ใครนั่งสมาธิแล้วมีอาการแบบนี้บ้าง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย owawa, 17 เมษายน 2015.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010

    พวกกระแสจรหรือเรื่องอะไรต่างๆได้จากการปฏิบัติครับ.
    จากครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิที่ล่วงลับไปแล้ว
    หลายภาคส่วน..
    บางท่านคุณอาจจจะคาดไม่ถึง...
    เอาว่าจะฝึกอะไรก็มีท่านที่ชำนาญด้านนั้นมาสอนนั่นหละครับ..
    และห่มเหลืองมีชื่อเสียงทางโลกอีก ๒ ถึง ๓ ท่าน
    แต่สำคัญที่สุดคือเรื่องการวางการคลาย
    การกลับสู่เนื้อหาเดิมของจิต..
    เรื่องปฏิบัติที่มันเคยแช่ เคยเตลิด
    เคยเพลินต่างๆ ใช้งานตะกุกตะกั๊ก.
    ไม่เป็นอัตโนมัติ
    ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม...
    ได้รับคำแนะจากท่านผู้
    มีนามอุปโลกน์ว่า ท่านผู้ไร้ร่องรอยครับ.
    ขออภัยที่มิสามารถเอ่ยนามที่สื่อ
    ถึงท่านใดชัดเจนได้ครับ....
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014




    ที่ทำอยู่ถูกต้อง ตามแนวทางแล้วครับ

    แต่ถ้าหากเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
    คือ ไปจับลมที่ปลายจมูก แทน
    อันนี้จะดีที่สุดครับ
    แล้วก็เพ่ิมคำภาวนา
    เวลาที่หายใจเข้าว่า เกิดหนอ
    และ หายใจออกว่า ดับหนอ
    อันนี้จะเป็นวิปัสสนาในสมถะทันที

    หากทำจนชำนาญ
    ญานที่เห็นอาการเกิด ดับ
    จะเกิดขึ้นกับเราได้
     
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014



    ผู้ที่ฝึกใหม่ ควรใช้คำบริกรรมว่า
    พุทโธ เพราะ เป็น พุทธานิสติ โดยตรง
    เวลาเพ่งก็ให้นึกพึง พระพุทธเจ้า ด้วย
    พระองค์จะได้แผ่เมตตามาคอยช่วยเรา
    เวลาที่เรานั่งทำสมาธิ
    จะทำให้มารไม่อาจมาแทรกแกล้งเราได้


    ส่วนการเพ่ง ควรฝึกจับลมหายใจให้คล่อง
    ไม่ควรไปเพ่งที่ตาสามเลย
    เพราะอาจจะเกิดอาการปวด
    บริเวณตาที่สามได้
    จนบางคนท้อ แล้วเลิกฝึกไปเลยก็มี

    การฝึกก็ไม่ยากอะไร
    ภาวนาพุทโธอย่างเดียว
    หายใจเข้า ว่า พุท
    หายใจออกว่า โธ
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    อ้อ มันเป็นยังงี้นี่เอง :d

    คุณนพปฏิบัติยังไงครับ
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ประเด็นนี้น่าสนใจ ทั้งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปฏิบัติสุดๆ คือ ผู้ไร้ร่องรอยท่านแนะนำการวางคลาย เป็นต้น ยังไงบ้างครับ สาธุๆๆ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขอบคุณครับที่เห็นประโยชน์ครับ และล่าสุดก็ขออนุญาต
    ท่านเพื่อนำมาเล่าให้คนอื่นๆฟังไว้แล้วด้วยครับ..
    คือขอเล่าย้อนส่วนตัวเล็กน้อย
    เพื่อว่าอ่านแล้วจะมีประโยชน์บ้างครับ...

    ..ส่วนตัวก็ติดเรื่อง สติ สมาธิ ปัญญา
    ตบะ ฌาน ฌาน กำลังจิต ฯลฯอะไรพวกนี้มาเกือบ ๒ กว่าปีครับ
    เพราะว่าใช้งานทางด้านกำลังจิตบ่อยครับ สารพัดใช้งาน
    พอใช้ไปใช้มามันก็กลายเป็นว่า เราไปพัฒนา
    ทุกเรื่องเพราะตั้งเป้าว่าจะมาหนุนผลของการใช้งานให้ดีขึ้น.
    ไม่ว่าสมาธิ สติ ปัญญา ตบะ ฌาน ฌาน แต่หารู้ตัวว่ามันเป็นการ
    พัฒนาเกินครับ คือมันเลยกลายเป็นติดพันธ์และเตลิด
    และกลายตัวเราอย่างที่เราไม่รู้ตัวครับ..


    และมันเป็นการพัฒนาแบบ มีตัณหาเป็นตัวนำครับ...
    ที่นี้มันก็จะเผลอไปคาดหวังได้โดยไม่รู้ตัว เพราะมัน
    มีตั้งเอาซ้อนเข้าไปแบบไม่รู้ตัวครับ... และที่สำคัญ
    ก็จะเผลอไปใช้ความพยายามแทรกเข้าไปอีก
    กลายเป็นตัณหาซ้อนความพยายามเข้าไปอีก
    ผลที่ได้ของการใช้งานมันจึงไม่ดีมากและเป็นไป
    แบบตะกุกตะกั๊กครับ..


    เพราะว่ามีตัวไปรู้ขั้นตอนต่างๆโดยอัตโนมัติว่าจะต้องไปอย่างนั้น
    ต่อไปอย่างนี้ ตรงนี้นี่หละครับมันเลยกลายเป็นตัววิตกไปอย่าง
    ที่เราคาดถึงครับ.และตัวจิตเราในสภาวะปกติมันก็เลยไม่คลายครับ
    เพราะมันจะติดพวก สติ สมาธิ ตบะ ฌาน ฌาน กำลังจิตอย่าง
    ใดอย่างหนึ่งครับ ซึ่งมันแช่อยู่ ค้างอยู่อย่างนั้นและพร้อมจะใช้งาน
    แม้ว่ามันจะไม่กี่วินาที แต่มันก็ค้างอยู่อย่างนั้น ก็เพราะมันใช้ได้
    ภายในไม่กี่วินาทีนี่หละครับ ที่มันทำให้เราหลงตัวเอง
    ได้แบบไม่รู้ตัวครับ และที่สำคัญก็คือมันมีผลตกค้างกับ
    ร่างกายของเราด้วยครับ..นี่ถ้าส่วนตัวไม่ได้ข้างบน
    มาช่วยเคลียร์เรื่องพลังงานตกค้างให้เมื่อเกือบปีก่อนป่านนี้
    คงได้เดี้ยงไปแล้วหละครับเป็นที่มาเรื่องการแนะนำ
    คนอื่นๆในเรื่องการคลายพลังงานตกค้างในกระทู้กสิณ
    อะไรฝึกง่ายสุดนั่นหละครับ..
    นี่คือก่อนจะเจอท่านผู้ไร้ร่องรอยนะครับ...


    และต่อมาพอท่านมาตามด้วยความสามารถทางจิตของท่านถึงที่บ้าน
    ประมาณครั้งที่ ๓ ในรอบ ๒ เดือนนะครับ..
    คือ ๒ ครั้งแรกเนี่ยยอมรับเลยว่าจับไม่ได้เลยว่าท่านเป็นใครครับ
    ปกติโดยส่วนตัวถ้ามีท่านใดมาแบบพิเศษอย่างนี้จะพอทราบได้
    ก่อนที่ท่านจะปรากฏตัวหรือทราบทันทีที่ปรากฏตัวด้วยครับ..
    หลังจากนั้นก็ได้รับคำแนะนำว่าให้คลายทุกๆอย่างให้ทิ้งให้หมด
    ไม่ว่า สติ สมาธิ ปัญญา ตบะ ฌาน ฌาน กำลังจิต ฯลฯเพื่อตัด
    ตัววิญญาน ตัวอุปโลกน์ที่เราได้สร้างมาพวกนี้ให้หมด
    และเพื่อตัดตัวไปรู้รวมทั้งกระแสจรอะไรที่เข้ามาก็ทิ้งให้หมด
    ไม่ต้องไปรู้ ไม่ต้องไปคิด
    อะไรที่ นึกได้ คิดได้ ระลึกได้ ปรุงแต่งได้ ทิ้งให้หมดครับ.
    และไม่ต้องไปใช้ความเห็นในการตีความใดๆทั้งสิ้น.
    เมื่อมีกระแสจรอะไรเข้ามาให้พลักออกด้วยการอโหสิตาม
    ด้วยการอุทิสส่วนกุศลซ้ำออกไปจากกลางตัวจิต

    โดยที่ไม่ต้องไปรู้ไปสนใจเหมือนเมื่อก่อนว่า
    มันคือเรื่องอะไรทั้งสิ้น.เพื่อตัดตัวเข้าไปรู้
    หรือตัววิญญานหรือตัดสัญญานการที่มีตัวนี้มาเชื่อมแล้วบิดบัง
    ตัวจิตเราได้อย่างไม่รู้เหมือนเมื่อก่อนครับ.มันถึงจะตัดตัวไป
    กระทำ ตัดตัวคาดหวังและไม่มีเชื้ออุปทานได้ครับ...

    ที่นี้ก็ลองทำตามที่ท่านแนะนำ ผลปรากฏว่าผลที่ได้จาก
    เรื่องสมาธิในโหมดหนึ่ง ทำตามท่านแนะนำวันนั้นปรากฏว่า
    ได้ผลดีว่าที่ตนเคยทำผ่านมาก่อนหน้านั้น ๖ เดือนครับ
    การใช้งานทางด้านกำลังจิตก็เร็วขึ้นเมื่อก่อนยังต้อง
    ตั้งท่าซัก ๒ ถึง ๓วินาที มันนิ่มขึ้น มากกว่าเมื่อก่อน
    เป็นอัตโนมัติขึ้นและได้ผลลัพท์เร็วขึ้นกว่าที่คาด

    ยกตัวอย่าง เมื่อก่อนใช้กำลังจิตทำอย่างนี้จะสำเร็จผล
    ใช้เวลานาทีกว่า เด่วนี้ใช้เวลาประมาณ ๑๐ ถึง ๒๐ วินาทีเป็นต้น...
    และการอุทิศส่วนกุศลเมื่อก่อนก็ต้องตั้งท่ารวมบารมีพระฯ
    กับของตนก่อนค่อยอุทิศ ปกติจะถ่ายไว้รูปไว้ดูครับ..
    ผลปรากฏว่าตอนนี้ ผลที่ได้ก็ดีขึ้นครับ นี่ก็ถ่ายรูปไว้ดู
    เปรียบเทียบกับเมื่อก่อนเช่นกันครับ..ส่วนในระหว่างวัน
    จิตก็เริ่มคลายตัวได้นานขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ..
    นี่ก็เป็นทริคที่ท่านผู้ไร้ร่องรอยท่านแนะนำมา
    และผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ..
    ส่วนใครจะพัฒนาจนจิตคลายตัวได้นานแค่ไหน
    ในระหว่างวันก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยเฉพาะบุคคลครับ...

    ปล.อ่านดีๆแล้วจับทริคให้ได้
    คิดว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
    ตอนนี้ส่วนตัวก็พึ่งเป็นได้ไม่นานถือว่ายังแค่พึ่งเริ่มครับ
    คงไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มมากกว่านี้ได้ครับ.
    ขอบคุณมากครับ..
    .
     
  7. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    นั่งไปอะไรจะเกิดก็ช่างมันคิดอะไรมาก. ทุกอย่างมันก็เกิดดับก็แค่นี้. ถ้ามีในใจแค่นี้ก็หายสงสัยในสิ่งทั้งปวง. เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป. ไม่รู้จะเข้าใจกันหรือเปล่า. ปัญญาสูงสุดก็อยู่ตรงนี้. พูดมากก็เรื่องมาก เรื่องเยอะไปเปล่าๆยาวเป็นหน้าไรสาระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2015
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ขอบพระคุณคุณนพกานที่เล่าให้ฟัง (ดู) อ่านๆแล้วก็ยังไม่เห็นว่า คุณทำหรือปฏิบัติแบบใด พอจับความได้

    ตรงนี้ดูๆ

    เหมือนนั่งสื่อทางจิตกับท่านผู้ไร้ร่องรอยยังงั้นแหละ

    คำถามสรุปท้าย คุณนพปฏิบัติยังไง (ทำยังไง)
    ปัจจุบัน คุณลงตัวต่อการคิดการทำของคุณหรือยัง (เห็นทางออกจากปัญหาหรือยัง)
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ส่วนตัวก็เป็นไปตามเนื้อหาเดิมของจิตนั่นหละครับ..
    ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ตั้งเป้าอะไรไว้
    มันติดภาระทางสมมุติที่ต้องรับผิดชอบตนเองอยู่ครับ..
    อย่างที่บอกครับ ก็เพียงอยู่ในระดับเริ่มต้นครับ..
    แต่ละคนก็แตกต่างๆกันไปเพียงแต่จำเป็นจะต้อง
    มีกำลังจิตเป็นทุนครับ.อย่างน้อยกสิณ ๑๐ เนี่ย
    เรื่องพลังงานต้องทำได้ครับ..ถึงจะมาแบบผมได้นะครับ..
    .ก็ที่เป็นไปในเรื่องที่มันมีประโยชน์
    ทางธรรมและมีประโยชน์ต่อผู้อื่นๆในอนาคตครับ
    เรียกว่าที่พึ่งสุดท้ายหลังจากหมดทางเลือกอื่นๆครับ..
    และส่วนตัวไม่ได้นั่งสื่อทางจิตกับท่านครับ
    ความสามารถแบบนั้นไม่ถึงครับ.ยังไม่ใช่ตอนนี้.
    ..แต่ท่านๆทั้งหลายจะมาหาถึงที่ครับ.
    ปกติส่วนตัวจะเจอแต่แบบนี้ครับ..
    บางท่านก็มาถึงที่เชิงว่า ตกลงจะเอาอย่างไร
    คือจะฝึกหรือไม่ฝึก พอตั้งฝึกท่านก็มาแนะเทคนิคต่างๆให้
    หรือในช่วงฝึกๆอยู่ถ้าเผลอหลับท่านก็มาสะกิดเพื่อปลุกก็มีครับ..
    มันก็เลยค่อนข้างที่จะฝึกถึงระดับพอใช้งานได้เร็ว..
    ไม่ใช่ว่าตนเองเก่งนะครับ เทียบอะไรไม่ได้เลยหรือแม้
    แต่จะคิดเปรียบกับท่านที่มาสอน.เอาความสามารถตัวเอง
    ให้แค่ ๐.๐๐๑ % ที่เหลือจาก ๑๐๐ % เป็นของท่านๆที่
    มาคอยสอนมาแนะเทคนิคให้ทั้งนั้นหละครับ...
    แต่ว่าส่วนตัวมีเจตนาในการนำไปใช้งานในทางที่ดีครับ..
    ท่านๆทั้งหลายท่านจึงเมตตามาสอนครับ ความสามารถ
    แบบนี้อะไรพวกนี้ไม่เหมาะที่จะเล่าให้ฟังครับ
    มันต้องเจอกันตัวเป็นๆแล้วแสดงให้ดูถึงเข้าใจครับ..

    ปล.ประมานนี้รวมๆถือว่าไม่มีอะไรครับ..
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นำตัวอย่าง การปฏิบัติทางจิต หรือ (จะเรียกอะไรก็แล้วแต่) ว่าต้องมีต้องได้ผู้รู้ซึ่งผ่านประสบการณ์การปฏิบัติจริงมาก่อนแล้วเป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำ เหตุเพราะฝึกจิตถึงระดับหนึ่งแล้วจะเกิดปัญหา ปัญหาอะไรดูกระทู้นี้

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/10/Y9785609/Y9785609.html


    นำตัวอย่าง คคห. หนึ่งลงไว้แต่ไม่ติด เอาใหม่

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2015
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ผู้สนทนาร่วมแจม (ใส่ข้างบนแล้วแต่ไม่ติด) ไว้น่าสนใจ:p

     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คคห.บน เขา (ความคิด หรือจะเรียกว่าจิต ว่าวิญญาณ ว่าสังขาร ก็เอาตามสบายนะ) ไม่ให้กินข้าว ให้กินแต่ผลไม้ เขาไม่ให้หายใจก็มีนะ ทำเป็นเล่นไป คิกๆๆ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พวกความเข้าใจทางด้านสัมผัสทางนามธรรมต่างๆ
    สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจวัตถุประสงค์ในสิ่งที่ตนเอง
    สัมผัสได้ ไม่ว่าทาง ตา หู จมูก กาย ใจ และจิตครับ.
    ไม่ใช่การไปพยายามรู้ว่าเพราะอะไร เกิดจากอะไร
    หรือไปพยายามปรุงแต่งตาม หรือ
    การไปใช้ความเห็นตีความ สิ่งที่จะทำให้รู้ตรงนี้ได้
    ก็คือเรื่องสมาธิสะสมและกำลังสติทางธรรมครับ..
    ไม่งั้นแล้วพอสัมผัสอะไรได้ ตัวจิตมันก็จะไปปรุงร่วมไปหมด
    ไปรู้สึก ไปเป็นส่วนหนึ่งกับสิ่งที่สัมผัสได้อย่างไม่รู้ตัวครับ.
    เพราะว่าจิตมันจะละ จะคลายจะเพิกเฉยไม่เป็นเนื่องจากไม่มี
    กำลังเพียงพอและมีกำลังสติทางธรรมคอยควบคุมตัวจิตไว้ครับ...
    ต่อให้เป็นพวกที่เกิดมาแล้วสัมผัสได้แบบไม่เคยฝึกอะไรมาก่อน
    ก็ตาม กำลังสมาธิสะสมและกำลังสติทางธรรมก็เป็นพื้นฐาน
    เบื้องต้นที่จะต้องสร้างให้มีก่อน..ไม่งั้นเกือบร้อยละร้อย
    พอมันไปปรุงร่วมมาก มันก็ทุกข์มาก และรับรู้ไปทุกๆเรื่อง
    โดยที่ไม่มีการวาง เอาไปเอามาก็จะเหมือนๆคนที่เสียสตินั่นหละครับ..
    เพราะฉนั้นแม้ว่าจะมีสัมผัสอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่สามารถใช้งานได้
    ก่อเกิดประโยชน์อะไรได้ในระดับลืมตาปกติ โดยที่ไม่ต้องเข้าสมาธิอะไร
    ไม่ต้องไปสนใจใดๆและไคร่จะไปรู้อะไรทั้งนั้นทุกกรณีครับ..
    ให้มาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้มันต่อเนื่อง
    อย่างที่บอกมันจะมีเครื่องรู้ย้อนหลังของมันได้เอง
    ในทุกเรื่องๆทุกกิริยาที่เคยได้สัมผัสมาได้ในอดีตแบบ
    อัตโนมัติของเองครับ.
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณนพว่า ใจ-จิต เหมือนกันหรือต่างกันครับ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตรงนี้แล้วแต่ภาษาสมมุติที่เขียนไว้นะครับ..
    บ้างก็ว่าเป็นตัวเดียวกัน..และส่วนตัว
    ก็ไม่ทราบว่าแต่ละท่านแต่ละบุคคลจะมองอย่างไร..
    แต่ส่วนตัวจะมองตรงที่นามธรรมครับ..
    ถ้าในนามธรรมเรื่องจิต ก็คือมีแต่จิตอย่างเดียว
    ที่มันโล่งๆ โปร่งๆไม่มีอะไรมายึดครับ...
    ถ้าในนามธรรมเรื่องใจ กิริยาแสดงว่ามันไม่ได้มีจิตอย่างเดียว
    แต่มันมีตัวอื่นๆปนรวมอยู่ด้วย ฯลฯ
    พอคลายตัวที่รวมอยู่ด้วยได้แล้ว ถึงจะเรียกว่าจิตครับ..
    ปรมาณนี้ ส่วนใครจะเข้าใจอย่างไรก็สุดแล้วแต่ครับ..
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    จิตหรือวิญญาณท่านเปรียบเหมือนมายากล กล่าวคือนักมายากลทำเอาผู้ไม่รู้หลงคิดว่าเป็นเรื่องจริงๆจังๆ

    "พระอาทิตยพันธุ์ (พระพุทธเจ้า) ได้ตรัสแสดงไว้ว่า รูปอุปมาเหมือนฟูมฟองแม่น้ำ เวทนาอุปมาเหมือนฟองน้ำฝน สัญญาอุปมาเหมือนพยับแดด สังขารอุปมาเหมือนต้นกล้วย วิญญาณอุปมาเหมือนมายากล ภิกษุพินิจดู พิจารณาโดยแยบคาย ซึ่งเบญจขันธ์นั้นด้วยประการใดๆ ก็มีแต่สภาวะที่ว่างเปล่า พระผู้ทรงปัญญาดังผืนแผ่นดิน ทรงปรารภร่างกายนี้แล้ว ทรงแสดงการละธรรม ๓ อย่าง (โลภะ โทสะ โมหะ หรือตัณหา มานะ ทิฐิ) ไว้"

    https://www.youtube.com/watch?v=R4edV5Rw-bY#t=55
     
  17. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    ร้ายๆจริงๆ นะครับ ไอ้ตัวเนี้ย แค่เผลอทำไปเพราะความคึกคะนอง ประมาท เลินเล่อ มันยังตามมาเล่นเราซะอ่วมมากกว่าตอนทำอีก
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คำว่า จิตก็ดี มโนก็ดี วิญญาณ ก็ดี เป็นไวพจน์กันใช้แทนกันได้ เหมือนกันโดย
    อรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ตัวอย่างพุทธพจน์นี้

    “....สิ่งที่เรียกว่า จิต มโน หรือวิญญาณนี้ เกิดดับอยู่เรื่อยทั้งคืนทั้งวัน”

    (สํ.ข. 17/4-5,32-33,199-207 ฯลฯ)

    ถ้าใช้คำพูดที่คนไทยพอจะเข้าใจก็ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าใช้ตามภาษาบาลีก็ จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย มโน (สังเกต กาย ใจ กับ กาย มโน) ฉะนั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถูกแปลจาก จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย มโน (จักขุ – ตา โสต – หู ฆาน – จมูก ชิวหา - ลิ้น กาย - กาย มโน - ใจ)

    พูดพาดพิงนามธรรม จักขุ โสต ฆาน ชิวหา กาย เป็นฝ่ายรูปธรรม ใจ มโน เป็นฝ่ายนามธรรม

    ผู้ศึกษาธรรมบ้านเราส่วนมากพูดเน้นคำว่าจิต น้อยนักจะพูดถึงวิญญาณ (สังคมไทยถ้าพูดเรื่องวิญญาณเล็งเลยไปถึงผี)

    จิต เรียกตามอภิธรรม วิญญาณ เรียกตามพระสูตร คำว่า จิตก็ดี วิญญาณก็ดี เป็นฝ่ายนามธรรม

    นำหลักอภิธรรม กับ พระสูตรเทียบกันดูแล้วจัดเป็นฝ่ายรูปธรรม - นามธรรม

    อภิธรรม

    1. จิต
    2. เจตสิก
    3. รูป
    4. (นิพพาน)

    พระสูตร

    1. รูป
    2. เวทนา
    3. สัญญา
    4. สังขาร
    5. วิญญาณ

    ตามหลักอภิธรรม เรียกวิญญาณทั้งหมดว่า “จิต” เรียก เวทนา สัญญา สังขาร ว่า เจตสิก ดังกล่าว เป็นฝ่ายนามธรรม (ที่เหลือ) รูปคงเป็นรูป เป็นฝ่ายรูปธรรม จึง (= รูปธรรม นามธรรม,รูปนาม)
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    น่าจะมีคนคิดว่าพูดเล่น พูดปด หรือพูดไม่จริง นำมาให้ดูเลย:cool:

     
  20. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เมื่อจะปฏิบัติธรรม เช่น ทำสมาธิ ต้องตัดใจไม่คิดคือฝืนให้ได้ ไม่ต้องคิด มารมันดลใจให้คิดมีความคิดหน่วง นั่นเราจะเผลอไปคิด ให้ตัดปลิโพธทันทีทันใด ( ไปอ่านปลิโพธ ) เมื่อตัดใจไม่คิดเวลาทำสมาธิความคิดหน่วงจะค่อยๆหายไปและได้สัมมาสมาธิเข้ามาแทน คือสมาธิจะเกิดขึ้น เมื่อจิตตั้งมั่นได้สมาธิจะเกิดญาณ เราจับอารมณ์ตรงนั้นเข้าสู่ภาควิปัสสนากรรมฐาน มีหลายบทให้พิจรณา ที่แนะนำในตอนนี้คือสติปัฐฐาน 4 กาย เวทนา จิต ธรรม ทางนี้เป็นทางเอก เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
     

แชร์หน้านี้

Loading...