ใครตอบไม่ได้คนนั้นไม่มีวันที่จะบรรลุธรรมได้ สติคืออะไร?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 6 สิงหาคม 2013.

  1. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ท่านศึกษาธรรมให้รู้พอสมควรสักหน่อยถ้ารู้แล้วว่า รูปนามคืออะไร ขันต์ห้า ธาตูสี่ อายตนะคืออะไรเอาเท่านี้แหล่ะและก็ควรรู้ด้วยว่าปฎิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ถ้าท่านรู้อยู่แล้ว ก็ขอให้ท่านเข้าสู่การปฎิบัติเลยโดยผมขอแนะนำอานาปานสติครับ เพราะพระพุทธองค์กล่าวว่าบทนี้นั้นสามารถทำสติปัฎฐานสี่บริบูรณ์ ทำโพชฌงเจ็ดให้บริบูรณ์และทำให้ถึงวิมุติ ที่นี้สติปัฎฐานมีสี่คือกาย เวทนา จิตและธรรม เราจะเริ่มที่กายเท่านั้นแล้วะรรมทั้งหลายจะไหลมาตามธรรม(ผู้ใดไม่บริโภคกายคตาสติผู้นันไม่ได้บริโภคอมตะธรรม นี่เป็นพุทธวจน)พอเริ่มที่กายมาดูองค์แห่งการบรรลุธรรมนั้นเริ่มที่สติสัมโพชฌงค์ ฉะนั้นแล้วการทำอานาปานสตินั้นพระองค์สรรเสริญไว้มาก เริ่มต้นจากการหายใจเข้าออกยาวๆดูซิว่าลมหายใจนั้นเป็นคุณมั้ย ไม่ใช่คุณ่ใช่หรือเปล่าเป็นเพียงกองลมที่ไหลเข้ายาวเกิดดับๆอย่อย่างนั้นคุณต้องระลึกให้ได้ก่อนว่าตัวตนเราไม่มีในนั้น ทีนี้สังเกตุอาการที่เราหายใจเข้าออกยาวๆว่าเกิดอะไรขึนกับตัวเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทำในใจว่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฎเป็นเพียงธาตุไม่ใช่เรา ที่นี้ก็หายใขเข้าออกให้สั้นลงเท่าที่จะทำได้ สังเกตุทุกอย่างเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอาการอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจมันเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเปนเพียงธาตุทำในใจไว้แค่นั้น ทำเพียงเท่านี้ก่อนไปสัก7วัน
     
  2. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    นั้นเขาเรียกสภาวะนิพพาน เมื่อใดเข้าไปถึงนั้นเขาจะรู้ว่านั้นคือความสุขแท้จริง แต่นั้นเป็นเพียงชั่วขณะเดียวที่สามารถลิ้มรสได้ แล้วแต่ละคนจะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับการบรรลุขั้นต่างๆ เมื่อกลับมาสู่สภาวะเดิมก็เป็นคนเหมือนเราๆนี่แหล่ะครับมีร้อนมีหนาวเหมือนเรานี่แหล่ะครับแต่กิเลสดับไปตามมรรคจิตนั้นๆ ส่วนผู้ที่เข้าถึงตรงนี้ถ้าเป็นระดับอนาคามีขึ้นไปแล้วก็สามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ถ้าต้องการเข้า นั้นคือสัญญาเวธิตนิโรธครับ
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    แล้วไอ้อาการที่พูดมานี่ มันต่างจากการเข้าแบบพรหม ยังไง?

    ถ้าอธิบายไม่ได้แสดงว่า ไม่เคยเจอสภาวะทั้งสองตัวนี้จริง เลยแบ๊ะๆ ได้แค่บอกว่าต่างตามตำรา แต่อธิบายไม่ถูก
     
  4. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    มันย่อมต่างกันตรงสติครับและสัญญาเวทยิตนิโรธนั้นเฉพาะอริยะชันสูงเท่านั้น มิจฉาสมาธิที่ทำให้สู่พรหมชั้นต่างๆด้วยการยึดว่าสภาวะนั้นเป็นตัวตนเราเปนผู้กระทำ เพียงฟังพุทธปัญญาแล้วกำหนดสติให้เิกิดกก็ทำให้บรรลุแล้วครับ
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ขอคำตอบอะไรที่มันมากกว่าแค่การอ้างลอยๆ ได้ไหม?

    เคยเห็นสภาวะจริงของทั้งคู่ไหม หรือแค่จำคนอื่นเขามาพูด?
     
  6. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    คุณอินทรผมได้นั่งเที่ยนนะครับ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ทำลมหายใจให้ยาวววววว ทำลมหายใจให้สั้นนนนน ที่สุด เป็นต้นแล้ว ก็คิดนึกเอาเองว่า เป็นนั่นเป็นนี่เอา พอสรุปยังงี้ได้มั้ยครับ คืออยากได้อะไร ต้องการอะไรก็นึกๆเอา
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    พระพุทธองค์ ให้ ระลึกรู้ ลมหายใจ หายใจเข้า ออก สั้น ยาว ให้ระลึกรู้ โดยไม่ต้องนึกคิด

    ไม่ใช่ให้บังคับลมหายใจ แล้วนึกคิดแต่งเติมเอา
     
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    อานาปานสตินั้นมีการแปลมีการเข้าใจกันไปหลายแบบ ในอานาปานนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสนา การระลึกรู้ลมหายใจเข้าออกนั้นว่าไม่ใช่เราเป็นแต่เพียงธาตุเกิดดับๆนั้นเป็นวิปัสนาเป็นปัญญาสูงสุดในฝ่ายอสังขตะธรรม แต่สมถะนั้นเราสามาถสร้างมันให้เกิดขึ้นได้ด้วยกระทำ การกำหนดลมหายใจเข้าออกสั้นยาวนั้นเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง อย่างบทที่ว่าเราจะเป็นผู้้รู้เฉพาะกายทั้งปวง เราจะเป็นผู้กระทำกายสังขารให้รำงับนี้็็ก็เป็นในส่วนของสมถะทำให้มีขึ้นเป็นขึ้น วิปัสนาเป็นเรื่องของสติที่เข้าไประลึกรู้ทุกสภาวะนั้นไม่ใช่เราไม่ใช่ตัวตน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไปไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ตัวสมถะเองนั้นสามารถทำให้สภาวะความละเอียดที่สุดเกิดขึ้นได้ แต่สติก็ทำให้เราไม่เข้าไปหลงในสภาวะนั้น และถ้าเราไม่ยึดติดในสภาวะที่ละเอียดที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสัมผัสได้ นั้นแหล่ะคือการก้าวเข้าสู่การหลุดพ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2013
  10. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..หมดหรือยัง 200 สติดีอย่าเหลือไว้.. 55+
    80-90 รีบๆ 120 ก้อพอ
     
  11. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ปรกติจิตคนเราจะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เพียงท่านมีสติระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก ท่านก็ได้บังคับจิตไม่ให้เป็นธรรมชาติแล้วครับ อานาปานสตินั้นเป็นการฝืนธรรมชาติของกิเลสครับที่มันไม่หยุดนิ่งกระโดดไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นการฝึกเพื่อละนันทิให้จิตอยู่กับกายครับ ฉะนั้นไม่ใช่ว่ามาดูมันเฉยๆ ส่วนการระลึกรู้นั้นเป็นเรื่องของสติที่จะต้องระลึกตามเท่าทันทุกสถานะการ ว่าสภาวะใดๆนั้นไม่ใช่เราไม่มีตัวตนเราเขา เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
     
  12. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ลักษณะของผู้ตั้งจิตในกายคตาสติ
    (จิตที่มีเสาหลักมั่นคง)
    ภิกษุทั้งหลาย!
    เปรียบเหมือนบุรุษจับสัตว์หกชนิด อันมีที่อยู่อาศัยต่างกัน
    มีที่เที่ยวหากินต่างกัน มาผูกรวมกันด้วยเชือกอันมั่นคง
    คือ เขาจับงูมาผูกด้วยเชือกเหนียวเส้นหนึ่ง
    จับจระเข้...จับนก...จับสุนัขบ้าน...จับสุนัขจิ้งจอก...
    และจับลิงมาผูกด้วยเชือกเหนียวเส้นหนึ่งๆ
    ครั้นแล้ว นำาไปผูกไว้กับเสาเขื่อน หรือเสาหลักอีกต่อหนึ่ง
    ภิกษุทั้งหลาย!
    ครั้งนั้น สัตว์ทั้งหกชนิดเหล่านั้น มีที่อาศัยและที่เที่ยวต่างๆ กัน
    ก็ยื้อแย่งฉุดดึงกัน เพื่อจะไปสู่ที่อาศัยที่เที่ยวของตนๆ :
    งูจะเข้าจอมปลวก จระเข้จะลงน้ำา นกจะบินขึ้นไปในอากาศ
    สุนัขจะเข้าบ้าน สุนัขจิ้งจอกจะไปป่าช้า ลิงก็จะไปป่า พุทธวจน
    ภิกษุทั้งหลาย!
    ในกาลใดแล ความเป็นไปภายในของสัตว์ทั้งหกชนิดเหล่านั้น
     
  13. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    นี่เป็นคนที่ยังไม่เคยเจอสภาวะ "รู้เฉยๆ" นะ จึงได้พูดแบบนี้
     
  14. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ยังก่อนท่านอินรู้เฉยๆหรือรู้แบบที่ท่านว่านั้น การฝึกอานาปานสตินั้นเป็นการไถ่ถอนอัสมิมานะ ละนันทิ และเป็นการทำให้เขาถึงสภาวะสูงสุดคือการไม่เกิดไม่ดับเป้นไปตามลำดับขั้น สภาวะรู้เฉยๆมีด้วยการเข้าฌาน4ก็รู้เฉยๆแต่ฌาน4นั้น รูปนามยังไม่ดับยังมีสัญญา อุเบกขาเอกคตารมณ์อยู๋ ยังไม่ใช่นิโรธ หรือสภาวะนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2013
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    จากพระสูตรนี้ที่ยกมาคือกายคตาสติ จะเห็นได้ว่าการจับสัตว์ทั้งหกชนิด(หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ)นั้นจะต้องออกแรงสักเท่าใดกว่าที่จะจับสัตว์ทั้งหลายมามัดไว้กับเสาหลักเสาเขื่อน ในที่นี้หมายความว่าให้จิตอยู่กับลมหายใจ ฉะนั้นการที่จะกำหนดลมยาวลมสั้นนั้นไม่ใช่สิ่งผิด ตรงกันข้ามถ้าไม่ทำอะไรกับลมหายใจเลยย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สัตว์ทังหลายที่มีอุปนิสัยดื้อรั้นจะหยุดนิ่งและก็เชื่อฟังได้

    ฉะนั้นอานาปานสตินั้นเป็นการเข้าไปกระทำให้เกิดขึ้นมีขึ้น บนเส้นทางธรรมนี้นั้นนอกจากการเฝ้าสังเกตุดูความเป็นจริงที่เิกิดขึ้นด้วยการเข้าไปรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้จักวิธีที่จะกำจัดทำลายวิถีชีวิตความเคยชินเก่าๆที่เป็นอุปนิสัย และกิเลสที่มันนอนเนื่องอยู่ในขันธสันดาลเก่าๆเรา ฉะนั้นบนเส้นทางนี้เราจึงต้องมีการกระทำทั้งพิจารณาทั้งเพ่ง ทั้งข่ม ทั้งกด ทั้งทน ตามสถานะการ ฉะนั้นแล้วผู้ปฎิบัติจริงถึงจะรับรู้ถึงสภาวะธรรมที่มันอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ อยู่ลึกลงไปในจิตใต้สำนึกหรือจิตไรสำนึก และอานาปานสตินั้นทำให้เข้าถึงจิตไรสำนึกได้ จนกระทำให้ถึงที่สุดแห่งธรรมได้ครับ
     
  16. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    สติ สติ

    ครับๆ

    ปัญหาไม่ได้อยู่ตรง 120 ครับผม

    ปํญหาอยุ่ตรงที่ว่า ตรวจจับความรับเร็ว

    ปรับที่ไหร่ พี่ตำรวจแก่ล่อ 1000บาททุกที

    มันปรับแบบขาดสติ ผมว่านะ

    มันเอาเงินไปสร้าง โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ผมไม่ว่า

    แต่กลัวพี่ตำรวจแกจะเอาเงินประชาชน หาเช้ากินค่ำ

    เอาไป.....นะ
     
  17. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ที่นี้พอจิตมีกำลังบ้้างแล้ว หมายความว่าจิตสามารถหยุดคิดได้บ้างช่วงสันๆก็ยังดี เพราะพระองค์กล่าวว่าภาวนาชันเลิศคือการ เมื่อใดหลงลืมสติแล้วมีสติกลับมาได้ไวเหมือนกระพริบตานั้นคืออินทรีย์ภาวนาชันเลิศ ที่นี้ลองมาฝึกตามขั้นตอนที่สาม ให้เอสสติไปพิจารณากาย หมายความว่าเราจักเป้นผู้รู้อยู่เฉพาะกายทั้งปวงคือทำความรับรู้ความรู้สึกทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วหายใจออก ทำแบบนี้ทั้งหายใจออกแล้วก็หายใจเข้า ให้สังเกตุความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในร่างกายเราว่าเป็นอย่างไร เราจะรับรู้ถึงความเจ็บปวด ถึบ แข็ง ตรึง เบาสบายหรือว่าอะไรทั้งหมด ทั้งหมดนั้นคือความรู้สึกทั้งนั้นไม่มีอะไรให้ต้องสนใจยึดติดเป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้วดับไปนี่เป็นการฝึกระลึกสติที่เราจะต้องกระทำไว้ในใจเสมอ
     
  18. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็บอกได้แล้วกันหนะ ว่า newamazing ยังไม่เคยเจอ สภาวะ "รู้เฉยๆ"
    ซึ่งมันไม่เหมือน ฌาน 4 หรอก ยิ่งพูดยิ่งมั่วหนะ newamazing
     
  19. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    หลักการทำบุญให้ทาน..3ประการ
    1.ผู้ให้บริสุทธิ์ (วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์จากการได้มา)
    2.ผู้รับ บริสุทธิ์ ปฏิบัติตนอยู่ในพระวินัย มุ่งพ้นทุกข์
    3.ยังประโยชน์ แก่ผู้รับ เป็นที่สุด..ไม่เบียดเบียนแม้ตนเอง-ในสำนึกสัมมาทิฏฐิ ตนเองต้องไม่เดือดร้อนมันเป็นบาป..(k)
    ..แค่นี้ก็ประเสริฐแล้วครับ..
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    การรู้เฉยๆเขาเรียกว่าขาดสติครับ สภาวะนิพพานนั้นเป็นการดับสังขารทั้งหลาย หลือเพียงวิญญานที่เป็นธาตุรู้เข้าไปรู้ความไม่เกิดไม่ดับเป็นปัญญาขั้นสูงสุดคือฝ่ายอสังขตะธรรมครับ ถ้ารู้เฉยๆแบบโง่ๆจะได้อะไร เพราะอย่างไรสภาวะนั้นก็จะกลับคืนสู่สภาวะแบบปรกติได้ปัญญญาอะไรมาบ้าง และสภาวะเฉยๆของคุณคุณทำได้บ่อยหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...