ใครคือ ฅนขลัง คลังวิชา ตัวจริง

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย ยลไตรเพ็ชร, 28 มกราคม 2013.

  1. ลูกธนบดี

    ลูกธนบดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +76
    เรียน สอบถาม อ.ยลไตรเพ็ชร
    ไม่ทราบว่าข้อมูลมีอะไรผิดพลาดหรือว่าพิมพ์ผิด ปี พ.ศ.2485 มีสมเด็จรุ่นแรกวัดลาดบัวขาวออกมา ตอนนั้นหลวงพ่อชาญณรงค์ ยังไม่ได้ไปฝึกวิชากับหลวงตาดำ ในดงเลย ด้วยความเคารพครับ ติดตามเรื่องราวของหลวงพ่อตั้งแต่คนขลังมา เห็น อ.ยลไตรเพ็ชร มาตอบ ขอบคุณมาก ๆ ครับผม
     
  2. patzapon

    patzapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +566
    ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีครับ ใครทำอะไรไว้ ผลกรรมเดี๋ยวสนองเองล่ะครับ



     
  3. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283

    คุณ ช.40 เรื่องที่คุณว่ามานั้น ผมไม่เคยทราบครับ คุณลุงไม่ได้เล่าให้ฟัง จึงไม่ยืนยันครับ แต่ก็ขอบคุณที่มาบอกให้ทราบ ความจริงพระรุ่นสุดท้าย ใช้มวลสารเดิมจากพระพิมพ์สมเด็จฯหัก ทั้งพระที่เป็นที่นิยมกันมาก สภาพหักชำรุดเป็นจำนวนมาก ทั้งผงพระฯลฯ ส่วนของหลวงพ่อฯท่านเองผมก็ไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ทราบแน่ๆว่ามีการลบผง นะฦๅชา ในกระดาน ซึ่งภาพที่กำลังลบผงนั้นมีอยู่ และตัวกระดานที่เขียนยันต์นี้ผมได้เห็นมาตั้งแต่ปี 2530 แค่นั้นก็มากแล้วละครับ ส่วนที่เรียกกันว่า " รุ่นไฟดับ " เป็นการเรียกกันเองก่อนในหมู่ศิษย์แถวละแวกนั้น เพราะเมื่อถึงช่วงเวลาเสก ไฟก็ดับทั้งบริเวณนั้น

    คุณ ลูกธนบดี ครับ {กรุณาอย่าใส่ อ.นำหน้าเลย ( ถ้าหากอักษรย่อนี้ หมายถึง " อาจารย์ " ) ผมไม่ได้เป็นอาจารย์ใคร ไม่มีความสามารถขนาดเป็นอาจารย์ได้ ขนาดเคยเป็นศิษย์ก็ยังมีความบกพร่องอยู่ } ข้อความนั้นผมเอามาจาก web pantip ราว 2 ปีก่อน เนื่องจากพบโดยบังเอิญ ส่วนเรื่องเวลานั้น ผมเคยตั้งข้อสังเกตนี้เช่นกัน ช่วงนั้นหลวงพ่อฯบวชเป็นสามเณรพร้อมกับสหายของท่าน ตามบันทึกของท่าน อ.พันเอกชม สุคันธรัต ก็ระบุว่า ท่านจบแพทย์ศิริราชหลักสูตรเร่งรัด ( 2 ปี ) ในช่วงปี 2485 นั้นเช่นกัน จึงน่าจะยังไม่ได้เข้าไปฝึกกับหลวงตาดำในตอนนั้น

    เรื่องนี้เคยคุยกับศิษย์ที่มีอาวุโสกว่าผม ก็เคยบอกว่า เป็นไปได้ว่าเรื่องเวลาไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องของหลวงพ่อฯนั้นมีผู้รู้รายละเอียดของท่านน้อยมาก แม้แต่ระยะเวลาที่หลวงพ่อฯเข้าไปฝึกตราบกระทั่งออกมาครั้งแรกก็ไม่มีใครยืนยันหรือระบุเวลาได้ชัดเจน เท่าที่เคยคุยกับคุณลุงที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ( ปัจจุบันถึงแก่กรรมไปแล้ว ) ก็บอกผมว่าพบหลวงพ่อฯและท่านรับเป็นศิษย์เมื่อปี พ.ศ.2493 ดังนั้นเวลาตามที่รับทราบดังนี้ ก็ต้องยึดไว้ก่อนว่าท่านออกมาจากที่ฝึก อย่างน้อยต้องเป็นปี 2493 เป็นอย่างต่ำ ( ซึ่งถ้าเรายึดเรื่องระยะเวลาซึ่งมีรายละเอียดไม่ตรงกัน แม้กระทั่งเนื้อหาของเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อฯที่ไม่ตรงกัน ก็อาจทำให้คิดได้ว่า เป็นเรื่องที่ถูกอุปโลกน์มาทั้งหมด คงจะมีแต่ศิษย์ที่เคยพบเห็นเรื่องราวของท่านเท่านั้นที่มั่นใจในสิ่งที่ตนพบเห็นมา )

    ส่วนพระสมเด็จวัดลาดบัวขาวนั้น เท่าที่ทราบจากศิษย์ผู้ใหญ่ หลวงพ่อยอด เจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาวในสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง หลวงพ่อฯอยู่ในพิธีด้วย (ไม่ระบุว่าในสถานะใด ) และสมเด็จพระสังฆราช ( แพ ติสฺสเทวะ ) เสด็จมาในพิธีเพื่อทรงเป็นประธานจุดเทียนชัย ก่อนได้เวลาพิธียังทรงช่วยต้ดพิมพ์พระเพื่อให้ทันฤกษ์ที่กำหนดไว้โดยมิได้ถือพระองค์ ในส่วนของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) นั้น ศิษย์หลายท่านที่มาคุยกันเองในภายหลัง ได้แต่สันนิษฐานกันเอาเองว่า ( ขอย้ำว่าเป็นการสันนิษฐาน ) มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นศิษย์ในสายนี้เช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นศิษย์ในหรือศิษย์นอก เพราะในกุฏิสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ที่วัดสุทัศนเทพวราราม มีพระบูชาอยู่องค์หนึ่ง ขนาดหน้าตักไม่ใหญ่นัก สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงหล่อขึ้นมา และทรงบูชาให้ความเคารพนับถือมาก ท่านเรียกพระบูชาองค์นี้ว่า " หลวงพ่อดำ " เท่าที่ผู้ใหญ่บอกมาพระบูชาองค์นี้ก็ยังอยู่ที่กุฏิของพระองค์ท่านในวัดสุทัศน์ฯ หากเป็นดังที่สันนิษฐานนั้น ก็น่าจะมีการเชิญครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาร่วมในพิธีด้วย และเนื่องจากไม่มีใครให้สอบถามได้อีกแล้ว บางเรื่องรู้กันทุกคน แต่บางเรื่องก็รู้เพียงบางคนเท่านั้น จึงไม่สามารถยืนยันได้ครับ

    คุณ patzapon ขอบคุณครับ ถ้าคนเราส่วนใหญ่เชื่อมั่นกันอย่างที่ว่า เรื่องราวต่างๆในทางลบก็น่าจะลดน้อยลงได้ครับ
     
  4. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ครับ ผมถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้รับมาว่าในพิธี ขณะอัญเชิญครูบาอาจารย์ผมหมายถึง หลวงปู่ในดงหรือผู้เก่งกล้าในดงมาเสกไฟก็ดับทั้งวัดและโดยรอบผู้ที่ให้ข้อมูลนี้คือพระอาจารย์สงกรานไปสอบถามรายละเอียดได้ครับ ท่านยืนยันสำหรับพระชุดนี้ เพราะท่านอยู่ในพิธีกับพระมหาเหลื่อม โดยท่านเรียกว่าหลวงพี่เหลื่อมขอสร้าง หลวงพ่ออภิชิโตเสกและมอบมวลสาร ข้อมูลนี้ ชัว ครับ สอบถามดูได้ และยังบอกอีกว่าหมายถึง (ก่อนที่ไฟจะดับ) หลวงพ่ออภิชิโตท่านบอกว่าถ้าเกิดสิ่งผิดปกติ ในพิธี ให้อยู่เฉยเสีย อย่าตกใจ ผมถึงมั่นใจพระชุดนี้มาก
     
  5. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ส่วนใหญ่เรื่องของท่านไม่ค่อยมีเผยแพร่หรอกครับ ท่านสั่งกำชับไว้ เพิ่งมาช่วงหลังนี้เองครับเพราะบางอย่างก็เปนความลับ รู้เฉพาะศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้น
     
  6. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283


    คุณ ช.40 ครับ เรื่องที่ผมว่าไม่เคยทราบ คือ เรื่องที่บอกว่า " ศิษย์หรือคุณลุงที่กล่าวข้างต้น เคยเห็นหลวงพ่อเดินทะลุกำแพงวัดไปเอามวลสารว่านยาจากในดงและเดินทะลุกำแพงมาพร้อมมวลสาร เต็มมือท่านเพื่อสร้างรุ่นนี้ " แต่ก็เคยได้ยินว่า หลวงพ่อฯท่านเดินทะลุกำแพง แต่ไม่ทราบรายละเอียด ส่วนที่หลวงพี่พระมหาสงกรานต์บอกไว้ว่า

    " หลวงพ่ออภิชิโตท่านบอกว่าถ้าเกิดสิ่งผิดปกติ ในพิธี ให้อยู่เฉยเสีย อย่าตกใจ " ศิษย์ผู้พี่ก็บอกมาอย่างนั้นตรงกันครับ ( ก็อยู่ในพิธีด้วยกันนั่นแหละครับ )

    ในปี 2535 งานแสดงมุทิตาจิตที่ศิษย์จัดถวายแด่หลวงพ่อฯ ในวันนั้นก็ทราบว่า ท่านบอกไว้ว่ามีนิตยสารฉบับหนึ่ง ส่งนักข่าวพยายามหาข่าวเรื่องราวของท่านไปนำลง จึงกำชับไม่ให้ไปเผยแพร่ บรรดาศิษย์ก็บอกต่อๆกัน จึงยังไม่มีเรื่องราวของท่านออกไปในช่วงนั้น ท่านไม่ต้องการเป็นข่าวเพราะจะทำให้วุ่นวาย ในอดีตท่านก็ย้ายวัดมาหลายครั้งหลายหนแล้ว
     
  7. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ขอบคุณครับ ข้อมูลตรงกัน เพราะเราได้มาจากปากของศิษย์ก้นกุฏิทั้งสองรูปของท่าน สำหรับผมแล้วเชื่อเหลือเกินครับว่าหลวงพ่อไม่ได้มรณภาพจริง แต่สำเร็จและเป็นพระอรหันต์ในดงไปเรียบร้อยแล้ว ที่คอยช่วยเหลือพระธุดงค์ที่ติดขัดสมาธิตามป่าเขาเถื่อนถ้ำอย่างแน่นอน
     
  8. ลูกธนบดี

    ลูกธนบดี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +76
    ถ้างั้นผมขอเรียกพี่ก็แล้วกันนะครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับพี่ยลไตรเพ็ชร์ ท่านคงปิดบังไว้ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของท่านนั่นเองครับ เพราะมีอะไรที่ผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง อย่างเรื่องที่คนขลังเขียนว่าออกจากดงมาท้าประลองกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ก็คงเกิดการคลาดเคลื่อนแน่ ๆ ออกจากดง พ.ศ.2490-2493 ตามประวัติว่าหลวงพ่อแช่มมรณะภาพ ปี 2490 หรือว่าคนเขียนเกิดความันส์ในอารมณ์ก็เลยเขียนเลยเถิด ไป แถมคนขลังเขียนว่าไปเรียนกับหลวงพ่อแช่ม 5 ปี (คงจะเขียนเอามันส์) เพราะหลวงพ่อแช่มมรณะภาพแล้ว อ่านแล้วงงจริง ๆ ครับ ผมเองอยากจะมีพระของหลวงพ่อชาญณรงค์ซักองค์นึง ก็อยากอ่านประวัติของท่านที่ชัดเจน แต่คิดว่าคงไม่มีวาสนา เพราะราคาไปไกลมากแล้ว อีกอย่างรายได้ผมค่อนข้างน้อย คงต้องไหว้พระสวดมนต์เผื่อว่าหลวงพ่อชาญณรงค์ ท่านจะมาโปรด เขียนวกวนไปบ้าง เพราะไม่ชำนาญในงานเขียน ต้องขออภัยด้วยครับ ขอบคุณพี่มาก ๆ ครับ
     
  9. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283

    คุณ ช.40.....ครับ เรื่องที่หลวงพ่อฯมรณภาพจริงหรือไม่นั้น อยู่ที่ความเห็นและความเชื่อของแต่ละบุคคล ท่านอาจารย์พันเอกชมฯ เชื่อโดยส่วนตัวว่า หลวงพ่อฯท่านไม่ได้มรณภาพจริง เหตุเพราะในอดีตครูบาอาจารย์ในสายนี้เคยใช้วิชาแปลงธาตุเป็นร่างของตนเองให้ผู้อื่นเห็นว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อที่ไม่ต้องมีใครมายุ่งกับท่านได้ อีกประการหนึ่งก็เพื่อกลับเข้าไปฝึกวิชาต่อให้สำเร็จครบถ้วนในขั้นสูงสุด

    แต่อีกหลายคนก็มีความเห็นแตกต่างจากท่าน อ.ชมฯ เนื่องจากเห็นว่าหลวงพ่อฯท่านอาพาธ มีอาการเจ็บป่วยจริง และช่วงก่อนที่จะละสังขารท่านก็ได้บอกศิษย์ว่า มีความเจ็บปวดทรมานมาก ต้องอาศัยกำลังฌานเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด และได้ถอดจิตออกเพื่อจะทิ้งร่างถึง 3 ครั้ง
    ส่วนความเชื่อที่คุณว่าท่านสำเร็จไปแล้วนั้น โดยส่วนตัวผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ.
     
  10. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283

    คุณ ลูกธนบดี.....ครับ คุณสันนิษฐานได้ดี เพราะคนโบราณ จะไม่ต้องการให้ใครรู้รายละเอียดส่วนตัวของตนเอง โดยเฉพาะ วัน,เดือน,ปีเกิด เพราะกลัวถูกศัตรูนำไปกระทำยำยี( ส่วนเวลาเกิดในยุคโบราณไม่ค่อยมีนาฬิกาใช้กัน และแม้นว่า บางคนมีนาฬิกาก็ไม่ค่อยตรงเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาที่ใช้ไขลาน เวลาเกิดในสมัยก่อนจึงไม่แน่นอน มักนับเป็นช่วงยามกัน )

    เรื่องเวลาที่หลวงพ่อฯออกมาจากสถานที่ฝึกหรือที่เรียกในดงนั้น หากเป็นเวลาก่อน 2485 ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ไม่มีใครกล้ายืนยัน เพราะที่เคยฟังผู้ใหญ่เล่ามานั้นทราบว่าท่านเข้าไปฝึกแล้วก็ออกมาเป็นระยะๆหลายครั้ง ไม่ใช่เข้าแล้วหายไปทีเดียว บางท่านคะเนว่าราว 4 ปี บางท่านก็ว่าราว 6 ปี แต่ที่แน่ๆช่วงที่เข้าไปใหม่ๆ ใช้เวลาพอดู ท่านอาจารย์ใหญ่ให้หลวงพ่อฯออกมาจากดงเพื่อมาพบโยมของท่าน เพราะกำลังมีการจัดงานศพท่าน เนื่องจากไม่ทราบว่าหลวงพ่อฯหายสาบสูญไปไหน เมื่อท่านกลับมาผู้คนในงานถึงกับตกใจเพราะคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว ต้องมาอธิบายว่ายังมีชีวิตอยู่ดีแต่มีกิจจำเป็นที่ต้องไปนาน

    ถ้าเรานับจากข้อมูลที่ทราบว่าท่านถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.2467 นับถึงปี พ.ศ.2485 หลวงพ่อฯจะมีอายุราว 18 ปี แน่นอนว่าช่วงนี้ท่านเป็นเณรอยู่ แต่ก็ไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าหลวงพ่อฯบวชเป็นสามเณร แน่ๆเมื่อใด และยิ่งเวลาที่ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็ไม่มีใครทราบแน่นอนว่า ตอนอายุครบ 21 ปีหรือกว่านั้น ตรงนี้ก็เป็นปัญหาถ้าหากเราจะมายึดตัวเลขของปีพุทธศักราชเป็นบาทฐาน ผมและเพื่อนก็เคยคิดกันอยู่บ้าง แต่ก็ละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจ

    ที่คุณบอกว่า " ผมเองอยากจะมีพระของหลวงพ่อชาญณรงค์ซักองค์นึง ก็อยากอ่านประวัติของท่านที่ชัดเจน แต่คิดว่าคงไม่มีวาสนา เพราะราคาไปไกลมากแล้ว..." ผมเองกลับคิดว่า หาพระของหลวงพ่อฯ แม้ตอนนี้อาจจะยากขึ้น แต่ยังเห็นโอกาสได้ ส่วนประวัติของหลวงพ่อฯนั้น ผมเองคิดว่ายากกว่ามากๆ เพราะขนาดพบศิษย์หลายท่าน ก็ยังทราบกันคนละอย่าง บางทีเรื่องเดียวกันยังจำไม่ตรงกันก็มี ( แล้วคุณเป็นถึง " ลูกธนบดี " มีรายได้น้อยได้อย่างไร? ท่านท้าวกุเวรเป็นจ้าวแห่งทรัพย์ ชาวจีนก็บูชาท่านในนาม " ไฉ่สิ่งเอี้ย "ขอโชคลาภอยู่เสมอ หรือเพราะมีทรัพย์มากอยู่แล้วรึเปล่าครับ? )

    ที่ว่าไม่ชำนาญในงานเขียน เขียนในบอร์ดนี้คงไม่ต้องชำนาญอะไรขนาดนั้นหรอกครับ คิดอย่างไรก็เขียนมาอย่างนั้น ผมก็เช่นเดียวกันกับคุณ เพียงแค่เขียนตามความทรงจำเท่าที่จะจำได้ก็ยังมีผิดพลาด แต่บางคนก็กลายเป็นนักเขียน(นิยาย)ไปแล้ว เพียงใช้เวลาฝึกซ้อมไม่ถึงปีก็คงภูมิใจในตัวเองไม่น้อย...
     
  11. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ผมขอบคุณพี่ๆๆเพื่อนๆๆทั้งที่มีทักท้วงและร่วมบอกเล่าเรื่องครูบาอาจารย์ทุกท่านด้วยแต่นี้ไปผมขอให้กระทู้นี้ เปนกระทู้ผุ้ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อองค์เดียวกันร่วมแชร์หรือเล่าสู่กันฟังนะครับ มีอะไรก็แนะนำกัน เรื่องต่อไปนี้ ผมฟังมาจากหลวงพ่อสงกรานต์ศิษย์ก้นกุฏิ ท่านเมตตาเล่าว่า ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ไร่มันเทศ (ได้รับรู้แล้วใครที่ไม่เชื่อขอให้ทำใจเปนกลางนะครับโปรดอย่าวิจารณ์เพราะกรรมรอคุณอยู่) หลวงปู่ดำผู้วิเศษ มานิมิตบอกหลวงปู่พลอย วัดเงิน
     
  12. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ต่อนะครับ ซึ่งเปนศิษย์นอกดง ของท่านให้นำสามเณรทั้งสามรูปไปส่งที่ไร่มันท่านจะมารับไปฝึกวิชา ซึ่ง มีสามเณร หม่อมเจ้าชัยเดช เหลน หลวงปู่วังหน้าวิชัยชาญรวมอยู่ด้วย กับ ทั้งเณรชาญณรงค์ ซึ่งองค์นี้ท่านตามมาหลายชาติแล้ว(น่าจะเปนศิษย์สมัยพุทธกาล) ไม่ได้ไปเรียนวิชาที่วัดห้วยจรเข้ อย่างที่เข้าใจกัน สำหรับสหายท่านที่บวชพร้อมกันสามท่าน เปนทั้งลูกคหบดี เจ้าสัว และราชนิกูล มีทั้งผ่านขั้นตอนการฝึกและไม่ผ่าน ส่วนหลวงพ่ออภิชิโต ผ่านตามขั้นตอนทุกอย่าง หลวงปู่ใหญ่ท่านให้ครูฝึกสอนและท่านก็มาสอนเอง
     
  13. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    สำหรับครูฝึกมีหลวงปู่แจ้งฌาณ และท่านเจ้าวังหน้า ศิษย์อาวุโสนั่นเอง หลวงพ่อเล่าว่าป่านั้น สัตว์ป่าเปนมิตรกัน งูเห่าหยอกเล่นกะพังพอน มันคล้ายหิมพานต์ก็ไม่ปาน เปนดินแดนในดงสำหรับครุบาอาจารย์ที่สำเร็จแล้วเท่านั้น แต่ละครั้งที่พบนับแต่เจอหลวงปู่ใหญ่ที่ไร่มัน ท่านก็บันดาลร่างเณรทั้งสามให้เล็กและพาเหาะไปยังสถานที่ที่ว่านั่น ฟังแล้วเหลือเชื่อ แต่ทุกอย่างมันเปนอจินไตรครับ อาจารย์ชมท่านเคยบอกว่า หลวงพ่อตีนโต หลวงปู่อิเกสาโร หลวงพ่อดำ หลวงพ่อหูยาน พระชื่อแปลกๆ ยังมีเยอะในดง มีอายุระหว่าง800-1000ปี เปนพวกอมตะที่ไม่ตาย ไปไหนก็สมมุติชื่อไใหม่ไปเรื่อยๆ เมตตาสุงไปสนใจอดีต
     
  14. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    หลวงปู่ดำท่านเปนศิษย์พระมหากัสสปะ คอยส่งต่อพระศาสนาให้พระศรีอาริย์ ท่านอธิษฐานอิทธิบาท4ไว้ และอยู่คอยฝึกพระที่มีวาสนาให้เปนพระแท้ สืบทอดแก่นแท้พระศาสนาต่อไปผมอ้างตามคำบอกหลวงพ่อสงกรานต์นะครับ เราจะเห็นได้ว่าวาสนาบารมีหลวงพ่ออภิชิโตนี้สูงส่งจริงๆๆท่านบำเพ็ญมาหลายชาติแล้ว ถึงขั้นหลวงปู่ใหญ่มารับตัวไปเรียนในหิมพานต์เลยและเรียนโดยตรงกับท่าน อีกด้วย
     
  15. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ส่วนศิษย์ระดับพระเกจิ เช่นปู่ศุข ปู่เงิน เรียนกับศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่อีกทีหนึ่ง
     
  16. Williamboy

    Williamboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +644
    อ่านเเล้วรู้สึกดีใจมากที่มีวาสนาได้พระผงของหลวงพ่อ เเขวนติดตัวครับ ขอบคุณคุณ ช40 เเละคุณยลไตรเพชรสำหรับของมูลครับ ขอบคุณพี่หนุ่มเมืองเเกลงที่เเบ่งปันพระหลวงพ่อครับ
    ติดตามอ่านอยู่ทุกวันครับ
     
  17. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283

    ครับ คุณ ช.40 ขอบคุณที่นำมาบอกเล่ากัน แม้ว่ารายละเอียดบางประการจะไม่ตรงกับที่ผมทราบมา เรื่องเหล่านี้พิจารณาไปก็คิดว่า ผู้ใดมาอ่านพบเข้าคงทำใจลำบากที่จะเชื่อหรือยอมรับได้ ผมพยายามจำกัดส่วนที่คิดว่าเหลือเชื่อเอาไว้ เพราะเป็นเรื่องที่สามัญชนอย่างเราๆท่านๆพิสูจน์ไม่ไหว มีแต่จะถูกครหาได้ จึงขอแค่พอสมควร



    อีกเรื่องที่ฟังจากศิษย์ผู้ใหญ่ เป็นเรื่องหลวงพ่อลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ได้เคยพบกับหลวงพ่อฯในป่า จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อฯเล่าให้ฟังว่า ท่านอาจารย์ลีจิตดี เนื่องมาจากหลวงพ่อลีเคยสอบถามหลวงพ่อฯว่าเมื่อทำสมาธิจิตไปแล้ว จะทราบอย่างไรว่าสมาธิที่ได้มาถึงขั้นไหน? หลวงพ่อฯก็ได้ตอบไปว่า ถ้าจะให้รู้ว่าจิตที่เป็นสมาธิถึงขั้นไหนนั้น ตามที่ท่านเรียนมาก็ต้องทดลองด้วยการใช้อำนาจจิตนั้น เช่น กระทำอิทธิวิธีเรื่องใดได้ ก็แสดงว่าได้ระดับจิตในขั้นนั้นเป็นอย่างน้อยแล้ว

    หลวงพ่อลีก็ได้ถามว่า แล้วจะทดลองทำอย่างใดบ้าง หลวงพ่อฯก็ตอบว่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าได้สมาธิขั้นกลางแล้ว ก็ต้องนำมาใช้เสดาะกุญแจได้ หลวงพ่อลีก็ถามอีกว่า แล้วคาถาที่ใช้เสดาะกุญแจต้องใช้บทใด หลวงพ่อฯตอบว่า คาถาจะใช้บทใดก็ได้ เพียงว่าถอยหลังก็สามารถทำได้แล้ว เช่น นะโมพุทธายะถอยหลัง หรือ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ถอยหลัง

    หลวงพ่อลี ก็บอกว่า กุญแจที่จะทดลองก็ไม่มี เมื่อได้ยินดังนั้น หลวงพ่ออภิชิโต ก็ล้วงเข้าไปในย่ามแล้วหยิบแม่กุญแจออกมา 1 ตัว แล้วก็ยื่นให้หลวงพ่อลี หลวงพ่อลีก็กำหนดจิตใช้คาถาภาวนาอยู่หลายครั้ง ก็ยังเป่ากุญแจไม่หลุดออกจากล็อก แต่สักพักใหญ่ไม่นานนัก ท่านก็เป่าแม่กุญแจตัวนั้นหลุดได้ หลวงพ่อลีก็ถามหลวงพ่ออภิชิโตว่า แล้วท่านทำอย่างไรอยากเห็นท่านทำด้วย ปรากฏว่าหลวงพ่อฯท่านรับกุญแจมาแล้วก็กดล็อกลงไปแล้วก็ดึงออกมาทันที จากนั้นก็กดล็อกอีกแล้วก็ดึงออกอีกอยู่เรื่อยๆ แสดงถึงความชำนาญของจิตที่ฝึกฝนในด้านนี้อยู่เสมอ
     
  18. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ถูกสิ่งที่หลวงพ่อท่านพบเปนเรื่องเหลือเชื่อครับ ที่นำมาเล่าก็เพื่อแสดงให้เหนว่าหลวงพ่อมีบุญบารมีมากเพียงใด ท่านคงบำเพ็ญญาณบารมี มาแต่ครั้งพุทธกาลถึงได้เปนศิษย์พระอรหันต์ในครั้งกระโน้น ผมขอบอกนะครับ บางกระแส อย่าง อาจารย์ น ท่านเชื่อว่าหลวงปู่ดำ องค์ที่ว่า คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสดา เอกในโลกเลยทีเดียว ทุกอย่างเปนอจินไตร รู้ได้เฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้น ดังพุทธดำรัส ผู้ใดเหนธรรม ผู้นั้นเหนตถาคต นั่นแล
     
  19. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ครูบาอาจารย์เหล่านี้ท่านเปนพระผู้ที่สำเร็จแล้วมีเมตตาสูงนึกไปโปรดใครท่านก็ไปเมื่อท่านเห็นว่าจะสำเร็จมรรคผลได้ ที่อยู่ของพวกท่านคำว่า ในดง อาจารย์ชม เคยเล่าว่า เปรียบได้กับ วิทยาลัยทางจิตศาสตร์ชั้นสูงเลยทีเดียว เราจะเห็นว่าศิษย์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ เรียกว่าศิษย์นอกดง เพียงเท่านั้น แต่ก็เก่งเช่นกัน มหาชนนับถือมาก อย่างหลวงปู่ศุข หลวงพ่อเงิน บางคลานเปนต้น ขอบคุณพี่ยลไตรเพช็ร แม้แต่ ท่านพ่อลี ยังขอคำแนะนำจาก หลวงพ่ออภิชิโตจะไม่เก่งได้อย่างไร หลวงปู่ดำองค์ปรมาจารย์ ท่านมารับไปอยู่ด้วยแต่สมัยเปนเณร ฝึกสมาธิเข้มข้นตั้งแต่ตอนนั้นในป่า ในถ้ำลึกลับตลอด บั้นปลายพลังจิตของหลวงพ่อจะขนาดไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่ขั้นสูงสุดยอด พระบางรุ่นท่านอัดพลังจนพระบินหายไปในถ้ำเลยนะครับ จะบอกให้ สมัยนี้บางรูป ยังไม่ได้แม้เสี้ยวของท่านเลย ขอเทิดทูนครูบาอาจารย์ไว้เหนือเศียรเกล้าครับ สาธุ
     
  20. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    คุณ ช.40 ...ครับ เรื่องของหลวงปู่ดำ หรือ หลวงตาดำ ท่านจะเป็นผู้ใดนั้น คงจะไม่ใช่วิสัยที่เราจะไปรู้ แล้วต่างคนต่างก็มีความเห็นแตกต่างกันไปต่างๆนานา เรื่องนี้จึงเกินความสามารถที่จะยืนยันได้ ใครจะว่าอย่างไรก็เป็นความเห็นความเชื่อของผู้นั้น คงไปห้ามความเชื่อกันไม่ได้ แม้กระทั่งหลวงพ่อฯเองและสหายของท่านก็ยังไม่ทราบ ดังนั้นผู้อื่นคงไม่มีทางทราบได้ดีกว่าท่านกระมัง


    เรื่องนี้หลวงพ่อฯเคยบอกกับศิษย์ให้ฟังไว้ว่าท่านก็ไม่ทราบว่าอาจารย์ของท่านเป็นใคร ตอนที่ท่านฝึกอยู่นั้นก็เคยคิดสงสัยอยู่( ท่านอาจารย์พันเอกชมฯเคยเล่าให้ศิษย์ฟังเมื่อราว 20 ปีที่ผ่านมาว่า สมัยหลวงพ่อฯเข้าไปฝึกใหม่ๆนั้น เคยสงสัยว่า ท่านอาจารย์ใหญ่เนรมิตสิ่งใดขึ้นมาก็ได้ทั้งสิ้น ก็เลยคิดแผลงๆขึ้นมาว่า ท่านอาจารย์ใหญ่จะเนรมิตรถยนต์ขึ้นมากลางป่ากลางเขาได้รึไม่? พลันนั้นก็ปรากฎรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ขึ้นมาทันที หลวงพ่อเห็นดังนั้นก็ลองขึ้นไปขย่มรถ ก็เห็นและสัมผัสได้ว่าเป็นรถจริงๆ ต่อมาก็เปิดประตูรถขึ้นไปก็พบว่ามีกุญแจรถพร้อมอยู่ สตาร์ทรถก็ติด ลองขับไปมาเดินหน้า ถอยหลังในนั้นก็ได้ เพียงแต่ไม่มีพื้นที่กว้างพอให้ขับได้ เนื่องจากติดต้นไม้ในป่า หลวงพ่อฯจึงยอมรับในอำนาจการเนรมิตของท่านอาจารย์ใหญ่อย่างสิ้นเชิง จึงก้มลงกราบต่อหน้า ครั้นพอเงยหน้าลุกขึ้นมาปรากฎว่าทั้งรถเบนซ์ ทั้งท่านอาจารย์ใหญ่ก็หายวับไปพร้อมกันทั้งหมด )

    เรื่องของหลวงปู่ลีนั้น ฐานสมาธิเดิมของท่านดีมากอยู่แล้ว เพียงแต่ท่านไม่ได้ฝึกฝนทางด้านการใช้คาถาอาคมและพลังจิตมาในแบบนี้ พอทราบวิธีการ ท่านก็สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นสำเร็จทันที หลวงพ่อฯจึงยกย่องหลวงปู่ลีท่านไว้ให้ศิษย์ได้รับรู้กัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...