แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 15 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    รอยแค้นฝังใจ..จากสงครามฝิ่นกว่า 100 ปี สู่สงครามเงินตราที่ฮ่องกง

    ชาวแมนจู อาศัยอยู่ในเขตแมนจูเรีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน ในสมัยนั้น ชาวแมนจูเพียงเป็นกลุ่มชนเร่ร่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งยังไม่มีคนรู้จักมากนัก

    พ.ศ. 2187 ในช่วงที่ราชวงศ์หมิงเกิดจลาจล และการเมืองไร้เสถียรภาพ ชาวแมนจูถือโอกาสรวบรวมกำลังพล โดยผู้นำตระกูลอ้ายซินเจว๋หลัว และเข้าบุกยึดกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นราชธานีของราชวงศ์หมิงได้ และสถาปนาอาณาจักรต้าชิง

    พ.ศ. 2187 – 2455 ราชวงศ์ชิง หรือบางครั้งเรียกว่า ราชวงศ์แมนจู ปกครองแผ่นดินจีนต่อจากราชวงศ์หมิง

    ฝิ่นเป็นยาเสพย์ติดที่ชาวจีนติดกันอย่างงอมแงมและติดกันมานาน ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเจิ้น ราชวงศ์ชิง เคยมีดำริที่จะทำการปราบปรามฝิ่นแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ชาวจีนส่วนใหญ่ยังติดฝิ่นเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเต้ากวง ปีที่ 19 พระองค์มีเจตนารมณ์อย่างแรงกล้าที่จะทำการปราบฝิ่น ทรงแต่งตั้งหลินเจ๋อสวี เป็นผู้ตรวจราชการสองมณฑล ขึ้นเป็นผู้นำในการกวาดล้างฝิ่นจากแผ่นดินจีน

    หลินเจ๋อสวี เริ่มงานด้วยการห้ามค้าฝิ่นในมณฑลกวางตุ้ง และจับพ่อค้าฝิ่นชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดไปคุมตัวในเรือนจำ ใครที่มีหลักฐานว่าค้าฝิ่นจะต้องถูกประหาร และตัดศีรษะเสียบประจาน เพื่อข่มขู่ชาวจีนอื่น ๆ ให้เกรงกลัวจะได้ไม่กล้าค้าฝิ่นอีก

    นอกจากปราบปรามการค้าฝิ่นในหมู่ชาวจีน หลินเจ๋อสวี ยังได้พยายามฟื้นฟูสุขภาพชาวจีนที่ติดฝิ่น โดยจัดโครงการรณรงค์การอดฝิ่น มีชาวจีนหลายคนที่อดฝิ่นได้สำเร็จ ทางการก็จะประกาศเกียรติคุณ เพื่อให้คนอื่น ๆ เอาเป็นแบบอย่างอันดีที่จะพยายามเลิกฝิ่นให้ได้

    จากนั้นหลินเจ๋อสวี ก็สั่งห้ามเรือพ่อค้าต่างชาติที่บรรทุกฝิ่นเข้ามาในอาณาจักรจีน โดยห้ามเรือล่องเข้าแม่น้ำจูเจียงมาเป็นเด็ดขาด และประกาศให้พ่อค้าต่างชาติที่มีฝิ่นในครอบครอง ต้องนำฝิ่นมาส่งมอบให้ทางการจีน แต่พ่อค้าชาวต่างชาติไม่สนใจคำสั่งของหลินเจ๋อสวี ยังคงค้าฝิ่นต่อไป

    หลินเจ๋อสวี จึงสั่งปิดล้อมย่านการค้าของคนต่างชาติในจีน และบีบให้พ่อค้าต่างชาติส่งฝิ่นให้ทางการจีน หลังจากปิดล้อมอยู่สองวัน พวกพ่อค้าต่างชาติก็ยอมมอบฝิ่นออกมาในที่สุด ฝิ่นที่ยึดได้ครั้งนี้ หลินสั่งให้เอาฝิ่นทั้งหมดไปละลายกับกรดน้ำส้มกับเกลือและน้ำ เพื่อฆ่าฤทธิ์ของฝิ่น แล้วก็โยนทิ้งทะเลไปจนหมดสิ้น

    ผลจากการปราบปรามฝิ่นอย่างจริงจังของหลินเจ๋อสวี ทำให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะพ่อค้าอังกฤษ ที่มีผลประโยชน์จากการค้าฝิ่นมหาศาลไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะฝิ่นที่หลินเจ๋อสวีทำลายไปมีจำนวนมหาศาลถึง 20,000 ลัง คิดเป็นน้ำหนัก 2.5 ล้านปอนด์

    เนื่องจากฝิ่นเป็นสินค้าที่มีค่าสูง จึงยังมีพ่อค้าต่างชาติทั้งชาวอังกฤษและโปรตุเกส ยังคงลอบค้าฝิ่น แต่เปลี่ยนฐานการค้าจากตัวแผ่นดินใหญ่ในมณฑลกวางตุ้ง ไปอยู่ที่มาเก๊า และเกาะฮ่องกง ซึ่งมีทำเลดีกว่าแทน

    ฮ่องกง เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอซินอัน เมืองเซินเจิ้น ชื่อเกาะ มีความหมายว่า "ท่าเรือหอม" เนื่องมาแต่ครั้งที่กวางตุ้ง เป็นแหล่งปลูกไม้หอมชนิดหนึ่ง ส่งขายเป็นสินค้าออก ต้องมาขนถ่ายสินค้ากัน ที่ท่าเรือน้ำลึกตอนใต้สุดของแผ่นดินจีน ด้วยภูมิประเทศของฮ่องกง ที่เป็นเมืองท่าน้ำลึก เหมาะแก่การจอดเรือสินค้าขนาดใหญ่ จึงทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโลก

    กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีเรือของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร นำโดยกัปตันชาร์ลส์ อีเลียต แล่นผ่านน่านน้ำ ระหว่างแหลมเกาลูน และเกาะแห่งหนึ่งที่ร่ำลือกันว่า เป็นที่หลบลมพายุของพวกโจรสลัด กัปตันอีเลียต เกิดได้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง จึงจอดเรือและขึ้นฝั่ง ส่งล่ามลงไปสอบถาม ได้ความว่าเป็นท่าเรือหอม ใช้ขนถ่ายไม้หอม จึงเกิดความประทับใจ

    เมื่อกัปตันอีเลียต เดินทางกลับสู่สหราชอาณาจักร และได้รับการแต่งตั้งให้ไปประจำการฝ่ายการพาณิชย์ของสหราชอาณาจักร ในภาคพื้นเอเซีย ซึ่งขณะนั้นเอง ประเทศสหราชอาณาจักรซึ่งปกครองโดยพระนางวิกตอเรีย กำลังต้องการอาณานิคมในแถบทะเลจีนใต้ เพื่อใช้เป็นที่จัดส่งสินค้า หรือฝิ่นนั่นเอง

    การกระทบกระทั่งระหว่างจีน กับ อังกฤษยังคงมีต่อมา เมื่อชาวจีนถูกกะลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าตายที่เกาลูน หลินเจ๋อสวี ให้ทางอังกฤษส่งตัวกะลาสีที่ก่อเหตุมารับโทษตามกฎหมายจีน แต่กัปตันเอลเลียตของอังกฤษปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ผลจากการกระทบกระทั่งกันครั้งนี้ ทำให้หลินเจ๋อสวี ขับไล่ชาวอังกฤษทั้งหมดออกจากมาเก๊า แต่พ่อค้าเหล่านี้ก็ไปตั้งหลักที่ฮ่องกงแทน

    ปี พ.ศ. 2382 อังกฤษซึ่งขาดดุลทางการค้าเป็นจำนวนมากกับจีน ได้ดำเนินการส่งออกฝิ่นไปที่จีนเพื่อลดปัญหาขาดดุลการค้า ทำให้มีปัญหาเรื่องการค้าฝิ่นในแถบกวางตุ้งของจีน กัปตันเอลเลียต ขอความช่วยเหลือไปทางรัฐบาลอังกฤษ ในยุคของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นยุคสมัยของการล่าอาณานิคม

    จึงเป็นข้ออ้างถือเป็นเหตุในการทำสงครามกับจีน โดยสั่งให้บริษัทอีสต์อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทการค้าของรัฐบาลอังกฤษ ส่งกองเรือไปช่วยที่ฮ่องกง ทำให้เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ขึ้น เมื่อกองเรือรบกองแรกมาถึง ซึ่งประกอบไปด้วยเรือปืนจำนวน 28 ลำ

    หลินเจ๋อสวี ไม่เคยมีประสบการณ์กับการรบกับอาวุธที่ทันสมัยเช่นนี้ จึงถูกโจมตีจนกองเรือจีนพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว หนำซ้ำพวกขุนพลของจีนที่สู้แพ้อังกฤษ ยังไม่กล้ารายงานสถานการณ์ตามความเป็นจริง ทำให้หลินเจ๋อสวีเข้าใจผิดว่ากองเรือของจีนเอาชนะกองเรืออังกฤษได้

    ปี พ.ศ. 2383 หลินเจ๋อสวี ถวายรายงานกับพระจักรพรรดิเต้ากวงว่า จีนได้รับชัยชนะ และยิ่งแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อพวกอังกฤษยิ่งขึ้น ฝ่ายกองเรือรบอังกฤษก็บุกเข้าปากแม่น้ำจูเจียง และยึดเมืองกวางซูเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเคลื่อนกองเรือรุกเข้ามาในแผ่นดินจีนขึ้นเรื่อย ๆ

    นอกจากนี้ยังส่งกองเรือจำนวนหนึ่งไปยึดเมืองท่าริมทะเลเอาไว้ด้วย ความทราบถึงพระจักรพรรดิเต้ากวง จึงทรงตำหนิหลินเจ๋อสวีอย่างรุนแรง และปลดหลินเจ๋อสวีจากตำแหน่งทั้งหมด เนรเทศไปยังซินเจียง และส่งแม่ทัพฉีซานมาแทน แต่ฉีซานไม่สามารถต้านทานแสนยานุภาพของอังกฤษได้

    พ.ศ. 2384 กัปตันอีเลียต จึงตัดสินใจยกพลขึ้นบกที่ท่าเรือกลิ่นหอม และประกาศให้ดินแดนแถบนั้นเป็นของสหราชอาณาจักร หลังจากจีนพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น ปลายศตวรรษที่ 19 เกาะฮ่องกง และ ดินแดนตอนปลายคาบสมุทรเกาลูน จึงตกเป็นอาณานิคม

    มีเหตุการณ์ที่น่าขัน และสร้างความขายหน้า ให้กับพระราชินีวิคตอเรียยิ่งนัก ที่กองทหารสหราชอาณาจักร เข้ายึดเกาะที่มีแต่หินโสโครก หาประโยชน์ไม่ได้เลย กัปตันอีเลียตจึงถูกลงโทษด้วยการส่งไปเป็นกงสุลสหราชอาณาจักรประจำรัฐเท็กซัสแทน

    ปี พ.ศ. 2385 กองทัพอังกฤษบุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้ จนกระทั่งในที่สุดจำเป็นต้องเจรจาสงบศึกกับอังกฤษ ที่เมืองนานกิงนั่นเอง และยอมเซ็นสนธิสัญญาที่ชาวจีนถือว่าอัปยศที่สุด ที่เรียกว่าสนธิสัญญานานกิงในปีเดียวกันนั้น

    เนื้อหาในสนธิสัญญาฉบับนี้ อังกฤษบังคับให้จีนเปิดเมืองท่าตามชายทะเลเพื่อค้าขายกับอังกฤษ รวมทั้งขอสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเหนือดินแดนจีน คนที่ถือสัญชาติอังกฤษ จะไม่ต้องขึ้นศาลจีน รวมทั้งสิทธิใด ๆ ที่อังกฤษได้ ต่างชาติอื่น ๆ ก็ต้องได้ด้วย

    แม้ว่าเนื้อหาของสนธิสัญญานี้ จีนต้องเสียเปรียบอังกฤษเป็นอย่างมาก แต่จีนก็จำต้องเซ็นสัญญาเพื่อยุติสงครามที่จีนเสียเปรียบอย่างเทียบไม่ติด

    วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2403 ในรัชกาลสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง ปีที่ 10 ตามสนธิสัญญาปักกิ่ง จีนก็สูญเสียเอกราชบนคาบสมุทร เกาลูนไปอีก

    วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2441 ตรงกับรัชกาลจักรพรรดิกวังซวี่ ปีที่ 24 จีนและสหราชอาณาจักรกระทบกระทั่งกันเรื่องการค้าฝิ่นเรื่อยมา เกิดสงครามฝิ่นถึงสองครั้ง หลังสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี่เอง สหราชอาณาจักรได้บีบบังคับให้จีนทำสัญญา สหราชอาณาจักรได้ทำสัญญา “เช่าซื้อ” สัญญาเช่า 99 ปี

    โดยกำหนดวันหมดสัญญาไว้วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540 พื้นที่ทางตอนใต้ของลำน้ำเซินเจิ้น ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า เขตดินแดนใหม่ (New Territories) รวมทั้งเกาะรอบข้าง และเกาะรายรอบอีก 235 แห่ง ซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กว่าเมื่อครั้งสหราชอาณาจักรเข้ายึดครองในสมัยสงครามฝิ่นเกือบสิบเท่า นับแต่นั้น เซินเจิ้น และฮ่องกง ก็ถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากกัน

    พ.ศ. 2443 คนจีนกว่า 13 ล้านคน ยังคงติดฝิ่นอยู่ เศรษฐกิจของจีนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากการที่จีนต้องนำเข้าฝิ่นเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และราชวงศ์ชิงก็ตกอยู่ในภาวะแห่งการล่มสลาย

    พ.ศ. 2475 ญี่ปุ่นเข้า ยึดแมนจูเรีย ตลอด 30 ปีหลังจากที่ญี่ปุ่นได้เข้าครอบครองประเทศจีน ชาวจีนหลายพันคนได้เข้าลี้ภัยในฮ่องกง แรกๆ มีผู้ลี้ภัยเข้าฮ่องกงประมาณ 100,000 คน ไม่นานนักมีผู้ลี้ภัยไหลทะลักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ฮ่องกงมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

    โดยมีประชากรรวม 1.6 ล้านคน ช่วงนั้น ทำให้ประชากรประมาณ 500,000 คนไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องใช้ริมถนนเป็นที่หลับนอน สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชีวิตการจัดระเบียบทางสังคมและเศรษฐกิจของฮ่องกงพังทะลาย

    พ.ศ. 2484 กองทัพอังกฤษ ยอมจำนน และยกเกาะฮ่องกงแก่ญี่ปุ่น แต่เรือดำน้ำของสหรัฐได้เข้าขัดขวางแผนการณ์ของญี่ปุ่น ที่จะใช้ฮ่องกงเป็นฐาน สำหรับการโจมตีต่อไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก อีก 4 ปีต่อมาญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงคราม อังกฤษจึงได้เขตดินแดนกลับคืนมาใหม่

    หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ พลเรือนจีนก็กลับอพยพเข้ามาในอัตราเกือบ 100,000 คนต่อเดือน ทำให้ฮ่องกงมีมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่าก้าวกระโดด สงครามภายในจีนด้วยกันเอง ทำให้ฮ่องกงจึงมีประชากรทะลักเข้าประเทศในปริมาณมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์

    ประชากรส่วนใหญ่มาจากมณฑลกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้าอื่นๆ ได้อพยพเข้ามา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฮ่องกงมีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีประชากรรวมทั้งสิ้น เกือบ 7 ล้านคน

    เมื่อใกล้จะครบกำหนดเช่า 99 ปี จีนก็ส่งสัญญาณไปถึงอังกฤษ ว่าจะเอาพื้นที่ที่ให้เช่าคืน อังกฤษเมื่อรู้ตัวก็เสียดาย ไม่อยากจะปล่อยพื้นที่เช่าไป จึงดิ้นรนสุดชีวิต จะขอเช่าต่อให้ได้ แต่จีนไม่ยอมลูกเดียว จะอย่างไรก็ไม่ให้เช่าต่อ เคยมีการเจรจาระหว่างผู้นำสหราชอาณาจักร กับ ผู้นำฝ่ายจีน เพื่อเจรจาขอเช่าเกาะฮ่องกงต่อ แต่ได้รับการปฏิเสธ

    อังกฤษต่อรองยังไงก็ไม่ได้ผล ท้าจีนให้ไปขึ้นศาลโลก เพื่อจะได้ยื้อเวลาออกไปจีนก็ไม่หลงกล ในที่สุดอังกฤษก็จนมุม ต้องเตรียมตัวคืนพื้นที่เช่าให้จีน จากนั้นอังกฤษก็รีบสร้างระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้คนฮ่องกง เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยเป็นการด่วน ทั้งๆที่ยึดฮ่องกงมาเกือบ 100 ปีไม่เคยคิดจะทำ และไม่เคยมีการเลือกตั้งผู้ว่าการเกาะฮ่องกง

    ฮ่องกงนั้น หัวใจหลักของเศรษฐกิจนั้นไม่ได้อยู่ที่เกาะฮ่องกง หากแต่อยู่ในที่พื้นที่เช่าต่างๆ ใกล้เคียง หากว่าคืนพื้นที่เช่าไป ฮ่องกงก็ทรุดลงอย่างฮวบๆ ยากจะกลับมามีเศรษฐกิจดีได้ อังกฤษเลยตัดสินใจว่า ไหนๆต้องคืนแล้วก็คืนมันไปให้หมดเลย ทั้งพื้นที่เช่าอีกส่วนและเกาะฮ่องกงด้วย จะได้ต่อรองจีน และยังเอาไว้เป็นประเด็นโจมตีจีน เรื่องการปกครอง-สิทธิมนุษยชนได้อีก

    วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เมื่อครบเวลาเวลา 99 ปี อังกฤษ จึงจำใจทำพิธีส่งคืนเกาะฮ่องกง ให้แก่จีน และลงนามในสัญญา โดยมีสาระสำคัญว่า สหราชอาณาจักรจะยอมส่งมอบคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีน และจีนได้ให้สัญญาว่าจะยอมให้ฮ่องกง อยู่ในฐานะ "เขตปกครองตนเอง" ภายใน 50 ปี

    คนฮ่องกงที่ฐานะดี แต่ใจฝักไฝ่ตะวันตก หวั่นเกรงกลัวว่าความร่ำรวยของตนจะต้องเสียไปกับระบบคอมมิวนิสต์จีน หลงลืมรากเหง้า ต่างหอบทรัพย์สินจากเอเชียตะวันออก อพยพเอาความมั่งคั่งไปประเทศตะวันตกจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอพยพไปอเมริกา และแคนาดา

    ปัจจุบันจีนได้มอบหมายให้ คนของตนเอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการฮ่องกง และจีนได้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้รัฐบาลปักกิ่ง รับผิดชอบด้านกิจการต่างประเทศ การทหาร และความมั่งคงเท่านั้น ส่วนการบริหารยังคงให้อิสระแก่ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม

    ฮ่องกง จึงเป็นเขตบริหารพิเศษ ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง รัฐบาลจีนใช้นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐาน ที่ใช้ปกครอง และบริหารฮ่องกงที่สภาประชาชนจีนอนุมัติ และประกาศใช้เป็นกฎหมาย ให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ

    สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ฮ่องกง สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี จนไปถึง 30 มิถุนายน พ.ศ. 2590 หลังจากนั้น ฮ่องกงจะเปลี่ยนไปปกครองแบบเมืองอื่น ๆ ของจีน

    ฮ่องกง ในทางภูมิศาสตร์มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง และทะเลจีนใต้โอบรอบ เป็นที่รู้จักในสกายไลน์ (skyline) ขยายและท่าเรือธรรมชาติลึก มีพื้นที่รวม 1,096.63 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะฮ่องกง เกาลูน เขตดินแดนใหม่ (New Territories) และเกาะอื่น ๆ

    ประชากรกว่า 7 ล้านคน เป็นเขตที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่งในโลก ประชากรฮ่องกง 93.6% มีเชื้อชาติจีน และ 6.4% มาจากกลุ่มอื่น ประชากรส่วนใหญ่ พูดภาษากวางตุ้งของฮ่องกง กำเนิดจากมณฑลกวางตุ้ง

    ด้วยทำเลอันเหมาะสม เกาะฮ่องกงก็ยังมีบทบาทสำคัญยิ่ง ในฐานะเมืองท่าการค้าระหว่างประเทศ ฐานที่ตั้งสำคัญของผู้ผลิต การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเน้นที่การบริการเป็นหลัก และเป็นเส้นทางสำคัญสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

    ฮ่องกงมีธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลกรวมถึงเป็นศูนย์กลางทางการเงินในด้านสินทรัพย์ภายนอกประเทศ จึงเปรียบฮ่องกงเป็น “ตลาดหุ้นของเอเชีย” พร้อมสรรพด้วยบริการทั้งธนาคาร การประกันภัยระหว่างประเทศ การโฆษณา และการเผยแพร่ ในหมู่อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด

    นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นดินแดนผู้นำทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ในระดับการค้าโลกและเป็นหนึ่งในกลุ่มดินแดนผู้ส่งออกสินค้าประเภทของเล่น เสื้อผ้า และนาฬิกาชั้นนำของโลก ชาติตะวันตกจึงต้องการปิดล้อมจีน และบล็อกการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน เพื่อลดสัดส่วนเงินหยวนในตลาดการค้าของโลก

    มีนักลงทุนจากรัสเซีย ได้ค่อยๆ ขายทิ้งเงินดอลลาห์อเมริกา และหันมาถือครองเงินดอลลาห์ฮ่องกงแทน ส่งผลให้ชาติตะวันตก นำโดยอเมริกา จึงต้องทำลายเศรษฐกิจฮ่องกงทิ้งเสีย ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เกิดการจลาจล และปะทะกัน

    โดยอ้างว่าสนับสนุนประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ในฮ่องกง โดยอเมริกาแถลงข่าวว่าสนับสนุน กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง ให้ประท้วงจีน โดยมีกลุ่มคนจีนฮ่องกง ที่หลงลืมรากเหง้าตนเอง คล้ายๆ กลุ่มเผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และกลุ่มติดอาวุธ นปช. ยอมทำตามที่ชาติตะวันตกชี้นิ้วสั่ง

    ** เรื่องเดิมการปะทะกันของมวลชนฮ่องกง https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/275948989261802

    คนพวกนี้เจ็บแล้วไม่จำ ไม่ฉุกคิด ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ ว่าฝรั่งตะวันตก กดขี่ข่มเหง ฆ่าฟันบรรพบุรุษคนจีน และทำให้คนจีนติดฝิ่น เศรษฐกิจของจีนต้องถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ และผู้นำรัฐบาลจีนยุคนี้ จะไม่มีวันให้ความคิดของชาติตะวันตกบรรลุผลอีกครั้ง

    เพราะความเจ็บปวดในอดีตมันยังฝังใจ และรอวันแก้แค้นมานานกว่า 100 ปีแล้ว จะปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไปได้อย่างไร...ม็อบ กลุ่ม อ็อคคิวพาย เซนทรัล ในฮ่องกง..โดนดีแน่ๆ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  2. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 8 ต.ค. 57 ใครคือรายต่อไป ที่จะตามรองโรมานอฟไป

    เมื่อหลายวันก่อน แก๊งค์ติดอาวุธแดง นปช. ไปงานศพ เสื้อแดงอาแกว จากเหตุปะทะหลักสี่ ต่อมา ส.ส.พิจิตร , ส.ส.นครสวรรค์ เผาไทย และรองโรมานอฟ ตามมาติดๆ เสร็จยมบาลไป 3 ราย

    พวกนี้ประสาทกลับหรือเปล่า คากคู่ตู่เพิ่งออกคำสั่งไปหมาดๆ ว่าคนเสื้อแดงป่วยไม่ให้ไปหาหมอ ตายไม่ให้เอาไปเข้าวัด (แต่ใช้บริการนกแร้งแทน) แล้วนี่อะไร มาวัดซะแล้ว พูดจาโลเล เชื่อถือไม่ได้..เผาเลยครับพี่น้อง

    ใกล้แล้วพี่น้อง ไม่ต้องแย่งกัน..ยมบาลสั่งฆ่า ยมทูตสั่งเก็บ จวนจะถึงคิวใครบางสิ่งคล้ายคนแล้ว..ดูจากสีหน้าและแววตาแล้ว พอจะดูออกเลยว่าใคร..พิจารณากันเอาเอง..เอ..จำคลับคล้ายคลับคลาว่า มีใครสาบานไว้บนเวทีปราศัยว่า ถ้าใครเกี่ยวข้องกับชายชุดดำ นปช.ให้มีอันเป็นไปนะนะ..คริคริ

    ล่าสุด วรเจตน์ แก็งค์แดงนิติเรด ขับรถยนต์แล้วเกิดอุบัติเหตุแถวเชียงราก รถยนต์ชนกันถึง 4 คันรวด...หุหุ ขอให้ปลอดภัยสำหรับคนที่ไม่ใช่ขบวนการล้มเจ้านะ


    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ไขปริศนา..ช็อตต่อช็อต ฆาตรกรรม 2 นักท่องเที่ยวเกาะเต่า ละเอียดครบหลักฐาน พยาน ผู้ต้องหาสำนึกผิดสารภาพ

    คดีฆาตรกรรม 2 นักท่องเที่ยวเกาะเต่า ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักความถูกต้อง ดำเนินการตามพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน เป็นแรงงานชาวพม่าได้

    แต่เมื่อจับกุมคนร้ายได้ ก็มีคำถามทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งในโลกโซเชียล ที่มีการแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา บางข้อมูลไม่มีข้อเท็จจริง เป็นการมโนไปเอง การจับกุมผุ้ต้องหาในคดีนี้ หลักฐานสำคัญมี 5 ประเด็น คือ

    1. พยานบุคคล คือ นายเมา และ นายเล
    2. การพิสูจน์ทราบ DNA
    3. ภาพจากกล้องวงจรปิด
    4. โทรศัพท์ของนายเดวิด
    5. คำรับสารภาพของผู้ต้องหาต่อหน้าทนายความ

    คดีนี้ จากการสอบสวน ผู้ตายทั้ง 2 คน เดินเข้ามาท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2557 โดยมาเที่ยวคนละกลุ่ม และมาเจอกันที่โอเชี่ยนวิวบังกะโล ซึ่งเป็นที่พัก เป็นการรู้จักกันโดยบังเอิญ คืนวันเกิดเหตุ 14 ก.ย.2557 ผู้ตายทั้งสองคน พร้อมกลุ่มเพื่อนได้ไปชมการถ่ายสดการแข่งขันฟุตบอล คู่หนึ่งจากอังกฤษ ( เป็นช่วงกลางคืนรอยต่อระหว่างวันที่) ที่ช็อปเปอร์บาร์

    จากนั้นเพื่อนผู้ตายได้ขอตัวกลับห้องพัก ส่วนผู้ตายได้ไปเที่ยวต่อที่เอซีบาร์ จนเวลา 06.30 น.วันทึ่ 15 กันยายน 2557 พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตำรวจได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยทันที พร้อมประสานศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ให้เดินทางเข้าตรวจที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ

    ศพผู้หญิงอยู่ในสภาพเปลือย ถูกตีด้วยของแข็ง และมีแผลที่ใบหน้า และมีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์จากคราบอสุจิ ผล DNA ในช่องคลอด ทวารหนัก และนม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนิติเวช บ่งชี้ว่าเป็น DNA ของคนเอเชีย ไม่ใช่คนยุโรป

    โดยพบก้นบุหรี่ เสื้อผ้าผู้ตาย รองเท้าแตะ จอบที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ถุงยางอนามัย 1 ชิ้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นไม่มีประจักษ์ พบเห็นขณะเกิดเหตุ แรกๆ ในการสอบสวนคดีนี้ มีการตั้งข้อสันนิษฐานในประเด็นต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการสืบสวน เนื่องจากคดีนี้ไม่มีประจักษ์พยาน

    เริ่มต้นการสืบสวน โดยเริ่มจากเบาะแสที่ได้รับ มีการคัดกรองพื้นที่ แต่อะไรก็ไม่ง่าย มีการส่งทีมสืบสวนจากส่วนกลาง ลงไปสมทบ ทำให้การทำงานละเอียด และรอบคอบขึ้น มีการคัดกรองบุคคล โดยเชื่อว่าคนร้ายต้องเข้ามายังจุดที่เกิดเหตุในเวลาที่กำหนด

    จึงสืบสวนจากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงพยานวัตถุ ทั้งก้นบุหรี่ จอบ ผลการตรวจสภาพศพ นอกจากนั้น มีการควานหาบุคคลที่ใกล้ชิดกับที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยเชื่อว่าบุคคลเหล่านี้่ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีมากที่สุด โดยการตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง ตรวจสอบทุกคนที่สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุทั้งหมด ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว

    ประกอบกับพยานบุคคล จากการตรวจวัตถุพยาน พบ DNA ที่ก้นบุหรี่ และ DNA ในตัวของ น.ส.ฮานนาห์ นอกจากนั้นการสืบสวน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับที่เกิดเหตุ ก็พบเพียงชายต้องสงสัย ไม่สวมเสื้อ วิ่งผ่านไป-มา ผ่านมาหน้ากล้อง

    ในส่วนของงานพิสูจน์หลักฐาน แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์พิสูจน์หลักฐานพื้นที่ อีกส่วนคือการตรวจ DNA เปรียบเทียบ อยู่ในความรับผิดชอบของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง

    สำหรับที่เกิดเหตุพยานวัตถุที่เก็บได้ ประกอบด้วย จอบ ถุงยาง และก้นบุหรี่ ซึ่งจุดที่เก็บได้อยู่ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 65 เมตร โดยในวันที่ 16 ก.ย.57 ได้มีการส่งหลักฐานมาให้ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจ ซึ่งผลการตรวจ DNA “ คราบเลือดที่จอบ” เป็นของ น.ส.ฮานนาห์ ดังนั้น จึงมั่นใจว่า คนร้ายใช้จอบเป็นอาวุธ

    ส่วน DNA ที่ก้นบุหรี่ 3 อัน อันแรกเป็นบุหรี่ยี่ห้อมาร์โบโร สีขาว ไม่พบ DNA มีเพียงคราบลิปสติกสีแดงติดอยู่ ก้นบุหรี่อันที่ 2 เป็นบุหรี่ยี่ห้อ LM แดง พบ DNA ของ 1 คน ตั้งสมมติฐานว่า คนร้ายคนแรก และก้นบุหรี่อันที่ 3 เป็นบุหรี่ยี่ห้อ LM แดง พบ DNA ของ 2 คน ตั้งสมมติฐานว่า คนร้ายคนแรก และคนที่สอง

    เมื่อได้ตัวอย่าง DNA จากก้นบุหรี่ ก็ประสานกับสถาบันนิติเวชวิทยา ซึ่งเป็นผู้ตรวจศพ ก็พบว่า มี 1 คน ที่มี DNA ซ้อนกันอยู่ แสดงให้เห็นว่า คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน สำหรับการตรวจเปรียบเทียบ DNA กลุ่มในตัวอย่าง ที่มีการเก็บจากบุคคลในพื้นที่ 243 คน จนถึงเมื่อวันที่ 28 ก.ย.57 แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 187 ราย ชาวไทย 56 ราย ปรากฏว่า ผล DNA ยังไม่ตรงกับ DNA ที่ก้นบุหรี่

    เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ตามความยาวของหาดทรายรี ทั้งหมด 2.6 ก.ม. ที่วัดในแนวตรง จำนวน 355 ตัว แล้วเสียไปจำนวนหนึ่ง แต่ถึงวันที่จับผู้ต้องหาได้ยังเก็บได้แค่ 106 ตัว การเก็บ DNA ทางเจ้าหน้าที่ก็มีการเก็บจากใกล้ไปหาไกล ไม่ใช่ว่าเก็บทั้งเกาะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น

    โดยเฉพาะ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างเอาไว้ตอนแรกตามที่แก๊งค์โคนันคุงต้มประชาชน แต่มาเก็บหลังจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว เนื่องจาก 2 รายนี้ รายแรกทำงานอยูที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งยังอยู่ไกลออกไปประมาณ 1.6 ก.ม.จากจุดเกิดเหตุ รายที่ 2 อยู่ที่ท่าเรือ ห่างประมาณ 1.0 ก.ม.จากจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่อยู่ในรัศมีที่จะเดินไปเก็บตัวอย่างดี DNA ในตอนแรก

    ซึ่งต่อมาตำรวจได้มีการจำลองเหตุการณ์ในสถานที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่คาดว่าคนร้ายน่าจะลงมือก่อเหตุ ชุดสืบสวนได้ข้อมูลว่าก่อนเกิดเหตุมีพยาน เห็นว่าก่อนเกิดเหตุมีชาย 3 คนไปนั่งเล่นกีตาร์ ได้ยินเสียงร้องเพลงใกล้เคียงกับบริเวณที่พบศพฝรั่ง โดยพยานยืนยันว่าเพลงที่ร้อง “ ไม่ใช่เพลงไทย ไม่ใช่ภาษาฝรั่ง” แต่เป็นภาษายะไข่

    เมื่อไปตรวจกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซื้อใกล้เคียง มีชาย 3 คน เข้ามาซื้อบุหรี่และสุรา แล้วนำมานั่งดื่มกิน และเล่นกีตาร์ร้องเพลงภาษายะไข่บนขอนไม้ ตรงจุดที่พบก้นบุหรี่ ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร จากนั้นก็มีการต่อจิกซอว์ จนพบว่าทั้ง 3 คน มีความเชื่อมโยงกับคดีอย่างมีนัยยะสำคัญ

    การตรวจก้นบุหรี่ จึงเป็นหลักฐานสำคัญ ที่มีการบ่งชี้สำคัญ ถึงตัวบุคคลที่มาเกี่ยวข้องกับคดี เพราะว่า DNA ที่พบในก้นบุหรี่ ไปตรงกับ DNA ที่พบในช่องคลอดของ น.ส.ฮานนาห์ ทำให้มีความเชื่อมโยงกัน ระหว่างผู้สูบบุหรี่ กับผู้ที่ก่อเหตุ ทำให้สามารถกำหนดจุดในการติดตามคนร้ายได้ และตัวผู้ก่อเหตุ ตีวงแคบลงมาอีก

    จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัว นายเมา ทำงานอยู่ที่สถานบันเทิง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เกิดเหตุมากนัก มาสอบถาม ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คนได้ โดยตำรวจจึงได้เชิญตัวนายวิน อายุ 21 ปี สามารถควบคุมตัวได้ที่ท่าเทียบเรือ ในเขตเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี นายซอ อายุ 21 ปี คนงานชาวยะไข่ พม่า เป็นลูกจ้างร้านอาหารบริเวณเกาะเต่า ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ

    ภาพจากกล้องวงจรปิด จึงเห็นทั้ง 3 คนเดินเข้าไปที่บ้านของนายเมา แล้วจึงมีภาพทั้ง 3 คนซ้อนรถจักรยานยนต์ ถือกีตาร์ มุ่งหน้าไปทางจุดเกิดเหตุ จากนั้นก็มีภาพ ผู้ต้องหาวิ่งไปมาระหว่างที่พักกับจุดเกิดเหตุ เมื่อไปเช็กกล้องวงจรปิดอีก 50 กว่าตัวในบริเวณดังกล่าว “ก็ไม่พบคนอื่นอีกเลย” จึงทำให้สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัย 3 คนนี้ได้

    จากการสอบสวนนายวิน ให้การว่า ขณะที่ตนเองและเพื่อนไปนั่งดื่มกินเหล้ากันอยู่ที่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ จังหวะนั้นสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวชาวอังกฤษทั้ง 2 คนเดินมาด้วยกัน เดินจูงมือมาตามแนวชายหาด ก่อนเดินผ่านหน้า หลบเข้าไปบริเวณหลังโขดหิน เพื่อพลอดรักกัน

    ทำให้ทั้ง 2 คน เกิดอารมณ์ทางเพศ ส่วนนายเมา ได้กลับไปหาภรรยาที่ที่พักก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จึงแอบเดินติดตามไปพร้อมหยิบจอบที่วางอยู่ติดมือไปด้วย จากนั้นใช้จอบที่ถือมาฟาดเข้าที่ศีรษะของฝรั่งหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวจนล้มคว่ำ และทำร้ายผุ้ตายหญิงด้วยจอบด้วย และลากตัวผู้ตายชายลงไปริมทะเล แล้ว นายวิน ร่วมกับ นายซอ ข่มขืนแหม่มสาว จนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้จอบกระหน่ำตีหลายครั้งจนเสียชีวิตจริง

    หลังจากนั้นได้ขโมยโทรศัพท์มือถือของเหยื่อผู้ชายไปด้วย กระทั่งมาทราบข่าวอีกวันว่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเสียชีวิตทั้งคู่ ก็ยังทำตัวเป็นปกติ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เมื่อเจ้าหน้าที่มาเชิญตัวไปสอบสวน หรือเก็บ DNA ก็พยายามหลบเลี่ยงไปก่อนเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึง ทำให้ก่อนหน้านี้ไม่ถูกคุมไปเค้นสอบเหมือนแรงงานคนอื่น

    แต่สุดท้ายมาพบเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวน และถูกนำตัวมาสอบสวนหาความจริง จนถูกจับกุมตัวในที่สุด จนกระทั่งวันที่ 2 ก.ย.57 มีการส่งตัวอย่างเยื้่อบุกระพุ้งแก้ม ของผู้ต้องสงสัย 3 คนมาตรวจอีกครั้ง ผลปรากฏว่าตรงกับตัวอย่าง DNA ที่พบในวัตถุ และตรงกันกับ DNA ที่พบในศพที่ส่งมาตรวจก่อนหน้านี้

    สำหรับ DNA ที่พบที่ก้อนบุหรี่ LM แดงอันแรก คือ นายเมา ส่วนที่ก้อนบุหรี่ LM แดงอีกอัน เป็นของนายเมา และนายเวพิว นอกจากนั้นยังพบ DNA ของนายเวพิว ที่หัวนมด้านขวา และช่องคลอดของ น.ส.ฮานนาห์ ส่วน DNA ของนายซอลิน ตรงกับตัวอย่าง DNA ที่พบในทวารหนัก และหัวนมด้านขวาของ น.ส.ฮานนาห์

    แพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา ผู้ผ่าชันสูตรศพ ระบุว่า ศพ น.ส.ฮานนาห์ ที่มาถึง มีสภาพกึ่งเปลือยเปื้อนทรายพบคราบเลือด สภาพศพเริ่มเน่า ไม่ผ่านการรักษา มีบาดแผลอย่างรุนแรงที่บริเวณศีรษะและใบหน้า จาก "ของเเข็งไม่มีคม" ซึ่งสามารถเข้ากันได้กับวัตถุของกลางในคดี

    พบการถูกทำร้ายทางเพศ ผลตรวจทางพิษวิทยา “ ไม่พบสารเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาท “ ในปัสสาวะและเลือด “ ไม่พบสารพิษ” จากอาหารในกระเพาะอาหาร ผลตรวจทางชีวเคมี พบ DNA ของบุคคลอื่น 2 คนที่บริเวณหน้าอกขวา พบอสุจิบุคคลอื่น 1 คนในช่องคลอด พบอสุจิ และ DNA ของบุคคลอื่น 2 คน ในทวารหนัก

    สรุปสาเหตุ การเสียชีวิต มาจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ จาก “ของแข็งไม่มีคม” กระทบกระแทกอย่างรุนแรง ถูกตีด้วยของแข็ง และของมีแผลที่ใบหน้า

    สำหรับนายเดวิด สภาพศพที่ส่งมาสภาพเปลือย เริ่มเน่า ไม่ผ่านการรักษา บาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะและใบหน้า จาก “ของแข็งไม่มีคม” เข้ากันได้กับวัตถุของกลางในคดี ไม่พบการถูกทำร้ายทางเพศ การตรวจภายใน พบน้ำในช่องอก 2 ช่อง ปอดพองลมบวมน้ำเต็มช่องอก ตรวจทางพิษวิทยาไม่สารเสพติดวัตถุออกฤทธิ์ทางจิตประสาทในปัสสาวะและเลือด

    ไม่พบสารพิษจากอาหารในกระเพาะอาหาร ผลตรวจทางเคมี ไม่พบอสุจิในทวารหนัก สาเหตุการตาย สรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ “ จากของแข็งไม่มีคม “ กระทบกระแทกอย่างรุนแรง มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นคอ และด้านท้ายทอย จนกะโหลกศีรษะแตก ร่วมกับการจมน้ำทะเล

    สำคัญคือ ผลการตรวจ DNA ที่สามารถยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้พยานบุคคล ก็ไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ได้ การตรวจสอบ DNA ในคดีนี้ ทางตำรวจ ร่วมมือกับหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกับทาง พญ.พรทิพย์ ด้วย

    จากการสอบสวนผู้ต้องหา “ให้การรับสารภาพ” ต่อหน้าล่ามชาวพม่า จึงได้มีการจัดทนายความให้กับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นสิทธิตามกฎหมาย ก่อนสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ

    ขั้นตอนการสอบสวน ที่มีการให้ร้ายเจ้าหน้าที่ว่า มีการใช้กำลังบังคับให้สารภาพนั้น จากบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน “มีทนายความร่วมรับฟัง” และหลังมีการสอบปากคำ ได้มีการส่งตัวผู้ต้องหา “ไปตรวจร่างกาย โดยมีใบรับรองแพทย์” เนื่องจากที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีกับไทย ใช้ประเด็นในการทำลายน้ำหนักการสอบสวนของตำรวจ

    ตำรวจ รู้ทันกลุ่มนี้ จึงไม่ยอมทำร้ายร่างกาย หรือบังคับขู่เข็ญ ตามที่ถูกใส่ร้าย การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส

    ประเด็น เกี่ยวกับบาดแผล บริเวณใบหน้าของนายเดวิด ที่มโนกันว่ามีการใช้อาวุธชนิดอื่น ก็ยืนยันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เจอการชันสูตรศพแบบนี้มานับไม่ถ้วน ปฏิบัติหน้าที่มาทั้งชีวิต แล้วว่า เป็นบาดแผลที่เกิดจาก "ของแข็งไม่มีคม" ซึ่งสามารถเข้ากันได้ดีกับวัตถุของกลางในคดี คือ จอบ

    ข้อแตกต่าง ระหว่างบาดแผลที่เกิดจากของแข็งมีคม กับ ไม่มีคม ถ้าของแข็งมีคมบาดแผลจะเรียบไม่มีขอบช้ำ เรียบตลอดทางจนถึงกระดูก ส่วนของแข็งไม่มีคมบาด แผลจะช้ำ ไม่เรียบ ที่กระดูกก็จะมีรอยแตก

    กรณีบาดแผลของนายเดวิด เป็นแผลที่เกิดจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกอย่างรุนแรง ที่ใบหน้ามีกระดูก บนแตกยุบ ขากรรไกรบนแตก เบ้าตาก็แตก บริเวณคางจะมี 2 แผล ลักษณะการบุบของกะโหลก เหมือนกันทั้งฮันนาห์ และ เดวิด

    ประเด็น เรื่องถุงยางอนามัย ที่ตรวจพบ DNA ของ น.ส.ฮานนาห์ เพียงคนเดียว ที่บริเวณด้านนอกของถุงยางนั้น ตำแหน่งที่พบถุงยาง อัดแน่นไปด้วยทราย อาจมีการปนเปื้อน เป็นไปได้ว่า ผิวสัมผัสด้านใน มีโอกาสจะตรวจไม่พบ หรือเป็นไปได้ว่า ไม่มีการหลั่งอสุจิ จึงไม่พบ DNA ในถุงยาง

    ประเด็น บางแก๊งค์แย่หนักใส่ความว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ลงมือฆ่า การพบ DNA ในช่องคลอดของ น.ส.ฮานนาห์ เป็นการสมยอมนั้น การสืบสวนตามคำให้การ และวัตถุพยาน มีมูลเหตุจูงใจ เชื่อว่า " มีการลงมือทำร้าย จนเหยื่อสาวไม่อยู่ในภาวะที่ขัดขืนได้ " โดยที่เหยื่อไม่เสียชีวิตทันที ก่อนจะลงมือข่มขืน

    จากนั้นจึงได้ลงมือทำร้ายซ้ำจนเสียชีวิต เพื่ออำพรางคดี อีกเหตุคือ " ไม่พบบุคคลอื่น เข้าไปในที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลานั้น " ข้อมูลจึงเป็นข้อยุติในขณะนี้

    ประเด็น เรื่องโทรศัพท์มือถือ เป็นของนายเดวิด ที่ผู้ต้องหาได้ขโมยไปด้วยในวันเกิดเหตุ ไม่ใช่ของ น.ส.ฮานนาห์ ตามที่แก๊งค์โคนันคุงหลอกประชาชน โดยโทรศัพท์ของนายเดวิด ไม่ได้มีการนำมาคืนก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจสอบอีมี่ของเครื่องแล้ว ตรงกับของผู้เสียชีวิตจริง

    ทางญาติของผู้เสียชีวิต เป็นคนให้ข้อมูลเลขอีมี่กับทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงได้ซักถามผู้ต้องหา ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้นำไปฝากเพื่อนไว้ โดยเพื่อนคนดังกล่าวระบุว่า ได้ทุบโทรศัพท์ ก่อนนำใส่ถุงพลาสติก ไปโยนทิ้งไว้ที่ป่าหญ้าหลังบ้าน ต่อมาตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนคนดังกล่าว แล้วกันไว้เป็นพยานในคดีแล้ว

    ประเด็น ที่ไม่มีการเก็บตัวอย่าง DNA ของสองผู้ต้องหาในช่วงแรกก่อน เนื่องจากขั้นตอนการทำงานจะต้องเก็บ DNA ผู้ต้องสงสัยที่อยู่วงรอบที่เกิดเหตุ แต่นายเวพิล และ ซอริน อาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไป 1.0 - 1.5 กิโลเมตร ซึ่งภายหลังการตรวจ DNA นายเมา 1 ในชายสามคนที่ปรากฎภาพวงจรปิดหน้าร้านสะดวกซื้อขณะซื้อบุหรี่ ให้การสอดคล้องกับวัตถุพยาน จึงนำไปสู่การนำตัวผู้ต้องหาอีก 2 คนมาตรวจ DNA ในภายหลัง

    สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นชนกลุ่มน้อยชาวยะไข่ ซึ่งคนกลุ่มนี้ ถึงแม้ไม่รู้จักกัน ทำงานและพักคนละที่ แต่มีความแนบแน่น เนื่องจากเป็นคนเชื้อชาติเดียวกัน ใช้ภาษาเดียวกัน เมื่อเดินทางมาต่างถิ่น ซึ่งผ่านความยากลำบาก จึงยิ่งมีความแนบแน่น การมาก่อเหตุ ก็ไม่มีการเตรียมการกันมาก่อน เพียงบังเอิญผ่านมาเจอเหตุการณ์ ทำให้มีแรงจูงใจ บวกกับการดื่มเบียร์เข้าไป ทำให้ก่อเหตุดังกล่าว

    ท่าทีของสถานทูตอังกฤษ และสถานเอกอัครราชทูตพม่า กับการปิดคดีนี้ของไทยนั้น ทางสถานทูตอังกฤษ แสดงความขอบคุณรัฐบาล และตำรวจที่ให้ความร่วมมือในการคลี่คลายคดี และได้มีการประสาน เพื่อติดตามความคืบหน้า ผ่านมาทางตำรวจสากล

    ส่วนทางสถานเอกอัครราชทูตพม่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมตัวแทนแรงงาน นักสิทธิมนุษยชน มาติดตามคดี และขอเข้าพบผู้ต้องหา ซึ่งทางราชทัณฑ์ก็ให้เข้าพบ ทางคดีตำรวจได้ชี้แจงให้ทราบ ซึ่งทางสถานทูตพม่า ก็แสดงความพอใจ

    ** รายละเอียดจุดนี้ที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/277411625782205

    ที่ผ่านมา มักมีการตั้งต้องข้อสังเกตุมาโดยตลอดว่า ตำรวจจับแพะ นั้นเป็นเรื่องของอดีตสมัยรัฐบาลเลือกตั้งขี้โกง ซึ่งหลังจากที่ ผบ.ตำรวจ คนใหม่ ที่รัฐบาลอนุรักษ์นิยม นำโดย บิ๊กตู่ ไว้ใจ มารับตำแหน่ง จะไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น

    การชี้แจงทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้กลุ่มที่หลอกลวงปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความสับสนในสังคม ทำให้สังคมเข้าใจผิดๆ โดยเฉพาะพวกนักสืบไซเบอร์ แก๊งค์โคนันคุง ที่ชอบมโนไปเองแบบผิดๆ ภาพเผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็ตรวจสอบให้ทุกประเด็นแล้ว จนทำให้การทำงานล่าช้า เหมือนต้องการถ่วงเวลาตำรวจ

    มีหลายข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง สร้างความสับสน ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง อยากให้แก๊งค์โคนันคุง เลิกเสีย เพราะไม่เกิดประโยชน์ และจะยิ่งสร้างความวุ่นวายให้สังคมมากขึ้น ความยุติธรรมเมืองไทยต้องอยู่ที่ศาล ไม่ได้อยู่ที่อินเตอร์เน็ต

    การจะเอาแค่ภาพถ่าย ข่าวทางสื่อ ข่าวปล่อยข่าวลือ หรือ ความคิดตนเอง มาปรักปรำคนอื่น แบบนั้นกฎหมายไทยไม่ยอมรับ และในสากลเขาไม่ทำกัน เพราะแบบนั้นคือ บังคับยัดเยียดข้อหา และไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม เป็นเผด็จการ

    คิดถึงแต่ว่าชาวพม่า จะเป็นแพะ และอ้างว่ามีเด็กไทยอีกคน ที่แก๊งค์โคนันคุง ปรักปรำเขาว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริง แต่หลักฐานทางคดีไม่พบความเชื่อมโยงตามรายละเอียด ถ้าเด็กบริสุทธิ์จริง เด็กนั่นก็กลายเป็นแพะสังคม เพราะถูกแก็งค์โคนันคุงปรักปรำ

    จนเด็กโดนเกลียดชังจากสังคม ตราหน้าไปแล้วว่าผิด เป้นการทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง คิดมุมนี้หรือไม่?? แต่ในมุมกลับถ้าชาวพม่าผิดจริงตามที่ศาลตัดสิน พวกแก๊งค์โคนันคุง กำลังโอบอุ้มช่วยเหลือคนผิด วิญญาณผู้ตาย เดวิด กับฮันน่า จะเป็นสุขได้อย่างไร ??

    แค่กรณีแก๊งค์โคนันคุง นำภาพผู้ตาย ที่เขาถูกฆาตกรรม มาโพสเผยแพร่ซ้ำๆ ไปมา ก็เป็นการละเมิดสิทธิคนตาย และทำร้ายจิตใจญาติของผู้ตายอย่างมากแล้ว ได้คิดมุมนี้กันบ้างหรือไม่ ว่าขออนุญาต ญาติผู้ตายเขาหรือยัง ?? หากเป็นญาติสนิทเราเอง โดนแก๊งค์โคนันคุง กระทำแบบนี้บ้างจะรู้สึกอย่างไร เหมือนการทำร้ายคนตายซ้ำๆ ไม่รู้จบ แชร์ไปเรื่อยๆ ไม่ยุติธรรมสำหรับคนตาย

    กฎหมายไทย กำหนดให้ผู้จะพิจารณาหลักฐานทุกชิ้น ไต่สวนผู้ต้องหา พยาน คือศาลเท่านั้น ที่จะชี้ว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก แต่ถ้าใครยังสงสัย ก็ไปติดต่อผู้ต้องหา ขอไปเป็นพยานในชั้นศาลได้ แต่ในชั้นนี้ผู้ต้องหาเขายอมรับความผิด ต่อหน้าทนายความ ต่อหน้ากรรมการสิทธิไปแล้ว เพราะเขาสำนึกผิดได้

    ตำรวจแต่ละยุคสมัยรัฐบาลไม่เหมือนกัน ปัจจุบันรัฐบาลได้เปลี่ยนตัวหัวหน้าองค์กรใหม่ และโล๊ะทิ้งลงไป ตั้งแต่ระดับรองถึงผู้บังคับบัญชาระดับล่าง หากคนไทยไม่ให้โอกาสผู้บังคับบัญชาใหม่ขององค์กร ที่เขาตั้งใจทำงาน เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศไทย

    และยังตามจับชายชุดดำมาได้ตั้งมากมาย ที่ก่อเหตุเผาเมืองช่วงปี 53 , ปี 56-57 สมัยทำร้าย กปปส.ที่ทำให้คนไทยปลอดภัย ไม่ต้องถูกแก๊งค์ติดอาวุธแดง นปช.ฆ่าตาย เพราะสงครามกลางเมืองหลายหมื่นคน มองเขามุมนี้ เราจะเห็นว่าเขาไม่เสียทั้งหมด

    จำไม่ได้หรือว่ามีตำรวจดี เป็นวีรบุรุษ..ผู้ปิดทองหลังพระ ช่วยพนักงานห้างเซ็ลทรัล 471 ราย พ้นภัยชายชุดดำ นปช.ย่างสด ตอนปี 2553

    ** ดูเรื่องเดิมที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/272519999604701

    หากแคลงใจหัวหน้าหน่วยคนใหม่เขาไปเสียทุกเรื่อง ทั้งที่เขากำลังตั้งใจทำหน้าที่ในนามประเทศไทย กอบกู้ชื่อเสียงของชาติไทยของเรา แล้วเขาจะเอากำลังใจที่ไหนมาทำงาน และปกป้องชีวิต ทรัพย์สินคนไทยอีก 67 ล้านคน

    ถ้าไม่เชื่อแพทย์นิติเวชวิทยา ที่เขามีอำนาจรับรองตามกฎหมายไทย แต่ดันไปเชื่อแค่ภาพถ่ายแก๊งค์โคนันคุง งั้นการชันสูตรศพทุกคดีที่ผ่านมา จนจับผู้ต้องหาได้เต็มคุก มิต้องโล๊ะทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่หมดหรือ ??

    ถ้าวันนี้เรายังไม่เชื่อหน่วยงานนิติเวช ตามกฎหมาย ถ้าถึงคราวท่านเป็นผู้เสียหายเอง ก็ไม่ต้องพึ่งการตรวจหลักฐานนิติเวชทางราชการ แต่ไปขอให้แก๊งค์โคนันคุง ที่ยังแยกแยะไม่ได้ว่า บก.ลายด่าง ผิดอะไร ช่วยหาคนร้ายให้ ท่านยอมทำใจรับได้หรือ ??

    ส่วนแก๊งค์โคนันคุง ที่อยากจะช่วยผู้ต้องหาชาวพม่าให้พ้นผิด และทำลายชื่อเสียงประเทศไทย ได้ถามความยินยอมผู้ต้องหาเขาหรือยัง หรือ มโนไปเอง และการกล่าวหาใส่ร้ายตัดสินคดีผู้อื่น ทั้งที่ตนเองไม่ใช่ศาลไทย แบบนั้นกฎหมายไทย และสากลทั่วโลกเขาไม่ยอมรับ และควรถูกรุมประนาม !!

    แก๊งค์โคนันคุง ถ้ามีหลักฐานแน่จริงดังที่คุยโวว่า วันนี้รวบรวมแล้วเดินนำไปมอบให้ตำรวจเขาเลย และเสนอตัวเป็นพยานในคดีซะด้วย จะมามัวเสียเวลาโพสโจมตีเจ้าหน้าที่ประเทศไทยอยู่ทำไม เป็นคนไทยไม่คิดจะเป็นพลเมืองดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ช่วยทางราชการบ้างเลยรึ ??

    ถ้าไม่กล้าก็กลับไปดูดนมนอน และเวิ่นเว้อเพ้อฝัน กับ บก.ลายด่าง , แก๊งค์แดงติดอาวุธ นปช. , และ สปป.ล้านนา เหมือนอย่างเคยทำจะต้มทุยได้ดีกว่า !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai?ref=profile
     
  4. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 9 ตุลาคม 2557 ดับข่าวลือ ข่าวมั่ว..อัยการไม่ตีกลับสำนวนเกาะเต่า ที่แท้แดงวางแผนป่วนเมือง สอดรับศพรองโรมานอฟ

    ความคืบหน้าในการดำเนินคดีผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นนายจ้างของ นายเวพิล ( วิน ) และ นายซอลิน (โซเรน) ชาวพม่า ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืน 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ตำรวจได้ " ออกหมายเรียกนายจ้าง" ของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือร้านอาหารเซฟตี้สต๊อกบาร์ และร้านอาหารเดอร์บราเธอร์

    ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้ต้องหา ให้การกับพนักงานสอบสวนว่าขณะเข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้ไปทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่สถานประกอบการทั้ง 2 แห่ง ซึ่งหมายเรียกได้แจ้งไปถึงเจ้าของตามทะเบียนการค้า โดยให้มาพบตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ภายใน 7 วัน ในข้อหารับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน และข้อหาให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

    อธิบดีอัยการ ภาค 8 ในฐานะหัวหน้าคณะอัยการพิจารณาสำนวน ระบุว่า การพิจาณาคดีโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน ประกอบด้วย รองอธิบดี ภาค 8 , อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา อัยการ จ.เกาะสมุย และ รองอัยการ จ.สมุย

    " มีความคืบหน้าไปมากแล้ว และ ยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ไม่ได้มีการตีสำนวนกลับไปยังพนักงานสอบสวนอย่างที่มีข่าวลือ" แต่การพิจาณาจะต้องละเอียดรอบคอบ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจทั้งจากสื่อมวลชน และนานาประเทศ โดยทางคณะฯ จะเร่งทำงานเพื่อให้สามารถส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย ภายในกำหนดครบวันฝากขังคือ วันที่ 15 ต.ค.57 นี้ และคาดว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น

    คณะอัยการพิจารณาสำนวน ได้มีการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง และมีการพิจารณาสำนวนอย่างละเอียด คาดว่าอาจจะมีการส่งตัวผู้ต้องหา พร้อมสำนวนการสอบสวนต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยเพื่อพิจารณาประทับฟ้อง ได้เร็วขึ้นกว่ากำหนด คือ ภายในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค.57 นี้

    ส่วนแก็งค์พิน็อคคิโอเมืองไทย ที่แปลงร่างมาจากแก๊งค์โคนันคุง เชื่อแต่สื่อ ข่าวลวง ที่ไม่กรอง ไม่ลึก ไม่อัพเดท และ โดนพวกเดียวกันเอาไปหลอกให้อ่านหน้าเพจ เช่น ข่าวว่าสำนวนไม่แน่น-อัยการตีกลับคดีฆ่าฝรั่งเกาะเต่า..ต้องหัวเราะให้ฟันร่วง
    เพราะหูเบาทุกคนในเพจแก็งค์พิน็อคคิโอนั้น ถูกหลอกหลงทางหมดเลย เนื่องจากข่าวในรอบวันมีหลายรอบ ต้องยึดข่าวรอบค่ำ กลางคืน ล่าสุด ไม่ใช่ยึดรอบเช้า หรือรอบบ่าย

    เพราะเขาปล่อยข่าวลวงหันไปใส่ร้ายอัยการต่ออีก แต่ความจริง ข้อมูลอัพเดทกว่า คือ "อัยการไม่ได้ตีกลับ เพราะไม่พบปัญหาแต่อย่างใด " และจะส่งฟ้องอย่างเร็ว 10 - 15 ต.ค.57 (ติดวันหยุด) ผลคือคนที่เสพข่าวแก๊งค์โคนันคุงนี้ โดนต้มเรียบวุธอีกแล้ว อายซ้ำเข้าไปอีก ทีนี้การต่อติดข้อมูลจริงก็ไม่ต่อเนื่อง หลงผิดทางต่อไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ความจริงภายหลัง ก็ถูกหลอกหลงทางความจริงไปหลายวันแล้ว

    ถ้าไม่เชื่อไปพิสูจน์ได้ที่เพจแก็งค์พิน็อคคิโอ เพราะเจอข่าวไม่กรองเข้าไป ก็มโนดีใจกันยกใหญ่ แต่หารู้ไม่ ว่าความหูเบาแบบนี้ มันกลายเป็นเหยื่อให้แก็งค์พิน็อคคิโอ จูงซ้าย ขวา ตามต้องการ นี่แหละถึงเตือนมาตลอดว่า อย่าเชื่อคนง่ายๆ และอย่ายอมให้เขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือ ให้หวาดระแวงรัฐบาลไทยยุคนี้

    และที่ผ่านมาผู้ต้องหาชาวพม่า 2 คน ได้รับสารภาพเป็นครั้งที่ 3 กับคณะทูตของพม่าที่เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาแล้ว ว่าร่วมกันฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนจริง ( ครั้งแรก รับสารภาพชั้นตำรวจต่อหน้าล่าม และทนายความ , ครั้งสอง รับสารภาพกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทย ต่อหน้า NGO ของพม่า )

    คดีนี้หากศาลพิจารณาคดีแล้ว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นศาล เพราะสำนึกผิด เพราะรู้ตนเองดีว่าสู้คดีไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหลักฐาน DNA มัดแน่น เขาอาจจะได้ความกรุณาจากศาลลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เช่น เหลือจำคุกคนละไม่เกิน 20 ปี

    ตามกฎหมายไทย กับ พม่า นักโทษจะติดคุกในไทย 1 ใน 3 ของโทษ หรือราว 6 ปีกว่าๆ ถ้าความประพฤติดี มีวันสำคัญ ก็จะได้ลดโทษอีกตามระเบียบกรมคุก เขาทั้งคู่อายุ 21 ปี จะติดคุกจนถึงประมาณอายุ 27 ปี จะได้สิทธินี้ จากนั้นสามารถยื่นเรื่อง ขอกลับไปรับโทษต่อที่ประเทศพม่าได้

    แต่หากทำตามลูกยุ ของแก๊งค์โคนันคุง กับองค์กรอิทธิพลของอเมริกา คือ กลับคำให้การในชั้นศาล ให้การปฏิเสธ หากศาลตัดสินลงโทษ จากหลักฐาน DNA มัดแน่น อาจโทษสูงสุดโดยไม่ลดโทษเลย คือ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต..อันนั้นเกมส์เลย

    ลองคิดดูว่า ทางใดดีสำหรับผู้ต้องหาพม่าทั้ง 2 คน ?? ถ้ามีคนทำผิดร่วมกับเขาจริง ทำไมผู้ต้องหาคู่นี้ไม่ซัดทอดซะที..นั่นเพราะมันไม่มีคนที่ 2 และ 3 นั่นเอง

    จากสถานการณ์ทั้งหมดนี้วิเคราะห์ว่า กำลังมีแก๊งค์แบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง ชักใย ตั้งธงให้
    1. มีคนไทย ร่วมถูกจำคุก ทั้งที่ไม่มีพยานบุคคล และวัตถุพยานเลย
    2. มีคนอังกฤษ ร่วมถูกจำคุก ทั้งที่ไม่มีพยานบุคคล และวัตถุพยานเลย
    3. มีคนพม่า ถูกจำคุก หรือ ประหารชีวิต

    เริ่มอ่านออกหรือยังว่าใครได้ประโยชน์ นั่นคือในระยะยาว จะส่งผลให้สังคมทั้ง 3 ประเทศเกิดข้อขัดแย้งกัน..ในระยะสั้นเฉพาะหน้า จะทำให้คนไทยแคลงใจในรัฐบาลบิ๊กตู่ โดยจุดกระแสขัดแย้งไปเรื่อยๆ เมื่อที่ผ่านมาใส่ร้ายทหารไม่สำเร็จ เพราะมีองครักษ์พิทักษ์ทหาร แก็งค์นี้ก็หันไปเล่นงานตำรวจ ใส่ร้ายอัยการ ใส่ร้ายศาล เป็นเสต็ปขั้นตอนไป

    --------------------------->

    วานนี้บิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุถึงการเสียชีวิตของ รองประธานโรมานอฟ , แกนนำกลุ่มแดงติดอาวุธ นปช., แกนนำขบวนการล้มเจ้า ที่ได้ไปรักษาประชาธิปไตย ในยมโลก สัมปทานนรกขุมอเวจี สามารถนำศพกลับมาได้ เพราะเป็นคนไทย จะทำพิธีทางศาสนาก็เชิญ ไม่ได้มีปัญหาหรือข้อขัดข้องอะไร

    แต่ในเรื่องของกฎหมายหมิ่นเบื้องสูง ม.112 ไม่ได้ คนผิดก็คือผิด เข้าใจไหมว่ามันคนละเรื่องกัน และรองประธานโรมานอฟ ก็ยังคงเป็นทหารอยู่ มียศมีอะไร ก็เป็นเรื่องของราชการ ต้องดำเนินการว่าไปตามขั้นตอน โดย บิ๊กตู่ จะไม่ไปร่วมพิธีศพด้วย เพราะภารกิจของชาติมีมาก

    ต่อไปอาจจะมีนักการเมือง เสียชีวิตในต่างประเทศอีก บิ๊กตู่ ระบุว่า “ แล้วเขาไปทำไมละ ทำไมเขาถึงไป ก็รู้อยู่ว่าเขาหนี ผมไม่ได้ไปเอาอะไรกับเขา เขาผิดกฎหมายมาตราอะไร กฎหมายอาญา ก็ต้องขึ้นศาลก็จบแล้วก็สู้มา บางทีศาลยังตัดสินเลย หนีไปทำไม คนไทยจะไปเรียกร้องอะไร จะไปแจ้งยมบาลหรือเปล่า “...หุหุ

    --------------------------->

    รองประธานโรมานอฟ จบโรงเรียนนายร้อย จปร. แล้วไปเรียนต่อปริญญาโท และปริญญาเอกจาก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา จึงคลั่งประชาธิปไตยแบบทุนนิยมสุดโต่ง หลงลืมรากเหง้าอารยธรรมชนชาติตนเอง

    วันที่ 22 ก.ค.50 เขาเข้าร่วมเป็นขบวนการหน่วยป่วนกรุง (นปก.) ขึ้นรถไปปราศรัย หน้าบ้านป๋า ที่บ้านสีเสา ปราศรัยโจมตีอำมาตย์ เพื่อให้กระทบชิ่งไปถึงเบื้องสูง เป็น 1 ใน 9 ผู้ถูกจับกุมต่อมา ปี 2551 คนแดนไกล แกนนำใหญ่ขบวนล้มเจ้า ให้โบนัสเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2

    ต่อมา ในช่วงที่มีการชุมนุมขับไล่นายกหล่อใหญ่ นั้น เขาขึ้นนั่งบัลลังก์ในฐานะรองประธานสภา ในขณะเดียวกันที่นอกสภา ก็ใส่เสื้อแดง อ้างว่าเป็นไพร่ ขึ้นเวทีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปราศรัยโจมตีอำมาตย์ พาดพิงสถาบันเบื้องสูง ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง

    ที่สร้างความตะลึงให้คนไทย คือ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง ว่า สถานการณ์ทางการเมือง ความแตกแยกของประเทศไทย ก็เหมือนกับรัสเซียในยุราชวงศ์โรมานอฟ และ ฝรั่งเศส ในเหตุการณ์คุกบาสตีล ในจีนยุคราชวงศ์เหี้ยนเต้

    ที่ประชาชนคนรากหญ้า ออกมาต่อสู้กับกลุ่มอำมาตย์ เป็นการต่อสู้ทางชนชั้น เพราะขณะนั้นประชาชนใน กทม. หลงกลกลุ่มติดอาวุธ นปช. เข้าร่วมการชุมนุมเผาเมือง เขาจึงได้ฉายา “รองโรมานอฟ” และกลายเป็นหัวแถวของกลุ่มแดงล้มเจ้า

    วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ตอนกลางคืน ก่อนรัฐประหารเพียงไม่กี่ชั่วโมง รองโรมานอฟ ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีกลุ่มติดอาวุธ นปช.ที่ถนนอักษะ กทม. ซึ่งเป็นการขึ้นกล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายขณะนั้นมีการประกาศกฎอัยการศึก ห้ามมีการชุมนุมแล้ว แต่อ้างว่าการประกาศกฎอัยการศึกของ บิ๊กตู่ ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นการมั่วเพราะกฎอัยการศึก ประกาศได้เลย

    หลังจากรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 รองโรมานอฟ ยังอยู่ในประเทศไทย ไปรายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. และถูกนำไปปรับเปลี่ยนทัศนคติ เป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว และถูกปล่อยตัวออกมา เตรียมการที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ

    ก่อนจะโดนหมายจับข้อหาหมิ่นเบื้องสูง มาตรา 112 เขาได้หลบหนีกระเซอะกระเซิง ออกจากประเทศไทย โดยไม่ได้นำเอาอะไรติดตัวออกมาเลย ใส่เพียงรองเท้าแตะมาเพียงคู่เดียว ออกมาคนเดียว ตามตะเข็บขายแดน แล้วเดินทางต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์ในที่สุด

    เมื่อหนีออกนอกประเทศ คสช.อายัดทรัพย์สินของเขาทั้งหมด เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องขอเงินจากหนายใหญ่ประทังชีวิต และที่ฟิลิปปินส์ เป็นที่ตั้งของแก็งค์คุ้มครองขบวนการล้มเจ้า UNHCR ของมะกัน เขาจึงขอลี้ภัยอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการช่วยเหลือจาก UNHCR ให้ได้รับการรับรองการเป็นผู้ลี้ภัย

    เขาได้ติดต่อกับมือปืน 10 ล้านกระบอก เป็นประจำเกือบทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง เคลื่อนไหวต่อสู้อยู่ในต่างประเทศ และร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์กับองค์การเสรีเทย ราว 1 เดือนผ่านไป เขาเริ่มไม่สบาย ไอ เป็นหวัด และเจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก ได้เข้าไปรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์

    เขาเป็นโรคปอดปวม มีน้ำท่วมปอด และมีการเจาะปอด จากนั้นเข้าไอซียู มีน้ำตาลในเลือดสูงมาก ปอดปวม หายใจไม่สะดวก ทำการรักษาโดยการล้างไต การฟอกเลือด ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา อาการของเขา บางวันก็ทรง บางวันก็ทรุด

    จนเมื่อหมอใช้ยาแรงขึ้น ฟอกไตบ่อยขึ้น อาการดีขึ้นบ้าง แต่ตอนหลังกลับแย่ลงอีก ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง หมอต้องฟอกไตให้ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนไตบวม ปอดติดเชื้อ จนเป็นฝ้าขาวหมด ปอดเสียไปข้างหนึ่ง พูดไม่ได้เพราะใส่สายยาง แต่สายตาก็รับรู้ได้ โดยพยักหน้า ตอบรับ

    วันที่ 3 ตุลาคม 57 อาการหนักขึ้นอีก วันถัดมาหมอก็บอกว่าให้ทำใจ และวันที่ 6 ตุลาคม เขาถูก ยมทูตสั่งเก็บ และยามบาลได้ออกใบรับรองการมรณะให้ ในวัย 65 ปี จบชีวิตหัวแถวขบวนการล้มเจ้า ฉายา “รองโรมานอฟ” ผู้ไม่จงรักภักดี ผิดคำสัตย์สาบานของทหาร คำพูด ความคิดของเขา จึงทำลายอวัยวะภายในของเขาเอง ปอด ไต พินาศยับเยินจนสิ้น

    ช่วงวันที่ 10 -11 ต.ค.57 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จะมีศพรองโรมานอฟ ที่ยมบาลได้ออกใบรับรองการตายแล้ว ญาติจะนำเข้าประเทศไทยมา กลุ่มเผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และกลุ่มติดอาวุธ นปช. จะขนกันไปแห่เสนียดหากินกับศพนี้ นำไปทำพิธีที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี

    พวกนี้ประสาทกลับหรือเปล่า คางคกตู่เพิ่งออกคำสั่งไปหลังสั่งเตะพระ แถวนนทบุรี ว่าคนเสื้อแดงป่วยไม่ให้ไปหาหมอ ตายไม่ให้เอาไปเข้าวัด (แต่ให้ใช้บริการนกแร้งแทน) แล้วนี่อะไร มาวัดซะแล้ว พูดจาโลเล เชื่อถือไม่ได้..เผาเลยครับพี่น้อง

    ช่วงวันที่ 14 - 16 ต.ค.57 แก๊งค์เสรีเทย จะนัดเสื้อแดงแต่งดำ อ้างว่าเพื่อสถาปนาอำนาจประชาชน โค่นล้มสถาบัน หวังก่อสถานการณ์ความวุ่นวายไม่มากก็น้อย

    สายลับ ที่แฝงตัวไปเกาะติดกับแกนนำติดอาวุธแดง นปช. รายงานว่า ได้ยินคางคกตู่ประกาศกลางวงเหล้าว่า “ แดงต้องล้มอำมาตย์ เอาเลือดมาบวงสรวงพี่เปียให้ได้ “ และที่สถานีโทรทัศน์เสื้อแดง TV 2 โหล มีการจัดแท่นเคารพ รองประธานโรมานอฟ ที่ถูกนรกสั่งล่า ยมบาลสั่งเก็บไว้ลักษณะแปลกๆ เทียบเท่าอะไรบางอย่าง

    เสื้อแดงที่มาเคารพศพ อาจจะโวยวายว่า

    - เป็นศพเทียม ที่ตายจาก ยมบาลเทียม
    - ยมบาล สองมาตรฐาน
    - นรก ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้งยมบาล

    คงจริงอย่างที่วีระ แกนนำติดอาวุธแดง นปช.บอกไว้ว่า..แดง นปช.ไม่มีวันตาย (ดี)..นอนกลับมาทุกราย !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    https://www.facebook.com/topsecretthai
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 9 ต.ค.57 แถลงการณ์ฉบับที่ 5 พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับ รพ.ศิริราช พระอาการเจ็บแผลผ่าตัดลดลง

    แถลงการณ์ สำนักพระราชวัง
    เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช
    ฉบับที่ 5

    วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปดีขึ้นตามลำดับ พระชีพจร และความดันพระโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปรกติ อุณหภูมิพระวรกาย ลดลงอีกจนเกือบเป็นปรกติ พระอาการเจ็บแผลผ่าตัดลดลงมา เคลื่อนไหวพระวรกายได้ดีขึ้น หายพระทัยปรกติ เสวยพระกระยาหารได้บ้าง

    คณะแพทย์ฯยังคงถวายพระโอสถปฎิชีวนะและสารอาหารเสริมทางหลอดพระโลหิต ผลการตรวจพระโลหิต ติดตามปรากฏว่า ภาวะติดเชื้อน้อยลงอีกเป็นที่น่าพอใจ ของคณะแพทย์ จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

    สำนักพระราชวัง 9 ตุลาคม 2557



    @ เสธ น้ำเงิน3
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  6. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 9 ต.ค.57 บึ้ม..ภูเขาไฟเก่าแก่ 400 ปี ในอินโดระเบิด

    เกิดเหตุภูเขาไฟซินาบุง ในเขตสุมาตราเหนือ อินโดนีเซีย ที่สงบมานานกว่า 400 ปี ระเบิดขึ้นมา ส่งหมอกควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูง 2 กม.ปล่อยลาวาสีแดงฉานออกจากปากปล่อง สู่พื้นด้านล่าง

    และวันนี้เกิดแผ่นไหวบนแผ่นดิน ห่างไกลจากประเทศชิลี ไปทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิค โดยสามารถวัดได้ถึง 7.2 ริกเตอร์ ลึกลงไป 10 กม. ถือได้ว่ารุนแรงอย่างมากแต่เนื่องจากไม่ใช่แหล่งอาศัย จึง ยังไม่รับรายงานความเสียหาย และคลื่นสึนามิรุนแรง

    ภัยธรรมชาติหลายแห่งช่วงนี้มาในเวลาใกล้เคียงกับปรากฎการณ์จันทรุปราคา และแผ่น เปลือกโลกมีการขยับเขยืี้อนอย่างหนัก ทั้งบนบก และในน้ำ จึงพบสัตว์ทะเล มีพฤติกรรมแปลกๆ ไปทั่วโลก


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 10 ต.ค.57 พายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่น จะตะลุยญี่ปุ่นช่วงวันหยุดนี้

    ภาพพายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ขนาดยักษ์ที่ถ่ายจากสถานีอวกาศ ที่นักบินอวกาศอุทานว่า ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ตอนแรกประมาณว่าความแรงจะอยู่ที่ระดับ 5 และความเร็วลม 320 กม./ชม.

    ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหว่องฟง มีความรุนแรงระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุด พัดด้วยความแรงลม 288 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกรรโชกแรงสูงสุด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา

    ตอนนี้มีการคาดว่า จะแรงเพิ่มถึงระดับ 6 ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ จะเข้าโจมตีญี่ปุ่นในช่วงวันหยุดนี้ คาดว่าจะสร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ให้กับประเทศญี่ปุ่นอย่างหนัก และอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวนมากที่ญี่ปุ่น

    บ่ายนี้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นบริเวณหมู่เกาะคูริล ประเทศญี่ปุ่น แรงสั่นสะเทือนขนาด 5.2 ที่ความลึก 20 กิโลเมตร และตามมาด้วยที่คอสตาริกา โลกเรากำลังปรับสมดุลอะไรสักอย่าง?

    [​IMG]

    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 10 ต.ค.57 ในที่สุดก็มีวันนี้..มะกันเสียววาบกลุ่ม IS เตรียมโจมตีด้วยเชื้ออีโบลาพลีชีพ

    จากที่อเมริกาและ EU โจมตีกลุ่มติดอาวุธ IS ด้วยโดรน เครื่องบินขับไล่ จรวดโทมาฮอร์ค และล่าสุดใช้คอปเตอร์ ยิงสารพัดอาวุธ และจรวด แต่ก็ยังหยุดกลุ่ม IS ในซีเรีย และอิรัก ยังไม่ได้ แถมเริ่มลุกลามไปพรมแดนประเทศใกล้เคียง

    รายงานมาว่า ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารสหรัฐ ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มติดอาวุธ IS ซี้เก่าของมะกัน เตรียมพิจารณาที่จะใช้ตัวเองเป็นพาหะเชื้อไวรัส "อีโบลา" เพื่อเป็นอาวุธในการโจมตีชาติตะวันตก

    เพราะไวรัสอีโบลาสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ สมาชิกกลุ่ม IS จะยอมเสียสละตัวเอง เพื่อให้ติดเชื้อไวรัสมรณะและเดินทางไปยังประเทศที่ต้องการจะแพร่เชื้อใส่

    เป็นไปตามที่เพจนี้เคยเตือนล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้ว ว่ากลุ่มติดอาวุธโบโกฮาลัม ในแอฟริกา ที่เป็นสายเดียวกับ IS จะลักลอบนำเชื้อโรคร้ายนี้ไปให้กลุ่ม IS ก่อการร้ายทางชีวภาพในชาติตะวันตก ตอนนี้มันมีสัญญาณแล้ว

    กลุ่มติดอาวุธ IS ตอนนี้เริ่มเข้าใกล้ไทยมาแล้ว มีการลักลอบก่อเหตุในมาเลย์ ฯ ขว้างระเบิดจากบนลานจอดรถใส่ประชาชนใกล้สถานบันเทิงกลางดึกตาย 1 เจ็บ 16 รายเมื่อวันก่อน

    และมีรายงานทางลับมาว่า กลุ่ม IS เตรียมโจมตีนอรเวย์ เพื่อฉีกหน้าชาติตะวันตก โดยจะสุ่มเลือกบ้านที่มีครอบครัวอบอุ่น และจะก่อเหตุฆาตกรรมโหด เพราะที่ประเทศนี้เป็นสถานที่มอบรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ การโจมตีชาตินี้ จึงหักหน้าชาติตะวันตกอย่างมาก

    เมื่อเมริกา และชาติ EU บ่มเพาะกลุ่มติดอาวุธ IS ขึ้นมาเอง จนควบคุมไม่ได้ มันก็เหมือนเชื้อโรคอีโบล่า ที่แพร่กระจายไปทั่วแอฟริกาตะวันตก และควบคุมยังไม่ได้จนติดเชื้อไปกว่า 9,000 รายตอนนี้นั่นเอง

    ใครจะอยู่ ใครจะไประหว่างกลุ่ม IS กับชาติตะวันตก และอีโบลากับกลุ่ม IS ใครจะถูกควบคุมได้ก่อนกัน !!



    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  9. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 11 ต.ค.57 ตัวอย่างการแตกความสามัคคีชนในชาติ ความตายและสิ้นเผ่าพันธุ์คือของรางวัล

    เมืองโคบานี เป็นพื้นที่ ที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดต่อเนื่องมา 3 สัปดาห์ ระหว่างกลุ่มติดอาวุธ IS กับนักรบท้องถิ่นชาวเคิร์ด การปะทะกันทำให้พลเมืองซีเรียเชื้อสายเคิร์ดหลายแสนคน หลบหนีเข้าไปยังตุรกีประเทศเพื่อนบ้าน

    มีชาวเคิร์ดราว 700 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ติดค้างอยู่ในเมืองโคบานี เมืองชายแดนของซีเรีย กับ ตุรกี แต่ทางการตุรกี ไม่ อนุญาตให้นักรบอาสาของชาติตะวันตกข้ามเข้าไปยังซีเรียได้ เพื่อปกป้องเมืองโคบานีให้พ้นจากการยึดครองของกลุ่มติดอาวุธรัฐ IS

    เพราะตุรกี ไม่ต้องการให้ชาติใดมาใช้พื้นที่ดินแดนของตนเอง ในการก่อสงครามกับใคร เพราะจะเสียสิทธิสภาพการบังคับกฎหมายในราชอาณาจักร แม้ว่าจะให้ใช้แค่สนามบิน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะยอมให้ใช้เมื่อไร นี่คือความฉลาดของตุรกี

    และยังมีนักธุรกิจของตุรกีเอง คอยรับซื้อน้ำมันเถื่อนจากกลุ่ม IS แล้วมาขายตัดหน้าอเมริกาถูกๆ แค่ 25-50 ดอลล่าห์ต่อบาร์เรล ซึ่งอเมริกาขาย 90 ดอลล่าห์ต่อบาร์เรล ทำให้อเมริกาโมโหมาก ที่กลุ่ม IS มาขายน้ำมันตัดหน้าตัวเอง จึงโหมโจมตีกลุ่ม IS เพื่อนเก่าอย่างหนัก

    กองกำลังชาวเคิร์ด ที่เป็นส่วนหนึ่งของอิรัก ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากสหรัฐฯและพันธมิตร เรียกร้องว่าต้องการอาวุธและกระสุนเพิ่มเติมจากชาติตะวันตก เพื่อผลักดันกลุ่ม IS ให้ถอยร่นไปจากเมืองโคบานี และต่อรองว่าพลเรือนจะถูกสังหารหมู่ หากเมืองนั้นตกอยู่ในความครอบครองของกลุ่ม IS

    นี่คือตัวอย่างการแตกความสามัคคีของคนในชาติเดียวกันที่จะยกมาให้คนไทยดูตัวอย่าง ชาวเคิร์ดคือชนกลุ่มหนึ่งจำนวนไม่มากมายนัก ส่วนใหญ่นับถือคริสต์ อาศัยในแคว้นเคิร์ด อยู่รอยต่อ 3 ประเทศคือ ซีเรีย อิรัก ตุรกี

    แต่แคว้นเคิร์ดนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิรัก คล้ายๆ รัฐๆ หนึ่งในอเมริกา ได้สิทธิการปกครองในระดับหนึ่ง และมีผู้ปกครองเคริ์ด เข้าเป็นคณะรัฐบาลของอิรักด้วย ในดินแดนเคิร์ด มีบ่อน้ำมันหลายแห่งที่ชาติตะวันตกยึดครอง

    ต่อมา อเมริกา กับ ตุรกี ก็มายุยง ให้แยกเอกราชจากอิรัก เป็นประเทศเคิร์ด ที่นี้เลยแตกคอกันภายในประเทศ กลุ่ม IS เลยฉวยจังหวะความอ่อนแอจากการแตกความสามัคคีนี้ บุกโจมตีเคิร์ดทันที เคิร์ดจะขอความช่วยเหลือจากอิรัก ก็กลัวเสียฟอร์ม

    เลยหันไปขอความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก ซึ่งเอาแค่น้ำ อาหาร มาทิ้งให้ และเอาอาวุธมาช่วยนิดหน่อย รวมถึงการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดช่วย แต่ก็ทำแบบขอไปที และช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เคิร์ดเลยต้องถอยร่นตลอดเวลา ประชาชนเกือบแสนคนตายเป็นใบไม้ร่วง จากอดตายและถูกสังหาร

    ตอนนี้นักรบเคิร์ดผู้ชาย ตายแทบหมดแล้ว นักรบจำนวนมากเลยต้องใช้ผู้หญิงมาสู้รบออกแนวหน้าแทน เลยแทบจะสู้กับกลุ่มติดอาวุธ IS ที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ไม่ได้ เพราะกลุ่ม IS เป็นทหารเก่ารับจ้างผ่านสงครามมาจากนานาประเทศกว่า 80 ประเทศ

    หากชาวเคิร์ด ยังไม่รวมตัวกับชาวชีอ่ะห์ ในรัฐบาลอิรัก พวกเขาอาจต้องถึงกับสูญ และกลืนเผ่าพันธุ์ เพราะคงถูกกลุ่ม IS ฆ่าหมด และต้องอพยพไปอยู่ตุรกี กลายเป็นประชากรมือสอง

    นี่แหละแค่ขาดความสามััคคี เคยอยู่สุขสบายในสมัยที่รวมชาติกับอิรัก พอหลงคารมอเมริกา อยากแยกประเทศ อย่าว่าแต่ดินแดนจะเหยียบเลย ชีวิตตนเองก็ยังไม่เหลือ

    คนซาอุฯ ก็ระวังไว้เถอะ การข่าวมาว่า กลุ่ม IS เตรียมสั่งยกกำลังชุดแรกราว 2,000 คน บุกโจมตีซาอุฯ การรบนั้นปัจจัยอาวุธทางอากาศไม่ใช่จุดชัยชนะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จุดชนะกันมันอยู่ที่ทหารราบ ซาอุฯ มีทหารเป็นแสน แต่เคยรบจริงๆ เหมือนกลุ่ม IS ไหม ?? อิรัก และ ซีเรีย มีทหารมากกว่านี้หลายเท่า ยังเละมาแล้ว

    กลุ่มเผาไทย , ขบวนการล้มเจ้า , กลุ่มติดอาวุธ นปช. , สปป.ล้านนา , กลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ศรัตรูคนมุสลิม ดูตัวอย่างเอาไว้ นี่มันคือตัวอย่างจากชีวิตจริง ไม่มีขี้ที่ไหนดีกว่าใส้หรอก !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    หมดกัน..เศรษฐกิจยุโรปดิ่งเหว ส่วนตะวันออกเฟื่องดั่งจุดพลุ

    ดิสนีย์ แลนด์ ส่วนสนุกชื่อกระฉ่อนโลก ประจำกรุงปารีส ฝรั่งเศส ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก จากภาวะหนี้สินที่เพิ่มขึ้น และมียอดนักท่องเที่ยวลดฮวบ จากสถานการณ์ด้านการเงินที่ผันผวนภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวในภูมิภาคยุโรป

    ซึ่งดิสนีย์ แลนด์ ในหลายประเทศของยุโรป ต้องตัดลดงบประมาณใช้จ่ายลง แต่ก็ยังหนี้สินล้นพ้นตัว จนบริษัทแม่ วอลท์ ดิสนีย์ ในอเมริกา ต้องกัดฟัน ทุ่มเงินช่วยเหลือมิให้ล้ม เฉพาะที่ ปารีส ฝรั่งเศส ไปปาเข้าไปเป็นเงินกว่า 30,000 ล้านบาท

    เมื่อปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยว ดิสนีย์ แลนด์ ปารีส เพียง 14.9 ล้านคน ขณะที่ปีนี้ คาดว่าจะลดลงกว่าเดิมอีกเกือบ 1 ล้านคน แต่ภาวะสถานการณ์นี้กลับตาลปัดกับดิสนีย์แลนด์ ในโลกตะวันออก เช่น ในเอเชีย

    ดิสนีย์แลนด์ โตเกียว และ ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง กลับมีผลประกอบการที่ดี สร้างกำไรมากที่สุด นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ.2526 โดยฉพาะ ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง มีกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว

    แต่ทั้ง 2 แห่งนี้ บริษัทแม่ วอลท์ ดิสนีย์ ในอเมริกา กลับไม่ได้ถือหุ้นด้วย ซะอีก เลยอดปันผลกำไรไป ?? ธุรกิจภาคบริการ และบันเทิง เป็นดัชนีบ่งชี้ที่สำคัญ ของแนวโน้มทิศทาง เศรษฐกิจภูมิภาคนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

    ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง ได้อานิสงค์จากนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งร่ำรวยกว่าชาติตะวันตกหลายเท่า นำเม็ดเงินมาเที่ยว และค้ำจุนบรรดาธุรกิจต่างๆ ในฮ่องกง และเกาะต่างๆ โดยรอบไว้ อย่างเฟื่องฟู

    ถ้าขาดจีน ที่มีประชากร 1,400 ล้านคน รอแต่เม็ดจากนักท่องเที่ยว และวิธีบริหารแนวประชาธิปไตยแนวตะวันตก ในไม่นานธุรกิจต่างๆ ในฮ่องกง จะล้มพินาศ จนกรอบเป็นข้าวเกรียบกุ้ง

    นับแต่นี้ไปอีก 10 ปี หรือมากกว่า ธุรกิจในอเมริกา และประเทศใน EU จะหดและชลอตัว จะกระทบไปหมดทั้งภาคบริการ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรม การเกษตร ยิ่งหมางเมินกับรัสเซีย ตลาดใหญ่ของยุโรป

    ฟันธงได้เลยว่า จะได้เห็นธนาคาร บริษัทห้างร้านใน EU ต่างจะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ปลดพนักงาน คนตกงานเพียบ และค่อยๆ ทะยอยปิดตัวลง อเมริกาและยุโรป ที่ปกครองโดยประชาธิปไตย จะเป็นแค่ดินแดนคนเคยรวย

    แต่ชาติตะวันออก ที่อิงการปกครองแนวอนุรักษ์นิยม หรือมีสถาบันศูนย์รวมใจ จะกลายเป็นเศรษฐีใหม่ อู่ฟู่กันถ้วนหน้าในอนาคต..แค่ดูราคาทองคำที่ลดลงแทบทุกวัน ก็รู้แล้วว่ารัสเซีย กับจีน กักตุนทองคำจนล้นคลัง และชลอ หรือหยุดตุนแล้ว

    คนมันจะรวย อะไรก็หยุดไม่อยู่ อีกหน่อยเราจะได้เห็นคนชาติตะวันตก มาทำงานรับใช้เป็นลูกน้องคนชาติตะวันออก..คงไม่นานเกินรอ ตอนนี้ไปดูแถว จ.บุรีรัมย์ ก็ได้เห็นแล้ว

    ประชาธิปไตย กระเป๋าแฟ่บกลวง จะมีความหมายอะไร เท่าอนุรักษ์นิยม กระเป๋าหนักอู่ฟู่ !!


    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  11. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 11 ต.ค.57 อะไรกันนี่..เสื้อแดงเกิดอุบัติตายอีกแล้ว

    เสื้อแดงชื่อดาวรายนี้ เพิ่งออกมาโพสต้านรัฐประหารไปไม่นานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดอุบัติชนต้นไม้ตายไปอีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นยมทูต ท่าน ทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันหยุดเลยหรือ?

    ตามเก็บชีวิตคนเสื้อแดงอย่างเดียวเลยช่วงนี้ ตรงตามคำสาบานที่ใส้เดือนเต้น ประกาศสาบานบนเวทีต่อหน้าสาธารณะไว้เลย นับแต่นั้นเป็นต้นมา มีการตายของแกนนำ และคนเสื้อแดงจำนวนมากเหมือนห่าลงเลย จนตอนนี้หยุดไม่อยู่แล้ว

    จะหยุดมรณะคำสาบานนี้อย่างไร คนเสื้อแดงต้องไปถามใส้เดือนเต้นเอง เราคนดีไม่เกี่ยว..รอด (^_^)


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน3
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  13. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 12 ต.ค.57 สหภาพยุโรปจะใช้เงินหยวนเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ

    ธนาคารกลางยุโรป (ACB) เตรียมเพิ่มสกุลเงินหยวนของจีนเป็นหนึ่งในทุนสำรองระหว่างประเทศของทางยุโรป ซึ่งจะต้องมีการซื้อสกุลเงินหยวน โดยเริ่มต้นช่วงต้นปี 58 เพราะจีนจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอับดับ 2 ของโลก

    ปัจจุบันค่าเงินเหรียญสหรัฐเป็นสกุลเงินหลักในฐานะเงินตราสำรองระหว่างประเทศ โดยมีสัดส่วนที่ 61% ของสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ( ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 4 สกุล ได้แก่ เหรียญสหรัฐ ยูโร ปอนด์ และเยน ) ในอนาคตสกุลเงินหยวนจะก้าวขึ้นมามีบทบาทในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

    การเพิ่มความสำคัญของหยวนจะกลายเป็นความเคลื่อนไหวทางการเงินครั้งใหญ่ของโลก

    ในปัจจุบันค่าเงินหยวนถูกยกระดับความเป็นสากลมากขึ้น โดยทางการอังกฤษ ได้คัดเลือกธนาคารที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลการขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษที่จะออกเป็นสกุลเงินหยวน เพื่อรวบรวมสกุลเงินประจำชาติจีนเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศของอังกฤษ
    และเป็นการผลักดันให้อังกฤษเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหยวนนอกประเทศจีนด้วย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่โตของจีน ประกอบกับความสำคัญต่อการค้าและการเงินโลก จึงมีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินหยวนอาจก้าวขึ้นมาเทียบสกุลเงินเหรียญสหรัฐ

    ดังนั้นบรรดารัฐบาลและนักลงทุนจำเป็นต้องเตรียมตัวสำหรับการเข้าสู่โลกที่ค่าเงินหยวนจะมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น

    ถ้าเงินหยวนเข้ามาช่วงชิงสัดส่วนดอลลาห์สหรัฐ อนาคตสัดส่วนก็จะลดต่ำลงกว่า 61% อีก อเมริกา ก็ได้กินค่าต๋ง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้น้อยลง ผลก็คือ เหี่ยว แห้ง และอดโซ


    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน4
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  14. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 12 ต.ค.57 แฉ.. แก็งค์ปล่อยข่าวลือ หากินกับศพพวกเดียวกันเอง และผลกรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคล

    ตั้งแต่ใส้เดือนเต้น ประกาศสาบานบนเวทีต่อหน้าสาธารณะไว้ ว่าถ้าใครเกี่ยวข้องกับการเผาเมือง แม้แต่น้อย ขอให้มีอันเป็นไป นับแต่นั้นมา "ยมบาลสั่งฆ่า ยมทูตสั่งเก็บ" ก็ทำงานตลอดวันตลอดคืน และมี OT ด้วย

    ตามเก็บชีวิตคนเสื้อแดงอย่างเดียวเลย เกิดการตายของแกนนำ และคนเสื้อแดง ส.ส. ผู้เกี่ยวข้องกับคนแดนไกล , ขบวนการล้มเจ้า, กลุ่ม เผาไทย กลุ่มติดอาวุธแดง นปช.จำนวนมาก เหมือนห่าลง ผลงานที่ผ่านมาของยมทูตการันตีได้ เก็บมาแล้วนับรายไม่ถ้วน สอยถี่ยิบ ผลงานเข้าตากรรมการ

    ล่าสุดรองโรมานอฟ ตอน เขาอยู่เมืองไทย ไม่เคยทำความดี ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะล้มเจ้า เผาเมือง และตั้งกองกำลังติดอาวุธแดง นปช.ยิงใส่เด็ก คนชรา ผู้หญิง และเสื้อแดงด้วยกันเอง จนล้มตายหลายสิบคน

    ตอนหนีออกจากประเทศ เหยียบผืนดินไทยครั้งสุดท้ายปี 2557 มีแค่รองเท้าแตะคู่เดียว สิ้นเนื้อประดาตัว หมดสภาพแกนนำล้มเจ้า ที่เคยขึ้นเวที บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคล

    จนล่าสุดยมทูตทนไม่ไหว ได้ลอบสังหาร รองโรมานอฟตามบัญชีกรรม ด้วยเชื้อโรคร้าย จนทนพิษกรรมหนักไม่ไหว ถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างไป ที่โรงพยาบาลในฟิลิปปินส์

    เมื่อวานนี้ช่วงบ่าย พบปรากฎการณ์ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช.มีการรวมตัวกัน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เพื่อรับศพรองโรมานอฟ ที่ใส่ลังแพ็ค ส่งคาร์โก้มาจากฟิลิปปินส์

    โดยบริเวณใกล้เคียงกัน พบทุยแดงที่อดอยาก จากการกินค่าจ้างหัวคิวมานาน รวมตัวกันอย่างหลวมๆ

    เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่างานเสื้อแดง มีการจ้างยกป้ายกันทุกงาน ทุกสถานที่ ที่ผ่านมามีการ จ้างแก้ผ้า และเอะอ่ะโวยวาย หลายแห่ง อันนั้นแพงหน่อย คือ 2,000 บาท แต่มันสร้างความคลื่นเหียนอาเจียน จะอ๊วก ให้ผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี

    มีหลายคนมายืนยกป้ายตามอีเว้นท์ ที่แกนนำจัดคิวมาให้ เป็นมนุษย์ป้า 500 บาท ทำเงินง่ายๆ ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมง ดีกว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป

    มนุษย์ป้า 500 บาท ขาประจำ งานนี้งบค่าจ้างรวมค่าป้ายด้วย ดังนั้นต้องลดต้นทุนสุดฤทธิ์ ซื้อกระดาษมาเขียนเองนี่แหละวะ แต่ด้วยลืมเอาสคริปคำมาเลยเขียนคำผิดๆ ถูกๆ อ่านแล้วมึน ครูภาษาไทย อยากจะวิ่งเอาหัวชนเสาตาย

    คนเสื้อแดงขึ้นชื่อลือชา เรื่องการทำภาษาไทยวิบัติ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะทำป้ายทุกครั้ง สะกดไม่เคยจะถูก ไม่ว่างานใหญ่ งานกลาง เล็ก รวมถึงทำพฤติกรรมแปลกประหลาด จน กลายเป็นโลโก้ประจำตัวไปแล้ว

    แม้จะมารับศพรองโรมานอฟ ก็ยังเขียนชื่อเจ้าของศพผิด เวรกรรมแท้ๆ รับเงินค่าหัวคิวมาแล้ว ควรเช็คซะหน่อย มันอายเขานะ , บางคน อยากเท่ห์จึงตั้งใจใส่เสื้อหมิ่นสถาบันมา เพราะอยากกลับมาไทยเท่ห์ๆ อย่างรองโรมานอฟบ้าง

    แต่ครานี้ รองโรมานอฟ แกนนำสำคัญขบวนการล้มเจ้า กลับมาไทยอีกครั้งแบบมาดเท่ห์ๆ เกินคาด เพราะแม้แต่แผ่นดินยังไม่มีสิทธิได้เหยียบ ต้องนอนมาใน "ลังไม้" แคบๆ ที่ใหญ่กว่าตัวนิดเดียว ส่งคาร์โก้มาจากฟิลิปปินส์ แล้ว ใช้บริการรถตู้ VIP ของร้านขายหีบศพขนไปวัด

    ท่ามกลางเสียงก่นด่า สาบแช่งอืีออึ้ง เผาพริกเผาเกลือ จากคนไทยทั่วสารทิศ ดินสักเม็ดบนแผ่นดินของพ่อ และ แม่ ยังไม่มีโอกาสสัมผัส มีเพียงรถขนศพพาร่างไร้วิญญาณมุ่งหน้าไปตั้งแสดงโชว์ประจานที่วัดบางไผ่ จ.นนทบุรี

    ตามที่บอกมาล่วงหน้าหลายวันแล้วว่า ช่วงเดือน ต.ค.57 นี้เป็นต้นไป แก็งค์แบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง จะมีการใช้ศพพวกเดียวกันหากิน

    ในการแสดงความอาลัยงานศพนั้น ประเพณีสากลทั่วโลก ของมนุษย์ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ชาติใด นานมาหลายร้อยปี ก็จะใช้เฉพาะดอกไม้สีขาว หรือ พวงหรีดที่ตกแต่งโทนสีดำเท่านั้น

    นั่นเพราะสีดำ คือ การแสดงความให้เกียรติคนตาย ไม่ว่าประเทศตะวันตก หรือ ตะวันออกเอเซีย ก็เคร่งครัดวัฒนธรรมนี้ คล้ายๆ การจุดธูป 1 ดอก คาราวะศพตามหลักพุทธ ไม่มีใครที่ไหนใช้ 3 ดอก

    แต่งานศพรองโรมานอฟ แกนนำกลุ่มติดอาวุธแดง นปช.ทั้งหลาย กลับนำช่อดอกไม้สีแดง มาทำเป็นพวงหรีดคาราวะศพ แบบนี้มันสื่อถึงความยินดีปรีดา รื่นเริง สนุกสนาน ที่ผู้ตายได้จากไป ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดก็ตามล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น

    นั่นหมายความว่าแกนนำแดง นปช.ยินดีที่รองโรมานอฟตายไป และผสานกับการปล่อยข่าวจากเสื้อแดงว่าเป็ดเหลิมเดี้ยง ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาของเป็ด (แต่ไม่นานนัก ตอนนี้เอาน้องชายเป็ด ชื่อ ส.อ. ฉลองไปก่อน)

    การนำช่อดอกไม้สีแดงมาแสดงความยินดีกับญาติผู้ตาย การปล่อยข่าวแห่ศพพวกเดียวกันเองแบบนี้ ล้วนคือมุกเก่าขยายผลจากศพ ของขบวนการแบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง

    ในระยะถัดไป เสื้อแดงจะใช้กรณีศพพวกเดียวกันเองนี้ จุดกระแสแห่หมิ่นฯ ไปเรื่อยๆ มากขึ้น ให้ยกเลิกมาตรา 112 เพื่อทางกลุ่มจะหมิ่นได้ถนัดขึ้น แบบไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

    การสวดพระอภิธรรมศพ รองโรมานอฟ อดีดรองประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีญาติและคนเสื้อแดงเข้าร่วมงานประปราย ท่ามกลางช่อดอกไม้สีแดง แสดงความยินดีของแกนนำ

    ล่าสุดช่วงบ่าย 16.00 น. ได้มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ รองโรมานอฟ ซึ่งก่อนหน้านี้ พบว่าเกิดเหตุไฟฟ้าดับในงานรดน้ำศพ ทำให้คนในงานต่างตกตะลึง ขวัญผวาเป็นลาง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ขณะมีชีวิตแม้ใครจะอาฆาตมาดร้ายเบื้องสูงมหันตกรรมหนักอย่างไร เมื่อตายไปแล้ว ใครขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพระราชทานเพลิงศพ หากไม่ขัดกับกฎระเบียบทางราชการ เบื้องสูงก็พระราชทานให้ศพนั้นทุกราย เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ ดั่ง พระอริยบุคคล

    เพราะศพเหล่านั้นล้วนเป็นพสกนิกร ในแผ่นดินของพ่อนี้ทั้งสิ้น ส่วนใครจะสำนึกหรือไม่ ก็อยู่ที่จิตสำนึกของกลุ่มคนนั้น หากไม่สำนึก ไฟกรรมก็จะเผาผลาญอวัยวะภายในของคนผู้นั้นเอง

    ใครทำกรรมใดไว้ ก็ได้รับกรรมสิ่งนั้น ทำกรรมหนักกับพ่อที่มีแต่ให้ กรรมหนักดั่งทำร้าย บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคล ก็จะย้อนกลับถึงทุกคนเหล่านั้นทบเท่าทวีคูณ..สัจธรรมนี้เป็นจริงมาตั้งแต่พุทธกาล

    พระเก่าแก่ญาณกล้า เทศนาสั่งสอนสานุศิษย์ว่าในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ถึงระดับ "นิยตโพธิสัตว์" ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณ ในอนาคตกาลเบื้อง หน้าอย่างแท้จริง ดังนั้นพระองค์ท่านจึงเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่เผยแผ่บุญให้คนไทย

    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระติสสะสัพพัญญูพุทธเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ

    ในลำดับ นั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ 60 ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด

    ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ
    ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ
    สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง 10 ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น
    ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ พระเก่าแก่มีญาณได้เทศนาว่า
    วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก

    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด

    แม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    กรรมในปุเรนชาติก็ยังติดตามให้ผลจนถึงวาระสุดท้ายก่อนดับขันธปรินิพพาน ดังที่ตรัสเล่าไว้ใน พุทธปาทาน ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว

    เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า
    ในกาลนั้นเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก
    ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า

    เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ
    ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย
    ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน
    เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก

    บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10 อย่างคือ

    1. บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ

    2. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที

    3. สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว

    4. เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม

    5. ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
    6. ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง

    7. ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก

    8. ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน

    9. หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ

    10. เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    จากคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จะเทียบเคียงได้ว่า ขบวนการล้มเจ้า ต่างได้รับกรรมหนัก ตั้งแต่ข้อที่ 7-10 กันทุกราย และตายไปแล้ว ก็ต้องทุกขทรมาณไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์

    ดังนั้นกรรมจะเริ่มให้ผล
    โดยแสดงอาการผิดปกติทางจิตใจหรือทางกายให้เริ่มปรากฏ
    คนที่หลงผิดต้องรีบทำความเข้าใจ ให้ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม
    จนถูกกรรมรุมเร้าดิ้นไม่ออก

    ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามสถาบันนี้ เกื้อกูลให้คนไทยได้รับความร่มเย็นเป็นสุข มากกว่าพันปี ต่างจากประเทศต่างๆ ที่มีแต่ภัยธรรมชาติ และการรบราฆ่าฟันกัน

    คำถามใครจะเป็นรายต่อไป?? คำตอบ...ก็คนที่ร่วมในขบวนการ และไปในงานนั่นแหละ เสนียดกรรมแผ่นดินนี้มันแรง และอาถรรพ์นัก ไม่ต้องแย่งกัน ยมทูตบริการโรคร้ายตามกรรมทั่วถึงทุกคน

    เสธ แดง หมักปากมอม และอีกหลายต่อหลายคนพรรณาไม่หมดสามารถให้คำอธิบายประสบการณ์ตรงนี้ได้ดี

    ให้พึงสังวรณ์ ดูตัวอย่างรองโรมานอฟ ที่กระทำกรรมใหญ่ไว้ แม้แผ่นดินไทยก็ไม่ได้เหยียบ รอแต่น้ำรดร่าง ไฟเผาผลาญ และลมกระโชกโหมเนื้อและกระดูกจากไป

    นี่คือกรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคล ตามที่พระพุทธองค์สั่งสอนไว้ ใครที่ทำแบบนี้ ญาติก็เตรียมใจรอหายนะได้เลย


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน3
    http://www.facebook.com/topsecretthai
     
  15. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 16 ต.ค. 57 ไขปริศนา..เด้งทูตพริตตี้มะกัน เหตุไทย จีน สัมพันธ์สอง ประเทศไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้สถานการณ์เปลี่ยนไป

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. พร้อมคณะ เดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 (ASEM 10) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 57 ที่นครมิลาน ประเทศอิตาลี

    ความเป็นมาของ ASEM คือ การประชุมเอเชีย-ยุโรป (Asia Europe Meeting) เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ระหว่างกลุ่มประเทศเอเชียและกลุ่มประเทศยุโรป ประกอบด้วยสมาชิก 25 ประเทศ คือกลุ่มประเทศเอเชีย 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    ฝ่ายกลุ่มประเทศยุโรป ได้แค่ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฟินแลน์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบอร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน และสหราชอาณาจักร การประชุม ASEM แบ่งการประชุมที่สำคัญเป็น 5 ระดับดังนี้

    - ระดับ Leading Meeting เป็นการประชุมระดับผู้นำของประเทศ ประชุมทุก 2 ปี

    - ระดับ Ministerial Meeting เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ เศรษฐกิจ การเงิน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประชุมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

    - ระดับ Senior Officials Meeting : SOM เป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ประชุ่มอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

    - ระดับ Workin Level เป็นการประชุมระดับคณะทำงาน ประชุมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

    - ระดับ Asia Europe Business Forum : AEBF เป็นการประชุมสภาธุรกิจเอเชีย-ยุโรป ภาคเอกชนของประเทศสมาชิกประจำทุกปี เพื่อหารือถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชียและยุโรป

    การประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ระดับ Leading Meeting จัดขั้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1-2 มีนาคม 2539 ที่ประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ที่ประมุขและหัวหน้ารัฐบาลจากกลุ่มประเทศเอเชีย และกลุ่มประเทศยุโรป 25 ประเทศ มาประชุมกัน

    โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างประเทศ มีการหารืออย่างกว้างๆ ในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน รวมทั้งได้ร่วมกันวางแนวทางความร่วมมือในด้านการมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและยุโรป หลักการของ ASEM ความร่วมมือภายใต้กรอบ ASEM มีสาระสำคัญดังนี้

    1. จะดำเนินไปบนหลักการของความสมัครใจของประเทศสมาชิก

    2. มีลักษณะที่ไม่เป็นทางการเกินไป

    3. ไม่มีการจัดตั้งองค์กรถาวรใดๆ มารองรับการดำเนินการตามความตกลงของ ASEM

    การดำเนินการภายใต้ ASEM ก่อให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เพื่อส่งเสริมและเกื้อกูลต่อระบบการค้าพหุภาคี และระดับภูมิภาพแบบเปิด และส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนของภูมิภาคเอเชียและยุโรป โดยเฉพาะทางด้านอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม SEMs โดยมีแผนปฏิบัติการดังนี้

    - แผนปฏิบัติการอำนวยความสะดวกด้านการค้า(Trade Facilitation Action Plan : TFAP) เป็นกรอบความร่วมมือเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ส่งเสริมโอกาสทางการคา และสนับสนุนการดำเนการในเวทีการเจรจาสองฝ่ายและหลายฝ่าย

    - แผนปฏิบัติการส่งเสริมการลงทุน(Investment Promotion Action Plan :IPAP) มี 2 เรื่องได้แก่ การส่งเสริมการลงทุน และนโยบายและกฎระเบียบด้านการลงทุน

    ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ สิ่งแวดล้อม การเงิน การคลัง และสังคมที่เอื้อประโยชน์ต่อความเจริญทางเศรษฐกิจ เช่น การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมเอเชียยุโรป (AEETE) การจัดตั้งกองทุน ASEM Trust Fund ขึ้นภายใต้ธนาคารโลก การจัดตั้งกลุ่มวิสัยทัศน์เอเชีย-ยุโรป การจัดตั้งมูลนิธิเอเชีย-ยุโรป

    โดยขณะที่บิ๊กตู่ และคณะ เดินทางไปยังโรงแรมที่พัก มีคนไทยจำนวนมากนำรูปภาพ และ ธงชาติไทย และป้ายข้อความสนับสนุนมารอต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวขอบคุณ นอกจากนี้ ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เอกอัคราชทูต ณ กรุงโรม เป็นเจ้าภาพ นายกฯ ยังเปิดเผยว่า รู้สึกชื่นใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว

    ส่วนที่สื่อแดงออกข่าวครึกโครม ว่ามีม็อบต้านบิ๊กตู่ที่อิตาลีนั้น เป็นการแหกตาทั้งเพ เพราะมีเพียงนางจรรยา ขบวนการล้มเจ้า กลุ่มเสรีเทยมาตรา 112 กับเพื่อนเพียง 2 คนเท่านั้น แต่แจมไปกับขบวนนักศึกษาอิตาลี ที่เขากำลังเดินขบวนเรื่องการเหยียดผิวในประเทศของเขา

    แล้วขบวนการล้มเจ้า 2 คนนี้ ก็เอาป้ายไปแจกนักศึกษาอิตาลี และแปะสติกเกอร์ตามเสาไฟ เอาป้ายไปขอเนียนติดรถขบวนเขา นักศึกษาเขาก็ไม่เข้าใจ ใครยื่นป้ายมาแจก เขาก็ดูแล้วงงๆ ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเหยียดผิวตรงไหน? แล้วเขาก็ทิ้งป้ายของขบวนการล้มเจ้าเผาไทยไป

    แดงขบวนการล้มเจ้านี่ ฉลาดติดลบจริงๆ ขนาดไปปล่อยไก่ถึงอิตาลี แล้วยังถูกจับได้อีกว่าโชว์ทุย ทีหลังลงทุนหน่อย จ้างม็อบมาเอง อย่าไปตีเนียนเอาม็อบนักศึกษาเรื่องเหยียดผิวเขา กินแต่เงินหัวคิวอย่างเดียวเลยไม่ยอมจ่ายต่อ แค่จะเอาภาพไปขายยังไม่ยอมจ่ายค่าจ้างที่รับมา นายใหญ่รู้ คงอายแทบแทรกแผ่นดิน

    วันที่ 15 ต.ค. บิ๊กตู่ ได้พบปะกับทีมนักธุรกิจประเทศไทย ในสาธารณรัฐอิตาลีและนักธุรกิจไทย ที่มาร่วมการประชุมสภาธุรกิจเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Business Forum – AEBF) ณ โรงแรมที่พัก

    บิ๊กตู่ ได้หารือทวิภาคีกับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ได้แสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่ง และพร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศไทยในทุกระดับ

    ทั้งการบริหารจัดการน้ำ ที่ทราบว่าไทยให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมการลงทุน และหวังว่าจะมีโอกาสให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีไทย หากเดินทางเยือนญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังกล่าวยกย่องความพยายามในการปฏิรูปของไทย และยกย่องความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีไทย

    เนื่องจากเห็นว่าการปฏิรูป เป็นเรื่องท้าทาย และขอให้ปฏิรูปและสร้างความปรองดองให้สำเร็จ ทั้งนี้ญี่ปุ่นมีความเข้าใจ และไม่มีเจตนากดดันประเทศไทย เรื่องการเมือง และยกย่องความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีไทย ที่พยายามแก้ปัญาของประเทศได้อย่างรวดเร็ว

    พร้อมระบุว่า จะส่งผู้เชี่ยวชาญวิจัยและพัฒนา ผ่านช่องทางการทูต และขอให้ไทยใช้เทคโนโลยีเรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่มีความปลอดภัยสูงของญี่ปุ่น พร้อมหวังว่าจะได้รับความร่วมมือด้านความมั่นคง

    ขณะที่บิ๊กตู่ ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้เข้าหารือ และแสดงความยินดี โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมา ไทย-ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ยาวนานทุกระดับ เป็นเวลา 127 ปีแล้ว และมีความร่วมมือที่ดีเสมอมา

    ขณะนี้ไทยกำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศ และหวังให้ทัดเทียมญี่ปุ่น พร้อมขอเป็นส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นที่จะเดินหน้าลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ไทยจะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ เร่งการค้าการลงทุน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค

    และที่สำคัญจะเร่งเดินหน้าเรื่องการลงทุนกับญี่ปุ่น ทั้งเรื่องของระบบราง ดาวเทียม การบริหารจัดการน้ำ พร้อมชื่นชมนักลงทุนญี่ปุ่นที่ไม่ทอดทิ้งไทยในช่วงที่ลำบาก

    บิ๊กตู่ กล่าวว่า จะพิจารณากรณีเดินทางเยือนญี่ปุ่นในเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้รัฐบาลไทยพร้อมรับคำแนะนำจากญี่ปุ่นและเวทีนานาชาติ พร้อมขอให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนด้านเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาแปรรูป สินค้าให้มีนวัตกรรม

    โดยไทยจะรีบตั้งคณะกรรมการพิจารณาโดยเร็ว ทั้งเรื่องความร่วมมือด้านพลังงาน จะปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจ แบบวันสต็อบเซอร์วิส เพื่อลดขั้นตอน และกำลังปรับบีโอไอให้เหมาะสมเข้ากับแต่ละประเทศ

    บิ๊กตู่ ระบุว่า ได้ไปหารือกับเมียนมาร์ เรื่องโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และ ยินดีมากที่ญี่ปุ่นพร้อมลงทุนกับไทย และต้องการให้ญี่ปุ่น มามีบทบาทในโครงการนี้ เพราะมีความสำคัญกับอาเซียน และระบุว่ายังพร้อมให้ร่วมมือด้านความมั่นคง และจะเร่งรัดผ่อนปรนเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นด้วย

    จากนั้น บิ๊กตู่ ได้หารือทวิภาคีกับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ย้ำว่า " มิตรภาพความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไป"

    สองประเทศ ถือเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่ดีต่อกันและพร้อมจะร่วมพัฒนาความร่วมมือต่างๆ ต่อไป และขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีในการทำงาน พร้อมยืนยันว่าจีนยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทย หากเดินทางเยือน และพร้อมให้การสนับสนุนสินค้าทางการเกษตร ทั้งข้าวและยางพาราขณะเดียวกัน จีนสนใจเข้ามาดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง

    บิ๊กตู่ ขอบคุณจีน ที่เข้าใจไทยว่าต้องการความเข้มแข็ง และเท่าเทียม และเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย-จีน ถือเป็นมิตรประเทศที่ดีเสมอมาจึงต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้ดีขึ้น เน้นพัฒนาความสัมพันธ์ทุกด้าน และขอให้จีนสนับสนุนเรื่องข้าว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ จะได้นำเงินไปลงทุนด้านอื่นๆ

    บิ๊กตู่ ระบุว่ารัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ และรถไฟความเร็วสูง พร้อมขอให้จีนอย่ากังวลว่าจะยกเลิกโครงการต่างๆ เพราะเพียงแค่ทบทวนบางโครงการ

    และขอบคุณที่จะช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย นอกจากนี้ บิ๊กตู่ ยังได้หารือกับนายกรัฐมนตรีจีนว่า จะทำอย่างไรให้อาเซียนเป็นแหล่งอาหารโลกอีกด้วย

    นายกรัฐมนตรีจีน ย้ำจะให้ความร่วมมือในการนำเข้าผลิตภัณฑ์เกษตรของไทย อาทิ ข้าวและยางพารา และสนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาเส้นทางคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค ที่สอดคล้องกับแนวคิดเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล

    โดยจะมีการหารือรายละเอียดประเด็นต่างๆ ในเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย–จีน ครั้งที่ 3 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ในเดือน พฤศจิกายน 57 นี้

    ถ้าเปรียบเทียบทั้งญี่ปุ่น และจีน ที่เป็นประเทศที่มีกำลังเงินสูงลำดับต้นๆ ที่สุดของโลก เพราะ 2 ประเทศนี้ เป็นเจ้าหนี้ของอเมริกา และบรรดาประเทศในยุโรปทั้งหลาย

    ญี่ปุ่น ค่อนข้างจะมุ่งเรื่องการค้าและผลประโยชน์ลูกเดียว แสดงท่าทีอยากมาลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงในไทย และโครงการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งไทยก็ไม่ตอบรับตรงๆ แต่ตอบไปว่าอยากให้ญี่ปุ่นลงทุน ระบบราง ดาวเทียม การบริหารจัดการน้ำ และเขตเศรษฐกิจทวาย ที่จะมาต่อเชื่อมกับชายแดนไทย

    ส่วนจีน ผิดกันสุดขั้ว ย้ำว่า " มิตรภาพความสัมพันธ์ของสอง ประเทศไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไป" และพร้อมให้การสนับสนุนสินค้าทางการเกษตร ทั้งข้าวและยางพารา

    การพัฒนาเส้นทางคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค ที่สอดคล้องกับแนวคิดเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล จีนสนใจเข้ามาดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง

    ไทยบอกไปว่า กำลังเร่งโครงการบริหารจัดการน้ำ และรถไฟความเร็วสูง พร้อมขอให้จีนอย่ากังวลว่าจะยกเลิกโครงการต่างๆ ก้าวไปอีกขั้น ในคำมั่นสัญญา ของบ้านพี่ เมืองน้อง จีน-ไทย บางอย่างค่อยๆ ขยับก้าว แต่เดินอย่างมั่นคง มองตาก็รู้ใจ ตามแนวคิดอนุรักษ์นิยมของสองประเทศ

    ส่วนอเมริกา พลาดเสียแล้ว การที่ทูตพริตตี้ ได้รับคำสั่งเรียกตัวกลับประเทศไปครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นวาระปกติ ตามที่ให้ข่าว แต่คือการ "เด้ง" เพราะทาง CIA และ เพนตากอน ได้ประเมินการทำงานของทูตพริตตี้แล้ว มีการทำงานเกินหน้าที่ (ภาษาไทยเรียกเสือก)

    ทูตพริตตี้ยังพลาด มีการแอบนัดกินข้าวกับปูข้าวเน่า มีการแสดงออกเลือกข้างกลุ่มเผาไทย ขบวนการล้มเจ้า และกลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ที่แก็งค์พวกนี้มีเป้าหมายมักใหญ่ไฝ่สูงเกินตัว คิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

    CIA และ เพนตากอน ประเมินแล้วว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย จะมั่นคงมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว และ รัฐบาลอนุรักษ์นิยมของไทยชุดนี้ จะได้รับความนิยมจากประชาชน และจะอยู่ต่อไปอีกนานมาก

    ยิ่งบิ๊กตู่ ยอมให้ทูตชาติอื่นๆ เข้าคาราวะทุกชาติ ไม่เว้นแม้แต่ทางยุโรป แต่ทูตพริตตี้ บิ๊กตู่ไม่ยอมให้เข้าพบ ไม่ให้เฉียดใกล้ แม้ว่าจะพยายามแล้ว พยายามเล่า แต่ก็ไร้วี่แวว นั่นแสดงถึงท่าทีว่า "รัฐบาลไทยยุคนี้ไม่เอาพวกล้มเจ้า"

    ให้สังเกตุดูว่าข้อมือขวาบิ๊กตู่ ใส่อะไร ?? ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานเท่าใด สถานะจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สถานที่จะใกล้หรือไกล ไทยหรือเทศ ชายคนนี้ยังสามใส่ริชแรนด์ สีเหลือง "รักในหลวง" คู่กายสม่ำเสมอ ที่ไม่เคยเห็นมีนายกฯ คนใดทำแบบนี้มาก่อนเลย

    หากขืนปล่อยให้ทูตพริตตี้ อยู่ไทยต่อไป รังแต่จะทำให้คนไทย ชิงชังต่อต้านรัฐบาลอเมริกามากขึ้น ซึ่ง CIA และ เพนตากอน ประเมินว่า " ไม่เคยมียุคใด ที่คนไทยชิงชังรัฐบาลอเมริกาเท่ายุคนี้มาก่อน"

    ผลการเสือกไม่เข้าเรื่อง ของทูตพริตตี้ และเลือกข้างพลาด ยังทำให้รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลอเมริกา นานวันจะยิ่งจะบาดหมาง และหมางเมินกันยิ่งขึ้น และจีน เข้ามาแทรกกลาง แนบแน่นมากขึ้นตลอดเวลา เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน และเดือน จึงมีความหมายอย่างยิ่ง

    รัฐบาลอเมริกา จึงตัดสินใจตัดไฟเสียแต่ต้นลม เรียกทูตพริตตี้กลับประเทศไปก่อน เพื่อไม่ให้อเมริกาสูญเสียแนวร่วมยุทธศาสตร์ ความมั่นคงย่านเอเซียไป เพราะ CIA และ เพนตากอน มองไม่เห็นความพร้อมชาติอื่น ที่เหมาะสมเท่าไทย ในการวางจุดยุทธศาสตร์ในการถ่วงดุลกับ จีน รัสเซีย และอินเดีย

    เกมส์การเมืองระหว่างประเทศนั้น ต้องแหลมคม และดุลอำนาจของชาติมหาอำนาจใหญ่ให้ได้ ให้แต่ละชาติค้ำกัน กินกันไม่ลง อเมริกา จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย คือ ขาใหญ่ของโลก

    ใครอยากมากุมยุทธศาตร์เอเซียตรงนี้ ก็มาซื้อสินค้าไทยไปมากๆ แล้วเอาทรัพย์สินเงินทอง มาประเคนบรรณาการให้คนไทย ใครให้ไทยมากกว่า ดีกว่า ก็ได้มีส่วนร่วมพัฒนากับประเทศไทยมากไปด้วย

    ใครจ่ายน้อย ชอบเอารัดเอาเปรียบ ก็นั่งรอไปก่อน ต่อคิวท้ายๆ เอาเศษกระดูกไปแทะรอพลางๆ แก้หิว !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    @ เสธ น้ำเงิน2
    http://www.facebook.com/topsecretthai
     
  16. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    คิดถึงน้องมินต์ หลังคาไม่มาแอบดูหรอก ปีนเข้ามานั่งเล่นในบ้านเลย เปิดตู้เย็นเอาน้ำเอาขนมมากินแก้หิวอีกตั้งหาก
     
  17. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    ห้องนี้เปิดประตูต้อนรับคุณน้องใหม่และทุกท่านตลอด 24 ชม.ค่ะ ไม่ต้องปีนเข้ามานะคะ อิอิ:boo:(f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 ตุลาคม 2014
  18. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 19 ต.ค. 57 เพนตากอน มะกันขี้ขึ้นหัว กลัวอีโบลาลนลาน

    การระบาดของไวรัสอีโบลา กลายเป็นกระแสที่สร้างความตื่นตระหนกในสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้โอบาม่า แทบไม่เป็นอันทำงาน ละทิ้งงานประชุมวางแผนก่อการร้ายในต่างประเทศ เช่น ยูเครน ตะวันออกกลาง ฯลฯ มาจับงานเรื่องโรคอีโบลาเป็นส่วนใหญ่

    ล่าสุดเกิดการตื่นกลัวไวรัสอีโบลา ที่อาคารเพนทากอน ซึ่งเป็นที่ทำการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อสตรีคนหนึ่งอาเจียนในลานจอดรถของกระทรวง และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเพิ่งเดินทางไปแอฟริกาตะวันตกเมื่อเร็วๆนี้

    ทำให้หน่วยป้องกันวัตถุมีพิษ ต้องเข้าควบคุมพื้นที่ และนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที ที่โรงพยาบาลอินโนวา แฟร์แฟกซ์ ทางตอนเหนือของรัฐเวอร์จีเนียอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง โดยบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล มีการตั้งเต็นท์กักโรค ท่ามกลางรถฉุกเฉินที่จอดอยู่โดยรอบ

    สตรีรายนี้โดยสารมากับรถชัตเติ้ลบัส ที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปสถานที่จัดงานของหน่วยนาวิกโยธิน ซึ่งมีนายทหารระดับสูงและนายชัค เฮเกลรัฐมนตรีกลาโหมร่วมงาน ส่วนผู้โดยสารบนรถถูก นำตัวไปแยกสังเกตอาการเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ

    ศูนย์โรคติดต่ออเมริกา (CDC) ออกคู่มือป้องกันซอมบี้ และองค์การอนามัยโลก ( WHO) คาดการณ์ว่าในต้นปี 2558 จะมีการระบาดของโรคนี้มีผู้ป่วยราว 1.4 ล้านคน !! องค์กรระดับโลกแบบนี้ จะมาพูดกันเล่นๆ ขำๆ ไม่ได้

    เมื่อ 800 ปีก่อน เมืองยังไม่มีประชากรหนาแน่นเช่นปัจจุบัน กาฬโรค ได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปกว่า 100 ล้านคน , และเมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว อเมริกาเคยใช้เชื้อฝีดาษ ฆ่าคนพื้นเมืองไปกว่า 1 ล้านคน เพื่อยึดแผ่นดิน !!

    ปี 2558 อะไรก็เกิดขึ้นได้กับโลกใบนี้ที่มีประชากร 7 พันล้านคน ???


    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน4
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  19. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,518
    ค่าพลัง:
    +18,696
    วันที่ 19 ต.ค. 57 ยุโรป ปั่นป่วนจากอีโบลา แต่ไนจีเรียต้องการถุงห่อศพเพิ่มเกือบ 1 แสนใบ

    ท่าอากาศยานในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินจากประเทศแอฟริกา ได้ว่าจ้างบริษัทที่มีความชำนาญพิเศษตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ เซียร์ร่าลีโอน กินี และไลบีเรีย โดยบริษัทดังกล่าวจะทำลายสัมภาระที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อ

    แต่ รมว.สาธารณสุขของเบลเยียม แถลงว่า ไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนกในประเทศ เพียงแต่ห่วงกังวลว่า ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาการติดเชื้อได้ง่าย

    ธนาคารโลก ระบุว่า โลกกำลังพ่ายแพ้ต่อโรคอีโบลา สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวน่าห่วงกังวลมาก เพราะประเทศต่างๆ ขาดความเป็นหนึ่งเดียว
    โดยบางประเทศห่วงกังวลแต่เฉพาะสถานการณ์ในประเทศตัวเอง

    ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้แบ่ง 7 ประเทศ ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวออกเป็น 2 กลุ่ม

    - กลุ่มแรก ได้รับผลกระทบมากที่สุด ประกอบด้วย กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน

    - กลุ่มที่สอง ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนเล็กน้อย ได้แก่ เซเนกัล ไนจีเรีย สเป และสหรัฐฯ

    ธนาคารโลกระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคอีโบลาอาจสร้างความเสียหายเศรษฐกิจให้แก่กลุ่มประเทศในแอฟริกาตะวันตกอย่างน้อย 1 ล้านๆ บาท (อุ๊แม่เจ้า) หากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนธันวาคม 57 นี้

    โดยไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี เผชิญความเสี่ยงภัยคุกคามทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ขณะที่สหประชาชาติระบุว่า ได้บริจาคเข้ากองทุนเพียงร้อยละ 38 ของเป้าหมาย ทั้งๆ ที่มีหลายประเทศรับปากจะบริจาคไว้ถึง 640 ล้านบาท แต่มีเพียงโคลอมเบียชาติเดียวที่ให้เงินมาแล้ว 3.2 ล้านบาท ที่เหลือเบี้ยว

    กระทรวงสาธารณสุขของไลบีเรีย ระบุว่าขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนถุงบรรจุศพ อุปกรณ์สำคัญสำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา โดยขณะนี้มีถุงบรรจุศพเหลืออยู่เพียง 4,900 ถุงทั่วประเทศ ในขณะที่ความต้องการในอีก 6 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะสูงถึง 85,000 ใบ ทั้งนี้พบประชาชนไลบีเรียเสียชีวิตจากไวรัสอีโบลาทั่วประเทศแล้ว 2,458 คน

    ล่าสุดองค์การอนามัยโลก ระบุยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากโรคอีโบลา เพิ่มเป็น 4,555 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 9,216 คนใน 7 ประเทศ ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

    เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว เชื้อเอชไอวีคาดว่ามาจากลิงในแอฟฟริกา และพบโรคเอดส์เป็นครั้งแรกในอเมริกา จากนั้นปี พ.ศ. 2527 ไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 1 คน เวลาผ่านไปเร็วดั่งพริบตา 30 ปีถึงปัจจุบันนี้ คนไทยตายจากไวรัสเอชไอวีไปแล้ว 6.6 แสนคน...ทั่วโลก "นับไม่ถ้วน"

    โรคอีโบลา เริ่มจากแอฟริกา ระบาดไปอเมริกา...อะไรจะบังเอิญคล้ายกันขนาดนั้น !!


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    @ เสธ น้ำเงิน4
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  20. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=-u-YZ4Bos_M]ตอบโจทย์ มาโนช พุฒตาล - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...