แตกกรุเสน่ห์!! (เมตตามหาเสน่ห์เชิญด้านในครับ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kwang0197, 17 พฤศจิกายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดครับ

    ขุนแผนสะกดทัพ ยอดขุนพลพนมรุ้ง​


    ปีที่สร้าง : สร้างประมาณปี พ.ศ.2543

    ลักษณะ : เป็นรูปทรงกษัตริย์นั่งขัดสมาธิ ศิลปะของขอม ด้านหลังลงยันต์ “อาถรรพณ์แผ่นดิน”

    มวลสาร : ชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เช่นหินปราสาทเขมรโบราณนำมาบดละเอียดเป็นมวลสาร ผงอิธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงพุทธคุณต่าง ๆ ที่หลวงปู่ได้ลบไว้ ว่าน ดอกทองตัวผู้ตัวเมีย 12 ชนิด ผงว่านสำคัญอีกหลายชนิด

    ขุนแผนสะกดทัพ รุ่นนี้หลวงตาชื่นได้บรรจงสร้างเป็นพิเศษท่านจึงได้ใช้ผงวิเศษของท่านใส่ลง ไปในพระผงชุดนี้มากเป็นพิเศษ รวมทั้งว่านยาต่างๆ ที่มีคุณวิเศษในตัว อาทิเช่น ว่านเสน่ห์จันทร์, ว่านนกคุ้ม, ว่านสาวหลง, ว่านจันทร์ขาว และว่านอื่นๆ อีกหลายชนิด บางชนิดในเมืองไทยไม่มี ต้องเข้าไปที่ประเทศเขมร จึงจะได้มา

    พระชุดนี้ท่านกำกับเอง นำเอาผงวิเศษต่างๆ ขึ้นไปปลุกเสกบนเขาพนมรุ้งเป็นเวลาหลายคืน หลังจากนั้นหลวงตาได้นำผงต่างๆ มาคลุกเคล้ากับน้ำมนต์เดือด แล้วก็นำมาปั้นเป็นก้อนๆรอจนแห้ง ท่านก็เก็บก้อนๆเหล่านี้ไว้ ไม่ให้กระเด็นตกหล่นไปที่ใดเลย เมื่อได้ฤกษ์ยามดี หลวงตาจะเอาผงเหล่านั้นมาทำการบดให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งร่ายเวทย์มนต์คาถาตามที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านทำเช่นนั้นหลายครั้งหลายหน กว่าผงวิเศษเหล่านั้นจะเกิดปฏิกิริยาแสดงฤทธิ์ให้ท่านเห็นด้วยตาใน ท่านจึงนำผงวิเศษทั้งหมดนี้ นำมาใส่ขวดไว้และปิดฝาขวดอย่างมิดชิด เวลาที่จะสร้างวัตถุมงคลก็จะเห็นหลวงตานำผงวิเศษนี้มาผสมลงไปทุกครั้ง

    พุทธคุณ : เป็นสุดยอดเครื่องรางทางด้านความมีชัยชนะเหนือศัตรูทั้งปวง เป็นตบะเดชะมหาอำนาจ จังงัง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดป้องกันภัย สะกดเหตุเภทภัยอันตรายทั้งปวง ทั้งยังเป็นสุดยอดแห่งมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม เป็นยอดวัตถุมงคลที่ควรมีไว้บูชา ใครที่ดำเนินชีวิตมีอุปสรรคขัดขวาง ต้องกระทบกระทั่งกับผู้คนหรือเจ้านายเพื่อนร่วมงาน หรือต้องทำงานที่ต้องต่อสู้แข่งขันกับผู้คน ทหารตำรวจต้องเสี่ยงภัยอันตราย หรือทุกท่านที่ต้องการวัตถุมงคลที่ดีครอบจักรวาล

    *พุทธคุณเด่นทางไหน* พุทธคุณก็ครบเครื่องน่ะครับ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน เสริมบารมี และมหาอำนาจ

    คาถา บูชา : ตั้งนะโม 3 จบ อาถันโท โมสิตัง วะกะริงคะรัง อิสวาสุ อาถันโท โมสิตัง วะกะริงคะรัง สุสวาอิ (9 จบ)

    ขอขอบคุณเวปจอมพระ ขุนแผนสะกดทัพ ยอดขุนพลพนมรุ้ง - ประวัติหลวงปู่ชื่นและวัตถุมงคลต่างๆ - Jompra Amulets - Powered by Discuz!


    ปิดรายการนี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  2. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    ขุนแผนนาคเกี้ยว ฝังตะกรุดอ่อนใจรัก // ขุนแผนนาคเกี้ยว ลป.ชื่น วัดตาอี


    การสร้างขุนแผนนาคเกี้ยวในครั้งนั้น นอกจากหลวงปู่ชื่น วัดตาอี ได้นำมวลสารรุ่นแรก ๆ เช่น ขุนแผนมะรุมมะตุ้ม และผงอาถรรพ์ของท่านแล้ว หลวงปู่ท่านได้เดินทางไปประเทศกำพูชาเพื่อรวบรวมมวลสารนำมาจัดสร้างขุนแผนนาคเกี้ยวรุ่นนี้ เพื่อให้เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อไปในอนาคต นอกจากวัตถุอาถรรพ์ต่างๆมากมายแล้ว หลวงปู่ชื่น ยังเมตตาลบผงอ่อนใจรัก ผงวิเศษ 5 ประการ คือ ผงสามหมู่บ้านกินน้ำบ่อเดียวกัน ผงสาลิกาป้อนเหยื่อ ผงเสน่ห์แม่พระธรณี ผงนะวนนะเวียน ผงอยู่มิได้ ฯลฯ

    มาพูดถึงตำนาน “ผงอ่อนใจรัก” ซึ่งเป็นมวลสารหลักในสารสร้างขุนแผนนาคเกี้ยวรุ่นนี้ หลวงปู่ชื่น กล่าวไว้ว่า เป็นผงวิเศษที่ให้ผลทางเมตตามหานิยมสูงที่ข้าทาสบ่าวไพร่ ขุนนาง นางสนมในราชสำนักเขมรโบราณใช้พกติดตัวและผสมเป็นแป้งทาหน้า เพื่อเป็นที่รักแก่เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน ซึ่งวิชานี้ได้สาบสูญไปกว่าพันปี หลวงปู่ชื่น เป็นผู้รอบรู้เวทวิทยาคมสายเขมรโบราณอย่างถ่องแท้ จึงได้ทำการสร้างผงอ่อนใจรักขึ้นในวันจันทร์สามค่ำ จันทร์ตรี ฤกษ์พระรามแต่งงานกับนางสีดาเพื่อให้ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่ครบถ้วนตามแบบแผนตำราของบรรพบุรุษชาวเขมร

    ด้านหลังประกอบไปด้วยยันต์สาวสามหมู่บ้านกินน้ำบ่อเดียวกัน ยันต์สาริกาตัวผู้ ตัวเมีย ยันตนะหน้าทอง และหากส่องกล้องจะเห็นแร่วิเศษระยิบ ระยับ อยู่ทั่วองค์ขุนแผนนาคเกี้ยวนี้

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  3. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ขุนแผนพรายกุมาร เนื้อไม้วัวลืมคอก​


    การสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังต่างๆ มีหลายคัมภีร์ หลายตำรามากแบบอย่าง การจัดสร้างก็มีจุดมุ่งหมายวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป แต่จุดหลักแล้วก็คือ สืบทอดพระศาสนา บูรณะปฏิสังขรณ์ อนุรักษ์วิชาการ สงเคราะห์ญาติโยม การสร้างพระเครื่องมีความแยบยลแตกแขนงในรูปแบบ พิธีกรรมในการปลุกเสก และการนำ “ของมวลสาร” ต่างๆนานาตามหลักวิชาการที่ร่ำเรียนมาเพื่อให้ “คุณ” กับผู้สักการะบูชา ตามกำลังและความสามารถที่พึงจะทำได้ มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับกำลังจิตของผู้เสก หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระอมตะเถระที่แท้จริง ท่านเคยพูดถึงวัตถุมงคลพระเครื่องว่า “ความศักดิ์สิทธิ์ใดๆไม่มี มีแต่ความสามารถของจิต” ซึ่งท่านคงหมายความว่าพระเครื่องของขลังต่างๆเป็นเรื่องของ ”พลังจิต” ที่จะกำหนดทิศทางให้เป็นไปตามจิตผู้เสกจะให้เป็น

    ขุนแผนพรายกุมาร อุบัติขึ้นภายใต้ชื่อ หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ จากคำร้องขอจากบรรดาลูกศิษย์ที่นำพรายขอดทรัพย์ไปบูชาเห็นว่าท่านสร้างกุมารเป็น ปลุกกุมารขึ้น จึงเกิดไอเดียขึ้นว่าถ้าท่านสร้างขุนแผนพรายกุมาร อิทธิคุณต้องโดดเด่นไม่เป็นรองใครแน่ เชื่อว่าท่านต้องทำได้ยอดเยี่ยมแน่นอน ปัจจุบันมีการสร้างขุนแผนพรายกุมารออกกันมาหลายวัด ล้วนแล้วต่างได้รับอิทธิพลมาจากขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิม อิสริโก โดยสิ้นไม่เว้นแม้กระทั่ง วัดตาอี บุรีรัมย์ ขุนแผนพรายกุมารใครก็สร้างได้ปลุกเสกได้ แต่ไม่ยักกะเห็นใครสร้าง ผงพรายกุมาร เป็นตามตำราระบุว่าช่วงที่ตำป่นผงพรายกุมาร “ครกต้องแตก” จึงจะสำเร็จ หลวงปู่ชื่นท่านเรียนวิชาสร้างผงพรายกุมารจากหลวงปู่ดี สุวรรณดี บนยอดเขาพนมกุเลน กัมพูชา ท่านทำไว้ตั้งแต่ยังเป็นภิกษุหนุ่ม ท่านบอกว่าเรียนแล้วก็อยากจะลองว่าเป็นจริงตามตำราไหม ก็ทำไว้ครั้งเดียวนานแล้ว ขุนแผนพรายกุมารตำหรับหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ จึงสำเร็จขึ้นจากผงพรายกุมารของท่านเอง และยังได้รับผงพรายกุมารหัวเชื้อ ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จากศิษย์เอกหลวงปู่ทิมทั้งสองท่าน หลวงปู่ชื่นท่านบอกว่า สิ่งเร้นลับเหล่านี้มีจริง ซึ่งการเรียนก็เหมือนกับหมอต้องศึกษาโรคก่อนจึงจะรู้ว่าแก้ไขอย่างไร ก็เหมือนกับคนที่โดนของหรืออำนาจของพราย เราก็ต้องไปศึกษาวัตถุอาถรรพณ์และอำนาจในการกระทำเป็นอย่างไร เราจะได้แก้ให้ถูกทาง ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านฉลาด ท่านจะสอนตั้งแต่ต่ำสุดไปสูงสุด เพราะของบางอย่างแก้ยาก คุณพระเอาไม่อยู่บางครั้งก็ต้องใช้เกลือจิ้มเกลือ ต่ำต้านต่ำกันบ้าง การที่ท่านอนุญาติให้นำวัตถุอาถรรพณ์บางอย่างหรือแม้นกระทั่ง ผงพรายกุมาร ผสมลงในเนื้อพระเหมือนประดุจว่าเรามีเซรุ่ม ป้องกันอำนาจมืดต่างๆ อีกทั้งยังเป็นเมตตามหานิยมอย่างสูง ถ้าบูชาดีๆบอกโชคเตือนภัยได้ ส่วนยันต์ประทับด้านหลังองค์ขุนแผนพรายกุมารเป็นยันต์ที่ตำราระบุไว้ว่าให้อยู่เป็นแนวตรงกับทางเดินหายใจ อำนาจของพระยันต์จะกระจายอิทธิคุณทางเสน่ห์เมตตามหานิยมออกตามปราณที่เราหายใจเข้าออก

    ขุนแผนพรายกุมาร แต่หลวงปู่ชื่นท่านจะเรียกว่าขุนแผนพรายกุมารทอง ใครมีไว้บูชาเหมือนได้ 2 สิ่งมาไว้ในหนึ่งเดียว เพราะการปลุกเสกท่านต้องตั้งธาตุขุนแผนตั้งธาตุกุมารทองในวาระเดียวกันจนสำเร็จทุกอย่าง ต่างก็มีอนุภาพเห็นเป็นเด็กเล็กๆ แฝงอยู่กับพระเครื่องเมื่อลูกศิษย์นำไปบูชาก็มีอิทธิปาฏิหาริย์ทันตาเห็น ไปไหนมาไหนเหมือนมีเจตภูตเป็นองครักษ์ เหมือนเงาตามตัวดั่งเช่น ศิษย์ทั้งหลายที่นำไปบูชาได้ประจักษ์แจ้งมาแล้วซ้ำยังดีเลิศในทางป้องกันคุณไสยทุกชนิดชะงัดแน่นอน เอาน้ำมันผีมาป้าย เป่ามนต์ให้งุนงงหลงใหลคะนึงหา หลวงปู่บอกว่า มีขุนแผนพรายกุมารไม่ต้องกลัว ถ้าใครได้ไปบูชานอกจากพกติดตัวแล้ว ให้นำพระขุนแผนพรายกุมารนำไปติดไว้เหนือประตูทางเข้าบ้าน ของไม่ดีอำนาจลึกลับในทางลบ จะไม่สามารถผ่านเข้ามาได้ มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาอะไรมันก็ดีขึ้น ชีวิตก็ดีขึ้น ความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น

    ขุนแผนพรายกุมาร กำเนิดเกิดจากผงเมตตา 108 ซึ่ง หลวงปู่ชื่นท่านได้ลงอักขระยันต์พระเวทย์ขอมโบราณ จบบนกระดานชนวนลบอักขระทับถม 108 พระยันต์ สำหรับวิชาลบผงหลวงปู่ชื่น ท่านได้เรียนมาจากหลวงปู่ดีปรมาจารย์แห่งเขากุเลน พระผู้อยู่เหนือกาลเวลา ผงพรายทองคำ, ไม้ตะเคียนตกน้ำมัน , สีผึ้ง เกสรดอกไม้ทอง, ว่าน108, น้ำมันมห าเสน่ห์ นอกจากนี้ยังได้ผงวิเศษต่างๆ ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เช่น ผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ผงมหาไว ผงมหาปราบ ผงจินดามณี แป้งเม็ดเสก สีผึ้ง ลูกอม และผงพรายกุมาร ผสมลงไปในพระขุนแผนรุ่นนี้ด้วย


    ขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ชื่น มีหลายเนื้อน่ะครับ มีทั้งแบบธรรมดาและแบบพิเศษ
    มีทั้งฝังตะกรุดเงินและฝังตะกรุดทอง น่ะครับ
    มีเนื้อที่พอจะทราบดังนี้ครับ -เนื้อผงพรายกุมาร
    -เนื้อผงว่านดอกทอง
    -เนื้อไม้วัวลืมคอก
    -เนื้อไม้งิ้วดำ
    -เนื้อไม้ตะเคียน
    -เนื้อชานหมาก
    -เนื้อผงอิทธิเจ
    -เนื้อผงพรายทองคำผสมว่านดอกทอง
    คาถาบูชา
    นะโม 3 จบ
    นะเมตตา ธะนาจิตตัง พุทธังเมตตา ธะนาจิตตัง ธัมมังเมตตา ธะนาจิตตัง
    สังฆังเมตตา ธะนาจิตต้ง เอหิจิตตัง ปิยังมามา มนุสโสมามา ปุริสโสมามา
    กุมารีมามา กุมาโรมามา อาคัจฉัยหิ มามา อะอา แอะแอ ออแอ ออแอ

    อธิษฐานตามใจปรารถนา น่ะครับ

    สอบถามเพิ่มเติมทาง 18,000 ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0626.jpg
      IMG_0626.jpg
      ขนาดไฟล์:
      454.8 KB
      เปิดดู:
      352
    • IMG_0627.jpg
      IMG_0627.jpg
      ขนาดไฟล์:
      466.3 KB
      เปิดดู:
      125
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  4. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดแล้วครับ

    เหรียญเศรษฐีเงินล้าน หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เนื้อนวะแก่เงิน


    เหรียญเงินล้าน หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เนื้อทองแดง รุ่นเศรษฐีเงินล้าน

    เป็นการจัดสร้างย้อนยุควัตถุมงคล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ โดยมีพิธีพุทธาภิเษก 2 ครั้ง
    โดย
    วาระที่ 1 ภาคเหนือ ที่วัดสันดอนแก้ว จ.พะเยา โดยพระราชวิริยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา เป็นประธานในพิธี

    วาระที่ 2 ภาคอิสาน ที่วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ โดยหลวงปู่ภา วัดบ้านบังระรมณ์ จ.ศรีษะเกษ เป็นประธานในพิธี

    1 ใน 223 เหรียญ เนื้อนวะแก่เงิน กำลังนิยมเลยครับ รุ่นเศรษฐีเงินล้าน หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มีโค๊ดและหมายเลขกำกับทุกเหรียญ ออกวัดบ้านจาน จ. ศรีสะเกษ

    รีบเก็บก่อนจะราคาแพงนะครับ แล้วจะเสียดายว่าทำไมไม่เก็บเสียก่อน รู้งี้เก็บไว้นานแล้ว

    ปิดแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2015
  5. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการครับ

    ขุนแผน (กุมารแก้ว-กุมารเทพ) ผสมผงไม้ตะเคียนปัดทอง
    หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี ​


    ขุนแผนกุมารแก้ว กุมารเทพ เนื้อผงไม้ตะเคียนปัดทอง
    หลวงปู่ชื่น วัดตาอี ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพ พิธีปลุกเสกพร้อมอาถรรพ์ธม
    รุ่นมีประสบการณ์ และเป็นเนื้ออาถรรพ์ไม้ตะเคียน

    #มวลสารศักด์สิทธิ์ ที่นำมาจัดสร้าง ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพ

    - ผงมหาภูติพรายทองคำ ( ผง "พรายทอง" ผงคำสำคัญมีฤทธิ์มาก )
    *หลวงปู่ชื่น
    - ผงไม้ตะเคียนอาถรรพ์
    - ผงพระขุนแผน แขนอ่อน รุ่น 1
    - ผงพระขุนแผน มะรุมมะตุ้ม
    - ผงพระขุนแผนชมตลาด
    - ผงพระขุนแผนนาคเกี้ยว
    - ผงพระขุนแผนสะกดทัพ
    ( * ผงพระแตกหัก ของหลวงปู่ชื่น )
    - ผงว่านเสน่ห์ อาถรรพ์
    - พลอยเสก
    - น้ำมันอาถรรพ์

    ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพนี้จะมี ผงไม้ตะเคียนผสมบรรจุ อยู่ในองค์ ขุนแผน นึกถึงองค์หลวงปู่ชื่น แม่ตะเคียน แล้วอธิฐาน ขอกับองค์ขุนแผนได้เลยครับ

    ปิดรายการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1232.jpg
      IMG_1232.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.9 MB
      เปิดดู:
      109
    • IMG_1233.jpg
      IMG_1233.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      62
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2014
  6. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการครับ

    ขุนแผนมหาลำอ๊อฟ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ ด้านหลังฝังตะกรุดหิ่งห้อย ชมสวน


    หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี จ.บุรีรัมย์ ยอดพระเกจิอาจารย์สายเขมรที่เปี่ยมไปด้วยเมตตามหาบารมี หลวงปู่ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายวิปัสนากรรมฐาน ถือธุดงค์เป็นวัตร มีพลังจิตญานขั้นสูง เชี่ยวชาญในพระเวทย์วิทยาคมอาถรรพณ์เวทย์สายเขมรโบราณ ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์สายเขากุเลนซึ่งเป็นสถานที่ ในการเจริญวิปัสสนากรรรมฐานและพระเวทย์วิทยาคมขั้นสูงของเขมร วัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ทำการอธิฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่แรง เห็นผล และสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้บูชามากมาย โดยเฉพาะทางมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เสริมดวงชะตาราศี เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน วัตถุมงคลของท่านหลายรายการที่สร้างออกมาแล้วสร้างประสบการณ์ใช้กับผู้ใช้บูชามากที่สุด เป็นที่กล่าวขานมากถึงความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นที่ได้รับความนิยมสูง เช่นขุนแผน กุมารทอง ตุ๊กตามหาเสน่ห์ ดวงตราอาถรรพณ์ ..ฯลฯ ถึงแม้หลวงปู่ท่านจะมรณะภาพไปแล้ว(มรณะปี 2547)แต่ก็ยังมีผู้คนเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่านอยู่ไม่ขาด เพราะว่าใช้แล้วเห็นผลดีแรงเห็นผลทันตาอธิษฐานได้ดั่งใจปรารถนา หลวงปู่เป็นหนึ่งในพระสงฆ์ที่เป็นที่เคารพบูชาของศิษยานุศิษย์และผู้คนทั้งหลายที่ศรัทธาในบุญบารมีของท่าน วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นเป็นสุดยอดวัตถุมงคลแห่งยุคที่ต้องมีไว้บูชา

    ปฐมเหตุแห่งการสร้างขุนแผนมหาลำอ๊อฟ มีดังนี้เนื่องจากมีอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นลูกษ์ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมตำรับตำราคาถาเลขยันต์ สรรพวิทยาคมอาถรรพณ์เวทย์ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมาจากหลวงปู่ชื่น และเป็นลูกศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่สมัยที่หลวงปู่ดำรงธาตุขันธ์อยู่ ซึ่งหลังจากหลวงปู่มรณะภาพแล้วท่านอาจารย์ท่านนี้ก็ได้นำสรรพวิชาต่างๆของหลวงปู่ที่ได้รับถ่ายทอดมา มาศึกษาอย่างแตกฉานฝึกฝนจนชำนาญ และที่สำคัญท่านอาจารย์ท่านนี้ยังมีจิตฌานสามารถ ติดต่อสื่อสารทางจิตกับหลวงปู่ชื่นได้ (โปรดใช้วิจารณญานหากไม่เชื่อกรุณาปิดแล้วลืมไปเสียว่าเคยอ่าน)

    วันหนึ่งอาจารย์ท่านนี้ทรงสมาธิแล้วได้นิมิตไปว่า หลวงปู่ชื่นท่านได้มาหา ผิวพรรณของหลวงปู่ชื่นดูสุกประกาย สว่างสดใสดูเต็มบารมียิ่งนัก ท่านมาพร้อมกับเทพเทวีและเทพกุมาร ซึ่งเป็นบริวารของท่าน ท่านกล่าวบอกว่า " หลวงปู่นะเต็มแล้ว สององค์นี้เขาอยากสร้างบารมีให้เต็ม เองช่วงหน่อยสิ " หลังจากออกจากสมาธิแล้ว อาจารย์ได้จุดธูปบอกกล่าวหลวงปู่ชื่นและเทพทั้งสองว่า ถ้าเป็นนิมิตจริง ไม่ใช่อุปทาน ขอจงได้สื่อสาร ให้ข้าพเจ้าเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน เพราะสิ่งที่ท่านมาแสดงในนิมิต มันเป็นนามธรรม จับต้อง บอกใคร ให้รับรู้ด้วยไม่ได้ มนุษย์ทุกวันนี้เรื่องจิตวิญญาณเขายังเข้าไม่ถึง จะหาว่าข้าพเจ้า มุสา ถ้าเหล่าท่านอยากสร้างบารมีจริง ขอจงสำแดง เทอญ !

    หลังจากนั้นต่อมา ลูกสาวของอาจารย์ท่านนี้ซึ่งอยู่บ้านคนเดียวได้นำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพเล่น ปรากฏได้ถ่ายติดภาพหญิงสาวทรงชุดสีแดง ซึ่งเป็นภาพตรงกับ เทพเทวีที่ปรากฏให้เห็นในนิมิต จนเป็นเหตุให้ปักใจเชื่อ ว่านิมิตที่เห็นมิใช่อุปทาน ภาพนี้จึงเป็นต้นแบบแห่งการสถาปนาและการสร้าง " ขุนแผนมหาลำอ๊อฟ "

    เมื่อได้ปรากฏเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว อาจารย์ท่านนี้จึงได้ดำเนินการสร้างพระขุนแผนรุ่นนี้ขึ้นโดย นำมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบมาจากหลวงปู่ชื่นจัดสร้างขึ้น อาทิเช่น ผงจินดามณี,ผงอิธิเจ, ผงธาตุ 4, ผงอ่อนใจรัก (อิธิเจแฝด), ผงอาถรรพณ์ราชา, ผงอาถรรพณ์พระเจ้าแผ่นดิน, ผงสามสาวกินน้ำบ่อเดียวกัน, ผงเทพรัญจวน, ผงเมตตา, ผงเสน่หา, ผงตามปรารถนา, ผงคุ้มครอง, ผงสาริกา, ผงพญาการะเวก, ผงนางเหมา, ผงมหาลำอ๊อฟ, ผงช้างผสมโขลง, ผงวิสาเซ, ผงนางพันธุรัตเรียกเนื้อ, ผงวัวพันหลัก, ผงวัวลืมคอก, ผงนะเสน่ห์ช้าง, ผงขุนแผน, ผงราชวงศ์วรมันสรรพสิทธิ์, ผงนางพญาตานี, ผงพญาเงิน, ผงหิรัญญราช, ผงทองฟ้า, ผงทองน้ำ, ผงทองดิน, ผงมหาปราบ, ผงมหากำบัง, ผงพญามนต์, ผงแป้งเสก, ผงว่านดอกทองตัวผู้ตัวเมีย 12 ชนิด และผงพุทธคุณลบถมอื่นๆของหลวงปู่ชื่นทั้งหมดที่ท่านได้รวมเอาไว้ และที่สำคัญยังได้นำผงมหาวิเศษอย่างผงมหาภูติพรายทองคำอันโด่งดังของหลวงปู่มาใส่เป็นมวลสารในการจัดสร้างขุนแผนรุ่นนี้ด้วย โดยพิมพ์ทรงทั้งหมดออกแบบโดยการเห็นชอบและรับรู้ของหลวงปู่ทั้งหมด และได้จัดพิธีกรรมปลุกเสกขึ้นโดยเป็นการอันเชิญองค์ฌานบารมีของหลวงปู่ชื่นมาปลุกเสก มาทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังตามตำรับของวิชามหาลำอ๊อฟของเขมรโบราณ หลังจากนั้นได้นำพระขุนแผนมหาลำอ๊อฟนี้ไปให้พระเดชพระคุณหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บรรจุพลังเวทย์บารมีอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดความเป็นมงคลและเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง

    ขุนแผนมหาลำอ๊อฟ เป็นสุดยอดขุนแผนวิชามหาเสน่ห์เขมรโบราณ เต็มสูตรลักษณะพิมพ์ทรงเป็นทรงกลม มีองค์พ่อขุนแผนปางมหาเทพประทับพนมมือร่ายพระเวทย์อยู่ตรงกลาง มีแม่นางพรายเทวี และกุมารน้อยที่ต้องการสร้างบารมีช่วยเหลือคนอยู่ด้านข้าง อันมีความหมายเป็นในลักษณะ ของพ่อแม่ลูกเป็นครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์แบบมีแต่ความรักใคร่ปรองดองกัน ด้านหลังเป็นยันต์กะโหลกเพชรซึ่งเป็นยันต์ที่หลวงปู่ให้ใช้ประทับในพระขุนแผนรุ่นนี้ ยันต์กะโหลกเพชรนี้เป็นมหายันต์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และแรงมากบารมีอำนาจ คงกระพันชาตรี ป้องกันสรรพอันตรายต่างๆ หากลงต้องลงที่หน้าฝาก และต้องลงโดยพระเกจิอาจารย์ผู้ที่มีพระเวทย์อาคมแก่กล้ามีฌานสมาบัติสูงจึงจะประสิทธิ์ และหากผู้ใดลงยันต์นี้แล้ว หากตายไปกระดูกบริเวณที่ลงยันต์จะเผาไม่ไหม้ และจะปรากฏอักขระยันต์ชัดเจน

    ขุนแผนมหาลำอ๊อฟ พุทธคุณสูงส่งแรงด้วยพลังอำนาจของวิชามหาลำอ๊อฟของเขมรโบราณและวิชาอาถรรพณ์เวทย์ของหลวงปู่ชื่น ซึ่งให้ผลไปในลักษณะของ คนนิยมชมชอบ ดึงจิตดึงใจผู้คนให้เข้ามาหา เป็นเมตตามหาเสน่ห์ ใครที่เล่นสายพรายชอบเครื่องรางของขลังที่มีพรายต้องบูชาขุนแผนรุ่นนี้ สุดยอดของดีต้องมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

    ขุนแผนมหาลำอ๊อฟ

    (ความหมายคือ ความอบอุ่นร่มเย็นเป็นสุข เป็นมหานิยม เหมือนอยู่ในวิมาน)

    ปีที่สร้าง : สร้างปี พ.ศ.2552

    จุดมุ่งหมาย : สร้างฐานที่ตั้งและศาลาร่มเงาเพื่อประดิษฐ์สถานรูปหล่อหลวงปู่ชื่น

    ลักษณะ : ด้านหน้าเป็นรูปขุนแผนนั่งอยู่กลางวิมาน ด้านซ้ายเป็นกุมารน้อยพนมมือ ด้านขวาเป็นนางตะเคียน

    ด้านหลังลงยันต์ “ ยันต์กะโหลกเพชร ”

    มวลสาร : ผงพรายทองคำ มวลสารเก่าของหลวงปู่ชื่น รวมไปทั้งขุนแผนทุกรุ่นของหลวงปู่ชื่น

    พุทธคุณ : เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขาย ติดต่อการงาน คนรักคนชอบ

    (บางคนบอกว่าแรงกว่ามะรุมมะตุ้มซ่ะอีก ก็เล่นมีส่วนผสมไปซ่ะทุกรุ่นอย่างนี้ ไม่ใช้รุ่นนี้แล้วจะใช้รุ่นไหน อิอิ )

    คาถา บูชา : นะโม 3 จบ
    นะเมตตา ธะนาจิตตัง พุทธังเมตตา ธะนาจิตตัง
    ธัมมังเมตตา ธะนาจิตตัง สังฆังเมตตา ธะนาจิตตัง
    เอหิจิตตัง ปิยังมามา มนุสโสมามา ปุริสโสมามา
    กุมารีมามา กุมาโรมามา อาคัจฉัยหิ มามา
    อะอา แอะแอ ออแอ ออแอ

    เนื้อว่านผสมผงพรายทองคำ

    เนื้อไม้งิ้วดำผสมผงพรายทองคำ

    เนื้อตะเคียนผสมผงพรายทองคำ

    เนื้อตะเคียนผสมผงพรายทองคำ ตะกรุดหิ่งห้อยชมสวน 500 องค์

    เนื้อตะเคียนผสมผงพรายทองคำ ตะกรุดเงินปากผี 35 องค์

    ปิดรายการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1234.jpg
      IMG_1234.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      138
    • IMG_1235.jpg
      IMG_1235.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      227
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2014
  7. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการครับ

    ขุนแผน (กุมารแก้ว-กุมารเทพ) เนื้อเถ้าอังคาร
    หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี ​


    ขุนแผนกุมารแก้ว กุมารเทพ เนื้อเถ้าอังคาร
    หลวงปู่ชื่น วัดตาอี ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพ พิธีปลุกเสกพร้อมอาถรรพ์ธม
    รุ่นมีประสบการณ์ และเป็นเนื้อมีเถ้าอังคาร เหมือนในอาถรรพ์ธม

    #มวลสารศักด์สิทธิ์ ที่นำมาจัดสร้าง ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพ

    - ผงมหาภูติพรายทองคำ ( ผง "พรายทอง" ผงคำสำคัญมีฤทธิ์มาก )
    *หลวงปู่ชื่น
    - อัฐิธาตุและผงบุโลเถ้า หลวงปู่ชื่น วัดตาอี
    - ผงพระขุนแผน แขนอ่อน รุ่น 1
    - ผงพระขุนแผน มะรุมมะตุ้ม
    - ผงพระขุนแผนชมตลาด
    - ผงพระขุนแผนนาคเกี้ยว
    - ผงพระขุนแผนสะกดทัพ
    ( * ผงพระแตกหัก ของหลวงปู่ชื่น )
    - ผงว่านเสน่ อาถรรพ์
    - พลอยเสก
    - น้ำมันอาถรรพ์

    ขุนแผนกุมารแก้วกุมารเทพนี้จะมี เถ้าอังคารธาตุ หลวงปู่ชื่น วัดตาอี
    บรรจุ อยู่ในองค์ ขุนแผน ถ้านึกถึงองค์หลวงปู่ชื่น อธิฐาน ขอกับองค์ขุนแผนได้เลยครับ

    ปิดรายการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1236.jpg
      IMG_1236.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_1237.jpg
      IMG_1237.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2014
  8. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830

    สนใจรายการไหนสอบถามได้ที่เบอร์ 084-162-2166 (กวาง)
    หรือท่านใดเล่นไลน์ แอคมาคุยกันได้ที่ cwitapi




    ขอบคุณครับ
     
  9. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการนี้แล้วครับ


    ขุนแผนมหาเสน่ห์ อุดผงพรายมหาเสน่ห์ หลวงพ่อพรหม วัดพลานุภาพ

    มาพร้อมกับ​

    ตะกรุดเมียมาก อาบทอง หลวงพ่อจักร

    ข้อมูลตะกรุดเมียมาก หลวงพ่อจักรครับ​

    อัศจรรย์เกจิเฒ่าจอมอาคม เสือเฒ่าขุนโจรขมังเวทย์
    หลวงปู่จักรเถระเฒ่าจอมอาคม ปู่เสือมเหศวรขุนโจรขมังเวทย์
    รวมพลังเปิดตำนานของขลังเจ้าอาคม ระดมสรรพวิชามนต์เทวดาชั้นครู
    สร้างตะกรุดนารายณ์แปลงรูป ตะกรุดเมียมากอาบทอง 1 (เมียมากดอกสีทอง)


    ปู่มเหศวรขุนโจรเฒ่าขมังเวทย์ อายุปาเข้าไป 95 ปี ศิษย์สายพุทธคุณหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า หลวงปู่อิ่มหัวเขา หลวงพ่อซวงวัดชีประขาวหาย และครู 5 เล่ม เปิดดูตาแตก ฆราวาสอาคมขลัง วิชาดีกระสุนด้าน มหาอำนาจคุ้มชุมโจร เมตตาเยี่ยมจังงังยอดไปไหนเป็นได้เมีย จนได้ฉายา ภรรยาเยอะ ถ้าได้มองตาพูดจาได้จีบ ไม่หลงไม่ไหลไม่ตาม เป็นไม่มี เคยปรับกับนายตำรวจดังขมังเวทย์ ทำอะไรกันไม่ได้ข่มกันไม่ลง คนจริงสมัยก่อนปู่ว่าทำอะไรก็ขลังแรงเพราะเขามีสัจจะถือครูบาอาจารย์เป็นที่ ตั้ง ทุกวันนี้ปู่อยู่อย่างสงบแก่เฒ่าแล้วมีแต่ศีลสมาธิ ภาวนาจิตจึงนิ่ง มีเคล็ดวิชาอะไรดีอะไรเด็ดก็ทำให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้ไปใช้

    กล่าวถึงหลวงปู่จักรนี่ก็คนจริง วัย 83 ปีแล้ว คนเมืองสิงห์ สืบตะกูลหนังใหญ่คนเดียวที่ได้ครอบครูเพชรฉลูกัณฑ์จาก ครูหลวง ครูละครสมัย ร. ๖ เป็นตั้งแต่ 5 ขวบเริ่มเสกข้าวกินจนเป็นหนุ่มเนื้อหอม นักเลงหนังเหนียว ถึงกระดูก ชีวิตพลิกผันเป็นทหารไปรบสงครามคุมลูกน้อง 8 คนไปรบตายเรียบเหลือหลวงปู่จักรองค์เดียวเข้มแข็งเกรงกล้าจนได้พระราชทาน เหรียญกล้าหาญ พอมาบวชเดินธุดงค์องค์เดียวบุกเดี่ยวร่ำเรียนวิชามานับไม่ถ้วน เท่าที่จำได้ปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง หลวงพ่อเชนวัดสิงห์ อาจารย์เนาวัดเสาธงหิน อาจารย์ฟ้อนดีสว่าง พ่อเอียบางด่าน พ่อจาดบางกระเบา พ่อเต๋าคงทอง พ่อเหลือสาวชะโงก เป็นต้น มาอยู่เขารังไก่โดนวางระเบิดรอบเขา (เขารังไก่เป็นเขาหินอ่อน นายทุนต้องการ) ระเบิดทุกลูกด้าน หลวงปู่สร้างพระไว้รอบเขา คุ้นเคยชอบพอปู่มเหศวร ประลองวิชากันแล้วข่มกันไม่ได้ เสือเฒ่ายอมรับว่าหลวงปู่องค์นี้มีดี สุดท้ายจึงเป็นเพื่อนสนิทกัน ช่วยงานวัดนี้มิขาด นี่เป็นสองยอดขุนพลที่รวมพลังผนึกวิชาครั้งสำคัญสร้างยอดเครื่องราง เพื่อหารายได้มาบูรณะวัดเขารังไก่

    ขนาดตะกรุดเมียมากดอกเล็กรุ่นแรกที่ปู่มเหศวรกับหลวงปู่จักรร่วมจักรร่วมกัน ทำก่ออภิหารเหลือเชื่อ ตะกรุดดอกเดียวจีบหญิงได้เกินสิบยังเคยเกิดมาแล้ว แม่บ้านผัวไปมีเมียน้อยเอาตะกรุดใส่ไว้ใต้หมอนผัวกลับมานอนบ้านทุกคืน เด็กหนุ่มทำงานผับมีตะกรุดดอกเดียวติดคอได้ทิปวันละเกือบพัน ไม่กล้าเหล่มองใครเลยเพราะกลัวเขาตามกลับบ้าน (ว่ากันขนาดนั้น) ตะกรุดเมียมากรุ่นแรกปัจจุบันดอกละพันก็หาไม่เจอ นี่จึงเป็นโอกาสเหมาะที่เกจิชรา เสือเฒ่าทำตะกรุดตำนานนี้อีกครั้ง ตะกรุดเมียมากอุดผงแป้งเสกแบบเดียวกันแต่ตอก 2 โค๊ต พิเศษตรงที่อาบน้ำทองด้านนอก (ลงทองคำแท้ ๆ) พุทธคุณดังตำนานขุนโจรปู่เสือมเหศวรที่ไปไหนมีเมียทุกตำบลไป (ฉายาเมียมากจึงไม่ผิดเพี้ยน) ปู่เสือมีวิชามหาเมตตา-มหาเสน่ห์-นะจังงัง ดีนักนำมาลงตะกรุดดอกนี้ บอกนิดนึงก็ได้ว่าวิชาจังงัง จับหญิงไม่ร้องปู่ได้มาจาก หลวงพ่อซวงวัดชีประขาวหาย (เดี๋ยวจะหาว่าดำน้ำ) หลวงปู่จักรปลุกเสกเมตตาเป็นมหานิยมให้ จังงังมหาเสน่ห์ ปู่เสือลงให้ผงใส่ในพิเศากว่าทุกรุ่นแรกนิดเดียวเพราะผสมว่านเถาวัลย์หลง ว่านกาหลง เครือเขาหลงตัวผู้ ไว้ด้วย ตะกรุดี้ผู้ใช้ต้องมีความรับผิดชอบเป็นที่ตั้งแล้วจะเจริญก้าวหน้าสืบไป ตะกรุดนี้สืบไปภายหน้าก็หาไม่เจอ ถ้ายอดเกจิกับปู่เสือไม่ร่วมทำ ตำนานตะกรุดเมียมากย่อมไม่เกิด


    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0777.jpg
      IMG_0777.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      451
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  10. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    ตะกรุด"ตอร์ปิโด" ปะฉะดะ ปู่หมอนาค


    โปรดอ่านก่อน!!

    เป็นตะกรุดที่ผมไปเช่ามาจากศิษย์สายตรงของปู่หมอนาคครับ พี่บอกว่าอาจารย์ทำให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะพี่เค้าไปเปรยๆกับท่านว่า แหล่งอโคจรบางที่ ไม่อยากนำรูปลักษณ์ของพระเข้าไป เลยเป็นที่มาของตะกรุดนี้ครับ

    เนื้อหามวลสาร ใช้มวลสารเดียวกับปะฉะดะ เนื้อองค์ครูครับ ปู่ท่านจารเพิ่มเติมให้ด้วย


    เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สบายใจเมื่อนำพระเข้าแหล่งอโคจรครับ บางท่านถือยกแก้วข้ามหัวท่าน ไม่ดี เพราะฉะนั้นพกเป็นตะกรุด เป็นเครื่องรางสบายใจกว่า

    ด้านล่างเป็นข้อมูลปะฉะดะ สำหรับผู้สนใจครับ

    คำว่า "ปะฉะดะ" วิชาในตำราปู่หมอนาค เพชรแสงแก้ว เปิดตัวมาตั้งแต่ปี2544 จนเป็นที่นิยมกันแพร่หลายในชื่อของ "ปะฉะดะ" แต่ใครจะรู้บ้างถึงความหมาย ตามตำราโบราณสูตรการสร้างขุนแผนปะฉะดะที่แท้จริง หาใช่แต่งชื่อขึ้นมาเล่น

    ขุนแผนปะฉะดะในตำนาน ปู่หมอนาคเพชรแสงแก้ว เน้นความมีเสน่ห์อย่างแรง ชนิดที่ฟันไม่เลือกที่ เหมาะสำหรับคนเจ้าชู้ และคนทั่วไปที่ต้องการเป็นคนที่มีมหาเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างแรง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เจ้าชู้ก็ได้ เพราะขุนแผนของปู่จะเป็นไปตามจิตที่เราปรารถนา แม้ใช้ในเรื่องติดต่อการค้า ธุรกิจ ก็ย่อมเป็นที่พอใจของลูกค้า และ เจ้านาย เป็นต้น

    มวลสารนี้ ทำเก็บไว้ แล้วนำมาผสมกับว่านยาและผงวิเศษของสำนักอีกหลายชนิด จึงนำมากดพิมพ์ขุนแผนปะฉะดะ ปลุกเสก พระเวทย์คาถามหาเสน่ห์ มหานิยม ราคะกำหนัดมัดจิตมัดใจ รวมทั้งโชคลาภเงินทอง ครบครัน เป็นเวลา 49 วันเป็นอย่างน้อย จึงจะถือว่าเสร็จพิธีถูกต้องตามตำรา

    **อาจไม่มีในสารบบครับ แต่ยืนยันและนอนยันผมไปเช่ามาจากพี่ศิษย์สายตรงท่าน ท่านหนึ่งจริงๆ**

    อ๋อๆ ชื่อที่ตั้งนี่ เป็นพี่ที่ผมเช่าเค้าเรียกนะครับ เหมือนพี่เค้าเรียกเล่นๆ เพราะรูปลักษณ์เหมือนตอร์ปิโดครับ ผมเห็นแล้วชอบ เข้าใจตั้งชื่อด้วย เลยนำมาให้ชมกันครับ

    ปิดรายการแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0925.jpg
      IMG_0925.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      187
    • IMG_0926.jpg
      IMG_0926.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      518
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2013
  11. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ตะกรุดยอดเสน่หาอัศวะฉะนาง​

    ตะกรุดยอดเสน่หาอัศวะฉะนาง (ม้าเสพนาง-ท้าวพญาปะแป้ง) จารมือ พระอาจารย์ภูไทย วัดเขาแก้ว (ลูกศิษย์สายหลวงพ่อครูบาวัง วัดบ้านเด่น)

    มหามนต์ตรา แห่งมหาเสน่ห์มหานิยม สัปปะเสน่หามนตรามหาละลวย เรียกจิตเรียกนาง เรียกเงิน เรียกทอง กรึงจิตกรึงใจแก่เพศตรงข้าม อีกทั้งป้องกันภัย มีเดชะอำนาจตบะแกร่งกล้า ตำราครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น จ.ตาก

    มีเพื่อนๆท่านหนึ่งที่เช่าของพระอ.ภูไทยไป ลองให้ท่านหนึ่งที่จับพลังได้ ลองจับดูครับ ท่านนั้นบอกว่าพลังเต็มมาก แรงมาก เมตตาดีมากๆครับ

    ติดราคาไว้ที่ 899 นะครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    พระปิดตา ญสส รุ่นเทิดพระเกียรติ 84 พรรษา ***


    พระปิดตา ญสส รุ่นเทิดพระเกียรติ 84 พรรษา พิมพ์จัมโบ้1 ปลดหนี้ ตะกรุดเงิน 3 ดอก กล่องละ 2 องค์ อยู่ในกล่องเดียวกัน เนื้อผงใบลาน และเนื้อเกสร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร 2540

    พระเครื่องวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่นิยมเช่าบูชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนต่างศรัทธาและมีประสบการณ์โดยเฉพาะ โชคลาภ ค้าขาย เจริญรุ่งเรือง เรียกว่ารุ่นไหนจัดสร้างออกมา หมดทุกรุ่น และนิยมทุกรุ่นก็ว่าได้ หลายๆรุ่นราคาปรับตัวขึ้นสูงถึงสูงมาก ต่างพากันเก็บสนิท ไม่นำมาปล่อยต่อ เหตุเพราะปล่อยออกไปแล้ว จะเช่าหาพระแท้ๆมาคืนก็ยากเพราะพระปลอม พระเลียนแบบ ระบาดอยู่มากมายตามท้องตลาด อีกทั้งราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม ยิ่งทำให้พระเครื่องสายวัดบวรนิเวศ ไม่ค่อยมีหมุนเวียนในวงการพระเครื่องมากนัก

    พระปิดตาจัมโบ้ ญสส. รุ่นเทิดพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ตะกรุดเงิน 3 ดอก จัดสร้าง พ.ศ.2540 แช่น้ำมนต์ ไม่ผ่านการใช้ ตะกรุดแต่ละดอกตอกโค๊ตกำกับทุกดอก

    พระปิดตา ญสส. เปิดบูชาเป็นคู่ที่ 1800 ครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1325.jpg
      IMG_1325.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.9 KB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_1203.jpg
      IMG_1203.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      48
    • IMG_1204.jpg
      IMG_1204.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      189
    • IMG_1207.jpg
      IMG_1207.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      176
    • IMG_1207A.jpg
      IMG_1207A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      678.1 KB
      เปิดดู:
      147
    • IMG_1207B.jpg
      IMG_1207B.jpg
      ขนาดไฟล์:
      660.4 KB
      เปิดดู:
      57
    • IMG_1206.jpg
      IMG_1206.jpg
      ขนาดไฟล์:
      627.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • IMG_1205.jpg
      IMG_1205.jpg
      ขนาดไฟล์:
      655.3 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2015
  13. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการครับ

    พระขุนแผน หลวงปู่แย้ม "พระขุนแผนเนื้อดินกุมารทอง"


    พระขุนแผนเนื้อดินกุมารพิพิธภัณฑ์ปี 47 เป็นพระขุนแผนที่จัดทำโดยช่างเขียวซึ่งเป็นช่างคนนึงที่มีส่วนร่วมในการจัดทำกุมารทองรุ่นพิพิธภัณฑ์ ได้จัดทำพระขุนแผนเนื้อดินกุมารซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับกุมารทองรุ่นพิพิธภัณฑ์ไว้จำนวนหนึ่งและเก็บไว้ให้หลวงปู่แย้มท่านอธิษฐานจิตยาวจนลืมถึงปัจจุบัน

    พระขุนแผนเนื้อดินกุมารทอง หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม(ดินพิพิธภัณฑ์ )สร้างประมาณปี47ด้านหลังมีจารใช้ปากกาหมึกแห้งจารครับสร้างไม่น่าจะเกิน200 องค์หายากมากครับสภาพเดิมๆหลวงปู่แย้มท่านเจิมองค์พระด้วยน้ำมันจันทร์ เหมือนเจิมกุมาร ใช้ดีทางด้านเสน่ห์ ค้าขาย เมตตามหานิยม เจรจาการงานธุรกิจต่างๆมักสําเร็จหายากจริงๆ


    10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม

    1. หลวงปู่แย้มท่านแพ้อาหารทะเลจำพวกกุ้งและท่านจะไม่ฉันเนื้อสัตว์ใหญ่และจะไม่ค่อยฉันสัตว์ปีกครับ ถ้าเป็นจำพวกปลาหรือผักต้มผักลวกจะดีกว่า

    2. การเจิมกุมารทอง(ตุ๊กตาทอง)ท่านมักจะหันหน้าไปทางสังขารหลวงพ่อด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าเจิมกี่องค์ท่านก็จะหันทุกครั้งเพื่อบอกกล่าวหลวงพ่อเต๋ท่าน และในพิธีอธิษฐานจิตทุกครั้งไม่ว่างานเล็กใหญ่แค่ไหน ท่านก็จะให้เตรียมอาสนะหรือที่นั่งสำหรับหลวงพ่อเต๋ด้วยทุกครั้ง

    3. เหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่แย้ม ท่านจะจารอักขระด้วยตัวท่านเองทุกครั้ง บางรุ่นอาจจะจารหน้าเดียวบางรุ่นอาจจะสองด้านอยู่ที่รูปแบบของเหรียญแต่ละรุ่น

    4. หลวงปู่ท่านทำวัตรสวดมนต์ก่อนจำวัดตอนกลางคืนทุกครั้งไม่เคยขาด แม้วันไหนท่านอาพาธหนักจริงๆ ท่านก็ยังจะให้ลูกศิษย์ปักธูปหน้าหิ้งพระแทนท่าน แล้วท่านก็สวดมนต์ต่อในที่จำวัดของท่าน

    5. คำถามแรกที่หลวงปู่ถามแขกและญาติโยมที่มากราบท่านอยู่ทุกครั้งคือ "มาจากไหน?"

    6. การได้ยินของหลวงปู่แย้มท่านไม่ค่อยได้ยิน เนื่องจากการนั่งเครื่องบินเมื่อหลายสิบปีก่อน(ความดันอากาศ)ทำให้ท่านมีอาการหูตึงโดยเฉพาะหูด้านซ้ายของท่านจะมีอาการมากสุด ดังนั้นหากจะพูดบอกกล่าวถามอะไรหลวงปู่ท่านให้พูดบอกทางด้านขวาของหลวงปู่ครับ

    7. ภาพภายนอกดูเหมือนหลวงปู่แย้มท่านไม่ค่อยพูด แต่จริงๆแล้วท่านมักจะเล่าเรื่องต่างๆให้ลูกศิษย์ฟังอยู่เสมอ เช่น การออกธุดงค์กับหลวงพ่อเต๋ เป็นต้น เพียงแต่ช่วงเวลาแต่ละวันหมดไปกับการรับแขกและการเจิมวัตถุมงคล ดังนั้นหากใครอยากนั่งพูดคุยกับหลวงปู่ท่านลองมาตัวเปล่าๆงดนำของมาลงซักครั้งแล้วหาจังหวะที่ท่านว่างๆนั่งพูดคุยกับท่าน แล้วจะได้ฟังเรื่องราวดีๆอีกเยอะครับ

    8. เวลาหลวงปู่นั่งรถเดินทาง ท่านจะไม่นั่งเบาะด้านหลังรถแต่ท่านจะนั่งข้างคนขับอยู่เสมอทุกๆครั้ง (หลวงปู่เคยนั่งรถผมอยู่ 4-5 ครั้ง เวลาผมพาท่านไปกิจของสงฆ์) และท่านมักจะจดจำพูดคุยบอกเส้นทางได้อย่างแม่นยำ ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพที่หลวงปู่ท่านขอยอมแพ้ เพราะบางพื้นที่เปลี่ยนไปเยอะมากแล้ว

    9. หลวงปู่มีความรู้ทางธรรมสูงมากเพราะท่านเป็นถึงพระครูและตำแหน่งเทียบเท่าเป็นรองเจ้าอาวาสวัดหลวง อีกทั้งหลวงปู่มีความรู้ชำนาญเรื่องสมุนไพรเป็นอย่างดีด้วย แต่แทบจะไม่มีใครมานั่งคุยกับหลวงปู่เรื่องทางธรรมเลย

    10. การถามอะไรหลวงปู่ก็ตามแล้วท่าน"พยักหน้า" ไม่ได้หมายความว่าท่านได้ยินเข้าใจในสิ่งที่เราบอกท่าน เนื่องด้วยหูท่านไม่ค่อยได้ยินในการพูดแบบปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ทุกวันนี้น้อยคนที่จะทราบว่าหูท่านไม่ค่อยได้ยิน ดังนั้นควรบอกกล่าวท่านเสียงดังกว่าปกติเล็กน้อย หากท่านพูดตอบรับกลับมาถือว่า ok ครับ

    เพิ่มเติม : หลวงปู่ท่านมีสายตาและความจำดีมากๆ และท่านมักจะทราบเรื่องราวต่างๆรอบตัวท่านเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวสารบ้านเมือง รวมถึงความเป็นไปของบรรดาลูกศิษย์ทั้งในและนอกวัด และท่านชอบที่จะหาความรู้ทั่วๆไปเช่นการดูสารคดีต่างๆทีมีคนนำมาถวายเป็นต้น ดังนั้นเราสามารถพูดคุยเล่าให้ท่านฟังได้ทุกเรื่องครับ


    ปิดรายการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1196.jpg
      IMG_1196.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      74
    • IMG_1197.jpg
      IMG_1197.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3 MB
      เปิดดู:
      198
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2015
  14. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    เบี้ยแก้ (ตัวประธาน) หลวงปู่เจือ


    ในช่วงปลายอายุหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มได้เรียก “ พระอาจารย์ใบ ” และ “ หลวงปู่เจือ ” ขึ้นไปพบพร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้และวิชาบางประการให้ทั้งสองรูป แล้วกระซิบบอกว่า ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว วิชาเบี้ยแก้ จะ ได้ไม่สูญไปจากวัดกลางบางแก้ว แล้วพูดว่า “ ให้ใบทำก่อน ”หมายถึงให้พระอาจารย์ใบทำก่อนเหมือนมีความหมายแฝงเอาไว้ในอนาคต เพราะหลังจากหลวงปู่เพิ่มมรณภาพพระอาจารย์ใบก็ทำเบี้ยแก้ได้ประมาณ 1 ปี พระอาจารย์ใบก็มรณภาพจากนั้น “ อาจารย์เซ็ง ” ก็ทำเบี้ยอยู่ได้อีกไม่นานก็มรณภาพจึงถึงวาระของ “ หลวงปู่เจือ ” “ หลวงปู่เพิ่ม ” เหมือนจะรู้ว่าใครจะต้องทำก่อนทำหลัง ท่านจึงสั่งไว้เช่นนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา “ หลวงปู่เจือ ” ทำเบี้ยแก้ไว้มากมายมากกว่าทุกหลวงปู่ของวัดกลางบางแก้วรวมกันทั้งหมด

    เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง แต่ละปีหลวงปู่เจือได้ทำเบี้ยแก้ออกไปนับหมื่นตัว หากจะพิจารณาแล้วเบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือที่ผ่านมาได้ประสบการณ์เล่าลือสืบ ต่อกันไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนจรดเหนือจรดใต้เดินทางมาเอาเบี้ยแก้จากท่าน ปริมาณหอยเบี้ยแก้ที่ต้องนำมาทำเบี้ยแก้มากมายมหาศาล “ หอยเบี้ยแก้ ” วัตถุดิบสำคัญเหล่านั้นมาจากทะเลแถบอันดามัน ลูกศิษย์พากันไปกว้านซื้อมาครั้งละหลายกระสอบ จนมีคนกล่าวว่า “ แทบจะหมดจากทะเลอันดามัน ” เรียกว่าหอยเกิดไม่ทัน แต่ละวัน “ หลวงปู่เจือ ” ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำเบี้ยแก้ ตั้งแต่หัวค่ำไปจนใกล้รุ่งจึงได้จำวัด บางวันมีคนมาคุยอยู่จนดึกดื่นไม่ยอมกลับ ท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องทำเบี้ยตอนดึก กว่าจะเสร็จก็สว่างคาตา เพราะตอนเจ้าจะมีลูกศิษย์ชาวบ้าน จะคอยรับเบี้ยแก้ที่ท่านกรอกเสร็จแล้วเอาไปถักหุ้มใส่ห่วงและลงรัก ค่าจ้างถักเบี้ยตัวละ 50 บาท ท่านต้องทนทำเพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้มีรายได้ค่าถักเบี้ย บางคนถักได้วันละ 10 ตัว ก็มีรายได้ 500 บาท

    ถ้าท่านทำน้อยก็ไม่พอแบ่งให้คนไปถัก และไม่พอให้คนที่เดินทางไหลมาขอเบี้ยแก้จากท่าน รวม ๆ แล้ว “ เบี้ยแก้ ” ที่ท่านให้ทำบุญนั้น ราคา 400 บาท แทบจะไม่เหลืออะไร เพราะค่าปรอท ค่าหอยเบี้ย ค่าห่วง ค่าถัก บางทีก็ขาดทุนมากมาย เพราะบางคนมาขอท่าน 10 ตัว ถวายไว้ 100 บาท ท่านก็ไม่ว่าอะไรก็ให้ไปด้วยความเมตตา ด้วยความเต็มใจ ไม่เคยปริปากบ่นหรืออารมณ์เสียอย่างไร ลูกศิษย์ที่มาพบเห็นเคยถามท่าน ท่านบอกว่าให้เขาไปเถอะ เพราะเขาอยากได้ไว้ป้องกันตัว เหตุการณ์นี้มีเสมอ หรือมีแทบทุกวันก็ว่าได้ แต่หลวงปู่เจือท่านบำเพ็ญบารมีไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้“ หลวงปู่เจือ ” ท่านให้อย่างเดียวจนลูกศิษย์หลายคนบอกว่า “ ท่านคือโพธิสัตว์แห่งวัดกลางบางแก้ว ”

    “ เบี้ยแก้ ” เป็นวัตถุมงคลของหลวงปู่เจือที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านเบี้ยแก้อย่างน้อยวันละ 50 ตัว ปีหนึ่งมากกว่า 18,000 ตัว ถึง พ.ศ. นี้ เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือน่าจะมี นับแสนตัว เอกลักษณ์ที่สำคัญคือ ถักด้วยเชือกหุ้มและลงรักที่ทำแบบต่าง ๆ ก็มีอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อคราวทำบุญอายุ 80 ปี และตลอดปีต่อมาเพื่อให้มีลักษณะเฉพาะ จึงได้ มีการตอกโค้ด ไว้ที่ห่วงสองข้าง ข้างละ 1 ตัว เป็นลักษณะโค้ด “ นะขึ้นยอด ” และ “ จ.จานขึ้นยอด ” สร้างเป็นห่วงทองคำ 80 ตัว ห่วงเงิน 200 ตัว ห่วงทองแดงประมาณ 30,000 ตัว หลังจากนั้นก็ไม่ตอกโค้ดอีก เนื่องจากโค้ดที่ตอกชำรุดเสียหาย หากจะไปแกะใหม่ก็คงไม่เหมือนเดิม จะทำให้มีความสับสนเกิดขึ้น จึงได้ยุติการตอกโค้ดไว้แค่นั้น

    “ เบี้ยแก้ ” ของหลวงปู่เจือ ปิยสีโล นับว่าเป็นมงคลวัตถุที่ท่านทำมาที่สุด และเผยแพร่ไปมากที่สุด อาจกล่าวได้ว่า “ หลวงปู่เจือ ” เป็นเถระที่สร้าง “ เบี้ยแก้ ” มากที่สุดในประเทศไทยก็ ว่าได้ นับถึงวันนี้ “ เบี้ยแก้ ” ของท่านสร้างไปแล้วไม่น้อยกว่า 300,000 ตัว เพราะปีหนึ่งท่านสร้างหมื่นตัว ทุวันท่านจะต้องสร้างเบี้ยแก้อย่างน้อย 50 ตัวทุกวัน เพื่อให้เพียงพอแก่คนที่ไปขอเบี้ยแก้อย่างน้อย 50 ตัวทุกวัน เพื่อแก้ให้เพียงพอแก่คนที่ไปขอเบี้ยแก้จากท่าน ลองเอา 50 คูณ 365 วัน เข้าไป 18,250 คือเป็นอย่างน้อยในแต่ละปี และท่านปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 ถึง พ.ศ. นี้ก็ 18 ปีเข้าไปแล้ว คราวนี้ลองเอา 18 คูณ 18,250 เข้าไปแล้วจะได้ตัวเลข 328,500 ตัว ในบรรดาสามแสนกว่าคนที่นำไปบูชาสักการะนี้ไม่ใช่ธรรมดาปากต่อปากที่บอกต่อ ๆ กันไป ถึงประสบการณ์และอภินิหารที่เกิดขึ้น ทำให้กิตติคุณ “ เบี้ยแก้ ” ของหลวงปู่เจือแผ่ขยายกว้างขวางออกไปทุกทีถึงวันนี้วันละอย่างน้อย 50 ตัวก็จะหมด แค่ไม่เกิน 10.00 น. ของแต่ละวัน หมดแล้วก็ต้องรอวันใหม่ เพราะท่านก็ทำได้เต็มที่แค่นั้นเอง ต้องกรอกปรอทเองทุกตัว ต้องจารทุกตัว ภารกินนี้ของท่านจะเสร็จสิ้นไม่น้อยกว่า 03.00 น. ของวันใหม่ ไหนจะรับแขก ไหนจะรับนิมนต์ไปงานปลุกเสกพระ เฉพาะปี 2549 ลองไปเปิดสมุดเสกพระ ปรากฏว่ามีจำนวนปีเดียวท่านไปพุทธาภิเษก จำนวนถึง 91 วัด เฉลี่ยแทบจะวันเว้นวัน บางวันกลับมาจากเสกพระตีหนึ่งตีสองต้องมากรอกเบี้ย จารเบี้ย เพราะท่านบอกว่าเกรงใจคนมาไกลแล้วไม่ได้ “ นี่แหละคืออภินิหารเตตาบารมีของหลวงปู่เจือของจริง ”

    หากจะถามว่า อภินิหารเบี้ยแก้มีมากน้อยแค่ไหน ก็ขอสรุปว่า ดูจากผู้คนที่ทยอยไปเอากันไม่หยุดหย่อนนั่นแหละเป็นเครื่องชี้ชัดมิเช่นนั้น เขาจะเอากันไปทำไม จากคำบอกเล่าได้แค่ฟังไว้ไม่ได้บันทึกชื่อตำบลหนแห่งเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าจะได้ทำหนังสือหรือโฆษณาอะไร แค่นี้หลวงปู่เจือท่านก็รับไม่ไหวอยู่แล้ว เอาเป็นว่าประสบการณ์อภินิหารนั้นมีแน่ทุกทางแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยต่าง ๆ มีครบเครื่อง ดูจากอิทธิคุณที่ระบุบ่งบอกไว้ในตำรำ ดังนี้

    กันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวทอาถรรพ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิงมิลงเลย กันไข้ป่าสารพัดผีป่า โป่ง โป้ง ผีเปิ่ง ผีปองกองกอย พาให้ผิดท่าหลงทาง เข้าสิงให้วิกลจริตพลุ่งพล่านเฉียบพลันอยากตายด้วยอัตวินิบาตกรรม ผูกคอล่อพิษ โดดน้ำ ลุยไฟ โดดสูง จูงค่าง ผีเข้าเจ้าสิง ถ้าจริงหาย กันจิตคิดวิกล ด้วยอุปาทาน กันมนตยายำ ย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายา สารพัด
    อุปาทานอันวิกลพิการแล

    คาถาเสกเบี้ยแก้

    ตั้งนะโม 3 จบ เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ
    นะ มะ พะ ทะ ( 3 จบ )
    จะ ภะ กะ สะ ( 3 จบ )
    เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว ให้ภาวนาคาถา 3 จบ ดังนี้

    “ อะสิสะติ ธะนูเจวะ
    สัพเพเต อาวุธานิจะ
    ภัคคะ ภัคคาวิจุนนานิ
    โลมังมาเม นะผุสสันติ ”

    สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอ แก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าน ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง เสกภาวนา สมุหเนยยะ สะมุหะนะติ สะสุหะคะโต สีมาคะตัง พันธะเสมายัง สะมุหะนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อนโมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย สวาหะ

    “ โลปุสุ สะวิพุ สังภะอะ ” ว่าแต่นารายณ์ถวายจักร 7 ที
    ภาวนาก่อนใช้ อะสัง วิสุ โล ปุสะพุภะ พุทธะสังมิ อิสะวาสุ
    เอา ดอกไม้หลากสี ดอกพุทธรักษา ธูป เทียนบูชา อธิษฐานด้วยขันน้ำมนต์ และอธิษฐานเอาตามใจเถิด แล้วภาวนาต่ออายุ สะธะวิปิ ปะสะอุ 3 ที
    บทสักกัตตะวาด้วยก็ดี ผูกขอดชายผ้ากันปืน
    อะนิทัสสะนะอัปปะติ ลั่นไกมิออก
    อะนิทัสสะนะอัปปะติคา ลูกมิออกลำกล้อง
    อะนิทัสสะนะอัปปะติคายะ ลำกล้องแตก
    ภาวนาอภัยกรรม ให้คนเกลียด เดียด โกรธ เพ่งโทษ จองเวร ให้หายพยาบาทพยาเวร ต่อแล้วดี กันหายกัน แล.
    “ นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสยส อุเมตตาจะมหาชะนา สัพพะสิเนหา จะปชิตาสสัพพะสยัง จะมหาลาภัง ราชาโกธังวินัสสันติ ชะนาโกธัง วิสัสสันติ สัพพะโกธัง วินัสสันติ ”

    วิธีใช้เบี้ยแก้

    ตั้งนะโม 3 จบ
    อิ ติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี ได้ยามพระศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ แล้วสวดคาถาหัวใจต่อ อะสัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ พุท ธะ สังมิ อิสวาสุ

    “ เบี้ยแก้ ” นับแสนตัวของหลวงปู่เจือที่แพร่หลายไปทั่วประเทศ ก่อเหตุการณ์นานาประการอันน่าอัศจรรย์มากมาย มีคนเดินทางไปไต่ถามหลวงปู่เจือกันมากว่า เบี้ยของหลวงปู่ดีทางไหน หลวงปู่ได้แต่เมตตาไม่เคยคุยโม้โอ้อวด นอกจากรอยยิ้ม หรืออย่างมากก็บอกว่า “ ลองเอาให้ใช้ดู ” มีบางรายกระเซ้ากระซี้อยากให้หลวงปู่ตอบว่าดีอย่างไร ใช้อย่างไร หนัก ๆ เข้าจนหลวงปู่นึกอะไรไม่ทราบได้ ท่านกระซิบแผ่วเบาด้วยความเมตตาตอบกับผู้นั้นไปว่า “ ไม่รู้ ฉันก็ไม่เคยใช้ ได้แต่ทำ ”

    อะไรคือเบี้ยประธาน
    เบี้ยแก้แบบพิเศษลงรักหนา คือ เบี้ยประธาน โดยจะเป็นเบี้ยแก้ตัวแรกที่หลวงปู่เจือจะกรอกเบี้ยทุกครั้งครับ โดยหลวงปู่ลงจารให้อย่างดี ถักลงรักเข้าพิธีอีกหลายครั้ง โดยพุทธคุณเบี้ยแก้มีดังนี้ครับ กันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวทอาถรรพ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิงมิลงเลย กันไข้ป่าสารพัดผีป่า โป่ง โป้ง ผีเปิ่ง ผีปองกองกอย พาให้ผิดท่าหลงทาง เข้าสิงให้วิกลจริตพลุ่งพล่านเฉียบพลันอยากตายด้วยอัตวินิบาตกรรม ผูกคอล่อพิษ โดดน้ำ ลุยไฟ โดดสูง จูงค่าง ผีเข้าเจ้าสิง ถ้าจริงหาย กันจิตคิดวิกล ด้วยอุปาทาน กันมนตยายำ ย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายา สารพัด อุปาทานอันวิกลพิการแล สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอ แก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าน ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง คาถาเบี้ยแก้ของ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ตั้งนะโม 3 จบ อิ ติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี ได้ยามพระศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ แล้วสวดคาถาหัวใจต่อ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ พุทธะสังมิ อิสวาสุ

    สอบถามทาง PM ครับ​


    องค์นี้รักสวย เบี้ยตัวใหญ่ น้ำหนักปรอทได้มาตราฐานเลยครับ สนใจรีบเก็บก่อนแพงนะครับ ขอบคุณครับ

    6P
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  15. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    เบี้ยแก้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว


    ในช่วงปลายอายุหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มได้เรียก “ พระอาจารย์ใบ ” และ “ หลวงปู่เจือ ” ขึ้นไปพบพร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน เพื่อถ่ายทอดวิชาเบี้ยแก้และวิชาบางประการให้ทั้งสองรูป แล้วกระซิบบอกว่า ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว วิชาเบี้ยแก้ จะ ได้ไม่สูญไปจากวัดกลางบางแก้ว แล้วพูดว่า “ ให้ใบทำก่อน ”หมายถึงให้พระอาจารย์ใบทำก่อนเหมือนมีความหมายแฝงเอาไว้ในอนาคต เพราะหลังจากหลวงปู่เพิ่มมรณภาพพระอาจารย์ใบก็ทำเบี้ยแก้ได้ประมาณ 1 ปี พระอาจารย์ใบก็มรณภาพจากนั้น “ อาจารย์เซ็ง ” ก็ทำเบี้ยอยู่ได้อีกไม่นานก็มรณภาพจึงถึงวาระของ “ หลวงปู่เจือ ” “ หลวงปู่เพิ่ม ” เหมือนจะรู้ว่าใครจะต้องทำก่อนทำหลัง ท่านจึงสั่งไว้เช่นนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา “ หลวงปู่เจือ ” ทำเบี้ยแก้ไว้มากมายมากกว่าทุกหลวงปู่ของวัดกลางบางแก้วรวมกันทั้งหมด

    เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง แต่ละปีหลวงปู่เจือได้ทำเบี้ยแก้ออกไปนับหมื่นตัว หากจะพิจารณาแล้วเบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือที่ผ่านมาได้ประสบการณ์เล่าลือสืบ ต่อกันไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนจรดเหนือจรดใต้เดินทางมาเอาเบี้ยแก้จากท่าน ปริมาณหอยเบี้ยแก้ที่ต้องนำมาทำเบี้ยแก้มากมายมหาศาล “ หอยเบี้ยแก้ ” วัตถุดิบสำคัญเหล่านั้นมาจากทะเลแถบอันดามัน ลูกศิษย์พากันไปกว้านซื้อมาครั้งละหลายกระสอบ จนมีคนกล่าวว่า “ แทบจะหมดจากทะเลอันดามัน ” เรียกว่าหอยเกิดไม่ทัน แต่ละวัน “ หลวงปู่เจือ ” ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งทำเบี้ยแก้ ตั้งแต่หัวค่ำไปจนใกล้รุ่งจึงได้จำวัด บางวันมีคนมาคุยอยู่จนดึกดื่นไม่ยอมกลับ ท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องทำเบี้ยตอนดึก กว่าจะเสร็จก็สว่างคาตา เพราะตอนเจ้าจะมีลูกศิษย์ชาวบ้าน จะคอยรับเบี้ยแก้ที่ท่านกรอกเสร็จแล้วเอาไปถักหุ้มใส่ห่วงและลงรัก ค่าจ้างถักเบี้ยตัวละ 50 บาท ท่านต้องทนทำเพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้มีรายได้ค่าถักเบี้ย บางคนถักได้วันละ 10 ตัว ก็มีรายได้ 500 บาท

    ถ้าท่านทำน้อยก็ไม่พอแบ่งให้คนไปถัก และไม่พอให้คนที่เดินทางไหลมาขอเบี้ยแก้จากท่าน รวม ๆ แล้ว “ เบี้ยแก้ ” ที่ท่านให้ทำบุญนั้น ราคา 400 บาท แทบจะไม่เหลืออะไร เพราะค่าปรอท ค่าหอยเบี้ย ค่าห่วง ค่าถัก บางทีก็ขาดทุนมากมาย เพราะบางคนมาขอท่าน 10 ตัว ถวายไว้ 100 บาท ท่านก็ไม่ว่าอะไรก็ให้ไปด้วยความเมตตา ด้วยความเต็มใจ ไม่เคยปริปากบ่นหรืออารมณ์เสียอย่างไร ลูกศิษย์ที่มาพบเห็นเคยถามท่าน ท่านบอกว่าให้เขาไปเถอะ เพราะเขาอยากได้ไว้ป้องกันตัว เหตุการณ์นี้มีเสมอ หรือมีแทบทุกวันก็ว่าได้ แต่หลวงปู่เจือท่านบำเพ็ญบารมีไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้“ หลวงปู่เจือ ” ท่านให้อย่างเดียวจนลูกศิษย์หลายคนบอกว่า “ ท่านคือโพธิสัตว์แห่งวัดกลางบางแก้ว ”

    “ เบี้ยแก้ ” เป็นวัตถุมงคลของหลวงปู่เจือที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านเบี้ยแก้อย่างน้อยวันละ 50 ตัว ปีหนึ่งมากกว่า 18,000 ตัว ถึง พ.ศ. นี้ เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือน่าจะมี นับแสนตัว เอกลักษณ์ที่สำคัญคือ ถักด้วยเชือกหุ้มและลงรักที่ทำแบบต่าง ๆ ก็มีอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อคราวทำบุญอายุ 80 ปี และตลอดปีต่อมาเพื่อให้มีลักษณะเฉพาะ จึงได้ มีการตอกโค้ด ไว้ที่ห่วงสองข้าง ข้างละ 1 ตัว เป็นลักษณะโค้ด “ นะขึ้นยอด ” และ “ จ.จานขึ้นยอด ” สร้างเป็นห่วงทองคำ 80 ตัว ห่วงเงิน 200 ตัว ห่วงทองแดงประมาณ 30,000 ตัว หลังจากนั้นก็ไม่ตอกโค้ดอีก เนื่องจากโค้ดที่ตอกชำรุดเสียหาย หากจะไปแกะใหม่ก็คงไม่เหมือนเดิม จะทำให้มีความสับสนเกิดขึ้น จึงได้ยุติการตอกโค้ดไว้แค่นั้น

    “ เบี้ยแก้ ” ของหลวงปู่เจือ ปิยสีโล นับว่าเป็นมงคลวัตถุที่ท่านทำมาที่สุด และเผยแพร่ไปมากที่สุด อาจกล่าวได้ว่า “ หลวงปู่เจือ ” เป็นเถระที่สร้าง “ เบี้ยแก้ ” มากที่สุดในประเทศไทยก็ ว่าได้ นับถึงวันนี้ “ เบี้ยแก้ ” ของท่านสร้างไปแล้วไม่น้อยกว่า 300,000 ตัว เพราะปีหนึ่งท่านสร้างหมื่นตัว ทุวันท่านจะต้องสร้างเบี้ยแก้อย่างน้อย 50 ตัวทุกวัน เพื่อให้เพียงพอแก่คนที่ไปขอเบี้ยแก้อย่างน้อย 50 ตัวทุกวัน เพื่อแก้ให้เพียงพอแก่คนที่ไปขอเบี้ยแก้จากท่าน ลองเอา 50 คูณ 365 วัน เข้าไป 18,250 คือเป็นอย่างน้อยในแต่ละปี และท่านปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 ถึง พ.ศ. นี้ก็ 18 ปีเข้าไปแล้ว คราวนี้ลองเอา 18 คูณ 18,250 เข้าไปแล้วจะได้ตัวเลข 328,500 ตัว ในบรรดาสามแสนกว่าคนที่นำไปบูชาสักการะนี้ไม่ใช่ธรรมดาปากต่อปากที่บอกต่อ ๆ กันไป ถึงประสบการณ์และอภินิหารที่เกิดขึ้น ทำให้กิตติคุณ “ เบี้ยแก้ ” ของหลวงปู่เจือแผ่ขยายกว้างขวางออกไปทุกทีถึงวันนี้วันละอย่างน้อย 50 ตัวก็จะหมด แค่ไม่เกิน 10.00 น. ของแต่ละวัน หมดแล้วก็ต้องรอวันใหม่ เพราะท่านก็ทำได้เต็มที่แค่นั้นเอง ต้องกรอกปรอทเองทุกตัว ต้องจารทุกตัว ภารกินนี้ของท่านจะเสร็จสิ้นไม่น้อยกว่า 03.00 น. ของวันใหม่ ไหนจะรับแขก ไหนจะรับนิมนต์ไปงานปลุกเสกพระ เฉพาะปี 2549 ลองไปเปิดสมุดเสกพระ ปรากฏว่ามีจำนวนปีเดียวท่านไปพุทธาภิเษก จำนวนถึง 91 วัด เฉลี่ยแทบจะวันเว้นวัน บางวันกลับมาจากเสกพระตีหนึ่งตีสองต้องมากรอกเบี้ย จารเบี้ย เพราะท่านบอกว่าเกรงใจคนมาไกลแล้วไม่ได้ “ นี่แหละคืออภินิหารเตตาบารมีของหลวงปู่เจือของจริง ”

    หากจะถามว่า อภินิหารเบี้ยแก้มีมากน้อยแค่ไหน ก็ขอสรุปว่า ดูจากผู้คนที่ทยอยไปเอากันไม่หยุดหย่อนนั่นแหละเป็นเครื่องชี้ชัดมิเช่นนั้น เขาจะเอากันไปทำไม จากคำบอกเล่าได้แค่ฟังไว้ไม่ได้บันทึกชื่อตำบลหนแห่งเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าจะได้ทำหนังสือหรือโฆษณาอะไร แค่นี้หลวงปู่เจือท่านก็รับไม่ไหวอยู่แล้ว เอาเป็นว่าประสบการณ์อภินิหารนั้นมีแน่ทุกทางแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยต่าง ๆ มีครบเครื่อง ดูจากอิทธิคุณที่ระบุบ่งบอกไว้ในตำรำ ดังนี้

    กันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวทอาถรรพ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิงมิลงเลย กันไข้ป่าสารพัดผีป่า โป่ง โป้ง ผีเปิ่ง ผีปองกองกอย พาให้ผิดท่าหลงทาง เข้าสิงให้วิกลจริตพลุ่งพล่านเฉียบพลันอยากตายด้วยอัตวินิบาตกรรม ผูกคอล่อพิษ โดดน้ำ ลุยไฟ โดดสูง จูงค่าง ผีเข้าเจ้าสิง ถ้าจริงหาย กันจิตคิดวิกล ด้วยอุปาทาน กันมนตยายำ ย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายา สารพัด
    อุปาทานอันวิกลพิการแล

    คาถาเสกเบี้ยแก้

    ตั้งนะโม 3 จบ เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ
    นะ มะ พะ ทะ ( 3 จบ )
    จะ ภะ กะ สะ ( 3 จบ )
    เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว ให้ภาวนาคาถา 3 จบ ดังนี้

    “ อะสิสะติ ธะนูเจวะ
    สัพเพเต อาวุธานิจะ
    ภัคคะ ภัคคาวิจุนนานิ
    โลมังมาเม นะผุสสันติ ”

    สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอ แก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าน ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง เสกภาวนา สมุหเนยยะ สะมุหะนะติ สะสุหะคะโต สีมาคะตัง พันธะเสมายัง สะมุหะนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อนโมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย สวาหะ

    “ โลปุสุ สะวิพุ สังภะอะ ” ว่าแต่นารายณ์ถวายจักร 7 ที
    ภาวนาก่อนใช้ อะสัง วิสุ โล ปุสะพุภะ พุทธะสังมิ อิสะวาสุ
    เอา ดอกไม้หลากสี ดอกพุทธรักษา ธูป เทียนบูชา อธิษฐานด้วยขันน้ำมนต์ และอธิษฐานเอาตามใจเถิด แล้วภาวนาต่ออายุ สะธะวิปิ ปะสะอุ 3 ที
    บทสักกัตตะวาด้วยก็ดี ผูกขอดชายผ้ากันปืน
    อะนิทัสสะนะอัปปะติ ลั่นไกมิออก
    อะนิทัสสะนะอัปปะติคา ลูกมิออกลำกล้อง
    อะนิทัสสะนะอัปปะติคายะ ลำกล้องแตก
    ภาวนาอภัยกรรม ให้คนเกลียด เดียด โกรธ เพ่งโทษ จองเวร ให้หายพยาบาทพยาเวร ต่อแล้วดี กันหายกัน แล.
    “ นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสยส อุเมตตาจะมหาชะนา สัพพะสิเนหา จะปชิตาสสัพพะสยัง จะมหาลาภัง ราชาโกธังวินัสสันติ ชะนาโกธัง วิสัสสันติ สัพพะโกธัง วินัสสันติ ”

    วิธีใช้เบี้ยแก้

    ตั้งนะโม 3 จบ
    อิ ติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี ได้ยามพระศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ แล้วสวดคาถาหัวใจต่อ อะสัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ พุท ธะ สังมิ อิสวาสุ

    “ เบี้ยแก้ ” นับแสนตัวของหลวงปู่เจือที่แพร่หลายไปทั่วประเทศ ก่อเหตุการณ์นานาประการอันน่าอัศจรรย์มากมาย มีคนเดินทางไปไต่ถามหลวงปู่เจือกันมากว่า เบี้ยของหลวงปู่ดีทางไหน หลวงปู่ได้แต่เมตตาไม่เคยคุยโม้โอ้อวด นอกจากรอยยิ้ม หรืออย่างมากก็บอกว่า “ ลองเอาให้ใช้ดู ” มีบางรายกระเซ้ากระซี้อยากให้หลวงปู่ตอบว่าดีอย่างไร ใช้อย่างไร หนัก ๆ เข้าจนหลวงปู่นึกอะไรไม่ทราบได้ ท่านกระซิบแผ่วเบาด้วยความเมตตาตอบกับผู้นั้นไปว่า “ ไม่รู้ ฉันก็ไม่เคยใช้ ได้แต่ทำ ”


    รายการนี้เปิดบูชาที่ 1,500 ครับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 027.jpg
      027.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.4 KB
      เปิดดู:
      112
    • 028.jpg
      028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.3 KB
      เปิดดู:
      88
    • 031.jpg
      031.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.9 KB
      เปิดดู:
      91
    • 032.jpg
      032.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.4 KB
      เปิดดู:
      117
  16. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    เบี้ยแก้ หุ้มเงิน พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ รุ่นแรก


    เบี้ยแก้หุ้มเงินรุ่นแรก หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม สร้างเพื่อเป็นการระลึกถึงครูอาจารย์ นั่นก้อคือห ลวงปู่เจือ ปิยสีโล พระอริยสงฆ์เจ้าที่เปี่ยมด้วยเมตตาท่านจึงกล่าวว่า ยันต์ด้านหลังไม่ต้องเปลี่ยนให้ใช้ยันต์เดิมของ หลวงปู่เจือ เป็นเอกลักขณ์ของหลวงปู่ เพื่อสืบสานวิชาการทำเบี้ยแก้ต่อไป จำนวนสร้างเบี้ยแก้หุ้มเงินลงยาชุดแรก และไม่ลงยาราชาวดีชุดแรก สร้างรวมทั้งหมดแค่เพียง 200 ตัว ต่อไปหายากแน่นอน เบี้ยเงินรุ่นแรก ด้านหลังตอกโค๊ต พร้อมจาร มีลายเซ็นชื่อหลวงพ่อมหาครับ มีน้อยมากครับเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หมดจากวัด


    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 026.jpg
      026.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.5 KB
      เปิดดู:
      115
    • 025.jpg
      025.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.5 KB
      เปิดดู:
      77
    • 024.jpg
      024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      116
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2014
  17. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    ปิดรายการแล้วครับ

    พระขุนแผนสากหัก มูลนิธิหลวงปู่ทิม
    พิมพ์ใหญ่พิเศษกดมือ 7 วันแรกที่มูลนิธิ
    เสกหลายวาระ หลังฝังเม็ดทับทิมเสก


    พระขุนแผน (พรายกุมาร) รุ่นสากหัก เพื่อแจกผู้ร่วมทอดกฐินสามัคคี ร่วมแผ่พลังสวดพุทธคุณปราบไตรจักร ในวันหล่อ พระกริ่งชินบัญชร รุ่น มหาปราบ
    ครั้งแรกที่ผมเข้าไปพบหลวงปู่ทิม อิสริโก ยอดพระเกจิอาจารย์ เมืองระยอง โดยการรบเร้าชักชวนมาเป็นปีๆ ของคุณประชา ตรีพาสัย อดีตนายช่างโยธาของกรมชลประทาน คุณเพียรวิทย์ จารุสถิติ ศิษย์เอกคนหนึ่งของหลวงปู่ทิม ชี้ให้ผมดูครกหินใบเขื่องที่แยกออกเป็นสองเสี่ยงใต้ถุนหอฉันหลังเก่าที่รื้อไปแล้ว คุณเพียรวิทย์บอกว่า ครกหินใบนี้แตกขณะตำผงพรายกุมาร ผมไม่เคยได้ยินคำว่า ผงพรายกุมาร มาก่อนจึงถามคุณเพียรวิทย์ว่า ผงอะไร? คุณเพียรวิทย์ตอบและอธิบายให้ฟังว่าคือ ผงสุดวิเศษที่ทำจากหัวกระโหลกเด็กตายทั้งกลม หรือหัวกระโหลกผีท้องแก่ ที่ลูกตายคาท้องแม่ เมื่อเอามาตำจนใกล้จะละเอียดครกหินที่ใช้ทำก็แตกออกเป็นสองเสี่ยง!

    ครั้งนั้นผมยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่นัก คิดว่าคุณเพียรวิทย์ ฉายหนังให้ดูเสียมากกว่า แม้แต่หลวงปู่ทิม ท่านลงมาเจิมครถยนต์ให้ผมในวันที่พบกันครั้งแรก ท่านเพ่งและเอาสองมือแตะหน้าหม้อรถโฟลต์ รถก็เคลื่อนได้ทั้งๆที่จอดไว้บนพื้นทราย เห็นจะๆอย่างนี้ ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่อง “ครกแตก” มันเป็นไปได้อย่างไร?
    จนเมื่อประมาณกลางๆปี ๒๕๑๘ มีคนมาเล่าให้ผมฟังว่า นายสำเภา อัมฤทธิ์ หรือ นายครอก เอาผงพรายไปสร้างพระขุนแผนตำผงจนเกิดไฟลุกท่วมครก ผมก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อเพราะไม่เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ครั้งนี้มีพยานหลายคนมายืนยันว่า เขาเห็นมากับตา และต้องไปนิมนต์หลวงปู่ทิมมาดับไฟลุกครก ตอนนายครอกตำผงทำพระขุนแผน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของปฏิกริยาทางเคมีเมื่อโลหะสองชนิดมากระทบกันแรงๆก็ย่อมทำให้เกิดประกายไฟและเมื่อมีวัสดุไวไฟอยู่ด้วยก็เลยทำให้เกิดไฟลุกในครกได้
    เรื่องนายครอกตำผงพรายแล้วไฟลุกในครกนี้ ผมเคยให้นายครอก มาเล่าให้คุณนิลนารถและคุณพรชัย ร้านเซี้ยโภชนา ฟังก่อนที่เขาจะร่วมกันทำหนังสือเล่มแรก นายครอกเล่าให้ฟังข้างวิหารรูปหล่อหลวงปู่ทิมว่า เมื่อหลวงปู่ทิมและกรรมการวัดละหารไร่ จ้างให้นายครอกทำพระขุนแผนพรายกุมาร องค์ละ ๑ บาท บอกสูตรในการผสมผงแล้วก็ให้ผงพรายมาค่อนกระป๋องนมข้น บอกว่าเมื่อตำผงได้ที่ไม่ติดมือแล้วให้ตักผงพรายกุมารผสมลงไป ๑ ช้อนแกง นายครอกเล่าว่าเมื่อเอาผงพรายที่หลวงปู่ทิมให้มาใส่ครกตำได้ประเดี๋ยวเดียวก็เกิดไฟลุกในครก จะทำอย่างไรก็ไม่ดับเปลวไฟที่ลุกเป็นสีออกเขียวคล้ายไฟอ๊อก..ร้อนมาก เมื่อหมดปัญญาที่จะดับ นายครอกก็ให้นายแดง ลูกชายหลวงลุงรอด (ขรัวรองจากหลวงปู่ทิม) ขับรถโตโยต้าไปรับหลวงปู่ทิมมาดับไฟ
    เมื่อหลวงปู่ทิมมาถึงก็เอามือลูบเหนือครก ไฟก็ดับสนิท แต่ผงกลายเป็นถ่านดำหมดทั้งครก แล้วหลวงปู่บอกให้เก็บผงนี้ไว้ เอาไว้ผสมกับผงที่จะทำพระขุนแผนในครกต่างๆต่อไป
    ครั้งผมมาเขียนเรื่องพระขุนแผนพรายกุมารอันลือลั่นของหลวงปู่ทิม ผมก็ได้เอาเรื่องเหล่านี้เขียนเล่าลงไปด้วย และก็เกิดความเชื่อว่า เรื่องครกแตกออกเป็นสองเสี่ยงก็ดี ไฟลุกขณะนายครอกตำผงพรายก็ดี คงเป็นเรื่องจริงเพราะมีผู้เห็นกันหลายคน ถ้าจะเรียกว่าเล่าลือกันไปทั้งหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆวัดละหารไร่ก็คงจะไม่ผิด แต่เสียดายอยู่อย่างเดียวที่ผมไม่ได้ถ่ายภาพครกที่แตกออกเป็นสองเสี่ยงไว้ทั้งๆที่มีกล้องถ่ายรูปอยู่ในมือ

    จนเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นวันดีของปีผมจึงถือเอาวันนี้เป็นวันเริ่มต้นในการสร้างพระขุนแผนพรายกุมารที่จะแจกเป็นของขวัญ หรือของสมนาคุณแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญกับผมในการหาปัจจัยไปทอดกฐินสามัคคี ที่วัดพงเสลี่ยง บ้านห้วยโป้ ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เมื่อผมเอาผงพุทธคุณต่างๆพร้อมผงพรายกุมารที่ พระทอง สุขวงศ์จันทร์ และลุงแมง มอบให้มาตำเป็นครกแรก พอผงเริ่มละเอียดพอที่จะนำมากดเป็นพระได้ สากหินก็หักทันที! ผมขนลุกซู่ทั้งตัว หลวงปู่ทิมคงสำแดงอะไรบางอย่างเป็นสัญญาณบอกว่า พระขุนแผนรุ่นนี้ต้องขลังและศักดิ์สิทธิ์แน่นอน เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ผมเห็นหรือผมทำคนเดียว มีผู้ร่วมเห็นอยู่ ๓ คน คือ ผม, คุณมานิดา ภรรยาผม, และคุณนพดล ช่างโยธา ซี ๔ สำนักระบายน้ำของกทม. รวมอยู่ในพิธีตำผงวันนั้นด้วย พระขุนแผนพรายกุมารทั้งพิมพ์เล็ก, พิมพ์ใหญ่ ที่จะทำขึ้นสมนาคุณแก่ผู้ร่วมทอดกฐินครั้งนี้ เป็นหนึ่งในตระกูลผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม น่าจะได้ชื่อว่า
    พระขุนแผน (พรายกุมาร) รุ่นสากหัก พระขุนแผนพรายกุมารรุ่นที่เริ่มผงครกแรกแล้วสากหินที่เอามาตำผงเกิดหักขึ้นมา คงจะเป็นไปตามอาถรรพ์ของการสร้างผงพรายกุมารตามตำรับของหลวงปู่ทิม ที่เป็นมาแล้วถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรกพอเริ่มตำผงพรายครกหินขนาดใหญ่ที่ใช้ตำก็แตกออกเป็นสองเสี่ยง, ครั้งที่สอง หลวงปู่ทิมให้นายครอก อัมฤทธิ์เอาไปทำที่บ้านพอตำผงได้ที่ไฟก็ลุกขึ้นในครก และครั้งที่ ๓ เกิดที่บ้านผมหรือสำนักงานมูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก ในซอยเฉลิมสุข เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พอผงพรายกุมารที่ตำกำลังจะได้ที่สากหินที่ตำก็หักเป็นสองท่อน ก็คงเป็นเครื่องสำแดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของการสร้างพระขุนแผนในครั้งนี้เป็นแน่ เพราะก่อนจะสร้างพระขุนแผนรุ่นนี้ทั้งผมและลุงแมงต่างก็บอกกล่าวกับรูปหล่อหลวงปู่ทิม ทุกครั้งก็สวดมนต์ไหว้พระเพื่อขอให้บังเกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ดุจเดียวกับที่หลวงปู่ทิมทำเมื่อครั้งยังมีชีวิต เพราะเราจะเอาพระขุนแผนพรายกุมารชุดนี้ไปทำบุญทำกุศล แจกแก่ผู้ร่วมทำบุญทอดกฐิน ณ วัดพงเสลี่ยง บ้านห้วยโป้ สุโขทัยในวันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ และขอให้พระขุนแผนพรายกุมารที่ทำขึ้นมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับที่หลวงปู่ทิมทำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
    พระขุนแผนพรายกุมาร รุ่นสากหัก ที่ทำขึ้นครั้งนี้ ถ้าจะเรียกว่าเป็นการสร้างที่มีวัตถุมงคลมากที่สุดเท่าที่ได้เคยสร้างกันมาหลังจากหลวงปู่ทิม มรณะภาพแล้วก็เห็นจะไม่ผิด

    ลุงแมง อัมฤทธิ์ บุตรบุญธรรมหลวงปู่ทิม ซึ่งท่านตั้งชื่อให้ว่า นายสิงหราช อัมฤทธิ์ และเป็นผู้ที่หลวงปู่ทิมมอบหมายให้สร้างพระขุนแผนพรายกุมารให้ท่านเป็นคนแรก (ขุนแผนลองพิมพ์) อีกทั้งเป็นผู้ที่หลวงปู่ทิมใช้ให้ไปขุดโคกดินใต้ถุนศาลาภาวนาภิรัต เพื่อเอาน้ำมันพระเจ้าตากมาสร้างพระขุนแผนนั้นคงเป็นเพราะลุงแมงมีชื่อเป็นมหาอำนาจ ลุงแมงย้ายจากระยองไปอยู่สุโขทัยแล้วลงทุนซื้อไร่ปลูกส้มเขียวหวานออกจำหน่าย แกเห็นศาลาเอนกประสงค์ของวัดพงเสลี่ยงซึ่งใช้เป็นที่ประชุมชาวบ้านอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ก็เลยมาปรึกษากับผมเพื่อขอให้ผมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินในปีนี้ เพื่อนำปัจจัยที่จะได้มาสร้างศาลาให้วัดพงเสลี่ยง ผมก็รับปากและบอกว่าจะแจ้งข่าวบอกบุญไปยังบรรดาลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม ให้ช่วยกันเป็นเจ้าภาพเพื่อสร้างศาลา โดยให้ชื่อว่า “ศาลาศิษย์หลวงปู่ทิม ร่วมใจ”
    เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของผู้ร่วมงานจึงคิดสร้างพระขุนแผนพรายกุมารเอาไว้แจกผู้ร่วมทำบุญ ลุงแมงและพระทอง สุขวงศ์จันทร์ ซึ่งทั้งสองคนเคยรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ทิม โดยทั้งสองคนได้มอบผงพรายกุมารชนิดบริสุทธิ์ (เพียวๆ) หรือชนิดเข้มข้นที่ทั้งคู่เก็บไว้ครั้งสร้างพระขุนแผนให้หลวงปู่ แก่ผมหนึ่งขวดเนสกาแฟขนาดเล็ก แกบบอกว่าเก็บไว้ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อ (หมายถึงหลวงปู่ทิม) ไม่กล้าเอาออกมาทำพระเพราะเกรงใจพระอาจารย์เชยเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ เลยตัดสินใจมอบให้ผมเพื่อให้เอามาทำพระขุนแผนแจกงานกฐินในครั้งนี้
    นอกจากนั้นลุงแมงยังไปแสวงหาว่านมงคลต่างๆตามตำราสร้างพระผงของหลวงปู่ทิมมาให้ผมอีกหลายชนิด สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ลุงแมงไปเสาะแสวงหามาให้ผมก็คือ ไม้หลงลืม หรือเถาวัลย์หลง เมื่อผมไปเยียนลุงแมงที่บ้านห้วยโป้ ภรรยาลุงแมงบอกกับผมว่า “พี่แมงอุตสาห์ไปหาไม้หลงลืม เอามาให้ผมทำพระขุนแผน ไปหาอยู่นานโขจึงจะได้” นอกจากวัตถุมงคลต่างๆแล้ว ทิดเย็น คำมี หรืออดีตหลวงพี่เย็น ซึ่งเคยช่วยหลวงปู่ทิมสร้างพระเครื่อง, ลงเลขยันต์ ตลอดจนการทำสีผึ้งก็ได้บอกเคล็ดลับต่างๆในวิธีการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ทิมแก่ผมด้วย
    บางคนก็นำผง และของอาถรรพ์ต่างๆมาให้ด้วย คุณอุกฤษ ดุลย์เกษม หัวหน้าไปรษณีย์ นำพระผงรูปหล่อขนาดใหญ่พิเศษหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ซึ่งสร้างขึ้นเพียง ๓ องค์ มาให้ผมตำผสมลงไปในเนื้อพระขุนแผน ลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อพรหมเห็นพระผงรูปเหมือนองค์นี้แล้ว บอกให้ผมเก็บเอาไว้เพราะหายากมากทำจากผงล้วนๆของหลวงพ่อพรหม มีเพียง ๓ องค์เท่านั้น แต่ผมก็ได้นำไปป่นใส่ลงในเนื้อพระขุนแผนรุ่นสากหัก ทิดเย็น คำมีได้แนะนำให้ใส่วัสดุอาถรรพ์ต่างๆเหมือนครั้งที่หลวงปู่ทิมสร้างพระขุนแผน ซึ่งผมก็ทำตามทุกอย่าง
    แทบจะกล่าวได้ว่าพระขุนแผนพรายกุมารรุ่นสากหักนี้ มีผงพรายกุมาร และผงวิเศษต่างๆ ของหลวงปู่ทิม บรรจุมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างกันมาผมลงมือตำผง กดพิมพ์สร้างพระขุนแผนได้ประมาณพันกว่าองค์ก็ทำต่อไปไม่ไหว คุณชาลี เอี่ยมฉลวย ศิษย์เอกของหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี และหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม เลยรับอาสาเอาไปทำต่อให้เพราะจะทำเป็นพุทธบูชาถวายหลวงปู่ทิม ก่อนจะรับอาสาทำให้ คุณชาลีเล่าว่า ฝันเห็นหลวงปู่ทิมมาหาแล้วยื่นกระดาษสารพัดกันสีชมพูให้พร้อมกับแผ่นทองคำอีก ๑ แผ่น ทั้งสองสิ่งเข้าไปในตัวของคุณชาลี พอคุณชาลีเริ่มทำพระขุนแผนก็เกิดอาการเนื้อด้านหลังเต้นตุ๊บๆ จนเกิดความรำคาญ ไม่ว่าคุณชาลีจะเอาไม้เอามีดมาเกาหรือแม้แต่เอามีคมๆมาสับเนื้อด้านหลังก็ยังไม่หายเต้น คุณชาลีเลยไปเปิดเสื้อให้พระอาจารย์เปีย ศิษย์สายอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ผู้เป็นอาจารย์สักดูแผ่นหลัง ปรากฎว่า ด้านหลังนูนขึ้นมาเป็นรูปหงษ์ทองคู่ และรูปหนุมาน คุณชาลี เอี่ยมฉลวย ทนทุกข์เพราะหนังเต้นอยู่ได้ ๒ วัน พ่อแก่ครูฤาษีที่คุณชาลีนับถือบอกว่า ครูมาลง เพราะทำพระขุนแผนให้เอาหมากพลูมาเคี้ยวแล้วเอาน้ำหมากมาลูบหลัง อาการเนื้อเต้นก็จะค่อยๆหายไป คุณชาลีบอกว่ เหตุที่เป็นดังนี้เพราะหลวงปู่ทิมคงต้องการแสดงให้รู้ว่าพระขุนแผนชุดนี้ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน

    พระขุนแผนสากหักนี้ หลวงปู่ธรรมรังษี เมตตาปลุกเสกให้ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๖ และแจกเป็นของสมนาคุณแก่ผู้ร่วมงานกฐินวัดพงเสลี่ยง สุโขทัยไปบ้าง แล้วนำพระขุนแผนที่เหลือไปเข้าพิธีเททองหล่อพระกริ่งชินบัญชรมหาปราบ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๖ อีกครั้ง พระขุนแผนพรายกุมารรุ่นสากหักสร้างขึ้น ๒ พิมพ์ คือพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่สร้างเพียง ๕, ๕๕๕ องค์, พิมพ์เล็กสร้างเพียง ๖, ๙๙๖ องค์ มี ๓ สีคือ สีดำ, แดง, และขาว พิมพ์ใหญ่มีชนิดฝั่งตะกรุดทองคำ ๙๖ องค์, ตะกรุดเงิน ๒๕๖ องค์, และตะกรุดทองแดง ๓๕๖ องค์, และพิเศษบรรจุขุนพลจิ๋วปี๒๕๔๔, หรือบรรจุปรกใบมะขามหลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่, บรรจุทับทิมเสก - พลอยเสก
    ตะกรุดสาริกาทั้งทองคำ, เงิน, และทองแดง คุณชาลี เอี่ยมฉลวย เป็นผู้จารตามตำราและเคล็ดลับของหลวงปู่ทิม อิสริโก แล้วถวายให้หลวงพ่อผล ทายาทของหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ลพบุรี ปลุกเสก, ส่วนขุนพลจิ๋วปลุกเสกในน้ำมันเหล็กไหล-น้ำมันพราย พิธีที่วัดละหารไร่เมื่อปี๒๕๔๔ โดยหลวงพ่อสาคร
    ผู้ที่รับแจกขุนแผน (พรายกุมาร) รุ่น สากหัก ไปหลายท่านได้นำออกใช้ทันที เพราะเชื่อว่านอกจากหลวงปู่ธรรมรังษีจะปลุกเสกแล้ว หลวงปู่ทิม ต้องลงมาทำให้อย่างแน่นอนอีกครั้ง ดังจะเห็นได้จากพิธีเททองพระกริ่งชินบัญชร มหาปราบ ที่เกิดความมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อมาแล้ว พระคุณเจ้าองค์หนึ่งที่จังหวัดสระบุรี มาขอไปแจกกฐิน ท่านเล่าให้คุณไพโรจน์ ซื่อชัยเจริญ แห่งเกษมสุขหินอ่อนฟังว่า เมื่อเก็บไว้ในกุฏิ นิมิตเห็นสีกามาหาเต็มกุฏิไปหมด เลยเอาไปฝากที่พระภิกษุอีกรูปหนึ่งซึ่งก็นิมิตเช่นเดียวกันอีก หลายคนที่นำเอาไปใช้เพราะเชื่อว่าหลวงปู่ทิม ต้องมาปลุกเสกให้ เล่าว่า คนไม่ถูกกันมานานก็มาพูดด้วย บางรายก็มีสาวๆมาแซวอย่างไม่เคยมีมาก่อน อีกรายบอกว่าเมื่อเอาขึ้นคอแล้วก็นึกถึงแฟนเก่าๆก็โทรมาหา

    สากหักเนื้อขาวกดมือ หลังฝังทับทิมเสก องค์นี้หย่อนสวย
    ไม่เหมือนผลิตจากพระโรงงาน แต่เรื่องผงพรายหรือมวลสารต่างๆ ใส่เต็มๆครับ


    ปิดรายการแล้วครับ​


    4-5/0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  18. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    นางพญาพิมพ์กลาง กรุเก่า อายุมากกว่า 84 ปี!!***


    รายการเก็บก่อนแพงครับ***

    เข้าพิธีเสาร์ 5 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
    มาพร้อมกล่องเดิมจากวัดครับ

    เปิดกรุพระเครื่อง วัดราชบูรณะ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553​


    พระนางพญาที่กรุแตก ณ วัดราชบูรณะ จ.พิษณุโลก ทราบมาว่าขุดค้นเจอเมื่อเย็นวันเสาร์ ที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่พระเณรกำลังพัฒนาวัดบริเวณข้างเจดีย์ราย, ใกล้ๆ กับเจดีย์หลวง หลังวิหารของวัดราชบูรณะ ด้วยทางท่านเจ้าอาวาสจะทำการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณนี้ให้ดูสวยงาม และง่ายต่อการดูแลรักษาศาสนสมบัติ เพราะวัดราชบูรณะ นี้ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่คู่บ้านคู่เมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ของจังหวัดพิษณุโลก

    การขุดเจอกรุพระนั้น ตามที่เป็นข่าวว่า เจอโดยบังเอิญขณะที่พระเณรพยายามจะขุดเอาต่อไม้เก่าออก บริเวณนั้นเคยเป็นที่เผาใบไม้ ที่พระเณรเก็บกวาดมากองสุมเผาใกล้ๆ ตอไม้นี้ประจำ ต่อมาทางเจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้เผาขยะ และใบไม้บริเวณนี้อีก เพราะเป็นเขตโบราณสถานของวัด โดยทางท่านเจ้าอาวาสได้มีความดำริจะพัฒนา ปรับปรุง บริเวณนี้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยการจะปรับปรุงภูมิทัศน์โดยทั่วบริเวณโบราณสถานให้ดูเรียบร้อย สะอาด สวยงาม ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิษณุโลกอีกแห่งในไม่ช้านี้ จึงสั่งการผ่านพระเลขาของท่าน ให้นำพระเณรไปทำความสะอาดบริเวณนั้น และขุดตอไม้ที่เผาไหม้ไม่หมดนั้นออก จึงเป็นเหตุให้ขุดเจอไหบรรจุกรุพระนางพญาดังกล่าว ใต้ตอไม้นั้น และคงเป็นเหตุให้ขุดหาในบริเวณโดยรอบๆ จนเจอไหลักษณะเดียวกันนั้นอีกรวมถึง 5 ไห ตามที่เป็นข่าว

    ส่วนพระนางพญาที่ขึ้นกรุนี้ จากการสันนิษฐานของเจ้าอาวาส โดยท่านกล่าวว่า ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดราชบูรณะ นี้นานกว่า 30 ปี และเป็นเจ้าอาวาสมานาน 20 กว่าปีนี้ ได้เก็บรักษาวัตถุมงคลต่างๆ ครั้งในอดีตที่เจ้าอาวาส หลายๆ รุ่น ได้สร้างวัตถุมงคลไว้ และโดยส่วนมากจะเป็นพระพิมพ์นางพญา และพระนางพญาที่แตกกรุในครั้งนี้ มีลักษณะพิมพ์องค์เหมือนกับพระนางพญาที่ท่านเคยเห็นและเคยเก็บรักษาไว้ ก็คือพระพิมพ์นางพญาของ พระครูอนุโยคศาสนกิจ หรือหลวงพ่ออ่ำ อดีตเจ้าอาวาสเคยสร้างไว้

    และจากที่ได้หาประวัติโบราณสถานวัดราชบูรณะ ก็ได้พบทำเนียบเจ้าอาวาสวัดราชบูรณะ ที่ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คือ เริ่มจาก

    1. พระครูอนุโยคศาสนกิจ หรือ หลวงพ่ออ่ำ เป็นเจ้าอาวาส เมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐาน ทราบแต่ว่าเป็นเจ้าอาวาสถึงปี พ.ศ.2469 ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ปรากฎหลักฐานเหมือนกันว่า ใครเป็นเจ้าอาวาสมาก่อนด้วย

    2. ปี 2469 - 2480 หลวงพ่อตุ้ม เป็นเจ้าอาวาส

    3. ปี 2480 - 2496 หลวงพ่ออิ่ม

    4. ปี 2496 - 2526 พระครูอนุโยคศาสนกิจ หรือ หลวงพ่อวัลลภ

    5. ปี 2526 - 2530 พระอาจารย์สิน อมโร

    และ7. ปี 2530 - ปัจจุบัน พระครูสิทธิธรรมวิภัช



    จะเห็นได้ว่า ถ้าหากพระนางพญากรุนี้ สร้างในสมัยหลวงพ่ออ่ำจริง นั่นก็คือ อย่างเห็นๆ ก็มีอายุกว่า 84 ปี แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางกรมศิลปากร ที่มีความชำนาญการในเรื่องโบราณสถานโบราณวัตถุ ได้มาตรวจสอบแล้ว และระบุว่าพระนางพญาที่ทางวัดเจอดังกล่าว เป็นพระพิมพ์เนื้อดิน ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปีแล้ว ก็ตรงตามสันนิษฐาน ว่า พระนางพญากรุที่แตกดังกล่าวนี้ ได้สร้างในยุคของหลวงพ่ออ่ำ จริงๆ

    เป็นที่น่าทึ่งอยู่เหมือนกัน ที่ว่าทึ่งนี้ ผมทึ่งกับความชาญฉลาดของคนสมัยโบราณ ซึ่งก่อนๆ นั้นผมไม่เห็นด้วยกับ เรื่องที่เคยฟังหรือได้อ่านมา เกี่ยวกับการฝังสิ่งของ หรือฝังสมบัติ ของมีค่าต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นแก้ว แหวน เงิน ทอง หรืออะไรก็ตาม อาจจะด้วยเหตุศึกสงคราม หรือฝังหนีการโจรกรรม ปล้นชิง หรืออาจจะฝังด้วยเพราะว่าเล็งเห็นอนาคต ก็น่าคิดเหมือนกันว่า คนโบราณท่านที่ฝังสมบัติไว้เหล่านั้น ท่านฝังไว้ทำไมหนอ ฝังแล้วท่านก็มิได้อยู่ตลอดกาลนาน เพื่อจะได้ใช้สอยตลอดเลย หากแต่ล้มหายตายจากไปเสีย ตายไปก็ไม่แน่ว่าจะได้ใช้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ก็เป็นทรัพย์ในดิน เป็นสินในน้ำโดยแท้คนที่ฝังไว้ไม่ได้ใช้สักราย แต่ถ้าหากมองกลับกันละครับ ท่านไม่ได้ฝังไว้เพื่อตัวท่านเอง ท่านไม่ได้ฝังไว้เผื่อใช้ขณะอยู่ในปรโลก แต่ว่า ท่านได้ฝังไว้ให้ลูกให้หลาน ให้ผู้มีบุญ มีวาสนาได้พบได้เจอ จะได้นำสิ่งที่ท่านฝังไว้เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ยังไงล่ะ

    และทางศาสนบุคคล คือผู้ที่สืบทอดพระศาสนา อย่างพระสงฆ์องค์เจ้าสมัยก่อนๆ ที่มีวิชา มีความรู้ ที่ได้สร้างศาสนสมบัติไว้ในอดีต ท่านก็คงเล็งเห็นอนาคตว่า สิ่งที่ท่านได้สร้างได้ทำเหล่านั้น อาจจะไม่คงทนถาวรหากขาดการดูแลรักษาจากคนรุ่นต่อๆ มา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นจริงดั่งท่านคิด สิ่งก่อสร้างหรือศาสนสมบัติต่างๆ มิได้คงทนต่ออนิจกรรม หากเป็นทุกขังที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาจริงๆ หากไม่มีการบูรณะซ่อมแซม สิ่งเหล่านี้จากคนรุ่นต่อๆ มา ก็ไม่แน่ว่าเราจะมีบุญได้เห็นความอลังการ ความสวยงามของสิ่งเหล่านี้หรอกหรือ แต่จะบูรณะปฏิสังขรณ์ หรือบำรุงรักษาอย่างไรล่ะ ถ้าหากไม่มีกำลังทรัพย์ หรือ สิ่งของจำเป็นในการดำเนินการ

    ด้วยเหตุนี้อย่างไรล่ะ จึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งกับความชาญฉลาดคนโบราณ ที่มีการฝังสิ่งต่างๆ เหล่านั้น อย่างทางวัดในพระพุทธศาสนา หากจะสร้างโบสถ วิหาร เจดีย์ หรือถาวรวัตถุต่างๆ ก็มีการบรรจุพระเครื่อง พระบูชา ต่างๆ ไว้ หรือด้วยการฝังไว้กับดิน ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของวัด ก็คงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังๆ จะได้นำไปเป็นกำลังในการบูรณะ รักษาศาสนสถานนั้นไว้ให้ได้นานเท่านานนั่นเอง


    รายการนี้สอบถามทาง PM ดีกว่าครับ


    5/0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1187.jpg
      IMG_1187.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_1188.jpg
      IMG_1188.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      176
    • IMG_1190.jpg
      IMG_1190.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2013
  19. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    พระสีวลี ลอยองค์ปางจกบาตร
    ใต้ฐานอุดพระธาตุ

    วัดเขาแก้วชัยมงคล ​


    เคล็ดการบูชาพระสีวลี

    พระสีวลีเป็นพระเถระ ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่า เป็นพระอรหันต์ที่เลิศทางลาภสักการะมาก หากผู้ใดมีพระสีวลีไว้บูชา ประจำบ้านเรือน จะนำโชคมหาลาภ มาสู่ท่านผู้บูชา ในธุรกิจ การค้า หรือเคหาสน์สถานบ้านเรือน หากได้บูชาพระสีวลีแล้วจะสำเร็จดังปรารถนาแน่นอน

    สำหรับการบูชาพระสีวลีมีดังนี้

    ในการบูชาพระสีวลีนั้น ให้บูชาด้วยดอกบัว ๕หรือ ๙ ดอก หรือใช้พวงมาลัยที่เป็น ดอกมะลิ ดาวเรือง ใช้ธุปหอม หรือกำยานสามเม็ดก็ได้เป็นกลิ่นหอมเย็นๆๆ อย่าใช้ธุปหอมสีดำเป็นอันขาดเพราะพระสีวลีเป็นพระอรหันต์ไม่ใช่เทวดา ครับ ธูปแขกสีดำไว้บูชาเทวดา เมื่อจะบูชาให้เอาพวงมาลัยถวายใส่พานถวายหน้ารูปเคารพแทนองค์พระสีวลี หรือ เอาดอกบัว ๕หรือ๙ ดอกใส่แจกัน จะมีเทียนหรือไม่ก็ได้ จุดธูป สามดอก แล้วตั้ง นโมสามจบ กล่าวคำบูชาพระสีวลีด้วยพระคาถานี้
    นโมสามจบ
    สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

    สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา

    สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ
    เสร็จแล้วเอาธูปปักที่กระถาง กราบสามที
    และสวดบทนี้เพื่อขอลาภจากองค์พระสีวลี
    คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี
    (โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง)

    นโม ๓ จบ

    สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง ( ๓ จบ )

    มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ(๓จบ)
    เสร็จแล้วอธิษฐานขอเรื่องลาภ เลยโดยตรง ครับแล้วกราบสามที บทนี้เป็นบทหลวงปู่เกษม เขมโก ที่มอบให้หลวงปู่ขวัญ ปวโร ใช้บอกญาติโยมเป็นบทขอลาภพระสีวลีโบราณครับ
    ทางเว็ปพุทธคุณ(buddhakun.com)จึงขอนำมาลงให้อ่านกัน
    อนึ่ง มีเคล็ดว่า ในวันพฤหัสบดี หากสะดวก ควรถวาย น้ำผึ้ง พระสีวลีด้วยโดยจะใส่จอกเล็กถวายท่านในวันพฤหัสบดีหรือหากทุกวันได้ยิ่งดีครับ จะทำให้ท่าน บังเกิดโชคลาภ อย่างเห็นได้ชัด และเป็นเคล็ดเพื่อให้เงินทองไหลมาเทมาในเคหาสน์สถานบ้านเรือน และผู้บูชาด้วยน้ำผึ้งประจำวันพฤหัสบดี จะไม่ตกทุกข์ได้ยากเลยในชีวิต เพราะในอดีต พระสีวลีได้ถวายน้ำผึ้งแก่พระพุทธเจ้ากัสสปะ ด้วยอานิสงส์นี้เองทำให้ท่านได้เป็นพระอรหันต์ที่เลิศในทางมีลาภมากครับ เป็นเคล็ดที่นำมาฝากกันครับ

    ตั้งบูชาที่ 550 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1314.jpg
      IMG_1314.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      79
    • IMG_1315.jpg
      IMG_1315.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      66
    • IMG_1316.jpg
      IMG_1316.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      98
  20. kwang0197

    kwang0197 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +830
    รายการเพื่อนฝากลงครับ


    ขออนุญาติคุณกวาง เปิดให้บูชา สีผึ้งสาริกา ของ ท่าน อ.เอ็ม พุทธศาสตร์

    มวลสารเยอะมากครับ หุงด้วย น้ำมันเสน่ห์ หลายอย่างเช่น น้ำมันว่านดอกทอง น้ำมันกั่วเผาะ น้ำมันตาปลาพยูน น้ำมันแระผงนกกกไข่ตายคารัง +ว่านอีกหลายชนิด เช่นว่า สาริกา ไม้ไก่กุ๊ก ว่านดอกทองสิบหกชนิด ผงเกสร108ชนิด ดอกรักซ้อน และว่านกับผงเสน่ห์อื่นๆอีก มากมาย มวลสารทั้งหมดมาจากหลายท่านเช่น ปู่ฤาษีอำนาจ,ปู่ฤาษีคัมภีร์,อาจารย์ยกพล,อาจารย์อ๋องแปด,อ.ซาอึ่ง และของอ.เอ็มเอง สีผึ้งสาริกานี้เสกตอนขึ้นครูพระพิราพ พร้อมกับหุงในงานเสกพรายดีสามต่อหน้าครูบายศรีเขมร พิธีแรงมากครับถือเป็นสุดยอดของวิชาสายเขมร สีผึ้งทุกตลับโรยดอกรักซ้อนกับเครือสาวหลงตัวผู้ตัวเมีย ฝังนางกวักของ ของท่านปู่ฤาษีคัมภีร์ ทั้งหมดครับ ตลับ เล็ก 300 มีเหลือเพียงแค่25ตลับ ตลับใหญ่ 500 มีเหลือแค่ 2ตลับราคาเท่าสำนักครับ


    **มีพิเศษหนึ่งตลับฝังนกสาริกา ของท่านปู่ฤาษีคัมภีร์ 600บาท มีอยู่ 1 ตลับครับ**

    สนใจติดต่อ ทางอินบ๊อคหรือ 0818243029 ได้เลยครับ
    เลขที่บัญชี 5752029859 กสิกรไทย อาทร สนธิศิริกฤตย์ ครับ ​


    ขอบคุณมากครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...