วมสมทบทุนเพิ่มเชิญตามสะดวกเลยค่ะ คนละเล็กละน้อย
    คนละบาทสองบาท คนละกำลังใจกำลังศรัทธา ตามชอบเลยค่ะ
    ณ เชื่อและมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าท่านต้องงดงามตระการตาอย่างแน่นอนค่ะ

    ร่วมทำบุญกันแบบ พี่ๆน้องๆ ชาวแคร่ The Care Gang
    เชิญเลยนะคะ อนุโมทนาบุญด้วยทุกประการค่ะ ^^

    ชื่อบัญชี น.ส.ชนินทร เหตระกูล
    ธนาคารกสิกรไทย สาขา สยามพารากอน
    ประเภทออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 738-2-52171-9

    อีกบัญชี คือ...

    ชื่อบัญชี นายนัฒธเดช ชุณหประสิทธิ์พร และ/หรือ นางสาว ชนินทร เหตระกูล
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีราชดำริ
    ประเภทเงินฝากออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 159-227627-8

    อ้อ...พ่อแม่พี่น้องท่านใดร่วมมาแล้วก็ช่วยบอกกันสักนิดนะคะ ขอบพระคุณค่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ์องค์นี้เป็นตัวอย่างค่ะ
    ขนาดยังไม่ประดับคริสตัสยังงามขนาดนี้ หากประดับคริสตัสจะงามสักเพียงไหน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    <TABLE class=tborder id=post4604594 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ao.angsila<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4604594", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2006
    ข้อความ: 2,018
    พลังการให้คะแนน: 2461 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_4604594 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->ขอร่วมทำบุญทุกอย่างฯ พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกท่านทุกดวงจิต น้อมถวายเป็นพระราชกุศล น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา พุทธะสังมิ นิพพานสุขัง
    <TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>โอนจากบัญชี</TD><TD class=RightCL colSpan=2>622-2-02684-8</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย พีรพงศ์ ชมจินดา </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>738-2-52171-9</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.กสิกรไทย - KBANK</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>MS. CHANINDHORN HETRAKUL</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>20.00</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>20.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>วันที่ได้รับยอดเงินโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>20/04/2011 17.30 น.</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</TD><TD class=RightCL colSpan=2>19/04/2011</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi7962805</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384


    สาธุ... กราบโมทนาด้วยค่ะ
     
  16. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384


    สาธุ... กราบโมทนาด้วยค่ะคุณ bnbk... ตั้งใจจะร่วมบุญทุกอย่าง จำนวน 1,000 บาทค่ะ... โอนแล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ...

    ขออนุญาตนำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อนะคะ...
     
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อ้อ...ลืมบอกไปไม่ใช่สมาชิกเวป ก็มาร่วมทริปได้นะคะ
    สนใจส่งชื่อ เบอร์โทร ทางอีเมลล์ได้เลยค่า

    naraheye@hotmail.com

    ย้ำเน้นอีกนิด ทริปนี้นอนวัดนะเจ้าคะ
    อาจจะลำบากหน่อยสำหรับคนไม่เคย
    ถือซะว่าเอากายเอาใจไปทำบุญก็แล้วกันเนอะ
    เป็นการผจญภัยเล็ก ๆ ในการเปลี่ยนที่นอน
    แล้วอย่าลืมหาเครื่องนอนไปกันด้วยนะคะ
    อาจจะเป็นถุงนอนหรือผ้าห่มสักผืนก็ตามสะดวกค่ะ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  18. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ประวัติ (ย่อ) หลวงพ่อโนรี

    "... พระครูใบฎีกานเรศ ปิยธมฺโม (พระอาจารย์โนรี)... เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้อง (ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จงกาญจนบุรี)

    เล่าให้ฟังว่า... ได้บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ 28 - 29 ปี ที่วัดหนองไม้แก่น ต.หนองลาน อ.ท่ามะกา มีหลวงพ่อช่อ เป็นเจ้าอาวาส โชคดีได้ครูอาจารย์ดี หลวงพ่อช่อ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่แช่ม หลวงพ่อจันทร์ ซึ่งหลวงปู่ทั้งสองท่านมีชื่อเสียงมาก สอนหลักปฏิบัติทางพระ การไหว้พระ รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา การทำสมาธิ สอนพิเศษก็เป็นเรื่องคาถาอาคม จริงๆ ก็เป็นพระกรรมฐาน

    เมื่อประมาณปี 2538 ก่อนเข้าพรรษา โยมที่นี่ไปนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ แต่ว่าปี 2538 นั้นไม่ได้มาเพราะว่าอายุยังน้อย พรรษายังน้อย ความรู้ความสามารถไม่มีอะไร ก็ไม่รับปากญาติโยมที่ไปนิมนต์

    เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้องเล่าอีกว่า ต่อมาญาติโยมไปกันบ่อย พอกลางๆ พรรษาเลยมาเที่ยวดูวัดแห่งนี้ พอเห็นวัดแล้วบังเอิญว่าเคยฝันเห็นที่นี่มาก่อน เลยรับปากว่าออกพรรษาแล้วจะไปเป็นเจ้าอาวาส...

    จนอยู่ที่นี่ 14 ปีกว่าแล้ว ซึ่งหากพูดถึงตอนมาอยู่ใหม่ๆ จากตัวอำเภอด่านมะขามเตี้ย มาถึงนี่ เป็นถนนลูกรัง วัดนี้มีโบสถ์แล้วแต่ก่ออิฐแดงไว้ ยังไม่สมบูรณ์ จึงร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านช่วยกันสร้างจนเสร็จ สร้างเป็นกุฏิทรงไทย และปรับปรุงศาลาให้ดีขึ้น ฉะนั้นของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมจึงรื้อออกและสร้างใหม่หมดเลย เงินที่นำมาทำการก่อสร้าง ก็ได้มาจากญาติโยม จากเงินสลึง... เมื่อก่อนเงินสลึงใช้ได้ สลึง ห้าสตางค์ หนึ่งบาท ร้อยบาท ได้จากโยมที่อยู่แถวนี้บ้าง มาจากที่ไกลๆ บ้าง ซึ่งส่วนมากญาติโยมแถววัดเป็นคนหาเช้ากินค่ำ พัฒนาลำบาก จึงต้องขอแรงจากคนภายนอกมาช่วยกันพัฒนา เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทุกท่าน

    พระครูใบฎีกานเรศเล่าให้ฟังอีกด้วยว่า ต่อมาหลวงพ่อสร้างจนเสร็จเป็นโบสถ์ และจัดงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2545 จากนั้นสร้างวิหารหลังใหญ่ให้เป็นวิหารขาว ในวิหารมีพระพุทธรูปและเป็นที่สวดมนต์นั่งสมาธิ โดยมีพระพุทธรูป ซึ่งญาติโยมทั่วไปเรียก หลวงพ่อชินราช

    ส่วนตึกใหญ่ด้านหลังที่กำลังสร้างเอาไว้นั่งสมาธิภาวนากันเพราะว่าคนส่วนมากที่ลำบาก เขามีความเครียด หรือที่สบายแล้ว เขาอยากจะหาความสุขทางใจเป็นพิเศษ จึงหันหน้าเข้าวัดมาสวดมนต์

    "เมื่อก่อนที่มาอยู่วัดนี้ใหม่ๆ จะเห็นเป็นดวงแก้วลอยขึ้นมาจากพื้นที่ตรงที่สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ (ขนาดหน้าตักกว้าง 10 วา 1 ศอก 8 นิ้ว หรือ 20 เมตร 70 เซนติเมตร ความสูง 32 เมตร 16 วา) หากเป็นตำราโบราณเขาเรียกว่า มีสมบัติโบราณฝังไว้ ถ้าเป็นทางพระท่านจะบอกว่า คงจะมีพระบรมสารีริกธาตุปรากฏลอยขึ้นมา หากเป็นญาติโยมบอกว่ามีสมบัติฝังไว้ จึงคิดสร้างพระองค์ใหญ่ไว้ตรงนั้น ชาวบ้านจะได้ไม่เดินผ่านเหยียบย่ำ หรือไปทำเลอะเทอะ อาจจะมาโทษกันภายหลังว่า มีภัยเพราะไปเหยียบตรงนั้น และโดยเฉพาะจะสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ให้ชาวบ้านแถวนี้ได้ระลึกนึกถึงคุณพระกัน เป็นที่พึ่งทางใจของเขา ไปไหนมาไหนกลางคืนมืดๆ เห็นพระแล้วหายกลัวได้" พระครูใบฎีกานเรศกล่าว และว่า สมเด็จพระปฐม ถือเป็นพระองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เงินในการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 8 ล้านบาท คาดว่าใช้งบอีก 2 ล้านบาทจะแล้วเสร็จ เพื่อให้ออกมาสวยงามมากที่สุด... เพื่อให้เป็นสมบัติพระพุทธศาสนาถวายพุทธบูชาได้เป็นที่พึ่งพิงของญาติโยมทั่วไป... "


    ตัดตอนจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพุธ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 หน้า 24...
     
  19. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ประวัติ (ย่อ) หลวงพ่อโนรี

    "... พระครูใบฎีกานเรศ ปิยธมฺโม (พระอาจารย์โนรี)... เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้อง (ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จงกาญจนบุรี)

    เล่าให้ฟังว่า... ได้บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ 28 - 29 ปี ที่วัดหนองไม้แก่น ต.หนองลาน อ.ท่ามะกา มีหลวงพ่อช่อ เป็นเจ้าอาวาส โชคดีได้ครูอาจารย์ดี หลวงพ่อช่อ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่แช่ม หลวงพ่อจันทร์ ซึ่งหลวงปู่ทั้งสองท่านมีชื่อเสียงมาก สอนหลักปฏิบัติทางพระ การไหว้พระ รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา การทำสมาธิ สอนพิเศษก็เป็นเรื่องคาถาอาคม จริงๆ ก็เป็นพระกรรมฐาน

    เมื่อประมาณปี 2538 ก่อนเข้าพรรษา โยมที่นี่ไปนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ แต่ว่าปี 2538 นั้นไม่ได้มาเพราะว่าอายุยังน้อย พรรษายังน้อย ความรู้ความสามารถไม่มีอะไร ก็ไม่รับปากญาติโยมที่ไปนิมนต์

    เจ้าอาวาสวัดหนองหญ้าปล้องเล่าอีกว่า ต่อมาญาติโยมไปกันบ่อย พอกลางๆ พรรษาเลยมาเที่ยวดูวัดแห่งนี้ พอเห็นวัดแล้วบังเอิญว่าเคยฝันเห็นที่นี่มาก่อน เลยรับปากว่าออกพรรษาแล้วจะไปเป็นเจ้าอาวาส...

    จนอยู่ที่นี่ 14 ปีกว่าแล้ว ซึ่งหากพูดถึงตอนมาอยู่ใหม่ๆ จากตัวอำเภอด่านมะขามเตี้ย มาถึงนี่ เป็นถนนลูกรัง วัดนี้มีโบสถ์แล้วแต่ก่ออิฐแดงไว้ ยังไม่สมบูรณ์ จึงร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านช่วยกันสร้างจนเสร็จ สร้างเป็นกุฏิทรงไทย และปรับปรุงศาลาให้ดีขึ้น ฉะนั้นของเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมจึงรื้อออกและสร้างใหม่หมดเลย เงินที่นำมาทำการก่อสร้าง ก็ได้มาจากญาติโยม จากเงินสลึง... เมื่อก่อนเงินสลึงใช้ได้ สลึง ห้าสตางค์ หนึ่งบาท ร้อยบาท ได้จากโยมที่อยู่แถวนี้บ้าง มาจากที่ไกลๆ บ้าง ซึ่งส่วนมากญาติโยมแถววัดเป็นคนหาเช้ากินค่ำ พัฒนาลำบาก จึงต้องขอแรงจากคนภายนอกมาช่วยกันพัฒนา เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทุกท่าน

    พระครูใบฎีกานเรศเล่าให้ฟังอีกด้วยว่า ต่อมาหลวงพ่อสร้างจนเสร็จเป็นโบสถ์ และจัดงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิต เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2545 จากนั้นสร้างวิหารหลังใหญ่ให้เป็นวิหารขาว ในวิหารมีพระพุทธรูปและเป็นที่สวดมนต์นั่งสมาธิ โดยมีพระพุทธรูป ซึ่งญาติโยมทั่วไปเรียก หลวงพ่อชินราช

    ส่วนตึกใหญ่ด้านหลังที่กำลังสร้างเอาไว้นั่งสมาธิภาวนากันเพราะว่าคนส่วนมากที่ลำบาก เขามีความเครียด หรือที่สบายแล้ว เขาอยากจะหาความสุขทางใจเป็นพิเศษ จึงหันหน้าเข้าวัดมาสวดมนต์

    "เมื่อก่อนที่มาอยู่วัดนี้ใหม่ๆ จะเห็นเป็นดวงแก้วลอยขึ้นมาจากพื้นที่ตรงที่สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ (ขนาดหน้าตักกว้าง 10 วา 1 ศอก 8 นิ้ว หรือ 20 เมตร 70 เซนติเมตร ความสูง 32 เมตร 16 วา) หากเป็นตำราโบราณเขาเรียกว่า มีสมบัติโบราณฝังไว้ ถ้าเป็นทางพระท่านจะบอกว่า คงจะมีพระบรมสารีริกธาตุปรากฏลอยขึ้นมา หากเป็นญาติโยมบอกว่ามีสมบัติฝังไว้ จึงคิดสร้างพระองค์ใหญ่ไว้ตรงนั้น ชาวบ้านจะได้ไม่เดินผ่านเหยียบย่ำ หรือไปทำเลอะเทอะ อาจจะมาโทษกันภายหลังว่า มีภัยเพราะไปเหยียบตรงนั้น และโดยเฉพาะจะสร้างไว้เป็นอนุสรณ์ให้ชาวบ้านแถวนี้ได้ระลึกนึกถึงคุณพระกัน เป็นที่พึ่งทางใจของเขา ไปไหนมาไหนกลางคืนมืดๆ เห็นพระแล้วหายกลัวได้" พระครูใบฎีกานเรศกล่าว และว่า สมเด็จพระปฐม ถือเป็นพระองค์ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี ใช้เงินในการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 8 ล้านบาท คาดว่าใช้งบอีก 2 ล้านบาทจะแล้วเสร็จ เพื่อให้ออกมาสวยงามมากที่สุด... เพื่อให้เป็นสมบัติพระพุทธศาสนาถวายพุทธบูชาได้เป็นที่พึ่งพิงของญาติโยมทั่วไป... "


    ตัดตอนจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพุธ ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 หน้า 24...
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    <table id="post4605139" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">[​IMG] วันนี้, 12:00 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #30 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> padsakron
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2009
    ข้อความ: 18
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]

    </td> <td class="alt1" id="td_post_4605139" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อยากเดินทางไป ร่วมด้วยครับ ภาสกร 0811469193
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> [​IMG] [​IMG] [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...