แมวเหมียวมงคลฟีล์ม ภูมิใจเสนอ!"เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่"น.64

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 10 ธันวาคม 2012.

?
  1. เห็นดีด้วยและขอเป็นกำลังใจต่อไป

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่เห็นด้วยนิทานไร้สาระ งมงาย ฯลฯ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ฮ่าฮ่าๆๆ บางยุคสมัยอาจมีชื่อซ้ำกันก็เป็นได้ หรืออาจเป็นคนเดียวกัน!
    ว่าแต่คุณตาลจะไม่เล่านิทานเรื่อง "หัวใจคนรอในมิติลี้ลับให้ฟังบ้างหรือ" :cool:
     
  2. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    เอาเป็นว่าถ้าแมวเหมียวมงคลฟิล์มเรื่องนี้ถูกใจใช่เลย :cool:
    "หนังขายยา" คั่นเวลาอาจได้ฉายกะได้นะ อิอิ...
    เพราะฉะนั้นรีบเล่ามาเสียดี ๆ อย่าปล่อยให้ปลาทูคอยเก้อ


    หากแม้นคุณหมอ "คเชนทร์" ยังรอคอยแต่แม่ชีอาริยาเพียงผู้เดียวอยู่...
    "หัวใจของผู้เฝ้ารอในมิติลี้ลับ" ก็คงยังเฝ้าคอยเธอผู้จากไปด้วยใจหวังเช่นกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2013
  3. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วิว๑๐.jpg

    ทั้งคู่ได้สถานที่บำเพ็ญอยู่ใกล้ๆกันมีลักษณะเป็นชะง่อนผาหินใหญ่ที่ยื่นออกมาพอให้พักหลบแดดหลบฝนได้ ด้านหน้าเป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์
    เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรน่าๆชนิด ไม่ไกลจากที่พักมองต่ำลงไปในที่ลุ่มเป็นสระโบขรณีขนาดใหญ่มีความยาวทอดตัวไปไกลสุดสายตา
    โดยพื้นที่ฝากหนึ่งติดเขตแดนที่สองเป็นสวนป่าผลไม้น่าๆชนิดมีให้เลือกบริโภคและแสวงหาได้ตามความต้องการตลอดทั้งปี

    นางอมรานั้นขันอาสาที่จะออกไปแสวงหาผลไม้มาสู่สำนักชัยสิทธิ์กุมารตามประเพณีนิยมเดิมของพราหมณ์ ถึงแม้ว่าทั้งคู่
    จะออกบำเพ็ญพรตแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังคงทำหน้าที่เสมือนหนึ่งว่าตนเป็นแม่ศรีเรือนเป็นแม่บ้านที่ดีอยู่

    สระโบกขรณี๕.jpg

    ชัยสิทธิ์กุมารได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากฤาษีเกศฬีโดยให้เพ่งดอกบัวในสระโบกขรณีนั้นเป็นอารมณ์ ดังนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    หลังจากบริโภคผลไม้เป็นอาหารแล้ว ชัยสิทธิ์กุมารมักจะออกไปเพ่งดอกบัวทุกวันๆโดยไม่เห็นแก่ความยากลำบาก ส่วนนางอมรานั้นจริตเดิมถูกกับน้ำ
    ท่านฤาษีจึงให้เพ่งน้ำในสระโบกขรณีเป็นอารมณ์ โดยนางเลือกสถานที่อยู่ไม่ห่างไกลจากชัยสิทธิ์มากนัก(กลัว)

    ทั้งสองบำเพ็ญเพียรอยู่นานหลายเดือนแล้วเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นเป็นที่ลำบากกายยิ่งนัก ในไม่ช้าทั้งสองก็ผ่านบททดสอบให้เป็น
    ฤาษีได้เต็มตัว เมื่อทั้งคู่ได้นิมิตให้เดินทางไปสู่เขตแดนที่ห้าซึ่งเป็นเขตแสวงหาอาภรณ์ มีลักษณะเป็นป่าโปร่งสลับทุ่งโล่ง
    เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่งก็คือสัตว์ที่หมดอายุไขแล้วจะเดินทางเข้ามาตายเอง ณ สถานที่แห่งนี้ราวกับว่าเป็นสุสานของปวงสัตว์น้อยใหญ่!

    ชัยสิทธิ์กุมารและอมราเดินหาอาภรณ์ที่ได้จากหนังสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ เธอเดินผ่านซากสัตว์น่าๆชนิดที่สังเกตุพบเห็นก็มี งูเหลือมงูหลาม,หมูป่า,หมี
    วัว,ควาย ฯลฯ แต่ก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจจนมาถึงร่างของแม่เสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดใหญ่ ซึ่งนอนตายเด่นเป็นสง่าอยู่บนโขดหิน!...

    "โอ้...แม่เสือเฒ่าผู้มีอายุเราขอบังสุกุลเอาหนังของท่านใช้เป็นอาภรณ์นุ่งหม่เพื่อบำบัดความหนาว ขอดวงวิญญาณของท่านจงไปสู่สุคติภูมิเถิด"
    ตัวเดียวก็มากเกินพอสำหรับร่างน้อยๆของชัยสิทธิ์และอมรา เธอรู้จักศิลปะการตัดเย็บมาแต่เดิมอยู่แล้วจึงมิใช่เรื่องยากสำหรับอาภรณ์หนังเสือ
    (การได้นิมิตอาภรณ์หนังสัตว์นั้นถือว่าเป็นสัญลักษ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกให้ทราบว่าผู้นั้นเป็นผู้มีตบะฌานและเป็นผู้ถือบวชโดยสมบูรณ์แล้ว
    มิใช่ใส่เพื่อความโก้เก๊แบบแฟชั้นในยุคสมัยปัจุบัน)

    สองฤาษีน้อยบำเพ็ญพรตอยู่อย่างนี้จนเวลาล่วงเลยมา ๕ ปีกว่าแล้ว ชัยสิทธิ์มีความชำนาญในองค์กสิณสามารถบังคับดอกบัวให้ตูมและบาน
    ให้มีขนาดเล็กหรือใหญ่ได้ตามต้องการ...อันว่าดอกบัวแก้วและดอกบัวสวรรค์นั้นเป็นชื่อของยาร้อนและยาเย็นผู้ที่ผ่านการเพ่งดอกบัวธรรมดาๆ
    จนเกิดความชำณิชำนาญดีแล้ว สามารถเรียกดอกบัวทั้งสองชนิดนี้ให้ผุดขึ้นมาและเบ่งบานท่ามกลางพื้นแผ่นดินได้!
    นัยว่าเป็นพันธ์ไม้หายากชนิดหนึ่งซึ่งมีเจตภูติเฝ้ารักษาดูแล มักฝังตัวอยู่ใต้พื้นแผ่นดินพบได้เฉพาะในสถานที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น!
    (เพราะดอกบัวทั้งสองชนิดนี้เขาจะซึมซับเอาพลังปราณชีวิตของผู้บำเพ็ญมาเก็บสะสมไว้)

    สรรพคุณมีมากเหลือคนานับในการรักษาโรคเพียงทราบความรู้สึกของผู้ป่วยว่ามีลักษณะอาการออกร้อนหรือเย็นเท่านั้น
    ก็จะสามารถใช้โอสถทิพย์ทั้งสองชนิดนี้กินเพื่อรักษาโรคนั้นให้หายขาดได้ในทันที!หากกินทั้งสองชนิดเข้าไปพร้อมกัน
    ก็จักเป็นยาอายุวัฒนะครอบจักรวาล ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่แก่เฒ่าชรา มีอายุยืนนานไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆมาเบียดเบียนได้เลย...

    เนื่องจากฤาษีหนุ่มยังไม่ชำนาญในการรวมธาตุจึงเรียกดอกบัวทิพย์ได้เพียงครั้งละชนิดเท่านั้น กล่าวคือมีความสามารถเรียกดอกบัวแก้ว
    ขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว แต่ดอกบัวสวรรค์ก็ดันจมดินมุดหายไป พอเรียกดอกบัวสวรรค์ขึ้นมาได้แล้วดอกบัวแก้วก็จมดินมุดหายไป...
    ครั้นจะเด็จมาเก็บไว้ก่อนก็ทำไม่ได้ เพราะเมื่อจิตเคลื่อนจากนิมิตเดิมที่ตนเพ่งแล้ว
    สิ่งที่เด็จมานั้นก็จะหายไป นอกจากจะรู้วิธีในการรวมธาตุและการหนุนธาตุเสียก่อน!

    ด้วยความที่ยังไม่แก่กล้าในการบำเพ็ญเธอจึงยังมิได้ลองกินโอสถทิพย์นั้นเลย เพียงแต่เรียกขึ้นมาฝึกเล่นให้เกิดความชำนาญในเบื้องต้นเท่านั้น
    อีกประการหนึ่งเพราะตนมิได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรหากกินเข้าไปเพียงชนิดเดียว ก็จะกลายเป็นยาบำรุงธาตุเสริมธาตุอย่างรุนแรง !
    อาจไม่เป็นผลดีนักสำหรับคนปกติธรรมดา เธอจึงยับยั้งไว้รอสำเร็จทีเดียวก่อนแล้วจึงค่อยบริโภคทั้งสองชนิดเข้าไปพร้อมๆกัน
    (ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเพราะเมื่อฝึกถึงระดับหนึ่งแล้ว ผู้บำเพ็ญในแดนนี้จักเกิดปัญญาสามารถบ่งบอกถึงวิธีใช้สมุนไพรต่างๆได้ด้วยตนเอง)

    ดอกบัว23.jpg
    "รัตนปทุโม รัตนปทุโม"(คำบริกรรมใช้เรียกดอกบัวแก้ว)

    ดอกบัว10.jpg
    "เทวะปทุโม เทวะปทุโม"(คำบริกรรมใช้เรียกดอกบัวสวรรค์)

    ฤาษีหนุ่มติดตรงที่มิอาจเรียกดอกบัวทิพย์ขึ้นมาได้พร้อมๆกัน นัยว่าฤาษีเกศฬีต้องการให้เธอเรียนรู้ด้วยตนเอง
    แต่เธอยังทำไม่สำเร็จ!...

    กล่าวถึงฤาษิณีอมรานั้นยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร เธอมักจะเพ่งกสิณแบบแปลกๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่ครูฤาษีสื่อมาให้
    เช่น ท่านให้เพ่งความเย็นของน้ำเพื่อทำจิตให้สงบร่มเย็น สื่อมาให้บริกรรมว่า...

    "น้ำใสใจเย็น น้ำใสใจเย็น"
    แต่เธอก็ดันไปบริกรรมว่า...
    "น้ำใสน่าอาบจัง น้ำใสน่าดื่มจริง"

    พอท่านสอนวิธีรวมจิต ให้จิตเราเป็นดั่งน้ำ ให้น้ำเป็นดั่งจิต สื่อให้บริกรรมว่า...

    "น้ำใสใจเรา น้ำใสใจเรา"
    แต่เธอก็ดันไปบริกรรมว่า...
    "น้ำใสเห็นปู น้ำใสเห็นปลา" ( หัวเราะ๑.gif 5555...ฉลาดจริงๆเลยแม่คุณเอ๊ย)

    เธอจึงได้เพียงความสงบในเบื้องต้นและความสุขใจที่ได้พบเห็นน้ำในสระโบกขรณีอันมีกุ้งหอยปูปลา เป็นที่น่าอาบน่าดื่ม รื่นเริงใจยิ่งนัก!
    ( หัวเราะ๑.gif 55555...ไม่รู้ทุกวันนี้ยังชอบแบบนั้นอยู่หรือเปล่า )

    แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อเธอไปพบเห็นชายหนุ่มหญิงสาวกำลังมีความสุขกัน!
    (ไม่ควรพลาดๆๆๆๆๆๆๆ.....ขอบอก)
    สู้ตาย.gif
     
  4. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ถอนหายใจ.gif
    ความจริงตั้งใจว่าพอจบเรื่องอาริยาแล้ว กะจะขอพักยาวๆเพราะรู้สึกเหนื่อยมาก
    ไม่เหมือนต้อนที่ท่านคุรุวาโรยังแวะเวียนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ (พลังโม้ไหลลื่นดีจริงๆ)....

    แต่พอจบเรื่องอาริยาแล้วแหม!
    เหมือนยกภูเขาออกจากอกแค่แป๊บเดียว เรื่องฤาษีก็เข้ามาแทรกอีกแล้ว ยังสองจิตสองใจอยู่จะโม้ต่อดีหรือเปล่า? :'(

    ก็พอดีเห็นแววตาพิศวาสจากนางพญานาคีเลยใจอ่อน บวกกำลังใจจากคุณตาลด้วย เลยกลายเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่ากับเรื่องอาริยา :cool:

    แต่จะขอนำเสนอวันละนิดพอนะ เพราะจิตคนอ่านยังดีอยู่ แต่จิตคนเล่าซิแย่ :'(
    เล่าแบบย่อๆไม่เป็นซะด้วย ชอบแบบยาวๆยืดๆ + อืดๆ (k)
     
  5. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    เย้...ตื่นมา ได้อ่านนิทานสมใจเลยหนอ คิคิ
    แม่นางอมราน่าร้ากกกกกกกกก จุงเบยอ่ะ :cool:

    เหมียวน้อยเคยภาวนา...
    ยุบหนอ...พองหนอ...ป่องหนอ...แฟ่บหนอ...แบบนี้อ๊ะป่าว เอิ๊กก ๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2013
  6. boss10

    boss10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +142
    กับคนเลว ต้องยิ่งกวดขัน
    กับคนดี สมควรผ่อนปรน
    ย่อหย่อนไป คนชั่วได้ใจ
    ตึงเกินไป จักเสียคนดี
     
  7. boss10

    boss10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +142
    [​IMG]
     
  8. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376

    เพิ่งทราบว่าแมวน้อยแพ้ทางแม่นางนาคกัลยา อิอิ...
    จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว...สู้ต่อไปจ้า
    ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ นอกจากคำว่า "กำลังใจ"


    chearrchearrchearrchearrchearrchearrchearrchearrchearr
     
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    กล่าวถึงชัมพุกะนครนั้นยังมีเจ้ามัลกษัตริย์หลายองค์ขึ้นปกครองหัวเมืองต่างๆล้วนขึ้นตรงต่อพระเจ้าชัมพุ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงใหญ่ในสมัยนั้น
    เนื่องจากราชามหากษัตริย์นิยมมีพระมเหสีและนางสนมกำนัลมากหลาย พระเจ้าชัมพุก็เช่นเดียวกันเมื่อมีพระโอรสกับนางสนมกำนัลคนใดแล้ว
    หากเป็นที่พอพระทัย ก็มักจะถูกส่งไปปกครองหัวเมืองนั้นๆเพื่อง่ายแก่การปกครอง

    ภายในเมืองฤาษีเกศเองก็เช่นเดียวกัน เฉพาะเขตแดนที่หนึ่งนั้นเป็นโซนระแวกบ้านลักษณะเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่
    มีหน้าที่คอยบริจาคภัตราหารถวายแก่ฤาษีโดยเฉพาะ(ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นยุคทองของผู้บำเพ็ญพรตเลยทีเดียว)หากผู้บำเพ็ญท่านใด
    ต้องการจะเสพรสเปรี้ยว,หวาน,มัน,เค็ม อันมีนอกเหนือจากผลไม้ในแดนที่สองแล้วเพียงแต่เดินทางมายังเขตระแวกบ้านในเวลาก่อนเที่ยงวัน
    ก็ต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชาวบ้านทุกคนไป เพราะในเขตแดนนี้มีการทำกสิกรรมปลูกข้าวทำไร่และทำสวน มีการครองเรือนใช้ชีวิต
    เฉกเช่นเดียวกับชาวบ้านธรรมดาๆโดยทั่วไป เพียงแต่ว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ถือกฎเหล็กข้อหนึ่งคือห้ามบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอันขาด
    หากใครฝ่าฝืน อาจโดนรุมประชาทัณฑ์จนถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว ถ้าเคราะห์ดีรอดชีวิตหนีออกไปได้ก็จะไม่สามารถกลับมาเหยียบสถานที่นี้ได้อีกเลย!

    เวลามีการประลองศิลป์ในแดนที่สี่เกิดขึ้นคราวใด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตแดนที่หนึ่งนั้น สามารถเข้าไปชมการประลองศิลป์ได้ตลอดเวลา
    บ่อยครั้งที่ชาวบ้านต่างพาลูกเด็กเล็กแดงเข้าไปชมการประลองศิลป์ด้วย เพื่อให้ลูกหลานของตนเกิดทักษะและวิสัยการบำเพ็ญพรต
    อันจักเป็นประโยชน์สืบต่อไปในภายภาคหน้า หากไม่ประสงค์ที่จะอยู่ครองเรือนก็สามารถออกบวชบำเพ็ญพรตเป็นฤาษีชีไพรได้โดยสมบูรณ์แบบ
    ไม่มีแบ่งแยกว่าเป็นบุรุษหรือสตรีสามารถออกบวชได้ มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน...

    ผู้ชนะในการประลองศิลป์จะได้รับการยกย่องสรรเสริญจากชาวบ้านให้เป็น"มหาฤาษี"เป็นผู้มีตบะเดชานุภาพมาก เวลาเข้าสู่ระแวกบ้านก็มักจะได้
    รับพวงดอกไม้มาลาและโภชนะอันประณีตที่พิเศษกว่าฤาษีท่านใดๆ ผิดจาฤาษีผู้แพ้การประลองหากเข้าสู่ระแวกบ้าน
    มักจะได้รับโภชนะอาหารแบบธรรมดาๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วฤาษีผู้แพ้จะไม่กล้าออกมาสู้หน้าชาวบ้านจำต้องกลับไปเก็บตัวเพื่อไปบำเพ็ญมาใหม่
    ยอมบริโภคผลไม้ที่มีอยู่ในแดนที่สองตามเดิม(ยอมอดแต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี)

    ไม่เหมือนฤาษีผู้บำเพ็ญพรตโดยไม่ปรารถนาฤทธิ์เดชและฤาษีผู้ที่ยังไม่เคยเข้าประลองศิลป์ จะมาสู่ระแวกบ้านเพื่อแสวงหาโภชนะด้วยความสบายใจ
    โดยไม่รู้สึกว่าตนมีเกียรติหรือเสียเกียรติแต่อย่างใด...ในสายตาของชาวบ้านนั้นแอบขาดหวังในตัวฤาษีแต่ละท่านไม่เหมือนกัน
    เช่น บางเวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็มักจะรำลึกถึงฤาษีในแดนที่แปด เวลาต้องการขอพรก็มักจะรำลึกถึงฤาษีที่อาศัยอยู่ในแดนที่สามหรือที่เจ็ดหรือที่เก้า ฯลฯ
    ให้เดินทางมาสู่เรือนของตน แล้วก็เหมือนปาฎิหาริย์ท่านคงมีญาณหยั่งรู้จึงเดินทางมาสู่เรือนของผู้ตั้งจิตอธิษฐานได้ถูกต้องตรงใจ เป็นที่น่าอัศจรรยยิ่งนัก
    (ส่วนในแดนที่สิบนั้นยาวนานเกินปรารถนา นอกจากจะเกิดเหตุอาเภทหรือเหตุการณ์สำคัญจริงๆฤาษีบรมครูถึงจะลงมาสู่เขตระแวกบ้าน)

    มีอยู่บ่อยครั้งซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของปุถุชนผู้ยังมีกิเลสอยู่ ชาวบ้านผู้ปราถนาคู่ครองเป็นฤาษีมักจะตั้งจิตอธิษฐานให้ท่านเดินทางมาสู่เรือนตน
    แล้วรับพวงมาลาสีแดงที่แขวนอยู่ในกิ่งไม้ชัมพุ(ชัมพุหรือชัมพูหรือชมพู เป็นชื่อของไม้หว้าอันถือเป็นไม้มงคลสัญลักษณ์ประจำนคร ปลูกกันทุกบ้าน)
    เมื่อฤาษีผู้หน่ายการบำเพ็ญพรตมารับภัตราหารไปพร้อมพวงมาลาสีแดงแล้ว จะไม่กลับไปเขตที่อยู่เดิมของตน แต่จะออกมุ่งเดินทางไปที่ท่าน้ำเพื่อทำพิธี
    ลอยบริขารอันเป็นสัญลักษณ์ของฤาษีทิ้งลงแม่น้ำเสีย เป็นเวลาเดียวกับนางผู้ปรารถนาคู่ครอง(สามี)จะจำพวงมาลาของตนเองได้ดี
    เธอก็จะเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่มายื่นส่งให้เปลี่ยนแทนด้วยท่าทางที่เขินอาย!

    เขิน๒.gif

    (เล่ามาถึงตอนนี้ผู้เขียนหัวใจหล่นวูบเลย 55555..ไม่เค๊ย ไม่เคยอ่ะ!)

    ปล.ยกตัวอย่างให้ดูคู่นึงแล้วกัน คำสนทนาเป็นไปในทำนองนี้แต่ไม่ใช่เหมือนกันหมดทุกคู่หรอกนะ
    บางคู่เขาก็สำรวมอาจไม่พูดคุยกันเลยก็ได้ ประมาณว่าแค่มองตาก็รู้ใจอะไรทำนองนั้น บริเวณท่าน้ำค่อนข้างจะเป็นมุมสงบ
    เพราะชาวบ้านต่างรู้กันดีว่าผู้ที่มาสู่ท่าน้ำมีชื่อว่า"โปถุชนี"นั้น มาด้วยวัตถุประสงค์ใด!

    "ดูก่อนท่านชีเปลือยเหตุไฉนถึงมาเปลื่องผ้าเล่นน้ำอยู่แถวนี้"(เธอลอยบริขารแล้วกำลังดำผุดดำว่ายอยู่)
    "ก็แล้วเหตุใดนางจึงถืออาภรณ์มาสู่ท่าน้ำเล่า"
    "อ๋อ ข้าถือมาเตรียมไว้เพื่อหาผู้ที่เหมาะสมจะสวมใส่มัน"
    "งั้นเจ้าคงผิดหวังเสียแล้วจงรีบๆกลับบ้านไป"

    ลำดับนั้นนางทิ้งอาภรณ์ไว้ที่ริมน้ำแล้วก็เดินกลับบ้านไป
    เมื่อชีเปลือยเธอขึ้นจากน้ำแล้วก็ส่วมใสอาภรณ์นั้นเดินตามนางมา ซึ่งนางชำเลืองมองดูอยู่เป็นระยะๆ
    จนเข้าถึงเขตบ้าน ปรากฎว่าพวกญาติพี่น้องได้จัดพิธีเตรียมงานวิวาห์ไว้ต้อนรับ รออยู่ทางนั้นแล้ว ฯลฯ

    นัยว่ามักจะเป็นฤาษีผู้แพ้การประลองศิลป์ แล้วไปเร่งบำเพ็ญพรตโดยหวังผลมากจนเกินไป ของเก่าที่เคยได้เคยมีจึงเสื่อม
    (ฤทธิ์เสื่อมฌานเสื่อมเพราะขาดปัญญารักษาไว้ )เมื่อจิตตกเลยสูญเสียกำลังใจ...
    อนึ่งฤาษิณีไม่ค่อยพบเห็นว่าจะออกมาครองเรือนนะ ก็มีเหมือนกันแต่น้อยมากๆ พิธีก็จะแตกต่างกันออกไป
    ส่วนมากชาวบ้านเขาไม่ค่อยต้อนรับเท่าไหร่ น่าเห็นใจอยู่มิใช่น้อย !
    (ดังนั้นผู้ถือบวชเป็นฤาษิณีต้องทำใจให้หนักแน่นก่อนบวช...เข้าทำนองว่าขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก!)

    ปรากฎว่ายังไม่ถึงตอนสำคัญเลย!แค่โหมโรงเรียกน้ำย่อย :cool:
     
  10. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ไรว๊ะ.gif

    เอ๊ะ คู่หน้าก็ดูเข้าทีหรอกนะ...แต่คู่หลังคงเป็นแบบเฉพาะตนมากกว่า
    "ไม่ต้องภาวนาแบบในนิทานก็ใช้ได้แล้ว" 5555....

    เห็นหนอ เห็นหนอ รู้หนอ รู้หนอ...ก็พอเวลาที่สภาวะธรรมเกิด!
     
  11. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    รออ่านตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ...นะจ๊ะ...^^
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    แมวเหมียวเปียกหน่อยน้าาาา....อย่าลืมไปดรายขนก่อนเล่านิทานต่อด้วยหนอ...คริคริ
     
  13. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    รอจนรากงอกแล้วอ่ะ เมื่อไหร่เหมียวน้อยจิมาเล่าต่อ
    (สงสัยจะเล่นน้ำสงกรานต์เพลินไปหน่อยแล้วม้างงงง)
     
  14. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    กัมพีชะเป็นหนึ่งในโอรสของพระเจ้าชัมพุที่เกิดกับนางสนมผู้หนึ่ง หลังจากสำเร็จศิลปะวิทยาจากเมืองหลวงแล้ว
    ถูกส่งให้มาดูแลเมืองฤาษีเกศพร้อมกัมโพชะผู้น้อง เนื่องจากเมืองฤาษีเกศเป็นเมืองขนาดใหญ่มีประชากรหนาแน่น
    พระเจ้าชัมพุจึงส่งโอรสทั้งสองให้มาปกครองดูแลพร้อมกันโดยมิได้แต่งตั้งให้ใครเป็นใหญ่ โดยตรง นัยว่าต้องการให้ทั้งคู่แข็งขันกัน
    เพื่อแสดงความสามารถ เนื่องจากเมืองนี้ห้ามบริโภคเนื้อสัตว์โอรสผู้ไม่ติดในเนื้อมังสะย่อมอยู่ได้ด้วยความผาสุข

    เจ้ากัมพีชะผู้พี่กับเจ้ากัมโพชะผู้น้องถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดเดียวกันแต่นิสัยต่างกันมาก กัมพีชะนั้นยังมีนิสัยติดในรสอาหาร
    เขามักจะออกไปนอกเมืองเพื่อบริโภคเนื้อสัตว์อยู่เสมอๆ ผิดกับเจ้ากัมโพชะผู้น้อง เขามักจะลงพื้นที่และคลุกคลีสนทนา
    กับชาวบ้านด้วยความเป็นกันเองอยู่เสมอๆ
    ใกล้ถึงวันสำคัญที่ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว องค์ชายทั้งสองต้องหาวิธีนำเสนอรายงานต่อพระเจ้าชัมพุ...

    "น้องรัก พี่ไม่เห็นเจ้าออกไปนอกเมืองเลย ไม่นึกอยากบริโภคเนื้อสัตว์บ้างละหรือ?"
    "ข้าแต่ท่านพี่ พวกเรามาเพื่อเป็นผู้นำเขา ชาวบ้านอดได้เราก็ต้องอดได้"
    "แล้วน้องจะนำเสนออะไรต่อเสด็จพ่อ"
    "ข้าจักพาฤาษีท่านหนึ่งไปแสดงธรรม แล้วนำพืชพันธุ์ธัญญาหารที่มีในเมืองหลวงกลับมาให้ชาวบ้านเพาะปลูก...
    แล้วท่านพี่ละ?"
    "พี่จักนำผลไม้หายากในเขตแดนฤาษีไปถวายเสด็จพ่อ"
    "ข้าได้ยินมาว่าเป็นเขตเฉพาะพี่จะนำออกมาได้อย่างไร"
    "พี่มีอุบายวิธีหากนำออกมาได้เสด็จพ่อต้องพอพระทัยเป็นแน่แท้"

    ในเขตที่สองนั้นมีผลไม้ชนิดหนึ่งชื่อ"เสน่ห์อัมรินทร์"ในต้นเดียวกันมีผลสี่สี(เขียว,แดง,ดำ,เหลือง)หากบริโภคผลสีเขียวเข้าไป
    จะเป็นยาบำรุงและเพิ่มความกำหนัด หากบริโภคผลสีแดงจะเสริมและเพิ่มฤทธิ์เดช หากบริโภคผลสีดำจะเป็นยาถอนพิษ
    หากบริโภคผลสีเหลืองทำให้อิ่มท้องไม่นึกอยากบริโภคเนื้อสัตว์อีกเลย

    ผลไม้๑.jpg

    สำหรับฤาษีชีไพรผู้ออกบำเพ็ญพรตใหม่ๆนั้นอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า จึงนิยมออกแสวงหาผลเสน่ห์อัมรินทร์ลูกสีเหลืองมาบริโภค
    เพื่อปรับธาตุให้ตนมีจิตเมตตาอ่อนโยนไม่นึกเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น หากผู้บำเพ็ญท่านใดต้องพิษจากงู,พืชหรือสัตว์บางชนิด
    ที่มีพิษทำอันตรายเพียงแค่ออกแสวงหาผลเสนห์อัมรินทร์ลูกสีดำมาบริโภค ก็จะสามารถรักษาและถอนพิษออกได้ในทันที
    หากผู้บำเพ็ญท่านใดต้องการเจริญฌานสมาบัติปรารถนาด้านฤทธิ์อภิญญาแล้ว มักจะออกแสวงหาผลเสน่ห์อมรินทร์ลูกสีแดง
    มาบริโภคอยู่เสมอๆ ส่วนผลเสน่ห์อัมรินทร์ลูกสีเขียวนั้นไม่มีใครสนใจเด็ดมากินต้องรอให้ผลดิบ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
    สีดำ สีแดงเสียก่อน

    มีบ่อยครั้งที่ผู้บำเพ็ญด้วยกันออกแสวงหาผลไม้ในเขตแดนที่สองแล้ว พบปะเจอะเจอคุ้นหน้ากันแต่ไม่มีใครนึกอยากจะพูดคุยสนทนาหรือ
    ทำความรู้จักกันเลย มีแต่มุ่งทำกิจของตนให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปวันหนึ่งๆเท่านั้นเอง

    วันนั้นเจ้าชายกัมพีชะพร้อมด้วยพระชายาของตนแต่งกายคล้ายชายหนุ่มแล้วเดินทางมุ่งตรงไปยังเขตบำเพ็ญพรต กล่าวกับฤาษีผู้คุมกฎว่า
    "เรามาเพื่อการบำเพ็ญ"
    ลำดับนั้นฤาษีผู้คุมกฎอธิบายเขตแดนต่างๆแล้ว พาเธอไปบ่อน้ำอัมรินทร์เพื่ออาบและอธิษฐานจิตดื่มน้ำขอนิมิตไปสู่สถานที่บำเพ็ญ
    อันเหมาะสม...พอเจ้าชายกัมพีชะและพระชายาทรงดื่มน้ำขอนิมิตแล้วปรากฎเห็นเป็นคฤหาสถ์ของตนเอง ทั้งสองจึงมุ่งหน้าเดินทางกลับ
    แต่ในระหว่างทางนั้นเธอได้แวะไปยังเขตแดนที่สอง เพื่อนำผลไม้ชื่อเสน่ห์อัมรินทร์กลับไปด้วยตามที่ได้อธิษฐานขอ
    (นัยว่าเธอต้องการเอาใจพระเจ้าชัมพุเพราะรู้ว่าท้าวเธอชอบมีพระสนมกำนัลหลายคน)

    เป็นเรื่องธรรมดาของผู้บำเพ็ญพรต ย่อมต้องมีบททดสอบเพื่อทำจิตใจของตนให้เข้มแข็ง แต่สำหรับหัวใจดวงน้อยๆของฤาษิณีอมรานั้น
    เมื่อถูกกระแสวิบากกรรมเก่าเข้ากระทบแล้ว บททดสอบนั้นบางทีก็ยากเกินที่จะฟันฝ่าไปได้!

    "ที่ตรงนี้เหมาะมาก เหมาะที่จะใช้ทำเป็นอุทยานสวนดอกไม้"
    "แต่องค์หญิงเพค่ะ สถานที่แห่งนี้มีนักบวชท่านมาพำนักอาศัยภาวนาอยู่ก่อนแล้วนะเพค่ะ"
    "เธอดูตรงนั้นซิ อิงออน หากเราขุดสระน้ำตรงนั้นแล้วปลูกดอกบัวสวยๆคงเป็นสถานที่พักตากอากาศอันน่ารื่นรมณ์มิใช่น้อย"
    "องค์หญิงเพค่ะ..."
    "ใช้แล้วอิงออน เราล้อมรั้วแล้วนำกระต่ายสวยๆมาปล่อยให้มันวิ่งเล่นกัน ฉันคงมีความสุขมาก"
    "องค์หญิงเรวดีเพค่ะ..."
    "ฉันไม่สนหรอกอิงออน พวกนักบวชนั้นวันวันเอาแต่นั่งหลับหูหลับตา ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร ทำไมพวกชาวบ้านถึงให้ความเคารพกันนัก
    อืม...จะว่าไปแล้วถ้ำนั้นก็เหมาะสำหรับไว้เล่นซ่อนหาวิ่งไล่จับกันนะ ฉันสังเกตุเห็นมีซอกหลืบลึกลับตั้งหลายแห่ง ดูน่าค้นหาน่าสนุกดีออก"
    "แต่องค์หญิงเพค่ะ..."
    "นักบวชเพียงรูปเดียวฉันมีวิธีจัดการได้อยู่แล้ว เชื่อฉันซิ อิงออน 5555..."

    แล้วมารก็เข้าครอบงำจิตใจขององค์หญิง ให้เธอต้องทำในสิ่งที่เป็นวิบากกรรม ให้ผลสืบเนื่องมาจนตราบเท่าทุกวันนี้!
    เธอสั่งให้นางทาสีหน้าตาดีคนหนึ่งเปลือยกายออกจนหมด แล้วเข้าไปในถ้ำนั้น มันเป็นเวลาเดียวกันกับท่านผู้ทรงศีลนั่งเจริญจิตภาวนาอยู่
    นางตรงเข้าสวมกอดรัดท่าน ตามแผนการณ์ที่องค์หญิงรับสั่งทุกประการ!...จนท่านต้องถอนออกจากสมาธิ!
    องค์หญิงเรวดีพร้อมบริวารทำทีเป็นเดินผ่านเข้ามาพบเห็น จึงร้องขับไล่นักบวชผู้นั้นด้วยถ้อยคำกล่าวหาต่างๆ

    แต่ทว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ มีฌานอันแจ่มใสได้เล็งเห็นเจตนาขององค์หญิงแล้ว ไม่อยากทำให้เธอต้องลำบากใจ
    "ดูก่อนองค์หญิง เรามาอาศัยถ้ำแห่งนี้เพื่อความสงบใจ...หาใช่มาเพื่อบริโภคกามคุณไม่
    ขอเธอและบริวารจงอาศัยถ้ำแห่งนี้ เพื่อความสงบใจเถิด"
    แล้วท่านก็ลุกหนีออกจากถ้ำนั้นไป ไม่หวนกลับคืนมาอีกเลย...

    ฤาษิณีอมราลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมดวงจิตที่หดหู่ เพราะอำนาจแห่งกสิณสมาธินั้นเอง ทำให้นิมิตเก่าแต่ครั้งอดีตมาปรากฎในห้วงมโนทวาร
    ธรรมดาถ่านไฟอันร้อนแรงเมื่อถูกขี้เถ่ากลบไว้ย่อมไม่แสดงออกถึงความร้อน ต่อเมื่อมีลมมากระพือพัดเข้าใส่
    ถ่านเพลิงนั้นก็พลันลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง!

    "เจอแล้ว คงเป็นลูกไม้ผลสีเขียวอันนี้สินะ ที่มาปรากฎให้เห็นในนิมิตเรา"

    ฤาษิณีอมราออกแสวงหาผลไม้ในเขตแดนที่สองเป็นประจำให้นึกประหลาดใจยิ่งนัก เหตุไฉนผู้บำเพ็ญพรตหน้าใหม่
    ถึงได้เก็บผลเสน่ห์อัมรินทร์ลูกสีเขียว?

    ผลไม้๒.jpg

    เจ้าชายกัมพีชะพร้อมพระชายา ทั้งสองมิทันได้สังเกตุเห็นฤาษิณีเจ้าถิ่น ต่างพากันก้มหน้าก้มตาเก็บผลเสน่ห์อัมรินทร์ลูกสีเขียว
    ที่เพิ่งร่วงหล่นอยู่ใต้โคนต้นบ้าง กำลังเอื้อมเด็ดลูกที่อยู่บนกิ่งเตี้ยๆบ้าง ราวกับว่าเป็นสิ่งของสำคัญอันล้ำค่า...
    "กินได้จริงๆหรือพี่ ฉันว่ามันยังดิบๆอยู่นะ ทำไมเราไม่เก็บผลสุขหรือผลไม้อย่างอื่นกลับไปบ้างหละ"(พระชายาถามขึ้นด้วยความฉงนใจ)
    "น้องจะรู้อะไร อดีตฤาษีที่ออกไปครองเรือนในหมู่บ้านเป็นคนบอกพี่เอง มันเป็นผลไม้ยาเฉพาะ!"
    "ยาเฉพาะ?"
    "อย่าถามมากนักเลย รีบๆเก็บเถอะเราต้องออกไปก่อนตะวันตกดิน"
    ด้วยความสงสัยและความอยากรู้ไม่ทันได้นึกเอ๊ะใจอะไร นางจึงตัดสินใจกัดกินผลไม้ลูกสีเขียวนั้นเข้าไปในทันที!...!...!...!

    (เนื้องจากเป็นเว็บธรรมะ ผู้เขียนของดรายละเอียดอันไม่เหมาะสม เป็นภัยต่อสุขภาพจิต!)..................

    ฤาษิณีอมรากลับไปที่พักพร้อมกับไฟที่แผดเผาไหม้ดวงจิต นางพยายามเพ่งกสิณน้ำเพื่อเป็นเครื่องระงับดับไฟนั้น
    "น้ำใสเห็นปู น้ำใสเห็นปลา"
    "น้ำใสเห็น เห็น เห็น..."
    "เอ๊ะ ทำไมปูกับปลาถึงได้เป็นเช่นนี้!" :'(

    อนิจจา!บัดนี้นิมิตภาพนั้นได้ติดตาติดใจนาง ราวกับเป็นภาพที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในจอหนัง...
    ท่ามกลางกระแสน้ำใสที่ไหลเย็น บัดนี้กุ้งหอยปูปลามิได้มาปรากฎในห้วงมโนทวารของนางอีกต่อไปแล้ว!

    นางจะเป็นอย่างไร ?ฤาษีคู่หมั้นของนางจะช่วยเหลือนางได้หรือไม่?
    ต้องลุ้นกันต่อไป....:cool:

     
  15. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เปล่า มิได้เล่นน้ำเหมือนคนอื่น...
    ที่หายไปนาน เพราะต้องสั่งสมบารมีตามหน้าที่ของตนตางหาก! :cool:
     
  16. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    รอฟังตอนต่อไปน๊ะ...อย่าให้คอยเก้อนานละ..เดี๋ยวคอจิยาวเหมือนยีราฟ อิอิ :cool:
     
  17. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    "อมรา อมรา เจ้าเป็นอะไร!วันนี้สายมากแล้วไม่เห็นออกไปแสวงหาผลไม้เหมือนอย่างเคย?"
    (เสียงเรียกกึ่งคำถามของชัยสิทธิ์นั้น ทำให้นางฤาษิณีถึงกับสดุ้ง ถอนออกจากภวังค์ภาพหลอนในบัดดล)
    "ข้า ข้า รู้สึกไม่สบายเชิญท่านออกแสวงหาผลไม้บริโภคเองเถิด"

    ลำดับนั้นฤาษีชัยสิทธิ์จึงออกแสวงหาผลไม้ด้วยตนเอง แล้วแบ่งส่วนหนึ่งให้ฤาษิณีอมราบริโภคด้วย
    วันที่สองก็ยังคงเป็นเช่นนั้น พอเข้าวันที่สามชัยสิทธิ์เห็นผิดสังเกตุ หลังจากที่แสวงหาผลไม้ได้มาแล้วจึงถือผลไม้เดินตรงเข้าไปส่งให้นางถึงที่อยู่
    (ปกติชัยสิทธิ์จะนำผลไม้ไปวางไว้ในที่อันเหมาะสม ไม่เคยเข้าไปถึงที่พักนางเลย)

    "อมรา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
    นางสดุ้งตกใจไม่นึกว่าท่านชัยสิทธิ์จะเดินเข้ามาถึงที่อยู่ ตั้งแต่เริ่มออกบำเพ็ญพรตด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มองเห็นหน้าท่านชัยสิทธิ์อย่างเต็มตา!
    ธรรมดาของผู้บำเพ็ญพรตถือพรหมจรรย์บริสุทธิ์นั้น ย่อมเป็นบุคคลผู้มีสง่าราศรี มีศิริอันเป็นเสน่ห์มนต์ขลังแก่มหาชนผู้พบเห็น
    ฤาษีหนุ่มก็คงมีลักษณะไม่ต่างกัน...ภาพของคนทั้งสองกำลังจะสงบระงับดับลงไปแล้ว ก็พลันเปลี่ยนเป็นหน้าของชัยสิทธิ์ลอยเข้ามาแทน

    "ไม่ อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ออกไป "(อมราพยายามแข็งใจเอ่ยปากขับไล่ชัยสิทธิ์ให้ออกไปจากที่พำนักของนาง)
    แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่นางคิด เมื่อชัยสิทธิ์สังเกตุเห็นอาการอันแปลกประหลาดของนาง ที่นอนคลุมผ้าห่มหนังเสืออยู่คลายกับคนกำลังเป็นไข้
    "นี่เจ้าไม่สบายจริงๆด้วย ทำไมถึงไม่บอกข้า ลืมไปแล้วหรือว่าข้ามาบำเพ็ญพรตด้วยวัตถุประสงค์ใด!...
    บัดนี้เจ้ารู้สึกหนาวหรือว่าร้อนขอจงรีบบอกข้าเถิด ข้าจักอธิษฐานยาวิเศษรักษาเจ้าให้หายในบัดดล"
    (สุนทรวจีของชัยสิทธิ์นั้นทำให้อมรารู้สึกซาบซึ้งจับขั้วหัวใจ แต่เป็นเพราะบุพกรรมเก่าถึงวาระให้ผล ทุกอย่างจึงผิดพลาด!)

    "ข้า...ข้ารู้สึกหนาว ข้า...ข้าต้องการความอบอุ่นจากท่าน อย่า...อย่า จากข้าไป!"
    ชัยสิทธิ์ฤาษีหนุ่มผู้ชำนาญในองค์กสิณได้ยินดังนั้นแล้ว จึงรวบรวมสมาธิเพ่งจิตลงสู่พื้นธรณี พร้อมกับคำบริกรรมเรียกดอกบัวแก้วยาวิเศษ
    "รัตนปทุโม รัตนปทุโม..."เพียงชั่วอึดใจเดียว ดอกบัวแก้วยาวิเศษก็ผุดขึ้นมาเบ่งบานบนแผ่นพื้นธรณี ราวกับเทพเนรมิตรสร้าง
    ชัยสิทธิ์เอื้อมมือไปเด็จบัวแก้วดอกนั้น แล้วประครองจิตยื่นส่งให้แก่ฤาษิณีอมรา...

    "อมราเอย เจ้าจงรับดอกบัวแก้วอันวิจิตรนี้แล้วรีบบริโภคเถิด โรคาพาตความเหน็บหนาวจักพลันมลายหายไป"

    ฤาษิณีผู้ถูกกรรมวิบากเล่นงานแล้ว หาได้เข้าใจความหมายด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ไม่ แต่นางกลับเข้าใจไปว่าดอกบัวแก้วที่แสนจะงดงามดอกนั้น
    เสมือนตัวแทนแห่งความรัก ที่ชัยสิทธิ์จักพึงหยิบยื่นมอบให้แก่นาง ตามเสียงเรียกร้องของหัวใจที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งราคะ!

    แต่ทว่าดอกบัวแก้วเป็นยาร้อน หาได้เหมาะสำหรับอมราผู้มิได้ป่วยไข้หนาวเหน็บจริง!...
    ไฟธาตุจึงแตกซานทันทีในขณะที่นางกัดกินดอกบัวแก้วเข้าไป พร้อมกับดวงจิตที่เพ่งมองไปที่ใบหน้าของชัยสิทธิ์

    ฤาษีหนุ่มไม่เคยลืมแววตาอันโปนโตคู่นั้น พร้อมกับโลหิตร้อนๆที่ไหลพุ่งออกไปทั่วทุกประตูทวาร...

    อนิจจา!นางสิ้นใจเสียแล้ว พร้อมกับความรู้สึกผิดของชัยสิทธิ์...

    เขาฝังศพนางไว้ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง...

    นางอุบัติทันทีพร้อมอัตภาพใหม่ใต้ห้วงน้ำกลางสระโบกขรณีนั้น...

    พญานาค๖.jpg

    เฝ้ารอเวลาที่ชัยสิทธิ์จักคืนย้อนกลับมา...

    "เป็นเพราะเราเองหรือนี่ ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ สังขารไม่เที่ยงหนอ อภัยให้ข้าเถอะนะ อมราเอย"ชัยสิทธิ์ปลงธรรมสังเวชแล้ว
    พยายามตีปริศนาในคำบริกรรมนั้น "ทิพยปทุโม ทิพยปทุโม"...เป็นเช่นนี้เองหรือ!
    ในไม่ช้าเขาก็ได้สำเร็จวิชชาสูงสุดในเขตแดนที่แปด ได้อัตภาพอยู่เป็นหนุ่มน้อยไปจนตลอดอายุไข...ฤาษีบรมครูทราบความนั้นแล้ว
    จึงส่งเธอท่องเที่ยวเข้าไปในเขตแดนที่เก้าซึ่งเป็นเขต "มฤคสัตว์แดนหิมพานต์"

    นางพญานาคีอมรานั้น จำเดิมตั้งแต่เธออุบัติขึ้นยังมิได้เริ่มฝึกกสิณสมาธิเพื่อต่อยอดของเก่า ย่อมจดจำภาพเหตุการณ์ในอดีตมิได้!
    มีเพียงความรู้สึกที่ผูกพันธ์และคุ้นเคยกับใครคนหนึ่ง!...ฤาษีบรมครูรอให้ชัยสิทธิ์ฝึกวิชชาจนสำเร็จแล้วเข้าไปบำเพ็ญต่อในเขตแดนที่เก้า
    จากนั้นจึงได้นิมิตเข้าไปฝึกสอนนางพญานาคีต่อ จนนางสามารถระลึกชาติได้แล้วจดจำได้ว่าฤาษีชัยสิทธิ์เคยเป็นคู่หมั้นคนรักของนาง
    นางจึงคิดที่จะออกติดตามชัยสิทธิ์เข้าไปในเขตแดนที่เก้า...แต่ทว่า นางได้กระทำผิดกฎของสถานที่โดยบังเอิญคือบริโภคเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
    ด้วยความไม่รู้ เพราะการได้อัตภาพแห่งนาคราชนั้นย่อมต้องการบริโภคของคาวเพื่อเป็นปัจจัยในการดำรงค์ชีวิต

    จริงอยู่ ที่เมืองฤาษีเกศแห่งนี้มีกฎเหล็กห้ามบริโภคเนื้อสัตว์ แต่เป็นเพราะว่านางพญานาคราชนั้นหาใช่มนุษย์ไม่!
    นางจึงมิได้รับโทษหนักถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ได้รับโทษสถานเบาคือการจองจำ...

    อ้า...ใช้แล้ว ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นถ้ำเดียวกันกับเมื่อสมัยครั้งอดีตที่เธอเสวยชาติเป็นองค์หญิงเรวดี ผู้เอาแต่ใจตนเอง!

    "ดูก่อนองค์หญิง เรามาอาศัยถ้ำแห่งนี้เพื่อความสงบใจ หาใช่มาเพื่อบริโภคกามคุณไม่ ขอเธอและบริวารจงอาศัยถ้ำแห่งนี้เพื่อความสงบใจเถิด!"

    จำเดิมแต่นั้นมานางพญานาคีสีทองตนนั้น ก็ได้เข้าไปสงบใจอยู่ภายในถ้ำสิ้นกาลเวลายาวนานถึงสองหมื่นปี ด้วยเหตุที่เคยใช้เป็นสถานที่สงบใจ
    ของนางพญานาคี ถ้ำแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า "ถ้ำสุมนะ"หรือ "ถ้ำสุมโน"อันมีความหมายว่า ถ้ำสมณะผู้มีใจงาม,ถ้ำผู้มาสงบใจทำใจให้งดงาม!
     
  18. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    ว้าวววว...กำลังมันเลยอ่ะ เหมียวน้อย...ขออีกเยอะๆ น๊ะ :cool:
     
  19. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ฤาษีชัยสิทธิ์ท่องเที่ยวอยู่ในเขตแดนที่เก้า มีหน้าที่รักษาและช่วยเหลือเพื่อนสรรพสัตว์ในป่าหิมพานต์อยู่นานหลายพันปีแล้ว จนถึงกาลสมัยที่
    ฤาษีบรมครูปลงอายุสังขาร ขณะนั้นแก้ววิเชียรชัยสิทธิ์เครื่องประดับคอได้เปล่งรัศมีสว่างไสวขึ้น ชัยสิทธิ์ทราบความนั้นแล้วรำลึกถึงท่านฤาษีเกศฬี
    จึงเดินทางมุ่งหน้าคืนกลับแดนมนุษย์ ผ่านซอกเขาแห่งหนึ่งมีลัษณะเป็นประตูมิติลี้ลับ ยากนักที่บุคคลธรรมดาจะสามารถผ่านเข้าออกได้โดยง่าย!
    ด้วยวิทยาธรที่ตนสำเร็จแล้วชัยสิทธิ์ฤาษีพร้อมคณะผู้ทรงจิตอภิญญา และเหล่าผู้สำเร็จศิลปศาสตร์แขนงต่างๆ ได้เดินทางมาด้วยญาณวิถีแห่งตน
    เข้าสู่เขตแดนที่สิบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย!

    "บัดนี้เราได้กระทำกิจอันเป็นหน้าที่ของผู้บำเพ็ญในท่านทั้งหลาย พอสมควรแก่กาลเวลาแล้ว...นับจากนี้ต่อไปอีกหนึ่งร้อยปี
    จักบังเกิดเหล่าผู้มีบุญญาธิการ ๕๐๐ ท่านมาตรัสรู้ธรรมสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธผู้ประเสริฐ แล้วเข้ามาอาศัยพำนักอยู่ภายใน
    เงื้อมเขานันทมูลกะแห่งนี้...ดังนั้นขอพวกท่านทั้งหลายจงกระทำกิจของตนตามหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

    เมื่อสิ้นคำกล่าวโอวาทธรรมของท่านฤาษีบรมครูแล้ว ท่านจึงลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นสรีระกายขนาดแปดศอก ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลาง
    ฤาษีผู้บำเพ็ญพรต...ไม่ช้านานก็บังเกิดเตโชธาตุลุกโชนขึ้นจากปลายเท้าเผาสรีระกายไหม้เป็นเถ่าละอองธุลีในชั่วพริบตา!
    ท่านฤาษีบรมครูถืออุบัติเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วแล!...

    ลำดับนั้นมหาฤาษีผู้มีอายุท่านหนึ่งลุกขึ้นยืนกล่าวรายนามฤาษีผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อกระทำหน้าที่ในส่วนที่เหลือสืบต่อไป...
    "ท่านสุวัสประจำทิศบูรพา,ท่านนาระประจำทิศอาคเน,ท่านสาระติประจำทิศหรดี,...ท่านชัยสิทธิ์ประจำทิศทักษิณ!"

    เมื่อสมัยการประชุมได้สิ้นสุดลง มหาเมฆใหญ่ก็พลันบังเกิดขึ้นค่อยๆรวมตัวกัน แล้วลอยเข้าปกคลุมเงื้อมเขานันทมูลกะ ทีละน้อย ทีละน้อย
    ฤาษีทั้งแปดท่านเข้าประจำในทิศทั้งแปดพร้อมบริวาร ต่างทราบหน้าที่ในกิจของตนดี นั้นคือพยายามนำพาทุกสรรพชีวิตให้อพยกออกไป
    จากรัศมีเงื้อมเขานันทมูลกะโดยเร็วที่สุด เพราะอีกไม่ช้าจะบังเกิดฝนใหญ่กระหน่ำตกลงมาชำระล้างเงื้อมเขานันทมูลกะ
    อันเป็นเขตสถานแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นให้สะอาด เพื่อรองรับคุณธรรมอันประเสริฐ อีกร้อยปีข้างหน้า!
    (สำหรับผู้สำเร็จฌานสมาบัติตามแบบการบำเพ็ญของฤาษีแล้ว หนึ่งร้อยปีถือว่าเร็วมาก!)

    คงเป็นเพราะบุพกรรมที่เคยเกื้อหนุนกันมา ถ้ำสุมนะที่ใช้คุมขังนางพญานาคีอมรานั้นก็ตั้งอยู่ทางทิศทักษิณ(ใต้)พอดี
    ซึ่งฤาษีชัยสิทธิ์ได้รับมอบหมายให้เข้าไปดูแลสรรพชีวิตที่อยู่ในทิศนี้!...

    กาลเวลาล่วงเลยมาพันกว่าปีแล้วชัยสิทธิ์จะจำนางอมราได้หรือไม่?
    ชีวิตนางพญาผู้อาภัพจะเป็นเช่นไร?

    ไม่นานเกินรอ :cool:

     
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สงสัย.gif

    ได้แต่ความบันเทิงเท่านั้นหรือ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...