ในนิพพาน มีจิตของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ อยู่ไหม ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 29 พฤศจิกายน 2004.

?
  1. มี

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่มี

    0 vote(s)
    0.0%
  3. ไม่แน่ใจ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    จิต หรือ "มโนธาตุ" ไม่นิพพานเพราะ "ติดรู้"


    จิตหรือมโนธาตุ ได้ชื่อว่าเป็น "ธาตุรู้" ตัวตนแห่ง "ผู้รู้"
    ส่วนนิพพานนั้น ไม่ใช่ทั้งรู้และไม่รู้ เมื่อใดธาตุนั้นติดรู้
    ธาตุนั้นยังดำรงคงสภาวะแห่ง "มโนธาตุ" ไม่อาจนิพพานได้


    เมื่อหลุดพ้นแล้วจากทั้ง "รู้และไม่รู้" ทั้งเกิดและดับแห่ง
    ความรู้และไม่รู้ ก็ไม่มี เมื่อนั้นจึงพร้อมนิพพานได้
    แต่ถ้ายังไม่พ้นภาวะนี้ ธาตุนั้นยังติดความเป็น
    "อัตตาแห่งตัวรู้" อยู่ดังเดิม (ไม่นิพพาน)


    นิพพานย่อมหลุดพ้นแล้วจากอัตตาทั้งมวล
    จิตหรือมโนธาตุ ย่อมมี "อัตตาแห่งผู้รู้" อยู่
    ดังนี้ จิต คือ จิต, นิพพาน คือ นิพพาน ทั้งสอง
    เหมารวมกันมั่วๆ ว่าเป็นอย่างเดียวกัน ไม่ได้...
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คำว่า "นิพพานจิต" ไม่ได้แปลว่า "ในนิพพานมีจิต หรือจิตเป็นนิพพาน"


    พระพุทธเจ้าให้ปริศนาธรรมผ่านคำว่า "นิพพานจิต" สำหรับคนที่ "อุปทานไปเอง"
    ก็จะอุปทานไปว่า "งั้นจิตเป็นนิพพาน นิพพานเป็นจิต มีจิตในนิพพาน ในนิพพาน
    มีจิต" ฯลฯ มั่วไปหมด นั่นคือ อาการของการ "อุปทาน" ทั้งสิ้น มิได้เกิดปัญญา
    เข้าใจใน "ปริศนาธรรมของคำว่า นิพพานจิต" เลย เพราะคิดกันไปเอง โดยยัง
    ไม่ได้ค้นพบด้วยตนเอง ไม่ได้ตื่นแจ้งจริง ยังไม่เกิดปัญญาจริง ก็อุปทานไปแล้ว


    คำว่า "นิพพานจิต" เป็นอย่างไรนั้น ไม่ควรอธิบาย
    ปริศนาธรรมก็คือ ปริศนาธรรม เมื่อไรที่ถึง พึงรู้ได้ด้วยตนเอง


    ความมั่นคงของจิตใจ ถ้า "สว่างไสว" ก็คงดี แต่ถ้าไม่ส่ว่างไสว
    ยิ่งตกต่ำเป็น "ความมั่นคงในความลุ่มหลงมืดดำ" ไปเท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 มีนาคม 2012
  3. ศรีชมพู

    ศรีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +69
    ตามความเข้าใจผมที่ว่าพระศรีอริยเมตไตรย์ท่านจะมาตรัสรู้ตอนอายุไขยมนุษย์เฉลี่ย 80,000 ปี นั่นคือ คนสมัยนั้นมีอายุเฉลี่ย 80,000 ปี ร่างกายคนสูงเฉลี่ยก็น่าจะใกล้เคียงกันครับ (แต่ไม่หล่อเท่าพระพุทธองค์แน่ จริงๆ ก็ไม่ใช่ผมเข้าใจหรอกครับ ฟังครูบาอาจารย์มาอีกทีเหมือนกัน แหะๆ)

    ตอบคำถาม ผมว่ามีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มีนาคม 2012
  4. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมว่ามี เพราะเคยได้ยินคำว่า ทำให้จิตหลุดพ้น...อันนี้ผมคิดต่อนะเมื่อจิตหลุดพ้นแล้วจิตจะมีสภาวะนิพพาน อีกทีนะเป็นสภาวะจิต ที่มีลักษณะที่เรียกว่านิพพาน ถ้าเทียบเคียงก็อาจเทียบได้กับสภาวะจิตที่ดีใจได้ในสิ่งที่หวัง เกิดความแจ่มใส่ แต่แบบที่ว่าเป็บแบบที่ต้องพึ่งอามิส แต่สภาวะจิต นิพพาน ไม่ต้องพึ่งอามิส นั่นหมายความว่ามีความสุข แจ่มใจ สว่างใจ เบิกบานใจ โดยไม่ต้องมีสภาวะแวดล้อมภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง
    เทียบเคียงเหมือนเรื่องเล่าที่พระองค์หนึ่งเดินจงกรมอยู่ ท้อใจและพักอยู่ ได้มองไปยังดวงจันทร์ หลังจากที่เมฆหมอกได้ผ่านไปแล้ว ดวงจันทร์ดูสดใสงดงาม เทียบเคียง เช่นเดียวกับใจนี้ หากไม่มีเมฆหมอกหรือเทียบกันว่าเป็นกิเลส ก็จะมีความกระจ่างดูสดใสงดงามเช่นดวงจันทร์...
    อ้างถึงหัวข้อส่วนประกอบของชีวิต ที่ว่าตัวเรานั้น มีกายเนื้อและกายทิพย์ ผมคิดว่าถูกต้อง แต่จิต ผมว่ามีอยู่ในกายทิพย์อีกที กายทิพย์ที่คนทั่วไปเข้าใจนี้ผมเรียกว่าธรรมกาย หรือจะเรียกกายในกายก็ได้
    พูดถึง เทวดา ในตำราต่างๆต่างกล่าวว่ามีรูปลักษณ์เช่นนั้นเช่นนี้ ผมก็เชื่ออย่างนั้นแหละ แน่นอนว่า เทวดามีกายทิพย์ หรือจะเรียกธรรมกายก็ได้ ต่างก็มีจิตใจแน่นอน แต่ก็ยังไม่หลุดพ้น จึงได้เป็นเทวดา
    พูดถึง พรหมมีรูป ก็คงตามลักษณะ มีรูปร่างและจิตใจ นั่นคือมีกายทิพย์และจิตใจ แต่มีสภาวะจิตใจที่สูงขึ้นไปอีกขั้น แตกต่างจากเทวดา ตรงที่เทวดายังเสพกามอยู่ แต่พรหมไม่แล้ว พรหมนั้นเสพอารมณ์แทน นั่นคือมีสภาวะอารมณ์เป็นอาหารของความสุข ถ้าท่านใดเคยฝึกจิต ถึงรูปพรหมคงพอจะเข้าใจถึงความสุขนั้น
    พูดถึงพรหม ไม่มีรูป เลยจากพรหมมีรูป ก็ระบุได้ชัดเลย...รูปไม่จำเป็นต้องมีแล้ว ไม่ต้องคงรูปไว้แล้ว อยู่ในโลกแห่งสภาวะอารมณ์เลย ไม่มีกายทิพย์ มีแต่สภาวะจิต อยู่ด้วยสภาวะจิต

    ขั้นรายการ...ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความเข้าใจของข้าพเจ้าเท่านั้น อย่าถือว่าเป็นจริงทั้งหมด

    มาถึงตอนนี้ ก็จะตอบย้ำอีกทีว่า นิพพานมีจิตอยู่ แต่โดยมีรูปหรือไม่มีนั้นข้าพเจ้าไม่อาจจะตอบได้ แต่โดยสภาวะจิตแล้ว มี แน่นอน
     
  5. DekNoii

    DekNoii สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0
    จิตกำเนิดมาเป็นตัวตนได้ เรียกได้ว่าเกิดจากอนันต์ และมีเข้าสู่นิพพาน ก็คือการกลับสู่อนันต์นั้นเอง ^ ^ ไม่รู้ว่าถูกรึป่าวน้าา(deejai)
     
  6. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    มาพิจารณาอีกที ผมว่า นิพพาน มีแต่สภาวะจิตอย่างเดียวนะ รูปก็ละแล้ว เวทนาก็ละแล้ว สัญญาก็ละแล้ว สังขารก็ละแล้ว วิญญาณก็ละแล้ว เหลือแต่สภาวะอารมณ์ที่บริสุทธิ์ดุจน้ำที่ไม่ขุ่นหมอง เป็นสภาวะจิตที่มีอารมณ์เดียว เป็นความสุขที่ไม่พึ่งพิงขันธ์ ๕ ... น่าจะนะ

    ผ่านมาวิจารณ์อีกรอบ อิอิ
     
  7. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    ออ ขอชี้แนะนิดนึงนะครับ การเกิดของจิต ไม่ใช่จะดับการเกิดที่การดับจิตครับ ต้องดับที่ตัว "ปรารถนา" แล้วความปรารถนามันเกิดมาได้เพราะอาศัย "อุปทาน" ทำให้เป็น "ตัณหา" รวมแล้วก็เรียกว่า "กิเลส" พระผู้ประเสริฐแล้วละกิเลส ตัณหา อุปทาน จนสิ้น แต่ไม่ได้บอกว่าดับจิตของตนเองนะครับ ถ้าในความหมายดับจิตตน ให้ไม่ต้องรับรู้อะไรทั้งสิ้นเลย จนสุดท้ายก็สลายหายไป มันจะมีคุณค่าในการปฎิบัติเพื่อให้ได้รับผลหรือครับ เพราะสุดท้ายถ้าแดนพระนิพพานเป็นแดนที่สุขที่สุดจริงๆ ก็ต้องอาศัยจิตเป็นตัวรับหรือผู้ง่ายๆ ว่าตัวเราเองเป็นผู้รับความรู้สึกสุขอย่างไม่มีขอบเขตอย่างนั้นได้ไม่ใช่หรือครับ ดังนั้นจิตมันก็ต้องมีแน่ๆ ขอยืนยันนอนยันเลย

    เรื่องพวกนี้ ต่างคนต่างวาระ ต่างวาสนา ต่างบารมี ความเข้าใจจึงต่างกัน เป็นของธรรมดา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องชี้แจงแก้ต่างอะไร คนที่เชื่อก็เพราะเขามีประสบการณ์ที่ผ่านมาเองจนยอมรับว่าจริง ส่วนคนที่ไม่เชื่อเขาก็อาจจะไม่เจอเหมือนกับคนที่เชื่อ จึงไม่ใช่ความผิดอะไร แต่ที่ผิดคือคนที่ตำหนิคนอื่นโดยที่ตนเองก็ยังไม่ได้ปฎิบัติเพื่อความเข้าถึงเลย นี่แหละที่น่าอนาถใจที่สุด
     
  8. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    รอบที่ 3 ^_^ มีอีกแนวคิดนึง ที่ค่อนข้างชัดเจนจากมุมมองของผมเองนะ กายทิพย์หรือกายละเอียด หรือจะเรียกธรรมกายก็ได้ เช่นเดียวกับเทวดาที่มีกายฉะนั้น ก็มีอยู่ที่นิพพาน จิตก็มีอยู่ที่นิพพานเช่นกัน แต่เป็นลักษะเหมือนพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติ คือนำจิตเข้าสู่สภาวะอารมณ์ของนิพพาน แต่กายก็ยังอยู่ เลยเพื่อไม่ให้เกิดโทษจึงเข้าได้เพียง7วัน ไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป ก็ต้องออกจากนิโรธสมาบัติ แต่พอเมื่อตายไปแล้วเหลือแต่กายทิพย์กับจิต ก็สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้อย่างยาวนานถาวร

    ตามคำกล่าวข้างต้นนั้น ก็เป็นไปได้ว่า พระพุทธเจ้าบรมครูแห่งเราทั้งหลายอาจจะยังนั่งอยู่ที่ไหนซักแห่งในโลกวิญญาณ และกำลังเขานิโรธสมาบัติอยู่ ณ ที่นั่นก็เป็นได้.

    สอดคล้องกับวิถีจิตที่มุ่งผ่านวัฏะ เปิดตุ่ม เข้าใข่ เดินผ่าน เข้าซุ้ม ปีนซุ้ม ชายหาด ข้ามทะเลหลวง ปีนผา ปีนกลีบบัว และกราบพระพุทธเจ้า โดดผา เผาเพศ....แต่ข้าพเจ้ายังไปไม่ถึงหรอกนะ..ขออนุญาติบอกผ่านเฉยๆ จะได้ชี้ไปถึงว่า พระพุทธเจ้าบรมครูแห่งเรายังคงนั่งอยู่บนแทนดอกบัว ที่ฝั่งโน้นและรอพวกเราไปกราบท่าน.....ขอความประสบสำเร็จจงมีแก่เพื่อนสหธรรมทั้งหลาย...สาธุ

    (อาจจะมีแนวคิดที่แตกต่างจากนี้ก็เป็นได้ โปรดใช่วิจารณญานในการรับชม)
     
  9. DekNoii

    DekNoii สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0
    เพิ่มเติมจากเมื่อวาน

    เหตุใดจึงนิพพาน นิพพานคืออะไร อะไรคือนิพพาน ตายคืออะไรอะไรคือตาย ซื้อก้ไม่ต่างนัก สิ่งใดก็ให้เกิดตัวตน เมื่อรู้สึกนั้นก้จะรู้เหตุแห่งนิพพาน
     
  10. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    เรื่อง "มีจิตไว้เพื่อรองรับความสุข" ไม่มีในคำสอนของพระพุทธองค์
    พระพุทธองค์ทรงสอนเพียงเรื่อง "ทุกข์และการดับทุกข์" เท่านั้น


    พวกที่ "นิยมรับสุข" เขาเรียกว่า "พวกสุขนิยม" ครับ เป็นเพียง
    นักปรัชญากลุ่มหนึ่งที่ยังไม่แจ้งในสัจธรรมความจริงของโลกเท่านั้น


    อันโลกธรรมแปด หมายถึง "ของคู่ตรงข้าม อันไม่เที่ยง ในทางโลก"
    หนึ่งในคู่ตรงข้ามนั้นคือ "สุขและทุกข์" ซึ่งไม่เที่ยง ไม่อาจยึดถือได้เลย
    ยังคงคิด "รองรับความสุข" ที่ไม่เที่ยง ไม่จีรัง และเป็นเรื่องไม่พ้นโลกหรือ?


    ความสุขทางธรรมน่ะหรือ? มีก็ไม่ต่างจากไม่มี แล้วยังจะยึดจิตไว้รับมันทำไม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2012
  11. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เอา แบบ สมมติ น่ะ

    สมมติ ว่า ดวงจิต เป็น เครื่อง มือ หนึ่ง ใน การ ส่ง ผ่าน ข้อมูล

    ระหว่าง สิ่ง ที่ มิติ แห่ง นี้ เรียก ว่า นาม ธรรม กับ รูป ธรรม

    รูป ธรรม คือ กาย หยาบ (ตามที่มองเห็น)

    และ นาม ธรรม คือ สัญญา ขันธ์ สังขาร ขันธ์ ใน มิติ แห่ง นี้

    จะ เรียก ว่า อะไร ก่ ตาม แต่ มี ผล ต่อ กรรม และ กระบวนการคิด


    ถ้า กรรม ไม่ ดี ดวง จิต จะ ทำ หน้าที่ แปล ส่ง ผ่าน ข้อมูล จาก

    นาม ธรรม มา ยัง รูป ธรรม ให้ รู้ สึก ใน ความ ไม่ ปกติ สั่น สะ เทือน

    ไม่ สงบ รู้ สึก เป็น ทุกข์ ( นี่ ยัง สมมติ อยู่ น่ะ ) และ ระงับ ไม่ ได้



    (สมมติ) ถ้า หาก เรา เอา ดวง จิต ออก โดย แยก รูป ธรรม และ นาม ธรรม

    เรา หรือ ตัว ตน ที่ เป็น รูป กาย หยาบ จะ รู้ สึก ทุกข์ หรือ ไม่....

    ...............................

    ไม่ ให้ ดวง จิต เป็น สื่อ นำ เชื่อม โยง ระหว่าง นาม ธรรม และ รูป ธรรม

    น่า จะ เป็น การ ดี ไม่ น้อย....
     
  12. Pawanrat-jin

    Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,052
    ค่าพลัง:
    +3,939
    อยากแนะนำให้ไปหาหนังสือเล่มนึงอ่าน
    ชื่อ สนทนา กับ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดย นพ. พงค์ศักดิ์ ตั้งคณา
    (ตอนนี้ก็น่าจะยังมี)

    จะได้คำตอบทั้งหมดที่กำลังสงสัย

    ส่วนตัวขอตอบว่า...
    จิตเป็นพลังงาน
    และพลังงานก็ไม่สูญหายไปจากโลก
    ฉะนั้นพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ทั้งหลายท่านก็ไม่ได้สูญหายไปไหน
    เพียงแต่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนพวกเราอีกเท่านั้น

    ในหนังสือยังบอกอีกว่าเราก็สามารถสัมผัสพระพุทธองค์ได้ ถ้า..
    มีจิตใจที่บริสุทธิ์พอ
     
  13. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    ความสุขที่ GenerationXXX กล่าวถึงไม่ใช่ความสุขทางโลก ความสุขของโลกธรรม 8 ต้องพึงอามิส เป็นสิ่งภายนอกแปลปรวนได้ ความสุขที่ GenerationXXX กล่าวถึงเป็นความสุขจากสภาวะอารมณ์ที่ไม่ต้องพึงอามิสหรือสิ่งภายนอก แต่เป็นความสุขที่ออกมาจากภายใน ก็ประมาณนั้นแล...
     
  14. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    phudit999 จากการศึกษามาบ้าง กายเรานี้ประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และจิตเป็นผู้รับอารมณ์

    รูป ประกอบด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธัมรมณ์...จะไม่ขอเจาะลึกนะครับ
    เวทนา เป็นผลพวงจากรูป เกิดความรู้สึก พอใจต่อรูป เฉยๆต่อรูป ไม่พอใจต่อรูป
    สัญญา หากรูปนั้นมีส่วนประกอบของเวทนายิ่งมากก็จะยิ่งจำได้มาก จดจำได้มาก
    สังขาร คือตัวปรุงแต่ง ยิ่งมีส่วนของสัญญามากซึ่งเป็นผลพวงจากเวทนาและรูปมาก ก็ยิ่งจะปรุงแต่งมาก

    วิญญาณ เปรียบเสมือนกระจก หากเราเอาหน้าไปส่องก็จะเห็นตัวเราเอง นั่นก็หมายความว่า วิญญาณเป็นเสมือนตัวส่งผ่านของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ มาสู่จิต

    จิตเป็นเสมือน กษัติริย์ที่นั่งอยู่บนบัลลัง ที่คอยให้ อำมาต(วิญญาณ) มาคอยรายงานสถานการณ์และความเคลื่อนไหวต่างๆของขันธ์ทั้ง 4 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร

    จิตเป็นผู้รับอารมณ์ต่างๆ บ้านเมืองมีภัยอำมาตมารายงานต่อกษัติริย์ๆ ย่อมดินรนสั่งการให้พ้นภัย ในขณะสังขารเป็นผู้ปรุงแต่งการลี้ภัยในครั้งนี้ จากข้อมูลของสัญญา และสุดท้ายกษัตริย์ก็เป็นผู้ตัดสินใจ(เจตสิกหรือเจตนา) ในการพ้นภัยครั้งนี้

    เจตสิกเกิดมาพร้อมจิต ดับไปพร้อมจิต กษัตริย์ผู้รับรู้สถานการณ์ต่างๆของบ้านเมือง เป็นผู้รับอารมณ์ของคนทั้งประเทศ ย่อมมีจิตสั่งการ ย่อมมีเจตนาในการกระทำเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปตามประสงค์

    สุดท้ายผมก็ทำเป็นเรื่องเล่าไปซะงั้น...ขอเพื่อนสหธรรมจงเจริญในธรรม...สาธุ
     
  15. MagicCarpet

    MagicCarpet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +81
    ผมคิดว่าตัวหนังสือ และภาษในโลกนี้ มันยังหยาบเกินไปสำหรับจะมาอธิบายอย่างนี้

    ทั้งหมดสัมผัสได้ด้วย "ใจ"

    บางครั้งไม่สามารถจะอธิบายเป็นคำพูดได้หมด

    สั้นเพียงแค่ 1 วินาที อาจจะมีเป็นล้านคำในนั้นก็เป็นได้

    อิอิ
     
  16. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452


    มี ผมเคยพบพระพุทธเจ้า

    ({) ฟันธงคราบ
     
  17. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    รู้แต่ว่า คุยกันหน้าจอ สุมกันอยู่หน้าจอ ฟุ้งกันตรงหน้าจอนี้...ไม่มีของจริงสักราย...
     
  18. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    มั่งๆๆ เราว่าน๊า...
    "จิตมันสร้างนิพพาน"
    ...นิพพานจิต...

    จิตคือจิต จิตไม่ใช่พลังงาน พลังงานคือสิ่งที่ไม่อาจสร้างและไม่อาจทำลาย พลังงานคือสสาร สสารคือพลังงาน โอเคป่ะ

    นิพพานคือนิพพาน คือความดับ ดับเหมือนไฟดับเพราะไม่เหลือเชื้อ ถามว่าไฟนั้นดับแล้วไปอยู่ที่ไหน...^^

    ถ้าไม่มีจิตจะเอาอะไรไปนิพพานหล่ะ มันก็ต้องเอาจิตนั่นแหล่ะไป แต่ในนิพพานไม่มีหรอกนะจิตหน่ะ....
    อั๊ยย๊ะ!!!โอ๊ยย อย่างฮา:d
     
  19. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ท่าน จขกท ไม่ เห็น แสดง ความ เห็น บ้าง เลย

    การ ที่ ท่าน ตั้ง คำ ถาม มา แสดง ว่า ต้อง มี

    ความ เข้า ใจ ใน ระดับ หนึ่ง ...

    ท่าน ว่า อย่าง ไร เชิญ รจนา ครับ
     
  20. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    เขาสั่งให้มาสุมกัน ชั่วขณะนึงน่ะครับ..ถึงเวลา เขาก็สั่งให้ต่างคน ต่างไป รอรุ่นใหม่มาสุมกันต่อ(ไป) ..มันก็คงเป็นเช่นนี้แล.. ตามวัฎจักรของสัตว์โลก ที่ต้องมีการปฎิสัมพันธ์กัน ไม่งั้นคงเหงาพิลึก หุหุหุ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...