คลังเรื่องเด่น
-
อดีตชาติขององค์ท่านหลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ
“...มนุษย์มีเกิดมีตาย สัตว์เดรัจฉานมีเกิดมีตาย เทวดามีเกิดมีตาย
พรหมมีเกิดมีตาย รวมแล้วโลกอันนี้มีเกิดมีตาย ไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดไป เป็นภพเป็นชาติยืดยาวด้วยเชื้อเกิดเชื้อตาย
ภาวนาแล้ววิชชาเกิดพอรู้จักได้การเกิดตายของเจ้าของ เห็นโทษเห็นภัยของการท่องเที่ยวเกิด แก่ เจ็บตาย เป็นภพเป็นชาติ เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ไม่มีอะไรจะยั่งยืนถาวร...”
“...เกิดตายมาของผู้ข้าฯ จะนับตั้งแต่ชาติชีวิตที่เคยได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์
- เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๗ ชาติ อยู่เพชรบูรณ์ ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมาตรัส ๓ หมื่นปี
- มาเกิดเชียงใหม่
- ไปเกิดอยู่สิบสองปันนาสิบสองจุไทย ก่อนพุทธศาสนา ๒๘,๐๐๐ ปี
- มาเกิดอยู่มุกดาหาร เป็นกษัตริย์ ๗ ชาติ ราษฎร ๕ ชาติ ก่อนพุทธศาสนา ๑๓,๐๐๐ ปี
- เกิดปราจีนบุรี เป็นเจ้านาย ๔ ชีวิต ก่อนพุทธศาสนา ๖,๕๐๐ ปี
- เกิดอยู่ลพบุรี เป็นราษฎร ๓ ชีวิต เป็นกษัตริย์ ๕ ชีวิต ก่อนศาสนา ๓,๐๐๐ ปี
- ไปเกิดอยู่พาราณสี
- เกิดอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นเจ้าสีหนุราช
- เกิดกุสินารา เป็นพันธุละเสนาบดี
- เกิดอยู่เนปาล บวชเป็นฤาษี มีหมู่ ๕๐๐ ฤาษิณี ๒๕๐ ตน ฤาษี ๒๕๐... -
พบเปรตจมูกเหมือนงวงช้าง เพียงค่าด่าพระสงฆ์ผู้ปาราชิกในใจ
ครั้งนี้มีวิญญาณที่น่าสนใจเพิ่มมาอีก ขอยกตัวอย่างโดยไม่เอ่ยนามของวิญญาณนั้น และได้ไปพิสูจน์มาแล้ว
ก่อนหน้านั้น วิญญาณนั้นมีตัวตนเคยมีชีวิตเป็นคนมาก่อน วิญญาณตนแรกน่าแปลก ตัวผอมหัวโต ลำตัวเน่าเหม็น ตัวมันเหม็นมากจริงๆ จมูกเหมือนงวงช้างดูดกินแต่ของเน่าเหม็น ได้ถามชื่อสกุล บ้านเลขที่ ตำบล ได้ความว่าตายมา ๘๔ ปี ได้มาทนทุกข์อยู่ในวัดนี้ จึงถามว่าไปทำอะไรมาจึงมีรูปร่างดังที่เป็นอยู่
วิญญาณตนนั้นตอบ “เป็นมโนกรรมเจ้าค่ะ คือได้เดินผ่านกุฏิพระผู้ปาราชิก ท่านแอบมีภรรยาขณะดำรงสมณเพศนั่งฉันอาหารอยู่ ได้นึกโกรธอยู่ในใจแล้วคิดว่า "ให้มันยัดห่าเข้าไปทำไม พระแบบนี้" แล้วถ่มน้ำลายลงพื้น
เพียงเท่านี้ไม่คิดว่าจะตกระกำลำบากเช่นนี้ ได้แบ่งกรรมของพระรูปนั้นมาใส่ตัวโดยแท้ เพราะเราไม่รู้จึงได้กระทำลงไป ต้องทนทุกข์เช่นนี้ จะไปก็ไม่ได้ ต้องทนเจ็บปวดทรมานมานานเหลือเกิน พระคุณเจ้าโปรดเมตตากระผมด้วย กระผมเข็ดแล้ว ต่อไปจะไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นอีก”
อยากบอกใครก็บอกไม่ได้ น่าคิดนะ แม้พระจะหมดสภาพแล้วตามพระวินัย แต่ไปตำหนิเข้าแม้จะไม่ได้เปล่งวาจาก็ตาม ก็ปรากฏผลกรรมตอบสนองทั้งๆ ที่ตัวไม่ได้ทำ เพียงไปยุ่งเรื่องคนอื่น... -
"พระพุทธศาสนาไม่มีเสื่อม" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"พระพุทธศาสนาไม่มีเสื่อม"
" .. คุณของพระศาสนาที่สุดประเสริฐในโลกคือ "พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาที่ผู้รู้จริง" รู้ถูกต้องย่อมรู้ชัดว่า มีคุณสมบัติดั่งเพชรแท้ น้ำงามบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีวัตถุแปลกปลอมใด
"ไม่มีความสกปรกเศร้าหมองใด จะสามารถแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเพชรได้แม้แต่น้อย" ได้แต่เพียงห้อมล้อมอยู่ภายนอกเท่านั้น ดังนั้นที่มีการกล่าวว่า พระพุทธศาสนาเศร้าหมองแล้ว เสื่อมแล้ว จึงเป็นการกล่าวผิดอย่างสิ้นเชิง
"พระพุทธศาสนาไม่มีเศร้าหมอง พระพุทธศาสนาไม่มีเสื่อม"
ผู้แวดล้อมหรือ "พุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่ประพฤติผิดศีลธรรมวินัย ขาดเมตตากรุณา" เช่นนี้ที่เป็นผู้สกปรก เศร้าหมองและเสื่อม "คือเสื่อมจากความดีงามความเจริญรุ่งเรืองความร่มเย็น"
"ผู้ทำความเสื่อมความเศร้าหมอง จึงจะเป็นผู้เสื่อมผู้เศร้าหมอง" พระพุทธศาสนาไม่ได้ทำความเสื่อมความเศร้าหมองใด ๆ แม้แต่น้อย "พระพุทธศาสนาจึงไม่เสื่อม ไม่เศร้าหมองแม้แต่น้อย" ขอให้ช่วยกันถือหลักนี้ไว้
"เมื่อมีผู้ทำบาปทำอกุศล ทำความสกปรกเศร้าหมองผิดศีลผิดธรรมวินัยมีมากมายขึ้นเพียงไร" ก็ให้รู้ว่าเขาเหล่านั้นทำตัวเขาเองให้สกปรกเศร้าหมอง... -
"คนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่แม้จนตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น"
"คนพาล เข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตอยู่แม้จนตลอดชีวิต เขาย่อมไม่รู้ธรรม เหมือนทัพพีไม่รู้รสแกงฉะนั้น"
พุทธวจนะในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีพระเจ้าปัญหารูปหนึ่งที่มีความประพฤติและความรู้ไม่เหมาะสมนั่นก็คือ พระอุทายี ซึ่งพระอุทายีเป็นต้นบัญญัติเรื่องที่ว่า ท่านเคยนำอุบาสิกาท่านหนึ่งไปนั่งสนทนากันในที่ลับตา คือในกุฎิ ซึ่งก็พอดีว่านางวิสาขามหาอุบาสิกามาพบเห็นเข้าจึงได้กล่าวเตือน สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ ท่านอุทายีกล่าวตอบว่า "โยมยุ่งอะไรด้วย"
เมื่อพระนางวิสาขามหาอุบาสิกาได้ยินเช่นนั้นจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติเป็นข้อห้ามภิกษุพูดเจรจากับสตรีสองต่อสอง หากจะเจรจาด้วยควรมีพระหรือสามเณรรูปอื่นอยู่ด้วย
อีกหนึ่งกรณีก็คือ ท่านอุทายีเป็นผู้มีฝีมือในการเย็บจีวร ครั้งหนึ่งมีภิกษุณีที่ไม่ใช่ญาติของท่านมาขอให้เย็บจีวรให้ ท่านก็เย็บให้อย่างดี ภิกษุณีผู้ไม่รู้ความก็นำไปสวมใส่ บรรดาภิกษุที่มักน้อยต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุทายีจึงได้เย็บ จีวรให้ภิกษุณีเล่าเรื่องนี้ความทราบถึงพระพุทธองค์ พระองค์จึงตรัสติเตียนว่า
"ดูก่อนโมฆะบุรุษ ภิกษุที่มิใช่ญาติ... -
ความประทับใจของคนไทยในเรื่องราว ในหลวงรัชกาลที่10 กับพระอริยสงฆ์ในอดีต
ความประทับใจของคนไทยในเรื่องราว ในหลวงรัชกาลที่10 กับพระอริยสงฆ์ในอดีต
เป็นความประทับใจที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ของเรื่องราวน่าประทับใจของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่พระองค์ท่านทรงเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อทรงแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในด้านต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาที่ได้ผ่านมา
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2526 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมอาการอาพาธหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
และอีกครั้งเมื่อ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2545 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร... -
2อริยะแห่งศรีสะเกษ พบกันทางจิต บทสนทนาของหลวงปู่หมุน พูดถึง "รูปคนในแบ๊งค์" ทำเอาหลวงปู่สรวงเลิกเผาเงิน
2อริยะแห่งศรีสะเกษ พบกันทางจิต บทสนทนาของหลวงปู่หมุน พูดถึง "รูปคนในแบ๊งค์" ทำเอาหลวงปู่สรวงเลิกเผาเงิน
ลูกศิษย์ลุกหาที่บูชาหลวงปู่สรวง ต่างทราบกันดีทว่า หลวงปู่สรวง ท่านได้ฉายาว่า "ขรัวขี้เถ้า เผาแหลกลาญ" โยมถวายเงินเป็นฟ่อน ท่านก็โยนเงินลงกองไฟเสมอๆ ท่านให้เหตุผลว่า
"เงินมันไม่ดี มันเป็นกิเลส"
จากข้อมูลที่ได้ฟังมา เพื่อจัดหนังสือเผยแพร่ประวัติครูบาอาจารย์ ทั้ง 2 รูป "หลวงปู่หมุน" และ "หลวงปู่สรวง"
สรุปเรื่องการเลิกเผาเงินของหลวงปู่สรวง ได้ดังนี้
1. ตอนหลวงปู่สรวงมาวัดป่าหนองหล่ม ปกติแล้วท่านจะเผาเงินที่โยมเอามาถวายลงกองไฟ แต่ครั้งนั้น ท่านกลับไม่เผา
ท่านทำพิธีอธิษฐานจิตวัตถุมงคล (รุ่นเสาร์5 บูชาครู) โดยจับสายสิญจน์ที่พาดผ่านกองไฟ เกิดเหตุอัศจรรย์! ท่ามกลางสายตานับสิบๆคู่ คือ สายสิญจน์ที่พาดผ่านกองไฟ ไม่ไหม้ไฟ!!!
หลวงปู่สรวงทำพิธีไม่นาน ท่านก็กลับ...
ช่วงเวลาที่หลวงปู่หมุนท่านมา ก็มีคนนั่งเฝ้ากันอยู่เต็มไปหมด จนกระทั่งท่านกลับ หลวงปู่หมุนก็ยังคงอยู่ที่กุฏิเป็นปกติ
ลูกศิษย์ของหลวงปู่หมุน จึงเข้าไปกราบเรียนหลวงปู่หมุนว่า
"เมื่อครู่ หลวงปู่สรวงท่านมา แต่กลับไปแล้ว"... -
ปฏิบัติแบบโง่ๆ - คำสอนหลวงปู่ดู่
"ปฏิบัติแบบโง่ๆ" นับเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนานทีเดียว กว่าที่คำพูดที่หลวงพ่อดู่เคยพูดสอนว่า ในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนา ให้ปฏิบัติแบบโง่ๆ นั้น จะค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆ การอ่านมาก รู้มาก บางครั้งก็เป็นดาบสองคม
เพราะในด้านหนึ่ง การรู้มาก ก็ช่วยให้สามารถมองเห็นเส้นทางเดิน รวมทั้งเห็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังล่วงหน้า ฯลฯ
แต่อีกด้านหนึ่ง ความรู้มากนั้น ก็จะมาเป็นตัวอุปสรรคเสียเอง เช่น เผลอคิดว่าความรู้ (รู้จำ) นั้นเป็นปัญญา (รู้จริง) เกิดเป็นทิฏฐิมานะ ปิดกั้นการดูดซับความรู้จากภายนอก
ที่สำคัญในขณะปฏิบัติจิตภาวนานั้น ความรู้มากนี้ก็กลายเป็นสิ่งรุงรังในจิตใจ ใช้ความคิดผิดกาลเทศะ จนกลายเป็นตัวสร้างนิวรณ์บ้าง คิดไปล่วงหน้าตามประสาคนรู้มากบ้าง คอยใส่ชื่อเรียกให้กับสภาวะต่างๆ ที่กำลังประสบบ้าง คอยสงสัยนั่นนี่บ้าง
การรับรู้หรือสัมผัสจึงไม่เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา แล้วเจ้าตัวก็ยังสำคัญตัวว่ากำลังคิดพิจารณาหรือมองดูสภาวะต่างๆ ตามความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ของจริง "นิ่งเป็นใบ้"
พอจิตเข้าไปปรุงแต่งจนรุงรังไปหมดแล้ว จึงยากที่จะถอยออกมาให้เห็นไปตามสภาวะที่มันเป็นอย่างธรรมชาติ... -
เคล็ดบูชาพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลกเสริมดวง
เคล็ดบูชาพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลกเสริมดวง
วันนี้ผมจะขอนำเอาเคล็ด การบูชาพระพุทธชินราช ตามตำรับเดิมของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลกมมาบอกกัน โดย เคล็ดนี้ได้นำมาจากตำราพระเวท108 ของท่านอาจารย์ อุรคินทร์ วิริยะบูรณะ ที่ท่านได้รวบรวมสิ่งที่เป็นประโยชน์มากมายเคล็ดต่างๆ มาบอกกันนะครับ สำหรับเคล็ดไหว้พระพุทธชินราช จะใช้ไหว้กับพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก หรือองค์จำลองที่เราบูชาที่บ้านก็ได้นะครับ แต่ไม่สามารถนำไปกราบองค์จำลองที่วัดเบญจมบพิตรได้นะครับ เพราะองค์จำลองใช้อีกคาถาและ ล้นเกล้ารัชกาลที่๕ทรงอธิษฐานจิตให้ประดิษฐานต่างจากองค์เดิมที่พิษณุโลก (ในที่นี้จะขอกล่าวถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ)
สำหรับท่านใดที่จะประสงค์ขอพรพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลกนั้น สิ่งของที่จะไหว้มีดังนี้
1.ดอกไม้ เป็นดอกบัวดีที่สุด
2.เทียนสีผึ้งแท้หนัก1บาท สองเล่ม
3.ธูปห้าดอก แทนพระพุทธเจ้า5พระองค์และคุณบิดามารดา
4.เครื่องบูชา หากจะบนบานศาลกล่าวให้ใช้ไข่ต้ม กี่ฟองก็ได้ตามศรัทธา
เมื่อจัดเครื่องบูชาแล้ว กลางคืนก่อนไปที่วัด(ในบ้าน) ให้ตั้งจิต กราบระลึกถึงพระคุณบุพการี... -
เหตุใดบางคนถึงเกิดมารวยล้นฟ้า และบางคนเกิดมายากจนเข็ญใจ
เหตุใดบางคนถึงเกิดมารวยล้นฟ้า และบางคนเกิดมายากจนเข็ญใจ
คลายความสงสัย ทำไมบางคนเกิดมารวย บางคนเกิดมาจน บางคนก็พอมีพอกินอยู่ได้ตามอัตภาพ ก่อนจะนำไปสู่หลักวิธีการ ขอทำความเข้าใจเรื่องคำถามที่ว่า ทำไมฟ้าช่างไม่ยุติธรรมบันดาลให้คนเรารวยจนแตกต่างกัน บางคนเกิดมาก็รวยล้นฟ้า บางคนก็เกิดมายากจนเข็ญใจแบบแทบจะไม่มีอะไรกิน
คนที่เกิดมาร่ำรวยนั้น มีเหตุให้รวยเพราะกรรมหรือการกระทำได้กำหนดเอาไว้ เช่นเดียวกับคนที่เกิดมายากจนก็เช่นเดียวกัน เพราะการกระทำกำหนดให้เป็นไป ตัวอย่างที่อยากจะกล่าวถึงเรื่องบุคคลที่ร่ำรวยมากๆ รวยมาตั้งแต่เกิดนั้นมีมากมาย ขอยกตัวอย่างบุคคลหนึ่งที่รวยแสนรวยและสามารถชี้มูลเหตุแห่งความรวยได้ชัดเจน นั่นก็คือ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
ท่านผู้นี้รวยแค่ไหน ก็ร่ำรวยขนาดมีเจ้าชายท้าให้เอาทองไปกองให้เต็มลานที่จะสร้างวัดได้เมื่อไหร่ก็จะยกพื้นที่นั้นให้สร้างวัด ท่านก็รับคำท้าจัดแจงเอาทองคำที่ท่านมองว่าเป็นเหมือนวัตถุธรรมดาไม่ต่างจากกระเบื้องมาปูให้เต็มลาน จนเจ้าชายต้องซูฮกยอมถอย ยกพื้นที่ให้สร้างวัด เพราะทึ่งในความศรัทธา
นี่คือ คนรวยระดับที่โลกต้องจารึก กาลเวลาผ่านไปกว่าสองพันห้าร้อยปี... -
เจาะลึก การสร้างบารมีแบบง่ายๆ
ในยุคปัจจุบัน การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น สนใจแต่วัตถุ เงินทอง ชื่อเสียง จะมีสักกี่คนที่สนใจสะสมบารมี ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นย่อมอยู่ในความประมาท เพราะกินบารมีเก่าอยู่ หากคุณยังไม่ทุกข์ ยากนักที่จะมาสนใจสิ่งเหล่านี้ การทำความดีกับความชั่วก็เหมือนกับการปลูกมะม่วง จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจ มองย้อนดูตัวเองอย่างแท้จริง
อย่ารอให้คุณทุกข์ ค่อยมาสะสมบารมี เพราะมะม่วงความดีที่คุณปลูก ไม่มีทางออกผลทันในช่วงปัจจุบันที่คุณต้องการส่วนใหญ่ผู้ที่เจริญในทางสว่างจะแบ่งเงินออกมา 10% ทำบุญกับพระพุทธศาสนาบ้าง ช่วยเหลือสังคม มูลนิธิบ้าง สะสมบารมีตลอดเวลา และสำหรับคนที่ไม่มีเงินก็สามารถสะสมบารมีได้เช่นกัน เนื้อหาอยู่ช่วงถัดไป
พื้นฐานของบุญหลักๆจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. จิตใจต้องบริสุทธิ์ เช่น ทำเพราะอยากช่วยเหลือสังคม พระพุทธศาสนา ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น เป็นต้น สำหรับผม ผมให้ เพราะอยากให้เขาได้สิ่งที่เราให้ไปได้สร้างบารมียิ่งๆขึ้นไป ปรารถนาให้พวกเขาได้สร้างสังคมที่ดีขึ้น หากคุณถวายวัด สิ่งของที่คุณถวายเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา อย่ามองว่าเล็กน้อย เพราะคนละน้อยย่อมมหาศาลได้ อย่าไปหวังในผลของบุญ... -
หลวงพ่อสุ่น สอน หลวงพ่อปาน "สะเดาะกุญแจ" เคล็ดวิชาแต่โบราณ เพื่อฝึกสมาธิขั้นต้น
หลวงพ่อสุ่น สอน หลวงพ่อปาน "สะเดาะกุญแจ" เคล็ดวิชาแต่โบราณ เพื่อฝึกสมาธิขั้นต้น
เมื่อครั้งที่หลวงพ่อปานได้บวชเรียนใหม่ๆ หลวงพ่อสุ่นก็เรียกเข้าไป หลวงพ่อปานก็เข้าไปกราบ หลวงพ่อสุ่นก็เอามือลูบหัวบอกว่า
“ปานเอ๊ย อยู่กับพ่อนะ จะได้ดีนะ นับตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นลูกของพ่อ เอาล่ะ”
ท่านหันไปบอกพ่อของท่าน “เอ็งน่ะกลับไปบ้านได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงไอ้เจ้าปาน มันเป็นลูกของข้าแล้ว”
“แล้วแกไม่ต้องห่วง เจ้าปานของข้ามันไม่สึก แล้วต่อไปน่ะข้ามีอะไรข้าจะถ่ายทอดให้มันทั้งหมด ไอ้นี่ข้ามองมาตั้งแต่เล็กแล้ว ตั้งแต่ ๔-๕ ขวบข้าก็มองๆ มา นึกว่าถ้าเจ้าปานนี่มันบวชก่อนข้าตายแล้ว ข้าจะต้องเอามาไว้ วิชาความรู้ของข้านี่ถ่ายทอดใครไม่ได้ ไม่มีใครรับเอาไปได้หมด ข้ามองมานานแล้วว่าเจ้าปานมันรับของข้าได้”
ท่านบอกว่า พอฟังเท่านั้นแหละ ปลื้มใจบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนที่หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอต้องการตัว เพราะเวลานั้นหลวงพ่อสุ่นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในสมัยนั้นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็มี หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล, หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ, หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน... -
อดีตชาติครูบาศรวิชัย ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!
อดีตชาติครูบาศรวิชัย ช้างป่าเลไลย์ อนาคตกาลข้างหน้าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า หลวงปู่ตื้อย้ำชัด!!!
หลวงปู่ตื้อ (อจลธมฺโม) เล่าให้ฟังว่า...
“ ครูบาศรีวิชัยท่านเทศน์น้อย แต่รู้จักความนึกคิดของผู้คน รู้ได้ใกล้ไกล เจริญแต่คาถาอิติปิโสฯ อยู่เป็นนิจ ทีแรกอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) จะสอนวิปัสสนากรรมฐานบอกอุบายธรรมให้ แต่เมื่อท่านเจ้าคุณพระอุปัชฌาย์ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ(จันทร์ สิริจันโท) ท่านให้พิจารณาจึงรู้ได้ว่า ยังไม่อาจที่จะบรรลุมรรคผลได้ แต่จักได้ด้วยตัวตนของครูบาเจ้าเอง เป็นอิติปิโสฯ ได้เอง ” (สำเร็จในพุทธภูมิโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
ครูบาศรีวิไชย เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ บำเพ็ญมาอย่างรวยอุตมลาภ ชาติชีวิตนี้ไปไหนมาไหน ก็มีผู้คนแห่แหนเอาเงินเอาปัจจัยทั้ง ๔ มาทำบุญให้ทาน ท่านก็เอาไปสร้างวัดได้หลายร้อยวัด ทั้งบูรณปฏิสังขรณ์และทำขึ้นมาใหม่ก่อสร้างร่างแปลน แต่เช้าจนค่ำคืน นั่งปันพรให้แก่ผู้เอาเงินมาให้ถวายทาน เทศน์ธรรมก็บอกแต่ว่า “ ให้สวดท่องอิติปิโส ” สอนผู้คนชาวบ้านให้ถือศาสนารักษาศีล ๕ ศีล ๘ สอนคนก็สอนจี้ลงไปที่ใจ
ท่านภาวนาเก่ง รู้ใจผู้คนหลายอย่าง... -
ทำบุญทั้งที เอาให้แผ่นดินสะเทือน ครูบาวงศ์เล่าไว้ มีคนทำได้จริง ไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็ทำได้
ทำบุญทั้งที เอาให้แผ่นดินสะเทือน ครูบาวงศ์เล่าไว้ มีคนทำได้จริง ไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็ทำได้
เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเมตตาธรรมจากครูบาวงศ์ หรือครูบาชัยยะวงศา พระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งของแผ่นดินธรรม ครูบาวงศ์ หรือท่านเป็นศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยตนบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน
ครูบาวงศ์ท่านมีเมตตามากโดยเฉพาะคนไทยและคนกระเหรี่ยงภาคเหนือตอนบนรู้จักท่านดี เรื่องที่ขอเมตตามาเล่าให้กำลังใจกันในวันนี้ชื่อเรื่องว่า
"ทำบุญ สอง สลึง ทำให้แผ่นดินไหว "
ในอดีตกาล ล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนย์อยู่ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนาจะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ ป่าวประกาศไปทั่ว บ้านเมืองเพื่อเชิญชวนให้ชาวเมืองได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้
ข่าวทราบถึง มหาเศรษฐี สองคนผัวเมีย มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองเกิดความศรัทธาปิติยินดี ในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจที่จะร่วมถวายทาน ผ้ากฐิน ตกกลางคืนมา สองผัวเมียก็มาคิดว่า ตัวเรานี้ มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลย ที่หามาด้วย น้ำพักน้ำแรงของตน มีแต่ใช้คนอื่นหามา มัน จะ เกิด อานิสงส์แก่เรามากไหมหนอ เมื่อคิดอย่างนั้น... -
อภิญญาทางจิตท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ "แสดงโดยตอบคำถามเรื่องพิธีสร้างพระโดยไม่รอให้เอ่ยพูดถามก่อน"
อภิญญาทางจิตท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ "แสดงโดยตอบคำถามเรื่องพิธีสร้างพระโดยไม่รอให้เอ่ยพูดถามก่อน"
จากบันทึกการเข้าพบท่านเจ้าคุณนรฯ ของพระอาจารย์ทองเจือ
ท่าน เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2512 ท่านได้ไปกราบนมัสการท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ เป็นครั้งแรกในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทร์ฯ เพื่อจะขออนุญาตสร้างพระพร้อมทั้งขอคำแนะนำในการสร้าง ซึ่งครั้งแรกที่ท่านพบท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ รู้สึกเคารพนับถือขึ้นมาทันที เพราะเห็นผิวพรรณอันผ่องใส ใบหน้าอิ่มเอิบมีสง่าราศีผิดแผกกับพระอื่น ๆ ที่ท่านเคยพบมา ท่านจึงนึกในใจว่าท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ คงจะสำเร็จญาณขั้นสูงสมกับที่เขาเล่าลือกันแน่ แต่จะสำเร็จญาณขั้นใดไม่อาจจะรู้แน่ ท่านนึกในใจต่อไปว่า ทำอย่างไรจึงจะทราบได้ว่า ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ สำเร็จญาณขั้นใด พอนึกในใจเสร็จ ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ ก็หันมามองหน้าแล้วพูดออกมาดัง ๆ ว่า
“อันกระแสจิตวิทยุหรือโทรทัศน์นั้น ผมได้ค้นพบมานานแล้ว และก็ได้สำเร็จมาหลายปีแล้ว” เมื่อได้ยินท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ พูดออกมาเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกซ่า มีความมหัศจรรย์ในใจอย่างยิ่ง จึงคิดว่าท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ คงรู้วาระจิตแน่ ๆ... -
สาธุ! ยอดพระคาถาบารมี 9 ชั้น ครูบาศรีวิชัย ทั้งแคล้วคลาดและเมตตาเป็นเลิศ แม้ถูกปองร้าย หาได้รับอันตรายไม่!!
สาธุ! ยอดพระคาถาบารมี 9 ชั้น ครูบาศรีวิชัย ทั้งแคล้วคลาดและเมตตาเป็นเลิศ แม้ถูกปองร้าย หาได้รับอันตรายไม่!!
ตำนานคาถาของครูบาศรีวิชัยเจ้า ต้นบุญ แห่งล้านนา เพื่อให้ท่านทราบถึงที่มาของคาถาบทนี้ ครั้งหนึ่ง......นานมาครูบาศรีวิชัยเจ้าออกเดินธุดงค์ในแถบภาคเหนือ.....ใน ระหว่างเดินทางผ่านโต้งนา (ทุ่งนา) แห่งหนึ่งก็ได้ไปปะ (ไปพบ) เถียงนา (ที่พักกลางนา) หลังหนึ่งที่ถูกไฟไหม้ แต่ไฟไหม้ไม่หมดเหลือส่วนหนึ่งตรงใจคา (ชายคา) ด้วยเหตุที่ไฟไหม้ไม่หมดจึงทำให้ครูบาศรีวิชัยเจ้าเดินเข้าไปดู ท่านก็ได้พบ กระดาษสาแผ่นหนึ่งซึ่งเขียนเป็นภาษาล้านนา เขียนว่า คาถาบารมีเก้าจั้น....ท่านจึงเกิดอัศจรรย์ใจ ท่านจึงนำมาใช้กับตัวท่านตลอดมา คาถาบารมีเก้าชั้นหรือคาถาเรียกบารมี 30 ทัดปกปักรักษาเวลากลางคำกลางคืนรวมถึงเรียกคุณพระแม่ธรณีและคุณทั้งปวงมาปก ปักรักษาให้รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตรายทั้งหลายทั้งปวง นี่ก็เป็นคาถาอีกบทหนึ่งที่นิยมใช้กันทางภาคเหนือ ปัจจุบันค่อยเลือนหายไปน้อยคนนักที่จะรู้จัก ส่วนมากจะพากันไปสวดไปท่อง คาถาบารมี 30 ทัด ซึ่งก็เป็นคาถาประจำตัวท่านครูบาศรีวิชัยเจ้าอีกบทหนึ่งเช่นกัน
พระคาถาบารมี ๙ ชั้น หรือ... -
"หนีกรรมด้วย พุทโธ" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"หนีกรรมด้วย พุทโธ"
" .. "การทำความดีเป็นการวิ่งหนีกรรม" แต่จะหนีพ้นหรือไม่พ้นก็อยู่ที่ "กรรมจะมีแรงวิ่งเร็วกว่าความดี หรือความดีจะมีแรงวิ่งเร็วกว่ากรรม"
"เราผู้มีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งเป็นสรณะ มีโอกาสจะทำความดีหนีกรรมได้มากกว่าผู้ไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งเป็นสรณะ" มีโอกาสจะทำความดีหนีกรรมได้มากกว่าผู้ไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นสรณะ
เพียงการอัญเชิญ "พระพุทโธ" ไว้ในใจให้สม่ำเสมอ อย่างมั่นใจในความประเสริฐสูงสุดหาที่เปรียบมิได้ของพระพุทโธ คือ "ของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง" เพียงเท่านี้แรงวิ่งหนีกรรมก็เร็วสุดแน่นอน
"อย่าละเลยสิ่งประเสริฐเลิศล้ำสูงสุด ที่ควรเป็นของเรา ผู้มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเป็นอันขาด" จะได้มีทางหนีพ้นกรรม กรรมที่กลัวกันหนักหนา "โดยไม่รู้ว่าสามารถหนีพ้นมือกรรมได้ ด้วยพระพุทโธ"
"พระพุทโธ พาพ้นกรรมได้จริง" อย่างน้อยก็ทำให้กรรมคว้าแม้ปลายผมเราไว้ไม่ได้ อาจจะเพียงมีแรงเร็วไล่ประชิดเราอยู่ "แต่พระพุทโธที่ไม่พ้นจากใจเราจะทำให้กรรมคว้าผิดคว้าถูก" ไม่อาจฉุดกระจากลากเราเข้าไปบดขยี้ให้สาสมกับความอาฆาตพยาบาทได้ง่าย ๆ แน่นอน .. "
แสงส่องใจ ส.ค.ส.... -
เคล็ดอธิษฐานในการปล่อยปลา ปล่อยเต่า หรือสัตว์น้ำ (หลวงปุ่ขวัญ ปวโร พิจิตร)
เคล็ดอธิษฐานในการปล่อยปลา ปล่อยเต่า หรือสัตว์น้ำ (หลวงปุ่ขวัญ ปวโร พิจิตร)
สำหรับวันนี้ ผมมีเคล็ดแนะนำ ในเรื่องเคล็ดการปล่อยปลา หรือ สัตว์น้ำ สะเดาะเคราะห์ เพื่อทำแล้วให้ได้ผลทำแล้วดีจริง ผมเคยลองกับตัวได้ผลจริงเลยทีเดียว โดยเคล็ดนี้หลวงปู่ขวัญ ปวโร พิจิตร ท่านเคยแนะนำให้แม่ผมทำช่วงที่ชะตาขาดทำแล้วก็สามารถเจริญอายุมาได้ ต้องขอบคุณเคล็ด จากหลวงปู่ขวัญปวโร ที่ผมได้ขออนุญาต คัดลอกมา และนำมาฝากทุกท่านครับ
ควรจะซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า จะดีที่สุด และถ้าเลือกปลา ให้เลือกปลาที่มีไข่ เช่นปลาช่อน หรือปลาอะไรก็ได้ เพราะเท่ากับทำบุญมากๆในคราวเดียว การเลือกซื้อปลาควรไปเลือกในตลาดสด ที่เราเห็นมีเขียงอยู่ด้วย จะได้กุศลแรง อย่าไปซื้อจากพวกที่นำมาขายเพื่อปล่อยเป็นอาชีพ ก่อนที่จะปล่อยให้เอาน้ำมา 1ถ้วยเทลงไปในถังที่ใส่สัตว์ที่จะปล่อย แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า
นโมสามจบ
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ พุทโธ กรรมฐาโม กรรมะ จุติ สัมพุทโธ (๙จบ)
ข้าพเจ้าชื่อ...............นามสกุล...............เกิดวันที่........เดือน......พ.ศ. ..........อายุ ..........ปี ได้ปล่อยสัตว์..........จำนวน..............ตัว... -
อยากเป็นสุขสบายในทุกเวลา ให้แผ่เมตตาและละบาปกรรม คือรักษาศีลให้ดีที่สุด
อยากเป็นสุขสบายในทุกเวลา ให้แผ่เมตตาและละบาปกรรม คือรักษาศีลให้ดีที่สุด
"ผู้ละกิเลสละบาปกรรมได้แล้ว ย่อมนอนหลับสบายทุกเมื่อ"
พุทธวจนะนี้กล่าวแด่สุทัตตะ หรือ อนาถบิณฑิกเศรษฐีในคราวที่พระพุทธองค์ได้พบกับสุทัตตะเป็นครั้งแรก
แต่เดิมสุทัตตะก็ดำรงชีวิตอยู่ในกรุงสาวัตถี โดยมิได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการเกิดขึ้นแห่งพระพุทธศาสนาเลย จวบจนวันหนึ่งท่านได้นำสินค้ามาขายยังเมืองราชคฤห์ และได้เข้าพักในบ้านของราชคหกเศรษฐีตามปกติ
แต่ในวันนั้น เป็นวันที่ราชคหกเศรษฐี ได้กราบทูล อาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมากมายและฉันภัตตาหารที่เรือนของตนในวันรุ่งขึ้น
ราชคหกเศรษฐี มัวยุ่งอยู่กับการสั่งงานแก่ข้าทาสบริวาร จึงไม่มีเวลามาปฏิสันถาร ต้อนรับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเหมือนเช่นเคย เพียงแต่ได้ทักทายปราศัยเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็สั่งงานต่อไปแม้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็เกิดความสงสัยขึ้นเช่นกัน จึงคิดอยู่ในใจว่า
“ราชคหกเศรษฐี คงจะมีงานบูชาใหญ่ หรือไม่ก็คงจะกราบทูลเชิญพระเจ้าพิมพิสารเสด็จมายังเรือนของตนในวันพรุ่งนี้เป็นแน่แท้”
เมื่อการสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ราชคหกเศรษฐี... -
30 ความมหัศจรรย์!!! ถ้าปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง จะเกิดสิ่งต่อไปนี้
1. โกรธน้อยลง เห็นความโกรธเร็วขึ้น
2. เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ตัดสินถูกผิดน้อยลง
3. เห็นความเลวของตนมากขึ้น เห็นความดีของผู้อื่นมากขึ้น
4. รับฟังมากขึ้น อยากอวดภูมิรู้น้อยลง
5. ไม่อยากโกหก หลีกเหลี่ยงการนินทา พูดน้อยลง
6. แสวงหาความสุขแบบกามคุณน้อยลง กิน ดื่ม เที่ยว ต้องการสุขแบบโลกๆ น้อยลง
7. มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น
8. ใช้เงินเพื่อตนเองน้อยลง เพราะความต้องการน้อยลง
9. สนใจฟังเรื่องละกิเลส ไม่ค่อยสนใจเรื่องเพิ่มกิเลส
10. ไม่จุกจิกจู้จี้ ไม่ขี้บ่น ไม่คิดมาก
11. ละอายใจเมื่อคิดชั่ว เมตตามากขึ้น คิดถึงส่วนร่วมมากขึ้น
12. รักษาข้าวของเครื่องใช้มากขึ้น แต่ไม่หวงแหน
13. ยึดในตัวผู้อื่นน้อยลง ต้องการความเข้าใจน้อยลง เป็นอิสระจากผู้อื่นมากขึ้น
14. หลับสบาย ไม่ค่อยฝัน ควบคุมเวลาตื่นนอนได้ดังใจ
15. ไม่เห็นสิ่งต่างๆ เป็นบวกหรือลบ เห็นเพียงความธรรมดาของโลก
16. คลุกคลีกับหมู่คณะตามกาลเทศะ ไม่คลุกคลีตามอำเภอใจ สนใจสำรวจความเลวของตนเอง
17. รับรู้ความงามจากธรรมชาติได้มากขึ้น รักต้นไม้มากขึ้น
18. ไม่อยากสะสมอะไร มีของเท่าที่จำเป็น
19.... -
การสร้างพระเจดีย์ก็ดี จะได้บุญอย่างไร หลวงพ่อดาบส สุมโน
การสร้างพระเจดีย์ พระบรมธาตุนั้นไถ่ถอนจากบาปได้ และเป็นบุญอันสูงสุดในโลกนี้ เป็นบุญเพื่อไปสู่สุคติ สวรรค์ นิพพาน
หลวงปู่ดาบส สุมโน
การสร้างพระเจดีย์ก็ดี ผู้ร่วมสร้างพระเจดีย์ก็ดี หรือผู้มีส่วนในการสร้างพระเจดีย์ก็ดี จะได้บุญอย่างไร หรือเกิดบุญอย่างไร ศรัทธาญาติโยมท่านผู้ฟังทั้งหลาย การสร้างการร่วมสร้าง หรือมีส่วนในการสร้าง อันนี้เป็นบุญที่หาได้ยาก เป็นบุญที่หาได้ยากก็เพราะว่า เป็นบุญอันยิ่งใหญ่นั่นเอง กล่าวง่ายๆก็คือการสร้างพระเจดีย์นั้น ไม่อาจที่จะสร้างได้ทุกปี หรือตลอดทั่วไป ไม่เหมือนกับการทำทานอย่างอื่นๆ การทำทานอย่างอื่นๆก็ทำได้ทุกปี ทุกเดือน ทุกวัน หรือไม่เลือกโอกาส แต่การสร้างพระเจดีย์ ไม่อาจทำได้ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แม้ชีวิตหนึ่งบางคน เกิดมาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้สร้าง หรือมีส่วนที่จะประดิษฐาน ไว้เหนือแผ่นดินนี้ได้ สมัยก่อนมีผู้สร้าง อย่างพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างพระเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ ท่านพระเจ้าอโศกนั้นก็รู้ว่า เป็นการสร้างเพื่อสืบพระศาสนา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พระพุทธศาสนาอยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ก็เพราะฉนั้น ผู้สร้างพระเจดีย์จึงเท่ากับว่า... -
ทำบุญ ทำทานร่วมกัน หนุนให้พบเนื้อคู่ ชีวิตคู่ ครอบครัวดีตลอดไป...
ทำบุญ ทำทานร่วมกัน
หนุนให้พบเนื้อคู่ ชีวิตคู่
ครอบครัวดีตลอดไป...
หากไม่มีบุญวาสนาเกื้อหนุนกัน ไฉนเลยจะได้ครองคู่กัน
มูลเหตุแห่งการครองคู่พระพุทธองค์ตรัสว่าเกิดขึ้นด้วยสองเหตุคือ
1. การทำบุญร่วมกันมาก่อน
2. การได้ร่วมสร้างบุญต่อกันในปัจจุบัน
หากไมมีบุญวาสนาหนุนนำแล้วไฉนเลยจะได้ครองคู่กันได้ อนึ่งการจะครองคู่กันได้ต้องอาศัยองค์ 4 ประการ
ศรัทธาเสมอกัน
ศีลเสมอกัน
เสียสละเสมอกัน
ปัญญาเสมอกัน
"การที่พระนางพิมพามีจิตเสน่หาต่อเรานั้น เป็นเพราะบุญบารมีที่เคยสร้างร่วมกันมานับเนื่องแต่อดีตชาติ..."
พระพุทธองค์หลังจากโปรดพระบิดาและข้าราชบริพารแล้วก็ทรงทราบว่า มีอยู่ผู้หนึ่งที่ไม่ได้ลงมาเข้าเฝ้าเลยก็คือ พระนางยโสธราพิมพา พระพุทธองค์ได้เสด็จไปยังตำหนักแห่งพระนางพิมพา โดยมีพระเจ้าสุทโธธนะ พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะตามเสด็จ
"ดูก่อน สารีบุตรและโมคคัลลานะ หากพระนางพิมพาแสดงกิริยาใดๆ แม้ว่าเธอจะสัมผัสต้องกายเรา ขอให้ท่านทั้งสองจงอย่าได้ห้ามปรามพระนางเลย"
"หากว่าท่านทั้งสองห้ามปรามพระนางเสียแล้วนางจะอกแตกตาย เพราะ พระนางนั้นมิได้ทำบุญด้วยตนเองเลย... -
"ทาน ศีล ภาวนา" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ทาน ศีล ภาวนา"
" .. ผู้ทั้งให้ทานด้วย ทั้งรักษาศีลด้วย ย่อมเป็นผู้สร้างคุณงามความดีความร่มเย็นไว้แก่ตนโดยสม่ำเสมอ "คนมีศีลมีธรรมไปที่ไหน ไม่มีใครรังเกียจ" มีแต่ผู้รักผู้ชอบใจผู้เทิดทูนผู้เคารพนับถือ
ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าคนจนคนรวยคนโง่คนฉลาดคนมั่งมีศรีสุขขนาดไหนประการใด "ขอให้มีศีลอยู่ภายในกาย วาจา ใจของตนเถิด" ผู้นั้นเป็นผู้มีทรัพย์สมบัติภายในอันสำคัญติดตัว "ไปที่ไหนสวยงาม มีแต่คนอยากคบค้าสมาคมไม่มีใครรังเกียจ"
ที่กล่าวไว้เบื้องต้นว่า "ทานํ เทติ" คนใจบุญย่อมหนักแน่นในทาน ย่อมหนักแน่นในการรักษาศีล "ย่อมสนใจใคร่ต่อการภาวนารักษาจิตใจของตนให้สงบร่มเย็น" ใจที่มีความสงบ ย่อมเป็นใจที่มีความสุขและผ่องใสอยู่ภายใน
ผลแห่งการปฏิบัติธรรมทั้ง ๓ ประการนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญท่านว่า
- "เอกจฺโจ สคฺคํ คจฺฉติ" บางพวกย่อมไปสวรรค์
- "เอกจฺโจ โมกฺขํ คจฺฉติ" บางพวกย่อมก้าวขึ้นสู่นิพพาน
- "นิสฺสํสยํ" โดยไม่ต้องสงสัย .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2150&CatID=2 -
พระสีวลี และ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ)
หลวงปู่พระสีวลีท่านบอกหลวงพ่อว่า คุณ! คุณนี่เคยเป็นลูกฉันมาหลายสิบชาติและหลวงพ่อขนมจีนด้วยก็เคยเป็นลูกมาเหมือนกัน เป็นน้องคุณ
สมเด็จฯท่านนั่งอยู่ด้วยท่านก็บอกว่า
.สีวลีเป็นพระที่มีลาภมากในสมัยตถาคต เธอเอาพระธาตุมาให้ลูกหลานบูชานั้นสมควร รวมกับลาภสักการะของเธอที่บำเพ็ญบารมีมาในด้านของทานบารมี อันนี้จะช่วยลูกหลานได้มาก..."
".อันนี้ก็ต้องไม่ลืมลาภพระพุทธเจ้าด้วย ก่อนที่จะว่าก็ต้องตั้งนะโมก่อน แล้วก็ว่าอิติปิโส ไปจนจบ นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระสีวลี ก็ขอลาภท่านไม่ขอมาก...อยากมีเครื่องบินขอให้มีได้รึไง?..(ขอแต่พอควร)
.พระพุทธเจ้าเลยบอกว่า " พระสีวลีเขามีลาภมาก ลูกหลานของเธอก็มาก ลูกหลานของเธอคือลูกหลานของฉัน(ก็ถือเป็นลูกท่านทุกคนเพราะคำว่า "สาวก" ก็ถือเป็นลูก) เวลานี้ก็เครียดกันมาก เอาพระธาตุของพระสีวลีตั้งไว้ให้บูชาก็แล้วกันนะ.."
"..เคยถามพระสีวลีท่าน อนุญาตไหม.?
"ท่านบอกว่าท่านเห็นชอบด้วย"
". เลยให้ฉันแบ่งไว้องค์ วันนี้ขึ้นไปท่านบอก
"คุณหยิบองค์นี้ไว้ซี" พระมหากัจจายนะบอก "อันนี้พระธาตุของฉันเธอหยิบเอาไว้เอาเก็บใส่กระเป๋า"
.เพราะที่กระเป๋าของฉัน ฉันใส่พระ (หลวงพ่อ)บอก... -
เปิดตำนาน!! "เซียนแป๊ะโค้ว ผู้ศักดิ์สิทธิ์" แห่งหัวตะเข้ ละสังขารในท่านั่งสมาธิ สรีระไม่เน่าเปื่อย!!
เปิดตำนาน!! "เซียนแป๊ะโค้ว ผู้ศักดิ์สิทธิ์" แห่งหัวตะเข้ ละสังขารในท่านั่งสมาธิ สรีระไม่เน่าเปื่อย!!
เซียนแป๊ะโค้ว ผู้พ่ายรัก แห่งหัวตะเข้
บางครั้งคนเรา จะเจอเรื่องผิดหวังอย่างรุนแรง หรือกิจการแล้วล้มละลาย แต่ถ้าเราไม่ยอมท้อต่อชีวิต ไม่คิดสั้นหรือทำร้ายตัวเอง อาจจะเจอสิ่งที่ดีกว่า ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคยเป็นอีก ดังเรื่องเซียนแป๊ะโค้ว ผู้พ่ายรัก ท่านถูกโชคชะตาเล่นงานแบบสาหัสสากรรฉ์ ถ้าท่านไม่เข้มแข็ง ไม่ฆ่าตัวตาย ชีวิตก็คงอับปางไม่เหลือชิ้นดี
เซียนแป๊ะโค้ว เดิมท่านชื่อเอียะฮง แซ่เล้า เป็นหนุ่มซินตึ๊ง มาจากเมืองจีน หวังมาหาความเจริญที่เมืองไทย เมื่อแรก มาอยู่เมืองไทย ได้มาทำงาน เป็นเด็กฝึกงาน ที่ร้านแถวเยาวราช เนื่องด้วยท่านเป็นคนฉลาดขยันขันแข็งได้ไต่เต้าจนได้เป็นหลงจู๊(ผู้จัดการ)ของร้าน
ตอนหลังท่านพิจารณาว่า การกินเงินเดือน เป็นมนุษย์เงินเดือน มั่นคงดีแต่รวยช้า ท่านจึงคิดไปทำสวนผลไม้ เพราะสมัยนั้นคนทำสวนยังมีน้อย จึงขอลาออกจากเถ้าแก่ ตอนแรกเถ้าแก่ก็ไม่ยอม แต่พอเห็นว่าทัดทานยังไงก็ไม่ได้ จึงได้มอบเงินให้ก้อนหนึ่งไปลงทุน... -
"ปลง คือวางลงอย่าแบกมัน" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
"ปลง คือวางลงอย่าแบกมัน"
" .. คำที่ว่า "ปลง" นั้นก็คือ "วางลง อย่าไปหอบไว้ อย่าไปหิ้วมันไว้ อย่าไปแบกมันไว้" สังขารคือร่างกายนี้ให้โยมยอมรับเสียว่า "สังขารร่างกายนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยังไง ๆ ก็ตามมันเถอะ" เราก็ได้อาศัยสกลร่างกายนี้มาตั้งแต่กำเนิดเกิดขึ้นมาก็พอแล้ว จนถึงเฒ่าชแลแก่ชราบัดนี้
เหมือนเปรียบประหนึ่งว่า "เครื่องใช้ไม้สอยของเราต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเราเก็บกำไว้นมนานมาแล้ว" เช่น ถ้วยโถโอจาน บ้านช่องของเรานี้ "เบื้องแรกมันก็สดใสใหม่สะอาดดี เมื่อเราใช้มันมาตลอดกาลนาน บัดนี้สิ่งทั้งหลายนั้นมันก็ทรุดไปโทรมไป" บางวัตถุก็แตกไปบ้าง หายไปบ้าง "ชิ้นที่มันเหลืออยู่นี้ก็แปรไปเปลี่ยนไป ไม่คงที่" มันก็เป็นอย่างนั้น .. "
"บ้านที่แท้จริง"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
ช็อคสุดขีด!!! ประสบการณ์จริง!จากศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยไหม...ลบหลู่โดยไม่ตั้งใจ!!! ผมยาว หน้าถมึงทึงออกมาจากป่า ถ้าไม่ขอขมามีแววจะไม่รอด
ช็อคสุดขีด!!! ประสบการณ์จริง!จากศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยไหม...ลบหลู่โดยไม่ตั้งใจ!!! ผมยาว หน้าถมึงทึงออกมาจากป่า ถ้าไม่ขอขมามีแววจะไม่รอด
เรื่องราวดังกล่าวนี้ ได้รับการเปิดเผยจากประสบการณ์ตรงของ “พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ” เจ้าอาวาส วัดท่าขนุน กาญจนบุรี ท่านเป็นศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สมัยที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยังอยู่ ท่านเป็นพระลูกวัด ในวัดท่าซุง อุทัยธานี
โดยพระอาจารย์เล็กได้เล่าเรื่องในช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เคยได้พบความยากลำบากในการฝึกทหาร จนวันหนึ่งเจอดีเข้า ทั้งนี้ได้ตัดบางช่วงตอนมาให้อ่านกัน
ความทุกข์สาหัสทั้งกายทั้งใจของการฝึกทหาร ไม่ได้หนึ่งในร้อยของการบวชพระ ที่มีเงื่อนไขว่า “ต้องเอาดีให้ได้” จะไม่เอาดีก็ไม่มีใครว่า ไฟนรกลุกท่วมฟ้ารอท่านอยู่ ไม่ต้องไปเลือกให้เสียเวลา “อเวจีมหานรก” คือที่ไป...
อาตมาถูกส่งไปเปลี่ยนกำลังพล ที่พื้นที่ชายแดนสามอำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี คือวัฒนานคร อรัญประเทศ และตาพระยา หลังเหตุการณ์ที่บ้านโนนหมากมุ่นจบลงใหม่ ๆ มีการปะทะใหญ่ ๆ ย่อย ๆ เกือบสามสิบครั้ง สูญเสียเพื่อนรักและเจ้านายไป ๒๖ คน...... -
เรียนกรรมฐานด้วยการสื่อจิต! เมื่อหลวงปู่ดู่นิมิตเห็นหลวงปู่เฒ่าร่างใหญ่ เรื่องยืนยันสายสัมพันธ์หลวงปู่ดู่กับหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
เรียนกรรมฐานด้วยการสื่อจิต! เมื่อหลวงปู่ดู่นิมิตเห็นหลวงปู่เฒ่าร่างใหญ่ เรื่องยืนยันสายสัมพันธ์หลวงปู่ดู่กับหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
เรื่องราวของหลวงปู่ดู่ และหลวงปู่ทวดนั้น ผูกพัน เชื่อมโยงกันอย่างแปลกประหลาด จนบรรดาลูกศิษย์และครูบาอาจารย์ผู้เป็นสหธรรมิก ต่างได้พบประสบการณ์ส่วนตัวที่แตกต่างกันไป ซึ่งสรุปรวมตรงกันว่า “หลวงปู่ดู่ ท่านเป็นอีกภาคหนึ่งของหลวงปู่ทวด” บ้างก็เชื่อว่า “หลวงปู่ดู่ คือหลวงปู่ทวดกลับชาติมาเกิด”
แม้แต่ตัวหลวงปู่ดู่ท่านเอง ก็ยังมีเรื่องเล่าที่ได้บันทึกไว้เช่นกัน...ดังความว่า
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ดู่นิมิตได้นิมิตว่า มีพระผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ผิวดำมาหา แล้วบอกว่าถ้าอยากได้ของดีให้หา “ภูติพระพุทธเจ้า” ให้พบ จากนั้นท่านก็เขียนยันต์ลงในธง ๓ ผืน จากนั้นท่านเอามือตบลงไปปรากฏว่าธง ๓ ผืนที่ท่านเขียนยันต์เมื่อครู่ลอยขึ้นไปบนฟ้าเป็นอัศจรรย์ อีกครั้งหนึ่งได้นิมิตว่าหลวงปู่ผู้เฒ่าท่านนี้เอาคัมภีร์ใบลานแบกมาบอกว่าจะเอาให้ท่านฉัน หลวงปู่ดู่ตอบไปในความฝันว่าจะฉันลงไปได้อย่างไร พระผู้เฒ่ารูปนั้นเลยเอาใบลานมาเผาไฟเพื่อให้ท่านฉัน... -
ประโยชน์สูงสุดของการทำวัตรสวดมนต์
ถาม : ชอบภาวนามากกว่าสวดมนต์ทำวัตร ?
ตอบ : การสวดมนต์ทำวัตร ถึงเราจะชอบภาวนาก็ตาม ให้พยายามทำวัตรสวดมนต์ไว้ เพราะว่าการภาวนานั้น จิตใจของเราอาจจะฟุ้งซ่านไม่ทรงตัวก็ได้ การสวดมนต์ทำวัตรจริง ๆ แล้วถ้าเราทำเป็น ก็คือ การทำสมาธิ อีกอย่างหนึ่ง ถ้ากำลังใจเราเฮงซวยห่วยแตกจริง ๆ ตอนนั้นจะคิดชั่วอย่างไรก็ตาม เราก็จะพูดชั่วไม่ได้ เพราะสวดมนต์อยู่ จะทำชั่วไม่ได้ เพราะนั่งอยู่ต่อหน้าพระ อย่างน้อย ๆ ความเลว ๓ อย่างโดนตัดไป ๒ อย่างแล้ว
เพราะฉะนั้น ..หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้สั่งพระของท่านว่า ให้สวดมนต์ทำวัตรทุกวันอย่าให้ขาด ถ้าหากว่าทำเป็น การสวดมนต์ทำวัตรสามารถสร้างเป็นทิพจักขุญาณได้ เข้าฌานเข้าสมาบัติได้ ไปพระนิพพานได้ง่ายนิดเดียว
ถ้าจะทำเป็นทิพจักขุญาณก็ให้นึกถึงตัวหนังสือที่เราสวดมนต์ "อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ฯลฯ" ขึ้นมาทีละตัวเลย เห็นตัวหนังสือชัดเจนแค่ไหน ทิพจักขุญาณของเราก็ชัดแค่นั้น จะไปพระนิพพานก็ขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานเลย ตั้งใจสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชาอยู่ตรงนั้น
ตราบใดที่จิตยังมีงานทำ จิตก็จะไม่เคลื่อนไปจากจุดนั้น เราสวดได้นานเท่าไรเ... -
ปรับกำลังใจให้เท่ากันในการตอบคำถาม
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนมาน้อย ๆ ประมาณ ๑๐-๒๐ คนกำลังดี ถ้าคนเยอะ ๆ แล้วคนนั้นเรื่องหนึ่งคนนี้เรื่องหนึ่งแล้ว ทำให้่ปรับอารมณ์ไม่ทัน เพราะแต่ละคนกำลังใจไม่เท่ากัน ถ้าอาตมาไม่ลดกำลังใจลงไปให้เท่าเขา หรือไม่เพิ่มกำลังใจขึ้นไปให้เท่าเขา ก็จะไม่เข้าใจเรื่องนั้น ถ้าลดเพิ่มเท่ากันก็สามารถตอบปัญหาได้ เพราะจะเข้าใจว่าอารมณ์ของเขาตอนนั้นว่าเป็นอย่างไร
ตรงจุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่ว่า ถ้าหากไม่มีความคล่องตัวจริง ๆ แล้วมานั่งอยู่ในสถานะผู้ตอบคำถามเดี๋ยวจะยุ่ง เจอคนถามคำถามงี่เง่ามาก ๆ เข้า จะเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมาอีก ถ้าหากว่าโกรธขึ้นมาก็ยุ่งเลย"
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
วิธีฝึกเจริญกรรมฐานด้วยตัวเอง แบบง่ายๆสำหรับฆราวาสที่ต้องทำมาหากิ
วิธีฝึกเจริญกรรมฐานด้วยตัวเอง แบบง่ายๆสำหรับฆราวาสที่ต้องทำมาหากิน
" เอาอย่างนี่นะ ทุกวันถ้าเวลาของเรามีน้อย
ก็ใช้เวลาก่อนจะหลับเมื่อศีรษะถึงหมอน
นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ
นี่สำหรับท่านที่ไม่ได้มโนมยิทธินะ
พวกที่ได้มโนมยิทธินี่เขาได้กำไรมาก
นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ
คิดว่าองค์นี้คือพระพุทธเจ้า แล้วก็ภาวนาว่า " พุท โธ "
หายใจเข้านึกว่า " พุท "หายใจออกนึกว่า " โธ "สัก ๒ - ๓ ครั้งก็ได้
ตามความพอใจ มากก็ได้น้อยก็ได้แล้วก็หลับไป
พอตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ ก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอีก แล้วก็ภาวนาว่า
" พุท โธ " อีก ทำอย่างนี้ทุกวัน
จนกระทั่งถึงวันไหนถ้าเราไม่มีโอกาสจะทำ วันนั้นรำคาญต้องทำ วิธีทำก็ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธิก็ได้ กลางวันทั้งวันเราเหนื่อยยากในการงานมากก็นอนเวลาจะนอนก็กราบหมอนสัก ๓ ครั้งนึกกราบพระพุทธเจ้า กราบพระธรรม กราบพระอริยสงส์ หลังจากนั้นเมื่อหัวถึงหมอนก็นอนภาวนา " พุท โธ "ทำอย่างนี้เพียงแค่ ๒ - ๓ ครั้ง แล้วก็หลับ
แล้วตื่นขึ้นมาใหม่เอาอีกแหละ เอาแบบนี้ จนกระทั่งมีอาการชิน วันไหนถ้าไม่ได้ภาวนา " พุท โธ "วันนั้นรำคาญไม่สบายใจ ไม่ได้ ต้องภาวนา...
หน้า 390 ของ 411