แมวเหมียวมงคลฟีล์ม ภูมิใจเสนอ!"เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่"น.64

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 10 ธันวาคม 2012.

?
  1. เห็นดีด้วยและขอเป็นกำลังใจต่อไป

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เห็นด้วยนิทานไร้สาระ งมงาย ฯลฯ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แมวเอ๋ย......แมวน้อย...........
    ทิ้งเพื่อนคอย..........ละห้อยหา
    ร้องเรียกเหมียว เหมียว เหมียว ไม่เหลียวมา
    เพื่อนร้องหาคอยเจ้าทั้งเช้าเย็น :'(
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    มาแล้ว มาแล้ว ช่วงนี้หากินตอนกลางคืน :cool:

    จากวันเป็นเดือนจากเดือนเคลื่อนไปเป็นปีและแล้วอาริยาก็ได้สำเร็จการศึกษาพร้อมเกียรตินิยมติดอันดับต้นๆของวงการแพทย์ แต่ความสำพันธ์ของคนทั้งสองนั้น
    หาได้สิ้นสุดจบลงไปพร้อมกับการศึกษาไม่ หากแต่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาครั้งใหม่ ในวิชาการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน!
    ในสายตาของผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านคหบดีและคุณนายต่างเห็นพร้องต้องกันว่า คุณหมอคเชนทร์เป็นผู้ที่เหมาะสมคู่ควรกับบุตรีของตนมากที่สุด
    ในหมู่แมลงภู่ผึ้งย่อมมีแมลงผู้ชาญฉลาด สามารถบินทะลุทะล่วงเข้าไปลิ้มชิมรสความหวานของเกสรดอกไม้งามแรกแย้ม
    ในสวนต้องห้ามอันราชบุรุษเฝ้าหวงแหนรักษาไว้ดีสักเพียงไหน ก็มิอาจกางกั้นใจของผู้ที่มีบุญสัมพันธ์สืบเนื่องกันมาแต่กาลก่อนได้

    "คุณยา คุณรู้สึกเหมือนผมไหมเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เวลาที่นั่งหลับตาทำสมาธิพอจิตสงบแล้ว มักจะได้ยินเสียงนกร้อง เสียงธารน้ำไหล
    เสียงใบไม้ใบหญ้าไหว เสียงลมพัด ฯลฯ อย่างชัดเจน"

    "ใช่ค่ะคุณเชนทร์ เหมือนสมัยที่อยู่บ้านชนบทเลย ยารู้สึกและสัมผัสได้ถึงธรรมชาติต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา โดยเฉพาะเวลานั่งสมาธิยามักจะสัมผัสได้ชัดเจน
    เหมือนกับว่าธรรมชาติเขากำลังจะบอกและสื่ออะไรบางอย่างเป็นท่วงทำนองและเสียงเพลงประสานให้เราฟัง ไม่ว่าจะเป็นนกตัวน้อย แมลงตัวนิด สายสม แสงแดด
    แสงจันทร์ ไอดินกลิ่นฟ้า ฯลฯ คล้ายกับว่าเรารู้จักเนื้อเพลงอยู่แล้ว ธรรมชาติเขามาเป็นเครื่องดนตรีขับกล่อมให้เราฟัง มีทั้งเพลงรัก เพลงเศร้า เพลงสนุก ฯลฯ
    ยามใดหากว่ามีผู้เจ็บไข้ได้ป่วยหรือผู้เดือนร้อน ยาก็จะรับรู้ก่อนล่วงหน้าเสมอ ก็อาศัยสื่อจากธรรมชาตินี้แหละค่ะ
    "เมื่อเราวางจิตเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติเขาก็จะเป็นครูสอนเราให้ได้รับรู้สิ่งต่างๆตามความเป็นจริง!"
    ก็แปลกดีนะค่ะถ้าพูดคุยกับคนอื่นเขาคงจะหาว่าเราบ้าแน่ๆ อิอิอิ..โดยเฉพาะแสงจันทร์ สื่อให้ยารู้สึกถึงพลังงานที่รอคอยให้ยากลับไปทำหน้าที่บางอย่าง!"

    (เป็นสัญชาตญานมีในนาคราชทุกตน ที่จะสามารถสัมผัสและรับพลังงานต่างๆจากธรรมชาติและสื่อความหมายได้ ตามสายวงค์ตระกูล เช่น ตระกลูพญานาคสีเขียว
    สามารถสื่อกับความเย็นความอุดมสมบูรณ์ของป่าและน้ำได้ดี ตระกูลสีรุ้งสื่อกับแสงสีต่างๆและรับพลังงานจากอัญมณีได้ดี
    ตระกูลสีทองสามารถสื่อและรับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์และแสงสว่างได้ดี ตระกูลสีดำสามารถสื่อและรับพลังงานจากดินและฟ้าได้ดี...
    นอกจากนี้พญานาคทุกสายวงค์ตระกูลยังสามารถฝึกรับพลังงานพิเศษต่างๆจากธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้ครบหมดทุกสายตระกูล เพียงแต่ต้องมีครูอาจารย์สอน
    ในท้องเรื่องนี้ อาริยาเธอมีสื่อพิเศษในสายวิชาที่รับพลังงานจากแสงจันทร์แล้วแปรธาตุให้กลายเป็นอัญมณีแต่ยังฝึกไม่สำเร็จ ซึ่งในตอนต้นเคยกล่าวไว้แล้ว)

    "แล้วยามนี้คุณยารู้สึกไหมครับว่า ธรรมชาติเขากำลังบรรเลงเพลงอะไรอยู่?"(คุณหมอผู้ชาญฉลาดเป็นฝ่ายรุกฆาตเมื่อมีโอกาสอยู่กันเพียงลำพัง
    ท่ามกลางธรรมชาติ ในการไปทัศนศึกษาเชิงวิจัยพืชสมุนไพรคลอสสุดท้าย)

    "เพลงรักค่ะ"(อาริยาตอบเสียงห้วน เผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆก่อนจะหันหลังให้หมอหนุ่มด้วยท่าทีเขินอาย)

    บรรยากาศแรกหวานของคู่หนุ่มสาวคงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนเคยสัมผัสมาบ้างแล้วในช่วงชีวิตหนึ่ง "เมื่อแรกรักน้ำต้มผักก็ยังหวาน"
    คนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักทั้งเขาและเธอ ก็คงไม่ต่างกัน มันเป็นกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติเพื่อดำรงค์เผ่าพันธ์ของมนุษย์
    ยากนักที่จะมีใครหลบลี้หนีออกจากวงจรชีวิตนี้ได้...แล้วอย่างนี้หัวใจคนรอที่อยู่ต่างมิติจะสู้ความใกล้ชิดที่ก่อตัวขึ้นในภพปัจจุบันได้กระนั้นหรือ?

    "เนื้อเพลงนั้นเล่าคุณยาสื่อได้ความหมายอย่างไรวานเฉลย"(คเชนทร์)

    "สื่อได้ว่าคุณเชนทร์ทราบดีอยู่แล้วไยให้น้องขับ"(อาริยา)

    "เกรงน้อยยาบ่รับ ร้องผิด ตรงไฉน"(คเชนทร์)

    "มิได้เอ่ยเอื้อนแล้วจักผิดอย่างไร"(อาริยา)

    "ถ้าเช่นนั้นไซร้ ขยับมาใกล้ๆ ข้าจักร่ายพรรณา"(คเชนทร์)

    ลำดับนั้นสัญญาในอดีตชาติก็หลั่งไหลพร่างพรูออกมาเป็นท่วงทำนองเพลง ให้เขาทั้งสองใช้ภาษาที่ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจกัน...

    "ปล่อยความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
    ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล
    กรุ่นกลิ่นบุหงา พัดมาด้วยรักจากใจ
    เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น

    ส่งความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
    คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
    แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
    เธอไม่ต้องคืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ

    ฝากเป็นเพลง ให้ลอยเล่นลมไป
    ล่องลอยผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ
    ตราบนานอสงไขยเวลา

    หากเพลงคิดถึง ที่ปลิวไปในอากาศ
    เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
    ให้บทเพลงนี้ ล่องลอยเรื่อยไปเสมอ
    รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

    ฝากเป็นเพลง ให้ลอยเล่นลมไป
    ล่องลอยผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ
    ตราบนานอสงไขยเวลา

    แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ ตราบนานอสงไขยเวลา!!"

    สิ้นเสียงขับมนต์สกดไพร...เอ่ยเอื้อน!
    รอบสองเยือนนางเอื้อน...เอ่ยบ้าง!
    ว่าตราบนานอสงไขยสิ้น...ไป่สูญ!
    รักทวีคูณนานสิ้นภพ...จบ ไป่มี!


    (โปรดติดตามๆๆๆๆ...ขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่เป็นกำลังใจติดตามมาโดยตลอด) :cool:
     
  3. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ :cool:
     
  4. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เขิน๒.gif เขิน๓.gif เขิน๔.gif เขิน๕.gif

    แหม!...เรื่องรักๆใครๆเนี้ยะ ไม่ค่อยถนัดเลยเขียนช้าไปหน่อย
    ไม่รู้จะเขียนอย่างไรดีไม่มีประสบการณ์ตรงอ่ะ!
    เขียนๆไปก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจอยู่มิใช่น้อย อิอิอิ....!
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ว้า...เข้ามาไม่ทันแมวเหมียวเลย อยากจะเฆี่ยนสักหน่อย ทิ้งให้คอยนานเิกินไปหนอ อารมณ์ไม่ต่อเนื่องเลยหนอ
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตะเองมาหาเค้าจิ เดี๋ยวเค้าจะสอนประสบการณ์ตรงให้เองหนอ :cool:
    พูดเล่นหนอ....อย่าคิดมาก
     
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ต่อๆๆๆ เดี๋ยวอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง.......:cool:

    "คุณแม่ค่ะ คุณคเชนทร์จะขอติดตามพวกเราไป จ.นครสวรรค์ด้วย"
    "ก็ดีสิจ๊ะ จะได้มีบอดี้การ์ดคอยขับรถคุ้มครองดูแลเราไปตลอดทาง เพราะคุณท่านมิได้ตามไปด้วย อีกอย่างคุณคเชนทร์คงได้สดับธรรมะดีๆ
    จากองค์หลวงพ่อพระอาจารย์ พอซาบซึ้งในรสพระธรรมแล้วอาจบวชไม่สึกเลยก็ได้!"
    "คุณแม่!"(อาริยาตรงเข้าเขย่าแขนคุณนาย เมื่อรู้ว่าหล่อนถูกเย้าแหย่)

    ความจริงคเชนทร์ได้พาผู้ใหญ่มาพูดคุยกับท่านคหบดีและคุณนายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างดูราบรื่นดี ติดตรงที่ยังมิได้รับการอนุญาติจากพ่อ
    บังเกิดเกล้า ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าหนักใจนักสำหรับอาริยา เพราะพุธตามใจเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีหรือที่จะขัดใจลูกสาวสุดที่รักได้
    ความจริงคนที่แอบดีใจมากที่สุดเห็นจะเป็นตัวคุณนายเอง เพราะหากทุกอย่างลงตัวอย่างที่คิด เท่ากับว่าหล่อนจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกสาวตลอดไป
    เพราะหมอหนุ่มผู้มีอนาคตไกลคงไม่หอบเสื่อผืนหมอนใบไปสร้างเนื้อสร้างตัว ในถิ่นธุระกันดารเป็นแน่...

    รถกุโรทั่งสมัยโบราณขับบึ่งมาถึงบ้านป่าชนบทเย็นวันหนึ่ง ขมุกขมอมเต็มไปด้วยฝุ่นของถนนลูกรังจับเต็มรถ แป๊ดๆๆ...
    เสียงแตรรถทำให้ชายวัยกลางคนในชุดขาวเปิดประตูบ้านออกมาดู ทันทีที่รถจอดสาวน้อยอาริยาก็เดินปรี่เข้าไปสวมกอดร่างอันผอมบางนั้น
    แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึง ๕ ปี ก็มิทำให้เธอหลงลืมหน้าตาของบุพการีได้เลย

    "หนูกลับมาแล้วค่ะคุณพ่อ ทำไม่คุณพ่อดูซูบผอมจังเลยค่ะ?"
    "พ่อดีใจที่หนูกลับมาคงได้สำเร็จการศึกษาดังที่เขียนมาในจดหมายแล้วสินะ คนเก่งของพ่อ"(พุธพูดพลางเอามือลูบหัวบุตรน้อยด้วยความรัก
    ซึ่งบัดนี้อาริยามิได้มีศรีษะโตเท่ากำปั้นเหมือนสมัยเมื่อครั้งอดีตแล้ว...พุธอุทานในห้วงมโนนึก)
    "ตั้งแต่หนูจากไปพ่อก็ได้ถือศีล๘ นุ่งขาวห่มขาวกินข้าวเวลาเดียว ปกติจะอยู่ที่วัดเป็นประจำกลับมาอยู่บ้านบ้างเป็นครั้งคราว วันนี้นับว่าโชคดีนะ
    ที่พ่อกลับมาอยู่บ้านพอดี"

    หลังจากสนทนาพอเป็นเครื่องระลึกนึกถึงกันตามประเพณีวิสัยแล้ว พุธเชื้อเชิญให้คุณนายและคเชนทร์พักผ่อนตามอัตภาพ กลิ่นไอของความดีใจ
    ที่ได้พบปะพูดคุยกันผ่านพ้นไปยังมิทันจางหาย กลิ่นไอของความสะเทือนใจก็กลับมาเยือนอาริยาและคณะอีกครั้ง เมื่อเธอเอ่ยปากถามในสิ่งที่พุธ
    รอโอกาสบอกอยู่!
    "หนูเตรียมของและอาหารหวานคาวมาใส่บาตรหลวงพ่อยามเช้าด้วยค่ะ ท่านคงดีใจมากนะค่ะที่เห็นหนูกลับมา พอใส่บาตรเสร็จแล้วพวกเรา
    ก็พากันไปกราบนมัสการฟังธรรมที่วัดเหมือนเช่นเคย ท่านคงสบายดีนะค่ะคุณพ่อ?"
    (อาริยาพูดเป็นต่อยหอย แววฉลาดและความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของเธอนั้น มิได้ลดน้อยถอยลงเลยมีแต่จะยิ่งฉายแววความเป็นอัฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก)

    ชายวัยกลางคนผู้รัตตัญญูถอนหายใจยาว ทอดสายตาเม่อมองออกไปที่เชิงเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งตั้งเด่นสง่าแวดล้อมไปด้วยท้องทุ่งนาอันเขียวขจี
    ฤดูกาลยามนี้กลิ่นไอของรวงข้าวใหม่ กำลังหอมฟุ้งกระจายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณนั้น พุธสูดรับอากาศบริสุทธิ์ของท้องทุ่งอีกครั้ง
    ก่อนจะหันหน้ามาตอบคำถามบุตรสาวที่รอคอยฟังด้วยใจจดจ่อ...

    "ท่านหมดโอกาสที่จะออกรับบิณฑบาตรอีกต่อไปแล้วล่ะลูก!"(พุธกล่าวเสียงเรียบ ทำให้สายตาผู้มาเยือนทั้งหมดหันมาจ้องมองพุธเป็นตาเดียว)
    "หมายความว่าไงค่ะคุณพ่อ?..หลวงพ่อท่านเป็นอะไร?..ท่านอาพาธหนักหรือค่ะ?..ทำไมคุณพ่อไม่ส่งข่าวบอกหนู?...ไม่ ไม่จริง!"
    (อาริยาตั้งคำถามเป็นชุดเมื่อรู้ว่าท่านต้องอาพาธหนักแน่ๆ เพราะโดยปกติท่านจะเคร่ครัดเรื่องการออกรับบิณฑบาตรมาก)

    "ท่านป่วยเป็นอัมพาตได้ปีเศษๆแล้วตอนนั้นพ่อถือศีลอยู่ที่วัดพอดี ท่านล้มในกุฎีช่วงหัวค่ำสลบไปจนถึงเช้า
    เมื่อเห็นท่านมิได้ออกมาเตรียมรับบิณฑบาตร พระลูกวัดเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขานรับเขาจึงตามพ่อไปงัดประตูกุฎีเปิดออกดู
    พบท่านนอนสลบอยู่กับพื้นจึงเข้าไปประครองร่างเขย่าตัวเรียก ท่านจึงได้สติลืมตาขึ้น พวกเราพยายามจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
    แต่ท่านดื้อดึงให้เหตุผลว่ามันเป็นกรรม ต้องการจะชดใช้ให้มันหมดๆไปอย่าเสียเวลากับอาตมาเลย"

    "พวกเราได้ยินกันทุกคนวันนั้นน้ำตาไหลพรากเลย ไม่นึกว่าท่านจะใจแข็งเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้ ขนาดพวกเราเจ็บไข้ได้ป่วยนิดๆหน่อยๆ
    แค่หนามตำ แมวข่วน ยังร้องหามดหาหมอกันให้วุ่นวาย...ท่านช่างเป็นพระแท้ที่หาได้ยากยิ่งนัก เสียงร้องโอดโอยคร่ำครวญไม่เคยได้ยิน
    จากปากท่านเลยสักแอะเดียว แรกๆท่านยังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ระยะหลังๆมานี้เมื่อร่างกายอ่อนแอจึงถูกโรคแทรกซ้อน
    จะขาดผู้ดูแลใกล้ชิดมิได้เลย"(พุธเว้นช่วงสักพักหนึ่งเมื่อเห็นว่าบุตรสาวขณะนี้กำลังสะอื้นไห้ มีน้ำตาเอ่อล้นรินอาบสองแก้ม
    หันไปซบแนบอกคุณนายเป็นที่พึ่งพอได้คลายโศก)

    "ท่านกำลังรอลูกอยู่นะอาริยา ท่านเป็นคนสั่งห้ามมิให้ใครส่งข่าวไปบอกเอง เพราะเกรงหนูจะเป็นกังวลไม่เป็นอันศึกษาเล่าเรียน"

    "ผมพอจะมีวิธีรักษาอยู่บ้างครับคุณพ่อ แต่ขอตรวจดูอาการให้ละเอียดเป็นที่แน่ใจอีกสักระยะนึงก่อน"(หมอหนุ่มขันอาสาแสดงความเป็น
    สุภาพบุรุษและจิตวิญญาณของผู้เป็นหมออย่างเต็มตัว)

    "ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ พรุ่งนี้เราไปกราบท่านคงได้บทสรุปที่แน่นอน"(พุธรักษาน้ำใจว่าที่ลูกเขย ถึงจะรู้คำตอบในใจดีอยู่แล้ว
    ขนาดลงทุนเชิญหมอเก่งๆหลายต่อหลายคนไปรักษาตรวจดูอาการถึงที่ ก็ยังส่ายหน้าพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า..."ท่านอยู่ได้อย่างไร!")

    "ช่วงหัวค่ำก่อนเกิดเหตุวันนั้น พระที่อยู่ในกุฏีระแวกใกล้เคียงกันบอกว่าได้ยินเสียงหลวงพ่ออุทานเรียกชื่อหนูดังๆว่า "อาริยา"เพียงคำเดียว
    แล้วก็เงียบหายไปที่แรกนึกว่าหูคงฝาดจึงมิได้เอ๊ะใจ...แล้วหนูไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือลูก?"(พุธเป็นฝ่ายตั้งคำถามบุตรสาว เพราะปกติเธอ
    จะมีสัมผัสพิเศษสามารถรู้เหตุการณ์ต่างๆได้ดี แต่เหตุไฉนหลวงพ่อป่วยอาพาธหนักเธอถึงไม่ทราบ")

    "อาริยาหยุดสะอื้นไห้แล้วหลับตาทำสมาธิ พยายามนึกทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา
    โดยอธิษฐานจิตขอนิมิตที่เกี่ยวข้องกับองค์หลวงพ่อ จงมาปรากฎให้เธอได้รับรู้ในบัดนี้ด้วยเทอญ"...

    หลวงพ่อที่เคารพรักดุจบิดาแท้ๆ ท่านรักษาธาตุขันธ์ไว้เพื่อรอคอยการกลับมาของอาริยาด้วยเหตุใด?
    อาริยาและหมอคเชนทร์จะลงเอยอย่างไร?
    เธอจะช่วยพี่งูถอนคำสาปฤาษีหรือหรือไม่?
    (พลาดไม่ได้!โปรดติดตามตอนจบ เร็วๆนี้!!) :cool:
     
  8. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    เป็นพลังเงียบจ้า...ติดตามอยู่ :)
     
  9. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    :cool: มารออ่านด้วยคนจ้า ชูธง หนับหนุนๆๆๆ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    กระทู้ตกแล้วหนอ เหมียวน้อย....เธออยู่หนาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2013
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ครั้นสงบจิตนิ่งยินเสียง
    บิดรเพียรเพ่งมนต์บ่นคาถา
    เสน่ห์ขับขจัดโศกพ้นมายา
    ถอนมนต์ตรากระทำพิษปิดมลทิน

    ครั้นขจัดมิจฉากลับสำแดงฤทธิ์
    ปลิดชีวิตสะท้อนส่งตรงผู้ถอน
    กระแสศีลธรรมคุ้มพอประครอง
    สังขารหมองแต่ใจผ่อง ดั่งแก้ว นพคุณ

    "ขอบคุณมากนะค่ะหลวงพ่อ"อาริยาถอนจากสมาธิแล้วอุทานออกมาด้วยน้ำตานองหน้า บัดนี้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าหลวงพ่อผู้มีพระคุณได้ช่วยเหลือเธอให้
    รอดพ้นจากเงื้อมมือของทวีป แต่ทว่าอำนาจเสน่ห์มนต์ดำของผู้กระทำนั้นมีความแก่กล้ามากจึงสามารถตามกระแสจิตของท่านมาได้ แล้ววิ่งตรงเข้า
    ทำร้ายท่าน โดยมิทันตั้งตัวหลวงพ่อล้มลงถึงแก่อาพาตไปในวันนั้นเอง!

    ส่วนอีกหนึ่งท่านที่ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงก็คือพี่งู ที่ส่งบริวารมาช่วยได้ทันเวลา มิอย่างนั้นลำพังแค่รู้สึกตัวอย่างเดียวคงมิอาจหลุดพ้นจากพัธนาการ
    ของทวีปไปได้อย่างแน่นอน
    "ขอบคุณมากนะค่ะพี่งู"(เธอลำดับเหตุการณ์แล้วส่งความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้มีพระคุณ)
    "ช่วงนั้นคงเป็นเพราะยาเครียดกับการเรียนมากจนเกินไปค่ะ จึงมิได้ฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง"
    (แล้วเธอก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พุธและคเชนทร์ได้รับฟัง)

    "เป็นอย่างนี้เองพระอาจารย์ไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้มาก่อนเลย"(พุธกล่าวขึ้นในที่สุด)
    "ถือว่าคุณยาโชคดีมากนะครับที่มีหลวงพ่อผู้ทรงคุณคอยช่วยเหลือ"(คเชนทร์แสดงความคิดเห็นบ้าง แต่มันทำให้อาริยาสะเทือนใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง)
    "ค่ะ ยารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณหลวงพ่อท่านมากเหลือเกิน"(พูดจบแล้วเธอก็สะอื้นไหออกมาอีกครั้งหนึ่ง คงเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงโดยทั่วไปกระมัง
    ที่พอมีเรื่องไม่สบายใจมากระทบมักจะระบายออกด้วยหยาดน้ำตา!)

    คืนนั้นคณะผู้มาเยือนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย คงเหลือแต่สาวน้อยเท่านั้นที่ยังครุ่นคิดนึกถึงแต่ผู้มีพระคุณอยู่มิเว้นวาย ในขณะครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเอง!
    พญางูใหญ่หงอนแดงฉานมีขนดลำตัวอันเขื่องสีเขียวมรกต เลื้อยตรงเข้ามาปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าเธอ แน่นอนสำหรับอาริยาแล้ว มันเป็นภาพที่คุ้นเคยมานาน
    เพียงแต่การมาเยือนในครั้งนี้พี่งูมิได้เจตนามาเพื่อสนทนาอย่างเดียว! ทันทีที่กายทิพย์ของเธอปรากฎ พญางูใหญ่ก็พุ่งตรงเข้ารัดอาริยาทันที!
    เธอตกใจมากไม่คิดว่าพี่งูจะทำอะไรแบบนี้...
    "ปล่อย ปล่อยฉันนะพี่ ฉันเจ็บ โอ้ย!"กายทิพย์ของอาริยาถูกขนดลำตัวอันเขื่องโอบรัดแค่เพียงสามรอบเท่านั้น เธอก็มีสภาพเหลือแต่ส่วนคอที่ยังโผล่ให้เห็นอยู่
    "พรุ่งนี้น้องจะเข้าใจ อาภัสรา ทุกอย่างมันได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ฮ่ะๆๆ "(เสียงพญางูส่งกระแสจิตมาที่อาริยา แต่เธอไม่สามารถเข้าใจเจตนาอันซ่อนเร้นของพญางูได้)

    "อาริยา อาริยา ลูกเป็นอะไร?"(คุณนายเขย่าร่างบุตรสาว ทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้น มันเป็นเวลาเกือบจะข้อนแจ้งแล้ว)
    "ไม่เป็นไรค่ะ หนู เพียงแค่ฝันไป...เราทำอาหารเตรียมไปวัดกันเถอะค่ะ"...

    ถนนสมัยนั้นยังไม่เจริญมากนัก หลังจากใส่บาตรเสร็จแล้วพุธนำอาริยาและคณะเดินเท้าไปจนถึงสำนักปฎิบัติเขาพระธาตุนาล้อม เป็นเวลาเดียวกันกับที่คณะสงฆ์ได้ลงสู่ศาลาเพื่อทำภัตรกิจเช้า
    องค์หลวงพ่อนั่งในรถเข็นจ้องมองดูผู้มาเยือนใหม่อย่างไม่ละสายตา...ทันทีที่สัมผัสแววตาอ่อนโยนคู่นั้น อาริยาทรุดตัวก้มลงกราบนมัสการแทบเท้าท่านทันที
    เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้มิให้ไหลรินอาบสองแก้ม พยายามฝืนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ...
    "หนูกลับมาแล้วค่ะหลวงพ่อ นี้คือใบประกาศเกียตรนิยมที่หนูสำเร็จการศึกษาค่ะ"อาริยาพยายามแสดงออกเหมือนเป็นปกติทุกอย่าง หากแต่บรรยากาศในขณะนั้นช่างดูหดหู่ยิ่งนัก
    ท่านยิ้มน้อยๆพยักหน้าขึ้นลงอย่างช้าๆแล้วเบนหน้าเข้าสู่ศาลา พระอุปัฎฐากเข็นรถท่านขึ้นสู่หอฉันแล้วป้อนภัตราหารให้ท่าน ทุกอย่างดูเงียบงันไม่มีใครกล่าวอะไร รออยู่ซักพักหนึ่ง
    พระอุปัฎฐากคนเดิมเดินมาบอกว่าหลวงพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ให้คณะเราไปส่งท่านที่กุฎีซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลามากนัก...

    กุฎีไม้หลังขนาดย่อมๆด้านหน้าใช้เป็นระเบียงต้อนรับคณะแขกผู้มาเยือนสี่ห้าคนนั่งได้เต็มพอดี หมอหนุ่มกราบนมัสการขอตรวจดูอาการท่านทันทีเมื่อได้รับอนุญาติแล้ว
    จึงเข้าเช็คดูชีพจร และฟังเสียงการทำงานของหัวใจ...แต่แล้วก็ทำหน้างงๆ เพราะไม่เคยเจอชีพจรเต้นอ่อนแรงมากถึงขนาดนี้ ซึ่งในคนปกติต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว
    เพราะหัวใจอาจหยุดเต้นเอาได้ง่ายๆ! แต่เหตุไฉนหลวงพ่อรูปนี้ถึงดำรงค์ชีพอยู่ได้? ท่านน่าจะนอนหมดสติไปแล้วไม่ใช่หรือ?...คำถามมากมายไหลวนเวียนอยู่ในหัว
    เหมือนท่านจะรู้ใจ พยายามขยับปากเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงอันแผ่วเบาบอกให้ทุกคนได้ยินว่า...

    "อย่าแปลกใจไปเลยคุณ ฉันอธิษฐานขอไว้ประเดี๋ยวก็จะไปแล้ว!"ท่านกล่าวพร้อมกับมองไปที่พระอุปัฎฐาก เหมือนว่าทุกอย่างถูกเตรียมการไว้แล้ว...
    พระอุปัฎฐากล้วงลงไปที่ย้ามของท่านซึ่งสพายติดตัวอยู่ตลอดเวลา สักพักก็หยิบได้ซองจดหมายฉบับหนึ่งยื่นส่งให้อาริยา...เธอคลีเปิดอ่านดูทันที
    ข้อความทุกอย่างเป็นลายมือของพระอุปัฎฐากซึ่งได้เขียนตามเจตนารมณ์เดิมของหลวงพ่อทุกประการ...และแล้วเมื่ออาริยาอ่านจบ เธอก็ปล่อยโฮออกมา
    ทรุดหน้าก้มลงร้องไห้แทบพื้นกุฎีนั้นเอง คณะที่มาต่างสงสัยด้วยความอยากรู้ คเชนทร์ซึ่งอยู่ข้างๆจึงขอกระดาษแผ่นนั้นจากอาริยาเพื่ออ่านดูบ้าง แต่เธอกลับดึงมาไว้แนบอก

    ความจริงก่อนหน้าที่จะมานั้นคุณนายและทางฝ่ายผู้ใหญ่ของคเชนทร์ได้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วว่า จะขอให้หลวงพ่อช่วยดูฤกษ์งามยามดีให้เพื่อจัดเตรียมงานวิวาห์ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า
    จะมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้...เมื่ออาริยาสงบแล้ว จึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปที่องค์หลวงพ่อซึ่งนั่งรถเข็นอยู่ต่อหน้าแล้ว...

    "หนู บวช ให้ หลวง พ่อ ตลอด ชีวิต นะ ลูก!"ท่านกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา หากแต่ได้ยินชัดเจนกันหมดทุกคน...

    เหมือนสายฟ้าผ่า ฟาดลงท่ามกลางใจ!คเชนทร์หมอหนุ่มนั่งตัวแข็งทื้อมีอาการเกรงและชาไปทั่วร่าง ไม่นึกว่าสิ่งที่ตนได้สดับจากองค์หลวงพ่อนั้น มันจะเป็นธรรมะที่ชัดเจนถึงปานนี้
    ทว่าคงเป็นธรรมะชั้นสูงเกินไป เกินกว่าที่เขาจะต้านทานมันไว้ได้ น้ำตาแห่งลูกผู้ชายจึงเอ่อคลอทั้งสองเบ้า มองจ้องไปที่อาริยาซึ่งเธอนั่งอยู่ข้างๆนั้นเอง...
    แต่บัดนี้ความรู้สึกมันช่างดูห่างไกลเหลือเกิน เหมือนมีกำแพงใหญ่มาบดบังอำพรางร่างเธอไว้!...

    "เจ้าค่ะหลวงพ่อ หนูจะทำตามที่หลวงพ่อปราถนาทุกประการ"เธอเอ่ยปากตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
    "ท่านได้แบ่งเขตกรรมฐานระหว่างพระและอุบาสิกาไว้เรียบร้อยแล้ว ด้านฝั่งอุบาสิกานั้นเป็นโซนด้านหน้าติดโรงครัวข้างในมีถ้ำโล่งๆพอให้พักอาศัยได้
    ซึ่งตอนนี้แม่ชีในวัดเราก็มีอยู่สองท่านแล้วคือแม่ชีจันทร์กับแม่ชีเพ็ญ(แม่ชีเพ็ญก็คือแม่นมของอาริยานั้นเอง)หลังจากบวชปลงศรีษะเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อท่านอยากให้โยมแม่ชีไปพักในถ้ำ"
    (พระอุปัฎฐากอธิบายแทนหลวงพ่อ ซึ่งในเวลาต่อมาท่านก็ได้ขึ้นเป็นผู้ดูแลสำนักแทน)

    "ยะถาวาริวะหา..."เมื่อพระอุปัฎฐากอธิบายจบ เสียงหลวงพ่อค่อยๆสวดให้พรพึมพำขึ้นในลำคอ ทุกคนต่างพนมมือรับ และเมื่อเสียงสุดท้ายสิ้นสุดลง
    ท่านก็ละสังขารจากไปในเวลานั้นเอง!....

    พิธีฌาปนกิจถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในเขตวัด อัฐิของท่านถูกบรรจุไว้ในเจดีย์บนยอดเขา

    แม่ชีอาริยาบวชแล้วไม่นานก็ได้อภิญญาจิต ภายในถ้ำนั้นเอง

    หลายคนสงสัยว่าท่านนำเพชรพญานาคมาจากไหน และยังมีแบบพิเศษที่เสด็จมาเฉพาะในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง!

    ทุกๆคืนวันสำคัญจะมีญาติธรรมสายบุญมาร่วมปฎิบัติธรรมกันอย่างเนืองแน่น ส่วนหนึ่งก็มาเพื่อปรารถนาของที่ระลึกจากท่าน

    ท่านมักจะปรารภกับคณะศรัทธาเสมอๆว่า "ของเหล่านี้เป็นบารมีญาณของเทพพรหมฤาษี เป็นของเฉพาะสำหรับผู้ประพฤติพรหมจรรย์ช่วยเสริมให้สมาธิเกิดเร็ว
    หากได้ไปแล้วไม่รักษาพรหมจรรย์ของตนให้บริสุทธิ์ ก็จักหายไป!ถึงไม่หายไปก็จักหมองอับแสงลงกลายเป็นแก้วไร้แววธรรมดาๆ!"

    ผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ วันนั้นท่านจัดให้มีการหล่อพระพุทธรูปปางนาคปรกขึ้น เพื่อใช้เป็นพระประธานในวัด!
    (โดยสมบัติเก่าของแม่ชีที่เป็นชุดไหมทองคำโบราณ ซึ่งพุธเก็บรักษาไว้แต่เดิมนั้นก็ได้นำมาร่วมหล่อพระพุทธรูปในครั้งนี้ด้วย)

    หลังจากงานหล่อพระพุทธรูปแล้วเสร็จท่านก็ได้จัดพิธีสมโภชพระขึ้น (นัยว่าเพื่อเป็นการถอนคำสาปบางอย่างแต่ครั้งอดีตชาติ)
    ในคืนวันเพ็ญที่ฉลองสมโภชพระนั้นเอง คณะสายบุญที่มาร่วมงานต่างเห็นความอัศจรรย์โดยทั่วหน้ากัน
    "กรรมอันได้เราได้กระทำแล้วเพื่อการปลดปล่อยท้าวศรีบรมฉัตรนาคราช เพื่อถอนคำสาปท่านพรหมฤาษีบรมเกศ ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วขอความสวัสดีทั้งหลาย
    จงมาสู่สถานที่แห่งนี้เพื่อประโยชน์แก่เหล่าสรรพสัตว์สิ้นกาลนานเทอญ!"ทันทีที่แม่ชีกล่าวจบ!...

    ปรากฎว่าเป็นเวลาเดียวกันกับที่ดวงจันทร์โคจรตั้งฉากกับพื้นโลก ได้มีลำแสงพุงลงมาจากบนท้องฟ้าตรงเข้ากระทบองค์พระพุทธรูปปางค์นาคปรก!
    ลำแสงหายไปแล้วแต่ดูพญานาคราชเจ็ดเศียรที่ปรกองค์พระพุทธรูปนั้นคล้ายกับสิ่งที่มีชีวิต แก้วมณีจันทร์ที่ประดับตรงรัดเกล้ามาลาคอก็แลดูเปล่งประกาย
    สว่างไสวอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!...

    "สิ้นสุดกันแล้วนะท่าน เราทั้งสองเป็นอิสระต่อกันนับจากวันนี้เป็นต้นไป ขอท่านจงทนุบำรุงพระพุทธศาสนาตามวาระเถิด"
    "น้องหญิงทำไมท่านกล่าวดังคนไม่เคยสร้างบารมีร่วมกันมา"
    "ผู้ที่สร้างร่วมกันมากับท่านหาใช้เราไม่...เราเป็นเพียงผู้ผ่านมาผูกพันธ์ชั่วคราว"
    "ก็แล้วใครกันวานท่านเฉลย"
    "ผู้ที่พลีกายเคยออกรบคราวนั้น"
    "นางใดไหนกันเรายากจักเห็น"
    "นางเซ่นกายสรวงแก่พญาครุฑราชเอย!"

    ลำดับนั้นท้าวศรีบรมฉัตรให้รำลึกถึงนางกัลยาณีมเหสีแก้วในครั้งอดีตแล้ว กล่าว สาธุการให้กับญาณหยั่งรู้ของแม่ชีอาริยา...
    "สาธุ สาธุ แด่น้องหญิงผู้ประเสริฐ เราเข้าใจแล้ว เราเข้าใจแล้ว!"

    ผู้ที่มาร่วมงานในที่ประชุมนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์สืบเนื่องมาแต่อดีตชาติสายพญานาคแทบทั้งสิ้น แม่ชีจึงทยอยแจกพลอยพญานาค
    และแก้วมณีจันทร์ตามความเหมาะสมแก่ผู้ครอบครอง...ยังเหลือมณีจันทร์เม็ดสุดท้ายรอคนผู้หนึ่ง!

    แววเสียงบรรเลงดนตรีไทยเดิมสมัยโบราณจากคณะระนาฎเอก ถูกเชิญมาเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศในงานพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ คืนนั้นหลังจากช่วงสำคัญผ่านพ้นไปแล้ว
    ก็มีนักร้องมาเล่นเพลงต่างๆตามอัธยาสัย เพื่อความผ่อนคลาย...
    จนมาถึงเพลงเพลงหนึ่งซึ่งเป็นบทเพลงที่แม่ชีอาริยาไม่เคยลืม ถึงแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปเนิ่นนานแค่ไหน เพลงนี้ก็ยังก้องกังวานในใจอยู่เสมอ!

    "ใช้แล้วมันเป็นเพลงที่เราเคยร้องผสานเสียงกับคเชนทร์ในคราครั้งนั้นนี่!"...แต่เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว เขาอาจลาร้างไปมีคนใหม่!

    แต่ทำไมเวลานี้เราถึงได้ยินมันดังขึ้นมาอีกครั้ง?หรือเราอาจจะเหนื่อยมากจนเกินไป? (แม่ชีอาริยาตรึกในห้วงมโนนึก)

    "อนาคตังญาณอ่อนๆ"สามารถทำให้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้(ความจริงเพลงนี้ยังไม่ทันเล่นเลย แต่รู้สึกว่ากำลังเล่นอยู่)

    สองเท้าก้าวเดินออกไปตามเสียงนั้น มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มรูปงามยืนถือไมค์อยู่ "สวัสดีครับแม่ชี ขออภัยที่มาช้าพอดีกำลังผ่าตัดคนไขอยู่ครับ"

    อ้าว คุณหมอคเชนทร์ !(แล้วความเหน็ดเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง)

    "ธรรมชาติกำลังบรรเลงเพลงอะไรอยู่หรือครับ?"
    "อ๋อ เพลงรักมั้ง"
    "แล้ว แม่ชีไม่เอ่ยเอื้อนบ้างหรือ"
    "อ๋อ ไม่หรอกเดี๋ยวศีลขาด"
    "งั้น เข้ามาใกล้ๆผมจักเอ่ยเอื้อนให้ฟัง"
    "อ๋อ ไม่หรอกตรงนี้ก็พอได้ยินแล้ว "
    "งั้น วานพี่ๆช่วยบรรเลงเพลงถวายแม่ชี"

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=54ZiGj3b4Zo]อสงไขย_หญิง ฐิติกานต์.wmv โดย Moddang - YouTube[/ame]

    "ปล่อยความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
    ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล
    กรุ่นกลิ่นบุหงา พัดมาด้วยรักจากใจ
    เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น

    ส่งความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ
    คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
    แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
    เธอไม่ต้องคืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ

    ฝากเป็นเพลง ให้ลอยเล่นลมไป
    ล่องลอยผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ
    ตราบนานอสงไขยเวลา

    หากเพลงคิดถึง ที่ปลิวไปในอากาศ
    เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
    ให้บทเพลงนี้ ล่องลอยเรื่อยไปเสมอ
    รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

    ฝากเป็นเพลง ให้ลอยเล่นลมไป
    ล่องลอยผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ
    ตราบนานอสงไขยเวลา
    แม้จะเนิ่นนานยังรักเธอ ตราบนานอสงไขยเวลา!!"

    ..................

    เอาเก็บไว้อย่าทำให้อับแสง
    เป็นค่าตอบแทนบรรเลงเพลงถวาย!

    แก้วมณีจันทร์๑.jpg

    จบบริบูรณ์
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จบซะแระ :z12
    ให้รางวัล...หนอ....
    พร้อมรอฟังเรื่องต่อไปอยู่น้าาาาาาา.....ตะเอง รีบๆ ปั่นต้นฉบับด้วยล่ะ 555
    [​IMG]
     
  13. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    กรุ่นกลิ่นรักอบอวล...หอมหวานชื่นน่าดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
    จมูกดี...ตามกลิ่น...รัก...มาค่ะ :cool:

    รอคอยเรื่องต่อไปด้วยใจจดจ่อนะคะท่านแมวเหมียว...
     
  14. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    นานนนนนนนนนนนนนนนน จนลืมไปเลย ต้องไปอ่านย้อนใหม่ ใครเป็นใคร :)
     
  15. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=oyl-oWx1KR8]Demo Project - Kiss Me [Cover] - YouTube[/ame]

    แมว๓.jpg

    ขอบคุณทุกท่านที่สนใจติดตามเรื่องราวมาโดยตลอดครับ (k)
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ห้ามปิดกระทู้ จนกว่าจะตายจากกันน้าาาาา แมวเหมียว คริคริ :cool:
     
  17. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    แมวเหมียวจ๋า...เค๊ามายืนยันว่า ยังเป็น FC แมวเหมียวน๊า.ไม่เปลี่ยนใจ:cool:
     
  18. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:

    ............................................................................

    [​IMG]

    แต่สงสัยคนนี้เขาคงเปลี่ยนใจไปแล้ว :'(
     
  19. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เค้าก็เป็น (K) FC ของแมวเหมียวน๊ะ...เห็นป่าว...มาเบิ่งกระทู้ฯ จนตาโตเท่าไข่ไดโนเสาร์แระ
     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    อืม...เรื่องต่อไปยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่!

    แต่ดูเหมือนว่า จะเป็นเรื่องการสร้างบารมีร่วมกันของฤาษีและฤาษิณี...แต่ทว่า ในระหว่างการบำเพ็ญนั้นนางฤาษีณีออกไปหาผลไม้ เกิดไปพบเห็นชายหนุ่นหญิงสาวกำลังรักกัน...จิตจึงเกิดความกำหนัดยินดี ครั้งนางกลับไปที่พัก ก็ไม่เป็นอันบำเพ็ญเพียรมีร่างกายซูบผอม ครั้นจะบอกแก่ฤาษีผู้เป็นสหายก็เกร่งว่าท่านจะรังเกียจ...เพราะทั้งคู่ออกบวชเดินทางมาสู่สำนักบรมครูตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อโตขึ้นแล้วสภาวะของร่างกายก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามวัย!....

    จนในที่สุดนางก็ถึงแก่มรณะกรรมไปในขณะที่มีราคะจริต จึงถืออุบัติเป็นพญานาคราช ด้วยกุศลบารมีเดิมที่ยังถือเนขัมมะอยู่ นางจึงมีวรรณะสีทองอันผ่องแพ้ว....ฤาษีผู้เป็นบรมครูทราบความนั้นแล้วจึงให้สหายฤาษีหนุ่มเดินทางจากไปบำเพ็ญพรตที่อื่น ส่วนนางนาคราชนั้นถูกสาปให้บำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำ สองหมื่นปี! .....

    ด้วยวาสนาเดิมเคยบำเพ็ญอยู่ในถ้ำมาช้านาน จนถึงปัจจุบันชาตินี้นางก็ยังคงวนเวียนปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำอันเป็นที่สงบใจอยู่เนืองๆ!

    ขอนึกชื่อเรื่องแล้วเรียบเรียงก่อน ถ้าเล่าสดแล้วเดี๋ยวจะจบง่ายเกินไป ฮิฮิๆๆ....:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...