แจกแผ่นยันต์หนุนดวงชะตาฟรี

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย เด็กไร้เดียงสา, 5 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    ครับ เมื่ออุคหนิมิตหมดไป ผมสูดลมหายใจเข้าจะสามารถรับรู้ถึงพลังเข้ามาทางศรีษะได้อย่างชัดเจนครับ
     
  2. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    อนุโมทนาสาธุๆๆๆ
     
  3. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    ผมเปิดดูแล้วเจ้าตัวเล็ก ขวบครึ่งชอบใหญ่เลยมานั่งดูด้วยแล้วบอกว่าษี ษี
    สำหรับผมเพ่งดูแล้วรู้สึกว่าจะเปลี่ยนเป็นแต่องค์หนุ่มขึ้น หลังจากมองที่ผนังแล้วกลับเป็นพระพุทธเจ้า ลองทำอีกที่ก็เป็นเช่นเดิม ทำไมกลายเป็นพระพุทธเจ้าไปได้ล่ะครับอาจารย์ บอกทีสังสัยจัง

    และขออนุญาติเซฟรูปทั้งสองนี้ไว้ลองทำเวลาสมาธิดีแล้วกันนะครับ
     
  4. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    (good) ก่อนอื่มต้องขอชมก่อนนะครับว่าเยี่ยมครับ(นานๆทีผมจะชมใครแบบชัดเจนเสียที) แสดงว่าคุณมีการพัฒนาการทางจิตทางสมาธิได้ดีมากๆครับขอโมทนาไม่เสียแรงเลยที่มอบวิชาให้เพื่อสงเคราะห์คน
    ที่คุณมองเห็นจริงครับ ดูหนุ่มๆๆมากครับแต่คงแต่งชุดลายเสือเหมือนเดิมครับแต่ดูหนุ่มเหมือนอายุ20เศษๆและที่สำคัญนะครับบนศรีษะท่านจะไม่มียอดเป็นดอกลำโพงแบบในรูปแต่เป็นลักษณะคล้ายสวมหมวกกลมลายเสือแทน
    และที่มองที่พนังเห็นเป็นพระพุทธองค์ก็เพราะตอนที่ผมกำหนดจิตทำจุดสีฟ้านั้น ได้อาราธนาบารมีคุณพระรัตนตรัยเทวดาเทพพรหมท่านมารักษาในรูปภาพนี้ให้เกิดพลังงานบางอย่างขึ้น คุณมองไม่ผิดหรอกครับตรงตามที่คุณเห็นเลย
    และที่สำคัญนะครับ อย่าลืมว่าในพระพุทธประวัติพระพุทธองค์ท่านทรงมีฤาษีเป็นบรมครูผู้สอนในการบำเพ็ญเพียรเป็นผู้แรก ท่านทรงนับว่าฤาษีคือครูท่านแรกของพระองค์ครับ ที่ทรงทำให้พระพุทธองค์ทรงบรรลุสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ ดังนั้นไม่แปลกเลยครับ บอกตรงๆเลยนะครับไม่ว่าจะเป็นรูปฤาษีใดๆก็ตามจะมีพลังพุทธานุภาพของพระพุทธองค์ท่านเป็นประธานอยู่ทั้งหมดครับ มิได้มีแค่พลังสายญาณของปู่ฤาษีท่านแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
    ขอโมทนาสาธุๆๆๆๆดีๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  5. keh

    keh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +505

    อนุโมทนาบุญค่ะทุกท่าน
     
  6. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    เรื่องตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อ

    มีท่านนึงถามผมมาว่าได้บูชาตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อสาริกาฯลฯจากหลายที่แต่ไม่เห็นมีคุณวิเศษตามที่ได้กล่าวเอาไว้เลยอย่างมากก็มีแค่เพียงเมตตาเล็กๆๆน้อยๆเท่านั้น เขาชอบสะสมเครื่องรางทางด้านเมตามหาเสน่ห์มานานหลายปีแล้วสะสมแต่ตะกรุดสาริกานี้อย่างเดียว พอที่อื่นสร้างขึ้นมาโฆษณาว่าดีเยี่ยมเขาก็บูชามาแต่ผลที่ได้ทำไมไม่มีมากตามที่บอก
    ตอบ (ผมตอบตรงๆนะ) ตะกรุดสาริกานั้นสามารถทำแยกออกเป็นได้หลายสายวิชาครับ มีทั้งแบบเป็นแค่เมตตาธรรมดา มหานิยม ละลวย(ลุ่มหลง) เสน่ห์ (ความผูกพันทางด้านกามมารมณ์)
    ดังนั้น ต้องดูว่าตะกรุดสาริกาที่คุณบูชานั้น จัดอยู่ในประเภทใด เช่น
    1 ตะกรุดสาริกาคาบเหยื่อ ชื่อตะกรุดเหมือนกันแต่มีกรรมวิธีทางการทำไม่เหมือนกันครับ
    ถ้าเป็นทางพระท่านสร้างก็จะใช้ลงยันต์สาริกาที่แผ่นแล้วม้วนเป็นตระกรุด แล้วปลุกเสก ในส่วนนี้จะได้แค่ เมตตาธรรมดาเท่านั้นครับ จะไม่ส่งผลเรื่องทางละลวยหรือเสน่ห์ใดๆ เพราะวัตถุที่ทำนั้นมาตามภูมิธรรมกับสถานะที่เป็นอยู่ ท่านเป็นพระถ้าเสกแบบเสน่ห์ก็งานเข้าแล้วครับ ถึงจะเสกแบบให้ผลทางเสน่ห์ก็ทำไม่ได้ครับเพราะผิดศีลธรรม และต้องอาบัติในพระวินัยด้วย (อันนี้ตอบตามจริงเลยนะครับ)
    2 ตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อ ชื่อเหมือนอันแรก แต่จัดทำจากอาจารย์ทางฆราวาสเป็นผู้สร้าง อันนี้ถ้าตัวอาจารย์เป็นผู้รู้เรียนมาจริงแบบครบถ้วนกระบวนความ และตั้งใจทำเพื่อให้เกิดผลทางด้านละลวย และเสน่ห์ โดยตรง อันนี้มีสิทธิ์ให้ผลทางด้านเสน่ห์ที่หวังได้ครับ
    เพราะสภาวะในการทำการเดินจิตทางด้านนี้ฆราวาสทำได้แบบสบายๆครับ เพราะเป็นเรื่องโลกีย์ยะ อยู่ ตามสภาพ แต่การจัดสร้างตะกรุดสาริกานี้ไม่ใช่ธรรมดานะครับ มีวิชาในการทำแบบพิสดารพันลึกเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่นึกอยากทำก้เอายันต์มาเขียนหรือยิ่งร้ายไปกว่านั้นเล่นใช้เครื่องปั้มยันต์เลยก็มี ลงในตะกรุดแล้วมาเสกอันนี้ไม่ได้ผลทางด้านเสน่ห์มากนักเท่าใดครับ (ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะครับ ผมขอเปิดเผยวิชาทำตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อทางด้านละลวยเสน่ห์โดยตรง เพื่อประดับความรู้กันได้บ้างพอประมาณ ดังนี้ครับ)
    วิธีการทำตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อแบบให้ผลทางด้านเสน่ห์โดยตรง
    1 ก่อนอื่นให้จัดหา คู่รักสามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานแล้วและอยู่กันอย่างมีสุขมากกว่าทุกข์ มาให้ได้ก่อน 1 คู่
    2 เมื่อหาได้แล้วให้จัดเตรียมหาวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ มาเพื่อหล่อหลอมเป็นแผ่นตะกรุด (ไม่ใช่ไปซื้อแผ่นตะกรุดมาจากร้านค้าแล้วเอามาทำ)
    3 เมื่อเตรียมของทั้งสองอย่างครบแล้ว ให้เรียกสามีภรรยาคู่นั้นมา แล้วตรวจดูว่าดวงชะตาทั้งสองคนนั้นมีจุดสมพงศ์ที่ดีต่อกันมากขนาดไหน ถ้าได้คุณสมบัตฺตามที่ต้องการก็ดำเนินการต่อไป
    4 สอนการเขียนยันต์ ให้กลับ สามี และภรรยาคู่นั้น จนเขาทั้งสองสามารถเขียนได้ตามตำรา
    5 ทีนี้มาถึงเคล็ดลับที่สำคัญครับ เป็นเรื่องทางโลกครับ มิใช่สกปรกลามกอะไร คือให้สองคนนั้นเสพกามกัน ในระหว่างเสพกามนั้นให้ผลัดกันลงอักขระโดยต้องเอาแผ่นที่จะทำตะกรุดนั้นมาวางที่หน้าอกของแต่ละคนแล้วผลัดกันเขียนยันต์ เมื่อเขียนเสร็จแล้วให้ฝ่ายสามีคาบตะกรุดเอาไว้แล้วป้อนใส่ปากให้ภรรยาคาบตะกรุดต่อ จนเสร็จสิ้น กระบวนการ
    6 เมื่อได้แผ่นตะกรุดมาแล้วก็นำเอามาปลุกเสกตามเคล็ดวิชาอีกทีนึงแล้วทำการทดสอบให้นำไปใช้เมื่อได้ผลแล้วถึงจะมาให้บูชาหรือแจกจ่ายกันไปครับ
    (ปล นี่เป็นวิธีทำตะกรุดสาริกาป้อนเหยื่อ ทางด้านเสน่ห์ โดยตรง ผมเอามาเปิดเผยให้ทราบพอสังเขป จริงๆแล้วไม่อยากตอบในเรื่องวิชาทางด้านนี้มากครับ อยากให้สนใจธรรมะมากกว่า แต่เมื่อมีผู้ถามมาผมก้จะตอบให้ไปตามเท่าที่สามารถตอบได้ตามสมควร ครับคำถามและคำตอบนั้นเหมือนดาบสองคมอยู่ตลอด เดี๋ยวมีคนไม่เข้าใจจะว่ากันได้ว่าตกลงจะสอนวิชาประเภทนี้กันหรือไง ทำไมไม่สอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้น มันพูดยากครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  7. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ
     
  8. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    วันนี้ขอตัวพักผ่อนก่อนครับพรุ่งนี้จะมาเฉลยว่าเพราะเหตุผลใดผมถึงให้ท่านเพ่งภาพนิมิตทั้งสองภาพ แล้วทำไมบางท่านมองเห็นเป็นคนละอย่างครับ(ปล ทุกอย่างมีเหตุมีผลในตนเองทั้งสิ้นครับ)ถ้าท่านใดรู้คำตอบก็สามารถตอบก่อนผมมาเฉลยให้ฟังก้ได้นะครับจะได้ทราบว่าภูมิธรรมการปฏิบัติของแต่ละท่านเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วคัรบ
    ขอความเจริญในทางโลกและทางธรรมจงบังเกิดแด่ทุกท่านครับขอโมทนา
     
  9. keh

    keh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +505
    เพ่งดูภาพ

    ภาพหลวงปู่ดู่นั้น เก๋เห็นเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเปลี่ยนเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ยิ้มนิด ๆ หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่มั่น หลวงปู่ดู่ ท่านพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์ เหมือนท่านปู่ฤาษีมีเคราสีขาวไม่ยาวมากนัก ทรงชุดนุ่งขาวห่มขาว


    ภาพที่สอง ท่านบรมครูปู่ฤาษี เห็นเป็นภาพองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเปลี่ยนเป็นท่านพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์


    เกี่ยวกับความเนื่องความผูกพันด้วยใช่ไหมคะ ท่านอ. ว่าเราได้พบครูบาอาจารย์เดิมของเรา และผู้มีพระคุณที่เคยสั่งสอนเรามาในกาลก่อน ทำอะไรไม่ควรลืมท่านใช่ไหม (เพราะท่านคอยช่วยอยู่) รวมถึงเป็นการให้ทราบในสิ่งที่เราควรจะศึกษาเพื่อให้ตรงกับจริต และของเดิมที่สะสมมาในกาลก่อน

    รอให้อ.คนวัดมาตอบให้ รอ"ธรรมทาน" จากท่านอาจารย์ อยากอ่านอยากอ่าน

    สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้อ.คนวัด รวมถึงญาติธรรมทุกท่าน สำเร็จดั่งที่หวัง บรรลุธรรมได้โดยง่ายและฉับพลัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2009
  10. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    รอ อ. มาอธิบายด้วยครับ
    ลองครั้งที่ 1
    รูปแรกผมผมเห็นเป็นหลวงปู่ดู่ก่อน แล้วทางขวามีอีกรูปแต่เห็นเพียงเงา
    พอกระพริบตาภาพหลวงปู่ดู่เปลี่ยนไปเป็นองค์อื่น ซึ่งค่อนข้างจะไม่ชัดและผมไม่ทราบว่าเป็นองค์ไหน
    หลังจากนั้นทุกครั้งที่กระพริบตาก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นอีกองค์ไปอีก แต่ความชัดก็ลดลงเรื่อยๆจนมองไม่เห็น

    ส่วนรูปที่ 2 มองไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงครับ ตอนมองรูปไปเรื่อยๆ ภาพจะเหมือนสั่นๆ เหมือนมองภาพ 3 มิติ
    พอมองผนังภาพจอจะชัดมาก แต่ภาพบุคคลเห็นเพียงเงาทึบ บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร

    ลองครั้งที่ 2
    ภาพที่ 1 เห็นหลวงปู่ดู่ และเหมือนภาพหลวงปู่ดู่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นอีกองค์ที่ซ้อนอยู่ (ไม่ได้เปลี่ยนตอนกระพริบตาเหมือนตอนครั้งแรก) ครั้งนี้เห็นได้นานกว่าตอนลองครั้งแรก
    ภาพที่ 2 คล้ายๆครั้งที่ 1 แต่มองผนังแล้ว กายที่เห็นความทึบน้อยลง แต่ก็มองไม่เห็นว่าเป็นอะไรเช่นเดิม ครั้งนี้มองเห็นไม่ชัดเท่าครั้งแรก และมองเห็นแป๊บเดียว

    รบกวน อ. ช่วยขยายความให้พอเข้าใจด้วยครับ
    ว่าทำไมมอง 2 ครั้งไม่เหมือนกัน ขึ้นกับสมาธิในขณะนั้นๆหรือย่างไร
    ทำไมผมมองภาพที่ 1 ได้ดีกว่าภาพที่ 2

    ขอบคุณครับ
     
  11. audi1416

    audi1416 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +853
    มี 3 จุดครับ ให้มองที่จุดใหนครับ หรือว่ามองรวมๆกันทั้ง 3 จุด
     
  12. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ที่ถามนั้นนั้นเข้าใจถูกต้องแล้วครับ อนุโมทนาบุญด้วย
     
  13. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ให้เพ่งมองทั้งสามจุดครับ แล้วจะเห็นภาพในมโนฯ ครับผม
     
  14. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ตอบตามลำดับนะครับ
    ที่คุณมองเห็นนั้นไม่ผิดครับถูกต้องแล้ว ทีนี้เรื่องของการมองเห็นนั้นขึ้นอยู่กลับพลังสมาธิพลังจิตของแต่ละบุคคลครับ
    การที่มองเห็นแล้วชัดเจนในตอนแรกนั้นเป็นเพราะจิตยังมีพลังที่แน่วแน่อยู่มากครับ พอจิตเริ่มคลายตัวภาพของการมองเห็นก็จะคลาดเคลื่อนหรือมีความชัดเจนน้อยลงไปเรื่อยๆ (ถ้าอยากมองเห็นภาพดังกล่าวในมโนภาพนานให้ฝึกการทรงอารมณ์ญาณในสมาธิครับจะสามารถมองเห็นภาพนั้นได้นานตามที่ต้องการได้ครับ)
    ส่วนภาพที่สองนั้น ผมได้อธิษฐานเอาไว้ครับ คนที่จะมองเห็นภาพปู่ฤาษีได้ในภาพที่สองนั้นต้องมีบุญที่เกี่ยวเนื่องกับองค์ท่านมาก่อนครับและในอดีตต้องเคยบำเพ็ญเพียรแบบฤาษี มาก่อนถึงจะมองเห็นชัดเจนมาก
    (แต่ที่คุณมองเห็นอย่างนั้นก้ไม่ผิดอีกเช่นกันครับ เพียงแต่คุณอาจจะไม่มีบุพกรรมที่เกี๋ยวเนื่องกับทางสายญาณปู่ฤาษีครับ จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพอาทิสมาณกายของท่านได้ )
    กำลังจิตในการมองของคุณทั้งสองภาพมีพลังเท่ากันครับ แต่คุณอาจทรงอารมณ์ในกำลังสมาธิได้ไม่นานครับ จึงทำให้เห็นชัดเจนได้เพียงชั่วครู่ อารมณ์ที่มองเห็นในขณะนั้นเป็นระดับของสมาธิที่ผ่านขณิกสมาธิเป็นอุปจารสมาธิครับ (แต่คุณมองเห็นไม่ผิดครับถูกต้องแล้วครับ)
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2009
  15. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    เฉลยเรื่องการเพ่งมองภาพ

    มาเฉลยกันครับว่าทำไมผมถึงนำภาพทั้งสองภาพนี้มาให้ท่านเพ่งมองกัน
    1 ภาพทั้งสองภาพนี้มีพลังงานที่แฝงอยู่ภายในครับ ถ้าท่านใดมองเห็นภาพเกิดขึ้นในมโนภาพได้ชัดเจนแล้วมองเห็นภาพนั้นเป็นท่านใด แสดงว่าท่านมีกำลังบุญที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่หลวงพ่อท่านในภาพที่ท่านเห็นครับ
    2 กำลังของการมองเห็นอาจมีแตกต่างกันไปบ้างแต่ไม่มากครับ เพราะการมองเห็นนั้นขึ้นอยู่กับพลังจิตและพลังสมาธิของแต่ละท่าน จึงอาจทำให้มองเห็นไม่เหมือนกันอาจแตกต่างกันบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
    3 ภาพที่นำมานั้นเป็นการทำให้ท่านได้สัมผัสกับพลังงานในโลกทิพย์ตามกำลังบุญของแต่ละบุคคล และบางท่านอาจคลายความสงสัยไปได้ในระดับนึงว่าในโลกทิพย์นั้นมีจริงหรือไม่ แม้แต่บางท่านที่ยังเคลือบแคลงสงสัยว่า หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรนั้นท่านเป็นใครมีรูปร่างที่แท้จริงเช่นใด ท่านเพ่งมองภาพนี้แล้วถ้าท่านมีบุญสัมพันกับหลวงปู่ท่านท่านจะเห็นหลวงปู่ท่านได้อย่างชัดเจนครับ
    4 การเพ่งมองนั้นเป็นการฝึกสมาธิแบบระยะเวลาสั้นๆแต่ได้ผลครับใช้กำลังของสมาธิน้อยแต่ได้รับพลังงานทางสมาธิสูง บางท่านฝึกสมาธิมานานแต่ยังไม่เคยได้สัมผัสกับภาพทางโลกทิพย์ พอได้เพ่งมองภาพดังกล่าวแล้วท่านจะสัมผัสได้ตามที่ท่านมีกำลังบุญอยู่เป็นการเพิ่มความศรัทธาในการปฏิบัติให้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
    5 เป็นการวัดระดับสมาธิของแต่ละท่านด้วยตนเองครับที่จะทำให้รู้ว่าสมาธิของแต่ละท่านมาถึงระดับใดแล้วมีอะไรที่ดีที่ต้องแก้ไขบ้าง ภาพนี้เหมือนเป็นการสอบอารมณ์กรรมฐานได้ในระดับนึง
    6 ภาพที่ท่านมองเห็นในสมาธิไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอุปาทานครับ เพราะในภาพทั้งสองภาพนั้นมีพลังงานอยู่จริงครับแล้วได้อธิษฐานกำกับเอาไว้อีกครั้งนึงครับ เพียงแต่ว่าเวลาเพ่งมองให้ทำใจสบายๆ อย่าไปนึกอยากมองเห็นมากนัก คิดเสียว่าเห็นก้ดีไม่เห็นก็ไม่เป็นไรทำดีเรื่อยไป ซักวันคงมองเห็นได้เหมือนท่านอื่นๆบ้าง
    7 ท่านที่สามารถมองเห็นได้นั้นผมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับขอให้ท่านสร้างความดีต่อไปปฏิบัติธรรมต่อไปครับ เพื่อสะสมเสบียงบุญให้กับตัวท่านเองครับได้มากขึ้น
    8 ภาพนี้มีคุณพิเศษครับเวลาที่ท่านมีเรื่องทุกข์ใจหรือเดือดร้อนใดๆก็ตาม ให้เพ่งภาพนี้แล้วอธิษฐานถามในการแก้ไขปัญหาต่างๆในตัวท่านได้ กำลังพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวดาเทพพรหม หลวงปู่หลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์ให้ตามกำลังบุญครับ (ปลขอให้อธิษฐานในความถูกต้องประกอบด้วยศีลธรรมนะครับไม่ใช่อธิษฐานที่เจือปนไปด้วยกิเลสมากมายนัก)
    9 ภาพทั้งสองภาพนี้ท่านเก็บไว้ได้เลยครับอาจทำเป็นกรอบรูปใส่ภาพไว้บูชา เพราะภาพทั้งสองภาพนี้มีพลังงานอยู่มากครับ
    ขออนุโมทนาในการทำดีการปฏิธรรม ของทุกท่านด้วยใจจริงครับ และขอให้ทุกท่านมีความเจริญทั้งทางโลกทางธรรมตามผลบุญที่กระทำไว้ทุกท่านด้วยเทอญ
    อ คนวัด
    (ปลท่านใดมองเห็นเป็นอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังได้นะครับหรือมีข้อสงสัยอย่างใดเชิญสอบถามได้ครับถ้าผมพอทราบผมก็จะตอบให้ตามลำดับครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2009
  16. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    การขอพรเทพเทวา

    เคล้ดลับในการขอพรเทพเทวาครับ
    มีหลายท่านที่ได้มีโอกาสมาพบผมที่บ้านมาเยี่ยมเยียน บางท่านก็อุตสาห์ยังแวะซื้อขนมอร่อยๆมาฝาก ส่วนมากผมก็มักจะให้ขนมกับลูกศิษย์คนที่มารอเอาไปทานกันโดยมากบางวันผมรับแขกเป็นเวลานานๆ นั่งไปนั่งมาฝูงมดมาตอมที่ขนมก็เลยเอ้าเองเอาขนมนี่ไปกินเรียกลูกศิษย์มาถ้าอร่อยยกบุญให้คนที่ซื้อมาด้วยนะ แต่ถ้าไม่อร่อยห้ามบอกนะเดี๋ยวอดกินอีก55 อย่างไรต้องขอบคุณในความมีน้ำใจที่ยังอุตสาห์ซื้อมาฝากผม หลายคนที่มานั่งรอพบผมเลยได้อานิสงฆ์ของขนมไปด้วย
    เอ้าเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ มีหลายคนถามผมาว่าตัวผมเองเวลาขอพรเทพเทวานั้นทำอย่างไร ผมทำอย่างนี้ครับ
    1 เวลาสวดมนต์หลังจากสมาทานศีลขอขมาพระรัตนตรัย บิดามารดาเทวดาเทพพรหมแล้ว ก็สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
    2 แล้วสวดชุมนุมเทวดาท่านให้มาร่วมฟังธรรมด้วย ถือว่าเป็นเทวตานุสติไปด้วยในตัวทำอะไรอย่าลืมเทวดาเทพพรหมท่านควรน้อมจิตอาราธนาท่านมาอนุโมทนาบุญกับเราด้วยทุกครั้ง
    3 หลังจากนั้นก็สวดคาถาบูชาเทวดา ตามลำดับ ส่วนมาก ผมจะสวดบทธรรมจักรตอนช่วง ที่สวดสรรเสริญเทวดาแต่ละชั้น คือบทที่สวดขึ้นต้น ด้วยภุมมานังเทวานัง สัทธังสุตวาฯลฯ และก็สวดไปตามลำดับชั้น ตั้งแต่ชั้นจาตุมไปจนถึงอกนิษฐาพรหมฯ
    4 และผมจะตามด้วยพระคาถาชินบัญชร
    5 หลังจากนั้นผมก้จะอธิษฐานขอพรเทพเทวดาเลยว่าเรามีความประสงค์ให้ท่านเมตตาในเรื่องอะไรบ้าง (แต่เอาตามกำลังบุญนะอย่าโลภมาก)
    6 หลังจากนั้นผมถึงจะกล่าวคำถวายของสักการะบูชา (มีหลายคนถามว่าทำไมผมไม่ถวายของก่อนแล้วกล่าวคำสักการะขอพรทีหลัง ในเรื่องนี้ ท่านลองมานึกถึงเวลาที่เราไปนั่งทานในงานเลี้ยงถ้าเราสั่งอาหารมาให้รับทานกันก่อนหลายท่านที่มารับทานคงไม่ค่อยมีใครสนใจฟังสิ่งที่เราพูดซักเท่าไหร่เพราะติดในการชิมรสอาหารอยู่ ) ดังนั้นผมจึงกล่าวขอพรก่อนแล้วถึงกล่าวคำถวายอาหารในภายหลัง เทวดาท่านมาแค่อนุโมทนาส่วนอาหารที่ถวายนั้นจะได้แก่เหล่าบริวารของท่าน
    7 หลังจากนั้น ผมก็จะสวดด้วยมนต์บทนี้ครับ เทวะตาทิสสะทักขิณานุโมทะนาคาถา แล้วตามด้วยบทเทวะตาภิสัมมันตะนะคาถา เป้นการกล่าวถึงเทวตานุสติ
    8 พอธุปหมดดอกผมก็จะกล่าวขอพรซ้ำอีกครั้งนึงแล้วกล่าวคำลาเครื่องสังเวย
    9 หลังจากนั้นก็น้อมถวายบุญให้เทพเทวดาท่านตามที่เราได้ทำมา
    10 หลังจากทำพิธีกรรมดังกล่าวเสร็จแล้วผมก็จะสวดบทส่งเทพเทวาท่าน (แต่ส่วนมากผมจะไม่ค่อยสวดบทส่งท่านเท่าไหร่) ถือว่าท่านมาสงเคราะห์เราแล้วอยากให้ท่านเมตตาอยู่กับเรานานตามสมควร
    12 แล้วถึงสวดกราบบูชาขอขมาพระรัตนตรัยอีกครั้งเป้นอันเสร็จพิธีการ
    ท่านใดจะลองนำไปใช้ดูแบบที่ผมทำก้ได้นะครับ แล้วท่านจะเห็นว่าขอพรได้สำเร็จรวดเร็วขึ้น(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับบุญที่ท่านทำเป็นหลักและตามกฏแห่งกรรมด้วยนะครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2009
  17. สุคะตะถะ

    สุคะตะถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +839
    ผมลองให้เพื่อนเพ่งดู เป็นสามี ภรรยาคู่ที่ผมเคยพาไปหาอาจารย์ครั้งก่อน
    ผู้ชายภาพแรกเห็นเป็นหลวงปู่โต หลวงปู่คร่ำ ระยอง และเป็นพระหนุ่ม แล้วก็แก่ และเป็นผู้หญิงด้วยแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ภาพที่สองเป็นฤาษี 2 องค์และไม่มีลายสำหรับผ้าที่ห่มเป็นสีเหลืองอย่างเดียว
    ผู้หญิง ภาพแรกเห็นเป็นหลวงปู่โตเช่นกัน ภาพที่สองเป็นฤาษีแต่นุ่งขาวทั้งหมดครับ
    แบบนี้จะให้บูชาอย่างไรครับ หรือ ปฎิบัติตนเช่นไร ผมให้เซฟรูปไว้เพื่อฝึกต่อไปครับ
     
  18. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ตอบให้บูชาหลวงปู่หลวงพ่อตามที่สามารถเห้นได้ชัดเจนส่วนที่ยังไม่ชัดเจนก้พยายามทำบุญทำความดีต่อไปสิ่งเห็นไม่ชัดเจนจะเห็นชัดเจนได้เองครับ
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับทั้งสองคนมีเทพเทวารักษาตัวอยู่ตามที่ผมได้บอกไปในครั้งที่มาพบผม
     
  19. เด็กไร้เดียงสา

    เด็กไร้เดียงสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,024
    ค่าพลัง:
    +3,303
    ตอนนี้ขอตัวรับแขกก่อนนะครับ มีแขกนัดพบไว้ (จริงๆแล้ววันนี้ตั้งใจเดินทางไปอุทัยธานีครับ ที่วัดท่าซุง พอดีมีธุระ บางอย่าง และที่สำคัญรถดันเอาซ่อมเลยไม่สามารถไปในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ได้ คงต้องไปวันธรรมดาที่จะถึงนี้)
    ดึกๆจะเข้ามาในกระทู้อีกครั้งครับใครมีอะไรถามไว้ครับจะมาตอบให้ตามที่พอทราบ
     
  20. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    เรียนถาม อ. หรือท่านผู้ 2 เรื่องครับ

    1. การเขียนแผ่นดวงสำหรับใช้เป็นชนวน หรือบรรจุใต้องค์พระนั้น สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้วเปลี่ยนนามสกุล หรือคนที่เปลี่ยนชื่อ ให้เขียนชื่อเดิมเมื่อเกิด หรือใช้ชื่อปัจจุบันครับ

    2. ไม่ทราบว่าการส่งวัตถุมงคลไปบรรจุ หรือใช้เป็นชนวนหล่อพระนั้นมีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่าครับ

    จากกระทู้นี้ของคุณ guawn ครับ
    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...-สูง2-2-เมตรถวาย-ณ-วัดหัวเมือง-จ-น่าน.171742/
    - พระธาตุ เข้าใจว่าถ้าสร้างพระสิวลีก็ควรรับเฉพาะพระธาตุพระสิวลีมาบรรจุใต้องค์ฐานใช่ไหมครับ
    - วัตถุมงคลอื่นๆ เช่น พระกรุ พระที่แตก ตะกรุด สามารถรับได้ไม่จำกัดหรือเปล่าครับ มีประเภทไหนที่ไม่ควรรับหรือเปล่าครับ
    - การทำชนวนตอนหล่อหรือการบรรจุวัตถุมงคลใต้องค์ฐาน เจ้าภาพทำเองได้เลย หรือมีขั้นตอนเป็นพิเศษ รบกวนอ.แนะนำให้หน่อยครับ

    ขอบคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...