WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ตลิ่งเจ้าพระยาทรุด!! 2 จุดที่ชัยนาท จนท.เร่งซ่อม



ผู้ว่าฯ ชัยนาท สั่งให้ ปภ.เร่งซ่อมริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณ ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ ทรุดตัวเป็นระยะยาว 10 เมตร ลึก 5 เมตร และ ต.วัดโคก ทรุดตัวลงลึก 5 เมตร ยาว 5 เมตร...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ก.ย. นายจำลอง โพธิ์สุข ผวจ.ชัยนาท นายอดุลย์รัตน์ องอาจยุทธ นายอำเภอมโนรมย์ และนายปรีชา ทองคำ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ชัยนาท เดินทางไปดูตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา อ.มโนรมย์ ที่หมู่ 1 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ ซึ่งทรุดตัวเป็นระยะยาว 10 เมตร ลึก 5 เมตร และที่หมู่ 1 ต.วัดโคก ทรุดตัวลงลึก 5 เมตร ยาว 5 เมตร

ทั้งนี้ สาเหตุเกิดจากน้ำที่ไหลมาจากทางนครสวรรค์ลดระดับลงเร็วจึงทำให้ดินใต้น้ำทรุดตัวลงกะทันหัน ซึ่งทางผู้ว่าฯ ชัยนาท ได้สั่งการให้ทาง ปภ.ชัยนาท และ อ.มโนรมย์เร่งซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

ส่วนการระบายน้ำทางท้ายเขื่อนขณะนี้ 1,798 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สำหรับพื้นที่การเกษตร อ.วัดสิงห์ อ.หันคา อ.หนองมะโมง ที่ได้รับความเสียหาย รวม 2,000 ไร่ บ้านเรือน 1,000 ที่ถูกน้ำไหลบ่ามาทาง จ.อุทัยธานีท่วมขังนั้น ในเบื้องต้นทางจังหวัดก็ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือแล้ว ส่วนบ้านเรือนก็ให้อพยพไปอยู่ในที่สูง นอกจากนี้ ทาง จ.ชัยนาทได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจทีี่่ศาลากลางไว้คอยควบคุมสั่งการ และรายงานบริหารจัดการเกี่ยวกับอุทกภัยไว้ตลอด 24 ชม.

โดย: ทีมข่าวภูมิภาค

12 กันยายน 2555, 15:20 น.

 

สมุทรปราการ-ถนนสุขสวัสดิ์-บ้านแหลม ทรุดตัว




วันพุธ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555


เจ้าของบ้านอำเภอพระสมุทรเจดีย์ แจ้งว่าบ้านทรุดตัว ขณะที่ถนนสุขสวัสดิ์-บ้านแหลม บริเวณข้างบ้านทรุดเป็นโพรงลึกด้วยเช่นกัน ลูกชายเคยเดินตกลงไปได้รับบาดเจ็บสาหัส วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยด่วน

เมื่อเวลา 00.30 น.(12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามี บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 6 ถนนสุขสวัสดิ์-วัดแหลม ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวโดยบริเวณหน้าบ้านยุบตัวไปประมาณ 30 ซม. และมีน้ำทะลักจากใต้ดินขึ้นมาตลอดเวลา นอกจากนี้ยังพบฟุตบาทข้างถนนสุขสัขสวัสดิ์วัดแหลม ยุบตัวลงไปลึกประมาณ 2 เมตร ยาว 3 เมตร

นางสายทอง คำศิริ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้าน บอกว่า ก่อนหน้านี้ได้สังเกตบริเวณใต้ถุนหน้าบ้านมีน้ำทะลักอออกมา ตอนแรกคิดว่าท่อประปาแตก จึงแจ้งไปยังการประปานครหลวงให้มาตรวจสอบ จนกระทั่งเมื่อ วันศุกร์ที่ 7 ก.ย. เจ้าหน้าที่บอกว่า สาเหตุเกิดน้ำทะลักออกมาอาจจะเป็นน้ำจากโรงงานฝั่งตรงข้ามก็เป็นได้ หลังจากเจ้าหน้าที่กลับไปพบว่า น้ำได้ทะลักอย่างรุนแรงจนเป็นวงกว้างทำให้บ้านของตนเกิดการทรุดตัวไปประมาณ 30 ซม. ขณะที่ฟุตบาทเกิดเป็นโพรงและยุบตัวลึกเกรงว่าจะเกิดอันตราย เพราะก่อนหน้านี้ บุตรชายอายุ 14 ปี ได้เดินตกลงไปในหลุมดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ จึงได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. พระสมุทรเจดีย์ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเรียกร้องความเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมารับผิดชอบต่อเหตุเกิดการณ์ดังกล่าวต่อไป

 

นักวิทย์แจง “กลิ่นไข่เน่า” ในแคลิฟอร์เนียเกิดจากทะเลสาบ-ไม่ใช่สัญญาณเตือน “แผ่นดินไหว”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2555 12:11 น.



ซอลตัน ซี (Salton Sea) ทะเลสาบน้ำเค็มซึ่งตั้งอยู่เหนือรอยเลื่อน ซาน แอนเดรียส ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย

เอเจนซีส์ - กลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่าที่ฟุ้งกระจายบริเวณตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา เกิดจากซากปลาตายหรือปฏิกิริยาเคมีของสาหร่ายในทะเลสาบแห่งหนึ่ง ไม่ใช่สัญญาณเตือนแผ่นดินไหวอย่างที่หลายคนหวาดเกรง ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯเผย วานนี้(11)

วันจันทร์ที่ผ่านมา(10) ทางการแคลิฟอร์เนียได้รับแจ้งจากประชาชนหลายร้อยคนที่ได้กลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถันฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้างกว่า 150 ไมล์ ซึ่งก่อให้เกิดข่าวลือแพร่สะพัดในโลกอินเทอร์เน็ตว่า กลิ่นดังกล่าวอาจเกิดจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ และเป็นสัญญาณเตือนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตาม สำนักงานจัดการคุณภาพอากาศประจำชายฝั่งตอนใต้ (South Coast Air Quality Management District) ยืนยันว่า ต้นตอของกลิ่นเหม็นมาจากทะเลสาบ ซอลตัน ซี ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากเมืองซานดิเอโกไปทางตะวันออกราว 2 ชั่วโมงรถยนต์

“เราพบหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่า ทะเลสาบ ซอลตัน ซี คือที่มาของกลิ่นเหม็นที่แพร่กระจายไปทั่ว” แบร์รี วอลเลอร์สไตน์ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน กล่าว

เขาอธิบายว่า ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ “ซึ่งเกิดจากกระบวนการย่อยสลายอินทรียวัตถุดังเช่นที่เกิดในทะเลสาบ ซอลตันซี มีกลิ่นไม่ต่างจากไข่เน่าเลย”

ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานแห่งนี้เชื่อว่า “กระแสลมคงจะทำให้น้ำก้นทะเลสาบซึ่งเต็มไปด้วยแบคทีเรียและมีกลิ่นเหม็น ลอยขึ้นมาด้านบน”

“แม้ระดับความเข้มข้นของไฮโดรเจนซัลไฟด์ในทะเลสาบ ซอลตัน ซี จะสูงผิดปกติ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายรุนแรงต่อสุขภาพของมนุษย์”

ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวในรัฐแคลิฟอร์เนียเริ่มเป็นที่กล่าวถึงบ่อยครั้งในช่วงนี้ หลังจากที่เกิด “แผ่นดินไหวกลุ่ม” ขนาดกลางเขย่าตอนใต้ของรัฐหลายร้อยระลอกเมื่อปลายเดือนสิงหาคม โดยมีจุดศูนย์กลางที่ เบเวอร์ลีย์ ฮิลส์ ถึง 2 ครั้ง



แผ่นดินไหวกลุ่มที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา

 

เครื่องบินเล็กตกในเขตฟาร์อีสต์รัสเซีย ผู้โดยสาร-ลูกเรือดับ 10 รอด 4

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2555 14:05 น.



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่กระทรวงฉุกเฉินเผย เกิดเหตุเครื่องบินขนาดเล็กตกในเขตตะวันออกไกลของรัสเซีย วันนี้ (12) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน

เครื่องบินโดยสารอัน-28 ลงจอดฉุกเฉินในเขตคัมชัตกาของรัสเซีย แต่ตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง หลังเที่ยงวัน ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 7.00 น.ตามเวลาของไทย โฆษกหญิงของกระทรวงฉุกเฉินในเขตฟาร์อีสเทิร์นเผย

เธอกล่าวว่า มีผู้ที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวรวม 14 คน เป็นลูกเรือ 2 คน โดยในจำนวนนั้นเสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บ 4 คน โดยเสริมว่าผู้รอดชีวิตถูกนำตัวไปรับการรักษาในเมืองปาลานา

กระทรวงฉุกเฉินรายงานว่า เครื่องบินเครื่องยนต์คู่ลำนี้ออกเดินทางจากเมืองเปโตรปาฟลอฟสก์-คัมชัตสกีเพื่อเดินทางไปยังเมืองปาลานา ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลโอคอตสก์ แต่การสื่อสารเกิดล่มในช่วงเวลา 12.28 น.

กระทรวงดังกล่าวยังเสริมว่า ในจำนวนเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นลูกเรือทั้ง 2 คน และเด็ก 1 คน ส่วนเครื่องบินนั้นได้รับความเสียหายพอสมควร ขณะที่คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียได้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจมีการละเมิดกฏหมายการขนส่งด้วย

ทั้งนี้ ตามตารางของสนามบินในเมืองเปโตรปาฟลอฟสก์-คัมชัตสกี เที่ยวบินไปยังเมืองปาลานาในแต่ละวันดำเนินการโดยบริษัท FGUPKAP ซึ่งเป็นของรัฐ โดยสาเหตุที่เครื่องบินตกนั้นก็ยังไม่มีการประกาศ ขณะที่พยากรณ์อากาศระบุว่าท้องฟ้ามีเมฆครึ้ม และฝนตกในพื้นที่ดังกล่าว

รัสเซียมีประวัติความปลอดภัยด้านการบินที่ไม่ดีนัก โดยเครื่องบินขนาดเล็กมีอายุการใช้งานมานาน ซึ่งให้บริการอยู่ในเขตไซบีเรีย และฟาร์อีสต์นั้นมักต้องลงจอดฉุกเฉินอยู่เป็นประจำ

 

อุตุฯประกาศเตือนทุกภาค 13-17 ก.ย.ฝนตกหนักถึงหนักมาก



กรมอุตุฯ ประกาศเตือนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วงวันที่ 13-17 ก.ย. รวมถึงพายุ "ซันปา" เคลื่อนตัวใกล้เกาะไต้หวัน...

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง "ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 12 ก.ย. 2555 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 13-17 ก.ย. 2555 ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวและติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ อย่างใกล้ชิดในระยะนี้

อนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พายุโซนร้อน "ซันปา"(SANBA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 12.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 131.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปใกล้บริเวณเกาะไต้หวันในระยะต่อไป.

โดย: ไทยรัฐออนไลน์

12 กันยายน 2555, 15:39 น.

 

เอาชัวร์!! ดอนเมืองเร่งสร้าง กำแพงกันน้ำท่วม สูงกว่า 3 เมตร

เขียนโดย NaiNat โพสต์เมื่อ วันพุธที่ 12 กันยายน 2555



ผู้รับเหมาเร่งสร้างกำเเพงป้องกันน้ำท่วมรอบ ๆ สนามบินดอนเมือง ตามมาตรการป้องกันน้ำท่วมของสนามบินดอนเมือง บริษัทท่าอากาศยานไทยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
โดยแนวกำเเพงป้องกันน้ำท่วมสร้างขึ้นตลอดแนวถนนวิภาวดีรังสิต จากด้านทิศเหนือ ไปจนถึงสนามทดสอบกำลังใจของกองทัพอากาศ ความสูง 3 เมตร 85 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้งบประมาณกว่า 130 ล้านบาท
ว่าที่ร้อยโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ ทอท. ระบุด้วยว่า ได้ประสานไปยังกองทัพอากาศ เตรียมสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราวตลอดแนวรั้ว และกำแพงรอบท่าอากาศยานดอนเมืองระยะทางเกือบ 14 กิโลเมตร พร้อมกับปรับปรุงโรงสูบระบายน้ำ 12 แห่ง เพิ่มเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง และขุดลอกคูคลอง เพิ่มพื้นที่รับน้ำโดยรอบ ตลอดแนวถนนธูปะเตมีย์ ถนนวิภาวดีรังสิตและถนนเทวฤทธิ์พันลึก
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก ทีวีไทย
Mthai News



ภาพน้ำท่วมสนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2554
แท็ก : ดอนเมือง, น้ำท่วม 2555, สนามบินดอนเมือง
ติดต่อทีมข่าว : news@mthai.com

 

เยาวราช ติด 1 ใน 9 เมืองไชน่าทาวน์ที่ดีที่สุดในโลก

เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันพุธที่ 12 กันยายน 2555 เนื้อหานี้อยู่ในหมวด ข่าวต่างประเทศ, ข่าวเด่นประจำวัน



MThai News: เว็บไซต์ Cnngo รายงาน 9 เมืองที่มีย่าน ไชน่าทาวน์ (China Town) ย่านที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากที่ดีที่สุดในโลก
Cnngo ระบุว่าไม่ว่า ชาวจีนจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองไหน ของประเทศใด ชาวจีนจะสร้าง 3 สิ่งต่อไปนี้ให้เกิดขึ้น นั่นก็คือ ประเพณีตรุษจีน, การค้าและ แหล่งของกินอร่อยๆ
ทั้งนี้ ย่านเยาวราช หรือไชน่าทาวน์ในกรุงเทพฯ ของไทยก็ติดอันดับด้วย Cnngo ระบุว่า ช่วงกลางคืนของเยาวราช นั้นคึกคักเหมือนกับเกาะฮ่องกงในช่วงปี 1960 ที่เต็มไปด้วยร้านค้าข้างทางจำนวนมาก ระยิบระยับด้วยแสงทองอร่ามจากร้านค้าทอง แต่แฝงไปด้วยเรื่องราวด้านศาสนา ความเชื่อและวัฒนธรรม
ย่านเยาวราชเป็นเช่นนี้มานานกว่า 200ปี หลังจากที่ชุมชนชาวจีนย้ายจากบริเวณที่เป็นพระบรมมหาราชวังในปัจจุบันไปตั้งรกราก ณ ยาวราชในปัจจุบันนี้ โดยมีสถานที่แนะนำ คือ วัดไตรมิตร และภัตตาคารยิ้มยิ้ม เจ้าของปัจจุบันเป็นทายาทชาวจีนเชื้อสายแต้จิ๋วรุ่นที่ 4 มีเมนูแนะนำคือ ก้ามปู, ซุปไก่, และคัสตาร์ดมันเทศ
สำหรับเมืองที่มีย่านไชน่าทาว์น ที่ Cnngo ระบุว่ามีดังนี้

1. เมืองฮาวาน่า ประเทศคิวบา
2. เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย
3. ย่านเยาวราช กรุงเทพ ประเทศไทย
4. กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
5. เมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟิกาใต้
6. เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
7. เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
8. รัฐซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
9. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
Mthai News

 

วันที่ 10 กันยายน เวลา 19:24 UTC เกิดพายุสุริยะมวลขนาดใหญ่ ทางทิศใต้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าพลังงานจะเดินทางมาถึงโลกเป็นบางส่วนในวันที่ 14-15 กันยายน




จับตาการเรียงตัวของดาวเคราะห์ช่วงเดือน กันยายน คศ 2012 : update 12 กันยายน 0:11 UTC | Truth4Thai.org

 

แผนผังแสดงจุดที่เกิดพายุหมุนเขตร้อนในโลก ณ เวลานี้

 

พิษณุโลกน้ำท่วมขยายวงกว้าง โรงเรียนเตรียมรับมือ


เมื่อวันที่ 12 กันยายน สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการเร่งระบายน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่จังหวัดสุโขทัย ขณะนี้เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ล่าสุด โรงเรียนวัดเมมสุวรรณาราม ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม ได้มีน้ำหลากเข้าท่วมบริเวณสนาม และถนนภายในโรงเรียนแล้ว

นายวัชรินทร์ ทับทองหลาง ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้คณะครู คอยเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเย็นวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีน้ำที่ล้นจากคลองเมม หรือแม่น้ำยมสายเก่า หลากทุ่งเข้ามาท่วมในบริเวณโรงเรียน และระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กว่า 20 เซนติเมตร และน้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณโดยรอบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จนต้องให้ผู้ปกครองมารับเด็กกลับบ้าน และสั่งปิดเรียนอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ส่วนนักเรียนชั้นประถมศึกษา ยังสามารถเปิดให้มีการเรียนการสอนได้ตามปกติ และคาดว่า ใน 1 - 2 วันนี้ ระดับน้ำที่ท่วมในบริเวณจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร ซึ่งทางโรงเรียนได้เตรียมประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอยืมเรือมาใช้รับส่งนักเรียนในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว

นายสุชาติ ดิเรกวัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 กล่าวว่า ทางสำนักงานเขตพื้นที่ ฯ ได้สำรวจโรงเรียนที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัย เบื้องต้นได้สั่งการไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ให้รายงานสถานการณ์เป็นระยะ ๆ พร้อมทั้งให้ดำเนินการด้านการจัดเก็บเอกสารสำคัญ รวมทั้ง อุปกรณ์การเรียนที่อาจได้รับความเสียหาย โดยให้จัดเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ส่วนเรื่องการสั่งปิดเรียน ให้อยู่ในดุลยพินิจ ของผู้อำนวยการโรงเรียน

 

thaipbs

 

<TABLE style="FILTER: progidXImageTransform.Microsoft.Gradient(startColorStr=#C0FFFFCC, endColorStr=#10FFFFFF, gradientType=0)" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; BORDER-RIGHT: gray 1px solid" width="100%" colSpan=3 align=middle>[SIZE=+1]ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย" [/SIZE]

ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 12 กันยายน 2555



</TD></TR><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" width="100%" colSpan=3 align=left>ในช่วงวันที่ 13 – 17 กันยายน 2555 ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวและติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดในระยะนี้

อนึ่ง เมื่อเวลา 1600 น. วันนี้ (12 ก.ย. 55) พายุโซนร้อน “ซันปา” (SANBA) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 131.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไต้หวันในระยะต่อไป

ประกาศ ณ วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16.30 น.

(ลงชื่อ) สมศรี ฮั่นตระกูล
(นางสาวสมศรี ฮั่นตระกูล)


</TD></TR></TBODY></TABLE>

B5 - War Room Falkman

 

กรมชลฯแจงน้ำท่วมตากไม่ใช่น้ำจากเขื่อน

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ.2555 17:09น.



กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีน้ำท่วม อ.สามเงา จ.ตาก ไม่ได้เกิดจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนกิ่วลม

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า น้ำล้นเขื่อนกิ่วคอหมา ทะลักเข้าแม่น้ำวัง ประกอบกับฝนที่ตกหนักต่อเนื่องที่ภาคเหนือตอนบนกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้เขื่อนกิ่วลม ระบายน้ำออกมา ส่งผลให้เขื่อนกิ่วคอหมา รองรับน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำวังไม่ไหว จนล้นเขื่อนไหลทะลักลงแม่น้ำวัง มีระดับสูงกว่า 6 เมตร และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน อ.สามเงา จ.ตาก เสียหายแล้วนับพันไร่ นั้น ขอชี้แจง ว่า ระยะทางของน้ำจากเขื่อนกิ่วลม ถึง อ.สามเงา จะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน โดยเขื่อนกิ่วลมได้เริ่มพร่องน้ำ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. เป็นต้นมา โดยปัจจุบัน เขื่อนกิ่วลม มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 72 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯ ได้ระบายน้ำอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 105 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำวัง สูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่ง นั้น เกิดจากแม่น้ำวังตอนล่างด้านท้ายเขื่อนกิ่วลม ลงมา มีลำห้วยสาขาจำนวนมาก ประกอบกับมีฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำจากลำห้วยสาขาต่างๆ ไหลลงสู่แม่น้ำวัง ซึ่งน้ำส่วนนี้ไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำดังกล่าว

สำหรับในกรณีที่ได้ระบุว่า เขื่อนกิ่วคอหมา มีน้ำล้นอ่างฯ นั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ช่วงที่ผ่านมา เขื่อนกิ่วคอหมา ซึ่งตั้งอยู่เหนือเขื่อนกิ่วลม ในเขต อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ไม่ได้มีการระบายน้ำลงสู่ลำน้ำวังแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ ยังได้เก็บกักน้ำที่ไหลลงเขื่อนไว้ทั้งหมด เพื่อช่วยควบคุมปริมาณน้ำในลำน้ำวัง ด้านเหนือของเขื่อนกิ่วลม ทำให้เขื่อนกิ่วลม สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันเขื่อนกิ่วคอหมา มีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 95 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุ จึงเรียนชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องมาเพื่อทราบต่อไป

B5 - War Room Falkman

 

ผังภาพจำลองน้ำท่วมสุโขทัย
วงกลมใหญ่สีแดงคือจุดที่น้ำ<WBR></WBR>ลอดกำแพงเข้าท่วมพื้นที่เขต<WBR></WBR>เศรษฐกิจสุโขทัย



น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยทำให้โรงเรียนสถานศึกษาปิดด้วยกัน 5 แห่ง ล่าสุด



ที่มา: Sukhothainews


B5 - War Room Falkman

 

ระดมสูบน้ำวัดไชยวัฒนารามตลอด24 ชม.

วันพุธที่ 12 กันยายน 2555 เวลา 13:58 น.


<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-items -->
<!-- /.images-list-container -->
<!-- /.images-list-wrapper -->
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.นายสหภูมิ ภูมิธฤติรัฐ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาเปิดเผยว่า วันนี้ปริมาณน้ำระบายจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยาด้วยอัตรา 1,798 ลบ.เมตรต่อวินาที ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงทำให้มีระดับน้ำสูงขึ้น 16 เซ็นติเมตร เหลืออีกประมาณ 60 เซ็นติเมตรจะเสมอริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเร่งติดตังบังเกอร์กันน้ำตลอดแนว 129 เมตร และคาดว่าอีกประมาณ 2 วันจะแล้วเสร็จ จึงมั่นใจว่าน้ำจะไม่ล้นแนวบังเกอร์ที่มีความสูง 1.60 เมตร และหากปริมาณน้ำสูงกว่าแนวบังเกอร์ จะตั้งนั่งร้านเสริมกระสอบทรายให้สูงขึ้น ส่วนแนวกำแพงด้านทิศใต้ที่พังลงเมื่อปลายปี 2554 จนน้ำเข้าท่วมวัดไชยวัฒนาราม จะต้องเร่งทำใหม่ตลอดแนว แต่เพิ่งจะหาผู้ประมูลงานได้ ในช่วงนี้คงทำไม่ทัน แต่อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นจะเสริมความแข็งแรงด้วยการใช้ค้ำยันแนวกำแพง ส่วนจุดที่พังจะทำคันดินเสริมให้แน่นหนา

ขณะเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดฝนได้ตกอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง จนทำให้น้ำฝนท่วมขังพื้นผิวสนามหญ้าด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังพระปรางค์ ภายในวัดไชยวัฒนาราม เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำออกตลอด 24 ชั่วโมงและ คาดว่าช่วงเย็นน้ำจะแห้ง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ส่งผลกระทบต่อโบราณสถานแต่อย่างใด.

B5 - War Room Falkman

 

กรมชลฯสรุปน้ำท่วมเร่งระบายน้ำในพื้นที่

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ.2555 17:32น.



กรมชลประทาน สรุปสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือ ยังประสบภัย 5 จังหวัด ภาคกลาง 2 จังหวัด เร่งระบายน้ำ หากฝนหยุดตก จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ในไม่กี่วัน

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน สรุปรายงานสถานการณ์น้ำ ประจำวันที่ 12 ก.ย. ว่า ภาคเหนือ จ.อุตรดิตถ์ สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 55 จ.สุโขทัย เมื่อเวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำแม่น้ำยม ลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณน้ำจากแม่น้ำยม ที่ไหลลอดผ่านใต้พื้นแนวกำแพง ยังไม่สามารถควบคุมได้ และเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย ระดับน้ำสูงเฉลี่ยประมาณ 0.60 - 1.50 ม. เร่งดำเนินการวางกล่อง Gabion บรรจุหินใหญ่ เพื่อยกระดับน้ำให้สูงเท่ากับแม่น้ำยม ลดความแรงของกระแสน้ำ หลังจากนั้น จะทำการสูบน้ำออก จ.พิจิตร เกิดร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านทำให้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลรวมกับน้ำฝนในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สากเหล็ก อ.วังทรายพูน อ.สากทับคล้อ พื้นที่การเกษตรประมาณ 770 ไร่ สถานการณ์มีแนวโน้มลดลงคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 - 2 วันนี้ จ.นครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ สถานการณ์แม่น้ำปิงมีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่เพิ่มขึ้น คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 5 - 6 วัน

ภาคกลาง จ.ชัยนาท ยังคงมีน้ำท่วมจากน้ำไหลล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำนอกเขตพื้นที่ชลประทานใน ระดับน้ำเฉลี่ย 1 ม. สถานการณ์มีแนวโน้มลดลง คาดว่า หากไม่มีฝนตกมาในพื้นที่เพิ่มขึ้นนั้น สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติใน 3 - 4 วัน และ จ.พระนครศรีอยุธยา ยังมีน้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองโผงเผง เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำติดริมตลิ่ง 6 อำเภอ คือ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.บางไทร และ อ.บางปะอิน

B5 - War Room Falkman

 

ปภ.ระนองเตือนเลี่ยงเดินป่า-เล่นน้ำตก และให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 15:51:42 น

นายชวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากสภาวะฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในเขตจังหวัดระนอง ทำให้มีน้ำสะสมอยู่บนภูเขา รวมถึงมีดินอุ้มน้ำจำนวนมากในหลายพื้นที่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดดินเลื่อนไหลและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่ติดเชิงเขาและน้ำตก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการเดินป่าและการลงเล่นน้ำในช่วงระยะนี้ โดยทาง ปภ.ระนองได้ประสานข้อมูลไปยังอุทยานและหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกรวม 7 แห่งคือ น้ำตกหงาว น้ำตกปุญญบาล น้ำตกโตนเพชร น้ำตกบกกราย น้ำตกชุมแสง น้ำตกสุวรรณสิริ และน้ำตกรากลอย ให้แจ้งเตือนหรือสั่งห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตกและเดินป่า รวมถึงยังได้มีการประสานไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาและทางน้ำไหลผ่าน ที่อาจจะเกิดภาวะน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและดินเลื่อนไหลด้วย

นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า ทาง ปภ.ระนองได้ประกาศห้ามลงเล่นน้ำตกนั้น ต้องขอทำความเข้าใจว่า ทาง ปภ.ระนองไม่มีอำนาจหรือหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งห้าม แต่จะเป็นลักษณะของการแจ้งเตือนและส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ เป็นผู้ประกาศเตือนหรือประกาศห้ามลงเล่นน้ำต่อไป

"สำหรับลักษณะอากาศในช่วงนี้ ได้มีคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ในช่วงวันที่ 12-17 กันยายนนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะทำให้พื้นที่จังหวัดระนองมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป 70% ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่งด้วย" นายชวลิตกล่าว


B5 - War Room Falkman