แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  2. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 21 มิ.ย.57 การรถไฟฯ มีคำสั่งรับ 6 พนักงานหาดใหญ่กลับเข้าทำงานตามเดิม

    การรถไฟฯ มีคำสั่งรับ 6 พนักงานประจำสาขาหาดใหญ่ที่เคยถูกไล่ออก จากกรณีออกมาชุมนุมเรียกร้องด้านความปลอดภัยการเดินรถไฟ เมื่อปี 2552 กลับเข้าทำงานตามเดิม แล้ว

    เนื่องจากเห็นว่าทั้ง 6 คนทำไปเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของการรถไฟฯ พนักงานการรถไฟและเพื่อความปลอดภัยของขบวนรถมิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยให้เข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราเงินเดิมเท่าเดิม

    และให้ได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกไล่ออกจากงาน ขณะที่แกนนำภูมิใจที่ได้ต่อสู้เพื่อความถูกต้องและได้รับความเป็นธรรมหลังต่อสู้มานาน 4 ปี 7 เดือน และสวมเครื่องแบบกลับเข้าทำงานเป็นวันแรกวันนี้โดยพนง.ทั้ง 6 คนประกอบด้วย

    - นายธวัชชัย บุญวิสูตร ช่างเครื่อง 5
    - นายสรวุฒิ พ่อทองคำ ช่างเครื่อง 5
    - นายสาโรจน์ รักจันทร์ ช่างเครื่อง 5
    - นายประชานิวัฒน์ บัวศรี พนักงานรถจักร 6
    - นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม พนักงานรถจักร 6
    - และ นายนิตินัย ไชยภูมิ นายสถานีบางกล่ำ

    ยุคสมัยรัฐประหารนี้ ใครเคยไม่ได้ความเป็นธรรม ก็จะได้คืนความเป็นธรรม ส่วนใครที่ทำผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะถูกลงโทษ ตามโทษที่กฎหมายได้กำหนดบทลงโทษไว้..ยุติธรรม ตรงไปตรงมา..ซึ่งอาจไม่พบในกรณีนี้ ในรัฐบาลประชาธิปไตยจอมปลอม


    [​IMG]


    วันที่ 21 มิ.ย. 57 บุกจับบ่อนหรูกลางเมืองขอนแก่น อ้างเคลียร์ผู้ใหญ่แล้ว

    ด้วยทหารได้รับเรื่อร้องเรียนจากประชาชนว่าที่ร้านแห่งหนึ่งเปิดเป็นบ่อนลักลอบเล่นการพนันมาเป็นเวลานาน ในแต่ละวันจะมีนักพนันแวะเวียนเข้ามาเล่นเป็นประจำตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หรือแม้แต่ในช่วงนี้ที่มีการประกาศนโยบายของ คสช.ที่ต้องการปราบปรามบ่อนการพนันให้หมดไป

    ทหาร จึงนำโดย พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี รักษาการหัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร และตำรวจภูธรขอนแก่น พร้อมกำลังนอกเครื่องแบบ เข้าจับกุมนักพนันที่ลักลอบเล่นพนันไฮโล ภายในร้านลายพราง ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์เดินป่า อยู่ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ตรงข้ามกับสถานบันเทิงชื่อดัง ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น

    ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม นักพนันทั้งหมดไม่แสดงท่าทีตกใจ ยังคงตั้งวงเล่นกันตามปกติ ไม่สนใจเจ้าหน้าที่ บางคนบอกว่าได้เคลียร์ตำรวจผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหา

    เจ้าหน้าที่ไม่สนใจว่าจะเคลียร์กับ ผู้ใหญ่ กำนัน ที่ไหน จึงจับกุมนักพนันทั้งหมด 10 ราย พร้อมอุปกรณ์เล่นพนันไฮโล เงินสด กว่า 1 หมื่นบาท ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    ชุดเฉพาะกิจจะระดมกวาดล้างแหล่งพนันทุกชนิดที่ขณะนี้ยังมีการลักลอบเปิดกันอย่างผิดกฎหมาย จำนวนมาในตัวเมืองขอนแก่นอย่างจริงจัง

    อ้าว..ผู้ใหญ่รายนั้นเตรียมปาดเหงื่อเร๊ววว..ดึ๋งๆๆ


    [​IMG]


    วันที่ 21 มิ.ย.57 จับแหล่งผลิตปืนเถื่อน นครสวรรค์

    เมื่อวานนี้ ทหาร ตำรวจ สนธิกำลังกันจับแหล่งผลิตอาวุธปืนเถื่อน ที่ ต.น้ำทรง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ได้อุปกรณ์การทำปืนนานาชนิด

    ภาคกลาง มีหลายแห่งที่ยังลักลอบผลิตอาวุธปืนเถื่อน บางแห่งทำเป็นอาชีพมานานแล้ว

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 22 มิ.ย.57 แฉ..หุ้นใหญ่บริษัทขุดเจาะน้ำมัน เพชรบูรณ์ จดทะเบียนที่เกาะฟอกเงิน บริติชเวอร์จิน-เบอร์มิวด้า

    จากกรณี บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ได้สัมปทานสำรวจปิโตรเลียมแหล่งวิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยเริ่มผลิตน้ำมันดิบตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมานั้น

    เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำมันดิบของบริษัท อีโก้ โอเรี้ยนท์ รีซอสเซส ในพื้นที่ ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
    หลังได้รับแจ้งว่าบริษัทขุดเจาะน้ำมันในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. จำนวน 7 บ่อ ในพื้นที่ 7 แปลง ผลการตรวจสอบพบว่า บ่อน้ำมันดิบในเขต สปก. จำนวน 6 บ่อ บริษัท แพนโอเรี้ยนท์ หยุดดำเนินการแล้ว

    เหลืออีก 1 บ่อ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านหนองบัวขาว ยังดำเนินการอยู่ โดยเจ้าหน้าที่บริษัทอ้างว่า อยู่นอกเขต สปก. อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายแม่น้ำป่าสักโซน E ที่กรมป่าไม้ ได้มอบให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดสรรให้เกษตรกร ( แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของ พ.ท.รัฐเขต ครั้งนั้นพบมากกว่านี้ 10 เท่า ถึง 96 หลุมขุด )

    ส่วน นายทรงภพ พลจันท์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ออกมาชี้แจงว่าบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นสัญชาติฮ่องกง

    มีการตรวจสอบพบว่าบริษัทนี้ โอนหุ้นไปให้ในบริษัทที่จดทะเบียนเกาะบริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ วันที่ 2 มกราคม 2556 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 มีผู้ถือหุ้น 3 ราย คือ

    1. อีโค่ โอเรียน เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด สัญชาติเบอร์มิวด้า จำนวน16,999,994 หุ้น ระบุอาชีพค้าขาย ที่อยู่ แคนนอน คอร์ท เลขที่ 22 วิคเตอร์เรีย สตรีท แฮมิลตัน เอชเอ็ม 12 เบอร์มิวด้า

    2.อีโค่ เอ็นเนอร์จี (อินเตอร์เนชั่นแนล) อินเวสท์เมนท์ส มิติเต็ด สัญชาติ บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ จำนวน 5 หุ้น ระบุอาชีพค้าขาย ที่อยู่ พี.โอ.บ๊อกซ์ 957 ออฟชอร์อินคอร์ปอเรชั่น เซ็นเตอร์ โรดทาวน์ ทอร์โทลา บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์

    3.อิโค่ เอ็นไวรอนเมนทอล อินเวสท์เม้นส (โฮลดิ้งส) ลิมิเต็ด สัญชาติ บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ จำนวน 1 หุ้น ระบุอาชีพค้าขาย ที่อยู่ พี.โอ.บ๊อกซ์ 957 ออฟชอร์อินคอร์ปอเรชั่น เซ็นเตอร์ โรดทาวน์ ทอร์โทลา บริติช เวอร์จิน ไอส์แลนด์ (ที่อยู่เดียวกับผู้ถือหุ้นลำดับที่สอง) ปัจจุบันมีนายชาน วิง คิน นายซุย แคม ชิง นายชาน ชิ มูน กาเวน นายพูน กา ลก เป็นกรรมการ

    เป็นที่รู้กันในวงการผู้ภาษีว่า เกาะเบอร์มิวด้า และเกาะบริติชเวอร์จิน มีกิตติศัพท์เลื่องลือทางด้าน“การหลบเลี่ยงภาษีอากร” ในช่วงที่ผ่านมามีนักการเมืองชื่อดังหลายคน และนักธุรกิจชั้นนำจำนวนมากนิยมชมชอบไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทบนเกาะดังกล่าว

    นักการเมืองไทยหลายคนก็มี“หุ้นส่วน”ทางธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งบนเกาะดังกล่าวด้วยก่อนหน้านี้ด้วย เช่น คนแดนไกล ที่เคยถูกตรวจสอบโดย คตส.มาแล้ว ว่า คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการขาย และยักย้ายถ่ายเทหุ้น เพื่อหลบภาษีจ่ายให้รัฐบาลไทย

    บริษัทขุดน้ำมันเพชรบูรณ์ อีโค่ โอเรียน เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด หุ้นใหญ่เกือบ 100% เป็น สัญชาติเบอร์มิวด้า ไม่ใช่เป็นบริษัทสัญชาติฮ่องกง ตามที่ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน แถแบบข้างๆ คูๆ โดยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะตรวจสอบกันไม่ได้ ที่น่าสนใจกว่านั้น ก็คือ

    1. ใครเป็นเจ้าของหุ้นที่แท้จริง จำนวน16,99 ล้านหุ้น ของ บ. อีโค่ โอเรียน เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด สัญชาติเบอร์มิวด้า

    2. มีข้อมูลเกี่ยวกับเฉพาะบริษัทนี้ ช่วงเมษายน 2551 คือ

    - วันที่ 2 เม.ย. 51 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีน้ำมันดิบสำรองทั่วประเทศ 1,374.5 ล้านบาร์เรล แบ่งเป็นการพิสูจน์ว่ามีแน่นอน 450 ล้านบาร์เรล, พิสูจน์แล้วว่ามีปริมาณค่อนข้างแน่นอน 600 ล้านบาร์เรล, มีโอกาสที่เป็นไปได้ 200 และที่เหลือเป็นปริมาณส่วนแบ่งในพื้นที่พัฒนาพลังงานร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย สามารถใช้ได้อีก 10-20 ปี และก๊าซธรรมชาติ 31 ล้านล้าน ลบ.ฟุต ใช้ได้อีก 30 ปี

    - ไทยผลิตน้ำมันดิบรวมคอนเดนเซท (น้ำมันเบา) ถึง 2.2 แสนบาร์เรล/วัน มากกว่าบรูไนที่ผลิตได้ 2 แสนบาร์เรล/วัน ปริมาณน้ำมันดิบที่ขุดพบในไทย 2.2 แสนบาร์เรล/วันนั้น หากคิดมูลค่าน้ำมัน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 22 ล้านเหรียญ/วัน

    - การผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดจาก ขุดพบปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากแหล่งนาสนุ่น ในอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ของ บริษัท แพน โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) , ( ชื่อเดิมของบริษัทนี้ก่อนจดทะเบียนเปลี่ยน) ทำการเจาะหลุมสำรวจพบน้ำมันดิบเพิ่มเป็น 10,000-20,000 บาร์เรล/วัน จากก่อนหน้านี้ผลิตเพียง 800 บาร์เรล/วัน ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่พบชั้นน้ำมัน จากหินภูเขาไฟ หนากว่า 100 เมตร เป็นครั้งแรกในไทย จะเพิ่มกำลังผลิตได้ถึง 2-3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน โดยมีอายุการใช้ 10 ปี

    - บริษัท ฯ ได้เปิดแถลงข่าวในการขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ และจำนวนบ่อน้ำมันที่ขุดเจาะเพิ่มในวันที่ 4 เม.ย.51 ที่โรงแรมโฆษิต อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ในที่หมู่ 10 ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี ของบริษัท แพน โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ทางบริษัทมีการเพิ่มโครงการขุดเจาะในเขต พื้นที่หมู่ 1, หมู่ 2, หมู่ 3, หมู่ 4, หมู่ 9, หมู่ 11, หมู่ 13, หมู่ 18 และหมู่ 22 มีการพบแหล่งน้ำมันดิบจำนวนมาก ในแต่ละวันมี รถบรรทุกขนส่งน้ำมันวิ่งเข้า-ออกตลอดเวลา พร้อมมีการเคลื่อนไหวในด้านแรงงานมาก

    3. บริษัทนี้ขุดเจาะน้ำมัน ที่แหล่งนาสนุ่น ในอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2551 แล้วถึงปัจจุบัน ราว 6 ปี มีมูลค่าถึง 9.72 หมื่นล้านบาท ( วันละเฉลี่ย 15,000 บาร์เรล x 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล x 30 บาท/เหรียญ x 30 วัน/เดือน x 12 เดือน/ปี x 6 ปี )

    งานนี้มีข้อมูลแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว เงินภาษี และรายได้ทรัพยากรของคนทั้งชาติ กลับไม่อยู่ในประเทศ แต่กลับไปที่เกาะฟอกเงินที่ต่างประเทศแทน แล้วมันไปไหนต่อ ? แล้วเหตุการณ์แบบนี้มีที่ไหนอีกบ้าง ? เป็นยอดเงินอีกเท่าไร ?


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  4. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 22 มิ.ย.57 พิราบกระป๋องจอมป่วนโดนหิ้ว

    ตามการข่าวจาก มาร์ค ซัคคัลเบอร์ค เจ้าพ่อเฟสบุ๊ก รายงานว่า จะมีนกพิราบนัดกัันมาป่วนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทหาร ตำรวจ จึง ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สถานีรถไฟฟ้าสยาม และบริเวณโดยรอบ

    โดยมีกำลังทหาร 5 กองร้อย และตำรวจในเครื่องแบบอีก 5 กองร้อย ดูแลความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบ และยังมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกจำนวนหนึ่ง คอยแฝงตัวปฏิบัติการจะถ่ายรูปกลุ่มที่มาเคลื่อนไหวไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
    เพราะการเคลื่อนไหวต่อต้านในรูปแบบต่างๆ ได้ห้ามมาตลอด แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่ม ยังป่วนท้าทายกฎหมายไม่เลิก แกล้งทำไม่รู้กฎหมาย และคึกคะนอง
    วันนี้มีผู้หญิงคนหนึึ่งถูกควบคุมตัวที่วัดปทุมวนาราม ตามการเชิญชวนกันทางโซเชียลมีเดีย แกนนำโกหกว่ามาทำบุญวันเกิด แต่ตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่ ตำรวจจึงจับตัวส่งตัวให้ทหาร ม.พัน 1 รอ. ไปแล้ว

    พอช่วงเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบวางกำลังรอบลานน้ำพุหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

    เวลา 16.30 น. ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งมาถึงบริเวณที่นัดหมาย แต่ไม่ได้แสดงตัว แต่ก็มีผู้ชุมนุมที่เป็นนักศึกษาอยากลองหมดอนาคต ถูกคุมตัวไปคนหนึ่ง

    เวลา 16.45 น. มีชายร่างท้วม แต่งกายคล้ายชุดนักศึกษา สวมเสื้อสีขาว กางเกงสีกรมท่า สวมแว่นตาดำ ตั้งใจประจานชาติตัวเอง ขายภาพถ่ายให้ต่างชาติ เขาเดินมานั่งข้างกลุ่มผู้สื่อข่าว บริเวณม้านั่งทางเข้าห้าง จากนั้นป่วนต่างๆ หลายท่าทาง และหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงชาติฝรั่งเศส

    สื่อมวลชนต่างชาติไทย และเทศ เกือบ 30 คน รุมล้อมถ่ายภาพเขาคนเดียว เพื่อเอาภาพส่งขายให้ต่างชาติ และมีตำรวจยืนล้อมคุมเชิงรอจังหวะอยู่ด้านนอก

    ชายดังกล่าวจึงเปิด "เพลงชาติฝรั่งเศส" และหัวหมออ้างว่าการเปิดเพลงไม่ผิดกฏหมาย เช่นเดียวกับการทำท่าทางต่อต้านต่างๆ เขาคุยโวว่าจะแจ้งสถานทูตฝรั่งเศสว่าที่นี่เปิดเพลงแล้วผิดกฏหมาย และถามย้ำว่าจะจับตนข้อหาอะไร ต้องแจ้งข้อหามาก่อน
    หลังชายดังกล่าวให้สัมภาษณ์เสร็จ และกำลังจะเดินทางกลับ ตำรวจและทหารนอกเครื่องแบบได้เข้ามาควบคุมตัวทันที ชายดังกล่าวพยายามเดินหนี และสะบัดแขนออก พร้อมตะโกนว่า “จับผมทำไม ผมทำผิดอะไร” แต่ก็สู้แรงเจ้าหน้าที่ที่กรูกันเข้ามานับสิบคนไม่ได้

    ชายดังกล่าวจึงทิ้งตัวลง และปล่อยให้เจ้าหน้าที่ลากตัวไปกับพื้น ออกจากหน้าห้างพารากอน ผ่านสถานีรถไฟฟ้าสยาม และหายไปในห้างสยามสแควร์ซึ่งอยู่ตรงข้าม โดยเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งกันไม่ให้นักข่าวตามเข้าไป

    ที่นี่ประเทศไทย แล้วการเปิดเพลงชาติฝรั่งเศส แสดงว่ารักชาติตรงไหน และการจะไปร้องสถานทูตฝรั่งเศส คือ การดึงต่างชาติมาแทรกแซงไทยหรือไม่?

    จะเห็นตัวอย่างกรณีนี้ได้ว่า มีคนไทย ที่ใจไม่รักชาติตนเอง อยากให้ภาพถ่ายในประเทศ ออกไปประจานชาติตนเอง และอยากให้ต่างชาติเข้ามายุ่งวุ่นวายในประเทศเรา

    หากประชาชนทั่วไปพบเห็นกลุ่มบุคคลออกมาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน และสามารถถ่ายรูปไว้ได้ชัดเจนแล้วนำมามอบให้ตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมได้ จะมีรางวัลนำจับให้ภาพละ 500 บาท..สบายล่ะนกพิราบกระป๋อง

    วันที่ 22 มิ.ย. 57 ผลประชุมเร่งรัดคดี ตำรวจสรุปเสื้อแดงก่อความรุนแรงทุกคดี

    พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ได้ สรุปผลการประชุมเกี่ยวกับการเร่งรัดคดีในช่วงการชุมนุมทางการเมือง ว่า จากการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น คดีที่ กปปส.ถูกคนร้ายอีกกลุ่มทำร้าย

    ชัดเจนว่า " เป็นการทำของ ฝ่ายเสื้อแดง นปช.ที่ อยู่เบื้องหลัง สนับสนุนการกระทำผิดทั้งหมด เวลานี้ยืนยันชัดว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง "

    ตอนนี้มี พยานหลักฐานเชื่อมโยง เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้สั่งการ และผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป

    อืมม..ถ้าอ่านแฉ ความลับ ย้อนหลังที่ ไล่มาตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้วจึงปัจจุบัน ที่ http://www.facebook.com/topsecretthai ก็จะรู้ทั้งหมดว่าใครทำ หลักฐานบานเบอะ

    โจทย์นี้ไม่ยากหรอก..คนร้ายพวกนี้สะเพร่า ประมาท เพราะคิดว่าเส้นใหญ่ จึงทิ้งหลักฐาน ร่องรอยไว้ทั่วไปหมด

    ถ้าจะให้ฝัน..คดียิง M79 ใส่บ้านตุลาการฯ นั้น ตัวผู้กระทำผิด และเครือข่าย ไม่เกิน 7 วัน น่าจะเรียบร้อย

    ส่วนคดีอื่นๆ ประสานข้อมูลกับชุดสอบสวน ที่เรียกตัวแกนนำเสื้อแดงไป ก่อนส่งเข้าบ้าน AF หลายร้อยคน ให้นักอาชญวิทยาขีดโยงทำ Mindmap ตามคำให้การ

    จะรู้ว่าคนสั่งการระดับรองๆ ก็อยู่ไม่ไกลหรอก ส่วนคนสั่งการหลักก็รู้ๆ กันอยู่


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup?ref=stream
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 22 มิ.ย.57 ตำรวจ ผู้ร้าย ในมุมความมีน้ำใจต่อกัน

    ตำรวจคนนี้จับผู้ร้ายใส่กุญแจมือแล้ว รอการนำส่งตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอน เขามีน้ำใจ ชวนผู้ต้องหากินข้าวมันไก่

    แม้ว่าปฏิบัติหน้าที่ แต่เขาก็ไม่ลืมถึงว่าทุกคนต้องหิว จึงเห็นใจผู้ต้องหา ส่วนผู้ต้องหาก็กินด้วยความหิว ท่ามกลางกุญแจมือ และไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด

    คนไทย ศาสนาพุทธ อย่างไรเสียก็ไม่โหดร้ายต่อกันเหมือนต่างชาติ ดูอิรัก เป็นตัวอย่าง จับได้แบบนี้ถ้านับถือคนละนิกาย อาจถึงชีวิตได้เหมือนภาพข่าวที่เห็น

    เรื่องศาสนาในไทย พุทธ คริสต์ อิสลาม อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมาตั้งแต่มีชนชาติไทยมา จนมาถูกยุยง โดยต่างชาติ ที่หวังให้คนไทยแตกสามัคคีกัน ทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย จนถึงใช้อาวุธทำร้ายกันแบบง่ายๆ จนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

    ผู้ที่ยังหลงกับสิ่งเก่าๆ ยังมีความคิดจะใช้อาวุธทำร้ายเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน โดยที่เขาบริสุทธ์ ไม่รู้เรื่องราวด้วยเลย

    ดูภาพนี้แล้วให้ไปนอนคิดดู ว่าที่ผ่านมา มันพอและต้องหยุดหรือยัง แล้วหันมาร่วมมือกันพัฒนาชาติไทย และ ยืนหยัดต่อต้านต่างชาติ ที่เขากำลังกลั่นแกล้งชาติของเรา


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/thailandcoup?fref=photo
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 23 มิ.ย.57 แฉ..กระบวนการปล่อยข่าวลือบ่อนทำลาย

    ถ้าพูดถึงข่าวลือ กลุ่มคนที่ชำนาญเรื่องพวกนี้ในสมัยก่อนคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพราะเป็นกลยุทธหลักในการขับเคลื่อนงานมวลชน หลักการของข่าวลือไม่มีอะไรมาก คือ ต้องโกหกคำโต , สร้างเรื่องให้เวอร์เกินจริง , เป็นชุดความคิดพูดแนวเดียวกันซ้ำๆ , อาศัยความกลัวของคนเป็นจุดอ่อน เป็นต้น

    ข่าวลือ จะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อฝ่ายตัวเองจนแต้ม สู้ไม่ได้แบบบนดิน ข่าวลือก็คือกลยุทธ์ไต้ดินแบบหนึ่งนั่นเอง การปล่อยข่าวก็มีความมุ่งหวังหลายประการ เช่น เพื่อดิสเครดิส , เพื่อสร้างความโกลาหล , เพื่อทำให้สังคมตระหนก , เพื่อหลอกต้มพวกเดียวกันไม่ให้แตกแถว ฯลฯ

    เมื่อใครปล่อยข่าวลือก่อน แสดงว่ากลุ่มนั้นพ่ายแพ้แล้ว มันเป็นจุดดิ้นเฮือกสุดท้ายของการเอาตัวรอด ยามไร้หนทางต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า ที่ผ่านมาถ้าสังเกตุสักนิด จะพบต้นทางการปล่อยข่าวลือพวกนี้มาจากเพจแดงก่อน เขามักเรียกว่า "ดัก" ซึ่งก็คือกับดักนั่นเอง
    ขบวนการเต้าข่าวลือพวกนี้มีรูปแบบเหมือนกัน คือ ออกมาจากกลุ่มคนชุดเดีียวกัน , ชุดข้อความ รูปภาพ แนวเดียวกัน , ช่วงเวลาลือใกล้เคียงกัน , หวังผลปลายทางเดียวกัน
    ก่อนรัฐประหารถ้าใครนึกย้อนหลังไป จะพบข่าวลือทั้งหลายแหล่ออกมาจากพวกแดง ที่ภายหลังพิสูจน์แล้ว ว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ไม่มีมูลความจริง พวกแดงก็จะแถไป ไม่ยอมรับความจริง แล้วก็หันไปปล่อยข่าวลือเรื่องใหม่ๆ ต่อ เช่น ลือว่า
    - ลือว่าคนแดนไกลคือเจ้ามูลเมือง หรือ พระเจ้าตากสินฯ กลับชาติมาเกิด
    - ลือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและสองมาตรฐาน และคนแดนไกลถูกกลั่นแกล้ง
    - ลือว่าคนแดนไกลจะบรรดาลทุกอย่างให้ได้ดั่งเนรมิตร
    - ลือว่าเสื้อแดงตายในการชุมนุมเผาเมืองรอบแรกปี 52
    - ลือว่าชุมนุมเผาเมืองรอบสองปี 53 ตาย 98 ศพเป็นการกระทำจากรัฐฝ่ายเดียว โดยฝ่ายตนเองมือเปล่า
    - ลือเรื่องเหนือธรรมชาติบันดาลหวยของรถปูเน่า ที่แท้ล็อค
    - ลือว่าลาวาแดงการชุมนุมแต่ละครั้ง 5 แสน 8 แสนคน ทั้งที่จริงบางวันมีแค่ 300 คน
    - ลือสร้างภาพว่าถ้าแพ้คดีความ จะก่อสงครามกลางเมือง
    - ลือว่าทหารแบ่งเป็นสองฝ่าย และจะสู้รบกันเอง หรือ ไม่ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา
    - ลือให้ร้ายเบื้องสูงตามที่หลายคนทราบตามคลิปต่างๆ อันนี้ปรากฎภาพคนพูดชัดเจน
    - ลือให้ร้ายเบื้องสูงแบ่งฟ้าแบ่งวัง แอบอ้างต่างๆ นานา อันนี้ชัดเจนมากในช่วงหลังๆ

    พอหลังรัฐประหารมา ขบวนการปล่อยข่าวลือก็ยังทำงานต่อ แต่เปลี่ยนแนวมาเน้นการทำลายชาติตัวเอง เช่น

    - ลือว่าทหารมีหลายฝ่าย และจะมีรัฐประหารซ้อน
    - ลือว่าทหารจับอุปกรณ์การเกษตรชาวนา จนขนหนีไปซ่อนในป่ากันทั้งภาคอีสาน แต่สุดท้ายไม่พบแจ้งความเลยสักรายเดียว
    - ลือว่าทหารจะใช้ความรุนแรงกับแรงงานต่างด้าว จนอพยพหนีกันอลหม่าน
    - ลือว่ามีขบวนการลักเด็กใหญ่โต และมีการหั่นอวัยวะไปขาย ทั้งที่ภาพนั้นคือมาจากต่างประเทศทั้งหมด และแค่เด็กไม่อยากไปโรงเรียน เลยฉีกเสื้อและโกหกว่ามีคนฉุดดึงขึ้นรถตู้
    - ลือว่า คสช.จะตั้งคนนั้น คนนึ้เป็น นายก ฯ เป็นรัฐมนตรี กระทรวงนั้นกระทรวงนี้
    - ลือว่าวิ่งเต้นเป็นตำแหน่งรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติ, สมาชิกสภาปฏิรูป
    - ลือว่าคนนั้น คนนี้จะถูกตั้งเป็นบอร์ดรัฐวิหารกิจ และเป็นคนใกล้ชิดคนนู้น

    พอมาตอนนึ้ คสช.ตั้งใจจะปฎิรูปประเทศในหลายๆ ด้าน รวมทั้งด้านพลังงานที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนด้วย ทีนี้พวกนักแสวงโชคทางการเมือง ที่อ้างว่าต้้องการเลือกตั้งเร็วๆ ก็เกิดอาการดิ้นปัดๆๆ จนฝุ่นตลบ เพราะจะต้องเสียประโยชน์ตนเอง คืนไปให้ประชาชนคนไทย

    ด้วยความที่มีนิสัยเคยเป็นเหลือบ เห็บ หมัด มาทัั้งชีวิต ขืนปล่อยให้คณะรัฐประหาร คืนความเป็นธรรมให้ประชาชนได้ แล้วพวกตนจะอ้างประชาธิปไตย เลืออกตั้งเร็วๆ กันเถอะ ต่อไปประชาชนที่ไหนเขาจะเล่นด้วย

    เพราะประชาชนเขาเกิดการเปรียบเทียบว่ายุครััฐประหาร ประชาชนมีความสุขทุกด้านมากกว่า แต่ยุคเลือกตั้งมีแแต่โกงๆๆ แล้วก็โกง โกงแล้วโกงเล่า โกงซ้ำซาก จนประชาชนผอมซีด ประเทศโดนรุมข่มขืนมาตลอดหลายสิบปี

    ทีนี้พวกนักแสวงโชคทางการเมือง ที่เสียประโยชน์ ก็หันมาใช้มุกเดิมเพื่อหวังสกัดการรุกคืบคืนความสุขให้้ประชาชน ด้วยการ "ปล่อยข่าวลือ"..มุกเดิมอีกแล้วครับท่าน !!

    และคราวนี้ก็ใช้วิธีเฉี่ยวเบื้องสูงเช่นเดิม คล้ายครั้งก่อนที่อ้างเบื้องสูง โดย มจ.จุลเจิม ยุคล ท่าน ได้ออกมาเปิดเผยกลลวงข่าวลือดังแนบทางสาธารณะ

    ดังนั้นประชาชนจึงควรมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารจากพวกปล่อยข่าวลือต่างๆ จะได้ใจนิ่งๆ และไม่หลงกลหูเบาโดยง่าย


    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 24 มิ.ย.57 อัศจรรย์..สามเส้าค้ำยันที่ทำให้ชนชาติไทยรอดจากแตกเป็นเสี่ยง (ตอนที่ 1)

    สถาบันหลักที่สำคัญต่อการเมือง การปกครองของไทย ชาติ- ศาสนา-พระมหากษัตริย์ สามเสาค้ำยันที่ทำให้ชนเผ่าไทยยืนหยัดฝ่ามรสุมการรุกรานจากชนชาติอื่นมานับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งก็ถูกรุกรานอย่างหนักจนเมืองศูนย์กลางอาณาจักร เช่น กรุงอโยธยาเสียแก่พม่าถึงสองครั้ง

    แต่เพียงชั่วระยะหนึ่งสามเสาค้ำยันเดิม ก็ผงาดกลับมากู้เอกราชหนุนชนเผ่าไทยให้เป็นปึกแผ่นแข็งแกร่งมากกว่าเดิมทุกครั้ง บางครั้งเช่นในสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 4-5 ชนเผ่าไทยก็โดนรุกรานขามขู่อย่างหนักจากประเทศตะวันตกที่มาล่าอาณานิคม
    แต่ไทยก็รอดมาได้อีกหลายครั้ง โดยจำต้องยอมเฉือนดินแดนบางส่วนน้อย แลกกับการรักษาดินแดนและความปลอดภัยของประชากรส่วนใหญ่ไว้ ชาติตะวันตกจึงเอาเปรียบกดขี่ชนชาติไทยมานานแล้ว

    อีกตัวอย่างของ การแย่งและช่วงชิงอำนาจความเป็นใหญ่คนในชาติ ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น จนทำให้ประเทศจีนในสมัยก่อนแตกแยกออกเป็นสามอาณาจักร หรือที่เรียกขานกันว่าสามก๊ก ได้แก่ฝ่ายจ๊กก๊กของเล่าปี่ วุยก๊กของโจผี และง่อก๊กของซุนกวน

    แม้ว่าไทยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเมื่อปี 2475 เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระมุข โดยวางรูปแบบอำนาจเป็นสามส่วน คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เพื่อถ่วงดุลกัน

    แต่ระบอบดังกล่าว ก็บิดเบี้ยวเรื่อยมา เพราะสาเหตุหลักๆ ระยะแรกเกิดจาก ฝ่ายบริหารใช้อำนาจมากเกินขอบเขตรังแกประชาชน พอระยะถัดมาทุนนิยมเข้ามาแทรก ก็การควบรวมกิจการฝ่ายนิติบัญญัติ และ บริหารเข้าด้วยกัน เกิดนักแสวงโชคทางการเมืองขึ้น โกงกันระห่ำสะบั้น จนระบบการปกครองเลยกลายเป็นพิการทางประชาธิปไตย

    แต่เสาค้ำยัน ชาติ- ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ก็ยังคงเป็นเสาค้ำยันที่แข็งแกร่งอย่างมั่นคง ชาติมหาอำนาจล่าอาณานิคมยุคใหม่ เช่น อเมริกา ยุโรป และผองเพื่อน จึงต้องวางแผนเลื่อยสองเสาแรกคือ พระมหากษัตริย์ และศาสนา ที่ค้ำยันเผ่าไทย ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อจะล้มชาติไทยที่เป็นเสาต้นสุดท้ายให้จงได้

    เสาสามเสาถ้าค้ำยันครบแข็งแรง ต่างชาติจะเข้ามาทำอันตรายชนเผ่าไทยไม่ได้แบบเบ็ดเสร็จ จึงเกิดขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงขึ้นในไทย โดยการหนุนทุนอย่างลับๆ จากอเมริกา เช่น จากกองทุน USAID และอีกหลายกองทุน ที่แท้จริงคือทุนของ CIA ของรัฐบาลอเมริกาอีกที

    นั่นเพราะชาติมหาอำนาจต้องการให้เหลือเสาค้ำประชาชนไทยเพียงสองขา คือ ชาติ - ศาสนาที่อ่อนแอ และเขาได้ทำการบ่อนทำลายศาสนาควบคู่ไปด้วย โดยหนุนทุนให้กับโจรแบ่งแยกดินแดนชายแดนใต้โดยอ้างคำสอนศาสนาอิสลามที่ผิดหลักการไป และยังหนุนให้พระภิกษุในศาสนาพุทธ มัวเมาในวัตถุ และสร้างคำสอนแปลกๆ ออกมา

    จะสังเกตุว่ามีการสร้างนิกายจานบิน และมีพระในศาสนาพุทธหลายคนที่ต้องออกจากประเทศไทย และไปอยู่อเมริกา เช่น ยันตระ เณรคำ ฯลฯ และได้รับการคุ้มครอง ดังนั้นเสาหลักสองเสาของไทยช่วงหลังๆ มาจึงโดนบั่นทอนอย่างหนักสอดประสานรับกันอย่างเป็นขบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน ล้วนแต่มีการชี้นำและกำหนดแผนโดยต่างชาติทั้งสิ้น

    ช่วงนี้อเมริกาก็แทรกแซกไทย โดยอ้างแถๆ รายงานประจำปีว่าไทยมีการค้ามนุษย์มากขึ้น แต่สิ่งที่อเมริกาไม่บอกคนไทยและทั่วโลกให้หมด คือ ผลการวิเคราะห์นี้เกิดในสมัยปูเน่าเป็นรัฐบาลโน่น ไม่ใช่ยุค คสช. และผู้ร่วมเขียนรายงานนี้ หาใช่คนอื่นไกล ก็นักวิชากำกวมในมหาลัยเก่าแก่นั่นเอง

    พวกนี้แอบไปรับเงินอเมริกามา แล้วก็บินไปร่วมเขียนรายงานงานกับกองทุนลับต่างๆ ของอเมริกาที่ CIA หนุนอยู่ ใช้คนไทยมาทำลายชาติไทย โดยอ้างการค้ามนุษย์ เช่น ใช้แรงงาน และขายบริการทางเพศต่างชาติในไทยว่างั้นเถอะ

    และจะตัดสิทธิพิเศษสินค้าไทยที่จะส่งไปขายอเมริกา เช่น กำแพงภาษี ทำให้สินค้าไทยแพงกว่าชาติอื่น เสียเปรียบการแข่งขันประเทศอื่น ส่วนสหภาพยุโรป ก็รับลูกอเมริกาทันที โดยจะงดความช่วยเหลือไทยบางอย่าง จนกว่าไทยจะเลือกตั้ง แต่ยุโรปเอง กลับให้ความช่วยเหลืออาวุธกับกลุ่มก่อร้ายในซีเรีย อิรัก ยูเครน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ให้คนในชาติเขาฆ่ากันเอง

    ประเทศพวกนี้มันมาวุ่นวายอะไรกับไทยนักหนา ส.ส.ในสภาไทยมันก็ไม่มี มันก็แค่อยากให้บริษัทการเมืองที่มันควบคุมหันซ้ายขวาได้ ซื้อเสียงเข้ามา ได้ ส.ส.มากๆ แล้วมันก็จะกดรีโมท สั่ง ส.ส.พวกนั้น ออกกฎหมาย และให้รัฐบาลหุ่นเชิดอนุมัติ ให้เอาทรัพยากรประเทศไทย ไปให้มันซะดีๆ

    มันกดรีโมทมาจากต่างชาติ ยึดประเทศไทยผ่าน ส.ส.และรัฐบาลหุ่นเชิดกันง่ายๆ แบบนี้แหละ โดยมีคนไทยเองที่เป็นนักแสวงโชคทางการเมืองเป็นหนอนบ่อนใส้ โลภยอมแลกประเทศไทย กับเงินมาเข้ากระเป๋าตนเอง

    มาดูตัวอย่างประเทศที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ตอนนี้ เหลือแค่สองเสาค้ำประชาชน คือ ศาสนา กับ ชาติ บ้างว่ามีชะตากรรมอย่างไร เมื่อมหาอำนาจต่างชาติแทรกแซงการเมืองภายใน
    กลุ่มติดอาวุธซึ่งนำโดยกลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ หรือ ไอซิล ที่ได้รับการฝึกอาวุธ โดยอเมริกา ในดินแดนของซีเรีย กลุ่มนี้เป็นอิสลามนิกายสุหนีย์ ได้ทั้งอาวุธใหม่เอี่ยม รถถัง อาหาร และเงินทองอู่ฟู่จากอเมริกา

    แล้วก็มาโจมตีรัฐบาลอิรักนิกายชีอะห์ ที่อเมริกาก็หนุนอีกนั่นแหละ เรียกว่าหนุนให้นิกายสุหนีย์ กับ ชีอะห์ ในอิรักให้ฆ่ากันเองว่างั้นเถอะ เอ็งสู้กันเข้าไป แล้วมาซื้ออาวุธจากข้า และเอาน้ำมันเองมา

    เมื่อศาสนาแตกเป็น 2 เสี่ยง ตอนนี้ ชาติอิรักจึงแตกออกมากกว่า 3 เสี่ยง สู้รบกันมั่วไปหมด ฝ่ายไหนจับฝ่ายไหนได้ ก็เอาเข็นใส่รถมากองรวมๆ กัน แล้วก็สาดกระหน่ำกระสุนยิงทิ้งข้างถนนเหมือนไม่ใช่มนุษย์ แล้วเอารถไถกลบศพไปเลย

    ตอนนี้กลุ่มก่อการร้ายไอซิลสามารถยึดเมืองราวาและเมืองอานาได้สำเร็จ พร้อมกับสังหารผู้นำท้องถิ่นของทั้งสองเมืองรวม 21 คน หลังจากสามารถยึดด่านข้ามพรมแดนอัล-กาอิม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ด่านข้ามพรมแดนติดกับซีเรียที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทางการอิรักเหลืออยู่เพียง 1 แห่ง จากทั้งหมด 3 แห่ง

    โดยด่านข้ามพรมแดนแห่งที่ 3 อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังชาวเคิร์ด และกลุ่มไอซิลก็จัดตั้งรัฐซ้อนรัฐ ขีดกำหนดเขตปกครองตนเอง เอาดื้อๆ แล้วใช้กฎหมายอิสลามสุดโต่งคล้ายแนวคิดกลุ่มตอลีบัน มาปกครองประชาชนในดินแดนที่ตนยึดครองมาได้ ยิง ฆ่า เผา กันแบบเมามัน ความสยดสยองบนท้องถนนของอิรัก กลายเป็นทุ่งสังหาร กราดยิงเข่นฆ่าชาวอิรักอย่างไร้ความปรานี

    อเมริกา และยุโรป โวยวายว่าไทย "ค้ามนุษย์" แต่พวกเขานั่นแหละเป็นตัวการ " ฆ่ามนุษย์ " อย่างไหนมันเป็นมหันตภัยร้ายแรง และละเมิดสิทธิต่อมนุษยชาติด้วยกันๆ แน่

    ค้ามนุษย์ก็ยังไม่ตาย แต่ฆ่ามนุษย์นี่ ถึงขั้นตายและสูญเผ่าพันธุ์เลยทีเดียว อเมริกาฆ่าคนอิรักคราวก่อสงครามปี 46-54 ไปแล้วเกิน 500,000 คน จะต้องฆ่าคนอิรักที่เป็น เด็ก ผู้หญิง คนชรา คนอ่อนแอ อีกสักกี่ล้านคน จึงจะพอใจ

    หรือว่า ในสายตาของรัฐบาลอเมริกา และยุโรป คนอิรักพวกนี้เขาไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่ออกรายงานประจำปีการ "ฆ่ามนุษย์" มาเปิดเผยให้ชาวโลกได้ช็อคบ้าง

    สามเสาค้ำยันที่เข้มแข็งของชนเผ่าไทย ชาติ- ศาสนา-พระมหากษัตริย์ เท่านั้น ประเทศเราถึงจะรอดพ้นจากการ "ฆ่ามนุษย์" ของอเมริกา และ ยุโรป คนไทยต้องต่อต้านต่างชาติที่รังแกเราสุดกำลัง

    เป็นทหารเอกพระราชาพญาผึ้ง บอยคอตสินค้าประเทศพวกนี้สุดฤทธิ์ , ทำเอกสาร และอีเมล์ถล่มร้องเรียนพฤติกรรมรัฐบาลพวกนี้ ต่อองค์กรที่ต่อต้านรัฐบาลนั้นๆ , กดดันหอการค้า ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ประเทศนั้น ทุกรัฐ ให้ไปกดดันรัฐบาลกลางเขาเองอีกต่อ

    และอย่าไปสนใจใยดี สิ่งที่ประเทศบงการ "ฆ่ามนุษย์" พวกนี้ แถลงหรือออกรายงานใดๆ เพื่อกดดันประเทศไทย เพราะนี่คือเป็นเรื่องภายในประเทศที่คนไทยเขาจะจัดการปฏิรูปประเทศกันเอง..ต่างชาติอย่าเข้ามาจุ้น !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 24 มิ.ย.57 จับเสื้อเกราะได้จำนวนมาก นนทบุรี

    เสื้อเกราะถือเป็นยุทธภัณฑ์ประเภทหนึ่ง ที่ไม่ให้ประชาชนทั่วไปครอบครอง วันก่อนทหารยึดเสื้อเกราะได้จำนวนมาก ที่คลองวัดพิกุล บางเลน บางใหญ่ นนทบุรี

    ช่วงชุมนุมแดง นปช. ถนนอักษะ กลับมีการนำเสื้อเกราะมาแขวนขายกันริมถนนโจ๋งครึ่ม ตัวละเพียง 4,000 บาท ถ้าผู้ร้ายมีเสืิ้อเกราะ แล้วทหาร ตำรวจ ไปจับ ต่อสู้กัน เจ้าหน้าที่ก็จะเกิดความเสี่ยง


    [​IMG]


    วันที่ 24 มิ.ย.57 ดับข่าวลือ กริชสุดา "เปิ้ล สหายสุดซอย" ไม่ได้ถูกทำร้าย

    จากกรณี คสช. ส่งทหารเข้าควบคุมตัว น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ "เปิ้ล สหายสุดซอย" นักกิจกรรมเสื้อแดงวัย 27 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะอยู่ใน จ.ชลบุรี ต่อมาเกิดกระแสข่าวลือหนักขึ้นเรื่อยๆ ว่า น.ส.กริชสุดา ถูกทหารทารุณกรรมถึงขั้นเสียชีวิต ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชน อาทิ กลุ่มฮิวแมนไรท์วอตช์ ซึ่งทีชื่อเสียงระดับโลก แถลงเรียกร้องให้ คสช. ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการควบคุมตัวน.ส.กริชสุดา พร้อมเรียกร้องให้เผยสถานที่คุมตัวนั้น

    ล่าสุด ทาง ททบ. 5 ได้เผยแพร่ภาพและคำสัมภาษณ์ของ น.ส.กริชสุดา จากสถานที่แห่งหนึ่ง โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับตนอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด และขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร นอกจากนั้น ทางคสช. ยังอนุญาตให้แฟนหนุ่มของ น.ส.กริชสุดาเข้าไปพบกันและรับประทานอาหารด้วยกันอีกด้วย

    ** ดูวิดีโอคลิปที่ [ame=http://www.youtube.com/watch?v=16GMBInASvA]จับประเด็นข่าวร้อน Mon จันทร์ 23 มิถุนายน 2557 ตอน 3 - YouTube[/ame]

    ก็บอกแล้วไง พวกสร้างข่าวลือทั้งหลาย พอแก้เรื่องนี้ เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่ ส่งเข้ามาลืออีกเรื่อยๆ ทางที่ดี คือ “ ถ้าไม่เห็นด้วยตา” และไม่ได้แถลงออกจาก คสช.ถือเป็นข่าวลือทั้งหมด..แค่นั้นเอง ง่ายๆ ไม่เห็นต้องสงสัยอะไรให้เปลืองสมอง


    [​IMG]


    วันที่ 24 มิ.ย.57 จับเจ้าของร้านกิกะเฮิร์ซ เดอะมอลล์โคราช ต่อต้าน คสช.และหมิ่นสถาบันฯ

    วันก่อน ทหารจาก มทบ.21 และ ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าควบคุมตัว นายศุภกิจ ศิริรัตนพล เจ้าของร้านกิกะเฮิร์ซ บริษัทนพกิจอินทริเกรเต็ดกรุ๊ป ที่ร้านกิกะเฮิร์ซ ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมา เนื่องจากโพสในเฟสบุ๊ค ชื่อ ศุภกิจ ศิริรัตนพล มีความผิดใน 2 กรณี คือ

    1) เคลื่อนไหวปุกปั่น เผยแพร่ข้อความในเฟสบุ๊คต่อต้าน คสช.
    2) หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ในบล็อกเฟสบุ๊ค เกี่ยวกับคอมมิวนิสต์ (ไม่ขอเผยแพร่ต่อเพราะจะผิดกฎหมาย )

    ทหาร จึงควบคุมตัว นายศุภกิจฯ ตามกฎอัยการศึกต่อไป

    ญาติ เพื่อน คนโคราช และที่รักเทอดทูนสถาบันเบื้องสูง ต้องช่วยกันบอกต่อไป เพื่อให้ร้านกิกะเฮิร์ซ เดอะมอลล์โคราช ต่อต้าน คสช.และหมิ่นสถาบันฯ นี้ เจริญลงฮวบๆๆ โดยเร็วที่สุด เพื่อแสดงศักยภาพของทหารเอกพระราชาพญาผึ้ง ว่ามีพลังแค่ไหนให้พวกหมิ่นสถาบันได้ประจักษ์


    [​IMG]

    [​IMG]


    ช่องทางการแจ้ง เบาะแส เรื่อง เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ให้ คสช.
    1. ศูนย์ประชาสัมพันธ์ คสช.ทภ.1 โทร 02-280-6847
    2. แจ้งข่าวสารที่เป็นประโยชน์ คสช. และ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ คสช. (Call Center) โทร. 094-128-6273-9 และ 094-234-9312-4
    3. E-mail (คสช.) : ncpo.2014@gmail.com
    4. แจ้งเบาะแส, ข้อมูล ข่าวสาร ด้านความมั่นคง .คสช โทร 02-297-7947 , E-mail : rtadoi@gmail.com


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 24 มิ.ย.57 บิ๊กแจ๊ส ลาออกจากจากประธานบอร์ดการท่าเรือพร้อมบอร์ดยกชุด

    พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.)แถลงข่าว ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทยแล้ว
    ที่ประชุมบอร์ดมีมติให้สมาชิกบอร์ดทั้งหมด ลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน โดยมติการลาออกจะมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 57

    หมดยกชุดเบย..เหลืออีกหลายแห่งมีเวลาคิดก่อนสิ้นเดือน ติ๊กต่อกๆๆ

    วันที่ 24 มิ.ย.57 เจออาวุธสงครามอื้อ กลางเมืองระยอง

    ทหาร ตำรวจ ได้รับแจ้งพบสิ่งผิดปกติที่บริเวณสะพานซอย 19 เทศบาลเมืองระยอง จึงไปพร้อมชุด EOD ไปตรวจสอบพบ อาวุธจำนวนมาก คือ

    - ปืนอาก้า
    - หัวจรวด RPG
    - ระเบิด M79
    - ลูกปืน M16 , และลูกปืนกล M60 , ลูกปืนกลหนัก จำนวนมาก
    - ระเบิดขว้างหลายชนิด และแก็สน้ำตา

    อาวุธประเภทนี้หลายชนิดล้วนแต่เป็นที่ทหารเขมรชอบใช้และมีความชำนาญ อีกทั้งพบในจังหวัดระยองอีกแล้ว ตรงตาม Mapping พื้นที่ตรวจเจออาวุธก่อนหน้า..

    มันส่อแสดงว่าก่อนหน้านี้ มีกลุ่มคนวางแผนนำอาวุธสงคราพวกนี้ลักลอเข้ามาจากเขมร รวมทั้งแอบแฝงนำกองกำลังต่างชาติ เข้ามาซ่องสุมไว้ด้วย เมื่อพวกนี้กลับไปแบบเนียนพร้อมแรงงานเขมร อาวุธพวกนึ้ก็พบเรื่อยๆ

    แต่น่าสังเกตุคือเป็นอาวุธชนิดที่คล้ายกัน แต่ปริมาณที่พบลดจำนวนลง แต่แค่นี้ก็สามารถทำให้คคนไทยผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บลล้มตายหลัักร้อยได้อย่างสบาย


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 25 มิ.ย.57 กลุ่มติดอาวุธปากีฯ ยิงผู้โดยตายขณะเครื่องลงจอด

    เกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธที่ปากีสถาน ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินพาณิชย์ ขณะกำลังลงจอดในสนามบินเมืองเปชาวาร์ ประเทศปากีสถาน เป็นเที่ยวบิน "PK 756" นำผู้โดยสาร 178 คน พร้อมลูกเรือเดินทางมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ผู้โดยสารหญิงเสียชีวิต 1 คน ลูกเรือได้รับบาดเจ็บ 3 คน

    ที่ปากีสถานกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง เคยก่อเหตุบุกถล่มโจมตีสนามบินในปากีสถานมาเป็นระยะ ครั้งล่าสุดปะทะกันนานกว่า 5 ชั่วโมง ตายและเจ็บเพียบ

    การปล่อยปละละเลยให้กลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศมีอาวุธร้ายแรง ก็เป็นอย่างที่เห็น คนนั่งบนเครื่องบินอยู่ดีๆ ก็อาจตายได้

    ที่เมืองไทยอาวุธที่ยึดได้จากสมัยรัฐบาลเลือกตั้ง มากมหาศาลขนาดเอากองรวมกัน คงท่วมเครื่องบิิน

    [​IMG]


    เมื่อวานนี้ ทหาร ตำรววจ สนธิกำลังกันตรวจค้นและพบที่บ้านเลขที่ 1078/218 ซอยพรานนก7 (ชุมชนสุดสาคร) แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. จับกุม นายณัฐพล ปั้นสุวรรณ อายุ 23 ปี เป็นแมสเซนเจอร์ ธ.ธนชาติ และนายกิตติกรณ์ ชูโรจน์ อายุ 42 ปี ในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งสามารถ

    โดยสามารถพบของกลางอาวุธ คือ
    - ปืน M16 จำนวน 1 กระบอก
    - ปืน สไนเปอร์ติดกล้องลอบยิงระยะไกล จำนวน 1 กระบอก
    - กระสุนปืนขนาด 5.56 จำนวน 110 นัด
    - ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 อัน
    - กระสุน 9 มม. จำนวน 8 นัด
    - ซองกระสุนปืนจำนวน 1 อัน
    จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าได้ครอบครองอาวุธจริง แต่มีเพื่อนสองคนชื่อนายสิชล กับนายตอง มาฝากไว้แต่ยังติดต่อไม่ได้

    การจับกุมกรณีนี้น่าสนใจตรงที่มีการครอบครองปืน M16 และปืนสไนเปอร์ ตามภาพคล้าย BB gun ถ้าเป็นปืนจริงคล้ายรุ่น L115A3 ระยะลอบยิงมาตรฐาน 1.5 กม. ปืนนี้ถ้าลอบยิงบุคคลสำคัญจากระยะไกล จะอันตรายมาก

    และถ้าเป็นปืนจริงดัดแปลงต้องให้ทางพิสูจน์หลักฐาน ตรวจดู ว่าปืนกระบอกนี้เคยนำไปก่อเหตุใดๆ มาแล้วหรือไม่เทียบกับคดีในช่วงการชุมนุม กปปส.ทีี่ผ่านมา และคดีลอบยิงอื่นๆ

    เนื่องจากเคยมีการ์ด คปท.เคยถูกสไนเปอร์ลอบยิงระยะไกลเสียชีวิตบนรถบัสบนทางด่วนหลังขบวนกลับจากร่วมประชุมกับหลวงปู่พุทธอิสระ

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 25 มิ.ย.57 อัศจรรย์..สามเสาค้ำยันให้ชนชาติไทยรอดจากการแตกเป็นเสี่ยง (ตอนที่2)

    ตามที่อเมริกา ประเทศสหภาพยุโรปบางประเทศ ออสเตรเลีย รวมหัวกับกลุ่มการเมืองแดงเผาไทย กลั่นแกล้งๆ กดดันคนไทยต่างๆ นานาตลอดมา โดยเฉพาะที่ชัดเจนและกระทบกระเทือนจิตใจคนไทยอย่างรุนแรง คือ การให้ทุนกับขบวนการล้มเจ้าในไทย ที่เป็น NGO , นักวิชาเกิน , หมู่บ้านเสื้อแดง , กลุ่มเยาวชนแดง ฯลฯ

    เพราะต่างชาติพวกนั้นชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยทฤษฎีทุนนิยม บริโภคนิยม ฟุ่มเฟือย และ อาวุธ แต่ การที่ชนเผ่าไทยมีสถาบันเสาค้ำหลัก 1 ใน 3 เสาคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ชาติล่าอาณานิคมตะวันตกเสียประโยชน์

    ชาติตะวันตกก็เหมือนปลิงดูดทรัพยากรจากไทย เกาะไปตรงไหน ก็ดูดๆ ตรงนั้นไปหลายปีจนซีด ยักย้ายทรัพยากรกลับไปสร้างความมั่งคั่ง และหล่อเลี้ยงประ ชากรของตนเอง พอดูดจนซีดก็เคลื่อนย้ายไปดูดจุดใหม่ๆ เพราะเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ทรัพยากรเหลือเกิน

    ส่วนนักแสวงโชคทางการเมืองของไทย ก็อ้างผลการเลือกตั้งขี้โกงจากการซื้อเสียง เข้ามาเป็นรัฐบาลจอมปลอม ข่มขืนรุมโทรมประชาธิปไตย จนพิกลพิการ แล้วกลายร่างเป็นเห็บ โลน ดูดเอาทรัพยากรของไทยที่เหลือซาก จากต่างชาติ เอาไปเป็นของตนเอง และพวกพ้อง

    เห็บ โลน นักแสวงโชคทางการเมืองเหล่านี้ จะต้องยอมพลีใจเป็นทาสต่างชาติตะวันตกด้วย โดยยอมให้ต่างชาติกดรีโมทระยะไกล มาควบคุมการบริหารประเทศไทยได้ ผ่านบริษัททางการเมืองขี้ข้า ที่ไร้ศักดิ์ศรีชนชาติ

    เมื่อปลิงต่างชาติต้องการดูดทรัพยากรไทยจุดได้ ก็จะกดรีโมทถึงเห็บ โลน นักการเมืองทาสไร้ศักดิ์ศรี ให้อนุมัติสัมปทาน หรือแก้กฎหมายให้เปิดทางสะดวก แลกกับการยอมโยนส่วนแบ่งทรัพยากรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับ เห็บ โลน นักแสวงโชคทางการเมืองของไทย ใจเป็นทาส ได้ดูดกิน

    ตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 เป็นต้นมา ชนเผ่าไทย แทบไม่เคยได้ลิ้มรสทรัพยากรดีๆ เช่น พลังงานน้ำมัน แก๊ส และป่าไม้ จากแผ่นดินสุวรรณภูมิของตนเองเลย เพราะถูกปลิง ต่างชาติ กับ เห็บ โลน ทาสต่างชาติ ดูดกินของดีๆ ไปจนหมดสิ้น คนไทยจึงแทบไม่รู้สึกได้ว่า เข้าถึงประโยชน์ใดๆ จากทรัพยากรดีๆ ที่มีอยู่แล้วเหล่านั้นเลย

    คนเผ่าไทย จะได้ประโยชน์ ก็ต่อเมื่อ ต้องลงมือทำสิ่งต่างๆ ตามรอยพ่อสอนเศรษฐกิจพอเพียงด้วยตัวเองเท่านั้น เช่น การทำการเกษตร ทำนา เพาะปลูก ทำสวน ทำประมง เลี้ยงสัตว์ โดยการใช้ประโยชน์จากผิวดิน ผิวน้ำ และฝนที่เกิดจากป่าไม้ และตกกลับลงมา

    น่าแปลกที่คนไทย แทบ ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากทรัพย์ที่บรรพบุรุษรักษาแผ่นดินไว้ให้มาเป็นพันปี และ มีอยู่มานมนานแล้ว แต่อยู่ลึกๆ ลงไปใต้ดิน และ ลึกลงไปในใต้น้ำทะเลลึก เช่น น้ำมัน แก๊ส ทองคำ รัตนชาติ แร่ ถ่านหิน ป่าไม้ ฯลฯ

    น่าแปลกที่ทรัพย์มรดกจากบรรพบุรุษที่มีอยู่แล้วเหล่านี้ คนไทยจะเข้าไปใกล้ยังทำไม่ได้เลย ขนาดมีหลุมแอบขุดเจาะน้ำมันอยู่พื้นที่ใกล้ๆ ตนเอง จะเข้าไปดูให้เป็นบุญตาในชีวิต นายทุน ปลิง เห็บ โลน เขายังห้ามเข้า

    พอเกษตรกรจะเอาของที่เหลือพืชการเกษตรที่ตนเองปลูก เช่น อ้อย ปาล์ม ของตนเองไปทำประโยชน์ ยังต้องพึ่งนายทุนโรงงานทำเอทธานอล และ ไบโอดีเซล จึงทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว ประชาชนไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆ แท้จริงจากระบอบทุนนิยม ผ่านคำว่าประชาธิปไตยเลย

    นอกจากต่างชาติจะใช้คนไทยใจเป็นทาส มาบ่อนทำลายเสาหลักสถาบันกษัตริย์ เพื่อทำลายระบบเศรษฐกิจพอเพียงภูมิปัญญาของไทยแล้ว ต่างชาติยังใช้เครื่องมือที่เขาประดิษฐ์เอง แต่บังคับใช้ไปทั่วโลก โดยไม่สนใจว่าชาติอื่นเขาจะเห็นดีเห็นงามเครื่องมือที่ว่านั้นด้วยหรือไม่

    เครื่องมือที่ต่างชาติมักใช้นั้นคือ " การจับประเทศไทยเป็นตัวประกันแล้วเรียกค่าไถ่ " โดยมีอาวุธที่มักใช้จี้ คือ อ้างเหตุการค้ามนุษย์ และ การกดดันและการกีดกันทางการค้า ถ้ายามใดที่เครื่องมือนี้ถูกนำมาใช้กับไทย นั่นหมายถึงต่างชาติเริ่มงอแง และรังแกเรา เพื่อจะแลกเปลี่ยนเอาอะไรสักอย่างที่เขาต้องการ

    แฉเอาเรื่องค้ามนุษย์ก่อน อเมริกานี่แหละตัวการค้ามนุษย์รายใหญ่ชนชาวโรฮิงยาเลยแหละ พวกเขาคือชนกลุ่มน้อยในพม่า อาศัยอยู่ใกล้ตะเข็บชายแดนติดกับประะเทศบังคลาเทศ และนับถือศาสนาอิสลาม พม่าเองก็ไม่ยอมรับว่าเป็นพลเมืองของตนเอง จึงไม่มีบัตรประชาชนตามกฎหมาย

    คนพม่าเองที่นับถือพุทธก็มีขบวนนการต่อต้านโรฮิงยา มีการฆ่า เผา และปะทะกันเป็นระยะๆ จนมีผู้เสียชีวิตครั้งละมากๆ อเมริกาทำการค้ามนุษย์โรฮิงยาในนาม UNHCR มีสำนักงานในเมืองปาร์ซาร์ ของบังคลาเทศ เป็นตัวการใหญ่ให้โรฮิงยาหนีออกมาจากค่ายผู้อพยพ ปล่อยลอยเรือลงทะเลแบบแออัดยัดเยียด มาทางพม่า ถึงไทย ขึ้นฝั่งที่ภาคใต้ของไทย และโดนจับกุมฐานหลบหนีเข้าเมืองอยู่เป็นประจำ

    จะส่งตัวกลับประะเทศ พม่าก็ไม่ยอมรับว่าเป็นพลเมืองตัวเอง และโรฮิงยายังลอยเรือไปขึ้นฝัั่งตามยถากรรมที่ประเทศอื่นๆ อีกในเอเซียอีกหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย อินโด ฯลฯ พวกที่เรือล่มก็เสียชีวิตหมู่ไป ไทยจึงเป็นเพียงรับผู้อพยพชาวโรฮิงยา ปลายทางเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ซึ่งก็ต้นทางมาจาก UNHCR นั่นแหละ

    อเมริกายังเป็นตัวการค้ามนุษย์แห่งที่สองคือในไทย ที่ จ.ตาก อำเภอชายแดนติดต่อกับพม่า ที่เมื่อก่อนมีการสู้รบของชนกลุ่มน้อยในพม่า กับ รัฐบาลพม่า พวกเขาจึงอพยพมาลี้ภัยสงครามมาอยู่ค่ายอพยพในไทย 3 ค่าย คือ อุ้มเปี้ยม แม่หละ นุโพธิ์ ราวประมาณ 8 หมื่นกว่าคน

    องค์กรเจ้าเก่า UNHCR ก็มาเจ้ากี้เจ้าการอีก โดยทุก 4 เดือนจะมาคัดพันธ์มนุษย์ในค่ายไป โดยเลือกเอาเฉพาะมนุษย์พันธ์ดี เช่น จบแพทย์ วิศวะ หรือความรู้ดีๆ รับไปอยู่ออสเตรเลีย และอเมริกาครั้งละ 4-5 พันคน ส่วนที่พันธ์ไม่ดี เขาปล่อยให้เป็นภาระไทยเลี้ยงดูในค่ายตลอดมา อ้างว่าไทยต้องปกป้องสิทธิมนุษยชน

    อีกชนเผ่าที่ๆ อเมริกาค้ามนุษย์ แบบหน้าไม่อายคือ ม้งลาว ตัวการใหญ่เรื่องนี้คือ สถานทูตอเมริกาทำเองเลย ร่วมกับสำนักข่าว AP ที่อาคารแพนแปซิฟิค โดยร่วมมือกับเครือข่ายในรัฐแคลิฟอเนีย จัดส่งค้ามนุษย์เผ่าม้งออกจากลาว ผ่านมาทางไทย ไปอเมริกา แต่คัดเลือกม้งพันธ์ดีๆ อีกเหมือนกัน ถ้าพันธ์ไม่ดีเขาทิ้งไว้เหมือนเดิม

    เครื่องมือที่สองคือการกดดันและกีดกันทางการค้า โดยอเมริกากับ EU จะเลือกกีดกันสินค้าเกษตร อาหารทะเล กุ้งแช่แข็ง ตลาดสินค้าพวกนี้ในไทยอยู่ในมือ บริษัท CP ไม่เกี่ยวกับประชาชนไทยส่วนใหญ่ มูลค่าส่งออกแค่ปีละราว 2 หมื่นล้านบาท ส่วนยางพาราของไทย ตลาดหลักส่งออกของไทยอยู่ในเอเซีย ที่มีประเทศถึง 48 ประเทศ ไม่ใช่อเมริกาและ EU

    ส่วนอีกเรื่องที่ฝรั่งเพิ่งคิดมุกใหม่ คือ เล็งจะ ย้ายฐานการฝึกทางทหารคอบบร้าโกล้ไปที่อื่น อันนี้ต้องหัวเราะแบบเสียงเข้มๆ เพราะยิ่งส่งผลดีกับไทยใหญ่เลย คอบบร้าโกล เมื่อก่อนเกิดขึ้น การฝึกที่จัดขึ้นมาเพื่ออเมริกาส่งกำลังมาโจมตีเวียดนามจนตายไปเป็นล้านคน และโจมตีเขมรตายอีกหลายแสน เพื่อดุลอำนาจกับจีน

    เพราะไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่พร้อมทางระบบโลจิสติกส์บก เรือ อากาศ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่พร้อมทุกอย่างที่รองรับกำลังทหารนานาชาติที่มาฝึกราว 2 หมื่นคน หากย้ายไปที่อื่นแทบไม่มีทางเลือกเลย ไปเวียดนาม ค่าใช้จ่ายขนส่งจะแพงขึ้นมหันต์ ไปฟิลิปปินส์ ก็ไม่ใช่จุดยุทธ์ศาสตร์ทางการรบเสียแล้ว และค่าใช้จ่ายขนส่งก็แพงอีก

    และถ้าไทยหันไปฝึกร่วมกับจีน รัสเซีย ทีนี้แหละมะกัน และ EU ดิ้นปัดๆ แน่ๆ เพราะระบบอาวุธที่ใช้ฝึก และยุทธศาสตร์ต้องเปลี่ยนไปหมด หลักสูตรการฝึกก็จะกลายเป็นการฝึกเพื่อต่อต้านอเมริกาและ EU แทน การซื้ออาวุธระยะต่อไปก็อาจจะต้องปรับชนิดอาวุธประจำการกองทัพกลายเป็นเทคโนโลยีจากของรัสเซีย และจีนแทน

    ดังนั้นแม้อเมริกา และ EU จะกลั่นแกล้งหาเรื่องไทย ทั้งเรื่องอ้างการค้ามนุษย์ กีดกันทางการค้า และการฝึกร่วมทางการทหาร มันก็แผนการสมคบคิดของปลิงฝรั่งกับเห็บ โลน คนไทยหัวใจเป็นทาสเท่านั้นเอง แค่ต้องการบีบ คสช.หวังให้ไทยต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกดรีโมทได้จากเขา เหมือนรัฐบาลเลือกตั้งซื้อเสียงที่ผ่านมา

    ไม่ต้องไปสนใจกับพวกปลิง เห็บ โลน เกาะดูดกินทรัพยากรของไทยพวกนี้ ชนเผ่าไทยก็ต้องมีศักดิ์ศรีของเราเอง เรามีอารยธรรมเก่าแก่ของประเทศเรา เราก็หันไปเปิดตลาดใหม่ในเอเซียที่เขาหัวอกเดียวกับเรา เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย อิหร่าน แอฟริกา

    ไทยไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร ยังมีประเทศในเอเซียอีก 48 ประเทศ ประชากรเกิน 3 ใน 4 ของโลก อยากทำการค้ากับไทยอยู่ ข้าวไทยอร่อยที่สุดในโลก สินค้าเกษตรคุณภาพดีเพียบ อาหารทะเลชั้นเลิศ ครัวของโลกตั้งอยู่ที่ไทยนี่แหละ พลังงานก็มีอีกมาก ฝรั่ง มันวุ่นวายกันนัก ก็ยกเลิกสัญญาสัมปทานเก่าให้หมด แล้วค่อยมาพิจารณาเงื่อนไขกัใหม่ ให้ประชาชนในชาติได้เข้าถึงประโยชน์ไต้ดิน ในทะเลที่บรรพบุรุษทิ้งมรดกไว้ให้มากที่สุด

    ประเทศไทยโยนเมล็ดพันธ์พืชไปตรงไหนลงดินก็ได้ผลผลิต เพราะแผ่นดินอุดมสมบูรณ์เหลือเกินคนไทยไม่มีวันอดตาย แต่อเมริกาเข้าประเทศไหนก็ได้ผลผลิตด้วยการบีบบังคับเอา การลดเครดิต การสูบเลือดสูบเนื้อ ปล้นสดมภ์ และจับประเทศนั้นเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่

    เมืองไทยแค่ปราบนักการเมืองชั่วเห็บโลน ข้าราชการทุจจริต แล้วสอนหน้าที่พลเมืองให้ประชาชนมีจิตสำนึกในหน้าที่ ประเทศไทยก็เจริญและมีดัชนีความสุขกว่าอเมริกา สหภาพยุโรป และออสเตรเลียแล้ว

    ต่อไปประชาชนสัญชาติอเมริกาที่เป็นเชื้อชาติคนเอเซีย ลาว เขมร และเมียฝรั่งชาวไทย อาจต้องก่อการประท้วงรัฐบาลอเมริกาและ EU เพราะหากิน ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม..หนอนล้วนๆ หัววิตามิน ที่อร่อยที่สุดในโลก แถวอุบล อุดร ขอนแก่น ยโส ฯลฯ ส่งของแท้ออกจากไทย ไปกินไม่ได้

    ผลก็คือทำให้บรรดาเมียๆ ไทย ลาว เขมร ขาดวัตถุดิบทำส้มตำปลาร้า ที่เป็น Original ต้องไปหาสินค้า Copy ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มากินแทน..อารมณ์ก็จะเสีย เกิดความไม่มั่นคงในครอบครัว เรื่องใหญ่เลยนะนั่น..ฮา


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน1
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 26 มิ.ย.57 อัศจรรย์..สามเสาค้ำยันให้ชนชาติไทยรอดจากการแตกเป็นเสี่ยง (ตอนที่ 3)

    จีนกับไทยเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันมากว่า 1,000 ปี มาแล้ว แต่ได้ห่างหายทางการทูตกับไทยไประยะหนึ่ง หลังจากประเทศเขาเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ตามแนวเหมาเจ๋อตุง และปิดประเทศ อยู่หลังม่านไม้ไผ่ไประยะหนึ่ง

    แต่แล้วก็เกิดเหตุพลิกผัน เปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ไทย-จีน เมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ซึ่งเป็นโอรสคนที่ 4 ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค) เมื่อครั้งท่านตั้งพรรคการเมือง และได้รับการเลือกจากสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 13 ของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2518

    ในช่วงนั้นมีการสู้กันของเขมร 3 ฝ่าย อเมริกาสนับสนุนเขมรฝ่ายหนึ่ง ตอนนั้นมีกรณีที่เรือรบขนาดใหญ่ของอเมริกาใช้น่านน้ำไทย ผ่านไปสู่น่านน้ำและแผ่นดินเขมร โดยอเมริกามีการใช้ไทยเป็นฐานสงคราม รัฐบาลของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ประกาศนโยบายว่าต่อไปถ้าอเมริกาใช้น่านน้ำไทย หรือผ่านแผ่นดินไทย จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลไทยก่อน

    รวมทั้งได้เรียกตัวทูตกลับประเทศ เพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจ เป็นการแสดงความกล้าหาญของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จนอเมริกาถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยในเวลาต่อมา เป็นการเปิดฉากการเมืองระหว่างประเทศในเวลาที่แหลมคมมาก

    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีนโยบายเปิดความสัมพันธ์กับจีน หลังจากที่ตัดขาดความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลมาเป็นเวลานาน เป็นการตัดสินใจจุดเริ่มต้นการเมืองระหว่างประเทศ และทางการทหารด้วย เพราะจีนหนุนหลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และคณะผู้แทนรัฐบาลไทย เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี พ.ศ. 2518 เป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ทางการทูตระหว่างประเทศที่การเมืองไทย สามารถควบคุมระบบทหารได้

    นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2518 เป็นต้นมา มีการลงนามอย่างเป็นทางการของผู้นำรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ในพิธีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต มิตรภาพอันแน่นแฟ้นและความร่วมมือด้านต่างๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนเป็นไปด้วยดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและรอบด้าน

    โดยเฉพาะสัมพันธไมตรีที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้นำจีนและสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จีน ยกเลิกการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย ด้านทุน อาวุธ ในเวลาต่อมา จนอ่อนแอและพ่ายแพ้ต่อรัฐบาล พล.อ.เปรม ในที่สุด และมีการเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตอีกหลายครั้งอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งยากที่ประเทศอื่นใดจะเสมอเหมือน ตราบกระทั่งปัจจุบัน

    อเมริกา สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย จึงคั่งแค้น ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ของไทย จึงรวมหัวกับบริษัทเผาไทยแดงล้มเจ้า ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงต่างๆ นาๆ กุข่าวเรื่องเสียๆ หายๆ กล่าวร้ายให้พระองค์เกี่ยวโยงกับเรื่องทางการเมืองและธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนที่หูเบาเข้าใจผิด

    สมัยรัฐบาลเลือกตั้งเผาไทยที่ผ่านมา ได้ยอมเป็นทาสประเทศตะวันตกหลายอย่าง ที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ของไทยกับจีนจนเกิดการหมางเมิน การค้าระหว่าง 2 ประเทศหยุดชะงักลง เช่น การยอมให้อเมริกามาเช่าฐานทัพเรือ โดยอ้างว่าใช้เป็นฐานทดลองทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่แท้คือเป็นฐานใช้สำหรับส่งอาวุธชนิดไร้คนขับ เพื่อโจมตีทางทหารต่อจีน ทำให้จีนไม่พอใจรัฐบาลปูเน่ากรณีนี้อย่างมาก

    และจีนนั้นมีโยบายการปราบปรามทุจริตอย่างเฉียบขาด รัฐมนตรีรถไฟเขาถูกจับได้ศาลก็ตัดสินประหารชีวิต ผู้บริหารมณฑลหนึ่งของเขาจัดงานเลี้ยงหรูหรา อีกมณฑลหนึ่งขี่หลังลูกน้องขณะเกิดน้ำท่วม เขาปลดออกหมดทันที รัฐที่แล้วชอบอ้างชื่อประเทศจีนว่าทำการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับไทย เช่นเรื่องขายข้าว , เรื่องแท็บเล็ตพี่ซีเด็ก ป.1 ฯลฯ แต่จริงๆ ไม่เคยมีเลย

    เมื่อหมดยุครัฐบาลเลือกตั้งเผาไทย ที่เป็นทาสอเมริกา และเข้าสู่ยุค คสช.บริหารประเทศ จีนจึงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพราะจีนอ่านขาดว่าไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน ที่จะรวมตัวกันเป็น AEC มีประชากรรวมกันกว่า 630 ล้านคน

    จีนจึงอยากกลับมาฟื้นฟูความสำคัญใกล้ชิดทางการเศรษฐกิจการค้ากับไทย ยิ่งเขาทราบว่า หัวหน้า คสช.มีความจงรักภักดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก จีนยิ่งมีความมั่นใจในการลงทุนทำการค้ากับไทยมากขึ้นไปอีก ถึงขนาดส่งคณะทูตจีนมาพบผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช.อย่างเป็นทางการ

    เมื่อวานนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ให้การต้อนรับ นายหนิง ฟู่ขุย (H.E. Mr.Ning Fukui) เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และคณะที่ ได้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการ ได้มีการสนทนากันในเรื่องต่างๆ ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรไมตรีมาก

    ทูตจีนได้ขอบคุณผู้บัญชาการทหารอากาศที่ได้เคยเดินทางไปเยือนจีนเมื่อปลายปี 2556 และ อีกทั้งจีนมาเยี่ยมไทยในฐานะที่ผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นรองหัวหน้า คสช. และเป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจด้วย จีนมีความเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยในช่วงรัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างมาก

    แต่หลังจากที่ คสช.ได้เข้ามาบริหารจัดการและใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านต่างๆ แม้จะเป็นเวลาเพียง 1เดือน ก็ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจว่า การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนจะมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น จีนได้มองเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยที่ "เป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศอาเซียน"

    นอกจากนั้นไทยกับจีนยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาเป็นเวลาช้านาน จึงเชื่อมั่นว่านักลงทุนของจีนจะได้กลับมาดำเนินธุรกิจการค้าในเวลาอีกไม่นานนี้ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้า คสช. และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ

    นับแต่นี้จะทำให้การค้าระหว่างไทยกับจีน ที่หยุดชะงักลงจากรัฐบาลก่อน กลับมาฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ทางการจีนจะให้ความสำคัญทางด้านการค้าการลงทุนกับไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    ส่วน พล.อ.อ. ประจิน กล่าว ขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้ความสำคัญกับประเทศไทย และเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย จนกระทั่งเป็นเหตุให้ คสช. ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อคืนความสันติสุขให้กลับมาสู่ประชาชน

    โดย คสช. มีขั้นตอนการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาของประเทศตามแนวทางของหัวหน้า คสช. เพื่อให้ประเทศไทยได้กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ในเวลาอีกไม่นานนี้ และขอให้มั่นใจว่า คสช.จะดูแลชาวต่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี ด้วยความตั้งใจและจริงใจเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนได้กลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างที่เคยเป็นมา และหากมีสิ่งใดที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการติดต่อระหว่างกันขอได้แจ้งให้ทราบ เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ได้ดำเนินไปด้วยความราบรื่นและยั่งยืนตลอดไป

    ถ้าเราไม่มีบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ เสาหลัก 1 ใน 3 ของชนเผ่าไทยในอดีตไทยกับจีนวันนั้น ป่านนี้ประเทศไทยอาจต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองการปกครอง 2 ด้าน คือ จากด้านแรกอเมริกา สหภาพยุโรป และด้านสองจากจีน

    คนไทยที่หมิ่นเบื้องสูงเป็นพวกเนรคุณ และไม่รู้จักสำนึก ว่าบรรพบุรุษประเทศของเรา รอดพ้นภัยคุกคามจากต่างประเทศมาได้ ก็เพราะพระบารมีพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงเสียสละเพื่อราษฎรมาอย่างยาวนานสั่งสมมานั่นเอง

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยรับสั่งว่า “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกวันนี้ที่ท่านเดินไม่ได้คล่อง เพราะทรงขับรถเข้าไปในที่ทุรกันดารและไม่มีถนนเป็นเวลานานมากๆ เลยทำให้กระดูกสันหลังของพระองค์มีปัญหา

    คณะแพทย์เคยกราบบังคมทูลให้ทรงงดพระราชกรณียกิจ แต่ทรงตรัสตอบว่า งานพระองค์ไม่มีวันหยุดจะให้ทำอย่างไร พระองค์จะทรงเฮลิคอปเตอร์ เฉพาะที่ทรงมีพระวินิจฉัยว่าจำเป็นเท่านั้น เพราะการที่ทรงขับรถเอง จะทำให้มองเห็นสภาพพื้นที่จริงและจอดแวะตรวจพื้นที่ได้ง่ายกว่า “

    ทั้งหลายทั้งมวล ด้วยเหตุผลเดียว...” เพราะพระราชาของไทย ท่านทรงรักคนไทยยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์เอง”..คนไทยจงภูมิใจและสามัคคีกันเถิด เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงเป็นเสาค้ำยันให้ชนชาติไทยรอดจากการแตกเป็นเสี่ยงตลอดมาและตลอดไป


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  13. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ย้ายไปเลยเรื่องฝึกคอบบราโกลด์ในไทยอะ

    ลองคิดดูที่ชื่อเสีย การกล่าวหาว่าไทยเป็นเมืองโสเพณี นี้เกิดจากอะไร
    ส่วนหนึ่งไม่ใช่พวกฝรั่งต่างบ้านอารมณ์เปลี่ยวหาสาวหิ้วไปเหรอ
    ประเทศที่ต้องปากกัดตีถีบ ประเทศไหนๆ มันก็ต้องมีคนยอมทำ

    ยกเลิกไปได้ก็ดีแล้ว
     
  14. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 26 มิ.ย.57 เศรษฐกิจอเมริกา ถดถอยลงหนักเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

    รัฐบาลอเมริกาได้ประกาศยอดเศรษฐกิจไตรมาสแรกซึ่งพบว่า เศรษฐกิจลดต่ำลงอย่างมากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายด้านดูแลสุขภาพและปัญหาการขาดดุลการค้า

    มีรายงานว่า เศรษฐกิจอเมริกา ถดถอยลง 2.9 เปอร์เซ็นต์หลังมีการประกาศไตรมาสแรกในช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.57 ซึ่งฤดูหนาวที่รุนแรงในปีนี้ มีส่วนทำให้เศรษฐกิจของประเทศหดตัวลงใหญ่สุดในรอบ 5 ปี

    นี่แหละอเมริกาถึงปั่นป่วน ยุแยง ก่อสงครามไปทั่วโลก เพราะอยากจะได้พลังงานไปให้พลเมืองตนเอง ที่ต้องประสบภัยหนาวที่รุนแรงในปีนี้ และเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อัตราว่างงานประเทศเขาสูงลิ่ว หนี้สาธารณะสูงจนชนเพดาน

    ทุนนิยมก็เหมือนดาวรายขายตรง สุดท้ายมันก็ตันทางจนได้ ไม่เหมือนเศรษฐกิจพอเพียง ที่ไม่มีวันจะอดตายในแผ่นดินไทยที่อุดมสมบูรณ์


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  15. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 26 มิ.ย.57 กลุ่มติดอาวุธในอิรัก บุกยึดบ่อน้ำมันอีกแล้ว

    ตั้งแต่แยกตัวจากกลุ่มอัล-เคดาในปี 2554 กลุ่มรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ISIS) ที่มีอเมริกาฝึกอาวุธ และมีซาอุ การ์ตา ฯลฯ หนุนทุน และอาวุธเคมี ก็เปิดแนวรบตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศดังกล่าว
    หวังก่อตั้งรัฐอิสลามซึ่งบังคับใช้กฎหมายศาสนาอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมากลุ่มไอซิสไม่ได้รับความสนใจมากนัก จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ทางตอนเหนือของอิรัก รวมถึงเมืองโมซุล เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัก และเมืองติกริต บ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน

    ความเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิสก็ทำให้หลายฝ่ายตื่นตระหนกไม่น้อย เห็นได้ชัดจากราคาน้ำมันดิบเบรนต์เกือบทะลุ 116 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดนับจากกันยายน 2556 และมีแนวโน้มจะไต่ระดับสู่ 120-125 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นโซนอันตรายในอนาคตอันใกล้

    ซึ่งในระดับราคาดังกล่าว ราคาน้ำมันจะเริ่มสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน รายใหญ่ เช่น อินเดีย ที่พยายามแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ
    หากย้อนกลับไปดูบทเรียนช่วง 50 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ทุกครั้งที่ต้นทุนน้ำมันกระฉูด มักตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในแถบชาติตะวันตก นอกจากนี้ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อาทิ บีพี เอ็กซ์ซอนโมบิล เชลล์ ตลอดจนรัฐวิสาหกิจจากจีนอย่างซีนุกและซีเอ็นพีซี ซึ่งล้วนเข้าไปลงทุนในอิรักหลายพันล้านดอลลาร์นับจากปี 2551 ต้องพลิกตำราหากลยุทธ์เตรียมรับมือวิกฤตกันจ้าละหวั่น
    เพราะหากกลุ่มไอซิสรุกคืบสู่กรุงแบกแดดและพื้นที่ภาคใต้ของอิรักได้สำเร็จ ท่าเรือบาสราซึ่งเป็นช่องทางส่งออกน้ำมันดิบผ่านอ่าวเปอร์เซีย 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็จะตกอยู่ในอันตราย จนถึงขณะนี้การโจมตีของกลุ่ม ก่อการร้ายทำให้โรงกลั่นน้ำมันทางตอนเหนือของประเทศต้องปิดตัวอย่างไม่มี กำหนด
    แต่ยังไม่กระทบบ่อน้ำมันทางตอนใต้ของอิรักซึ่งครองสัดส่วน 90% ของปริมาณการส่งออกน้ำมันทั้งหมดของประเทศช่วงต้นปีที่ผ่านมา อิรักซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ขององค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (OPEC) ผลิตน้ำมันได้ 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดในรอบ 35 ปี ก่อนลดลงเหลือ 3.3 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน
    องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประเมินว่า ประเทศดังกล่าวจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 6 ล้านดอลลาร์บาร์เรลต่อวันในปี 2563 ไออีเอมองว่า การโจมตีของกลุ่มไอซิสไม่เพียงสร้างความกังวลต่อการผลิตน้ำมันในอนาคต แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อกลไกการทำงานของรัฐบาลอิรักและเสถียรภาพในภูมิภาคตะวัน ออกกลาง

    ในกรณีเลวร้าย ซึ่งกำลังการผลิตน้ำมันในอิรักลดลงขนานใหญ่ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถึงแม้ว่าโอกาสที่กลุ่มก่อการร้ายจะยึดกรุงแบกแดดได้ยังไม่ชัดเจนนัก เพราะรัฐบาลอิรักที่นำโดยนายกรัฐมนตรีนัวรี อัล-มาลิกิ ต้องทุ่มเทสรรพกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกัน ชนิดตายเป็นเบือ เพื่อรักษาเมืองหลวง และป้องกันไม่ให้กลุ่มกบฏขยายพื้นที่สู้รบไปยังทางตอนใต้ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ

    นอกจากนี้ ถ้ารัฐบาลอิรักเพลี่ยงพล้ำ อเมริกาก็จะตีสองหน้า เพราะตอนนี้โอบามาส่งทหาร 300 คน เข้าไปคุ้มกันผลประโยชน์ของสหรัฐในอิรัก รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินรวมถึงเรือรบของสหรัฐที่เคลื่อนเข้าประจำการในอ่าว เปอร์เซีย
    สหรัฐเพียงต้องการปกป้องขุมพลังงานแทงกั๊กทั้ง 2 ฝ่าย ปล่อยให้คนอิรักสู้กันเองไปแบบนี้ให้ตายไปเรื่อยๆ และคอยคุมเชิงไม่ให้มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด
    ผลคืออเมริกาก็จะได้น้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจเด้งขึ้นอีก เช่นเดียวกับในปีที่แล้วที่ตลาดกังวลว่าสหรัฐจะโจมตีซีเรียทางอากาศ จนทำให้ราคาน้ำมันพุ่งจาก 108 ดอลลาร์เป็นเกือบ 117 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ก็เพราะอิรักมีน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลกนี่แหละ อเมริกาจึงต้องยุให้คนในชาติอิรักแตกแยกกัน ฆ่ากัน สุดท้ายอเมริกาและผองเพื่อนนอนหัวร่อร่าได้ประโยชน์ และดูคนอิรักฆ่ากันด้วยความบันเทิง


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 มิ.ย.57 เปิดโปง..บ่อน้ำมัน เพชรบูรณ์ มีการแอบขุดเจาะจริง จนทหารบุกยึดคืนแล้ว

    จากกรณี บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ได้สัมปทานสำรวจปิโตรเลียมแหล่งวิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยเริ่มผลิตน้ำมันดิบตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมานั้น

    จนเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำมันดิบของบริษัท อีโก้ โอเรี้ยนท์ รีซอสเซส ในพื้นที่ ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

    ต่อมา วันที่ 18 มิ.ย.57 ทหารจึงนำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อ พบการกระทำผิดจริง และหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีให้ประเทศไทยมากว่า 5 ปีแล้ว เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท

    ** ดูคลิปที่ https://www.facebook.com/photo.php?v=640238129385813

    และ นายทรงภพ พลจันท์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ออกมาชี้แจงว่าบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นสัญชาติฮ่องกง และไม่ได้ลักลอบขุด !!

    และได้มีการตรวจสอบ บริษัท ขุดน้ำมันเพชรบูรณ์ อีโค่ โอเรียน เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด หุ้นใหญ่เกือบ 100% เป็น สัญชาติเบอร์มิวด้า ไม่ใช่เป็นบริษัทสัญชาติฮ่องกง ตามที่ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน แถแบบข้างๆ คูๆ

    ** ตามที่เคยแฉที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/247760935413941

    ถัดมา น.ส.มนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แถลงว่าบริษัทขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เฉพาะแปลง L44-V เนื่องจากไม่ได้อยู่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส่วนแปลงอื่นได้หยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 เนื่องจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดเพชรบูรณ์ มีคำสั่งให้บริษัทหยุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 นั้น

    เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เมื่อวานนี้ คณะเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปทส.บช.ก.)

    เข้าตรวจยึดพื้นที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบแปลง L44-V/D1 , D2 , D3 , D4 รวม 4 หลุมเจาะ เนื้อที่ 7 ไร่ 58 ตารางวา ของบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย ) จำกัด หมู่ 4 บ้านหนองบัวขาว ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หลังตรวจสอบพบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และยังไม่ขออนุญาตใช้พื้นที่

    จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจยึด มอบให้นายฉัตรชัย นราวัฒน์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช.7 (น้ำร้อน) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ฐานกระทำผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยตั้งฐานขุดเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวน สภ.วิเชียรบุรี

    ต่อมา นายนาวิน พรรณธรรม ผู้จัดการฝ่ายบริหารและมวลชนสัมพันธ์ และ น.ส.กรองกมล สันตจิตร เจ้าหน้าที่กฎหมายที่ดินบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด ได้เข้ายื่นเอกสารแสดงทรัพย์สินของบริษัทกับพนักงานสอบสวน จากนั้นชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า “ เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย “..อ้าววว..

    เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ จึงอาศัย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่บริษัทได้รับสัมปทานแล้วดำเนินการ

    อย่างไรก็ตามเมื่อรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ก็ยินดีจะทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง และเพื่อป้องกันความเสียหาย จึงหยุดการเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบในหลุมเจาะ L44-V ทั้ง 4 หลุมเจาะไว้ก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในข้อกฎหมาย...มันง่ายไปไหมเนี่ย ?

    แล้วที่ผ่านมา 5-6 ปี ภาษีที่หลบเลี่ยงจ่ายให้รัฐไปหลายหมื่นล้าน จะจ่ายคืนให้ชาติอย่างไร? และบริษัท นี้หุ้นใหญ่บริษัทขุดเจาะน้ำมัน เพชรบูรณ์ จดทะเบียนที่เกาะฟอกเงิน บริติชเวอร์จิน-เบอร์มิวด้า โน่น..จริงๆ ใครเป็นเจ้าของหุ้นเกือบ 100% จำนวน 16.99 ล้านหุ้นนั้นกันแน่

    หลักฐานชัดแอบลักลอบขุดน้ำมันมานานหลายปี ชาติเสียหายยับเยินขนาดนี้..หน่วยงานที่เคยเถียงคอเป็นเอ็น อยู่ไหน? เงินภาษีหลายหมื่นล้านที่เสียไปจะจ่ายคืนเมื่อไร ? และไม่เห็นต้องมีความจำเป็นใดๆ อนุญาตให้บริษัทนี้ขุดน้ำมันต่อ...

    แย่แล้ว นักการเมืองเลือกตั้งเผาไทย ที่อ้างประชาธิปไตย แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังบริษัทนี้ ทำประเทศเจ๊งอีกแล้ว..!! นี่ถ้าไม่มี คสช.เข้ามาและยึดบ่อน้ำมันกลับไปเป็นของชาติ ปลิงต่างชาติ และนักการเมืองเห็บ โลน จะต้องดูดกินทรัพยากรของชาติ โดยหลบเลี่ยงภาษีไปอีกนานเท่าไร

    แล้วประชาธิปไตย จากการเลือกตั้งซื้อเสียงแบบนี้..มันให้ประโยชน์อะไรกับคนอำเภอวิเชียรบุรี คนเพชรบูรณ์ และคนไทยทั้งชาติบ้าง ? และนักการเมืองแฝงตัวส่งบริษัท แบบนี้อีกกี่บริษัท มาแอบขุดเจาะน้ำมันไปขาย แล้วก็ลบเลี่ยงการจ่ายภาษีให้หลวง

    การมีนักแสวงโชคทางการเมือง ที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งในประเทศไทย มันยังจำเป็นอยู่อีกหรือ ?


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 มิ.ย.57 ป.ป.ง.ค้น บ้านโยงคดีโกงแวต 4 พันล้าน อายัดทรัพย์ รถหรู-โรงแรม

    คณะเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พร้อม ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 99/699 และ99/499 ม.2 ซอยแจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองสองห้อง เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท ไฮสแตนดาร์ด มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

    และบ้านพักของนางพัชรี นางนุชนารถ และ นางน้ำทิพย์ ศิริโชค ซึ่งเป็นเครือข่ายโกงภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวนกว่า 4,300 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ป.ป.ง.ได้ทำการยึดอายัดทรัพย์สิน นายวีรยุทธ แซ่หลก และพวก 2 ครั้ง มูลค่ากว่า 132 ล้านบาท

    โดย ป.ป.ง.พบหลักฐานว่า นางพัชรี เปิด บริษัท ล็อบบี้ยิสต์ และทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ ร่วมกับนายวีรยุทธทำการโกงภาษี ซึ่งการเข้าตรวจค้นบ้านดังกล่าว ป.ป.ง. จะยึดอายัดทรัพย์สินบ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงินสดในตู้เซฟ และเงินฝากในบัญชีธนาคารอีกประมาณ 50 ล้านบาท

    ป.ป.ง. จึงเข้าตรวจค้นทรัพย์สินจากการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 3 จุด คือ บ้านพักอาศัยบริเวณย่านบางใหญ่ อาคารชุดย่านถนนสาธร มูลค่าประมาณ 34 ล้านบาท และโรงแรมปากช่องแลนด์มาร์ค หรือ โรงแรมเดอะฮิลล์ ในปัจจุบัน มูลค่าเฉพาะโรงแรมประมาณ 100 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินใน 4 จุด คาดว่าจะมีมูลค่า 300-500 ล้านบาท

    การสืบสวนพบว่านางพัชรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีโกงแวต และจะมีการขยายผลไปยังบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะคดีนี้ยังไม่จบง่ายๆ ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง หากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ก็จะต้องมีการขยายผลต่อ เนื่องจากคดีของนายวีรยุทธ ซึ่งมีอายุไม่ถึง 30 ปี แต่ใช้เวลาเพียง 2 ปี สามารถโกงแวตสร้างความเสียหายให้ประเทศถึง 4,000 ล้าน

    จากการเข้าตรวจค้นทรัพย์สิน เจ้าหน้าพบตู้เซฟขนาดใหญ่จำนวน 2 ตู้ เจ้าของบ้าน คือ นางพัชรี ซึ่งไม่ได้อยู่ในบ้าน ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น โดยเจ้าหน้าที่โทรแจ้งขอเลขรหัสจากนางพัชรี แต่เจ้าของบ้านไม่ให้กุญแจ ทำให้ไม่สามารถเปิดตู้เซฟได้ ดังนั้น ป.ป.ง. จึงยกตู้เซฟทั้ง 2 ตู้ ไปเปิดที่ ป.ป.ง. และอายัดคอมพิวเตอร์ รถยนต์หรู 5 คัน ยี่ห้อปอร์เช่ เบนซ์ โฟล์ค

    แก็งค์โกงภาษี ทำให้ชาติขาดรายได้ พวกนี้ซิกแซก สร้างความเสียหายให้กับชาติมหาศาล ในอดีตเราก็มีนักการเมืองตัวเอ้ ที่ขายหุ้นแล้วไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับชาติตนเองสักบาท


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  18. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 มิ.ย.57 ไขปริศนา..รัฐบาลเผาไทยปูเน่า เวนคืนวังสระปทุมพระเทพฯ ทำทางด่วน

    พลันที่ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ ผู้ซึ่งเป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ กับหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา เผยแพร่ข้อความผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวร์ค ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงปลูกบ้าน โดยเป็นการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการซื้อที่ดินแปลงนี้

    ข้อความดังกล่าว ความว่า “ ผมได้รับทราบเรื่องจากผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระเทพฯ มาว่า ท่านทรงซื้อที่ดินแปลงเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ และท่านทรงรับสั่งว่า จะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ , ขอย้ำนะครับ ปลูกบ้าน ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเอง , เหตุที่สมเด็จพระเทพฯ ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ท่านรับสั่งว่าเขาจะได้มายึดไม่ได้ ผมได้ฟังแล้วรู้สึกตีบตันในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

    สงสารท่านเหลือเกินแล้ว พระบิดาทรงงานหนักเพื่อชาติและประชาชนมาตลอด แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอกล่าวคำสัตย์สาบาน ด้วยชีวิต ณ ที่นี้ว่า ผมจะไม่ยอมให้มัน ไอ้ อี ผู้ใด มากระทำต่อพระองค์เยี่ยงนั้นได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องธำรงอยู่คู่ประเทศไทย ตราบนานเท่านาน..ใครเล่าเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง “..

    ก็เกิดคำถามขึ้นในใจคนไทยทุกคน ว่าทีมาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ใครกลุ่มไหนกัน ที่กล้าอาจหาญกระทำการมิบังควรเช่นนี้ ก่อนจะมีคำเฉลยปริศนานี้ มาดูประวัติความเป็นมา “ วังสระสระปทุม “ ที่เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนว่ามีความสำคัญต่ออารยธรรมประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไร

    วังสระปทุม ตั้งอยู่บริเวณถนนพระรามที่ 1 และถนนพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยอาณาเขตทางด้านทิศเหนือติดคลองแสนแสบ ทิศตะวันออกติดคลองอรชร ริมวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ทิศใต้ติดถนนพระรามที่ 1 และทิศตะวันตกติดถนนพญาไท ปัจจุบันอยู่กลางย่านเศรษฐกิจที่คึกคัก มากด้วยศูนย์การค้าและโรงแรม ในเขตปทุมวัน เป็นที่สงบเงียบ ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด

    สมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระราชดำริ จะพระราชทานที่ดินบริเวณถนนปทุมวัน หรือถนนพระรามที่ 1 ให้เป็นสถานที่สร้างวัง ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสซึ่งประสูติแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

    แต่เนื่องจากในขณะนั้นพระองค์ได้เสด็จไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จึงยังไม่มีการสร้างพระตำหนักขึ้น ตราบกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงได้พระราชทานสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ในเวลาต่อมา

    หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จออกมาประทับภายนอก พระบรมมหาราชวัง พระองค์โปรดฯ ที่ดินบริเวณนี้มาก ถึงแม้ว่าในขณะนั้นบริเวณประทุมวัน ถือว่าเป็นที่ดินที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญ รวมทั้งการคมนาคมก็ลำบากมาก

    พระองค์ทรงเตรียมการปลูกพระตำหนัก เพื่อจะเสด็จมาประทับอยู่เป็นการถาวร โดยพระองค์ทรงคิดผังพระตำหนักเอง เนื่องจากทรงมีความรู้เรื่องทิศทางลมและฤดูกาลเป็นอย่างดี ในระหว่างการก่อสร้างพระตำหนักนั้น พระองค์ได้เสด็จมาประทับ ณ พลับพลาไม้ริมคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวบ่อย ๆ เมื่อพระตำหนักสร้างเสร็จแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จเข้าประทับ ณ วังสระปทุมเป็นการถาวรตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2498

    บริเวณโดยรอบวังในสมัยนั้นเดิมเป็นที่สวน สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้ปลูกพืชผักหลายชนิด เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน เป็นต้น โดยทรงนำผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้นั้นสำหรับตั้งโต๊ะเสวย รวมทั้งพระราชทานผลผลิตทางการเกษตรเหล่านั้นไปยังวังเจ้านายต่าง ๆ ส่วนที่เหลือ เช่น ใบตอง เชือกกล้วย กล้วยสุก ได้นำออกจำหน่ายได้รายได้ปีหนึ่ง ๆ เป็นเงินหลายร้อยบาท โดยส่วนหนึ่งพระองค์ ทรงใช้สำหรับเลี้ยงดูข้าราชบริพารและทะนุบำรุงวังสระปทุม

    หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงสำเร็จการศึกษากลับมายังประเทศไทยแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นอีกหลังเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ได้ประทับอยู่พระตำหนักนี้จนสิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2472

    อย่างไรก็ตาม วังสระปทุมยังคงใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเรื่อยมาจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของ “ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ จนถึงปัจจุบัน

    ปัจจุบัน พื้นที่ของวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกเป็นพื้นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ให้เช่าทำศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน สำหรับพื้นที่ส่วนที่เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนั้น ประกอบด้วยพระตำหนักและเรือนต่าง ๆ ดังนี้

    พระตำหนักใหญ่เป็นตำหนัก 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน ทาสีเหลืองทั้งองค์พระตำหนัก โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่ฝาผนังใกล้เพดานชั้นบนซึ่งเป็นปูนปั้นรูปดอกไม้ ตั้งอยู่เกือบกลางของวังสระปทุม สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งพระองค์มีพระราชดำริในการสร้างพระตำหนักองค์นี้ทั้งเรื่องทิศทางการวางตำแหน่งของอาคาร และห้องต่าง ๆ โดยพระองค์เอง

    ทรงใช้ก้านไม้ขีด หางพลูเรียงเป็นรูปร่างห้อง และให้หม่อมเจ้าจันทรนิภา เทวกุล เขียนร่างเอาไว้ และส่งให้สถาปนิกออกแบบถวายตามพระราชประสงค์ พระตำหนักใหญ่นี้จึงได้รับแสงแดดและมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ห้องทุกห้องได้รับลมเสมอกัน หลังจากสร้างพระตำหนักเสร็จแล้วสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้ตลอดพระชนมายุ

    พระตำหนักเขียว เป็นพระตำหนักแรก ที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับภายในวังสระปทุม สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 พระองค์จึงได้เสด็จประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้ พระตำหนักเขียวตั้งอยู่บริเวณริมคลองแสนแสบ เป็นพระตำหนักก่ออิฐถือปูน ทาสีเขียว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์

    เช่น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระมเหสีและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมาประทับเมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดียังทรงพระเยาว์

    พระตำหนักใหม่ หรือ พระตำหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์
    หลังจากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้เสด็จมาประทับที่วังสระปทุมเป็นการถาวร ดังนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้สร้างพระตำหนักแห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรซึ่งทรงเคยรู้จักเมื่อประทับอยู่ต่างประเทศเป็นสถาปนิก โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467

    รูปแบบของพระตำหนักมีลักษณะเป็นแบบอังกฤษ สร้างอย่างประณีตและอยู่สบาย ชาววังเรียกพระตำหนักแห่งนี้ว่า "พระตำหนักใหม่" ใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2472 และใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีตราบจนพระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2538

    พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้น ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานและพระราชทานน้ำสังข์ นอกจากนี้ ยังมีการจดทะเบียนเป็นหลักฐานตามแบบแผนของทางการราชสำนักด้วย

    พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระยศขณะนั้น) และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรสและโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้น พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชสักขีลงนามในทะเบียนนั้นด้วย

    หลังจากนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จออกในพระราชพิธีถวายน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและทรงรดน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชินี"

    หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จประทับ ณ วังสระปทุมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงพระราชปรารภ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชดำริว่าวังสระปทุมเป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์และชาติ สมควรที่จะจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจึงทรงจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" ขึ้นภายในวังสระปทุม

    เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าอย่างถูกต้อง และครบถ้วน โดยทรงใช้พระตำหนักใหญ่ที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ โดยสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในการเปิด “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551

    ภายใน “พระตำหนักใหญ่” หรือ “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ได้จัดแสดงเป็นห้องต่างๆ ไว้เป็น 3 ช่วงเวลา ห้อง “ยุววัฒน์รัชกรณีย์” ภายในจัดแสดงอ่างสรงของในหลวง ที่ใช้สรงเมื่อทรงพระเยาว์ จดหมายลายพระหัตถ์ของพระบรมราชชนก จดหมายของสมเด็จย่า โทรเลขของสมเด็จพระพันวัสสา เป็นต้น

    ต่อมาเป็นห้องที่จัดแสดงถึงช่วงแรก ซึ่งเป็นช่วงของการสร้างพระตำหนักแล้วเสร็จ และสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จฯ กลับจากต่างประเทศมาประทับอยู่ ซึ่งจัดแสดงใน “ห้องพิธี” และ “ห้องรับแขก” โดยในช่วงนี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญอันเป็นมงคลยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย กล่าวคือ ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระบรมราชชนกกับสมเด็จย่า ครั้งยังทรงเป็น นางสาวสังวาล ตะละภัฏ รัชกาลที่ 6 เสด็จฯ มาพระราชทานน้ำสังข์ ณ พระตำหนักใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2463

    ห้องที่จัดแสดงในช่วงที่สอง “ราชประดิพัทธภิษิต” เป็นช่วงที่สมเด็จพระบรมราชชนก ทรงเสกสมรสและมีพระราชธิดาแล้วหนึ่งพระองค์ ทรงพาครอบครัวเสด็จฯ กลับจากประเทศอังกฤษและมาประทับอยู่ที่วังสระปทุมอีกวาระหนึ่ง การจัดสิ่งของเครื่องใช้ในห้องแสดงของพิพิธภัณฑ์ในช่วงนี้ ได้แก่ “ห้องเทา” และ “ห้องทรงพระอักษร”

    ส่วนจัดแสดงในช่วงสุดท้าย “ราชกฤตย์กตัญญุตา” จัดแสดงใน “ห้องทรงพระสำราญ” “ห้องทรงนมัสการ” และ “ห้องพระบรรทม” เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระบรมราชชนกมีพระราชโอรสเพิ่มขึ้นอีก 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์ เสด็จกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว

    นอกจากนี้บริเวณ “เฉลียงพระตำหนักใหญ่ชั้นบน” ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดที่จะประทับตรงเฉลียงบนหน้าห้องพระบรรทม ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นห้องทรงนมัสการ เมื่อทรงตื่นบรรทมแล้วจะเสด็จออกมาประทับที่เฉลียงตลอดทั้งวัน และเสวยพระกระยาหาร ณ ที่นี่ด้วย ซึ่งบริเวณนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างยิ่ง

    เนื่องจากเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีอันเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ ทรงเป็นประธานในพิธีราชาภิเษกสมรสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ และเจิมพระนลาฏแก่ทั้งสองพระองค์

    นอกจากการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ พระตำหนักใหญ่ แล้ว เพื่อเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนม์ 7 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้ดำริจัดนิทรรศการ “บรมกษัตริย์วัฒนสถาน” ณ หอนิทรรศการ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชประวัติ และพระราชจริยาวัตรอันเกี่ยวเนื่องด้วยวังสระปทุม

    แต่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีการออกกฎหมายเวนคืนวังสระปทุม ในสมัยรัฐบาลเลือกตั้งนายกปูเน่าลงนาม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีการอ้างว่า เคยมีกรณีพิพาทกันตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยในสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2539 ได้มีการจัดทํา ประชาพิจารณ์

    เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ของรัฐกับประชาชนชุมชนบ้านครัว อันเนื่องมาจากโครงการทางด่วนแยกอุรุพงษ์ – ราชดำริ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยชาวชุมชนบ้านครัวได้ร่วมกับชุมชนเพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่อสู้คัดค้านโครงการดังกล่าวมานานกว่า 16 ปีตั้งแต่สมัยที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

    ให้ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อพิจารณาถึงความสมประโยชน์และความจำเป็นของโครงการ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นชุดหนึ่ง ทําหน้าที่ดำเนินการไต่สวนหา ข้อเท็จจริง และให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยประกาศชี้แจงแผนงาน เอกสารข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอมีส่วนร่วมในการไต่ถามและเสนอพยานหลักฐานและข้อมูลโต้แย้ง ตลอดจนให้การดำเนินการดังกล่าวกระทํา โดยเปิดเผยต่อสาธารณชน และเสนอผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือรัฐบาลตัดสินชี้ขาดอีกครั้ง โดยไม่ผูกพันตามความคิดเห็นของฝ่ายใด แต่ให้ชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจนและครบถ้วน

    หลังจากนั้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 243/2536 ลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2536 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาประโยชน์ของถนนรวมและกระจายการจราจรต่อระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วย 27คณะกรรมการชุดนี้ได้ได้สรุปผลส่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2536

    โดยคณะกรรมการมีมติชี้ขาดว่า โครงการดังกล่าว “ ไม่เป็นประโยชน์กับการจราจร และไม่เป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนบ้านครัว โดยภาระที่เกิดจะตกแก่ชุมชนบ้านครัวมากจนไม่เป็นธรรม “

    แต่เงื่อนไขของโครงการนี้คือ หากรัฐบาลตัดสินใจไม่สร้างจะต้องเจรจาขอแก้ไขสัญญากับบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) (BECL) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รัฐทําสัญญาด้วยเสียก่อน จึงทําให้ฝ่ายการเมืองตัดสินใจใด ๆ ออกมา ในขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ยอมรับความเห็นของคณะกรรมการ โดยอ้างว่าข้อมูลที่คณะกรรมการนำมาพิจารณาเป็นข้อมูลเก่า

    จากข้อขัดแย้งดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวได้ ทําให้ต้องมีการรับ ฟังความคิดเห็นรอบที่ 2 คณะกรรมการได้ยืนยันในมติเดิมว่า “ ควรยกเลิกโครงการ” แต่คณะรัฐมนตรีกลับมีมติเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2538 ให้ก่อสร้างต่อไปได้ โดยเลี่ยงลงไปในคลองเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แม้ว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลจะมีมติแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการ

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการดำเนินการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการรับ ฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ ระเบียบฉบับนี้มีที่มาจากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2538

    ได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับ ปรุงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมือง”ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและอนุมัติหลักการร่างระเบียบดังกล่าว และมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาในรายละเอียด

    ทั้งสองได้พิจารณาร่างระเบียบและได้ปรับปรุงชื่อเสียใหม่เป็น “ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับ ฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ พ.ศ. ….” หลังจากนั้นสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539

    ระเบียบฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังการแสดงความคิดเห็นในปัญหา สำคัญของชาติที่มีข้อโต้เถียงหลายฝ่าย สำหรับ เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจของรัฐในการดำเนินงาน อันมีผลกระทบต่อประชาชนและยังไม่มีข้อยุติ

    เรื่องดังกล่าวก็ชะลอเงียบหายไป 16 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาล จนต่อมาจู่ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 สมัยรัฐบาลที่แล้วที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้ฉวยโอกาสช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ต่อเนื่องปี 2555 ที่ประชาชนกำลังสาละวนกับความเดือดร้อนน้ำท่วม แอบให้สภาออกกฎหมายเวณคืนที่ดิน โดยได้ออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2555 ให้มีผลบังคับใช้

    เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับที่ว่านั้น คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ

    สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา บทบัญญัติและ มาตราสำคัญ มีดังนี้

    มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ”
    มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
    มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
    มาตรา 4 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่
    มาตรา 5 ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตาม พระราชกฤษฎีกานี้
    มาตรา 6 เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
    มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

    กำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีส่วนที่แคบที่สุด 350 เมตรและส่วนที่กว้างที่สุด 600 เมตร โดยพื้นที่ที่ถูกเวนคืนเริ่มตั้งแต่ ถ.พระราม 6 ตัดตรงผ่าน ซ.พญานาค ทะลุ ถ.ราชปรารภ บรรจบทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณถนนเพลินจิตตัดกับถนนวิทยุ การเวนคืนที่ดินยังครอบคลุมพื้นที่ชุมชนบ้านครัวด้วย

    โอ้..อะไรนี้รัฐบาลประชาธิปไตย อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แอบงุบงิบออกกฎหมายเวณคืนที่ดิน ไม่เว้นแม้แต่วังสระปทุม ของสมเด็จพระเทพฯ เป็นที่ดินพระราชทานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)

    วังที่เคยประกอบพิธีทางประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึก เช่น พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานและพระราชทานน้ำสังข์

    พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระยศขณะนั้น) และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรส และโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้น

    เป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ในราชวงศ์จักรี และปัจจุบันยังเป็นที่ตั้ง “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา อีกด้วย

    นี่ยังไม่นับประวัติศาสตร์ทางความทรงจำ ที่ทรงคุณค่าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ และเชื้อพระวงศ์อีกมากมาย ที่มิอาจพระเมินคุณค่าได้ ที่พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกายมาตลอด เพื่ออุทิศทรงงานให้กับราษฎร์ของพระองค์กว่า 64 ปี

    จู่ๆ รัฐบาลเผาไทย ออกกฎหมายฉบับเดียว เพื่อเวณคืนวังสระปทุมเก่าแก่ และสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก เพียงแค่เอาไปสร้างทางด่วนให้รถวิ่ง แล้วกินเปอร์เซ็นต์ค่าอนุมัติ ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดำเนินการ งานนี้คงไม่ง่ายเหมือนใจคิด บอร์ดรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ได้เจอดีกันกับผู้จงรักภักดี และผู้มีอำนาจในยุคสมัยนี้แน่ ๆ

    ไม่มีใครยอมให้มารังแกเบื้องสูงที่ทรงงานหนักเพื่อราษฏรมาทั้งชีวิตดอก กฎหมายที่ออกมา แล้วไม่ดี ทำคนอื่นเดือดร้อน ก็ควรต้องรีบยกเลิกได้เหมือนกัน !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2014
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 มิ.ย.57 กบกางเกงใน ถูกตำรวจจับโดยไม่มีข้อหาและถามว่า “ มึงเปลี่ยนสีทำไม ? “

    นาย วีรชาติ เปรมกมล หรือ กบกางเกงใน ได้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กและให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าหลังกลับบ้านที่กำแพงเพชร 1 วัน เขาออกไปช่วยน้องกับแม่ ขายกล้วยทอด กลับมาบ้านตำรวจ 5 คน ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ มีปืนพก มาเรียก “ ไอ้กบ” แล้วไม่ยอมพูดอะไร ก็จับขึ้นรถไปโรงพัก แล้วบอกกับเขาว่ามีหมายจับ

    พอไปถึงตรวจสอบแล้วว่าไม่มี ก็ปล่อยก่อนกลับจับถ่ายรูปแล้วจับตรวจฉี่ ปรากฏว่าไม่พบก็ปล่อย แล้วตำรวจก็พูดทิ้งท้าย “มึงเป็นฮีโร่แล้วมึงได้อะไร? มึงเปลี่ยนสีเสื้อทำไม ? พวกมันให้อะไรมึงเหรอ ? โง่ที่ทำไปโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร ? “ กบก็ไม่พูดอะไรแล้วก็กลับบ้าน

    ในอดีตเขาเคยเป็นเสื้อแดงหัวรุนแรง เมื่อปี 52 – 53 แล้วกลับใจได้ เพราะรักในหลวง จึงมาร่วมประท้วงรัฐบาลเผาไทย กับ กปปส.เมื่อ 7 เดือนที่แล้ว..

    ที่น่าสงสัยคือ ตำรวจกำแพงเพชร จับกบโดยไม่มีหมายจับ และไม่แจ้งข้อหาใดๆ ?? และโกหกหลอกเขาว่ามีหมายจับ ทั้งที่ไม่มี ?? แล้วตำหนิกบว่าเปลี่ยนสีจากเสื้อแดงทำไม ??..

    เป็นการขัดนโยบาย คสช.เรื่องความปรองดอง ไม่สร้างความขัดแย้ง และขัดคำสั่งหนังสือสั่งการจาก ผบ.ตร.ในการปฎิบัติหน้าที่ ยามที่ คสช.ต้องการคืนความสุขให้ประชาชน..

    ช่วงนี้เห็นมีข้าราชการ และตำรวจหลายจังหวัด ที่คล้ายๆ กำแพงเพชร นี้..มีดึ๋งๆๆ


    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  20. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 27 มิ.ย.57 มีคำสั่ง เด้ง บิ๊กข้าราชการระดับสูงละลอกใหญ่ ปลัดพลังงานโดนแล้ว

    คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีประกาศเด้งข้าราชการ สั่งให้ข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวงที่ถูกโยกย้ายก่อนหน้านี้ พ้นจากตำแหน่งอย่างชัดเจน และให้ผู้ที่รักษาการในตำแหน่งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ ดำรงตำแหน่งเป็นตัวจริง โดยให้มีผลทันทีนับแต่นี้ ที่น่าสนใจคือ

    พล.อ.นิพันธ์ ทองเล็ก พ้นจากปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม

    ธงทอง จันทรางศุ พ้นจากปลัดสำนักนายกฯเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    ธาริต เพ็งดิษฐ์ พ้นจากอธิบดีกรมสบสวนคดีพิเศษ เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง พ้นจาก เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ พ้นจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    สุวิจักษณ์ นาควัชระชัย พ้นจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    อรรถพล ใหญ่สว่าง พ้นจากอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาอัยการสูงสุด

    สุรชัย ศรีสารคาม พ้นจากปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข พ้นจากเลขาธิการ ปปท. เป็นที่ปรึกษาในปลัดกระทรวงยุติธรรม

    นายราฆพ ศรีศุภอรรถ พ้นจากอธิบดีกรมศุลกากร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

    นายปรียา กันธิยะ พ้นจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นที่ปรึกษาสำนักนายกฯ

    นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ พ้นจากปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

    นายทศพร ศิริสัมพันธ์ พ้นจากเลขาธิการการอุดมศึกษา เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

    นายอภิชาติ จีระวุฒิ พ้นจากเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

    *** และมีข้าราชการที่แต่งตั้งใหม่ มีดังนี้

    พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม

    นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด เป็นอัยการสูงสุด

    ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

    นางเมธินี เทพมณี ผู้ตรวจราชการกระทรวงไอซีที เป็นปลัดกระทรวงไอซีที

    นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นเลขาฯ ศอ.บต.

    นายจเร พันธุ์เปรื่อง รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

    พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

    น.ส.ชุติมา บุณญประภัศร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์

    นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการ ป.ป.ท. เป็นเลขาธิการ ป.ป.ท.

    นายสมชัย สัจจพงษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นอธิบดีกรมศุลกากร

    นายกฤษดา จีนะวิจารณะ ที่ปรึกษา สศค. เป็น ผอ.สศค.

    นายอภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็น ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
    นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็น ปลัดกระทรวงพลังงาน

    นายกำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา

    นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็น ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ

    นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการ กพฐ. เป็น เลขาธิการ กพฐ.

    หึๆ..ฝันแม่น..คงมีขยับกระชับอำนาจ อีกหลายละลอก โดยเฉพาะคนที่ไม่สนองนโยบาย คสช.ในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทย และยังต่อสายถึงคนแดนไกล



    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     

แชร์หน้านี้

Loading...