คลังเรื่องเด่น
-
อาจาริยบูชาคุณ 103ปี หลวงปู่บุญฤทธิ์
วันนี้วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๑๐๓ ปี ท่านเป็นศิษย์กรรมฐานของพระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน ท่านพ่อลี ธมฺมธโร และออกป่าติดตามหลวงปู่ชอบ ฐานสโม นานถึง ๙ ปี
หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต มีนามเดิมว่า บุญฤทธิ์ จันทรสมบูรณ์ เป็นบุตรชายของหลวงพินิจจินเภท และคุณแส ท่านเกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.๒๔๕๗ ตรงกับปีเถาะ ณ บ้านท่าอิฐ ต.ท่าอิฐ อ.พิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์
◎ เห็นหลวงปู่ชอบครั้งแรก
ท่านพระอาจารย์บุญฤทธิ์ ท่านสละชีวิตราชการตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น นำตัวเข้าบวช ณ วัดศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เมื่อบวชแล้วท่านก็แสวงหาครูอาจารย์ผู้สอนกรรมฐาน
“อาตมาเคยเห็นพระธุดงค์แบกกลดบริขาร เดินไปอย่างสงบ มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ทั้งสายตาและกิริยาที่เดินจึงทำให้เห็นภาพประทับใจ
ต่อมาเมื่อได้บวชแล้วได้ ๓ พรรษา อาตมาก็เดินทางขึ้นภาคเหนือ ไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปี พ.ศ. ๒๔๙๓ หลังจากถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แล้ว
ตอนไปภาคเหนือนั้น อาตมาอยากจะออกป่าเดินธุดงค์เหลือเกิน ได้ยินพระรุ่นพี่ท่านเล่าอย่างนั้น... -
วิธีกราบพระที่ได้อานิสงส์มาก
ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง วิธีที่จะกราบพระให้ถูกต้องตามแบบฉบับ เพื่อจะมีอานิสงส์มาก ๆ นั้น จะต้องกราบแบบไหน ขอแบบฉบับวัดท่าซุง เป็นตัวอย่างด้วย เจ้าค่ะ.
หลวงพ่อฯ : ให้กราบด้วยความเคารพอย่างเดียวพอ ให้จิตเคารพนะ.. ก่อนที่จะกราบพระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธรูปก่อน.. กราบครั้งที่ ๒ กราบพระธรรม นึกถึงดอกมะลิแก้ว ให้ไหลจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า ลงหัวเรา.. กราบครั้งที่ ๓ นึกถึงพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่ง ที่เราเคารพ พอ.. เอาใจสำคัญ กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์.. ถ้าไม่เคารพ ไม่มีความหมาย..."
หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระ วัดท่าซุง อุทัยธานี
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม เล่มที่ ๑๐ หน้าที่ ๕๘ -
บรรเทาอารมณ์กลุ้มของจิตเพื่อฝึกทำสมาธิ
บรรเทาอารมณ์กลุ้มของจิตเพื่อฝึกทำสมาธิ
วิธีสอนของท่านมีผล 2 ทาง คือ อารมณ์คิดหรือใคร่ครวญ เป็นการปล่อยเรือให้ไหลไปตามกระแสน้ำก่อน คือไม่เอาเรือขวางแม่น้ำเชี่ยว ทั้งนี้ เพราะจิตมีความสัมพันธ์กับความคิด ที่ไม่มีขอบเขตมาแล้วหลายแสนกัป คิดเป็นชาติเกิดก็หลายล้านชาติ ทุกชาติที่เกิดมันคิดตามอารมณ์ของมัน ไม่มีใครห้ามปรามมัน มันมีอิสระในความคิด ตอนนี้เราเกิดจะห้ามมันคิด เอะอะก็ห้ามกันเลยมันจะไหวหรือ
อันดับแรก ท่านให้คิดก่อน แต่หาเรื่องให้คิดในมุมกลับ คือ คิดตัด คิดระงับ แต่ก็ไม่ตัด ไม่ระงับทันทีทันใด เช่น คิดถึงรูป มันก็ต้องมองความสวยกันก่อน
เมื่อจะระงับ อารมณ์ที่ติดในความสวย คราวนี้ต้องแก้ผ้าคนสวยกัน เมื่อแก้ผ้าแล้ว ยังเห็นว่าสวย ก็ต้องผ่าท้องกัน เอาตับไตไส้ปอดออกมาดู คราวนี้จะมีอะไรสวย มันก็หมดเรื่องกัน เมื่อหาเรื่องให้คิด คิดพอมีอารมณ์สบาย แม้ไม่มีโอกาสเที่ยวไกลนักแต่ยังมีโอกาสเที่ยว อารมณ์กลุ้มก็บรรเทา อันนี้เป็นวิธีบรรเทาอารมณ์กลุ้มของจิต
อันดับที่ 2 เมื่อใคร่ครวญตามนั้น ก็เกิดอารมณ์เบื่อ ในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส หมดความสงสัย เพราะเห็นจริงกับความจริงที่มองเห็น... -
คนเราพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! ญาณระลึกชาติของหลวงปู่สาย! เล่าถึงความสัมพันธ์กับหลวงตามหาบัว เคยพบกันมาแล้วถึง 9 ชาติ
คนเราพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! ญาณระลึกชาติของหลวงปู่สาย! เล่าถึงความสัมพันธ์กับหลวงตามหาบัว เคยพบกันมาแล้วถึง 9 ชาติ
"หลวงปู่สาย เขมธัมโม" แห่งวัดป่าพรหมวิหาร จังหวัดหนองบัวลำภู มักจะเล่าธรรมะเกี่ยวกับเรื่อง "ภพชาติ" ให้ลูกหลานฟังเพื่อให้กลัวภัยในการเกิด และสอนว่า การที่คนเราประสบพอเจอกันนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หลวงปู่สาย เขมธัมโม
ครั้งหนึ่ง หลวงปู่สายเล่าว่า
"คนเราเกิดมาไม่ใช่เพิ่งจะมาเจอกันเลยนะ
มันต้องเคยพบเคยเจอกันมา...ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง
คือเรามานั่งฟังหลวงปู่อยู่นี่ มันต้องเคยเกิดร่วมกันมาก่อน
บางคนเคยเกิดเป็นสามีภรรยา เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เคยเป็นครูบาอาจารย์กันมาก่อนนะ ... ถึงจะมาเจอกันได้
อย่างหลวงปู่นี่ก็เคยสงสัยนะ...กับอาจารย์มหาบัว หลวงปู่มหาบัวนี่ (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เป็นอะไรถึงได้มาเป็นอาจารย์ ... ก็เลยกำหนดถามไป"
"มีเสียง (ธรรม) ตอบมาว่า ชาตินี้เป็นชาติที่ ๙ แล้ว ... จะไม่มีชาติต่อไปอีก"!!
"โอ้! มันไม่ใช่นะธรรมดานะ...ภพชาติ เพราะฉะนั้นเราต้องทำความดีไว้"
ข่าว : ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)
ที่มา : Facebook - วัดป่าพรหมวิหาร... -
ไขปริศนาเด็กระลึกชาติ!!! เจ้าชายน้อยหลานกษัตริย์จิ๊กมี 3ขวบ ระลึกชาติได้...กับข้อข้องใจ ทำไมการระลึกชาติถึงเกิดขึ้นในวัยเด็ก?
ไขปริศนาเด็กระลึกชาติ!!! เจ้าชายน้อยหลานกษัตริย์จิ๊กมี 3ขวบ ระลึกชาติได้...กับข้อข้องใจ ทำไมการระลึกชาติถึงเกิดขึ้นในวัยเด็ก?
เป็นเรื่องฮือฮา อีกครั้งในกลุ่มผู้นับถือศาสนาพุทธ โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย และภูฏาน เมื่อหลานชายของกษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน ซึ่งมีพระชันษาเพียง 3 ปี ทรงเล่าว่า เมื่อ 824 ปีก่อน ทรงเคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ในประเทศอินเดีย และหากว่าได้เสด็จฯ เยือนที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง จะทรงจำทุกอย่างได้ จนเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา พระอัยยิกา (ยาย) ของเจ้าชายจึงพาเจ้าชายไปที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ที่ประเทศอินเดีย และปรากฏว่าเจ้าชายสามารถจำสถานที่ต่างๆ ได้แม่นยำ แม้แต่ห้องเรียนของพระองค์เอง
(ลามะน้อย)
โดยในเพจเฟซบุ๊กของ รศ.ดร. ต่อตระกูล ยมนาค ก็มีการโพสต์เรื่องราวนี้ ด้วยข้อความว่า “ลามะน้อยองค์นี้ เป็นพระโอรส พระกนิษฐภคินี ( น้องสาว)ของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี แห่งภูฐานได้ระลึกชาติ ว่าชาติที่แล้วเป็นอดีตพระลามะที่ภูฐาน ดำรงตำแหน่งสูงเป็น Lotsawa กลับชาติมาเกิด พระลามะผู้ใหญ่ได้นำไปพิสูจน์ตามธรรมเนียมโบราณแล้ว ก็ทูลขอมาให้เป็นพระลามะเป็นเวลาเป็นปีแล้ว... -
"บวชจิต" เคล็ดลับการบวชในใจของ "หลวงปู่ดู่"! คนอื่นไม่รู้...แต่ภูตผีเทวดารู้! บวชไม่เกินสามปี...ชีวิตจะเปลี่ยน!!
"บวชจิต" เคล็ดลับการบวชในใจของ "หลวงปู่ดู่"! คนอื่นไม่รู้...แต่ภูตผีเทวดารู้! บวชไม่เกินสามปี...ชีวิตจะเปลี่ยน!!
"การบวชจิต" หรือ "การบวชใน" นั้นเป็นสูตรของ "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"
หลวงปู่ดู่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
"การบวชทั้งในและนอกมันลำบากในยุคนี้
เราบวชใน คนไม่รู้ ... แต่ผีรู้ เทวดารู้
การบวชในเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง เวลาทำบุญให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ...จะได้ชิน ถ้าทำบ่อย ๆ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
เวลาทำความดีอะไรก็ตาม...ให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ มันจะปรับออกมาข้างนอกเอง เป็นการบวชจากข้างในไปหาข้างนอก คือ ด้วยรูปลักษณ์ในการบวชที่เป็นพระนั้น พอเราบวชแล้ว เราจะไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ดี เวลาเราแผ่บุญออกไป พลังงานก็ผ่านเราออกไปได้มากกว่า
พลังงานนี้จะผ่านพระได้มากกว่าฆราวาสนะ... ลองคิดดูสิ เราเป็นพระนะ (บวชใน) แค่เรานึกนี่ก็เป็นแล้ว ทำไม่เกินสามปีจะรู้สึกว่าเราเป็นพระ เรื่องอะไรที่ไม่ดี เราจะไม่พูด ไม่ทำ แม้แต่ในฝันยังเป็นพระเลย
บวชจิตแล้วต้องสึกไหม...ไม่ต้อง มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องโลกกับเรื่องธรรมเป็นคนละเรื่อง เวลาอยู่ทางโลกก็อยู่ไป เมื่อไรอยู่ทางธรรมเราก็บวชใน... -
ทำทานกับใครจะได้บุญมาก ?
ทำทานกับใครจะได้บุญมาก ?
พระพุทธเจ้า มีพระดำรัสตรัสไว้ใน เรื่องของเนื้อนาบุญว่า
แม้วัตถุทานที่มีความบริสุทธิ์ เจตนาทำทานก็บริสุทธิ์, อาการแห่งการให้ทานนั้นจะดีเยี่ยม แต่ผลบุญของความบริสุทธิ์จะเกิดขึ้นได้มากน้อยขึ้นอยู่กับ “เนื้อนาบุญ”ตามลำดับของผู้รับอันได้แก่
การให้ทานแก่เหล่าสัตว์เดรัจฉาน,มนุษย์ผู้ไม่มีศีล, มนุษย์ผู้มีศีล 5, มนุษย์ผู้มีศีล 8,สามเณร,พระภิกษุที่เป็นสมมติสงฆ์, พระภิกษุที่เป็นพระเถระชั้นอริยสงฆ์โสดาบัน,พระสกิทาคามี,พระอนาคามี,พระอรหันต์,พระปัจเจกพุทธเจ้า,และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามลำดับ
การที่พระองค์จัดลำดับไว้อย่างนี้เพราะว่า การทำทานหากได้ทำให้กับผู้รับที่ยิ่งมีความบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ผู้ให้ก็ยิ่งมีความรู้สึกอิ่มเอิบใจและเป็นสุขมากเท่านั้น
สมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาได้เสด็จขึ้นไปบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระพุทธมารดา พระองค์ได้ประทับอยู่ที่ “บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์” ในเวลานั้นมีเทวดา 2 ท่านมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าก่อนคนอื่นทั้งหมด ยกเว้นไว้แต่พระอินทร์ หรือท่านท้าวสักกะเทวราช... -
พระอรหันต์ไม่หลับหรอก หลับแต่ธาตุขันธ์ - พระอาจารย์มั่น
“เณร!... พระอรหันต์ไม่หลับหรอก หลับแต่ธาตุขันธ์เท่านั้นเอง” สามเณรแค่คิด แต่เพราะรู้วาระจิตสามเณร หลวงปู่มั่นจึงตอบโดยไม่รอถาม!!!
หลวงปู่เทสก์เล่าให้อาตมา(พระครูอุดมสังวรญาณ)ฟังว่า เมื่อหลวงปู่เทสก์ได้ไปอยู่ปรนิบัติรับใช้ และศึกษากรรมฐานอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นนั้น ท่านพระอาจารย์มั่น ได้เมตตาเล่าเรื่องต่างให้ฟังถึงประสบการณ์ และสิ่งที่หลวงปู่เทสก์ได้รับรู้ หรือเห็นโดยตรงจากพระอาจารย์มั่นเอง ซึ่งหลวงปู่เทสก์ท่านก็ช่างจำ ได้กราบเรียนถามท่านพระอาจารย์มั่นหลายเรื่อง ท่านก็จะเล่าให้หลวงปู่เทสก์ฟังเสียง
มีสามเณรองค์หนึ่งเดินทางมาจากอุบลราชธานี แต่จำชื่อสามเณรไม่ได้ ตั้งใจมาปฏิบัติเรียนกรรมฐานกับพระอาจารย์มั่น สามเณรได้ยินข่าวว่าท่านพระอาจารย์มั่นเป็นพระอรหันต์ อยากไปปฏิบัติกับท่าน พอไปถึงแล้วท่านพระอาจารย์มั่นคงรู้ในจิต ท่านก็เลยรับสามเณรไว้ คราวนี้สามเณรได้ไปปฏิบัติไปนวดท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็หลับไป
สามเณรก็คิดไปว่า “ เอ! พระอรหันต์ ทำไมนวดอยู่ก็ยังหลับ”
ท่านก็สวนขึ้นทันที “เออ เณร พระอรหันต์ไม่หลับหรอก”
แสดงว่าท่านรู้วาระจิตสามเณรที่สงสัย จึงได้ตอบทันทีทันใดว่า... -
"นักกินสินบน" (หลวงปู่จันทา ถาวโร)
"นักกินสินบน"
" .. ต่อแต่นั้น ข้าพระองค์ก็เดินทางผ่านมาอีก "มาพบกุญชรช้างสารใหญ่ กินแต่หนามไผ่หนามหวาย" ยอกปากยอกลิ้น(หนามแทงลิ้นแทงปาก) อยู่เป็นทุกข์หลายปีแล้ว นี่เป็นเพราะกรรมอันใดหนอ พระเจ้าขา
ดูก่อนอุบาสก ช้างสารใหญ่ตัวนี้ ในศาสนาพระพุทธเจ้ากัสสโปโน้น "เป็นตุลาการพิพากษา ตัดสินไม่ยุติธรรม" เห็นแก่สินจ้างสินบน ทางใดให้เงินหลายถึงผิดก็ให้เป็นชนะ ทางใดให้เงินน้อยถึงถูกก็ให้เป็นแพ้ นั่นแหละไม่ยุติธรรม
กินแต่สินจ้างสินบน "ตายจากนั้นแล้วไปตกมหาตาปนะนรกแสนปี" พ้นจากนั้นมา เศษกรรมยังไม่สิ้นมาเสวยวิบากกรรมชั่ว ยอกปากยอกลิ้นเลือดอาบหน้าอยู่เป็นนิจ นี่แหละโทษทำไม่ดี .. "
นายพรานคืนศีล
หลวงปู่จันทา ถาวโร -
ได้ดีต้องมีครู! "หลวงพ่อปาน"สอน จะเสกของขลัง จำเป็นต้องอัญเชิญเทพยดา เพราะไม่มีใครเก่งด้วยตัวคนเดียว
ได้ดีต้องมีครู! "หลวงพ่อปาน"สอน จะเสกของขลัง จำเป็นต้องอัญเชิญเทพยดา เพราะไม่มีใครเก่งด้วยตัวคนเดียว!
วิชาการเสกของให้ขลังจัดเป็นพิธีกรรมและกรรมวิธีที่เพียบพร้อมไปด้วยศาสตร์และศิลป์ จากจุดเริ่มต้นไปจนจบแฝงไว้ด้วยแง่คิดคติธรรมเป็นปริศนาซ่อนอยู่
ครูผู้แต่เดิมสอนซ่อนไว้อย่างชาญฉลาด ผู้ร่ำเรียนเพียรทำภายหลังจะได้รู้แนวและทักษะการฝึกจิตไปในตัว
แต่สิ่งนึงคือแม้รู้ขั้นตอนทั้งหมดก็ใช่ว่าผู้นั้นจะเรียกว่าเสกเป็น เพราะสิ่งที่จะพาไปสู่ความสำเร็จนั้นหาใช่ความสามารถของผู้ทำเพียงประการเดียวไม่หากแต่ความสำเร็จสมบูรณ์นั้นอยู่ที่แรงครูหรือเทพร่วมอนุเคราะห์ หากละเลยข้อนี้ถือว่าพลาดอย่างหนัก
สมัยหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคท่านให้หลวงพ่อเล็กศิษย์เอกของท่านเสกของ หลวงพ่อเล็กเข้าฌานออกฌานเป็นอนุโลมปฏิโลมเสกด้วยการเข้าฌานออกฌานแบบรี้อยู่สามเดือนเต็ม พอเอาของไปให้หลวงพ่อปานท่านไล่เลยบอกว่ายังใช้ไม่ได้ หลวงพ่อเล็กต้องกลับมานั่งคิดใหม่ว่าเราเสกขนาดนี้ท่านว่าใช้ไม่ได้หมายความว่ายังไง สุดท้ายท่านคิดได้เลยตั้งโต๊ะ บวงสรวงบอกกล่าวเทพยดาครูบาอาจารย์ให้มาประสิทธิให้... -
เสียงธรรม สาระสำคัญแห่งวิสุทธิมรรค โดย วศิน อินทสระ เสียงอ่านโดย สวัสดิ์ อมรสิทธิ์
สาระสำคัญแห่งวิสุทธิมรรค
โดย วศิน อินทสระ เสียงอ่านโดย สวัสดิ์ อมรสิทธิ์
วิสุทธิมรรค (บาลี: วิสุทฺธิมคฺค) เป็นคัมภีร์สำคัญคัมภีร์หนึ่ง ในพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งได้รับการจัดลำดับความสำคัญเทียบเท่าชั้นอรรถกถา โดยมี พระพุทธโฆสะ ชาวอินเดียเป็นผู้เรียบเรียงขึ้นในภาษาบาลี เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 10 มีเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับ ศีล สมาธิ และปัญญา ตามแนววิสุทธิ 7
ในปัจจุบัน คัมภีร์วิสุทธิมรรค ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในทางพุทธศาสนา ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการด้านพุทธศาสนาในหลายประเทศเป็นจำนวนมาก และได้รับการบรรจุในหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย ระดับชั้นเปรียญธรรม ๘ ประโยค และเปรียญธรรม ๙ ประโยค
คัมภีร์วิสุทธิมรรค มีการแบ่งเนื้อหาสาระทั้งหมดเป็น 23 ปริจเฉท ได้แก่
ศีลนิเทศ แสดงถึงการรักษาศีล
ธุตังคนิเทศ แสดงถึงวิธีการบำเพ็ญธุดงควัตร
กัมมัฏฐานคหณนิเทศ แสดงถึงบุพกิจเบื้องต้นก่อนการเจริญสมถกรรมฐาน
ปฐวีกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญปฐวีกสิณ โดยละเอียด
เสสกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญกสิณ ที่เหลืออีก 9 ประการ
อสุภกัมมัฏฐานนิเทศ... -
ดูจิตอย่างไร ให้ดำรงอยู่ในสมาธิ
ดูจิตอย่างไร ให้ดำรงอยู่ในสมาธิ
คำถาม คือ มีวิธีดูจิตขณะเดินจงกรมอย่างไรให้ได้ตลอดโดยที่จิตไม่ไปไกล
พระอาจารย์มานพ อุปสโม พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา อธิบายว่า
“มองไปในตัว จิตก็ไม่ไปที่อื่นแล้ว อย่าทิ้งการมองดูตัวเราเอง มองดูตัวเอง จิตก็อยู่ในตัว หยุดมองดูตัวเองจิตก็ไปข้างนอก แล้วเราก็ห้ามไม่ได้ แต่เราสามารถสกัดได้โดยการเข้ามามองภายใน ก็จะเริ่มเห็นความเป็นจริง ก็ให้ตั้งใจดู แล้วจิตก็จะไม่เตลิดไปไกล ในขณะเดินจงกรม ให้เราเดินไปด้วย ดูความรู้สึกไปด้วย ฝึกดูความคิดบ่อย ๆ จิตก็จะไม่ส่งออก ไม่ทุรนทุราย ไม่ซัดส่าย”
แล้วถ้า ขณะที่นั่งสมาธิดูลมหายใจไปสักพัก ลมหายใจก็หายไป มีแต่ความว่างเปล่า อาการเช่นนี้คืออะไร
พระอาจารย์มานพ ตอบว่า ขณะที่พิจารณาลมหายใจแรก ๆ ลมหายใจของเรายังหยาบอยู่ จึงปรากฏชัด เมื่อพิจารณาไปเรื่อย ๆ ลมหายใจก็ละเอียดขึ้น จนเราตามดูไม่ทัน แต่จริง ๆ ยังมีอยู่ ถ้าปฏิบัติถึงขั้นนี้ให้เรามองดูบริเวณที่ลมหายใจเคยกระทบตั้งใจและใส่ใจดู เราก็จะมองเห็นลมหายใจ นั่นคือการที่จิตเริ่มเป็นสมาธินั่นเอง
ขณะไปปฏิบัติธรรม... -
ฝึกสมาธิภาวนา: สัจธรรมสากลสำหรับคนทั้งโลก
ฝึกสมาธิภาวนา: สัจธรรมสากลสำหรับคนทั้งโลก โดย ว.วชิรเมธี
คำว่า “สมาธิภาวนา” แปลตรงตัวว่า การฝึกจิตหรือการฝึกจิตใจให้สงบ
การฝึกสมาธิภาวนานี้ เรามักเข้าใจว่าเป็นของชาวพุทธ แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงค้นพบสัจธรรมที่มีอยู่ในโลกก่อนการมาถึงของพระองค์
ตัวความจริงมีอยู่แล้ว เหมือนกับความจริงทางวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย อย่างเช่น ทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ไอน์สไตน์ค้นพบหรือกฎแรงโน้มถ่วงซึ่งค้นพบโดยเซอร์ไอแซก นิวตัน นักวิทยาศาสตร์เป็นเพียงผู้มาค้นพบเท่านั้น สัจจะมีอยู่แล้วก่อนหน้านักวิทยาศาสตร์ ฉะนั้นจึงพูดได้ว่า ความจริงนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของ
เช่นเดียวกัน ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบก็มีอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า ความจริงที่ทรงนำมาสอนจึงไม่ใช่เรื่องของศาสนาแต่เป็นความจริงสากลที่มีอยู่คู่กับโลกนี้ ถ้าใช้คำของไอน์สไตน์ เราอาจจะเรียกว่าเป็น Cosmic Reality ด้วยเหตุดังนั้น เราทุกคนจึงสามารถเรียนรู้สัจธรรมนี้ได้
อากาศเป็นของสากลสำหรับคนทั้งโลกสัจจะที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบก็เป็นของสากลของคนทั้งโลกเหมือนกัน ฉะนั้น สิ่งที่เรามาเรียนรู้ร่วมกันจึงไม่เกี่ยวกับศาสนา... -
คำถามจากพระยายม
เทวทูต ๕ คือ (๑) เด็ก (๒) คนชรา (๓) คนเจ็บ
(๔) คนที่ทำความผิดแล้วถูกลงอาญา (๕) คนตาย
************************************
พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าว่า สัตว์ที่ทำกรรมชั่ว ตายแล้วไปเกิดในนรก จะถูกท่านพญายมซักถามถึงเทวทูต ๕ คือ (๑) เด็ก (๒) คนชรา (๓) คนเจ็บ (๔) คนที่ทำความผิดแล้วถูกลงอาญา (๕) คนตาย ว่า รู้จักไหม สัตว์นั้นต่างตอบว่า ไม่รู้จัก เพราะมัวประมาทอยู่ สัตว์เหล่านั้นจึงถูกลงโทษด้วยวิธีต่าง ๆ ในนรก
*****************************
ข้อคิดที่น่าสนใจจากท่านพยายม คือ เมื่อเราเคยเห็นเทวทูตทั้ง ๕ แล้ว ควรสลดใจ และเร่งรีบทำความดีทั้งทางกาย วาจา และใจ
เมื่อเห็นเทวทูตที่ ๑ (เด็ก) ควรคิดว่า
‘ถึงตัวเราก็มีความเกิดเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเกิดไปได้ เอาเถิด เราจะทำความดีทางกาย วาจา และใจ’
เมื่อเห็นเทวทูตที่ ๒ (คนชรา) ควรคิดว่า
‘ถึงตัวเราก็มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ เอาเถิด เราจะทำความดีทางกาย วาจา และใจ’
เมื่อเห็นเทวทูตที่ ๓ (คนเจ็บ) ควรคิดว่า
‘ถึงตัวเราก็มีความป่วยไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความป่วยไข้ไปได้ เอาเถิด เราจะทำความดีทางกาย วาจา และใจ’
เมื่อเห็นเทวทูตที่ ๔... -
จิตส่วนนึงภาวนา อีกส่วนฟุ้งซ่าน ทำอย่างไร : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ปัจจุบันนี้การปฏิบัติธรรมของกระผมชักจะแย่ลงไปเลยเกิดปัญหาขึ้นมาว่า
ในขณะที่กำลังภาวนา “นะมะ” เข้า “พะธะ” ออก
ปรากฏใจของลูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนหนึ่งอยู่กับองค์ภาวนา ส่วนหนึ่งฟุ้งซ่านออกไปข้านอก ฟุ้งซ่านไร้สาระ
อารมณ์แบบนี้เกิดขึ้น จึงทำให้ตัวเองต้องวิตกกังวลว่า หากตายในขณะที่จิตซีกหนึ่งฟุ้งซ่าน จะตกนรกเป็นอย่างแน่ ขอบารมีหลวงพ่อช่วยชี้แนะแก้ไขด้วยเถิดขอรับ
หลวงพ่อ : ไม่เป็นไร... แบ่งเป็นสองซีก ซีกที่ภาวนาอยู่เกิดเป็นนางฟ้าและพรหม อีกซีกหนึ่งเกิดในนรก เดี๋ยวก่อนที่เขาถามมา
♢♢♢ นี่เป็นเรื่องธรรมดานะ ถ้ายังไม่ถึงอรหันต์เพียงใด ความฟุ้งซ่านย่อมมีกับคน แต่ให้ดูกำลังใจว่า เรามีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ไหม เอาแค่นี้พอ ถ้าจิตยังมีความเคารพอยู่ถือว่าไม่เหลวงไหล เรื่องคิดออกนอกทางเป็นของธรรมดา ♢♢♢
ดูตัวอย่าง พระอัสสชิ พระอัสสชินี่เป็นพระอรหันต์รุ่นแรกรุ่น ๕ องค์ เวลาที่จะนิพพานเป็นโรคทางกระเพาะหนัก ปั่นป่วนมาก จิตใจก็ฟุ้งซ่าน ก็ให้พระไปนิมนต์พระพุทธเจ้ามา พอพระพุทธเจ้ามาก็กราบทูลว่า... -
"แย่งชิงกิเลส" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"แย่งชิงกิเลส"
" .. แย่งกัน ด่าว่ากัน ถกเถียงกันยังไม่พอ "จิตที่ผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนโน้น เกิดมาในชาตินี้ก็มาหลงเอาของเก่า มาแย่งชิงกัน ด่าว่ากัน ฆ่าตีกันจนล้มตายมากมายเหลือหลาย" อยู่ในโลกอันนี้นับไม่ถ้วนเลย
คนเราเกิดมาแล้วมาแย่งมาชิงกันว่า "กิเลสเหล่านั้นเป็นของดิบของดีวิเศษวิโส" แย่ง แข่งดี แข่งเด่น "แย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นโตกัน แย่งลาภ แย่งยศ ความสรรเสริญทั้งปวง" กลัวแต่จะไม่ได้เป็นของเรา
"แท้จริงแล้วมันเป็นของทิ้งของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย พระองค์ทิ้งไปแล้ว" เรายังหาว่าเป็นของดีอยู่ .."
สติควบคุมจิต
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๖ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๖
เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
✨ วิธีการตัด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ขาดเร็วที่สุด ✨
✨ วิธีการตัด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ขาดเร็วที่สุด ✨
ถาม : มีวิธีในการตัด รัก โลภ โกรธ หลง อย่างไร ให้ขาดเร็วที่สุด ?
ตอบ : ต้องเอากรรมฐานคู่ศึกของเขามาใช้
ในเรื่องของกามราคะ คือ ความรัก นี่ต้องใช้อสุภกรรมฐาน หรือ กายคตานุสติที่เป็นคู่ศึกโดยตรงของเขา
ตัวโลภ ก็ ทานบารมี กับ จาคานุสติ
ตัวโกรธ ก็ใช้ เมตตาบารมี หรือว่าจะใช้ วรรณกสิณสี่ ก็ได้
ถ้าตัวหลง จำเป็นต้องเจริญอานาปานุสติให้มากเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นเผลอสติเมื่อไร โอกาสที่จะหลงไปยึดติดอยู่กับ โลภะ โทสะ โมหะ ก็จะมีอีก
ตราบใดที่ยังรัก ยังโลภ ยังโกรธอยู่ เราต้องหลงแน่ ๆ เพราะฉะนั้น .. ตัวหลงนี่ตัดยากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน รัก โลภ โกรธ หลง ก็เหมือนกับม้านั่งสี่ขา ถ้าหากว่าเราตัดขาใดขาหนึ่งได้ ที่เหลือก็ไม่แข็งแรงแล้ว
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
✨ ถ้ามีคู่บารมีแล้ว จะลาขาดกันได้เมื่อไร ✨
✨ ถ้ามีคู่บารมีแล้ว จะลาขาดกันได้เมื่อไร ✨
ถาม : ถ้ามีคู่บารมีแล้ว จะลาขาดกันได้เมื่อไร ❓
ตอบ : อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายหนึ่ง มีความมุ่งมั่นเท่าไร
ถาม : ถ้าเกิดว่าฝ่ายผู้ชาย เขาไม่ยอมให้ลา ❓
ตอบ : ไม่เกี่ยวกัน การลาอยู่ที่ความตั้งใจของเรา ถ้ากำลังของเราสูงพอ ก็ไปแน่อยู่แล้ว
เอาอย่างนี้ .. หาทางทำบุญใหญ่ ถ้าหากว่าใครสร้างพระประธานหน้าตัก ๔ ศอก เราสร้างด้วย พอสร้างเสร็จก็อธิษฐานบอกว่า "ผลบุญนี้ ขอให้เราละความปรารถนาพระโพธิญาณ ขอละความปรารถนาเดิมทุกอย่าง ขอเข้าพระนิพพานในชาตินี้" เรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ว่าต่อไป
ถาม : คนที่เป็นคู่บารมี กำลังบุญที่เราทำมาต่างกันไหมคะ ❓
ตอบ : ส่วนใหญ่จะทำมาด้วยกัน ต่างคนต่างทำมาด้วยกัน จะต่างกันที่ไหน ถึงเวลาเขาก็โผล่หัวมา รวมหัวกันทำไปเรื่อย ๆ
ถาม : เขาบอกว่าถ้าจะลา กรรมที่เคยทำร่วมกันมาจะย้อนกลับเข้าตัว ❓
ตอบ : ไม่ได้ย้อนเราคนเดียว ย้อนเขาด้วย
ถาม : แล้วที่เขาขู่ก็ไม่ถูกต้องใช่ไหม ❓
ตอบ : เขาเข้าใจอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น อย่าลืมว่า กรรมทั้งหมดใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ... -
เคล็ดใส่บาตรสะเดาะเคราะห์(ตำรับสมเด็จสังฆราชแพ)
เคล็ดใส่บาตรสะเดาะเคราะห์(ตำรับสมเด็จสังฆราชแพ)
สำหรับท่านใดเมื่อรู้สึกกระวนกระวายไม่สบายใจ หรือรู้สึกว่ามีเคราะห์ อยากจะสะเดาะเคราะห์ แต่ก็กลัวเสียเงินทองและเสียเวลา
สำหรับกรณีนี้ ทางเพจพุทธคุณและเว็บพลังจิตมีวิธีการสะเดาะเคราะห์ตนเองแบบเห็นผลและง่ายต่อการปฏิบัติด้วยครับ
การสะเดาะเคราะห์ที่ว่าก็คือการใส่บาตร แต่จะอย่างไรก็ขอเชิญอ่านได้ครับ
๑. ให้เตรียมพระเงินองค์เล็กๆเท่าครึ่งหนึ่งของอายุ และพระทององค์เล็กๆ เท่าครึ่งหนึ่งของอายุ เช่นคุณมีอายุ ๓๐ ปี ก็เตรียมอย่างละ ๑๕องค์ ในกรณีไม่สามารถแบ่งเป็นครึ่งได้อย่างลงตัวเช่น อายุ๔๕ปี ถ้าเป็นผู้ชายให้เอาพระทองมากกว่า๕ปี หากเป็นผู้หญิงให้เอาพระเงินมากกว่า๕ปี
๒.ไข่ต้ม ๑ฟอง และเงินเท่าอายุปัจจุบันของคุณ โดยไข่ต้ม เงิน และพระเงินพระทองห่อในผ้าขาวรวมกัน
๓.อาหารคาวหวานในการใส่บาตร เมื่อจัดเตรียมแล้ว ให้อธิษฐานว่า
สุทินนัง วตเมทานัง อาสวขยาวหัง นิพพานะ ปัจจโย โหตุ สาธุ สาธุ สาธุ ข้าพเจ้าขออานิสงส์ในการใส่บาตรพระสงฆ์นี้ จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าพ้นทุกข์หมดเคราะห์ สิ้นพระเคราะห์ปี พระเคราะห์เดือน พระเคราะห์วัน... -
ย้อนตำนาน อมตะรัก "พระทอง-นางนาค" เสพสังวาสต่างเผ่าพันธุ์ ต้นกำเนิดนครกัมพูชา
ย้อนตำนาน อมตะรัก "พระทอง-นางนาค" เสพสังวาสต่างเผ่าพันธุ์ ต้นกำเนิดนครกัมพูชา
ประเทศกัมพูชาหรือชนชาติขอมเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่มีเรื่องตำนานเกี่ยวข้องกับ “นาค” อย่างแนบแน่น โดยเฉพาะตำนานนางนาคกับพระทองที่มีความสำคัญมาก ถึงกับกล่าวว่าเป็นนิทานที่เล่าถึงบรรพบุรุษของตนทีเดียว “ตำนานพระทอง-นางนาค” ของเขมรน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับศิลาจารึกภาษาสันสกฤตของ “อาณาจักรจามปา” ที่พบในเวียดนาม
เรื่องนี้จำเป็นต้องย้อนไปถึง สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งพุทธองค์เสด็จมายังดินแดนแห่งนี้ เมื่อนั้นเป็นอดีตชาติของ “พระทอง”ซึ่ง ถือกำเนิดเป็นตะกวดอยู่ในโพรงต้นหมันซึ่งขึ้นอยู่ที่กลาง “เกาะโคกทลอก” ครั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับ ณ ใต้ต้นหมันนั้นเพื่อฉันจังหัน ตะกวดเห็นจึงออกมาก้มหัวคำนับ ๓ ครั้ง พระพุทธองค์จึงปั้นก้อนข้าวโยนไปให้ เมื่อตะกวดกินข้าวอิ่มก็แลบลิ้นเลียทำให้ปลายลิ้นแยกเป็น ๒ แฉก
พระพุทธองค์จึงทรงทำนายโดยบอกแก่พระอานนท์ว่า
”ต่อไปในภายหน้า เกาะโคกทลอกนี้จะเกิดเป็นนครใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยอำนาจ ส่วนตะกวดที่ออกมาก้มคำนับตถาคตนี้จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์... -
"ภูลังกา" ดินแดนอาถรรพ์ในตำนาน!! สมรภูมิสู้รบระหว่าง "พระป่า" กับ "กิเลส" ... สถานที่ที่นักภาวนาต้องลอง สถานที่ต้องห้ามของคนทุศีล!!
"ภูลังกา" ดินแดนอาถรรพ์ในตำนาน!! สมรภูมิสู้รบระหว่าง "พระป่า" กับ "กิเลส" ... สถานที่ที่นักภาวนาต้องลอง สถานที่ต้องห้ามของคนทุศีล!!
"ภูลังกา" เป็นเทือกเขาห้าลูก เกาะกลุ่มกันอยู่ใกล้กับบึงโขงโหลงและภูวัว ท้องที่จังหวัดหนองคาย เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอบ้านแพง แต่ในปัจจุบันเป็นพื้นที่ของอำเภอบึงโขงโหลง ใกล้กับอำเภอเซกา
ภูลังกานั้นเป็นตำนานอันลือเลื่องที่เกี่ยวพันกับศาสนาและคติความเชื่อปรัมปรา มีความลี้ลับอาถรรพ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องพูดยากอธิบายยาก เพราะเป็นเรื่องของนามธรรมที่ทางวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่ทั้ง ๆ ที่พิสูจน์ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่มีการศึกษาสูง ๆ เป็นครู เป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และระดับศาสตราจารย์ดอกเตอร์จากต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ก็ยอมรับว่า เรื่องความลึกลับนามธรรมเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิตที่ต้องรับฟังไว้เพื่อศึกษาพิจารณาค้นคว้าต่อไป จะปฏิเสธเสียเลยทีเดียวไม่ได้
บริเวณภูลังกา
ภูลังกาเกี่ยวข้องกับตำนานเรื่องพระเจ้าห้าพระองค์ "นโมพุทธายะ" และเป็นเมืองหลวงของชาวบังบดลับแลอันมีเมืองพญานาครวมอยู่ด้วย... -
ผ้าลายมือพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์.....หาดูยากยิ่งนัก.
วันนี้ขอนำเสนอผ้ายันต์จารมือ.......ยันต์พุทธเกษตร พระยันต์อันทรงอานุภาพสุดประมาณ ลงยันต์้เขียนมือโดย......หลวงพ่อกัสสปมุนี อ.หันต์ผู้ทรงฤทธิ์แห่งวัดปิบผลิวนาราม ระยองล ชุดเนี้ท่านลงไว้บนผ้าจีวรที่ใส่เมื่อครั้งเข้านิโรธสมาบัติ แค่ตัวผ้านั้นก็หาคุณสุดประมาณมิได้แล้วครับ ยิ่งลงด้วยยันต์พุทธเกษตรที่ท่านได้มาจากนิมิตรด้วยแล้วยิ่งสุดๆไปเลยครับ ห.ดูได้ยากยิ่ง . -
ฝึกมโนมยิทธิแล้วมองไม่เห็นอทิสมานกาย - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
ฝึกมโนมยิทธิแล้วมองไม่เห็นอทิสมานกาย
ถาม : เมื่อครู่ผมไปฝึกมโนมยิทธิมา อทิสมานกายเป็นอย่างไร ผมไม่เข้าใจ คือ ให้นึกว่ามีกายอยู่ข้างในหรือ ?
ตอบ : จะนึกก็ได้ แต่ขอให้รู้ว่าความรู้สึกทั้งหมดของเราก็คือกายใน แต่คนที่ยังไม่ชำนาญ จะยังไม่สามารถที่จะกำหนดเป็นรูปร่างชัดเจนได้ บางคนสามารถกำหนดในลักษณะเป็นดวงได้ ก็จะรู้ว่ามีสีสันอย่างไรเท่านั้น แต่ถ้าจะกำหนดเป็นตัวตนเลย ระยะแรกเราจะเห็นไม่ชัด
แค่ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา อย่างเช่นครูฝึกเขาบอกว่า ให้ยกอทิสมานกายของเราขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราไปที่นั่นเลย ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราตอนนี้รู้ว่า ตรงหน้าของเราก็คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ รู้สึกว่าเป็นอย่างไรก็อธิบายให้ครูเขาฟัง
ต้องไปทำเรื่อย ๆ อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งถูกมากขึ้น..เมื่อถูกมากขึ้น สภาพจิตของเราจะสงบ เกิดความมั่นใจ ภาพก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา
ถาม : มีครั้งหนึ่งไปฝึกที่วัด ครูเขาถามว่าเห็นเราไหม เห็นเราใส่ชุดอะไร คือผมไม่เห็น
ตอบ : ไม่เห็นไม่เป็นไร รู้สึกอย่างไรตอบไปอย่างนั้น แรก ๆ เราจะไม่เห็น
ถาม : ถึงแม้จะให้ขอบารมีพระแล้วก็ตาม ผมก็ไม่เห็น
ตอบ... -
เปิด "เสียงธรรม" ใหม่ โดยย้ายมารวมกับบอร์ด
วันที่ 14 /02/2560
เราได้ย้าย เสียงธรรม จากที่เก่า มารวมไว้กับที่บอร์ดนี้
http://palungjit.org/forums/เสียงธรรม.271/
และเราจะยกเลิกระบบเสียงธรรมเก่า
http://audio.palungjitit.org
- สถิติรวมยอด คน download ฟังเสียงธรรมเทศนาทั้งหมด 180 กว่าล้านครั้ง
- จำนวน 6 หมื่นกว่าไฟล์
- การอัปโหลดสะดวกกว่าเก่ามาก คือ กดทีเดียวอัปโหลดได้ครบทุกไฟล์
- ใครมีไฟล์เสียงต้องการเผยแผ่เชิญอัปโหลดได้ที่ เสียงธรรม
สิ่งที่กำลังปรับปรุง
- ใส่ tag ให้กับกระทู้ต่างๆ
- ทำระบบ Auto ใส่ชื่อไฟล์ ใน player หลังจาก upload เสร็จ เพื่อเพิ่มความสะดวกในหารฟังผ่าน pc และมือถือ
- redirect link เก่าๆมาที่ใหม่ -
การบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ แก้เคราะห์ เสริมดวง
การบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ แก้เคราะห์ เสริมดวง
ที่จริงเคล็ดนี้ผมเขียนไว้สมัยเป็นเว็บwww.buddhakhun.org เพื่อไว้สำหรับแนะนำคนที่มีเคราะห์และอยากแก้เคราะห์โดยไม่ต้องใช้ปัจจัยมากนัก แถมได้บุญมากด้วยคือการเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาเคารพย่อมกำจัดภัยได้จริง จึงขอลงอีกครั้งครับ
มีหลายท่านมาถามผมว่า
การกราบพระเจดีย์ใหญ่ๆๆที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรือว่า พระพุทธรูปโบราณคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่รอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ทำได้อย่างไร แล้วมีอานิสงส์อย่างไร
ผมจึงขอเล่าให้ฟังเรื่องนี้หลวงปู่จันทา ถาวโรประธานสงฆ์ วัดป่าเขาน้อย พิจิตร ท่านบอกว่าการกราบไหว้บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หรือพระพุทธรูปโบราณนั้นเป็นการเคารพในพุทธบารมีพระพุทธเจ้าและเป็นพุทธานุ สสติสามารถเอาพระพุทธบารมีเป็นที่พึ่งได้ หากกระทำการให้ถูกต้องและที่สำคัญในการกราบที่ถูกต้องจะต้องมีการอัญชลีประ ทักษิณาวรรตตามแบบโบราณ
หากใครทำได้ก็สามารถเอาพระพุทธบารมีนี้ทำให้พ้นเครา ห์ได้ครับ เรื่องนี้เรื่องจริง คราวที่คุณพ่อผม... -
ความรัก มันไม่แน่นอน...!
ความรัก มันไม่แน่นอน...!
นี่พระพุทธเจ้าจึงว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน เป็นของไม่เที่ยงทำให้ก่อบาปทั้งนั้น เรานึกอย่างนี้เริ่มเบื่อหน่าย หน่ายโลก ยิ่งพิจารณาเรื่องอสุภะครั้งแรกเราพิจารณาอสุภะ พิจารณาตั้งแต่เราเกิดเป็นเด็กแล้วก็พิจารณาเรื่องของเด็ก ผู้หญิงด้วย เด็กผู้ชายด้วย ตั้งแต่เกิดขึ้นมาตัวเล็กๆ เป็นอย่างไร พอโตขึ้นมา พอเข้าโรงเรียนเป็นอย่างไร โตขึ้นมาเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นยังไง พอมาแต่งงานแล้ว เป็นยังไง มีลูกคลอดลูกออกมาเป็นอย่างไงแก่เฒ่าชรามาแล้วเป็นอย่างไร เริ่ม...เบื่อหน่ายไป ๆ สภาพร่างกายสังขารเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
นี่เป็นเรื่องการคิดถึงเรื่องอสุภะ พิจารณาแล้วก็เบื่อไป พอจิตกำหนดเป็นสมาธิเข้ามา จะเห็นร่างกายของตัวเองเน่าเปื่อย เลือดเนื้อเปื่อยยุ้ยออกไป เห็นแต่โครงกระดูก เห็นผู้หญิงยืนอยู่รูปร่างสวยงาม สักพักหนึ่งตัวก็ดำคล้ำ เหียวย่น เน่าเปื่อยยืนอยู่มีแต่โครงร่างกระดูก ทำให้จิตใจของเรานี้ ไม่ต้องการโลกอันนี้เลย เห็นความไม่เที่ยงในสังขาร นี่คือความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจากสมาธิ
หลวงปู่ไม อินฺทสิริ
วัดป่าเขาภูหลวง จ.นครราชสีมา -
สวดแล้วดี ชีวิตแคล้วคลาดจากอันตราย ต้องคาถาบทนี้! "คาถากันภัย" โดยหลวงปู่ขาว อนาลโย
สวดแล้วดี ชีวิตแคล้วคลาดจากอันตราย ต้องคาถาบทนี้! "คาถากันภัย" โดยหลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นพระภิกษุ คณะธรรมยุติกนิกาย ท่านได้รับความเคารพนับถือจากพุทธศาสนิกชนในฐานะพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน สายของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
โดยช่วงหนึ่งนั้นหลวงปู่ขาวได้ปลีกวิเวกไปอยู่กับพวกชาวเขา (ยาง) บนภูเขา ชาวเขาเหล่านี้รับหน้าที่เป็นโยมอุปัฏฐากหาข้าวปลาอาหารถวายท่านสม่ำเสมอ
ด้วยนิสัยของชาวป่าชาวเขาและสภาพของป่าดอยที่ยังอุดมด้วยสัตว์ป่า ช้างป่าออกหาอาหารตามทางเดินจนเผชิญหน้ากับหลวงปู่ขาวก็หลายรอบ เสือโคร่งขนาดใหญ่ออกล่าสัตว์แล้วฝากรอยเท้าขนาดใหญ่ ทิ้งความกลัวจับใจไว้ในหมู่ชาวบ้านรวมถึงพระภิกษุบางรูปที่พรรษายังน้อย หลวงปู่ขาวจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวป่าชาวเขา เวลาคนในหมู่บ้านมีปัญหาอะไรก็มักจะยกโขยงมาให้ท่านช่วยแก้ไขหลายต่อหลายครั้ง
ครั้งหนึ่ง เสือโคร่งออกอาละวาดกัดกินวัวควายจนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว บ้างก็ไม่กล้าที่จะออกไปทำมาหากิน บ้างก็กลัวว่าเสือโคร่งจะขึ้นกระท่อม
ลากเอาลูกหลานไปกินในยามค่ำคืน... -
สาธุการกึกก้องทั้งแผ่นดินไทย!!! ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ หมู่สงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาเสียงย่ำระฆังดังตระหง่าน
สาธุการกึกก้องทั้งแผ่นดินไทย!!! ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ หมู่สงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาเสียงย่ำระฆังดังตระหง่าน
วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง เวลา 18.00 น. เสด็จฯเข้าอุโบสถ ทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อพระสงค์ออกไปครองผ้าเสร็จแล้วกลับเข้ามานั่งยังอาสน์สงฆ์ตามลำดับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลจบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระราชโองการสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จบ สมเด็จพระราชาคณะนำสวดคาถา "สงฆราชฏฺฐปนานุโมทนา" แล้วพระสงฆ์ กรรมการมหาเถรสมาคมนำสวด "โส อตฺถลทโธ" แล้วสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปประทับอาสน์สงฆ์ พร้อมด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม ณ ท่ามกลางสังฆมณฑล ซึ่งมีเจ้าคณะใหญ่เจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัด...
หน้า 391 ของ 411