Magnet Generator .... พลังงาน Free ... ทางเลือกยุคน้ำมันแพง

ที่เวปเขามีแคตตาลอค ให้ down load ด้วยครับ

เสียดายเอามาแปะไม่เป็น ขอเชิญชวนไปดูกันนะครับ

:: solartron :: The Leader of Solar Technology

 

ส่วนเรื่องนี้มาเสริมในด้านการเก็บพลังงานนอกเหนือจากการเก็บในรูปของแบตตารีีที่มีอายุใช้งานเพียง 2-3 ปีครับ

แผนผังการเก็บพลังงานจากกังหันลมในรูปของ "compressed air - ลมอัด" ครับ

​

ขอบคุณภาพจาก Renewable Energy UK

 

ส่วน นี่เป็นการนำ สารทำความเย็นแอร์ หรือสารจุดเดือดต่ำ มาผ่านแผงความร้อนเพื่อนำมาสร้างเป็นแรงดัน แบบสตรีม เพื่อมาหมุนเทอร์ไบน์ผลิตกระแสไฟฟ้า


<hr class="hrcolor" width="100%" size="1">
img_organic_rankine_cycle.jpg (38.31 KB, 603x353 - ดู 67 ครั้ง.)

img_organic_rankine_cycle1.jpg (31.15 KB, 402x324 - ดู 55 ครั้ง.)

img_organic_rankine_cycle2.jpg (64.54 KB, 450x338 - ดู 49 ครั้ง.)

รูปแบบ ของระบบ แรนคานด์ ไซเคิ้ล ครับ ( Organic Rankine Cycle) น่าสนใจครับ ตอนนี้มีเครื่อง Rankine ที่เป็นชนิด Double State แบบ เทอรืบายคู่ ครับ ผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 250KW จนถึง 10MW ต่อเครื่องครับ มีคนซื้อมาทำไฟฟ้า VSPP ที่เมืองไทยครับขนาด 250KW ครับ ใช้เนื้อที่ของทั้งหมดแค่ 2 ไร่ครับ ซึ่งนับว่าน้อยมาก และบ่งบอกถึง
ความเข้มของแสงอาทิตย์บ้านเราดีมากครับ
www.infinityturbine.com/
<table style="table-layout: fixed;" width="100%" border="0"><tbody><tr> <td colspan="2" class="smalltext" width="100%"> <hr class="hrcolor" width="100%" size="1">
Rankine-1.gif (22.22 KB, 899x465 - ดู 45 ครั้ง.)

solar_plant_process.jpg (66.5 KB, 612x461 - ดู 53 ครั้ง.)

SES-8-2.jpg (52.18 KB, 302x235 - ดู 44 ครั้ง.)

</td> </tr><tr> <td class="smalltext" id="modified_10407" valign="bottom">
</td></tr></tbody></table>

 

<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">Chevrolet Volt ไม่เกิน65กม. ไม่ง้อน้ำมัน </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2>

ฮือ ฮากันตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นต้นแบบ และยิ่งฮือฮามากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา เพราะดันมีภาพคันจริงหลุดออกมาเผยแพร่ตามอินเตอร์เน็ต จนส่งผลให้จีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ไม่รออีกต่อไป ตัดสินใจนำคันจริงของเชฟโรเลต โวลต์ออกเปิดตัวให้ชาวโลกได้ยลโฉม ก่อนที่จะมีการวางตลาดขายจริงในปี 2010

​

การเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของจีเอ็ม และโวลต์ถือเป็นการพาอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่รูปแบบใหม่ของการเดินทางด้วยรถ ยนต์พลังงานไฟฟ้า แบบปลั๊ก-อิน (Plug-in) และถือเป็นโปรดักต์ชันคาร์ที่ผลิตในเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกที่มากับการขับ เคลื่อนรูปแบบใหม่นับจากการเปิดตัวของรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ในปี 2002 (แต่ ณ ปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ก็ยังไม่สามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์)

นอก จากนั้น สิ่งที่สำคัญคือ โวลต์เป็นรถยนต์ที่มาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้กับ รถยนต์ ด้วยการยกระดับตัวเอง ให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางไกลขึ้น (E-REV : Extended-Range Electric Vehicle)

​

นั่นเท่ากับว่าปัญหาเดิมๆ ในเรื่องระยะทางของการใช้งานที่จีเอ็มเคยประสบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของตัว เองอย่าง EV1 จนถึงขั้นถอนปลั๊กและยุบไลน์ผลิตไปเมื่อทศวรรษที่ 1990 สามารถหาทางออกได้แล้ว

ตัวรถได้รับการออกแบบและปรับปรุงรูปลักษณ์มาจากต้นแบบที่เปิดตัวในปี 2006 และยึดรูปแบบตัวถังในสไตล์แฮทช์แบ็ก 5 ประตูเหมือนเดิม เพียงแต่มีการปรับปรุงรายละเอียดรอบคันให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากขึ้น และรองรับกับการบรรทุกทั้งคนและสัมภาระได้

ส่วนไฮไลต์หลักของตัวรถเห็นจะหนีไม่พ้นขุมพลัง ซึ่งยึดรูปแบบเดียวกับต้นแบบที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กับการสลับแนวคิดของเทคโนโลยีไฮบริด พร้อมกับปรับปรุงให้เหนือกว่า ที่บอกว่าเป็นอย่างนั้นก็เพราะ ส่วนประกอบของระบบยังมีเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่เหมือนกัน แต่สลับหน้าที่ในการทำงาน

​

เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม.จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว โดยที่เครื่องยนต์สันดาปภายในซึ่งใช้เชื้อเพลิงแบบ E85 จะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 220 เซลล์เพื่อชดเชยกับกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้ไฟในขณะเดินทาง ส่วนสมรรถนะในการขับเคลื่อนก็ไม่เป็นรองรถยนต์ปกติ เพราะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ปัญหา ในเรื่องระยะทางในการใช้งานที่เคยเป็นอุปสรรคชิ้นโตของรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่น เก่าๆ ก็จะหมดไปทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยนต์ยังทำงานในการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในระบบ ตัวรถก็ยังขับเคลื่อนต่อไปได้ ถ้าน้ำมันหมด ก็เข้าปั๊มเติม ไม่ต้องหาปลักเสียบและรอชาร์จอีกค่อนวันให้วุ่นวาย

ดังนั้นเวลาเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นมาแล้วเจอเครื่องยนต์กับมอเตอร์ ไฟฟ้าอยู่ข้างในแล้ว ก็อย่าตกอกตกใจคิดว่าจีเอ็มหลอกลวงว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่

ส่วนที่ว่าเหนือชั้นกว่าก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ลูกค้าสามารถใช้งานรถ ยนต์รุ่นนี้โดยที่บิลล์ค่าน้ำมันไม่ขยับเลยก็ได้ นั่นเป็นเพราะตัวระบบถูกออกแบบให้ระยะทาง 65 กิโลเมตรแรกจะพึ่งพลังจากกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในแบตเตอรี่ (ซึ่งถูกชาร์จจนเต็มเมื่อเจ้าของขับถึงบ้านหรือออฟฟิศแล้วเสียบปลั๊กชาร์จ) เพียงอย่างเดียว โดยที่เครื่องยนต์ไม่ถูกสตาร์ทขึ้นมา

​

นั่นหมายความว่าทุกครั้งที่เดินทางด้วยระยะทางไม่เกินจากนี้แล้วพอ ถึงที่หมายก็เสียบปลั๊กชาร์จ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องยนต์เลย แต่ถ้าขับเกิน เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดเครื่องยนต์ก็จะทำหน้าที่ชาร์จกลับเข้ามาชดเชย โดยตัวเลขนี้มาจากค่าเฉลี่ยในการใช้รถยนต์ใน 1 วันของคนอเมริกัน

จากข้อมูลของจีเอ็มระบุว่า โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ด้วยการเสียบในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์ทั่วไป หรือ 240 โวลต์ โดยใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมงสำหรับแบบแรกและ 8 ชั่วโมงสำหรับแบบหลัง ส่วนค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ที่ประมาณ 27.20 บาท ต่อวัน (เมื่อคิดจากค่าไฟในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 3.40 บาท ต่อ กิโลวัตต์ชั่วโมง) ในการชาร์จแบตเตอรีให้เต็ม ซึ่งจีเอ็มคาดว่าการชาร์จไฟฟ้าของโวลต์มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการซื้อกาแฟ ดื่มต่อถ้วยด้วยซ้ำ และถ้าชาร์จ 1 ครั้งต่อวันในทุกวันตลอดทั้งปีจะใช้ปริมาณไฟฟ้าที่น้อยกว่าการใช้ไฟของตู้ เย็นหรือตู้แช่หนึ่งตู้เสียอีก

จาก การประเมินของจีเอ็ม ค่าใช้จ่ายในการขับโวลต์อยู่ที่ 0.43 บาทต่อกิโลเมตร ถูกกว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ที่ 2.55 บาทต่อกิโลเมตร (คิดตามราคาน้ำมันในสหรัฐอเมริกาที่แกลลอนละ 3.60 ดอลลาร์) หากคำนวนจากการใช้รถยนต์เฉลี่ย 65 กิโลเมตรต่อวัน หรือ 24,750 กิโลเมตรต่อปี สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 51,000 บาท ต่อปี

​

ถ้าใช้โหมดไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด จะมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 6 เท่าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันทั่วไป นอกจากนี้ ถ้าเลือกชาร์จไฟในช่วงเวลาที่มีคนใช้ไฟน้อย ค่าไฟก็จะถูกลงด้วยเพราะค่าไฟในช่วงดังกล่าวจะถูกกว่าเวลาปกติ

แน่ นอนว่าราคายังไม่เปิดเผยและยังเป็นที่ถกเถียงว่าจีเอ็มจะสามารถกดให้ลงมา อยู่ในระดับที่น่าสนใจ คือ ประมาณ 30,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือไม่เกิน 1 ล้านบาทได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการอุดหนุนของภาครัฐในการช่วยเหลือทาง ด้านภาษีด้วย เพราะถ้าไม่ช่วยแล้วและจีเอ็มต้องขายในราคาแบบไม่ขาดทุนแล้ว ราคาจะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับ 40,000-50,000 สหรัฐฯ หรือ 1.3-1.65 ล้านบาทเลยทีเดียว

เมืองไทย จะมีโอกาสได้ใช้ปีไหนน้า..... รออยู่ครับ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รถเล็กแบบนี้ก็ได้นะครับ หยวนๆ นำเข้ามาเร็วๆ

วันอังคาร, ธันวาคม 9, 2008

รถไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์



เรื่องของพลังงานทางเลือกสำหรับยานพาหนะยังคงมีให้เล่ากันได้อยู่อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Fiat ได้แสดงต้นแบบนวตกรรมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มีชื่อว่า Phylla โดยออกแบบให้เป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นไปอีก ด้วยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ลงบนสว่นต่างๆ ของตัวถังรถ ซึ่งนั่นหมายความว่า ขณะที่ขับรถไปบนท้องถนน มันก็จะชาร์จแบตเตอรี่ที่สามารถให้กำลังไฟฟ้าได้ถึง 340 วัตต์ไปด้วยพร้อมกัน แทนที่จะใช้การเสียบปลั๊กไฟในการชาร์จแบตฯ ให้กับรถเพียงอย่างเดียว


สำหรับต้นแบบรถยนต์ขนาดเล็กที่เห็นนี้มีน้ำหนักเพียง 750 กิโลกรัม โดยมันสามารถวิ่งได้ไกลเป็นระยะทางถึง 145 กิโลเมตรด้วยแบตเตอรี่ที่เป็นลิเธียมอิออน ในขณะเดียวกันชุดแบตเตอรี่ที่เป็นลิเธียมโพลีเมอร์จะทำให้รถยนต์สามารถวิ่งได้ไกลถึง 220 กิโลเมตรก่อนที่จะต้องหาที่เสียบปลั๊กที่ใกล้ที่สุด เพื่อชาร์จไฟให้กับมัน


สมรรถนะความเร็วที่ทำได้คือ มันสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดที่รถทำได้จะอยู่ที่ประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตก็ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ยังไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะได้รับการผลิตออกมาวางตลาดเมื่อไร แต่ดูแล้วน่าใช้เหมือนกันนะครับ



แหล่งข้อมูล: ubergizmo


เขียนโดย prasit w.wanit ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://www.wowgadget.tv/2008/12/blog-post_2166.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2008-12-09T07:19:00+07:00>วันอังคาร, ธันวาคม 09, 2008</ABBR>

 

บรูไนสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในภูมิภาค



<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>


บรูไนสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในภูมิภาค (ไทยรัฐ)

รัฐบาลบรูไนอยู่ระหว่างเร่งสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากที่สุดชาติหนึ่งของโลก ...

โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวชื่อ "เตเนกา ซูเรีย บรูไน" หรือพลังงานแสงอาทิตย์บรูไน เมื่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปีหน้า จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 1.2 เมกะวัตต์ หรือเทียบเท่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนมากราว 400 หลัง โดยกระแสไฟฟ้าจะถูกส่งเข้าระบบพลังงานไฟฟ้าร่วมแห่งชาติ เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัทเจแปน มิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลบรูไนมายาวนานทั้งภาคพลังงานและภาคเกษตรกรรม
นายโอซามุ อิโตะ ผู้จัดการใหญ่สาขามิตซูบิชิในบรูไน เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่สัปดาห์นี้ แต่ไม่
เปิดเผยงบประมาณก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบรูไน จะลดการเผาผลาญน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของประเทศลงได้มากถึง 340,000 ลิตร ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซทำลายชั้นบรรยากาศโลกลงได้เฉลี่ยปีละราว 940 ตัน ทั้งนี้ แม้ว่าบรูไนถือเป็นชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 9 ของโลก แต่บรูไนยังต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรภายในประเทศเอาไว้ให้ยาวนานที่สุด.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

"น้องเดียร์"อวดไอเดียนักวิทย์น้อย แผงโซลาร์เซลล์บนจานดาวเทียม

คอลัมน์ ไอคิวทะลุฟ้า



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>



</TD></TR></TBODY></TABLE>จานกลมๆ ใบใหญ่ๆ บนหลังคาบ้านหลายๆ คนเป็นสัญลักษณ์ว่าบ้านนี้มีรายการทีวีให้ดูมากมายหลายช่องนอกเหนือจากฟรีทีวีทั่วไป

อาจไม่เคยมีใครตั้งข้อสังเกตว่าจานใบใหญ่นี้จะมีประโยชน์เพียงแค่รับสัญญาณโทรทัศน์เท่านั้นหรอกหรือ

แต่ น.ส.นลินี ชีวินกฤตย์กุล หรือ "น้องเดียร์" โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอน แก่น นักเรียนทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มองเห็นประโยชน์ต่อยอดของจานรับสัญญาณ โทรทัศน์ที่ว่านี้

"จานรับสัญญาณดาวเทียม" มีหน้าที่สะท้อนสัญญาณคลื่นความถี่โทรทัศน์ที่ส่งผ่านจากดาวเทียมไปรวมสัญญาณที่อุปกรณ์ซึ่งมีลักษณะรูปโค้งพาราโบล่าแบบกระทะ ทำด้วยเหล็ก อะลูมิเนียม หรือไฟเบอร์กลาส มีทั้งจานรับแบบทึบ และแบบจานโปร่ง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>



</TD></TR></TBODY></TABLE>

ลักษณะอย่างหนึ่งของจานรับสัญญาณดาวเทียมที่มีรูปร่างโค้งจนน่าจะรวมแสงได้ดี ทำให้น้องเดียร์นึกถึงแผงโซลาร์เซลล์ และเกิดคำถามว่าเราจะประยุกต์จานรับสัญญาณดาวเทียมมาเป็นแผงโซลาร์เซลล์ขนาดย่อมๆ โดยทำเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง "เปรียบเทียบค่ากระแสไฟฟ้าที่ได้จากการใช้แผงโซลาร์เซลล์ติดที่บริเวณรวมแสงของจานรับสัญญาณดาวเทียม เทียบกับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบธรรมดา"

โซลาร์เซลล์ (Solar cell) มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ หรือ เซลล์สุริยะ เป็นกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากการตกกระทบของแสงบนวัตถุที่มีความสามารถในการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ มีลักษณะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำ เมื่อได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงจะเปลี่ยนเป็นพาหะนำไฟฟ้า และจะถูกแยกเป็นประจุไฟฟ้าบวกและลบเพื่อให้เกิดแรงดันไฟฟ้าที่ขั้วทั้งสองของเซลล์แสงอาทิตย์ เมื่อนำขั้วไฟฟ้าของเซลล์แสงอาทิตย์ต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสตรง กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสู่อุปกรณ์เหล่านั้น ทำให้สามารถทำงานได้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>



</TD></TR></TBODY></TABLE>

น้องเดียร์นำเอาจานรับสัญญาณดาวเทียมมาชุบ "โครเมียม" ซึ่งเป็นโลหะมันวาวสีเทาด้วยกระแสไฟฟ้า แล้วติดแผงโซลาร์เซลล์หนึ่งแผงที่บริเวณรวมแสงของจานรับสัญญาณดาวเทียมดังกล่าว และต่อแผงโซลาร์เซลล์บนแผ่นไม้อีกหนึ่งจุด จากนั้นเปรียบเทียบปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ได้จากอุปกรณ์แผงโซลาร์เซลล์บนจานดาวเทียมกับบนแผ่นไม้ โดยใช้มัลติมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าเป็นเวลา 3 วัน วัดปริมาณกระแสไฟฟ้าทุกๆ 12 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีแสงแดดมากที่สุดของวัน จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ผล

ผลการวัดปริมาณกระแสไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ทั้งสองแบบ พบว่า การใช้จานช่วยรวมแสงทำให้กระแสไฟฟ้าที่ได้มีค่าเทียบเท่ากับแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งแบบธรรมดาถึง 3 แผง โดยความเข้มแสงที่บริเวณรวมแสงเทียบกับที่แผงโดยรวมทั้งสามวันเท่ากับ 1.33 เท่า หากเราใช้จานรับสัญญาณดาวเทียมชุบโครเมียมในการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยลดจำนวนการใช้แผงโซลาร์เซลล์ได้ถึง 2 แผง ดังนั้น การใช้จานรับสัญญาณดาวเทียมช่วยรวมแสงมาที่โซลาร์เซลล์จึงทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าดีกว่าแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งแบบทั่วไป

ผลการทดลองนี้ยังนำความรู้ไปขยายผลต่อ เพื่อหาแนวทางประดิษฐ์แผงโซลาร์เซลล์ให้มีขนาดเล็กลง ทนทานต่อความร้อนอุณหภูมิสูง และลดพื้นที่ในการติดตั้งและนำไปประยุกต์ใช้งานต่างๆ ได้


ไปก็อปมาจากคุณเกษม กระทู้ประเทศไทยจะเกิดภัย..... ครับ

 

กฟผ.ทุ่ม 222ล. ขึ้นโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในไทย

วันที่ 2009-11-03 15:55:00 โดย กรุงเทพธุรกิจ - 25.0478668212891

กฟผ.ทุ่มงบกว่า 222 ล้านบาท สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ อ.สิรินธร จ.อุบลฯ เผยเป็นโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ใหญ่สุดในประเทศไทย
นายภิญโญ ทองสิงห์ วิศวกร ระดับ 11 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเขตพื้นที่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ในพื้นที่ 25 ไร่ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และนำส่งเข้าระบบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนในภาคอีสาน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่มีความเหมาะสม มีแสงอาทิตย์ที่ยาวนานที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในตอนกลางวัน โดยใช้งบประมาณก่อสร้าง 222 ล้านบาท มีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

 

<TABLE borderColor=#ffffff height=200 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

<TABLE width="86%" border=0><TBODY><TR><TD>

ระบบปั้มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ (รุ่นครอบครัว)​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

ระบบปั้มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ (รุ่นครอบครัว) เหมาะสำหรับใช้น้ำ 400-600 ลิตรต่อวัน ปั้มน้ำมีกำลังสูบน้ำสูงสุด 20 เมตร โดยใช้พลังงานจากแผงโซล่าเซลล์โดยตรงไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการสำรองไฟ​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

<TABLE width="89%" border=0><TBODY><TR><TD width="12%">
</TD><TD width="8%"> </TD><TD width="80%">

หนึ่งชุดจะประกอบด้วย

1) ปั้มน้ำ ขนาด 54 ซม x 26 ซม x 26 ซม หนัก 11.5 กิโลกรัม
2) สายยาง 1 เส้น
3) แผงโซล่าเซลล์ขนาด 12 วัตต์ จำนวน 2 แผง

ทั้งหมดนี้เราขายเพียง 33,500 บาทเท่านั้น
ปั้มน้ำผลิตจากประเทศเยรมัน ยี่ห้อ LIUJIA รุ่น LJ20
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="89%" border=0><TBODY><TR><TD width="47%"> </TD><TD width="3%"> </TD><TD width="50%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="89%" border=0><TBODY><TR><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>สนใจติดต่อด่วนสินค้ามีจำนวนจำกัด


​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff bgColor=#ffffff colSpan=3>

เป็นสินค้าอีกชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจผลิตจากประเทศเยรมัน

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน​

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้สำหรับให้น้ำสัตว์ในฟาร์ม

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้กับเครื่องทำน้ำอุ่นแบบพลังงานแสงอาทิตย์

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้สำหรับระบบน้ำหยดในแปลงผัก

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้สำหรับปั้มน้ำเพื่อชำระร่างกายชายทะเล

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

​

</TD></TR><TR><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้สำหรับน้ำใช้ภายในบ้าน

​

</TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff> </TD><TD borderColor=#ffffff align=middle bgColor=#ffffff>

ใช้สำหรับสเปรย์ระบายความร้อน

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เปิดตัว “เชฟโรเลต โวลต์” รถไฟฟ้าคันแรกของโลกพร้อมผลิตแล้ว ชาร์จง่ายเพียงเสียบปลั๊ก ชาร์จไฟหนึ่งครั้งถูกกว่ากาแฟหนึ่งแก้ว

ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 22 กันยายน 2551 10:12:18 น.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 sizset="0" sizcache="0"><TBODY sizset="0" sizcache="0"><TR sizset="0" sizcache="0"><TD sizset="0" sizcache="0"></TD></TR></TBODY></TABLE>ดูรูปทั้งหมด

<STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--เวเบอร์ แชนด์วิค
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (จีเอ็ม) ก้าวสู่ศตวรรษใหม่ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 ตามเวลาท้องถิ่น เป็นการฉลองวันครบรอบ 100 ปี จีเอ็ม ด้วย เชฟโรเลต โวลต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบบ ปลั๊ก-อิน (Plug-in) ที่คนทั่วโลกเฝ้าติดตามการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โวลต์สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้ในระยะทางมากกว่า 65 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางเฉลี่ยที่ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ปราศจากมลพิษอย่างสิ้นเชิง พร้อมทั้งยังสามารถใช้งานระยะทางยาวไกลขึ้นอีกหลายร้อยกิโลเมตร เมื่อใช้ควบคู่กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มากกว่าการคาดการณ์ไว้เมื่อครั้งที่โวลต์ยังเป็นรถต้นแบบ
<!--/* OpenX Javascript Tag v2.8.2 */--><SCRIPT type=text/javascript><!--//<![CDATA[ var m3_u = (location.protocol=='https:'?'https://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php':'http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php'); var m3_r = Math.floor(Math.random()*99999999999); if (!document.MAX_used) document.MAX_used = ','; document.write ("<scr"+"ipt type='text/javascript' src='"+m3_u); document.write ("?zoneid=5"); document.write ('&cb=' + m3_r); if (document.MAX_used != ',') document.write ("&exclude=" + document.MAX_used); document.write (document.charset ? '&charset='+document.charset : (document.characterSet ? '&charset='+document.characterSet : '')); document.write ("&loc=" + escape(window.location)); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); if (document.context) document.write ("&context=" + escape(document.context)); if (document.mmm_fo) document.write ("&mmm_fo=1"); document.write ("'><\/scr"+"ipt>");//]]>--></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php?zoneid=5&cb=8566075048&charset=utf-8&loc=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/436506&referer=http%3A//www.google.co.th/search%3Fhl%3Dth%26q%3D%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%259F%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581%26meta%3D%26aq%3Df%26oq%3D%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%259F%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%258A" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--// <![CDATA[/* openads=http://a.ryt9.com/www/delivery bannerid=10 zoneid=5 source= */// ]]> --></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1994271288564323";/* Ryt9-Center 336x280, created 12/22/08 */google_ad_slot = "4617559094";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ag.php" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1994271288564323&output=html&h=280&slotname=4617559094&w=336&lmt=1265645440&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F436506&dt=1265645440796&correlator=1265645440796&frm=0&ga_vid=386940879.1260116314&ga_sid=1265645331&ga_hid=142608897&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=37&u_java=1&u_h=768&u_w=1360&u_ah=738&u_aw=1360&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1340&bih=622&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fhl%3Dth%26q%3D%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%259F%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581%26meta%3D%26aq%3Df%26oq%3D%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%259F%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%2B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%258A&fu=0&ifi=1&dtd=16&xpc=3Q6zRJ4E9h&p=http%3A//www.ryt9.com" frameBorder=0 width=336 scrolling=no height=280 allowTransparency></IFRAME></INS></INS><NOSCRIPT></NOSCRIPT>
“การเปิดตัว เชฟวี่ โวลต์ รุ่นที่จะผลิตเพื่อการจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นแนวทางสำคัญในการก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ของจีเอ็ม” มร.ริค แวกอเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นที่จะผลิตออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกของโลก “โวลต์เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกอย่างชัดเจนถึงแนวทางของจีเอ็มในอนาคต...และเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ของเราที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่เผชิญอยู่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต” มร. แวกอเนอร์ กล่าวอย่างมั่นใจ
การออกแบบ เชฟโรเลต โวลต์ ถูกถอดแบบมาจาก เชฟโรเลต โวลต์ ที่เป็นรถยนต์ต้นแบบและเคยเผยโฉมในงาน ดีทรอยท์ มอเตอร์โชว์ (NAIAS: North American International Auto Show) เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
จากการออกแบบเพื่อลดแรงเสียดทานของอากาศ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้โวลต์สามารถใช้งานได้ในระยะทางที่ไกลมากขึ้น ทีมวิศวกรผู้ออกแบบของจีเอ็มได้สร้างสรรค์ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ส่งผลอันยอดเยี่ยมสำหรับโวลต์รุ่นที่ผลิตออกจำหน่ายนี้ การออกแบบในหลายๆ จุดได้รับการคัดสรรมาจากโวลต์คันที่เป็นรถยนต์ต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ กระจังหน้า รูปทรงที่ดูปราดเปรียวทะมัดทะแมง กราฟฟิคดีไซน์ที่ท้ายรถ กระจกมองหลัง และส่วนอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ แผงมาตรวัดของโวลต์ถูกออกแบบให้ดูโค้งมนกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของ
คอนโซลหน้า ตามมุมรถและกระจังหน้ารถถูกออกแบบให้ดูเรียวบาง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดแรงปะทะกับอากาศ ช่วยให้อากาศสามารถไหลผ่านรอบตัวรถไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนด้านท้ายรถถูกออกแบบให้มีสันขอบที่ชัดเจนดูดุดัน พร้อมทั้งออกแบบสปอยเลอร์อย่างประณีตเพื่อลดแรงเสียดทานอากาศเช่นกัน กระจกบังลมหน้าก็ถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปด้านหลังค่อนข้างมากเพื่อช่วยลดการเคลื่อนที่อันไร้ทิศทางของกระแสลมที่ผ่านกระทบตัวรถและลดการทอนกำลังจากแรงลมที่เข้ามาปะทะ
ด้วยการทำงานอย่างพิถีพิถันของทีมออกแบบระบบอากาศพลศาสตร์ของจีเอ็ม ในการกำหนดรูปทรงของโวลต์ จากทั้งทีมออกแบบและวิศวกร ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือรถยนต์ที่มีระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีเอ็ม ทีมออกแบบและวิศวกรของจีเอ็มทุ่มเทอย่างหนักหลายร้อยชั่วโมงกับการทดสอบ เชฟโรเลต โวลต์ ภายในอุโมงค์ลมของจีเอ็ม ผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งตัวรถทั้งคันหรือชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งการปะทะลมที่ด้านหน้าตัวรถ ด้านท้ายรถ สปอยเลอร์หลัง ส่วนโค้งของหลังคา และกระจกมองข้าง และด้วยการออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมนี้ ช่วยให้โวลต์สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่มากถึงประมาณ 65 กิโลเมตรโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการสันดาปและปลอดมลพิษอย่างสิ้นเชิง ตามมาตรฐานของ “อีพีเอ” (EPA: Environmental Protection Agency) หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ที่จะตรวจสอบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและวัดค่ามลพิษที่ออกจากรถยนต์
ภายในของ เชฟโรเลต โวลต์ ยังมีความกว้างขวาง ให้ความสบายในการโดยสาร พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ ตามที่ลูกค้าคาดหวังว่าจะได้พบในรถยนต์ซีดานแบบ 4 ที่นั่ง และโวลต์ยังมีสีสันการออกแบบภายในให้ลูกค้าเลือกใช้อย่างหลากหลาย รวมทั้งเลือกการตกแต่งระบบไฟภายในตัวรถและสีสันในสไตล์ต่างๆ ที่มักจะไม่ค่อยได้พบเห็นทางเลือกมากมายเช่นนี้ในรถยนต์ซีดานของเชฟโรเลต ปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังถูกออกแบบอย่างล้ำสมัย วัสดุต่างๆ ได้รับการออกแบบให้ดูน่าสนใจน่าจับต้อง พร้อมด้วยหน้าจอมอนิเตอร์ 2 ตัว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ อยู่หลังพวงมาลัย และแสดงข้อมูลของรถ ติดตั้งไว้ที่คอนโซลกลาง ซึ่งมอนิเตอร์ที่คอนโซลกลางนี้จะเป็นส่วนแสดงข้อมูลของรถ รวมทั้งควบคุมและแสดงผลการเล่นเครื่องเสียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกความบันเทิงต่างๆ สั่งงานด้วยระบบสัมผัส (touch-sensitive infotainment) ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีและการออกแบบที่ทันสมัยได้อย่างลงตัวนี้ ช่วยยกระดับให้การออกแบบภายในของโวลต์แตกต่างเหนือจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในตลาด
เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นของโวลต์
ส่วนแสดงข้อมูลการขับขี่ผ่านหน้าจอแอลซีดี แทนที่จะเป็นกรอบมาตรวัดต่างๆ เหมือนรถยนต์ทั่วไป
ที่คอนโซลกลางยังติดตั้งมอนิเตอร์ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการแสดงข้อมูลต่างๆ ของโวลต์
ปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารและควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ความบันเทิง ด้วยระบบสัมผัส
สามารถเพิ่มเติมการติดตั้งระบบนำทางผ่านสัญญาณดาวเทียมบนฮาร์ดไดร์ฟ (hard drive) ที่ติดตั้งซ่อนไว้ในคอนโซลกลาง โดยสามารถใส่ข้อมูลแผนที่ หรือเป็นไดร์ฟสำหรับเก็บไฟล์เพลงต่างๆ
ติดตั้งบลูทูธ (Bluetooth hand free) สำหรับพูดคุยโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และยังรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพาอย่าง ยูเอสบี (USB removable drive) และอุปกรณ์บลูทูธ สำหรับการโหลดเพลง เล่นเพลง ที่อยู่ในไดร์ฟพกพาเหล่านี้อีกด้วย
เชฟโรเลต โวลต์ กลายเป็นรถยนต์ที่มาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้กับรถยนต์ ด้วยการยกระดับตัวเองให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางไกลมากขึ้น (E-REV: Extended-Range Electric Vehicle)
โวลต์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนล้ออยู่ตลอดเวลาและทุกย่านความเร็ว โดยสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน (lithium-ion) วิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร และเมื่อไรก็ตามที่พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีหมดลง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิง E85 จะส่งกระแสไฟไปยังระบบขับเคลื่อนของโวลต์อย่างราบรื่น ในระหว่างนั้นก็จะชาร์จไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรีไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ด้วยระบบนี้จะทำให้โวลต์สามารถใช้งานได้เป็นระยะทางมากขึ้นอีกหลายร้อยกิโลเมตร จนกว่าจะหาช่องเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์จไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน อีกครั้ง เพื่อให้รถยนต์สามารถกลับมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีได้อีก แบตเตอรี่ในโวลต์แตกต่างจากแบตเตอรี่ของรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่น ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่า จะไม่พบกับปัญหาแบตเตอรี่หมดอย่างแน่นอน
เชฟโรเลต โวลต์ สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ด้วยการเสียบปลั๊กไฟเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านที่ใช้ไฟ 120 โวลต์ทั่วไป หรือชาร์จไฟที่ 240 โวลต์ก็ได้ ด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดในการชาร์จไฟทำให้โวลต์สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เต็มภายในเวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับกระแสไฟ 240 โวลต์ หากใช้กระแสไฟ 120 โวลต์จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟนั้นยังอาจจะน้อยกว่านั้นถ้าใน แบตเตอรี ลิเธียม-ไอออน ยังมีปริมาณไฟฟ้าสะสมอยู่บ้าง สำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้งานโวลต์จะอยู่ที่ประมาณ 27.20 บาท ต่อวัน (เมื่อคิดจากค่าไฟในสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ 3.40 บาท ต่อ กิโลวัตต์ชั่วโมง) ในการชาร์จแบตเตอรีให้เต็มจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 65 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางเฉลี่ยที่ผู้ขับขี่รถส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจีเอ็มคาดว่าการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้แก่โวลต์จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการซื้อกาแฟดื่มต่อถ้วยด้วยซ้ำ และการชาร์จไฟฟ้าให้กับ เชฟโรเลต โวลต์ 1 ครั้งต่อวันในทุกวันตลอดปีนั้น จะใช้ปริมาณไฟฟ้าที่น้อยกว่าการใช้ไฟของตู้เย็นหรือตู้แช่หนึ่งตู้เสียอีก
สมรรถนะการขับขี่ของเชฟโรเลต โวลต์ แรงเหนือชั้นด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน จำนวน 220 เซลส์ ให้พละกำลังขับเคลื่อน 150 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุดทะยานไปได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากจะให้ความเร้าใจในการขับขี่แล้ว ความเงียบของเครื่องยนต์ในการขับขี่เป็นจุดเด่นที่สุดของโวลต์ ทำให้ห้องโดยสารมีเสียงรบกวนเล็ดลอดเข้ามาน้อยที่สุด
จากการประเมินของจีเอ็ม ค่าใช้จ่ายในการขับขี่โวลต์อยู่ที่เีพียง 0.43 บาทต่อกิโลเมตร ถูกกว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ที่ 2.55 บาทต่อกิโลเมตร (คิดตามราคาน้ำมันในสหรัฐที่ แกลลอนละ 3.60 ดอลลาร์) หากคำนวนจากการใช้รถยนต์เฉลี่ย 65 กิโลเมตรต่อวัน หรือ 24,750 กิโลเมตรต่อปี ผู้ขับขี่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 51,000 บาท ต่อปี และถ้าหากใช้รถยนต์ในโหมดที่เป็นไฟฟ้าให้ได้มากที่สุดนั้น เชฟวี่ โวลต์ จะใช้ค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 6 เท่าเมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมันทั่วไป นอกจากนี้ ถ้าเลือกชาร์จไฟให้กับโวลต์ในช่วงเวลาที่มีคนใ้ช้ไฟน้อยค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟก็จะถูกลงด้วยเพราะค่าไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวจะถูกกว่าในเวลาปกติ
เชฟโรเลต โวลต์ จะขึ้นสายการผลิตที่โรงงานดีทรอยท์-แฮมแทรค (Detroit-Hamtramck) และจะออกสู่ตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2553 โดยยังไม่มีการกำหนดราคาค่าตัวออกมา ทั้งนี้ การผลิต เชฟโรเลต โวลต์ ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและแนวทางของรัฐบาลด้วย ข้อมูลเพิ่มเติมคลิกเข้าไปได้ที่ media.gm.com/volt
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
คุณชาติชาย สุวรรณเสวก
กรรมการอำนวยการบริหาร
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเชีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร.0-2791-3400 แฟกซ์.0-2937-0441
อีเมล์: chartchai.suwanasevok@gm.com

 

EVT โชว์ผลิตภัณฑ์โอทอป ไฮเทค “รถพลังงานไฟฟ้า รุ่นแรก รุ่นเดียวของประเทศไทย” ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ ได้พิสูจน์ก่อนใคร ในงานสีลม เฟสติวัล 2010

ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 08:14:33 น.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 sizset="0" sizcache="0"><TBODY sizset="0" sizcache="0"><TR sizset="0" sizcache="0"><TD sizset="0" sizcache="0"></TD></TR></TBODY></TABLE>ดูรูปทั้งหมด

<STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--เอดีทูวาย คอมมิวนิเคชั่น

บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมงานและเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน สีลม เฟสติวัล 2010 หรือเทศกาลแห่งความสุขบนถนนสีลม พร้อมนำผลิตภัณฑ์ “โอทอป ไฮเทค รถพลังงานไฟฟ้า” หวังให้คนไทยหันมาใช้ และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ฝีมือของคนไทย และยังช่วยให้โลกสดใส ไร้มลพิษ
<!--/* OpenX Javascript Tag v2.8.2 */--><SCRIPT type=text/javascript><!--//<![CDATA[ var m3_u = (location.protocol=='https:'?'https://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php':'http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php'); var m3_r = Math.floor(Math.random()*99999999999); if (!document.MAX_used) document.MAX_used = ','; document.write ("<scr"+"ipt type='text/javascript' src='"+m3_u); document.write ("?zoneid=5"); document.write ('&cb=' + m3_r); if (document.MAX_used != ',') document.write ("&exclude=" + document.MAX_used); document.write (document.charset ? '&charset='+document.charset : (document.characterSet ? '&charset='+document.characterSet : '')); document.write ("&loc=" + escape(window.location)); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); if (document.context) document.write ("&context=" + escape(document.context)); if (document.mmm_fo) document.write ("&mmm_fo=1"); document.write ("'><\/scr"+"ipt>");//]]>--></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php?zoneid=5&cb=63426586983&charset=utf-8&loc=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/781556&referer=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/436506" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--// <![CDATA[/* openads=http://a.ryt9.com/www/delivery bannerid=10 zoneid=5 source= */// ]]> --></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1994271288564323";/* Ryt9-Center 336x280, created 12/22/08 */google_ad_slot = "4617559094";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ag.php" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1994271288564323&output=html&h=280&slotname=4617559094&w=336&lmt=1265645546&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F781556&dt=1265645546921&correlator=1265645546921&frm=0&ga_vid=386940879.1260116314&ga_sid=1265645331&ga_hid=1015714254&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=36&u_java=1&u_h=768&u_w=1360&u_ah=738&u_aw=1360&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1340&bih=622&ref=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F436506&fu=0&ifi=1&dtd=16&xpc=gYhHzNAVQJ&p=http%3A//www.ryt9.com" frameBorder=0 width=336 scrolling=no height=280 allowTransparency></IFRAME></INS></INS><NOSCRIPT></NOSCRIPT>

คุณณัฐฎา วสุรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า “บริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดงาน และร่วมออกบูธในครั้งนี้ ซึ่งงานจะปิดถนนช่วงระหว่างแยกศาลาแดงไปจนถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ รวมระยะทางยาว 1 กิโลเมตร (ไปกลับ 2 กิโลเมตร) โดยมีจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายให้ได้ชมตลอดเส้นทาง และในส่วนของบริษัทฯ ได้นำ “ผลิตภัฑ์โอทอป ไฮเทค” รถโดยสารไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่นมาร่วมพิธีเปิดงาน “สีลม เฟสติวัล 2010” ได้แก่ อีวีที ซาวีโอ รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า 2 ล้อ, อีวีที คลาสิก รถกอล์ฟ 4 ที่นั่ง, อีวีที สามล้อไฟฟ้า และอีวีที ชาเลต์ รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ 14 ที่นั่ง เพื่อให้ผู้บริหารของกรุงเทพมหานครทุกท่าน และประชาชนทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติได้มีโอกาสทดลองนั่งรถพลังงานในครั้งนี้ตลอดทั้งงาน

และงานนี้ยังถือโอกาส นำรถพลังงานไฟฟ้าอเนกประสงค์ “อีวีที เมอคิวรี” ซึ่งเป็นพระเอกของงานเป็นคันแรก และคันเดียวในประเทศไทยที่ได้นำมาอวดโชว์ ให้สัมผัสก่อนใคร รถรุ่นนี้ ออกแบบเพื่อประโยชน์หลากหลายจำนวน 15 ที่นั่ง เป็นยานพาหนะไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลภาวะทางอากาศและเสียง ประหยัดพลังงาน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และรถพลังงานทุกรุ่นของบริษัทฯ เป็นนวัตกรรมใหม่ที่อยากจะบอกว่า รถพลังงานไฟฟ้าผลิตภายใต้เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมไฟฟ้าโดยฝีมือคนไทย เพื่อความภาคภูมิใจของคนไทย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ได้
ฝ่ายขาย บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร.02 236-2020
หรือสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่
ผกากานท์ ภู่ระโหง

 

จีเอ็ม อินเดีย และเรวา ประกาศความร่วมมือพัฒนาและผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

ThaiPR.net -- พุธที่ 11 พฤศจิกายน 2552 14:45:16 น.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 sizset="0" sizcache="0"><TBODY sizset="0" sizcache="0"><TR sizset="0" sizcache="0"><TD sizset="0" sizcache="0"></TD></TR></TBODY></TABLE>ดูรูปทั้งหมด

<STYLE>.expanded { width: 620px; z-index: 9999 }</STYLE>กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--เวเบอร์ แซนวิค

บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส อินเดีย และบริษัทผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เรวา เซ็นสัญญาจับมือเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนาและผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกสู่ตลาดอินเดีย



ตามข้อตกลงดังกล่าว จีเอ็ม อินเดีย และเรวา จะร่วมมือกันพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และระบบควบคุมขั้นสูง โดยทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กในราคาที่ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายดาย เพื่อจำหน่ายในตลาดอินเดีย
<!--/* OpenX Javascript Tag v2.8.2 */--><SCRIPT type=text/javascript><!--//<![CDATA[ var m3_u = (location.protocol=='https:'?'https://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php':'http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php'); var m3_r = Math.floor(Math.random()*99999999999); if (!document.MAX_used) document.MAX_used = ','; document.write ("<scr"+"ipt type='text/javascript' src='"+m3_u); document.write ("?zoneid=5"); document.write ('&cb=' + m3_r); if (document.MAX_used != ',') document.write ("&exclude=" + document.MAX_used); document.write (document.charset ? '&charset='+document.charset : (document.characterSet ? '&charset='+document.characterSet : '')); document.write ("&loc=" + escape(window.location)); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); if (document.context) document.write ("&context=" + escape(document.context)); if (document.mmm_fo) document.write ("&mmm_fo=1"); document.write ("'><\/scr"+"ipt>");//]]>--></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ajs.php?zoneid=5&cb=16023099330&charset=utf-8&loc=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/745902&referer=http%3A//www.ryt9.com/s/prg/781556" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--// <![CDATA[/* openads=http://a.ryt9.com/www/delivery bannerid=10 zoneid=5 source= */// ]]> --></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1994271288564323";/* Ryt9-Center 336x280, created 12/22/08 */google_ad_slot = "4617559094";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://a.ryt9.com/www/delivery/ag.php" type=text/javascript></SCRIPT>
<SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1994271288564323&output=html&h=280&slotname=4617559094&w=336&lmt=1265645634&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F745902&dt=1265645634546&correlator=1265645634546&frm=0&ga_vid=386940879.1260116314&ga_sid=1265645331&ga_hid=1249470989&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=37&u_java=1&u_h=768&u_w=1360&u_ah=738&u_aw=1360&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1340&bih=622&ref=http%3A%2F%2Fwww.ryt9.com%2Fs%2Fprg%2F781556&fu=0&ifi=1&dtd=16&xpc=qYSj2a90JR&p=http%3A//www.ryt9.com" frameBorder=0 width=336 scrolling=no height=280 allowTransparency></IFRAME></INS></INS><NOSCRIPT></NOSCRIPT>

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เรวา ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนและระบบควบคุม” คาร์ล สลิม ประธานและกรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม อินเดีย กล่าว “นอกจากนี้ เราจะทำงานร่วมกับรัฐบาลอินเดียอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายชัดเจนที่จะลดการพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลงฟอสซิลด้วยการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของรถยนต์ไฟฟ้า เรามุ่งมั่นที่จะมอบทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้าของเรา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

ทั้งสองบริษัทได้เริ่มการศึกษาค้นคว้าถึงความเป็นไปได้ของการใช้โครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ขนาดเล็กของจีเอ็มเพื่อใช้ในการรองรับเทคโนโลยีไฟฟ้า โดยจีเอ็ม และเรวา มีแผนที่จะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าวในเร็วๆ นี้และจะเริ่มเปิดสายการผลิตในปี 2553

เชตัน มัยนี่ รองประธานองค์กร และประธานฝ่ายเทคโนโลยีของเรวา กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับจีเอ็ม อินเดีย ในการก้าวสู่จุดหมายร่วมกันของเรา ซึ่งก็คือการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และด้วยการนำจุดแข็งของทั้งเรวา และจีเอ็ม อินเดีย มาผนวกเข้าด้วยกัน เราเชื่อว่า สิ่งนี้จะช่วยให้อินเดียก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางการผลิตและพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มีความเป็นไปได้ว่า ความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ของเราในครั้งนี้ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว”

“การพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กนั้น ถือเป็นหนึ่งในการเติบโตครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ เราหวังว่า การร่วมมือกับเรวา ในอินเดีย จะช่วยเสริมสร้างให้จีเอ็ม ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลก” นิค ไรลีย์ ประธานเจนเนอรัล มอเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ กล่าว

จีเอ็ม กำลังแสวงหาพลังงานทางเลือกใหม่ๆ มากมาย รวมถึงทางเลือกด้านเทคโนโลยียานยนต์อันก้าวล้ำ เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคทั่วโลก จีเอ็มเชื่อว่า รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนจากแบตเตอรีและเทคโนโลยีฟิวเซลเป็นหลักนั้นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในระยะยาว และเป็นพื้นฐานในการนำไปสู่การแก้ปัญหาด้านพลังงานสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลอย่างยั่งยืน โดยทางบริษัทจะดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านนี้ต่อไป

เมื่อเร็วๆ นี้ จีเอ็ม เพิ่งเปิดตัวห้องแล็บพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ซึ่งเป็นห้องแล็บแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดและมีเทคโนโลยีที่เหนือชั้นที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยห้องแล็บใหม่นี้ จะช่วยให้จีเอ็ม ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านทรัพยากรวิศวกรรมแบตเตอรี่ที่ล้ำหน้าในระดับโลก และเร่งให้การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึง รถเชฟโรเลต โวลต์ รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด รถพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และรถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงหรือ ฟิวเซลอื่นๆด้วย

เชฟโรเลต โวลต์ ซึ่งมีกำหนดการเริ่มสายการผลิตในสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายปี 2553 เพื่อออกจำหน่ายในปี 2554 นั้น สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 40 ไมล์ (64 กิโลเมตร) โดยการชาร์จไฟฟ้าเข้ากับแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว และหลังจากระยะทาง 64 กิโลเมตรไปแล้ว ในโวลต์จะมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็กที่สามารถเพิ่มกระแสไฟฟ้าที่ทำให้โวลต์สามารถวิ่งต่อไปได้อีกหลายร้อยกิโลเมตร โดยมีระยะทางที่วิ่งได้ทั้งสิ้นถึง 300 ไมล์ (483กิโลเมตร) ทั้งนี้ เชฟโรเลต โวลต์ นั้น ใช้แผงพลังงานไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อนรถยนต์

บริษัทรถพลังงานไฟฟ้า เรวา ตั้งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย และเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์มากกว่า 14 ปีในการวิจัยและพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า นอกจากนั้น เรวา เป็นบริษัทแรกที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจรถพลังงานไฟฟ้า โดยมีการจำหน่ายและทดสอบการตลาดสินค้าของตนใน 24 ประเทศทั่วเอเชีย ยุโรป และ ละติน อเมริกา ทั้งนี้ มียานยนต์ที่จำหน่ายโดยเรวาวิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลก กว่า 3,000 คัน ด้วยระยะทางขับขี่กว่า 43 ล้านไมล์ หรือ 70 ล้านกิโลเมตร ทั่วโลก และเพื่อตอกย้ำถึงความสำเร็จ เรวา ยังได้รับรางวัล บริษัทยานยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี จากสถาบันยานยนต์ ฟรอส แอนด์ ซัลลิแวน ในปี 2551

เกี่ยวกับเจนเนอรัล มอเตอร์ส:
เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (จีเอ็ม) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2451 ปัจจุบันมีการผลิตรถยนต์และรถปิกอัพใน 34 ประเทศ สำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองดีทรอยท์ โดยมีพนักงาน 209,000 คนในทุกภูมิภาคสำคัญทั่วโลก มีการจำหน่าย และการบริการใน 140 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ชื่อดัง ทั้ง บูอิค คาดิลแลค เชฟโรเลต จีเอ็มซี จีเอ็มแดวู โฮลเดน โอเปิล วอกซ์ฮอลล์ และวูลิง ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของจีเอ็ม อยู่ในสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยจีน บราซิล สหราชอาณาจักร แคนาดา รัสเซีย และเยอรมนี ขณะที่ออนสตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทภายใต้เครือจีเอ็ม ก็ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมความปลอดภัย ความมั่นคง และข้อมูลด้านยานยนต์ เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอมพานี เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาจากหน่วยงานที่แข็งแกร่งที่สุดของเจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2552 และเอกสารอ้างอิงสำหรับช่วงก่อนหน้านี้ และข่าวสารอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นเดิม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าเยี่ยมชมที่ General Motors | Corporate Website | GM

สำหรับสื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลหรือรูปภาพเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ GM Thailand และ Chevrolet Thailand หรือติดต่อ
ฤทัยวรรณ ตันวงษ์วาน หรือสถาปนา กาญจนประกร
เวเบอร์ แชนวิค
บริษัท แมคแคน เวิลด์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 02 343 6000 ต่อ 067 หรือ 178
อีเมล์: Ruthaiwan@webershandwick.com, Satapana@webershandwick.com

หรือ
ศศินันท์ ออลแมนด์
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2791-3400 โทรสาร 0-2937-0441

 

นิสสัน ลีฟ จุดประกายรถไฟฟ้าในเมืองไทย
พ, 11/04/2009 - 09:23 | Poster
รูปประกอบ:



นิสสัน ประกาศตัวอย่างเด่นชัดไปทั่วโลกว่า จะเดินหน้าผลิตรถพลังงานไฟฟ้า หรือ electric vehicle เพื่อทำตลาดทั่วโลก เริ่มจากญี่ปุ่นก่อนในปีหน้า จากนั้นอีก 2 ปี จึงเริ่มขยายออกไป
แม้ รถจะยังไม่ออกมา แต่ว่าถึงขณะนี้มีคำสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว และเป็นจำนวนที่ไม่น้อยทีเดียว คือ 1 แสนคัน ลูกค้าคืออิสราเอล และสวีเดน ประเทศที่สนใจในเรื่องของรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น รัฐบาลสต็อกโฮม ต้องการให้ประเทศในสแกนดิเนเวียแห่งนี้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศสะอาดที่สุด ที่ผ่านมา สวีเดนเดินหน้าหลายๆ โครงการ รวมถึงการใช้แก๊สโซฮอล์ผ่านรถยนต์ อี 85 แม้ว่าในประเทศจะไม่มีพืชเพื่อผลิตเอทานอลอย่างเพียงพอก็ตาม แต่สวีเดนใช้วิธีนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะบราซิล

นิสสัน เปิดเผยรายละเอียดโครงการมาแล้วนั่นคือ รถยนต์รุ่น ลีฟ (LEAF)

มิ ตซูฮิโกะ ยามาชิตะ รองประธานบริหาร ด้านการค้นคว้า วิจัย และพัฒนา บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เดินทางมาไทย เพื่อนำเสนอแนวคิดและทิศทางของนิสสันเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อม และลีฟ

ยา มาชิตะบอกว่า การเอาจริงเอาจังกับเรื่องสิ่งแวดล้อมของนิสสัน เริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่เป้าหมายสูงสุดของนิสสันคือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 90% ภายในระยะเวลา 40 ปี ไม่ผิดครับ 40 ปี อย่าลืมว่าปัจจุบันยุคที่เทคโนโลยีท่วมหัววิศวกรเช่นนี้ การจะลดให้ได้สักกรัมสองกรัมเป็นเรื่องชวนปวดหัวไม่น้อย

เมื่อนิสสันตั้งธงเอาไว้แล้ว ก็มานั่งคิดว่าแล้วหนทางที่จะเดินไปสู่จุดนั้น ทำอะไรได้บ้าง

เครื่อง ยนต์ดีเซล หรือว่า เบนซิน แก๊ส คงไม่สามารถที่จะลดได้มากเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ก็เป็นไปได้ แต่การจัดเก็บจะทำอย่างไร จึงจะเพียงพอกับเชิงพาณิชย์

ท้ายที่สุด นิสสัน สรุปว่า มีเพียงพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น ที่จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด จึงเดินหน้าพัฒนาจนได้ ลีฟ ออกมาในที่สุด

ลี ฟ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นชนิด Laminated Lithium-ion พิเศษคือมีระบบการเคลือบ ทำให้สามารถจัดเก็บพลังงานได้มาก โดยเพิ่มกำลังเป็น 2 เท่าจากแบตเตอรี่ปกติ และเพิ่มพลังงานเป็น 2 เท่าเช่นกัน เพียงพอที่จะขับเคลื่อนรถขนาด 5 ที่นั่ง ไปได้ไกลกว่า 160 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 140 กม./ชม.ขณะที่ขนาดก็เล็กลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งระยะทางที่ได้ถือว่าเพียงพอ สำหรับการใช้งานในเมืองทั่วๆ ไป

ทั้ง นี้เพราะว่าก่อนหน้านี้ได้มีการวิจัยผู้บริโภคในญี่ปุ่น พบว่า 85% ขับรถวันหนึ่งน้อยกว่า 50 กม.ส่วนการวิจัยที่อังกฤษพบว่า เกือบ 100% ใช้งานน้อยกว่า 100 กม.

ยามาชิตะบอกว่าขณะนี้ในญี่ปุ่นกำลังเดินหน้า จัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อรอง รับการมาของรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานีชาร์จไฟระหว่างทางในโตเกียว และบางพื้นที่เช่น โยโกฮามา มีการสร้างเลนพิเศษสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะให้อีกด้วย

นอกจาก นั้นที่ญี่ปุ่น รถไฟฟ้ายังได้รับความร่วมมือจากเอกชน เช่น ร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่ติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟ เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ ขณะที่ร้านค้าเองก็จะสามารถดึงคนเข้าร้านได้มากขึ้นเช่นกัน

“ปัจจุบันรถไฟฟ้ามีพันธมิตรมากทั้งภาครัฐ และเอกชน และในระดับโลก ขณะนี้มี 27 แห่งที่เป็นภาคีเพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า”

แน่ นอนการมานำเสนอเรื่องราวของรถไฟฟ้าในไทย ย่อมมีคำถามว่านิสสันต้องการอะไรในไทย ยามาชิตะบอกว่า ก็เพียงแค่ต้องการบอกให้รู้นิสสันกำลังทำอะไร และทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์จะเป็นเช่นไร ซึ่งหากรัฐบาลไทยสนใจก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมรองรับในอนาคต

ยามาชิตะยอมรับว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมาก แต่ว่าต้นทุนการผลิตรถไฟฟ้าก็ยังสูง เช่น ลีฟ มีราคาจำหน่ายประมาณ 4 ล้านเยน ขณะที่รถในระดับซี เซ็กเมนท์ ปกติ จะมีราคาประมาณ 2 ล้านเยน เท่ากับว่าแพงขึ้น 2 เท่าตัว แน่นอน ย่อมต้องมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคแน่

แต่ที่ญี่ปุ่นมี มาตรการส่งเสริมรถพลังงานสะอาด เริ่มจากรัฐบาลกลางที่ช่วยเหลือ 1 ล้านเยน จากนั้นรัฐบาลท้องถิ่น สนับสนุนอีก 50% ของส่วนที่เหลือ รวมๆ แล้ว เหลือราคา 2.5 ล้านเยน แต่ยังไม่จบแค่นั้น เทศบาลเข้ามารับภาระต่ออีกส่วนหนึ่ง ท้ายที่สุด ลีฟ มีราคาเกือบจะเท่ากับรถทั่วๆ ไป

นิสสัน ยังตั้งคำถามถึงรัฐบาลไทย ถึงโครงสร้างภาษี เพราะว่าปัจจุบันรถไฟฟ้ามีพิกัดภาษีสรรพสามิต 10% ซึ่งเท่ากับ รถไฮบริด ซึ่งไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า และช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากกว่า ดังนั้นหากไทยต้องการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าในอนาคต ก็จำเป็นจะต้องมาทบทวนกันใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ยามาชิตะค่อนข้างที่จะเชื่อว่าจริงๆ แล้วภาครัฐของไทยก็ให้ความสนใจเทคโนโลยีใหม่ และมั่นใจว่าในอนาคตจะมีมาตรการส่งเสริมออกมา

"เราคาดหวังว่าจะได้รับแรงหนุนจากรัฐ อย่างน้อยก็ 3-4 ปี ซึ่งทำให้มีเวลาในการพัฒนาเพื่อลดต้นทุน แต่ถ้ายิ่งยาวก็ยิ่งดี"

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

 

ข่าวจาก อิสราเอล (IsraelNN.com) ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2010 นี้ อิสราเอล (Israel) จะเป็นประเทศแรกในโลกที่จะมีเครือข่ายรถไฟฟ้า (national electric car network) โดยบริษัทที่จะพัฒนาเครือข่ายสำหรับรถไฟฟ้านี้ ก่อตั้งโดยนักธุรกิจชาวอิสราเอลชื่อ Shai Agassi ส่วนรถยนต์ที่จะมีส่วนเริ่มต้นนี้ เป็น Renault-Nissan ซึ่งเป็นบริษัทร่วมกิจการระหว่างฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ซึ่งรถยนต์ส่วนที่จะเริ่มได้นี้ อาจเป็น Nissan Leaf

ภาพ รถยนต์ในความร่วมมือของ Renault-Nissan, พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf​

ภาพ Kangoo รถที่มีรูปแบบเพื่ออเนกประสงค์ มีใช้ในยุโรป และในอเมริกาใต้
​

<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
รถไฟฟ้าที่จะเริ่มต้นนี้ไม่มีท่อไอเสีย ไม่ปล่อยก๊าซเสีย มีแต่ขั้วสำหรับเสียบปลั๊กไฟ (Electric socket) สามารถวิ่งได้ด้วยแบตเตอรี่ขนาดหนัก 200 กิโลกรัม เป็นแบบ lithium-ion สามารถวิ่งได้ไกลสุด 140 ไมล์ หรือประมาณ 224 กิโลเมตรก่อนที่จะต้องชาร์ตไฟในครั้งต่อไป<O></O>
แผนที่เขาวางไว้คือการมีเครือข่ายที่จะชาร์ตไฟเริ่มต้นที่ 200 แห่งทั่วประเทศที่จะรองรับการชาร์ตไฟสำหรับรถยนต์ดังกล่าว โดยพลังงานที่จะใช้นี้มาจากพลังแสงอาทิตย์ พัฒนาโดย Negev <O></O>
อิสราเอลจัดเป็นประเทศที่ให้ความสนใจในวิทยาการก้าวหน้า โดยมีบริษัทกว่า 1000 แห่งของอิสราเอลที่เข้าไปอยู่ในระดับเทคโนโลยีระดับสูงในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ แม้ประเทศจะประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนประเทศอื่นๆ แต่การมุ่งไปที่ใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าเพื่อแก้ปัญหา ทำให้ประเทศสามารถแก้ปัญหาได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ<O></O>
ผมสนใจเทคโนโลยีเพื่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนี้ และคิดว่าคงมีคนที่สนใจความก้าวหน้าในเรื่องการคิดแก้ปัญหาวิกฤติโลกร้อน และการมีวิทยาการพลังงานทางเลือกอย่างผม ซึ่งไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์มากนัก ถ้ามันมีความก้าวหน้ามากพอแล้ว อยากจะมีการจัดพานักการศึกษา และนักธุรกิจไทยได้ไปดูงานในประเทศอิสราเอลกันครับ
จึงเขียนมาเล่าสู่กันฟัง หากมีอะไรคืบหน้า หรือที่ผมควรรู้ หรือแนะนำ ช่วยส่งข่าวสารให้ทราบด้วยนะครับ
ประกอบ คุปรัตน์
Pracob Cooparat

 

แนวโน้มของโลกต่อไป คงพยายามใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ที่จริงเทคโนโลยี่เพียงพอกับการใช้งานนานแล้วครับเพียงแต่ยังมีการกันไม่ให้รถไฟฟ้าเกิด เพราะบ. น้ำมันเสียประโยชน์

เทคโนโลยี่ ที่เอื้อกับการสร้างรถไฟฟ้าก็คือ

-แบตตารี่ ที่ต้องพัฒนาให้มี น้ำหนักเบาๆต่อความจุไฟฟ้า สูงๆ เพื่อที่จะได้ไม่โหลด เป็นภาระของมอเตอร์มาก และเพื่อให้ยานยนต์นั้น มีพิสัยทำการไกลขึ้น จากตอนนี้ รถไฟฟ้าแบบเพียว ไม่เป็นไฮบริด วิ่งไกลประมาณ 100- 400 กม.เต็มที่ ต่อการชาจต์ 1 ครั้ง

แนวทางที่ใช้พัฒนาก็ตั้งแต่ แบตตารี่ ลิเธี่ยมอิออม ,ลิเธี่ยมโพลีเมอร์ และมีการนำเอาเทคโนโลยี่ นาโนมาใช้ร่วมกับแบตตารี่

แต่ปัญหาของแบตตารี่แบบนี้นั้นก็คือ อายุการใช้งานอยู่ที่ ประมาณ 2-3 ปี ราคาแพง จึงมีการแก้ปัญหา โดยเป็นการเช่าแบตตารี่ ซึ่งเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ใช้เงิน 2-3 แสนบาท และต้องมารีไซเคิ้ลกันอีก

มีอีกแนวคิดหนึ่ง ที่พัฒนาการเก็บพลังงานใหม่ในรูปของประจุไฟฟ้า โดยใช้ Super capacitor ซึ่งอายุการใช้งาน 10ปีขึ้นไป ชาจต์ซ้ำได้ กว่า แสนครั้ง น้ำหนักเบากว่า แต่เทคโนโลยี่นี้ยังถูกเก็บเอาไว้อยู่ ไม่ออกมายัง ระดับคอนซูเมอร์ แต่มันคือคำตอบ ของรถไฟฟ้ารุ่นใหม่แน่นอน


2. มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ที่ใช้พลังงานน้อย แต่ให้กำลังแรงม้ามาก เพราะนั่นคือ การเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มระยะทางต่อการชาต์ให้ไกลขึ้น

3.วัสดุน้ำหนักเบาในการประกอบเป็นตัวถังและโครงสร้างของรถไฟฟ้า ยิ่งเบา ยิ่งโหลดน้อย ยิ่งไปได้ไกลขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวถังเหล็ก ฝากระโปรงหน้า หนัก 30กิโลกรัม พอเปลี่ยนเป็น คาร์บอนคอมโพสิต หนักเหลือ ไม่เกิน 10กิโลกรัม กระจกรถที่เป็นลามิเนตกลาส หนัก40กิโลกรัม พอใช้เป็น วัสดุโพลีคาร์บอเนต น้ำหนักลดลงเหลือ 8 กิโลกรัม

ยิ่งน้ำหนักน้อยยิ่งใช้พลังงานต่ำ ความสิ้นเปลืองต่ำ สมรรถนะสูง

รวมถึงการอกแบบด้านแอโร่ไดนามิค ที่มีแรงต้านอากาศต่ำ

อย่างปัจจุบัน รถที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดในโปรดักซ์ชั่นคาร์คือ เบนซ์อีคลาสใหม่ ที่มีค่าที่ 0.22 จากรถอื่นๆ ทั่วไปอยู่ที่ 0.32-34 ซึ่งต้านลมมากยิ่งต้านลมน้อยยิ่งใช้พลังงานน้อยตามลำดับครับ

ข้อดีของรถไฟฟ้าคือ มีอิสระในการออกแบบให้ลู่ลมอย่างไรก็ได้เพราะไม่ต้องกันพื้นที่เอาไว้สำหรับเครื่องยนต์ด้านหน้า ดังนั้นออกแบบให้แอโร่ไดนามิคต่ำกว่า 0.20 ก็ทำได้

3. การลดแรงต้านการหมุน ให้เป็น Low rolling resistance.

ค่อยมาว่ากันต่อครับ

 

มาต่อ เรื่องเทคโนโลยี่เสริม ที่จะมาช่วยให้รถไฟฟ้าก็ดี หรือ พลังงานทดแทน ที่เราจะนำมาใช้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากๆได้กัน

เรื่องทฤษฏี ของ โลว์ โรลลิ่งรีซีสแตนท์นั้น หมายถึง การทำให้การหมุนของวัตถุทรงกลมลดแรงต้านเชิงกลให้น้อยที่สุด

ซึ่งแรงต้านดังกล่าวที่มาต้านการหมุน ประกอบไปด้วย

1.แรงเสียดทาน ณ จุดหมุน พูดภาษาง่ายๆไม่้เป็นวิชาการมากไปเพื่อให้นำไปประยุกต์ได้ ก็คือ จุดหมุนยิ่งฝืดมาก ยิ่งกินแรง จุดหมุนยิ่งลื่นมาก ยิ่งใช้พลังงานน้อย และมีแรงไหลลื่นต่อไปอีก

พอดูวิดีโอที่มาแปะให้จะเข้าใจเลยครับ

คราวนี้เรามาดูว่าจุดหมุนแบบต่างๆมีความลื่นต่างกันแค่ไหน

-บู๊ชทองเหลือง และระบบบู๊ช ค่อนข้างฝืดเกิดความร้อนสูง ใช้ในการหมุนขยับ รอบต่ำ เอามือปั่นทีหนึ่ง หมุนต่อได้อีก แค่ห้า-หกรอบ

-ลูกปืนระบบเปิด หากมีการปรับแต่งระยะของจี๊กับลูกปืนแน่นไป ความลื่นก็จะต่ำ แต่หากปรับแต่งระยะให้ดีมากๆ ก็จะลื่นพอควรเลยทีเดียว ยิ่งหากใช้จาระบีหล่อลื่นคุณภาพสูง ยิ่งลื่นไปอีกมากมาย

หากปรับตั้งลูกปืนแน่น หมุน 1ครั้ง ไหลต่ออีก 10กว่ารอบแต่หากปรับตั้งดีมากๆ ไหลไปได้อีก 60-80 รอบ

องค์ความรู้นี้มาจากประสพการณ์จริงในการปรับแต่งในยานยนต์ไร้มลพิษ(จักรยาน)ทุกคันที่ผมใช้อยู่

-ตลับลูกปืน ระบบปิด หรือซิลล์แบริ่ง ซึ่งมีการปรับตั้งมาจากโรงงาน โดยมาตราฐานอุตสาหกรรม มีหน่วยที่แสดงถึง ความเที่ยงตรงและค่าความลื่น

ในหน่วยที่เรียกว่า ABEC ไล่ไปตั้งแต่ Abec1 ไปจนตอนนี้พัฒนาโปโตไทป์ ถึง ABEC 11แล้ว


<table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="10"><tbody><tr valign="top"><td width="50%">ABEC Grade

When choosing the ABEC grade, the factors to be considered are: radial and axial runout requirements, bore and O.D. fits, and audible noise level. The table below shows the bore and O.D. size tolerances and the radial runout limits for each ABEC grade. Grades 3 and 7 are preferred for most standard applications.
Normally, race finish and race geometry are superior in ABEC 5 and higher. National Precision Bearing recommends these grades for precision assemblies where low noise (mechanical or audible), minimal runout and long life are important considerations.
</td> <td> Radial Play

Radial Play is the free internal radial looseness between the balls and the races with no load applied to the bearing in any direction. Radial play is necessary to accommodate differential thermal expansions, the effects of interference fits, and to control axial play and deflection. The chart on page 7-3 of the Engineering Section shows the suggested radial play for some typical applications.
Lubricant

There are literally hundreds of lubricants available for ball bearings; selecting the optimal one is critical. Each has a particular characteristic which makes it suitable for a specific application. Unless torque is a problem, grease is preferred for prelubrication since it is less susceptible to migration and leakage. Grease can increase bearing torque by a factor of 1.2 to 5.0 depending on the grease type and quantity used.
</td> </tr> </tbody></table> <table class="data" width="100%" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"> <thead class="data-head"> <tr> <th rowspan="2" class="alt" width="13%">ABEC
Grade</th> <td rowspan="2" width="27%">O.D. SIZE</td> <td colspan="2">Radial
Runout</td> <td colspan="2">Mean Diam.
Tolerance</td> </tr> <tr> <td width="15%">Inner
Ring</td> <td width="15%">Outer
Ring</td> <td width="15%">Bore</td> <td width="15%">O.D.</td> </tr> </thead> <tbody class="data-body"> <tr> <th rowspan="4" class="dark" valign="top">1P</th> <td>0 - 18mm</td> <td>.00040</td> <td>.00060</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(0 - .7086 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0003</td> <td>–.0003</td> </tr> <tr> <td>over 18 - 30mm</td> <td>.00040</td> <td>.00060</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(over .7086 - 1.1811 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0004</td> <td>–.0004</td> </tr> <tr> <th rowspan="2" class="dark" valign="top">3P</th> <td>0 - 30mm</td> <td>.00020</td> <td>.00040</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(0 - 1.1811 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0002</td> <td>–.0003</td> </tr> <tr> <th rowspan="2" class="dark" valign="top">5P</th> <td>0 - 30mm</td> <td>.00015</td> <td>.00020</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(0 - 1.1811 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0002</td> <td>–.0002</td> </tr> <tr> <th rowspan="2" class="dark" valign="top">7P</th> <td>0 - 30mm</td> <td>.00010</td> <td>.00015</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(0 - 1.1811 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0002</td> <td>–.0002</td> </tr> <tr> <th rowspan="4" class="dark" valign="top">9P</th> <td>0 - 18mm</td> <td>.00005</td> <td>.00005</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(0 - .7086 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0001</td> <td>–.0001</td> </tr> <tr> <td>over 18 - 30mm</td> <td>.00010</td> <td>.00010</td> <td>+.0000</td> <td>+.0000</td> </tr> <tr class="even"> <td>(over .7086 - 1.1811 in.)</td> <td class="mdash">—</td> <td class="mdash">—</td> <td>–.0001</td> <td>–.00015</td> </tr> </tbody> </table> * ABEC 1 miniature and instrument bearings of both the metric and inch configurations meet the tolerances of ABMA Standard 20 for ABEC 1 metric series bearings.




ซึ่งความลื่นที่ได้นั้นหมายถึง หากเราไปประยุกต์ใช้ ในกังหันลม จะทำให้กังหันเริ่มหมุนที่ แรงลมต่ำกว่า ลมหยุดหรือเบาแล้วยังหมุนต่อได้นานกว่า นั่นหมายถึง ได้พลังงานมากกว่า เพราะไม่ไปเสียกับแรงเสียดทาน ณ จุดหมุน


ส่วนในยานยนต์นั้น ย่อมหมายถึง ทำให้ได้ระยะทางมากขึ้น ไหลไปได้ไกลขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น


เป็นทริคในการแข่งขับรถประหยัดน้ำมัน ที่ห้ามปรับแต่งเครื่องยนต์ แต่มีคนเปลี่ยนลูกปืนล้อเป็นประสิทธิภาพสูง หรือ ลื่นกว่ามาตราฐาน มากๆ ทั้งสี่ล้อ จากข้อมูลที่เคยทราบมา ลื่นกว่าของเดิม อีก 30 เปอร์เซนต์ นั่นคือทำให้ประหยัดน้ำมันอีก เกือบ 10เปอร์เซนต์เลยทีเดียว


หากเคยหยิบจับแบริ่งพวกนี้มาบ้าง จะพบว่ามันหมุนเนียนกว่าลูกปืนทั่วไปมากๆครับ ลื่นแบบเนียนๆไม่มีกึกๆกัก ไร้อาการสะดุดสิ้นเชิง


ลองมาคิดเล่นๆว่าจุดหมุนสำคัญๆในรถไฟฟ้ามีกี่จุด เพิ่มประสิทธิภาพได้อีกเท่าไร


-ลูกปืนเซรามิค ตัวนี้เป็นเทคโนโลยี่สุดไฮเทคสมัยก่อนใช้ในยานอวกาศและวงการแข่งขัน หรือทำลายสถิติระดับโลก แต่ ปัจจุบันน่าสนใจ เพราะ จีนผลิตได้หลายโรงงานและราคาถูกลงอีกมาก จนต่อไปน่าจะเป็นจุดหมุนประสิทธิภาพสูงที่คุ้มค่าที่สุด ตัวหนึ่ง


ลองมาดูความลื่นกันจากวิดีโอดูครับ


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=6ZfamxrIQgU"]YouTube - Ceramic Bearings vs. ABEC 7's[/ame]

และนี่ครับ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=tJ-SvaUtudY&feature=related"]YouTube - MODERN MARVELS CERAMIC BALL BEARINGS[/ame]


The following is a list of benefits of the ceramic silicon nitride ball bearing -

• 
  [*] LIGHTER. The ceramic ball is lighter then the steel ball. This means that
  the ball exerts less force outward against the outer race grove as the bearing
  spins. This reduction in outward force reduces the friction and rolling resistance.
  The lighter ball allows the bearing to rev up faster, and uses less energy
  to maintain it speed.
  [*]HARDER. The ceramic ball is harder then the steel ball. This gives you a
  bearing that will last up to 10 times longer then the steel ball bearing
  because it holds it's finish better.
  [*]SMOOTHER. The ceramic ball has smoother surface properties then the
  steel ball. This means
  less friction between the ball and bearing races giving you a faster spinning
  bearing.
  [*]THERMAL. The ceramic ball has better thermal properties then the steel
  ball. The ceramic ball will not heat up like a steel ball. This helps avoid heat
  build up in the bearing, a primary culprit in skate and skateboard bearing
  performance degradation.
  [*]LUBRICATION. The ceramic balls are impervious to oxidation, chemicals,
  and require essentially no lubricant. The bearings are lubricated with a
  very, very small amount of Aral Aralub oil, not a gel or grease.

 

คราวนี้เรามาลองดู การลดค่าแรงต้านการหมุนอีกอย่าง ก็คือ มวลหรือน้ำหนักของวัตถุ ที่อยู่ในรัศมีการหมุน โดยเฉพาะช่วงปลายขอบ

วิธีการทดลองง่ายๆก็คือ เราลองหมุนแขนเราเป็นวงกลมดู เทียบกับถึงดัมเบลล์ 1กิโลกรัมแล้วหมุนแขนดู มันต้องใช้พลังงานมากกว่าทั้งในการเริ่มหมุนและต้องใช้พลังงานมากกว่าในการหยุด

ดังนั้นจึงต้องมีการลดน้ำหนักของมวลตรงจุดนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงกว่า

เช่นกังหันลมที่ใบเป็นไม้ หนัก 20กิโลกรับ กับ ใบที่เป็นคาร์บอน หนัก 1 กิโลกรัม ที่รัศมีใบเท่ากัน แต่มวลต่างกัน

ใบคาร์บอนย่อมติดลมได้เร็วกว่า เริ่มหมุนได้เร็วกว่า แม้ความเร็วลมต่ำกว่านั่นเอง

หรือ อย่างล้อ รถที่หนักกว่า ยางหนักกว่า ย่อมกินน้ำมันมากกว่า อัตราเร่งช้ากว่า รถเหมือนกันแต่ ล้อรถเบากว่า ยางหนักกว่า มากๆ

อย่างมีกรณีหนึ่ง ที่มีการทดสอบ พูลเลย์ สายพานของเครื่องยนต์ในรถ 3 ตัว ที่ใช้หมุนไดชาจน์ ปั๊มน้ำ แอร์ และรอกปรับความตึงสายพานจาก ที่เป็นเหล็ก มาเป็นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา เกรด 6061 และนำไปทดสอบวัดแรงม้าที่ล้อ บนแท่นไดนาโมมิเตอร์ พบว่า ได้แรงม้าฟรี มาเปล่าๆ 5แรงม้า เป็นกราฟที่ยกตัวตลอดย่านรอบเครื่องยนต์คือ 1000 รอบไปจน 8000รอบต่อนาที นั่น หมายถึง มีความสูญเสียพลังงานไปเปล่าๆ ผ่าน มวลที่หนักเกินไป เปล่าๆ ไม่ว่ารถหยุด หรือรถวิ่ง (เพราะสายพานเครื่องหมุนตลอดเวลา) วันหนึ่งรถกี่คัน เป็นน้ำมันเท่าไร

หากมอเตอร์ใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง มวลต่ำ จุดหมุนมีความลื่นสูง ประสิทธภาพจะเพิ่มขึ้นเท่าไร

องค์ความรู้ที่คุยมานี่ จะช่วยในการพัฒนา ยานยนต์และพลังงานทดแทนขึ้นอีกมายมายครับ

เลยขออนุญาตมาลงตรงนี้

แต่ที่แน่ๆตอนนี้เราได้ ใส่เทคโนโลยี่นี่ในยานยนต์ไร้มลพิษของเราแล้ว

คาร์บอนไฟเบอร์

Ultralight concept

เซรามิคแบริ่ง

ผลคือ เบา ลื่นไหล ใช้พลังงานน้อยมากเลยครับ

 

ลองดูวิดีโอเรื่องเซรามิคแบริ่งแล้วมานึกภาพกังหันลมที่หมุนแทบไม่หยุดแบบนั้นกันครับ

 

oak

ผมสนใจเรื่องนี้ครับ ช่วยหาข้อมูลให้ผมได้รึเปล่าครับ ผมต้องการทำอาชีพประมาณนี้ครับ

 

หากสนใจเรื่องนี้

1. หาข้อมูลให้มากที่สุดก่อน

2. ลองดูว่า จะสร้างเครื่องขึ้นเองในไทย หรือซื้อเครื่องสำเร็จมาจากต่างประเทศ พร้อมการเซอร์วิสแลกกับ ราคาที่แพงกว่า 2-3 เท่าตัว

3. หากทำเองในไทย (เทคโนโลยี่พอทำได้) ลองดูที่ สถานบัน เทคโนโลยี่ ธัญญบุรี หรือที่ ม. พระจอมเกล้า บางมด

น่าจะมีอ. ที่พอทำได้ครับ

หากทำเองในไทยได้ ก็จะขยาย เป็น โรงไฟฟ้า ขนาดเล็กมาก กระจายไปตามชุมชน แผ่นดินธรรม แผ่นดินทองได้อีก หลายแห่งทั่วประเทศครับ

เพราะความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของไทยเสี่ยงมากจากการที่ ปริมาณน้ำในเขื่อนตอนนี้น้อยมาก

ต้องซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากลาว ซื้อก๊าซธรรมชาติจากพม่า มาผลิตไฟฟ้า

การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในประชาชนรอบโรงไฟฟ้ารัศมี 20 กม. ความเสี่ยงต่อการรั่วไหล และวาระซ้อนเร้น ในการแอบขายกากกัมมันตรังสีไปทำหัวรบนิวเคลียร์สูงมาก

การมีโรงไฟฟ้าขนาดย่อมกระจายตัวไปทั่วประเทศช่วยกระจายโหลด ลดความเสี่ยง ในการเกิดแบล๊คเอาท์ ในช่วงพีคโหลดไปได้มากๆ

การกระจายตัวไปตามภูมิภาคต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายในการสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และลดการสูญเสียในสายส่ง ซึ่งไฟฟ้าลอสส์ ไปประมาณ 30 -40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งเป็นมูลค่ามหาศาลของทั้งระบบการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าครับ