... แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สายฝนฉ่ำเย็น, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ธรรมะสวัสดีค่าพี่อ้อ ดารอร่วมงานบุญสร้างโบสถ์ด้วยนะคะ โมทนาสาธุ
     
  2. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    #### ....เล่นตัว.... ####

    สดๆ ร้อนๆ ... คุณ Q เธอมาจองคิว ... ผู้ช่วยก็จัดคิวให้ ... คุณ Q เธอก็ใจจดใจจ่ออยู่กับดิฉัน ... ค่อนข้างแรง ... แต่ความที่กรรมของเธอค่อนข้างหนักหนา สาหัสเอาการอยู่ ... เหวี่ยงมาหาดิฉันก่อนที่จะได้คุยกัน ... ปรากฏว่า วันนั้น ดิฉันเหวี่ยงใส่สามี แบบไม่มีปี่ไม่มีขุ่ย แถมไล่ให้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก ... อารมณ์ขึ้นตั้งแต่เช้าเลย .... แถมตัวร้อนไข้ขึ้น ปวดหัวอย่างแรง จนต้องเลื่อนนัดทั้งหมดของวันนั้นไปในวันถัดไป .... ปรากฏว่า ... พอโทรเลื่อน คุณ Q บอกเธอว่า ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้ปวดหัวอย่างแรง และไม่มีสติ ไม่อยู่ในสภาวะที่จะดูให้ใครได้ ขอเลื่อนเป็นวัดถัดไป ตามเวลาเดิม ... น้ำเสียงเธอตอบกลับมา ด้วยคำธรรมดา แต่น้ำเสียงไม่ธรรมดา เธอมีอารมณ์อยู่ในน้ำเสียงนั้น ... ฉันขอโทรศัพท์จากผู้ช่วยทันที เพราะฉันเห็นมโนกรรมที่กำลังตำหนิดิฉันอยู่ด้วยความน้อยใจ ... “เล่นตัว” ... คนกำลังเดือดร้อนใจอยู่ ... แต่ปากบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ รอก็ได้” .... วันนั้น ใจฉันไม่ดีเลย ขึ้นไปทำวัตรเย็น ... นั่งสมาธิ เห็นมโนกรรมของเธอ เห็นอารมณ์ของเธอ เห็นคำว่ากล่าวดิฉัน .... “เจ้ากรรมนายเวรของฉัน” ฉันนึกในใจ .... จึงอุทิศส่วนกุศลให้เธอ พร้อมกล่าวขอขมากรรมกันไป กรรมที่เชื่อมโยงถึงกันของเธอ เหวี่ยงมาโดนฉันทำให้เกิดอาการนั้น

    วันรุ่งขึ้น เวลานัดเวลาเดิม ... เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นก่อนจะถึงเวลานัด 5 นาที .... พอรับสาย .... ฉันกล่าวยกอโหสิกรรมให้กับเธอ และขอให้เธอ กล่าวขอขมากรรมฉัน ... เธอเงียบไป ฉันจึงบอกไปว่า ... เมื่อวานนี้ เธอกล่าววจีกรรม ว่าดิฉัน และ นึกคิดน้อยใจ ตำหนิดิฉัน ... โดยไม่ทราบสาเหตุจริงๆ ว่าดิฉันเป็นอะไร และเข้าใจในผู้อื่น ... ฉันเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันให้เธอฟัง .... และนี่คือกรรมของเธอกับสามีเช่นกัน .... เมื่อได้ฟังแล้ว เธอรีบกล่าว ขอขมากรรม ขออโหสิกรรมต่อฉัน ... ฉันบอกว่า ฉันยกให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไม่ถือโทษใดๆ หรอก ... แต่ กรรม คือ การกระทำ เมื่อเกิดแล้ว รอเวลาใช้อย่างเดียว แต่ไม่ได้ใช้กับฉัน เพียงรอเวลาใช้กับผู้อื่น ในการกระทำนี้ ... ให้ทำใจไว้นะ ... เธอน้อมรับด้วยเสียงที่นิ่มนวล และยอมรับกรรมที่จะเกิดขึ้นกับเธอในอนาคต ....

    ฉันถามเธอว่า ... กำลังจะตัดสินใจเรื่องครอบครัวใช่ไหม ... เธอบอกว่าใช่ ฉันจึงบอกต่อว่า อาการที่ฉันเป็นเมื่อวาน เป็นกรรมของเธอกับสามี และเป็นอาการของเธอที่ทำกับสามีเช่นกัน ... เธอบอกว่าใช่ และกล่าวขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันบอกว่า ไม่เป็นไร แต่นี่คือกรรม ...

    ฉันเห็นอีกหลายอย่างในกรรมเก่า และกรรมใหม่ โดยเฉพาะ กรรมกับผู้เป็นแม่ ในศีลข้อที่ 3 ฉันจึงแนะนำ และให้เธอถือศีลภาวนา เธอรับฟัง และรับคำแนะนำ แต่โดยดี

    ฉันหวังใจว่า ... วันหนึ่ง เธอจะโทรมาเล่าให้ฟังว่า เธอได้อะไรจากการถือศีลภาวนานั้น ขอสติ จงเกิดกับเธอ ขอปัญญาจงเกิดกับเธอ ขอศีลภาวนาที่เธอกำลังจะเริ่มต้นเดินหน้านั้น ส่งผลให้ใจเธอเบาสบาย และแก้ปัญหาให้เธอได้ด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นของเธอ ... ขอจงเป็นผู้เดินตาม พระพุทธองค์ ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ สว่าง และ สะอาดด้วยเทอญ

    สาธุธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2012
  3. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ^ ^ จ้าน้องดา ประมาณเดือน ส.ค. จ๊ะ จะส่งข่าวให้ทราบโดยทั่วกัน

    สาธุด้วยจ๊ะ
     
  4. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    เฮ้อ...เหนื่อยหน่ายกับการอิจฉาริษยาของคนที่เรียกว่ามนุษย์...เพียงแค่เห็นว่าเขามีความสุข เขามีโน่น มีนี่กัน...ก็อิจฉาริษยาเขา...หมั่นไส้เขา...โดยไม่พิจารณาว่า...เขาได้สิ่งเหล่านั้นมาได้อย่างไร...หรือ....เขามีวาสนาอย่างไร จึงได้สิ่งเหล่านั้นมา...เขาไม่ได้อวดอ้าง...ตนเพียรถาม...มองเห็นเพียงแค่ตา...ก็สรุปตามที่...ตาทั้งสองข้างเห็น...

    เฮ้อ...ความอิจฉาริษยาเหล่านั้น...ไม่ได้ไปถึงผู้ที่ถูกอิจฉาเลย...แต่มันกลับเป็นนรกที่วนเวียนอยู่ในอกของผู้ที่อิจฉาริษยาเหล่านั้นเอง...กรรมที่เดิน...ก็ได้ใช้กับ...เพื่อนร่วมงาน...บริวารรอบตัว...หันไปทางไหนก็มีแต่อุปสรรคขัดข้อง...แต่ไม่เคยมอง...ใจ...ของตนเลย...ว่า...กรรมจากการ...อิจฉาริษยานั้น...ผลตอบแทนคืออะไร....ใจจะเป็นสุขได้อย่างไร...ถ้าไม่หันมามอง...สิ่งรอบๆ ตัว...ที่ดีอยู่แล้ว...เผลอๆ จะดีกว่าบางคนด้วยซ้ำไป...

    สาธุ...ขอสติ จงมีแด่ผู้ มีปัญญาเถิด...สาธุ


    ฉันถูกสอนในสมาธิ...ให้เป็นผู้อภัยคนเป็น...ให้อภัยผู้อื่นเป็น...และจงให้อภัยตนเอง...หากสิ่งที่ทำไป...ก่อให้เกิดการเบียดเบียนกระทบกระทั่งกัน...ให้อภัยตนเอง...ที่รู้ว่า...ตนผิด...และน้อมรับความผิด...และพยายามที่จะไม่ผิด...ฉันเคยแบกคนไว้หลายคน...บนขั้วหัวใจ....แสนจะหนักอึ้ง...และทรมาณใจนักหนา...แต่วันนี้...ฉันได้อุทิศบุญกุศลที่ได้ทำ...ให้เขาเหล่านั้น...ให้อภัย...อโหสิกรรม...เขาเหล่านั้น...หลุดจากขั้วหัวใจของฉันทีละคน ทีละคน...จนตอนนี้....เหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น....ที่ฉันต้องทำให้ได้....เพราะคุณตาเคยขอไว้....ข้อพรหมวิหาร ข้อสุดท้าย....ที่ยังไม่ได้ทำให้เขาคนนั้น....คือ....เมตตา....

    ขอให้ฉันสร้าง...เมตตา....ให้เขาคนนั้น ได้ในเร็ววัน....เพื่อให้ขั้วหัวใจของฉัน...จะได้ปลดปล่อยพันธนาการนั้น....เสียที...

    สาธุธรรมค่ะ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2012
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,377
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    เขากำลังก่อสร้าง “พระแม่กวนอิม” ... เขากำลังเริ่มก่อสร้าง “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน” ...

    อ่านแล้วขนลุกซู่เลย ติดตามอ่านอยู่ค่ะ อนุโมทนาสาธุๆๆด้วยค่ะ;41
     
  6. อวตาร888

    อวตาร888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +1,070
    สาธุขออนุโมทนาด้วยครับ.
     
  7. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีเช้าวันศุกร์...

    ### เป็นเรื่องปกติ ###

    ลูกสาวแสนดี...โทรหาฉัน...นัดจองคิว...แต่ด้วยความที่เธอกลัวเปลืองค่าโทรศัพท์...โทรมาคุยไม่ถึง 10 นาที ก็รีบวางหู...ฉันถามกลับว่า...พี่คะ...เรายังคุยกันไม่จบเลยค่ะ...เสียดายเวลาที่พี่จองคิวมานะคะ...และเราก็ยังคุยกันไม่จบเลย...เธอจึงใจเย็นลง...และค่อยๆ ถามต่อ...คุณแม่เธอเป็นอะไร...ทำไมป่วยบ่อยมาก...อดีตชาติคุณแม่พี่เป็นอะไร....และทำกรรมอะไรมาหรือเปล่า...

    ฉันย้อนถามเธอว่า...ถ้าหนูพูดเรื่องอดีต...ที่หนูเห็นแล้วพี่ไม่เห็น...พี่จะเชื่อหรือ...เธอตอบว่า...เชื่อ...แต่ฉันเห็นความคิดเธอ...ว่าใจเธอไม่ได้ตอบแบบนั้น...ฉันเลยบอกว่า...เอาเป็นกรรมจากปัจจุบันก่อนแล้วกัน...คุณแม่พี่ตอนนี้มีปัญหาที่เข่าและขาขวา...เธอบอกว่า...ใช่ พรุ่งนี้ คุณแม่จะเข้าผ่าตัดหัวเข่า...ฉันบอกว่า...คุณแม่ มีปัญหาเรื่องการผ่าตัด ต้องเสียเลือด หลายครั้ง...เธอตอบว่าใช่...สงสารคุณแม่มาก...ฉันบอกต่อว่า...ฉันเห็นไก่...เห็นการเชือดไก่...จับขา จับปีก แล้ว เชือดคอ...เธอเงียบไป...ความคิดของเธอตอนนั้น...เหมือนฉัน...“เดา”...เพราะความคิดที่ว่า ... หมอดู ก็คือ หมอเดา นั่นแหละ....ฉันพูดต่อเลยว่า...ปล่อยใจให้ว่างนะคะ...ถ้าคิดว่าเป็นการเดา...ก็ไม่น่าเสียเวลา เสียเงิน จองคิวเพื่อดูเลย...เพราะถ้าบอกอะไรไปก็คงไม่ทำ...เธอตอบกลับว่า...“เป็นเรื่องปกติ...เมื่อมีเทศกาล...สมัยก่อน...ใครๆ เขาก็ทำกัน”...ฉันเจอดอกนี้อีกแล้ว...ฉันบอกต่อว่า...ใช่ค่ะ...ความเป็นมนุษย์ก็คิดกันแบบนั้น...แต่คุณจะรู้ไหม...ว่าไก่ หรือ เจ้ากรรมนายเวร คนไหน ตัวไหน....เขาอาฆาตคุณ จองเวรกับคุณ...เธอเงียบ..เหมือนจะเข้าใจ...สักพัก..เธอตอบกลับมาว่า...อาจจะจริงอย่างที่คุณอ้อว่า...เพราะคุณแม่เดี๋ยวผ่าโน่น ผ่านี่ อยู่เรื่อยเลย...พี่ก็เลยกลัว...ฉันตอบว่า...อย่ากลัวเลยค่ะ คุณแม่ยังไม่ถึงเวลาไปหรอก...เพียงต่อ เจ้ากรรมนายเวรเขามาทวงหนี้กรรมเท่านั้น...ให้หมั่นพาคุณแม่สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาเหล่านั้น เพื่อเป็นขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน...คงพูดโดนใจเธอหรืออย่างไรไม่ทราบ...เธอถามต่อว่า...บอกหน่อยได้ไหม คุณแม่ตอนนี้ห่วงอะไรอยู่....ฉันตอบกลับเธอแบบไม่คิดเลย...ห่วงพี่นั่นแหละค่ะ...เธอถาม...อ้าวทำไมล่ะคะ...ห่วงเพราะพี่ยังไม่มีครอบครัว...ห่วงว่าบั้นปลายชีวิตพี่จะเป็นอย่างไร...เธอเงียบไป เหมือนน้ำตาซึม...ตอบกลับมาว่า...ค่ะ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคุณแม่พูดบ่อยๆ...เธอถามต่อ...แล้วอดีตชาติของคุณแม่ล่ะคะ...ฉันเห็นความคิดของเธอ...ว่าถ้าพูดอะไรไป เธอคงไม่เชื่อ และหาว่าฉันมั่วแน่นอน...“อย่าไปรู้เลยค่ะ ทุกอย่างจบไปหมดแล้ว อดีต ก็เป็นอดีตไปแล้ว”...ไม่ค่ะ พี่อยากรู้....“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หนูเห็น หนูบอกไป พี่ก็ไม่เชื่อ”...เชื่อค่ะ ลองพูดมาเถอะ...“แน่ใจหรือคะ”...ค่ะ พี่แน่ใจ...“อดีตชาติคุณแม่ของพี่เป็นทหารค่ะ”...อ้าวแล้วเป็นทหารมันผิดตรงไหนล่ะคะ...นั่นไง...ดอกแรกเริ่มแล้ว...“ไม่ผิดหรอกค่ะ เจ้ากรรมนายเวร ไม่ได้มีแค่ไก่หรอกค่ะ คนก็มี เยอะเสียด้วย”...อ้าว ก็เป็นทหาร ทำตามหน้าที่ แล้วมันผิดตรงไหนล่ะคะ...ดอกที่สอง...“ไม่ผิดหรอกค่ะ ... ทำตามหน้าที่ ทำตามคำสั่ง แต่ฆ่าเขา เขาอาฆาตค่ะ ”...อ้าว งั้นเป็นทหารก็ไม่ดีสิคะ...มีญาติพี่น้องจะได้ไม่ให้เป็นทหาร...ดอกที่สาม...“นี่แหละ คือ เหตุผล ที่หนูจะไม่พูดเรื่องอดีตชาติ แต่พี่ พยายามให้หนูพูด พอพูดไป ก็กลายเป็นไม่ฟัง หนูถึงไม่พูดไง....พี่เคยเห็นคนที่มีหน้าที่ประหารชีวิตไหม...ก่อนประหารชีวิต เขาจะมีการขอขมากรรม ขออโหสิกรรม กับคนที่เขาจะต้องประหารชีวิต...แต่ทหาร ทุกคนทำตามคำสั่ง ทำตามหน้าที่...จะได้ทันขออโหสิกรรมกันหรือคะ...จะฟันที บอกว่า ขอขมากรรมนะ ขออโหสิกรรม อยู่ เพื่อนก็ฟันพี่ก่อนแล้วค่ะ”....เออ..จริงด้วย...แหะ แหะ แหะ พี่ก็สงสัย น่ะ....

    ฉันนึกในใจ...“กรรมอะไรของฉันเนี่ย...อุตส่าห์ไม่พูด ยังขยั้นขยอให้พูด พอพูด กลายเป็น เรื่องโจ๊กไป”...เฮ้อ...กรรมของฉันจริงๆ

    สาธุธรรมค่ะ ^ ^
     
  8. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ

    เช้านี้ได้ทำบุญกับสำนักสงฆ์อนัตตา จ.กาญจนบุรี บุญครั้งนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเลย ด้วยยุ่งตลอดไม่มีเวลา เลยร่วมเงินกับคุณแม่สำหรับข้าวสารอาหารแห้ง 200 บาท นำปัจจัยใส่ซองถวายหลวงพ่อ 1,000 บาท และได้ร่วมบุญสร้างห้องน้ำชายหญิงอีก 500 บาท

    อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ

    สาธุ ^ ^
     
  9. jojovirtue

    jojovirtue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +51
    โฮ๊ะมีหยั๋งกั๋นแน่ะ..........
     
  10. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันศุกร์.....

    เดือนพฤษภาคม 2011 ที่ผ่านมา ... หลังกลับจากทัวร์บุญไหว้พระธาตุทางภาคเหนือ ได้ไม่นาน ... ได้เจอพี่ท่านหนึ่ง ในเวปพลังจิต (คุณอำนวยกรณ์) ... ตั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจนกระทั่งทุกวันนี้ ยังคงลังเล สงสัย ตลอดเวลา ... เพราะสิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือ ... ความดับทุกข์ ... การหลุดพ้น ... แต่ ... ทำไม ทำไม ต้องทำอะไร ... ที่ในชีวิตนี้ ไม่เคยคิด หรือ หวังใจว่า ... จะเกิดขึ้นกับตนเอง ... พี่ท่านนี้ รู้ความเป็นไปในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ... เพราะได้เคยปรึกษา ถึงสิ่งเหล่านี้ ว่า ... ทำไม ... ต้องเป็นเรา ... ทำไม ... เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ ... ท่านบอกว่า ... น้องโชคดี ที่มีครูบาอาจารย์ ทางสายพระอริยสงฆ์ ที่ท่าน มรณะภาพไปแล้ว ได้นำกล่าว บอกเล่า ตักเตือน ... เตือนสติ และ บอกทาง น้องตลอดเวลา ... แต่ ... อยากให้น้องได้ครูบาอาจารย์ในสายธรรม ที่ท่านยังมี สังขาร อยู่ ... ได้นำน้อง ... น้องจะได้เดินได้ถูกทาง ... พี่อยากให้น้องไป วัดธรรมมงคล ไปกราบ หลวงพ่อวิริยังค์ ท่าน ... ไปเรียนวิปัสสนากับท่าน ... แต่ .... ถ้าไปในครั้งแรก หรือ หลายๆ ครั้ง แล้วไม่พบท่าน ... อย่าท้อ ... ขอให้เพียรมานะ ... ไปกราบ และพบเจอท่านให้ได้ ... ท่านมักจะอยู่ต่างประเทศบ่อยๆ ... ให้ไปนะ ....

    เสียงนี้ ... ยังก้องอยู่ในหู ... แต่ด้วยความคาดไม่ถึง ... กระทั่งวัด ยังไม่รู้จักเลย ... ประวัติท่านก็ไม่เคยได้อ่าน ไม่เคยผ่านตา ... ได้ยินชื่อท่าน ... ก็ตอนที่พี่คนนี้ ... มาบอกเก้าเล่าสิบให้ฟังนี่แหละ ... บอกสามีชวนกันไปหลายต่อหลายครั้ง ... ไม่ว่างบ้าง ติดธุระบ้าง ... ไว้มีโอกาส ได้เดินทางไปบริเวณนั้น แล้วไปทีเดียวดีกว่า เพราะระยะทางระหว่างบ้าน กับ วัดธรรมมงคลนั้น ... ไกลกันโขอยู่ ... ฉันทิ้งความคิดนั้นไปนานเท่านาน ... เพราะคิดว่า น่าจะยังไม่ใช่ ไม่ถึงเวลาของฉัน หรือ อะไรก็ตาม ที่ทำให้ฉันไม่สามารถไปกราบท่าน .... อีกทั้ง ... เห็นเพียงรูปเท่านั้น ฉันก็นึกกลัวว่า ท่านจะดุ หรือ ไม่ ... ฉันเป็นเพียงเศษธุลีดินเท่านี้ ... ยังอยู่ในโคลนตมอย่างนี้ ... ไยเลยท่านจะมองมาทางฉัน ... ฉันคงไม่มีวาสนาถึงเพียงนั้นหรอก ...

    แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ... ฉันนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ ... เวลาเที่ยงกว่าแล้ว ... จู่ๆ เสียงในใจก็บอกว่า ... ให้ไปกราบท่านที่วัดธรรมมงคล ... ฉันถามกลับไปว่า ... ทำไมฉันต้องไป ... “ถึงเวลาแล้ว” ... ฉันถามกลับไปใหม่ว่า ... ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ให้ฉันไปตั้งแต่เช้า ... เพราะบ้านฉันกับวัดอยู่ไกลกันมาก การเดินทางก็กินระยะเวลา พอสมควร ... “ถ้าไปเช้า จะติดเพล มีคนจองคิวจะเลี้ยงเพลท่าน และ เมื่อเลี้ยงเพลแล้ว เขาเหล่านั้น ก็หวังจะได้สนทนาธรรมกับท่าน กว่าจะเรียบร้อย ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ... ให้ไปตอนนี้แหละ ให้รีบไป” ... ฉันด้วยความสงสัย ... หรือว่า ... เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ... ในขณะที่ทำวัตรเย็น ฉันได้ อธิษฐานจิต ว่า .... ชีวิตฉันทุกวันนี้ ยังสับสน กับชีวิตอยู่ ว่าจะเดินทาง หรือ ดำเนินชีวิตอย่างไร ไม่มีใครให้คำตอบฉันได้ กระทั่งตัวฉันเอง ... ฉันขอทางเดิน ถ้าฉันยังพอจะมีวาสนาที่จะได้บรรลุ มรรค ผล ตามคำสอนของพระศาสดา ถึงแม้วาสนาของฉันจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม ... ขอให้ฉันได้พบครูบาอาจารย์ทางสายธรรม ... ที่สามารถให้ฉันได้เจอทางเดินของชีวิตด้วยเถอะ .... หรือ นี่คือ คำขอ จาก คำอธิษฐาน ของฉัน ...

    สามีบอกว่า … ถ้าไปตอนนี้ คนคงมากมายแน่ๆ เพราะเรื่องของพระเจสันท่านยังร้อนๆ อยู่เลย … ดีนะที่เป็นวันจันทร์ ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์คงไม่ได้ไปแน่ๆ เลย … ก่อนจะออกจากบ้าน ... ฉันอธิษฐานจิตอีกว่า ... ถ้าถึงเวลาจริงๆ และหลวงพ่อท่านเป็นครูบาอาจารย์ของฉันจริงๆ ... ขอให้เดินทางและทุกอย่างที่จะกระทำในเวลาต่อไปนี้ ... เกิดความสะดวก คล่องตัว และราบรื่น ด้วยเถิด .... ฉันขับรถขึ้นทางด่วน มากันแบบ เรื่อยๆ ไม่รีบ ไม่ร้อน ไม่รนราน ... ทั้งที่ๆ วัดอยู่ไหน ยังไม่รู้เลย เข้าซอยก็ผิด ... ปรากฏว่า เรามาถึงวัด ใช้เวลาเพียง ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น .... หนำซ้ำ ... ความที่อยากหาที่จอดรถในร่ม ... ก็พากันขับรถเข้าไปในวัด ขับไปเรื่อยๆ เพื่อหาร่มเงาของต้นไม้ เท่านั้น ... รถมาจอดอยู่หน้าศาลาหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่ทราบว่า คือศาลาอะไร ซ้ายมือของฉันเป็นเมรุเผาศพ ... หน้าศาลานั้น กางเต้นท์ไว้สำหรับจอดรถ ... จังหวะดีเหลือเกิน มีรถกำลังจะออกพอดี ... เราก็ได้ที่จอดรถนั้นด้วยความสะดวก ... ลงจากรถ ฉันหันหน้าเข้าศาลา เพียงเพราะเห็นพระประธาน และตั้งใจจะไปกราบพระประธาน เท่านั้น ... ฉันไม่ทราบจริงๆ ว่า หลวงพ่อ ท่านพักอยู่ในศาลานั้น ...

    เอาล่ะสิ ... แล้วทีนี้จะทำยังไง ต้องทำอะไร ก็ไม่รู้ ... ฉันเห็นพระภิกษุนั่งห่างออกไปสองรูป ... รูปหนึ่ง กำลังสนทนาธรรมกับหญิงชายคู่หนึ่ง อยู่เกือบท้ายศาลา ... อีกรูปหนึ่ง นั่งรับสังฆทานจากผู้ทำบุญ อยู่ถัดไปจากพระประธานเล็กน้อย … ฉันหันมาเห็นคุณป้าท่านหนึ่ง มากับลูกชายและลูกสาว … ที่โต๊ะด้านหลังคุณป้า มีถังสังฆทานถังใหญ่ ผ้าไตรจีวร และพระพุทธรูป … ฉันถามสามีว่า เอายังไงดี … จะไปทางไหนดี … ต้องทำยังไง … ถามใครได้บ้างไหม … สามีบอกว่า … เพื่อนเขาคนหนึ่ง เคยมาปฏิบัติธรรมที่นี่ เดี๋ยวจะลองถามดู … เราพยายามโทรกัน 2-3 ครั้ง ไม่มีคนรับสาย … ฉันจึงหันไปหาคุณป้าคนนั้น และถามท่านว่า คุณป้าจะถวายสังฆทานกับหลวงพ่อหรือ … คุณป้าตอบว่า ใช่ ท่านมานั่งรอตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว ได้ยินว่า หลวงพ่อท่านจะออกมาเวลาสี่โมงเย็น … ฉันดีใจมาก … บอกกับคุณป้าว่า ถ้าอย่างไร ได้เข้าไป หนูขอเข้าไปร่วมถวายสังฆทานกับคุณป้าด้วยนะคะ หนูเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก และไม่ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง … ดอกไม้ธูปเทียน หนูไม่เห็นว่าเขาขายกันตรงไหน … คุณป้าถามฉันว่า … จะมาเรียนสมาธิหรือเปล่า ถ้าจะเรียน ให้ไปสมัครเรียนก่อนแล้วค่อยมาที่ศาลานี้อีกครั้ง เพราะยังเหลือเวลาอีกมากมาย ให้ได้ชมวัดกันก่อนแล้วค่อยมากราบหลวงพ่อ … ฉันเดินไปสมัครเรียนสมาธิ อีกอาคารหนึ่ง ไม่ห่างจากศาลานั้นเท่าไหร่ … เจ้าหน้าที่ส่งใบสมัครมาให้กรอก ฉันก็กรอกรายละเอียด … แล้วส่งให้เขาไป … ฉันรับเอกสารจากเขามายังไม่ทันได้อ่าน …. ก็มุ่งหน้ากลับมาที่ศาลาเดิม … ช่วงที่นั่งรอหลวงพ่อ ก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน … ฉันตกใจเล็กน้อย เพราะก่อนจะมาที่นี่ ฉันไม่ได้อ่านประวัติ หรือ รายละเอียดเรื่องการเรียนสมาธิเลย เข้าใจว่า คงเหมือนกับที่เคยได้เล่าเรียนมาในสติปัฎฐานสี่ …. ฉันอ่านให้สามีฟัง … ว่าการเรียนนี้เขาเรียกว่า ครูสมาธิ … ฉันคิดเพียงแค่ว่า … ฉันเรียนเพื่อสอนตนเองเท่านั้นก็พอ …. ในขณะที่นั่งรออยู่นั้น มีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่ง เดินอุ้มพานผ้าไตรมากับหลานชาย … ฉันจึงยกมือร่วมอนุโมทนาบุญกับเขา … ฉันนึกในใจว่า ฉันจะมากราบครูบาอาจารย์ฉันไม่มีอะไรถวายท่านเลย … ฉันจึงบอกสามีว่า รบกวนไปซื้อผ้าไตรให้ฉันชุดหนึ่ง พร้อมหยิบพานใส่มาด้วย … เขานำผ้าไตรมา ฉันบอกให้เขาอธิษฐานจบนะ … ส่วนฉัน …. ฉันอธิษฐานว่า “ ถ้าวันนี้ ฉันจะได้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจริงๆ จะได้เห็นทางเดินจริงๆ ที่ต้องไป …. ฉันขอยกผ้าไตรนี้ เสมือน ธูปเทียนแพ ที่ได้ขอกราบ ขอไหว้ พ่อแม่ครูอาจารย์ … ให้ท่านรับฉัน ด้วยเถิด ” …

    เรารอกันจนกระทั่งเกือบสี่โมงเย็น … เจ้าหน้าที่ในชุดซาฟารี เดินมาบอกพวกเราว่า ให้เข้าแถวเรียงราย เพราะหลวงพ่อท่านจะเดินจากหน้าประตู ออกไปทางประตูใหญ่ของศาลา … คุณป้ายกถังสังฆทาน ผ้าไตร และพานพระพุทธรูป ลงมาเข้าแถวเป็นกลุ่มแรก … พี่ที่มากับหลานชายพร้อมพานผ้าไตรเป็นกลุ่มที่สอง … สามีฉันอุ้มผ้าไตรไว้ที่อก (เพราะเราหาพานไม่ได้เลย) เป็นกลุ่มที่สาม และหญิงชายอีกคู่เป็นกลุ่มที่สี่.....หลวงพ่อเดินออกมาพร้อมพระเจสัน … ฉันก้มลงกราบท่าน … ท่านถามพวกเราทั้งหมดว่า มาทำอะไรกัน คุณป้าบอกว่ามาถวายสังฆทานค่ะ … ท่านบอกว่า … แล้วทำไมไม่ถวายล่ะ พระท่านก็มีรับอยู่ … คุณป้าบอกว่า จะถวายกับหลวงพ่อเจ้าค่ะ … หลวงพ่อก็บอกว่า อ้าวเหรอ …. ท่านมองมาที่ฉันกับสามี แล้วเดินมารับผ้าไตรจากมือสามีก่อนเป็นคนแรก … ฉันกับสามีก็มองหน้ากันแบบอึ้งๆ … และหันไปรับสังฆทานกับคุณป้า และจึงมารับผ้าไตรของพี่ผู้หญิง … ฉันก้มลงกราบท่าน …. ท่านมองหน้าแล้วยิ้มๆ บอกว่า “คุยด้วยได้ไม่นานนะ เพราะต้องรีบไปปลงผม เดี๋ยวต้องมีสอนสมาธิต่อ” … เพียงเท่านั้นเอง … ฉันรู้แล้ว … ว่าทำไม พระเจสัน ท่านถึงไม่กำหนดเวลาลาสิกขา … ฉันบอกกับสามีว่า … ถ้าฉันเป็นท่าน ฉันก็ไม่ลาสิกขา … เพราะได้อยู่ใกล้พระอรหันต์ขนาดนี้ ได้ใกล้ชิดอุปัฏฐาก ขนาดนี้ … ไม่รู้เกิดมาอีกกี่ชาติถึงจะมีบุญได้ขนาดนี้ … รอยยิ้มของหลวงพ่อ … เปี่ยมด้วยเมตตาเหลือเกิน …. ฉันจึงยกมือขึ้นอีกครั้ง ขออนุโมทนาสาธุ กับพระเจสัน ….

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2012
  11. เปื้อนฝุ่น

    เปื้อนฝุ่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังค่ะ อ่านจบแล้วขนลุกเลย ยินดีกับพระเจสันท่านจริง ๆ
     
  12. ruk55

    ruk55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ คะ พี่อ้อที่น่ารัก ดีใจที่เข้ามาอ่าน (เพราะกะทู้ที่ตั้งไม่ค่อยโดดเด่น แสดงว่าวาสนาตรงกันจึงได้มารู้จัก)ได้อะไรเยอะมาก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เดินทางสายธรรม ขอให้สำเร็จนิพพานกันทุกท่านนะคะวส
     
  13. น้ำมนต์49

    น้ำมนต์49 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +157
    สาธุ สาธุ สาธุ

    อ่านจบแล้วค่ะ โมทนาบุญกับคุณสายฝนฉ่ำเย็นในทุกบุญกุศลค่ะ
    อ่านแล้วนำมาสั่งสอนตัวเองได้หลายประเด็นเลย
    มีกำลังใจในการกลับมาปฏิบัติอีกครั้ง ขอบคุณมากค่ะ
    หากมีบุญสัมพันธ์กันคงได้มีโอกาสได้รับคำแนะนำจากคุณสายฝนค่ะ
     
  14. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    คิดถึงนะคะ...^ ^
    มาตามอ่าน มาให้กำลังใจ
    รอทำบุญร่วมกัน เดือนสิงหาใช่ไหมคะ ที่นัดไว้
     
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    จ้า น้องเมิล เพราะพระที่จะนำไปวันที่ 28 กรกฎาคม 2555 ถวายที่วัดทุ่งลานควาย จ.กำแพงเพชร อนุโมทนาบุญร่วมกันนะ ที่ได้ ณ ตอนนี้ คือ พระพุทธรูปปางประทานพร หน้าตัก 49 นิ้ว / ระฆัง / เชิงเทียนเรืองสุพรรณ / ตะเกียงน้ำมันใหญ่ / เชิงเทียน 1 คู่ พร้อมเทียน / ผ้าไตรจีวร 3 ชุด / พานแว่นฟ้า 1 ชุด / พระอภิิธรรม 1 ชุด / ธูปเทียนจำนวนหนึ่ง เท่าที่จำได้มีเท่านี้ก่อนจ๊ะ ^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  16. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดียามค่ำคืนของวันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2555

    วันนี้ ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ลิงน้อยเสร็จ ... ก็รีบปั่นงานที่อยู่ในมือให้เสร็จภายในเวลา 2 ชั่วโมง ... เพราะมีสัญญาณบางอย่างมา ... ให้ไปกราบหลวงพ่อจรัล ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ... หอบหิ้วผ้าไตรจีวร ครบชุดบวช ไป 1 ชุด พร้อมทั้งปัจจัยใส่ซอง ... ไม่เคยไปเลย ... ตั้งใจจะไปบวชเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ... 2 ครั้งทีเดียวที่ตั้งใจ ... แต่คงด้วยวาสนาไม่มีเป็นแน่ ... จึงไม่ได้ไปบวชสมใจที่ตั้งไว้ ... เมื่อครั้งที่ได้ไปกราบหลวงพ่อวิริยังค์ ได้สนทนากับคุณป้าที่ถวายสังฆทาน ... อยู่ๆ ท่านถามว่า ปฏิบัติอยู่ที่ไหน ... ก็ตอบไปว่า ปฏิบัติอยู่ที่วัดพิชยญาติค่ะ ... ท่านถามว่า ปฏิบัติมากี่ปีแล้ว ... 4 ปี แล้วค่ะ ... ท่านตอบกลับว่า ดีนะ ลูกสาว เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัล ... ฉันยิ้มให้น้องเขา พร้อมทั้งเอ่ยคำแสดงความดีใจกับเขา ... ดีจัง ... พี่ไม่มีบุญ ตั้งใจจะไปบวชกับท่านถึง 2 ครั้ง ก็พลาดไปทั้งสองครั้ง ... น้องบอกกลับมาว่า ... พี่คะ ให้พี่รีบไปกราบท่านนะคะ ท่านอาพาตอยู่ค่ะ ... เพราะคำนี้แหละ ... วันนี้ จึงตั้งใจจะไปกราบท่าน ... พร้อมทั้งยกผ้าไตรจีวร ยกไว้เสมือนธูปเทียนแพ กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ขอเพียงเวลานี้ที่ได้กราบท่าน ขอเป็นลูกศิษย์ท่านด้วยคน ... สามีบอกว่า ให้ไปก่อน บ่ายสองโมง เพราะเขามีเวลาให้เพียงเท่านี้ ... ตอนไปฝนก็ตกประมาณหนึ่ง ไม่หนักมาก แต่ก็ไม่น้อยเลย ... เราเสียเวลาที่อยุธยาไปนาน จนเข้าอ่างทอง ... ฝนจึงซาเม็ด ... สามีถามว่า ถ้าไปไม่ทัน ... จะเป็นอะไรหรือเปล่า ... ฉันบอกว่า ไม่เป็นไร ยังไงก็ทัน ขอเพียงได้แค่ถวายผ้าไตรและกราบท่าน เท่านั้น ... ฉันคิดว่า ก็เป็นบุญของฉันแล้ว ... เรามาถึงวัด เกือบจะบ่ายสองโมง...พากันหอบหิ้วของเข้าไปที่กุฏิท่าน ตามป้ายบอกทาง ... เพราะเราไม่เคยมากันเลย ... พอมาถึง ไม่นาน หลวงพ่อก็ออกมาจากห้องด้านใน ...

    ณ วันนี้ ... ภาพที่เห็นข้างหน้า ... ไม่เสียดายเวลา หรือ ระยะทาง เลย ที่ได้มา ... ได้กราบท่านสมใจ ก่อนยกผ้าไตรจีวรถวาย ... ขอกราบท่าน ผู้เป็นพระสุปฏิปันโน พระอริยสงฆ์ ทางสายกัมมฐาน ... ขอยกท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ขอน้อมตัวเป็นศิษย์ท่าน ผ่านผ้าไตรจีวรชุดนี้ .... เราได้เห็นท่านเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง ... ท่านให้พรด้วยเสียงที่เบา และ ขาดหายไปเป็นช่วงๆ ... มีเพียงลมที่เป่าออกมาเท่านั้น ... ฉันได้ยิน ได้เห็น เพียงเท่านี้ ... น้ำตามันไหล สะอื้นไม่รู้ตัว ... นึกขอบคุณสามี ที่พาฉันมา ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ... ฉันก้มลงกราบท่าน และน้อมนำบุญกุศลที่ฉันได้ทำมา ทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต นำส่งให้แก่ท่าน ผู้เป็นครูอาจารย์ของฉัน ....

    ผู้ใดที่ตั้งใจจะไปกราบท่าน ... ให้รีบไปนะคะ ... ให้รีบไป ...

    สาธุ สาธุ สาธุ


    (พยายามจะ upload รูปให้ดู ทำไม่ได้เลย ถ้าอย่างไร จะพยายาม upload ให้ดูให้ได้นะคะ)
     
  17. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    โมทนาสาธุในบุญกุศลของพี่อ้อค่ะ เปิดเข้ามาอ่านข้อความนี้ขนลุกได้ตลอดเวลาเลย อ่านจบน้ำตาไหลพรากๆๆ 5555 อินมาก เคยไปร่วมงานสมาธิภาวนาเมื่อปีที่แล้ว ท่านเมตตามากเหลือเกินค่ะอยู่ร่วมงานจากเช้าจรดเย็นไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ตอนกราบท่านครั้งนั้น ไม่สิยังไม่ต้องกราบแค่ท่านเดินมาน้ำตาดาก็ไหลพรากๆๆ เลยค่ะ เห็นด้วยกับพี่อ้อค่ะ พระเจสันท่านมีบุญเหลือเกินและคงเป็นสายสัมพันธ์ครูบาอาจาร์ยของท่านด้วย หากเป็นดาได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดท่านก็คงไม่กำหนดลาสิกขาเช่นกันค่ะ บุญทำกรรมแต่ง ใครทำใครได้ ใครทำใครใช้ ใครทำใครรู้ ไม่จำกัดกาลเวลาสถานที่และบุคคล

    สาธุธรรมค่ะ
     
  18. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    จ๊ะน้องดา พี่ก็ว่าเช่นนั้น เหมือนอาหาร ผู้ใดกิน ผู้นั้นอิ่ม ผู้ใดลิ้มลอง ผู้นั้นรับรู้รส .... ว่า รสนั้นละมุนละม่อมสักเพียงใด ถูกจริตตนหรือไม่ และ อิ่ม ขนาดไหน ... ไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดกาลเวลา ไม่จำกัดบุคคล ^ ^

    สาธุธรรมจ๊ะน้องดา
     
  19. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ ...

    เรื่องที่ยกมานี้ เขียนเล่าไว้ใน fb จึงยกทั้งหมดมาลงที่นี่ ... อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ ... เพราะตอนนี้ ไปเขียนและเล่าที่ fb ซะแล้ว จึงไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่ ...

    ... สวัสดี ยินดี มีน้ำใจ ให้อภัย ไม่เป็นไร ขอบคุุณ ...

    เพิ่งได้ประโยคนี้มาจากพระอาจารย์ มจร. สำหรับการเข้าค่ายธรรมะ
    ที่เมืองโบราณ สมุทรปราการ ในวันที่ 2-4 ส.ค. ที่ผ่านมา..
    อนุโมทนาบุญร่วมกันนะ ... สาธุ

    ศรัทธา...ธรรมะ....ประทับใจ ๑

    ก่อนอื่นเลย...การปฏิบัติธรรมครั้งนี้...เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แต่เราก็พร้อมเสมอ..สำหรับนักเดินทางอย่างเรา...เดินทางเพื่อเจอความสงบ สันติ ที่ต้องการให้เกิดขึ้นภายในใจของเราก่อน....และน้อมนำ เผยแผ่ เชื้อเชิญความ สงบ สันตินั้น สู่คนใกล้ตัว...ต่อไป

    โครงการ “เสริมศรัทธา ปัญญา สมาธิ" (ค่ายธรรมะ รุ่นที่ 1) เมืองโบราณ สมุทรปราการ

    ได้เห็นโครงการนี้โดยบังเอิญ...ด้วยความที่เราเป็นลูกค้าของวิริยะประกันภัย...และมีกัลยาณมิตรที่แสนดี “เทพสำราญ” คุณไพลิน ลำพาย เทพอุ้มสมของเรา..ได้ทราบข่าวนี้ จากการถูกแท็กของเธอ...เพียง 2 วันก่อนจะเดินทาง...เท่านั้น...ใจหมายไว้แล้วว่า...เข้าพรรษาปีนี้ ยังไงๆ ซะ ต้องขอสร้างบุญกุศลให้กับตนเอง และครอบครัว..ยิ่งได้ข่าวนี้แล้ว...จึงไม่พลาด อีกทั้งเป็นครั้งแรกของที่นี่ด้วย..

    เราเดินทางถึงเมืองโบราณกันแต่เช้า ตามหมายกำหนดการ คือ 8.30 น. พนักงานทุกท่าน ย้ำว่า ทุกๆ ท่าน แสดงการต้อนรับ ด้วยน้ำใสใจจริง จนเราอดที่จะตัวลอย เท้าแทบจะไม่ติดพื้น เสมือนหนึ่ง VIP ที่ถูกเชิญมา ด้วยบัตรเชิญอันทรงเกียรติ... เราได้ทำพิธีกราบครูบาอาจารย์ ที่ศาลาการเปรียญพระเจ้าเสือ เพชรบุรี โดย พระอาจารย์สอนวิปัสสนา จาก มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วังน้อย ....

    เราเริ่มกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาชีวิตด้วยธรรมะ กันที่ ค่ายริมขอบฟ้า และพักที่นั่น อยากบอกว่า...อาหารอร่อยมากกกกกก...และเป็นอาหารมังสวิรัตน์...สามี เป็นคนที่ทานอาหารภาคกลาง ยากมาก...ถึงกับเอ่ยปากชม...แสดงว่า “ไม่ธรรมดา” แน่นอน...เราพักกันที่เรือนรับรอง...นอนในห้องแอร์สบายอุรา น้ำท่าพร้อมสรรพ...อยากบอกว่า....เราสะดวก สบาย ทุกอย่าง กระทั่งจะเดินทางเพื่อไปเรียน...ระหว่างที่พักกับห้องเรียนไม่ได้ไกลกันมากเลย...แต่กระนั้น...พนักงานและเจ้าหน้าที่ทุกคน...ก็พาเรานั่งรถกอล์ฟ รถราง...นำส่งถึงที่...พวกเราเห็นว่า...ใกล้กันเพียงเท่านี้...ยังมีน้ำใสใจจริง...บริการเราอย่างเต็มที่ และเต็มกำลัง...^ ^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  20. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ศรัทธา...ธรรมะ....ประทับใจ ๒

    พวกเราจึงบอกกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่...ที่คอยให้บริการเราเป็นอย่างดี...และออกตัวที่จะเดินไป...เพื่อดึงสติ ให้อยู่กับปลายเท้า...ดูลมหายใจ...ตามเจตนารมย์ที่ตั้งไว้ก่อนจะมาถึง...เพราะนี่คือ...ภารกิจของนักปฏิบัติ...ไม่ว่าจะย่างก้าวไหนก็ตาม..สติจึงต้องมีอยู่เสมอ แม้จะเป็นเพียงก้าวด้วยความว่องไวกระฉับกระเฉง...ก็ไม่ลืม...ที่จะนับ...ซ้ายก้าว ขวาก้าว...เพื่อให้จิตไม่ส่อส่ายนั่นเอง...คุณป้า คุณลุงทั้งหลาย...ที่อายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี หลายท่าน เห็นพ้องต้องกัน...พวกเราจึงขอเดินไปและกลับ...

    ในการเรียนของวันแรก...เราได้เรียนรู้ถึง...คำว่า...สวัสดี...ยินดี....มีน้ำใจ...ให้อภัย...ไม่เป็นไร....ขอบคุณ....ตามคำนั้น จริงๆ...เพราะพระอาจารย์ ๓ รูป ที่มาจาก มจร. ดูเผินๆ พวกเราเข้าใจว่า ท่าน เป็นสามเณร หรือเปล่า...ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนวัย...สามารถทำให้เราอึ้งกับคำว่า “พระมหา”...แต่ละท่านบวชตั้งแต่อายุยังน้อย...พวกเรา น้อมกราบ ด้วยความศรัทธา ในพระอาจารย์ทั้ง ๔ รูป จาก มจร. ทำให้เราชื่นชม ว่า อย่างน้อย หน่อบุญของพระศาสดา ไม่ได้เหือดหายไปซะทีเดียว ... ครูบาอาจารย์ทั้ง ๔ รูปนี้...นำความศรัทธา และ ยินดี กลับมาให้พวกเรา ได้มีรอยยิ้มที่ออกจากใจของพวกเรา...ท่านทำให้เราสามารถกอดกับผู้ที่เราเพิ่งจะทำความรู้จัก เพียงคำทักทาย และแสดงอารมณ์ ตามคำนั้นๆ ได้อย่างไม่เขินอาย และยินดี ... สวัสดี ที่กล่าว ทักทาย กับ กัลยาณมิตร ผู้มาเยือนที่รู้จักกันเป็นครั้งแรก...ได้กอด ยินดีที่รู้จัก แสดงความมีน้ำใจต่อกัน และ ให้อภัยกับสิ่งที่...เป็นความคาดหวัง...และไม่ได้ดั่งใจเรา...หรือมองต่างมุม...ไม่เป็นไร...เพราะเราอภัยกันได้...ขอบคุณที่ทำให้เราได้มาเจอกัน...ปฏิบัติร่วมกัน...การปฏิบัติธรรมครั้งนี้...เพราะอาจารย์ท่านกล่าวว่า...เป็นการปฏิบัติแบบบูรณาการ สอดแทรก...สติ ความไม่ประมาทในการดำรงชีวิต...ความคิด เอื้ออาทร ต่อตนเอง และ คนรอบข้าง โดยเฉพาะ ผู้เป็น “แม่” บุพการีของพวกเรา ที่บางท่าน อาจลืมไปว่า .... ใครเป็นผู้ให้ลมหายใจ ใครเป็นผู้รอคอย แม้การรอคอยนั้น จะรอด้วยความเหือดแห้งของหัวใจ ... แต่ท่านก็ยังหวังในความเหือดแห้งนั้น ว่าจะมียังพอมีเม็ดฝนเพียงสักเม็ด ได้ตกลงมา ให้ท่านได้ชื่นใจบ้าง ก็พอใจ...เราหลายคนที่ลืม คนที่รักเราที่สุด...และวิ่งหาความรักจากผู้อื่น...ทั้งๆ ที่ ความรักที่บริสุทธิ์จากพระพรหมในบ้านนั้น...ช่างอบอุ่น...และได้ความรักแบบเต็มร้อย...รักที่พร้อมจะให้อภัย...ในทุกเรื่อง...แม้ว่าเรื่องนั้น จะทำให้ท่าน “เสียใจที่สุด” ก็ตาม....^ ^

    ศรัทธา...ธรรมะ....ประทับใจ ๓

    เราได้ปฏิบัติธรรมตามที่เราได้เคยทำมา เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที เดินหนอ นั่งหนอ ดูหนอ รู้หนอ ทั้งเดินจงกลม และ นั่งกรรมฐาน ... อาหารเช้า ยังไม่ทันย่อยเลย ... อาหารว่างมาอีกแล้ว .... เลี้ยงดูปูเสื่อดีจริงหนอ ... อิ่มหนอ .... สบายหนอ ... มองหน้ากันไปมา ยิ้มหนอ ... ดูแลดีจริงหนอ ... ^ ^

    พระอาจารย์ทั้ง ๔ รูป ผลัดเปลี่ยนการสอน ... เราปฏิบัติ เช้า กลางวัน และ เย็น ตามที่เคยได้ปฏิบัติ ... และได้ความรู้ในการ รักษาใจคน รักษาใจตน ... สำรวม ความคิด คำพูด และ การกระทำ ... ของตน ... สำรวม “มือ” ของตน ... มือนี่แหละ ที่ทำให้ผิดศีล ในหลายข้อ ... ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งสันดาน ... ที่ทำจนชิน ... กลายเป็นความเคยชิน และ เข้าใจว่า การกระทำแบบนั้น “ไม่ผิดอะไร”... สำรวม “วาจา” ในแต่ละคำที่ออกจากปาก ... รู้รับผิดชอบ กับคำพูดของตน ที่เอ่ยออกไป ... ว่าสำคัญเพียงใด ... สำรวม “ใจ และ ความคิด” ... ตรงนี้ ถูกใจอย่างแรง .... เพราะความคิด ที่มักจะ “ตัดสินคนอื่น ตามความคิดของตน” ... ทั้งแท้ที่จริง ... เขาอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด หรือ มีปัจจัยและเหตุผล หลายๆ อย่าง ที่ทำให้เขาได้กระทำแบบนั้น ... แต่เผอิญ “ไม่ถูกใจ” เรา ... ก็เหมามองว่า เขาเป็นอย่างที่เราคิด .... พึงสำนึกไว้เสมอว่า .... เราคิดอย่างไรกับใคร .... คนอื่นก็คิดกับเรา อย่างที่เราคิด เช่นเดียวกัน ...

    ค่ำคืนของวันแรก...ซึ่งตรงกับวัน อาสาฬหบูชา...พวกเราได้เวียนเทียนเดินทักษิณา รอบ พระธาตุบังพวน ซึ่งบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ พระทันตธาตุ ไว้จริงๆ สถานที่...บรรยากาศ...และผู้จัดงาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน...ทำให้เราซาบซึ้ง เสมือนหนึ่ง แขก VIP ผู้ทรงเกียรติจริงๆ...พระอาจารย์ทั้ง ๔ รูป ได้แสดงธรรมเทศนา...บอกเล่าความเป็นมา....รู้รัก รู้อภัย...เพราะชีวิตนี้ สั้นนัก...หายใจรดกันไม่ถึงร้อยปีเลย...ก็ต้องห่างหายตายจากกันไปแล้ว...รักกันไว้เถิด...ให้เราได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ที่ทำให้เรา ได้รู้สุข ที่เป็นสุขที่แท้จริง...ที่เราสัมผัสได้ ตามปัจจัตตังที่เกิดขึ้น...ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลฯ ผู้เป็นแผ่นดิน โอบอุ้มเราทุกคนไว้ ด้วยภาระอันใหญ่หลวง ที่พระองค์ไม่เคยทรงท้อ หรือ ทิ้งพวกเรา .... เลย แม้เพียงสักครั้งเดียว ....

    ค่ำคืนนั้น...เรานอนหลับด้วยใจที่เปี่ยมสุข...และปิติ...มีแต่คำว่า “ขอบคุณ” “ขอบคุณ” และ “ขอบคุณ” จากหัวใจดวงน้อยๆ ของพวกเรา ด้วยใจจริง .....

    สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...