วีดีโอ poysian ถามเรื่องสร้างบาตรแก้ว หน้า 9 #169

โรงงานในไทยที่มีเตาอยู่แล้ว ( เตาที่อาจสร้างพระแ้ก้วตันขนาดเท่าคนจริง )



อย่างโรงงานนี้ที่สร้างตุ่มน้ำ โอ่งมังกร มีเตาเผา เตาอบขนาดใหญ่อยู่แล้ว อาจสร้างพระแก้วตันขนาดเท่าคนจริง ๆ ได้



อย่างโรงงานถ้วยชามเซรามิคขนาดชิ้นงานเล็ก ๆ แบบนี้ แต่เตาเผาเตาอบของเขาไม่เล็กนะครับ เตาใหญ่ขนาดเอาลูกช้างเดินเข้าไปในเตาอบได้หลายตัวแหละครับ อย่างนี้ก็อาจสร้างได้เช่นกัน


นี่ครับเตาไม่เล็กแต่ชิ้นงานเล็ก เป็นเตาใหญ่ที่มีอยู่แล้วและสามารถสร้างได้อย่างแน่นอน

 

ช่วงวันหยุดปีใหม่ผมไปปฏิบัติธรรมและไปเป็นที่ปรึกษางานเตา

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f37.jpg">
ช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2557 - 2558 ผมได้รับเชิญให้ไปพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขาค้อ ผมออกมาเดินจงกรมตอนตี 2 ถึงตี 5 สงบและเดินได้ดี ไม่มีอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งปกติผมเป็นน้ำในหูไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ดีมาก ภาพนี้ถ่ายลานจงกรมในอาคารหน้าห้องที่ผมพักตอนประมาณตี 2

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f38.jpg">
ตอนแรกว่าจะเดินจงกรมที่ลานนอกอาคาร แต่ทนอากาศหนาวไม่ไหว ขณะนั้นลมแรงมากและอากาศน่าจะอยู่ที่ประมาณ 14 - 15 ํC

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f39.jpg">
ถ่ายลงมาที่ชั้นล่างของบริเวณรีสอร์ท

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f3a.jpg">
ภาพนี้ถ่ายจากชั้นบนสุดของรีสอร์ทถ่ายลงมาด้านล่าง จุดที่เจ้าของที่ดินอนุญาตให้ผมไปปฏิบัติธรรมที่นี่ได้ คือจุดที่อยู่ตรงข้ามบ้านชมภู โดยขณะนี้ยังไม่มีกระต๊อบหรือสาธารณูปโภคใด ๆ แต่มีไฟฟ้าและประปาพร้อมให้ขอใช้ได้ทันที

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f3c.jpg">
ด้านบนสุดของรีสอร์ทมองลงมาที่ห้องพักและลานเดินจงกรมในอาคาร

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f3d.jpg">
ทัศนียภาพมองจากด้านบนรีสอร์ท มองออกไปรอบด้าน

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f3e.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f3f.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f40.jpg">

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f41.jpg">

ยืนอยู่บนถนน ที่ดินที่เจ้าของอนุญาตให้ผมใช้ไปปฏิบัติธรรมได้ทุกเมื่อคือที่มีต้นสนอยู่

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f42.jpg">

ถอยหลังจากจุดที่ดินนั้น มองดูทิวทัศน์ด้านล่างซึ่งเป็นทางเข้ารีสอร์ทแ่ห่งนั้น

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f44.jpg">
เวลาเช้าประมาณ 08.45 น. ผมมาทำหน้าที่ปรึกษางานด้านเตากับท่านเจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอ ซึ่งปัญหาของวัดทุ่งสมอคือเตาเผาศพมีควันทะลักลงมาด้านล่าง ทำให้ผู้คนยืนอยู่บนพื้นดินจะถูกควันไฟ และได้กลิ่นศพอย่างแรงพอสมควร

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f46.jpg">
รูปเมรุหรือเตาเผาศพของวัดทุ่งสมอ ดูจากประตูเตาก็จะเห็นสีดำที่ก็คือกลุ่มควันที่ไม่สามารถออกไปทางปล่องชี้ฟ้าได้หมดได้ทันในเวลาที่ไฟเผา ทำให้กลุ่มควันทะลักตีกลับลงมาภาคพื้นดิน ผู้คนจะได้กลิ่นศพที่กำลังถูกเผา และบางครั้งควันยังอาจถูกผู้คนได้ด้วย

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ดูได้จากปลายปล่องชี้ฟ้า หรือ ที่เราเรียกว่า ทางออกของช่องลมขาออก มันเล็กเกินไปมาก และหากมีนกเข้าไปทำรัง มีเศษวัสดุต่าง ๆ เข้าไปมาก ๆ เนื่องจากนกสามารถเข้าไปทำรังในปล่องได้ด้วย เมื่อวัสดุมีจำนวนมากขึ้น ๆ ลมที่จะออกขาออกนั้น ออกไม่ทันและยิ่งวัสดุปิดทาง ลมหรือในที่นี้คือควันไฟก็จะหวนตีกลับลงมาทะลักประตูเหล็กที่เป็นที่นำศพเข้าเผาได้

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f49.jpg">
ท่านเจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอเมตตานำเดินชมสถานปฏิบัติธรรมด้านหลังของที่ดินวัด

แต่ยังขออนุญาตไม่บอกเบอร์โทรศัพท์ของท่านเจ้าอาวาสเนื่องจากท่านกำลังสอบโทอยู่พอดี หากมีการรบกวนแล้วอาจเป็นการรบกวนการสอบโทของท่าน

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f48.jpg">
ถนนนี้สามารถเข้าสถานปฏิบัติธรรมก็ได้ และเมื่อฉีกออกไปทางขวามือ ไปให้สุดที่ดินของวัดซึ่งไม่เล็ก เป็นสถานที่ที่ท่านเจ้าอาวาสจะให้ช่างของท่านมาสร้างเมรุ หรือ เตาเผาศพชุดใหม่โดยมีงบประมาณพอเพียงแล้ว ยกเว้นแต่หากสร้างไปแล้วเกิดบานปลายถึงตอนนั้นก่อนค่อยอนุญาตให้บอกบุญเพิ่มเติมในส่วนของเมรุ หรือ เตาเผาศพหรืออื่นใดที่เกี่ยวกับเมรุ

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f4b.jpg">
ศาลาปฏิบัติธรรมสร้างเสร็จแล้ว และท่านเจ้าอาวาสต้องการให้ผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงมาปฏิบัติภายในวัดของท่าน ไม่ว่าจะเป็นการมาเช้าเย็นกลับหรือจะมาค้างคืนกี่คืนก็ได้ ลักษณะการปฏิบัติธรรมที่ท่านเจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอแห่งนี้เมตตาบอกผมคือ ไม่จำกัดวิธีหรือแนวทางการปฏิบัติ ท่านสามารถใช้วิธีหรือแนวทางของท่านที่ฝึกมาแล้วได้เลย ทางวัดจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวเพื่อให้อิสระแก่นักปฏิบัติธรรมเต็มที่ นอกจากว่านักปฏิบัติธรรมที่ขอให้พระภิกษุสงฆ์ในวัดของท่านนำการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ท่านจึงจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยการนำให้ ทั้งนี้เพื่อให้อิสระเต็มที่แก่ผู้มาปฏิบัติธรรม

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f4c.jpg">
พระพุทธชินราช แต่ในที่นี้ท่านเจ้าอาวาสเมตตาบอกว่า ใช้พิมพ์ของสมเด็จองค์ปฐม แต่ท่านใดจะกราบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมก็ได้ จะกราบเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ได้ สร้างเสร็จในปี 2557 นี้เอง

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f4d.jpg">
ขณะนี้ทางวัดทุ่งสมอได้ผลิตอิฐตัวหนอนโดยมีช่างของทางวัด มีเครื่องอัด และผลิตตามกำลังเงินซึ่งขณะนี้งบประมาณในส่วนนี้ยังขาดอยู่ แต่ยังไม่ขอบอกบุญด้วยว่าท่านกำลังสอบโทอยู่ หากมีการโทรศัพท์หรือสอบถามต่าง ๆ ก็อาจรบกวนการสอบของท่านได้ ท่านใดที่ต้องการร่วมบุญในส่วนนี้ หรือส่วนต่อเติม สร้างอิฐตัวหนอน ปรับที่ให้ราบ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเฉพาะสถานปฏิบัติธรรมด้านหลัง สามารถไปถวายจตุปัจจัยไว้ได้ที่วัดทุกเมื่อ โดยไปถึงสามารถไปกราบท่านได้ ถวายได้ แต่ขอให้ช่วงเวลาสั้น ๆ หน่อย เพราะท่านจะท่องหนังสือสอบ

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f4e.jpg">
สังเกตุที่โคนต้นไม้ที่เห็นดินสูง ๆ รอบโคนต้น คือการปรับหน้าดินให้เตี้ยลง เพราะด้านขวาของสถานปฏิบัติธรรมสูงกว่าด้านซ้าย ท่านเจ้าอาวาสเมตตาให้ปรับพื้นตามระดับน้ำ เพื่อให้พื้นที่อยู่ในระดับน้ำ ราบเรียบ เพราะหากเดินเอียง ๆ โดยเฉพาะคนแก่คนเฒ่า หรือคนที่มีปัญหาน้ำในหูไม่เท่ากันก็อาจจะเวียนหัวหรือล้มได้ ในส่วนนี้ท่านเจ้าอาวาสเป็นผู้ที่ละเอียดละออ ไม่มีคนขอให้ท่านทำละเอียดถึงขนาดนี้ แต่ท่านทำเอง เพราะต้องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติธรรมจริง ๆ

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f4f.jpg">
สังเกตุโคนต้นไม้ฝั่งด้านซ้ายจะพอดีอยู่แล้ว จึงไม่มีดินสูงให้เห็น

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f50.jpg">
ท่านเจ้าอาวาสเมตตาอธิบายให้ฟังละเอียด ผมจึงทราบ เพราะไม่เช่นนั้นผมคงมองข้าม ๆ ไป นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความเมตตาที่ท่านใส่ใจละเอียดละออ ไม่มองข้ามความสำคัญตรงนี้ พื้นที่เมื่อราบเรียบ และมีระดับน้ำดีถูกต้อง ผู้ปฏิบัติจะอยู่ในภาวะที่สัปปายะทีเดียว

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f52.jpg">

ท่านเจ้าอาวาสเมตตาพามาชมสถานที่ที่ท่านเคยพาผมมาดูเมื่อปีก่อน ตอนนั้นท่านยังรวบรวมเงินทำบุญสร้างเมรุยังไม่ครบ ขณะนี้ครบแล้ว แต่ที่ยังไม่ลงมือเพราะ ท่านกำลังสอบโท หากตอนก่อสร้างมีสิ่งมารบกวนท่าน อาจทำให้ท่านถูกรบกวนเกินไป เพราะปัญหาเมรุเป็นปัญหาสำคัญของวัดทุ่งสมอ อันเนื่องมาจากช่างชุดก่อน ๆ นั้นทำปล่องไฟผิดขนาดนั่นเอง

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f53.jpg">

ท่านเจ้าอาวาสชี้บอกแนวรั้วของวัด เมรุห่างจากรั้วหลายสิบเมตร และครั้งนี้ปล่องไฟน่าจะได้รับการเอาใจใส่ บวกกับปล่องไฟที่สูง ควันจะไม่ถูกตีกลับลงมาอีก

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f54.jpg">

ท่านเจ้าอาวาสพาเดินผ่านกุฏิของพระภิกษุสงฆ์ที่ดูแลสถานปฏิบัติธรรม โดยท่านบอกว่า ท่านใดมาถึงมาแจ้งต่อพระภิกษุสงฆ์ที่ดูแลสถานปฏิบัติธรรมนี้ได้เลยว่า ท่านต้องการแบบไหน ? จะให้ดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องเข้ามาเกี่ยว หรือต้องการให้มีคนนำ มาแจ้งกับพระภิกษุรูปนี้ได้เลยที่กุฏิเขตปฏิบัติธรรม ( ต่อไปในอนาคตจะมีพระภิกษุสงฆ์มาอยู่ในเขตปฏิบัติธรรมเพิ่มเติม อาจมี 3 - 4 รูป ดูแลอยู่ทุกทิศ ) ผมกราบเรียนถามว่า ถ้าเช่นนั้นอุบาสิกาจะมาได้หรือไม่ ? ท่านตอบว่า ได้ทั้งสิ้น ทางวัดจะอำนวยความสะดวกทุกประการ

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f55.jpg">

ท่านเจ้าอาวาสเมตตาพาผมไปชมพระแก้วมรกตที่มีคนมาน้อมถวายไว้ที่พระอุโบสถเมื่อไม่นานมานี้ และผู้ถวายกราบเรียนท่านว่าสร้างจากแก้วจริง ๆ และเพื่อให้แน่ใจจึงขอให้ผมซึ่งเป็นช่างหลอมแก้วมาตรวจดูด้วยตนเอง หลังจากกราบพระในพระอุโบสถและได้พิสูจน์ให้ท่านเจ้าอาวาสได้เห็นด้วยตนเองว่า พระแก้วมรกตหน้าตักประมาณ 30 - 34 นิ้วองค์นั้น สร้างมาจากเรซิ่นพลาสติคชนิดหนึ่ง สร้างในลักษณะกลวงที่ลำตัวภายใน แขนและขาสร้างแบบตัน ไม่ใช่แก้วจริง ๆ แก้วแท้ ๆ ที่หลอมจากทรายทะเลแน่นอน

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/16f56.jpg">
เมื่อออกมาจากพระอุโบสถ อากาศยังหนาวเย็นอยู่ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 17 - 18 ํC ลมก็ยังแรงอยู่ ผมกราบเรียนท่านถึงเรื่องเตา anagama ที่ผมกำลังเขียนอยู่ในเวปพลังจิต ท่านบอกว่า หากสร้างพระแก้วจริง ๆ ได้ไม่ยากนัก ไม่ใช่การอบลดอุณหภูมิกันยาวนานเป็นเดือน ๆ คิดว่าคงมีคนอยากสร้างพระแก้วแท้ ๆ ที่หลอมจากทรายทะเล เพื่อให้ได้พระแก้วแท้ ๆ ขึ้นมาบนโลก ผมกราบเรียนท่านว่า ขอให้ติดตามกระทู้สร้างพระแก้วด้วยเตาอบต่อไป พร้อมกันนั้นผมได้กราบลาท่านเจ้าอาวาสกลับที่พัก

 

หนึ่งในข้อสนทนาที่ผมกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสคือ เตาเมรุก็สามารถสร้างพระแก้วได้ ใครจะรู้ว่าพระแก้วองค์ไหนสร้างมาจากเตาไหน ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า ติดตรงเรื่องเวลาที่ยาวนานขนาดนั้น ถ้าสั้น ๆ อบจบภายในวันเดียวหรือสองวันก็คงมีคนอยากทำอยากสร้างมากขึ้น

ผมไม่ได้ตอบท่าน

หลังจากกลับมาแล้ว ผมมาเขียนต่อไปว่า ขอให้ติดตามอ่านต่อไปครับทุก ๆ ท่าน ผมพยายามจะให้ง่ายขึ้น ง่ายจนกระทั่งว่า ถ้าท่านไม่ติดตรงที่ต้องเอาตัน ๆ ได้ งานแก้วก็ไม่ยาก เช่นองค์พระแก้วหน้าตักถึงแม้ว่าจะกี่นิ้วก็ตาม จะ 34 นิ้ว หรือหน้าตัก 4 ศอก หรือมากกว่าก็ตาม ขอเพียงเงื่อนไขเดียวคือไม่ตัน ๆ ขอให้เนื้อแก้วหนาไม่เกินครึ่งนิ้วถึง 1 นิ้ว งานก็จะง่ายจนทำได้แทบทุกวัด ทุก ๆ วัดมีเตาอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนเลย แต่กลับมีของดีอยู่กับตัวแล้วครับ

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17269.jpg">

ศูนย์ความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีแก้วคณะวิทยาศาสตร์ ม. อุบาลราชธานี

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1726a.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1726b.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1726d.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1726e.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1726f.jpg">

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17272.jpg">

 

ที่อุบลราชธานีมีการสร้างพระแก้วจากทรายทะเลขาว ในภาพเป็นการเก็บตัวอย่างทรายจากหาดแม่รำพึง ระยอง และยังมีตัวอย่างทรายจากเวียตนาม ทรายจากที่อื่น ๆ

นี่เป็นแบบวิชาการ เป็นการวิจัย ต้องมีผลการวิจัยมากมาย ก็ถูกต้องดีครับ และผลงานพระพุทธรูปแก้วที่หลอมหล่อมาจากทรายทะเลขาวนี้นั้น ถือว่าเป็นการหลอมที่น่านับถือครับ ดีกว่าหลาย ๆ คนที่ไม่ยอมทำอะไรเลย อย่างที่หลวงปู่วิริยังค์ถามผมครั้งแรกที่ผมเข้ากราบท่านเพื่อน้อมถวายพระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วกลวง คำถามแรกท่านไม่ได้ถามผมว่า เธอชื่ออะไร ? หรือเธอมาทำไม ? แต่คำถามแรกเลยคือ " กว่าจะยอมสร้างน่ะ พ.ศ. เท่าไร ? "

ผมไม่ยอมสร้างตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่ผมเริ่มมีความรู้พอจะสร้างได้ตั้งแต่ พ.ศ. 2516 แต่มาเริ่มสร้าง พ.ศ. 2547 หรือ 2548 คือกว่าจะยอมสร้างก็ผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1727c.jpg">

คราวนี้มาดูที่กรุงโตเกียวนะครับ ที่สถาบันแก้วแห่งชาติ

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1727d.jpg">

มีการแข่งขันช่างแก้วของญี่ปุ่น โดยมีพิธีกรชื่อดัง

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17283.jpg">

อย่างช่างแก้วโคโนะ จากฮ๊อกไกโด

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17285.jpg">

อย่างแก้วลายตาข่ายนี่ ผมยอมรับว่า ผมยังไม่รู้วิธีการทำให้แก้วเป็นอย่างนี้

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17286.jpg">

แต่แก้วตุ๊กตาหิมะ ลายแก้วแบบนี้ผมทำเป็นตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ด้วยการค้นคว้าและทดลองทำด้วยทีมงานช่างแก้วของผมจนกว่าจะเป็น และภายในปีเดียวกันนั้นเอง ผมให้โอกาสช่างทุกชุดให้ทำเป็นทั้งหมดทุกทีม ประมาณว่า 6 ทีม*ทำเป็น 5 ทีม แต่ที่ทำได้สวยที่สุดมีทีมเดียว ปานกลางค่อนข้างเก่งอีก 3 ทีม และที่ปานกลางค่อนข้างธรรมดา ๆ อีก 2 ทีม

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/17287.jpg">
แต่ดูเหมือนช่างแก้วโคโนะนี่เขารวบทั้งหมดไว้ที่ตัวเขาคนเดียว ซึ่งหัวหน้าทีมทุกทีมต้องทำอย่างช่างแก้วโคโนะนี้เป็น คือทำได้ สรุปก็คือแก้วลายหิมะนี้ผมและทีมทำเป็นตั้งแต่ปี 2517

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1728a.jpg">
ทางรายการโทรทัศน์พิมพ์ว่า อบลมเย็นกว่า 10 ชั่วโมง ผมยืนยันว่า คำว่า " อบลมเย็น " นั้น น่าจะเข้าใจศัพท์ผิดพลาด ไม่มีหรอกครับที่แก้วจะไปอบลมเย็น เพียงแต่ความหมายคือ การอบลดอุณหภูมิจาก 450 ํC ลงมาให้ถึง 21 ํC เขาอาจเรียกว่า คูลดาวน์ คนไม่เข้าใจเลยนึกไปว่าอบลมเย็น


* = ทีมเป่าแก้วด้วยปอดในสมัยนั้น แต่ละทีมจะมีช่างลูกโป่งเล็กหลายคน ค่อย ๆ เป่าจนลูกโป่งใหญ่ก่อนการเข้าสู่แม่พิมพ์ คนสุดท้ายคือช่างเป่าแก้วด้วยปอด เท่ากับว่าในแต่ละทีมจะมีคนมีโอกาสได้ฝึกทำแก้วลายนี้เพียงคนเดียว

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1728b.jpg">
ช่างแก้วหญิงโนกุจิก็เก่งมากครับ

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1728c.jpg">
โนกุจินำแผ่นทองคำเปลวยักษ์ประมาณ 6 นิ้วคูณ 6 นิ้ว หรือบางครั้งในอิตาลีเขาอาจมีขนาด 12 นิ้วคูณ 12 นิ้ว นำมาติดผิวแก้วได้แบบนี้ ผมยอมรับว่าในปี 2517 ผมยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/1728e.jpg">

 

<img border="1" bordercolor="#cccccc" src="http://www.picsiam.com/img/173ab.jpg">
วกกลับเข้ามาถึงเรื่องการอบลดอุณหภูมิ การอ่านว่าชิ้นงานมีความหนาเท่าใดสำคัญที่สุด อย่างองค์นี้คือพระสังกัจจายน์ที่มีหน้าตักประมาณ 8 นิ้วเศษนิดหน่อย การอ่านโจทย์ขององค์นี้คือ ต้องการว่ามีค่าความหนา Thickness 9 นิ้ว ซึ่งหากเชื่อตามหลักวิชาการที่เคร่งครัดที่สุดของฝรั่งแห่งหนึ่ง ชิ้นงานนี้ต้องใช้เวลาอบนานถึงประมาณมากกว่า 35 วันนับตั้งแต่อุณหภูมิชิ้นงานลงมาถึง 430 ํC ซึ่งนั่นหมายความว่า ในช่วงที่แก้วเขาลงมาจาก 1,400 ํC ลงมากว่าจะถึง 430 ํC นั้น อาจยังมีอีกหลายชั่วโมง

สรุปว่าถ้าตามหลักวิชาการที่บอกว่า 35 วัน 35 คืนนั้น อาจต้องใช้เวลาอบจริงนานกว่า 40 วัน 40 คืนก็เป็นไปได้นะครับ

แต่เชื่อหรือไม่ ? แทบทุกโรงงานบนโลกนี้ ไม่ปฏิบัติตามครับ

 

การวิจัยว่าทรายที่ใดมีลักษณะอย่างใด ? เมื่อใช้งานจริงคือหลอมจริง จะมีปฏิกิริยาอย่างใด ? เช่นเข้ากับเคมีตัวใดได้ดีนั้น ถือเป็นงานวิจัยที่สำคัญ ในส่วนนี้คือการเลือกใช้ทรายทะเลขาวนั้น แทบทุกประเทศทั่วโลกที่มีแหล่งทรายทะเลขาว เขาทำกันในเชิงพาณิชย์อยู่เป็นปกติ คือเราไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อหาเก็บทรายด้วยตนเอง มีบริษัทสัมปทานขายทรายทะเลขาวอยู่แล้ว ทุก ๆ วันจะมีการซื้อขายด้วยการให้รถสิบล้อบ้าง สิบแปดล้อบ้างส่งทรายไปถึงโรงงานแก้ววันละหลายร้อยตันอยู่แล้ว ทรายที่บริษัทสัมปทานนำมาขายนั้น ทุกโรงงานจะนำไปผสมเคมีภัณฑ์เพื่อหลอมเป็นแก้วได้ ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือการเข้าไปในโรงงานแก้ว ขอซื้อทรายที่ผสมเคมีเสร็จแล้วของเขามาทำการหลอม โดยคุณสามารถดูจากชิ้นงานที่โรงงานนั้นผลิตอยู่ ดูแค่ชิ้นงานตรงนั้นก็รู้ได้เลยว่า เราควรซื้อทรายพร้อมเคมีผสมเสร็จของเขาหรือไม่ ? และผมเชื่อว่าแทบทุกโรงงานยินดีหากเรานำมาสร้างพระพุทธรูปซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเคารพบูชาครับ

ยกตัวอย่างด้านล่างนี้ หากคุณเห็นผลิตภัณฑ์แก้วของเขาเป็นสีนี้ ทรายที่ผสมเคมีเสร็จของเขาเมื่อเราหลอมเสร็จก็จะได้ชิ้นงานสีนี้เหมือนกัน

 

อย่างองค์พระพุทธรูปแก้วกลวงเป่าด้วยปอดหน้าตัก 9 นิ้วองค์นี้ ผมเลือกใช้ทรายทะเลขาว กับทีมเป่าของโรงงานแก้วเจษฏา ซึ่งถือได้ว่า เป็นแก้วโซดาไลม์ที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวในยุคนั้นในปีนั้น การอบผมเลือกใช้เตาอบแบบอุโมงค์ ถึงแม้ความหนาของแก้วจะเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ผมก็เลือกใช้เตาและใช้เวลาการอบนานถึง 26 ชั่วโมงเศษ ซึ่งถือว่าสูงกว่าระดับมาตราฐานทั่วไป

ที่เห็นแก้วเหลืองนั้นเพราะแสงจากหลอดไฟผมเลือกใช้หลอมวอร์มนะครับ ตัวแก้วนั้นใสครับ

 

องค์นี้เป็นแก้วคริสตัลสูตรพิเศษของ Baccarat เนื้อแก้วตัน ๆ หน้าตักประมาณ 8 นิ้วเศษ ราคาหลายแสนบาทในสมัยนั้น สมัยนี้ไม่สร้างแล้ว เฉพาะช่วงเวลาการหลอมก่อนขึ้นรูปได้ยินมาว่า เขาเลือกใช้เวลาการหลอมนานถึง 40 กว่าชั่วโมง ยังไม่ต้องพูดถึงการลดอุณหภูมิหลังขึ้นรูปแล้วนะครับ

สภาพของแสงทำให้เห็นเนื้อแก้วยังไม่เด่นนัก

แก้วคริสตัลสูตรพิเศษของ Baccarat ได้รับการยกย่องจากนักหลอมแก้วทั่วโลกครับ