โกงภาษี เป็นบาปมั้ยค่ะ

แผ่นดินไม่มีชีวิตครับ เราไม่สามารถโกงสิ่งที่ไม่มีชีวิตได้
ถ้าสิ่งนั้นเราสามารถโกงได้ แสดงว่าสิ่งนั้นต้องมีเจ้าของ

ขอยกตัวอย่างเช่น การที่เราปลูกผัก แล้วเด็ดมันขึ้นมา ก็ไม่ได้ถือว่าเราขโมยของใช่ไหมครับ?
ทั้ง ๆ ที่ดินเป็นคนทำให้ผักมันงอกขึ้นมา แต่ดินไม่มีชีวิต
ในขณะเดียวกัน คนข้างบ้านปลูกผัก มีคนเข้าไปเอาโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถือว่าเป็นการขโมย
อีกกรณีคือผลไม้เกิดขึ้นในป่า เราก็หยิบกินได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตต้นไม้ (ทั้ง ๆ ที่ต้นไม้
เป็นผู้ให้ผลออกมา)

แผ่นดินเดียวกัน ที่ ๆ ทุกคนเหยียบเหมือนกัน
แค่ต่างที่ ต่างตำแหน่ง อันหนึ่งเลยกลายเป็นของมีเจ้าของ
อีกอันก็เป็นของไม่มีเจ้าของ

ที่นี้พูดถึงรักแผ่นดิน เราก็ทำไม่ได้อีกนั้นแหละ
เพราะถ้าอยากจะรักจริง ต้องขุดดินในสวนมา แล้วเอามานอนกอด ตั้งแท่นบูชา
แล้วเวลาเดินทางก็อย่าใช้เท้า ให้เหาะเอา เพราะจะได้ไม่เหยียบใส่ดินที่เรารัก
แต่ทุกวันนี้แทบจะถ่มน้ำลายใส่

ดังนั้น คำว่า แผ่นดิน ที่กล่าวมานั้น แสดงว่า จะต้องมีคนเป็นเจ้าของแผ่นดินดังกล่าว
หมายความว่า แม้เราจะมีโฉนด เป็นชื่อเรา แต่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง
เพราะว่า มันมีเจ้าของแผ่นดินอีกที คือเป็นเจ้าของของผืนดินทั้งหมด รวมทั้งที่ดินที่มีชื่อเราในโฉนดด้วย???

แล้วใครจะสามารถเป็นเจ้าของผืนดินทั้งหมดได้?
ก็กษัตริย์ไงละ
ดังนั้นคำว่า รักแผ่นดิน โกงแผ่นดิน
หมายถึง รักกษัตริย์ โกงกษัตริย์ นั้นเอง

 

ที่นี้ขอตอบไปทีละข้อนะครับ
1. ไม่เรียกว่าโกง แต่เรียกว่ามาสายครับ
คือเวลาก็ไม่มีชีวิต เราไม่สามารถโกงเวลาได้ มันเป็นแค่คำพูดเฉย ๆ
แล้วการที่ ที่ทำงานเริ่ม 8 โมง เรามา 8.02 เรียกว่ามาสาย 2 นาที
ก็ไม่ถือว่าเป็นการโกงเจ้านายครับ แต่เรียกว่ามาไม่ตรงเวลา
การโกงส่วนใหญ่คือ ใช้ในการค้าขาย เช่น การวัดได้ 1 โล แต่บอกขายไป 1.5 โล
หรือน้ำหนัก สัดส่วนไม่ได้ตามที่ตกลง เช่น บอกว่า ขายเหล็กหนัก 5 โล แต่ตอนส่งให้ลูกค้าจริงไม่ถึง 5 โล
หรือ ที่เห็นชัด ๆ คือ การทำถนน สร้างตึก แล้วก็ซิกแซก แบบนี้ ครับจะเรียกว่าโกง

ที่นี้ อีกประเด็นคือ มาสาย 8.02 แต่เขียน 8.00 แปลว่า โกหกครับ
ก็ไม่ใช่โกงนะ แต่เป็นการโกหก
แต่เป็นการโกหกแบบเบา ๆ คือ ไม่ได้ไปสร้างความเสียหายให้ใคร
คือเราจะเซ็นเวลาแบบนี้ ก็ไม่มีใครคอขาดบาดตาย
คือใครก็ไม่มาสนใจเรื่องแบบนี้ จึงเป็นแค่การโกหกตัวเองแค่นั้นเอง
เพราะเอกสารก็ไม่มีชีวิต มันก็วางอยู่อย่างนั้น
แต่พอมีคนมาอ่าน มาสอบสวน
แล้วเราก็บอกว่าเรามา 8.00 จริง (ทั้ง ๆ ที่มา 8.02) ก็จะเป็นการโกหกผู้อื่นด้วย
ที่นี้ การโกหกต่าง ๆ ก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จากจุดเล็ก ๆ

เพราะฉะนั้น วิธีแก้ปัญหาคือ เซ็นตามปกติ เพื่อให้เราอยู่ได้ หมายถึง เขาทำกันแบบไหน เราก็ทำแบบนั้น
เพื่อให้ไม่ลำบากเรา เช่น 8.00 แต่เรามา 8.30 แต่เพื่อให้ถูกต้อง ต้องเซ็น 8.00 ก็เซ็นไป 8.00 แค่นี้ก็จบ คุณก็แฮปปี้ แต่ถ้าเกิดถูกสอบสวนขึ้นมา ก็ต้องพูดความจริง คือยอมรับว่ามา 8.30 ก็จะไม่บาปมาก กับอีกแบบคือ มาให้ทันเวลาไปเลย ก็คงจะง่ายที่สุด
นี้คืออีกหนึ่งสิ่งที่ทำในชีวิตจริงยาก คือเป็นการพูดความจริงแบบละเอียด

2. การที่เราไม่จ่ายอะไรนั้น ก็อยากทำให้ถูกต้อง คงต้องไปศึกษากฏหมายให้หมด แล้วไปนั่งจ่ายให้หมด
กว่าจะเป็นแบบนั้น คงเป็นบ้าไปก่อน ในข้อนี้ ก็ทำแต่พอดี แบบไม่ลำบากเรา ไม่ลำบากคนอื่นก็พอ
ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องปรุงแต่งขึ้นมา กฏหมายเองก็ถูกแต่งขึ้นมา
แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าเรามาศึกษาดี ๆ เราคงจะไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้
ใครเขียนกฏหมาย คนนั้นเขียนให้ตัวเองได้ประโยชน์แค่นั้นเอง
สมัยก่อนกฏหมายอีกแบบ สมัยนี้กฏหมายก็อีกแบบ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
เราก็ปรับตัวไปตามนั้น ให้เราไม่ลำบาก

3. เป็นแบบนั้นจริง ๆ บริษัทเขียนอีกแบบ ส่งธนาคารก็อีกแบบ แต่เรื่องพวกนี้มันก็เป็นเรื่องของ
การอยู่รอด การตลาด ฯลฯ ก็ไม่ได้มีสาระอะไรกับชีวิตเรามาก

4. พูดตรง แต่ต้องรู้กาล
ผมเห็นมาหลายรายละ พูดตรงแบบไม่รู้กาล สุดท้ายคนก็หนีห่างหมด เพราะเป็นคนไม่มีเสน่ห์
บางเรื่อง ไม่ต้องพูดเลยยังได้ ก็ต้องปรับนิสัยครับ ไม่งั้น จะเป็นคนโดดเดี่ยวครับ

 

"ถ้าใช้คำว่าเลี่ยงภาษีมันจะดูไม่บาปนะค่ะ"

คนที่ทำผิดหรือทำบาปส่วนมากมักจะหาเหตุผลหรือคำพูดให้ดูดีอยู่เสมอ แต่ก็ยังเป็นกรรมชั่วอยู่นั่นเอง

เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ยังทำดีหรือทำบุญแต่ยังไม่ได้ดีหรือบุญยังไม่ให้ผล ขอให้ทำดีและทำบุญต่อไปครับ